นอนสวดมนต์หรือนอนสมาธิได้มั๊ยคะ

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย น้องจุ๊บ, 25 กันยายน 2013.

  1. น้องจุ๊บ

    น้องจุ๊บ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    603
    ค่าพลัง:
    +1,303
    ดิฉันอยากทำและอยากทำมานานแล้ว ก็คือการนอนสวดมนต์และนอนสมาธิ แต่ที่ดิฉันทราบว่าไม่มีพ่อแม่ครูบาอาจารย์สายปฏิบัติท่านใดสอนให้นอนสวดมนต์ และจะได้อานิสงส์มากมั๊ย
    ทำงานมาทั้งวัน กลับมาถึงที่พักบางวันจะล้าและเหนื่อยมาก ง่วงนอน อยากจะนอนสวดมนต์ค่ะ พอเราสวดมนต์เสร็จก็ระะลึกพุทธานุสติ นึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้า ธรรมานุสติ การระลึกถึงพระธรรม ที่พระพุทธเจ้าทรงได้ตรัสไว้ดีแล้วแล้ว ระลึกถึงสังฆานุสติ ระลึกถึงพระอริยสงฆ์สาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ระลึกถึงสีลานุสติ ศีลที่บริสุทธิ์ของเรา ระลึกจาคานุสติ สิ่งที่เราได้เสียสละ บริจาค ช่วยเหลือ อานาปานสติ การตั้งสติกำหนดลมหายใจ กำหนดลมหายใจเข้าออกพุทธโธ เสร็จแล้วถึงมาแผ่เมตรา ให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย (นอนพนมมือ)
     
  2. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    บุญกุศล และอานิสงส์ เกิดที่จิต ไม่ได้เกิดที่ท่าทางของร่างกาย

    ท่าทางของร่างกาย เป็นเพียงเครื่องเกื้อหนุน สำหรับผู้ที่จิตยังไม่เข้มแข็ง ให้จิตไม่พบเจอกับความง่วง หรือ นิวรณ์ ที่จะมาขัดขวางการสร้างบุญกุศล

    แต่หากเป็นผู้ที่ฝึกจิตดีแล้ว ย่อมไม่มีปัญหาใดๆ
     
  3. น้องจุ๊บ

    น้องจุ๊บ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    603
    ค่าพลัง:
    +1,303
    กราบขอบพระคุณค่ะ
    ขอเชิญท่านอื่น เข้ามาโพสต์ ให้คำแนะนำเป็นธรรมทานครั้งนี้ด้วยค่ะ
     
  4. ฐสิษฐ์929

    ฐสิษฐ์929 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +1,844
    อาการนอนเป็นสันชาติญาณของสัตว์เดรัชฉาน พระอาจารย์หลวงปู่สอนไว้อย่างนี้ และท่านก็ห้ามลูกศิษย์ปฏิบัติธรรมในท่านอนอย่างเด็ดขาดครับ แต่เมื่อถึงเวลานอนจะนอนปฏิบัติจนหลับท่านก็ไม่ห้าม
    แต่การสวดมนต์นี้ผมก็ยังไม่เคยเห็นใครนอนสวดนะครับ
    ผมคงจะบอกว่าถูกหรือไม่ถูกก็คงไม่ได้ คุณก็นำไปปรับใช้ตามความเหมาะสมก็แล้วกันครับ
    เจริญในธรรมครับ
     
  5. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,129
    นอนสวดมนต์ ยังหาข้อมูลไม่เจอ

    มีแต่นอน ฟังธรรม นอนสมาธิ นอนภาวนา



    ปัญหาการปฏิบัติพระกรรมฐาน
    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง)

    ผู้ถาม:- “เวลานั่งปฏิบัติกรรมฐานตอนกลางคืนนะคะ นั่งไปก็มีความกลัว ไม่ทราบว่าจะแก้ไขอย่างไรคะ…?”

    หลวงพ่อ:- “เราก็บอก ฉันไม่กลัว ๆ ๆ ๆ ๆ”

    ผู้ถาม:- (หัวเราะ)

    หลวงพ่อ:- “เอายังงี้หนู ไอ้เรื่องกลัวนี่เป็นของธรรมดา แต่ก็ต้องระวังนะ มันกลัวมากจริง ๆ เราต้องเลิกเสียก่อนนะ ถ้าประสาทหวั่นไหวมาก มันเสียผลเหมือนกัน วิธีจะให้กลัวน้อย ต้องให้มีคนอยู่ใกล้ ๆ อย่าไปฝืนอยู่นะ รีบเลิกเสีย แล้วก็นอนภาวนาให้หลับไปเลย แค่นี้พอ”


    ผู้ถาม:- “นอนภาวนาได้หรือคะ…?”

    หลวงพ่อ:- “ได้…..ถ้าภาวนาให้หลับไปนี่ได้กำไร ถ้าเราภาวนาอยู่ ถ้าจิตเข้าไม่ถึงฌาน มันจะไม่หลับ พอจิตเข้าถึงฌานปั๊บ มันจะตัดหลับทันที นอนหลับภาวนาสัก ๑ ชั่วโมง มันจะมีความชุ่มชื่นดีกว่านอนหลับไม่ภาวนาหลายชั่วโมง และในช่วงแห่งการหลับ เราถือว่าหลับอยู่ในสมาธิตลอดเวลา เวลาตื่นขึ้นมาจิตจะสบาย

    เวลาที่เราหลับอยู่ในฌาน เราจะสังเกตได้ว่า ถ้าเราตื่นขึ้นมารู้สึกเต็มที่แล้ว นอนอยู่แบบนั้น ต้องบังคับให้มันภาวนา อย่างนี้แสดงว่าขณะหลับเราเข้าถึงฌานหยาบ

    หากพอตื่นขึ้นมา มีความรู้สึกตัวเต็มที่ แล้วมันภาวนาเองแสดงว่า เมื่อหลับเราเข้าถึงฌานอย่างกลาง

    ถ้ารู้สึกตัวครึ่งหลับครึ่งตื่น มันภาวนาของมันเอง แสดงว่าตอนที่หลับเราเข้าถึงฌานละเอียด

    ฉะนั้นการนอนภาวนาให้หลับไปเลย ควรใช้ให้เป็นปกติ การนอนภาวนานี่ถ้ามันจะหลับ อย่าไปดึงมันไว้นะ ถ้าภาวนาถึง “พุท” ไม่ทัน “โธ” มันจะหลับ ปล่อยเลย เพราะการเข้าฌานเราต้องเข้าให้เร็วที่สุด ไม่ต้องการภาวนานาน”


    ผู้ถาม:- “หลวงพ่อคะ เวลานั่งสมาธิ แล้วมีความรู้สึกว่ามีเสียงมากระทบ ทำให้รู้สึกวูบไป”

    หลวงพ่อ:- “ตกใจไหม…?”

    ผู้ถาม:- “ก็ไม่เชิงตกใจค่ะ”

    หลวงพ่อ:- “ฉันก็เคยเจอะเหมือนกัน แต่นั่นถือเป็นเรื่องธรรมดานะ มันซู่มันซ่าก็ช่างมันปะไร”

    ผู้ถาม:- “แล้วจะเป็นอะไรไหมคะ…?”

    หลวงพ่อ:- “ไม่เป็นไรหรอก เวลาจะนั่งกรรมฐาน ต้องคิดไว้เสมอไว้ จะเป็นผีเป็นเทวดานี่เขาเข้าถึงตัวเราไม่ได้ วัดจากตัวเราไปได้ ๑ วารอบ ๆ อย่างเก่งก็มีฤทธิ์ได้แค่นั้น แต่ว่าจิตอยู่ในเกณฑ์ของสมาธิมากหรือน้อยก็ตาม ถ้าเราสมาทานแล้ว คำว่าผีจริง ๆ เข้ามาไม่ได้เลย ที่จะเข้าใกล้เราได้มีพวกเทวดาเท่านั้น นี่จำไว้เลย ถ้าเห็นภาพปรากฏ เป็นคน เป็นอะไรก็ตาม เป็นเทวดาทั้งหมด ผีต่าง ๆ ไม่มีสิทธิ์จะเข้ามา

    แต่ว่าถ้าเจริญกรรมฐาน จิตจะเริ่มเข้าถึงปีติ อันนี้ท้าวมหาราชจะส่งเทวดาเข้าคุมทุกคนนะ ปีตินั้นคือ จิตใจของเรามีความแน่วแน่หรือว่าเราต้องการ เวลาเจริญพระกรรมฐานนี่นะ การทำสมาธิจิตจะแบบไหนก็ตาม ถ้าเรามีความชอบใจ อันนี้เป็นปีติ ตั้งแต่ระยะนี้เป็นต้นไป ท้าวมหาราชจะส่งคนมาคุม กันผีเข้ามารบกวน

    แต่ว่าพวกผีหรือที่เรียกว่าอมนุษย์ ถ้าจะมาทำร้ายเราล่ะ เขาเข้าไม่ได้เลย แต่ว่าถ้าบังเอิญเขาเห็น เรานั่งไปเราก็เห็น ว่ามีคนสักคนหนึ่งลากคอคนหรือรัดมือรัดเท้าลากไป อย่าไปห้ามนะถ้าหากมาเป็นศัตรู เขาก็จัดการทันที

    ถ้ามันจะมาขอส่วนบุญ ถ้าเข้ามาใกล้ แค่มายืนได้แค่วากว่า ๆ ถ้าเราสงสัย เราเห็นเข้า ก็อุทิศส่วนกุศลให้แก รูปร่างหน้าตาแจ่มใส แกก็ไป ไม่มีอะไร ไม่ต้องกลัว”



    ※ หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๒ หน้า ๕๒-๕๕
    พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง)

    ปัญหาการปฏิบัติพระกรรมฐาน(๔) « ศูนย์พุทธศรัทธา


    .
     
  6. Youkai

    Youkai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2013
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +1,683
    ครูบาอาจารย์ท่านเคยสอนไม่ควรนอนสวดมนต์เพราะเป็นการไม่เคารพในพระรัตนตรัย อย่าทำจะดีกว่าค่ะ ฝืนใจลุกมาสวดมนต์สักหน่อยก็ยังดีค่ะ
    นอนภาวนาได้เพราะหลังนั่งสมาธิประจำวัน ตอนนอนดิฉันก็มักจะนอนภาวนาไปเรื่อยจนกว่าจะหลับ(หายใจเข้าพุท หายใจออกโธ) ทำจนเป็นกิจวัตรค่ะ

    ครั้งหนึ่งตอนดิฉันไปเฝ้าไข้คุณแม่ที่โรงพยาบาล ดิฉันก็นอนที่โซฟาแล้วภาวนาแบบปกติ ปรากฏว่าคืนนั้นผีมาหลอกคุณแม่ คุณแม่หันมาจะเรียกให้ดิฉันช่วย ก็เห็นดิฉันนั่งสมาธิหันหลังให้อยู่(ความจริงนอนภาวนาอยู่) และผีก็ไม่มาหลอกดิฉันที่นอนภาวนาอยู่ ดิฉันคิดว่า คงเป็นอานิสงส์จากการนอนภาวนากระมังผีจึงไม่หลอกดิฉันอยู่คนเดียว
     
  7. evatranse

    evatranse เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    182
    ค่าพลัง:
    +571
    หลักการทำสมาธิ



    ภิกษุทั้งหลาย ! ภิกษุเป็นผู้มีปกติพิจารณาเห็นกายในกายอยู่นั้น เป็นอย่างไรเล่า ?
    ภิกษุทั้งหลาย ! ในกรณีนี้ ภิกษุไปแล้วสู่ป่า หรือโคนไม้ หรือเรือนว่างก็ตาม, ย่อมนั่งคู้ขาเข้ามาโดยรอบ (ขัดสมาธิ) ตั้งกายตรง ดำรงสติเฉพาะหน้า,
    เธอเป็นผู้มีสติหายใจเข้า มีสติหายใจออก (๑)
    เมื่อหายใจเข้ายาว ก็รู้ชัดว่า เราหายใจเข้ายาว,
    หรือเมื่อหายใจออกยาว ก็รู้ชัดว่า เราหายใจออกยาว; หรือว่า (๒)
    เมื่อหายใจเข้าสั้น ก็รู้ชัดว่า เราหายใจเข้าสั้น,
    หรือเมื่อหายใจออกสั้น ก็รู้ชัดว่าเราหายใจออกสั้น, (๓)
    เธอย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า เราเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งกายทั้งปวง จักหายใจเข้า,
    เราเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งกายทั้งปวง จักหายใจออก, (๔)
    เธอย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า เราทำกายสังขารให้รำงับ จักหายใจเข้า,
    เราทำกายสังขารให้รำงับ จักหายใจออก,
    เช่นเดียวกับนายช่างกลึง หรือลูกมือของนายช่างกลึงผู้ชำนาญ เมื่อเขาชักเชือกกลึงยาว ก็รู้ชัดว่า เราชักเชือกกลึงยาว, เมื่อชักเชือกกลึงสั้น ก็รู้ชัดว่าเราชักเชือกกลึงสั้น, ฉันใดก็ฉันนั้น. ด้วยอาการอย่างนี้แล ที่
    ภิกษุเป็นผู้มีปกติพิจารณาเห็นกายในกายอันเป็นภายในอยู่บ้าง,
    ในกายอันเป็นภายนอกอยู่บ้าง, ในกายทั้งภายในและภายนอกอยู่บ้าง;
    และเป็นผู้มีปกติพิจารณา เห็นธรรมอันเป็นเหตุเกิดขึ้นในกายอยู่บ้าง,
    เห็นธรรมเป็นเหตุเสื่อมไปในกายอยู่ บ้าง,
    เห็นทั้งธรรมเป็นเหตุเกิดขึ้นและเสื่อมไปในกายอยู่บ้าง, ก็แหละ
    สติว่า “กายมีอยู่” ดังนี้ของเธอนั้น เป็นสติที่เธอดำรงไว้เพียงเพื่อความรู้ เพียงเพื่ออาศัยระลึก, ที่แท้เธอเป็นผู้ที่ตัณหา และทิฏฐิอาศัยไม่ได้ และเธอไม่ยึดมั่นอะไรๆ ในโลกนี้.
    ภิกษุทั้งหลาย ! ภิกษุชื่อว่า เป็นผู้มีปกติพิจารณาเห็นกายในกายอยู่ แม้ด้วยอาการอย่างนี้.

    อานาปานสติ หน้า ๔๕-๔๖
    (ภาษาไทย) มหา. ที. ๑๐/๒๑๖/๒๗๕.
    (ภาษาไทย) มู. ม. ๑๒/๗๓/๑๓๑-๑๓๓.


    1. การสวดมนต์ไหว้พระ บทสวดมนต์ไหว้พระ มีและเกิดขี้นมาอย่างไร มีผลต่อการพัฒนาจิตหรือไม่

    ในสมัยพุทธกาล สาวกของพระองค์จะทรงจำคำของพระองค์และนำมาสาธยายกัน เมื่อมีปัญหาในข้อธรรม ก็จะนำคำที่ตนสาธยาย(สวด)ไปสอบถามพระศาสดาหรือผู้แคล่วคล่องในพุทธวจน(เช่นพระมหากัจจานะ)เพื่อขยายความและในที่สุดก็ให้ไปสอบถามจากพระศาสดาอีกครั้งหนึ่ง เมื่อทรงรับรอง สาวกจึงจะจดจำ และหากได้ยินผู้นำพุทธวจนมากล่าวโดยยืนยันว่าเป็นคำของพระองค์ พระองค์ก็ยังไม่ให้รับรองและคัดค้าน แต่ให้นำมาเทียบกับหลักธรรมหลักวินัย หากเข้ากันได้ ลงความกันได้ จึงจะจดจำไป ดังนั้นสาวกในครั้งพุทธกาล จะสาธยายธรรมของพระศาสดาเท่านั้น แม้พระองค์ปลีกวิเวก ยังทรงสาธยายปฏิจจสมุปบาท และมีสาวกมาแอบฟัง พระองค์ก็ให้ทรงจำไว้ ธรรมปริยายนี้มีประโยชน์เป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์

    ซึ่งสาวกของพระศาสดาผู้มีศรัทธาอย่างหยั่งลงมั่น ก็ได้นำคำของพระองค์มาสาธยายกันสืบต่อไป (หรืออาจจะเรียกว่านำมาสวดกัน) พระองค์ทรงตรัสถึงอานิสงส์ของการสาธยายธรรมของพระศาสดาว่า เป็นไปเพื่อความตั้งมั่นของพระสัทธรรม เป็นอาหารของความเป็นพหูสูต เป็นองค์ประกอบของความเป็นบริษัทที่เลิศ ทำให้ไม่เป็นมลทิล เป็นบริขารของจิตเพื่อความไม่มีเวรไม่เบียดเบียนและเป็นเหตุให้ละความง่วงได้ นอกจากนี้ การสาธยายธรรมเป็นเหตุแห่งการเข้าถึงวิมุตติได้ เมื่อจิตตั้งมั่น โดยการน้อมจิตไปสู่วิเวก วิราคะ นิโรธ และเป็นไปเพื่อความสลัดคืน ดังนี้

    แต่ในปัจจุบัน สาวกของพระองค์ไม่ได้ศึกษาพุทธวจน หันไปศึกษาคำแต่งใหม่ จึงนำคำแต่งใหม่มาสวดกัน เพื่อหวังความเป็นอย่างอื่นอันไม่ได้มีพระศาสดารับรองไว้เลยถึงอานิสงส์การทรงจำคำแต่งใหม่ มีแต่จะทำให้สัทธรรมเสื่อมสูญ

    2. การสวดมนต์ เท่าที่ดูความหมาย เป็นการสรรเสริญพระคุณอันหาประมาณมิได้ของพระพุทธเจ้า
    มีอนิสงส์ต่อผู้สวดอย่างไรหรือไม่ ควรปฏิบัติต่อไปอย่างไร


    มนต์ นั้นเป็นชื่อของวิชาไตรเพศของสมณพราหมณ์เหล่าอื่น พระองค์จะทรงใช้คำว่า สชฺฌายํ แปลว่า สาธยาย บทสรรเสริญคุณของพระศาสดา พระรรม และพระสงฆ์ นั้น เป็นพุทธวจน เป็นส่วนขององค์ธรรมความเป็นพระโสดาบัน หากผู้สาธยายสามารถน้อมนำหลักธรรมที่สาธยายในส่วนนี้ เข้ามาไว้ในตน เป็นผู้มีตนอันธรรมส่งไปแล้ว หยั่งลงมั่นไม่หวั่นไหวในพระศาสดา พระธรรม และพระสงฆ์ พระองค์ทรงตรัสกับพระอานนท์ว่า
    ดูกรอานนท์ มหาภูต ๔ คือ ปฐวีธาตุ ๑ อาโปธาตุ ๑ เตโชธาตุ ๑ วาโยธาตุ ๑ พึงเป็นอย่างอื่นได้ แต่พระอริยสาวกผู้ประกอบด้วยความเลื่อมใสอย่างไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ไม่พึงเป็นอย่างอื่นไปได้เลย นี้ความเป็นอื่นในข้อนั้น ข้อที่พระอริยสาวกผู้ประกอบด้วยความเลื่อมใสอย่างไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้า พระรรม พระสงฆ์ นั้นจักเข้าถึงนรก กำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน หรือเปรตวิสัยนี้ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้

    3. การสาธยายธรรม คำพุทธวจนของพระพุทธเจ้า มีหลักปฏิบัติอย่างไร จึงจะมีอานิสงส์สูงสุด

    การเป็นผู้ได้เข้ามาได้เห็น ได้ฟัง พุทธวจน นั่นเพราะผู้นั้นได้พบสัตบุรุษแล้ว ผู้ได้พบสัตบุรุษย่อมได้ยินพระสัทธรรม พระได้ยินพระสัทธรรม ย่อมสามารถปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมได้ ธรรมของพระองค์แม้สักบท ก็เป็นไปเพื่อประโยชน์สุขแก่ผู้ได้ยินแล้ว ดังนั้นการจะรู้ตามซึ่งสัจะรรมในธรรมของพระองค์ ย่อมปฏิบัติเป็นไปตามลำดับ ปฏิบัติไปตามลำดับ กระทำไปตามลำดับ เมื่อผู้ได้เห็น ได้ยินแล้ว( เกิดศรัทธา) จึงเข้าไปหา เข้าไปนั่งใกล้ เงี่ยโสตลง ฟังซึ่งธรรม ทรงจำธรรมนั้นไว้ ใคร่ครวญพิจารณาธรรมอันตนทรงจำไว้ ธรรมทั้งหลายนั้นจะทนต่อการเพ่งพิสูจน์ ฉันทะย่อมมี อุตสาหะย่อมมี ย่อมเป็นผู้พิจารณาหาความสมดุลแห่งธรรม และตั้งตนไว้ในธรรม เมื่อเป็นผู้ได้สดับแล้ว เป็นผู้หลีกออกสองอย่าง คือทางกายและทางจิตเพื่อบำเพ็ญภาวนาให้รู้ซึ่งอริยสัจ ๔
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กันยายน 2013
  8. น้องจุ๊บ

    น้องจุ๊บ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    603
    ค่าพลัง:
    +1,303
    ขอบพระคุณทุกท่านที่มาให้คำแนะนำ ให้ความคิดเห็นนะคะ พรุ่งนี้จะเข้ามาคุยต่อค่ะ ง่วงนอนแล้ว
     
  9. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    เข้าห้องน้ำสวดก็ยังได้ ใครทำกรรมฐาน (หรือจะเรียกจะตั้งชื่อเรียกว่ายังไงก็เอา) ทำขณะถ่ายหนักถ่ายเบายิ่งดี สติปัญญเกิดเร็ว)
     
  10. twentynine

    twentynine เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +992
    นอนแล้วสวดในใจก็คือการภาวนานั้นแหละ คุณคงไม่ได้หยิบหนังสือมานอนสวดจนจบใช่มั้ยล่ะ
     
  11. น้องจุ๊บ

    น้องจุ๊บ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    603
    ค่าพลัง:
    +1,303
    หยิบหนังสือมาสวดค่ะ
     
  12. น้องจุ๊บ

    น้องจุ๊บ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    603
    ค่าพลัง:
    +1,303
    สำหรับคนที่ร่างกายปกติ ไม่พิการ ไม่ป่วยไข้ การนั่งปฏิบัติธรรม(สวดมนต์ สมาธิ)จะดีกว่านอนปฏิบัติธรรม ได้ขันติบารมี วิริยะบารมี มีอาการทางกายใจสงบเรียบร้อย สำรวมต่อพระรัตนตรัย
    ปกติเดิฉันก็นั่งสวดมนต์ เป็นกิจวัตรที่ดิฉันทำ จะะสวดมนต์ทำวัตรเย็นพร้อมคำแปล (ใจน้อมน้อมต่อพระรัตนตรัย) บทกรวดน้ำตอนเย็น ต่อด้วยพาหุง มหากา ชินบัญชร แล้ว นั่งสมาธิ


    แต่บางวันทำงานจนล้ามาก ไหนจะมาคิด วิเคราะห์ ร่าง พิมพ์ ทาน ตรวจเองทั้งหมด กลับมาถึงที่พักบางวันก็ดึกมากด้วย ไหนตัวเปียกฝนอีก ซึ่งช่วงไหนเป็นรอบเดือนไม่ต้องบอกเลย ปวดท้องมาก ปวดเมื่อยตามร่างกาย จึงมีความคิดว่าช่วงที่เราภาวะไม่ปกติ เรานอนสวดมนต์และนอนสมาธิจะดีไหม ดีกว่าไม่ได้สวดมนต์เลย ซึ่งใจเราก็ยังนอบน้อมระลึกถึงพระรัตนตรัยอยู่ ซึ่งก็เคยทำมาแล้ว นอนสวดมนต์อยู่ ยังไม่จบเลย ไม่รู้หลับตอนไหน หลับดีด้วย
    ไม่ทราบท่านใด มีความเห็นอย่างไรเข้ามาคุยกันค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 28 กันยายน 2013
  13. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,940
    ...

    แต่บางวันทำงานจนล้ามาก ไหนจะมาคิด วิเคราะห์ ร่าง พิมพ์ ทาน ตรวจเองทั้งหมด กลับมาถึงที่พักบางวันก็ดึกมากด้วย ไหนตัวเปียกฝนอีก ซึ่งช่วงไหนเป็นรอบเดือนไม่ต้องบอกเลย ปวดท้องมาก ปวดเมื่อยตามร่างกาย จึงมีความคิดว่าช่วงที่เราภาวะไม่ปกติ เรานอนสวดมนต์และนอนสมาธิจะดีไหม ดีกว่าไม่ได้สวดมนต์เลย ซึ่งใจเราก็ยังนอบน้อมระลึกถึงพระรัตนตรัยอยู่ ซึ่งก็เคยทำมาแล้ว นอนสวดมนต์อยู่ ยังไม่จบเลย ไม่รู้หลับตอนไหน หลับดีด้วย
    ไม่ทราบท่านใด มีความเห็นอย่างไรเข้ามาคุยกันค่ะ[/QUOTE]



    ท่านอินทรบุตรแนะนำไว้ดีแล้วครับ ..

    เมื่อร่างกายเกิดอาพาธอันเป็นเหตุให้ทรงอิริยาบทอื่นที่เหมาะสมไม่ได้ การสวดมนตร์ในท่านอนก็เป็นได้แต่กุศล เพราะจิตคิดเป็นกุศล ...

    พึงเข้าใจว่า กุศลทั้งหลายไม่ได้เกิดเพราะอิริยาบทครับ แต่เกิดเพราะ"จิต" เป็นไปกับทาน ศีล สมาธิ และปัญญา(วิปัสสนา)...เมื่อเห็นว่าท่านอนเป็นท่าที่สัปปายะต่อการเจริญกิจกุศลได้ก็ทำได้ ..ที่จริงควรฝึกการเจริญกุศลในอิริยาบทนอน ให้ชำนาญ เพราะไม่เวลาใดก็เวลาหนึ่ง เราอาจต้องอยู่ในอิริยาบทนี้ตลอดเวลาแม้ไม่ปรารถนาก็ตาม..ด้วยว่าภัยแห่งอุปัทวะ โรคาพาธและชรากำลังไล่ล่ามาตลอดเวลา ...ใครจะทราบว่าตนจะไปนอนจมกองเลือดหรืออุจจาระปัสสาวะเดียวดายในที่ใหนและเมื่อใด...การสามารถทรงจิตไว้ในเขตกุศลในยามนั้นจะเป็นเครื่องอุปการะตนได้จนถึงที่สุดทีเดียว..

    คงเคยได้ยินเรื่องราวของมัฏฐกุณฑลีผู้ป่วยใกล้ตาย ถูกพ่อเศรษฐีขี้เหนียวปล่อยให้นอนที่ระเบียงนอกบ้าน แต่บุญของเขายังดี..เพราะพระพุทธเจ้าทรงเสด็จบิณฑบาตรผ่านมา ได้ทรงแสดงพุทธนิมิตรให้ปรากฏแก่เขา ครั้นตายแล้วได้เกิดในสวรรค์เพราะมีจิต"เลื่อมใส"ในพระพุทธเจ้า ต่อมาได้ลงมาสดับพระธรรมและบรรลุโสดาบัน...พึงเห็นอานุภาพแห่งจิตที่ตั้งไว้ในความเลื่อมใสโดยอาการนี้ครับ..


    อ่านเต็มที่นี่..



    http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=11&p=2
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กันยายน 2013
  14. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ไม่มีเหตุผล ไม่รู้ว่าได้หรือเปล่า แต่ส่วนตัวทุกวันนี้นอนสวดมนต์และทำสมาธิค่ะ ไม่ได้เจ็บป่วยอะไร แต่นอนดึกทุกวัน ถ้าไปนั่งก็จะง่วง

    จึงนอนภาวนาพอจิตสงบดีแล้วก็สวดมนต์และแผ่เมตตาในสมาธิไปเลยทีเดียว สวดมนต์เสร็จก็เดินสมาธิพร้อมภาวนาจนหลับ

    นอนหงายมือประสานไว้บนอก หายใจหยาบก่อนจนจิตนิ่งดีแล้ว กำหนดพระพุทธรูปในสมาธิ แล้วก็อาราธณาศีลและสวดมนต์ แผ่เมตตา จากนั้นก็เดินสมาธิต่อไปเลยจนหลับค่ะ

    ไม่ได้คำนึงถึงอานิสงส์อะไร แต่ปฏิบัติเพื่อให้จิตสงบ

    เป็นการทดลองว่าถ้าหากร่างกายสังขารมันนั่งไม่ได้ แล้วจะปฏิบัติได้หรือไม่ เพราะการปฏิบัติธรรมจริงๆ แล้ว เป็นเรื่องของจิต ไม่ใช่เรื่องของกาย การเข้าถึงธรรมก็คือจิตได้เข้าถึง ไม่ใช่กายเข้าถึงธรรม แต่ที่กำหนดให้กายต้องเป็นอย่างนั้น ต้องทำท่าอย่างนี้เพื่อเป็นการฝึกจิต เพราะว่าจิตคนเราไม่นิ่ง เหมือนลิงที่สัดส่ายไปมา จึงต้องเอาระบบระเบียบมาเป็นเครื่องกำกับ

    โดยส่วนตัวนั้นนั่งสวดมนต์ทำสมาธิมานานมากแล้ว ก็เลยเปลี่ยนอิริยาบถดูบ้างเท่านั้นเอง แล้วตัวเองก็ทำได้นะ คือทำแล้วจิตก็สงบเป็นสมาธิดี การแผ่เมตตาในสมาธิก็ได้ผลมาก (คิดเอาเองนะคะ) เพราะว่าตอนที่ไปปฏิบัติธรรมที่วัด พระอาจารย์ก็ให้แผ่เมตตาในสมาธิ
     
  15. โมทนาman

    โมทนาman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    5,666
    ค่าพลัง:
    +6,165
    นอนสมาธิต้องฝึก
    นั่ง เดิน ยืน นอน ต้องทำได้หมด
    แต่อย่านอนสวดมนต์
    ถ้าจะนอนสวดมนต์ให้ได้ นอนคว่ำแล้วเหยียดแขนให้สุด เอามือชิดกัน
    ( ถ้าเป็นอัมพาตก็นอนสวดไปเถอะ ดีกว่าไม่สวด )
     
  16. น้องจุ๊บ

    น้องจุ๊บ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    603
    ค่าพลัง:
    +1,303
    ต้องขอบคุณ ท่านddman ที่เข้ามาอนุเคราะห์คำตอบให้ ตั้งแต่กระทู้"ช่วงเวลากรรมให้ผล กรรมส่งผลท้อกันมั่งรึป่าว" ช่วงนั้นท้อแท้ใจมาก เศร้าหดหู่ มืดแปดด้าน อยู่ในโลกมืด ไม่รู้จะทำอย่างไร ได้รับคำชี้นำและกำลังใจทีดีงามจากท่านddman และกัลยาธรรมคือคุณtassumalee ที่ส่งข้อความมาให้ " ดิฉันเป็นกำลังใจให้นะคะ......ท้อได้ค่ะแต่ห้ามถอย......คุณต้องเข้มแข็งนะคะ เมื่อจิตใจเข้มแข็งแล้ว ต่อให้ เจอกับปัญหาอะไรเราก็จะเผชิญฝ่าฟันมันไปได้ " ทั้ง 2 ท่านนี้ ได้ให้คำตอบ ชี้นำ กำลังใจที่ดีงาม จากสถานการณ์สภาวะที่มืดให้สว่าง
    ดิฉันต้องขอกราบขอบพระคุณ ทั้ง 2 ท่านนี้ คือคุณddmanและคุณtassumalee ณ ที่นี้ค่ะ

    กุศลทั้งหลายไม่ได้เกิดเพราะอิริยาบท แต่เกิดเพราะ"จิต" เป็นไปกับทาน ศีล สมาธิ และปัญญา เข้าไปอ่านเรื่องมัฏฐกุณฑลี (จนจบแล้วค่ะ) มัฏฐกุณฑลีที่ป่วยเจียนตาย แม้แต่มือทั้งสองข้างก็ยกขึ้นไม่ไหว พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงเล็งดูโลกด้วยพุทธจักษุ เพื่อทอดพระเนตรเหล่าสัตว์ แต่ด้วยมานพหนุ่มยังมีกุศลมูลอันหนาแน่นแล้ว มีความปรารถนา ซึ่งได้ทำไว้แล้วในพระพุทธเจ้าแต่ปางก่อน พระพุทธองค์ได้ทรงแผ่ตาข่ายคือพระญาณไปในหมื่นจักรวาล. ไปให้เห็น มาณพนั้นเมื่อได้เห็นจักทำจิตให้เลื่อมใสในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุ่ทธเจ้า เมือตายไปจึงเกิดในวิมานทองสูง ๓๐ โยชน์ในดาวดึงสเทวโลก
    จะเห็นได้ว่าอานุภาพแห่งจิตที่ตั้งไว้ในความเลื่อมใสศรัทธาต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นยิ่งใหญ่มาก

    กราบอนุโมทนาในธรรมทานครั้งนี้ค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 กันยายน 2013
  17. น้องจุ๊บ

    น้องจุ๊บ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    603
    ค่าพลัง:
    +1,303
    การแผ่เมตตาในสมาธิ จิตจะสงบ กระแสเมตตาจะมีมาก การแผ่เมตตาจะถึงแก่ผู้รับนั้นจะมีมาก จะเอาไปใช้ดูตอนนั่งสมาธิค่ะ
    อนุโมทนาค่ะ
     
  18. ช่อทิพย์123

    ช่อทิพย์123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    105
    ค่าพลัง:
    +120
    ขอบคุณค่ะ อนุโมทนาในความคิด


    ท่านอินทรบุตรแนะนำไว้ดีแล้วครับ ..

    เมื่อร่างกายเกิดอาพาธอันเป็นเหตุให้ทรงอิริยาบทอื่นที่เหมาะสมไม่ได้ การสวดมนตร์ในท่านอนก็เป็นได้แต่กุศล เพราะจิตคิดเป็นกุศล ...

    พึงเข้าใจว่า กุศลทั้งหลายไม่ได้เกิดเพราะอิริยาบทครับ แต่เกิดเพราะ"จิต" เป็นไปกับทาน ศีล สมาธิ และปัญญา(วิปัสสนา)...เมื่อเห็นว่าท่านอนเป็นท่าที่สัปปายะต่อการเจริญกิจกุศลได้ก็ทำได้ ..ที่จริงควรฝึกการเจริญกุศลในอิริยาบทนอน ให้ชำนาญ เพราะไม่เวลาใดก็เวลาหนึ่ง เราอาจต้องอยู่ในอิริยาบทนี้ตลอดเวลาแม้ไม่ปรารถนาก็ตาม..ด้วยว่าภัยแห่งอุปัทวะ โรคาพาธและชรากำลังไล่ล่ามาตลอดเวลา ...ใครจะทราบว่าตนจะไปนอนจมกองเลือดหรืออุจจาระปัสสาวะเดียวดายในที่ใหนและเมื่อใด...การสามารถทรงจิตไว้ในเขตกุศลในยามนั้นจะเป็นเครื่องอุปการะตนได้จนถึงที่สุดทีเดียว..

    คงเคยได้ยินเรื่องราวของมัฏฐกุณฑลีผู้ป่วยใกล้ตาย ถูกพ่อเศรษฐีขี้เหนียวปล่อยให้นอนที่ระเบียงนอกบ้าน แต่บุญของเขายังดี..เพราะพระพุทธเจ้าทรงเสด็จบิณฑบาตรผ่านมา ได้ทรงแสดงพุทธนิมิตรให้ปรากฏแก่เขา ครั้นตายแล้วได้เกิดในสวรรค์เพราะมีจิต"เลื่อมใส"ในพระพุทธเจ้า ต่อมาได้ลงมาสดับพระธรรมและบรรลุโสดาบัน...พึงเห็นอานุภาพแห่งจิตที่ตั้งไว้ในความเลื่อมใสโดยอาการนี้ครับ..


    อ่านเต็มที่นี่..



     
  19. DR-NOTH

    DR-NOTH เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    581
    ค่าพลัง:
    +1,276
    การสวดมนต์คือกล่าวสรรเสริฐน้อมใจเคารพสักการะต่อพระรัตนตรัย
    ไม่ว่าด้วยอิริยาบทใดก็ทำได้ไม่ผิด ส่วนการทำสมาธินั้นยิ่งทำได้ทุกขณะจิตยิ่งดีครับ
    เพราะหากใจมีสมาธิรู้เท่าทันความคิดตนเองแล้ว กิเลสตัณหาความทุกข์ร้อนต่างๆก็ยากจะเข้ามาเยือนได้ครับ
    ....โมทนาครับ...
     

แชร์หน้านี้

Loading...