นิพพาน อาบาดัน ความเหมือนและแตกต่าง

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย MUSAFA, 5 สิงหาคม 2020.

  1. MUSAFA

    MUSAFA MUFASA AL-AMYADH

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2017
    โพสต์:
    213
    ค่าพลัง:
    +164
    วันนี้ก็ว่างๆ ไม่รู้จะทำอะไร เลยอยากแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและหรือความเชื่อส่วนบุคคล
    จขกท. เดิมเป็นชาวพุทธ สมัยเรียนมัธยมเรียนโรงเรียนคริสต์(และได้ศึกษาคริสต์) ได้เคยบวชพระมา 15 วัน ก่อนจะสึกออกมาและได้เข้ารับอิสลาม จากการแต่งงาน

    ว่าด้วยนิพพาน ที่ที่ซึ่งมีแต่สุขไร้ทุกข์ปะปน
    ก่อนอื่นขอให้ทำความเข้าใจในเนื้อหากระทู้ก่อนๆที่กระผมได้เคยโพสต์ไว้
    https://pantip.com/topic/40002400 VERSE/ภพ/ภูมิ/อนันตภพ
    https://pantip.com/topic/39920300 ความตาย
    https://pantip.com/topic/39612065 ตกลงโลกเรากลมหรือแบน

    ทีนี้กล่าวถึงนิพพาน หลายๆคนอาจสงสัย ว่าเป็นสภาวะที่เป็นอะไร ยังไง ก่อนอื่น ตามที่ได้ยินได้ฟังมาบ่อยๆ นิพพาน คือสภาวะ สภาวะหนึ่ง ที่ซึ่งมีแต่สุขไร้ทุกข์เจอปน แล้วเกี่ยวกับ อาบาดัน อย่างไร???
    อาบาดัน ก็คือสภาวะ สภาวะหนึ่ง กล่าวคือ เป็นการตายจากโลกเก่า และเข้าสู่โลก(มิติ/ภพ/โลกธาตุ/โลกทัศน์/ความถี่) ต่อไป โดย ผู้ที่อยู่ในสภาวะดังกล่าว มักจะไม่รู้ว่าตัวตาย(ได้หมดเวรหมดกรรมเก่าไปส่วนหนึ่ง) ซึ่ง ไม่รับรู้ว่าตัวเองได้ตาย(จากโลกเก่า)ไปแล้ว(เหมือนตายไม่รู้ตัว) และยังคงดำเนินชีวิตต่อไปตามที่เป็นอยู่(มักเกิดบ่อยในผู้ที่ ฟีซบีลิลลา*ค้นหาเพิ่มเติมเองนะ) โดยร่างเก่า(โลกเก่า)ได้สลัดออกเหมือนคราบของ งู,แมลง โดยที่ดวงจิตยังดำรงค์เดินต่อไป (เข้าใกล้คำว่าอมตะ จะหน้าเหี่ยวหน้าแก่ ขึ้นกับการดูแลตนเอง เช่นดื่มสุราสูบบุหรี่ ไม่ดูแลตัวเอง ก็จะเห็นตัวเองแก่) และดำรงค์ต่อไป สุดแล้วแต่กรรม พบเจอทั้งสุขทุกข์ปะปนกันไปตามชีวิตปกติ #https://pantip.com/topic/40002400 VERSE/ภพ/ภูมิ/อนันตภพ

    ความเหมือนที่แตกต่าง ของ อาบาดัน(อิสลาม) กับ นิพพาน(พุทธ) นั่นคือ นิพพานจะมีแต่สุข สาเหตุล่ะ???
    ก่อนอื่นผู้ที่ต้องการดำรงค์ในสภาวะดังกล่าว จะต้อง รู้จัก ละ ปลง ปล่อยวาง(อุเบกขา) และเข้าใจความเป็นไปของธรรมชาติ(โดยความบริสุทธิ์ทั้งปวงในธรรมชาติ รวมฟิวชั่นกัน ขอเรียกว่า พระธรรม(ชาติ) ซึ่งคุณสมบัติ ตรงกับ อัลลอฮ์ ของอิสลาม และเป็นผู้สร้างกฏแห่งกรรม ภายใต้กฏฟิสิกส์(แปลว่าธรรมชาติ) อย่างกฏพื้นฐานฟิสิกส์ f<=f> :แรงซ้ายเท่ากับแรงขวา ฉันใด กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนอง ก็ฉันนั้น #เพื่อเป็นผู้พิพากษากรรม )
    และ เมื่อเข้าใจ สภาวะ อาบาดันแล้ว(ซึ่งยังมีทุกข์เจือปนอยู่) การจะอาบาดันโดยพบแต่สุข อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่า "จะต้อง รู้จัก ละ ปลง ปล่อยวาง(อุเบกขา) รู้จักที่จะละการสร้างบาปกรรม และเข้าใจความเป็นไปของธรรมชาติ" ก็จะทำให้ห่างไกลจากทุกข์ ในขณะที่ใช้ชีวิต อาบาดัน(คล้ายอมตะ) ซึ่งหากเข้าใจและปฏิบัติตามในจุดนี้ได้ คุณ...ก็จะเข้าใกล้สภาวะ "นิพพาน" (สิ่งที่ใครๆที่รู้จักและเข้าใจ มักจะปรารถนา) ครับผม

    #เนื้อหาสรุปจาก "ปัจจัตตัง" (JOURNEYs ของตนเองหลังจากช่วงเวลาที่ได้อาบาดันมาอย่างยาวนานพอสมควร จนเดินทางมาถึงจุดที่ตัวเองมีตัวตนอีกครั้งใน)
    #เนื้อหาดังกล่าวอาจเข้าข่ายอจินไตย แต่ได้พยายามเรียบเรียงเพื่อให้ผู้อ่านสามารถเข้าใจได้(พยายามที่สุดแล้ว -_-)
    อิสลามถือว่ามุสลีมีน(ผู้นับถืออิสลาม) คือ นักบวชทุกคน โดยเน้นการอยู่ร่วมกันในทางโลกอย่างสันติวิธี(อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข)
    ซึ่งหากเป็นทางพุทธนั้น จะเน้นไปทางการศึกษาทางธรรม ซึ่งมุสลีมีนก็สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ โดยที่ทางอิสลามเอง ก็มีคำสอนหนึ่ง ว่า "หากมีโอกาส จงศึกษาให้กว้างให้มากที่สุด เท่าที่โอกาสเอื้ออำนวย)

    #บทสรุปทางเดินแบบทางลัด ที่ใครๆก็สามารถนำไปปฏิบัติตามได้
    ส่วนตัวผมเองเลือกเดินสายกลางและนำคำสอนและข้อดี ของแต่ละแคลน(ศาสนา,ลัทธิ ;ทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดี) มาประยุกต์ใช้ในชีวิต รวมถึงลัทธิซาตาน https://pantip.com/topic/39877324/comment3 และวางตัวเป็นกลาง เดินควบคู่ไปกับทุกศาสนา พร้อมทั้งพยายามหาข้อมูลศึกษาเพิ่มเติมเท่าที่สะดวก แล้วนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิต แต่หลักๆ(ปัจจุบัน)คือถือ อิสลาม

    พุทธเน้นทางธรรม และการดับทุกข์
    ส่วนอิสลามเน้นการอยู่ทางโลกครับ โดยมีการเมืองการปกครองมาเกี่ยวข้องด้วย
    อัลลอฮ์ = พระธรรม(ชาติ) (*ไม่ได้หมายถึงคำสอน แต่หมายถึงในส่วนจิตวิญญาณบริสุทธิ์ของสรรพสิ่ง ทุกสิ่งทุกอย่าง)
    อิสลามสอน อย่าไหว้พระอิฐพระปูน โดยใช้สัญลักษณ์ อัลลอฮ์ เป็นสื่อกลางแทน ซึ่งของพุทธเอง ก็สอนเหมือนกัน อย่าไหว้พระอิฐพระปูน แต่ให้ระลึกพระธรรมคำสั่งสอนเป็นหลัก หลายๆอย่างเหมือนกันมาก ต่างกันเพียง ภาษาถิ่นที่ใช้เรียกในสิ่งที่เกี่ยวข้องเท่านั้นครับ
    และอย่างที่บอก อิสลาม เน้นการอยู่ร่วมกันทางโลกร่วมกันอย่างสันติ แต่ปัญหาในปัจจุบัน มาจากการบิดเบือนคำสอน ซึ่งเป้าหมายที่เห็นชัดๆ ว่ามาจากการเมืองระหว่างประเทศและภายใน(เมือง)ทั้งนั้น

    พิจารณาอย่างค่อยเป็นค่อยไปครับ
    ขอให้นึกภาพตาม หากท่าน คือ บุคคล ที่ได้ปฏิบัติตามคำสอนอิสลาม,พุทธ,คริสต์
    ที่จะสามารถทำให้อยู่ทางโลกได้พอสมควร

    เช่น
    ทางโลก,สังคม,การเมือง,การบริหารจัดการ(อิสลาม)
    รู้วิธีการดับทุกข์ เจริญสติ ใช้ชีวิตได้ดีขึ้น โดย รู้จักการละและปลง อย่างเหมาะสม(พุทธ)
    และมีความรัก เมตตากรุณา ใจกว้าง รู้รักรู้อภัย ซึ่งกันและกัน(คริสต์)
    (แม้แต่ซาตานก็คือครูที่แจกบททดสอบ(สอบภาคปฏิบัติ)เรื่องจิตใจเช่นกัน)
    การอยู่ร่วมกันอย่างสันติก็จะเกิด
    แน่นอนว่าต้องได้มาจากการเรียนการสอน มีประสบการณ์ชีวิตจากการใช้ชีวิต
    คำสอนที่ดีมีอยู่มากมาย หาเรียนได้ทั่วไปและต้องพึ่งตนเองเป็นหลักเพื่อพาตัวเอง
    เพื่อเข้าสู่กระบวนการดังกล่าว (ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน)
    ศาสดา ก็คือครู ที่สอนวิชาต่างๆ ที่เราเรียนกันในห้องเรียน เปลี่ยนวิชาก็เปลี่ยนครู
    ส่วนจะเป็นคนดีได้แค่ไหนเรียนรู้รับทราบเข้าใจได้แค่ไหน สุดแล้วแต่กระทำตน(ขวนขวายพยายาม)

    * คำแนะนำสำหรับผู้ที่ขาดทักษะการอยู่ทางโลก ควรศึกษาอิสลามควบคู่ไปด้วย
    * และมุสลีมีนที่ต้องการดับทุกข์ ควรหาศึกษาวิธีการจาก พระพุทธศาสนาควบคู่กันได้เช่นกัน
    * และคริสต์นั้น ได้สอนให้เราต่างรู้จักรักและให้อภัยซึ่งกันและกัน(แม้แต่กับคนที่เขาเกลียดเรา)
    เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขสันติสุขครับ

    โดยส่วนตัวนะครับ
    นิพพานก็คือสภาวะการพักผ่อน นิพพานชั่วคราวคือหลับสนิท Quick Charge ไม่ฝันไม่อะไร หลับเต็มตื่นได้เร็ว เสร็จแล้วก็มาสานต่อ
    ลองคิดตามผมดู เอกภพ พหุภพ(อนันตภพ) เกิดขึ้นและดับไปตลอดเวลา ถ้าเทียบเป็นพลังงาน งานและความเป็นไป เข้าขั้นอนันต์
    เมื่อมีทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว เราก็แค่เอามาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ ทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น(ผู้อื่นจะได้รัก จนกลายมาเป็นผีที่คุ้มกันเรา :คนดีผีคุ้ม)
    ต้องตื่น ต้องรู้ จะได้เบิกบาน การเดินทางมีต่อไม่สิ้นสุด ขึ้นอยู่กับตนเองว่าจะเดินเกมส์?อย่างไร ก็จะได้เจออย่างนั้น
    f<=f> กฏพื้นฐานฟิสิกส์(ฟิสิกส์ แปลว่า ธรรมชาติ) ถอดความได้ว่า "กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนอง" เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว สร้างแต่กรรมดีกันดีกว่า จะได้พบเจอแต่กรรมดีที่สะท้อนกลับมา เหนื่อยนักก็พัก หายเหนื่อยก็เดินต่อ
    #พักในนิพพาน
    #เดินสายอาบาดันอย่างเจอแต่สุขต้องใช้กฏแห่งกรรมให้เป็นประโยชน์ สร้างกรรมดีกุศลกรรมให้มากๆ(ทำบุญเพื่อเอาบุญก็ว่าได้) ใช้ทฤษฏี 21วัน ทำจนติดนิสัยอย่างต่อเนื่อง กรรมดีจะค่อยๆสะท้อนกลับมาอย่างต่อเนื่องเอง ^_^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 สิงหาคม 2020

แชร์หน้านี้

Loading...