~:ธรรมะโมบาย:~

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย เฮียปอ ตำมะลัง, 4 สิงหาคม 2008.

  1. Mohk

    Mohk สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +0
    4เย็น
    มีโยมผู้หญิงคนหนึ่ง มาบอกอาตมาว่า เพิ่งจะเลิกกับแฟนไป
    อ้าว!! ทำไมละ?
    >> ก็หนูพยายามจัดการกับชีวิตของเขาทุกอย่างนี่แหละ การทำมากเกินไปก็มักจะเสีย
    เราต้องรู้จักทำให้พอดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มีนาคม 2010
  2. Mohk

    Mohk สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +0
    5เช้า
    ความตายเป็นเรื่องของธรรมชาติ ความตายเป็นฉากสุดท้ายที่ไม่ว่าเราต้องการหรือไม่ต้องการ เราก็จะต้องได้พบ
    อาตมาอยากจะเปรียบว่า เหมือนแก้วน้ำ วันใดวันหนึ่งมันต้องแตก เพียงแต่จะแตกช้า หรือ แตกเร็ว

    5เย็น
    ชีวิตมนุษย์นั้น เกิดขึ้นในเบื้องต้น ดำรงอยู่ในท่ามกลาง สุดท้ายก็แตกสลายไป
    มีอะไรบ้างที่เกิดขึ้นแล้วไม่แตกดับ สรรพสิ่งล้วนหมุนไปสู่จุดสลายตัวของมันเอง
    เราต้องยอมรับความจริงในข้อนี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มีนาคม 2010
  3. Mohk

    Mohk สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +0
    6เช้า
    หลายครั้งหลายหนที่เราพยายามเอาความเลวของเขา มากลบคุณงามความดีที่เขาเคยทำกับเราไว้
    มาเป็นข้ออ้างว่าไม่ต้องกตัญญูแล้วละ อันนี้ต้องพินิจพิเคราะห์ให้ดี แม้แต่คนที่เลวที่สุด

    6เย็น
    อาตมาคิดว่า ในช่วงวาระหนึ่ง เขาก็ต้องมีความดีอยู่บ้าง
    ถ้าเรานึกย้อนความดีตรงส่วนนั้น ก็จะทำให้เราชื่นใจ
    ถ้าทำได้อย่างนี้ ก็เท่ากับ เรารู้จักบุญคุณคน
    แม้แต่หมาที่กัดเรา ถ้ามองให้ดี มันก็มีบุญคุณนะ

    7เช้า
    การที่หมากัดเรา เป็นเพราะบางครั้ง เราไม่ระมัดระวังตัวให้ดีพอ
    เห็นไหม ถ้าเรามองเป็น จะเห็นทุกสิ่งทุกอย่าง มีบุญคุณหมดเลยนะ
    คนมาด่าเราก็มีบุญคุณ ทำให้เรารู้ว่า เรายังไม่นิ่ง ยังคิดที่จะด่าตอบอยู่เลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มีนาคม 2010
  4. Mohk

    Mohk สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +0
    7เย็น
    พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า โลกนี้ไม่มีความลับ แม้คนอื่นจะมองไม่เห็น
    แต่จิตสำนึกของเราเห็นหมดว่า เราได้ทำอะไรลงไป และ มันจะเก็บบันทึกทุกอย่างไว้ในจิต
    ว.วชิรเมธี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มีนาคม 2010
  5. Mohk

    Mohk สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +0
    8เช้า
    รู้ไหมที่ทะเล ยังเป็นทะเลอยู่ถึงทุกวันนี้ ก็เพราะน้ำทุกสาย ไหลไปรวมกันที่ทะเล
    ทะเลเคยแถลงข่าวไหมว่า ขอปฏิเสธที่จะรับน้ำตั้งแต่บัดนี้ ไม่เคยเลยใช่ไหม ทะเลจะคอยรับน้ำตลอดเวลา

    8เย็น
    ความโลภก็เป็นเช่นทะเล คือ ไม่มีขีดกำจัดที่จะรับน้ำ มีแต่คอยร้องว่า เอาอีก เอาอีก
    ธรรมชาติของความโลภ เป็นอย่างนี้ พอความโลภได้อะไรสมอยากแล้ว มันก็ร้องอยากได้ของใหม่อีกทันที
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มีนาคม 2010
  6. Mohk

    Mohk สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +0
    9เช้า
    กิเลส ก็เหมือนไฟ ถ้าโยมบริหารจัดการดี ก็เอามาหุงอาหารได้ ให้แสงสว่างได้ ทำอะไรก็ได้ร้อยเเปดพันเก้า
    แต่ถ้าโยมบริหารจัดการไม่ดี ไฟเล็กๆนิดเดียว ก็เผาบ้านเผาเมือง เผาทุกอย่างแม้กระทั่งตัวเราก็ได้

    9เย็น
    ถึงแม้ว่า เราจะยังไม่สามารถตัดกิเลส ได้หมดสิ้นเด็ดขาด
    แต่เราก็ไม่ควรตกเป็นทาสของกิเลสเต็มเวลา ควรมีบางช่วงบางเวลา ที่เราลุกขึ้นมาบริหารจัดการกิเลสบ้าง
    ไม่ใช่ปล่อยให้ กิเลสครอบงำเรา ชั่วนาตาปี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มีนาคม 2010
  7. Mohk

    Mohk สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +0
    10เช้า
    มีดาราในวงการบันเทิงคนหนึ่ง ให้เพื่อนยืมเงินไป10ล้าน
    เพื่อนก็ลอยชาย ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย เจอกันในกองถ่ายเมื่อไร่ ถ้าทวงมีโกรธกัน
    เธอไม่กล้าจะฟ้องร้อง เพราะกลัวจะตกเป็นข่าวใหญ่

    10เย็น
    เธอทุกข์มาก ทุกข์จนนำเธอเข้าสู่ประตูวัด ไปเรียนวิปัสสนากรรมฐาน
    หลวงพ่อถาม >> โยมทุกข์อะไร
    << แค้นเพื่อนค่ะ เพื่อนยืมเงินไป10ล้าน
    >> เสียดายเงินเหรอ
    << ไม่ค่ะ เงินหนูมีเนอะ แต่เเค้นที่เพื่อนยืมแล้วไม่ใช้

    11 เช้า
    หลวงพ่อถาม ตอนที่เขามายืมเงิน เขาเอาปืนมาขู่ไหม
    เปลค่าค่ะ
    โยมปฏิเสธได้ไหม
    ได้ค่ะ
    หลวงปู่เลยบอก โยมโกรธเขา ไม่สู้โยมโกรธตัวเอง
    พอพูดแค่นั้นแหละ ทุกข์มันก็หลุดผลัวะ
    จิตมันสว่างขึ้นมา จิตกลับมาอยู่กับปัจจุบันขณะ

    11 เย็น
    ทันที่ที่คุณทุกข์ แล้วเห็นทุกข์ จิตจะเปลี่ยนภาพ ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
    พระพุทธองค์จึงบอกว่า ความทุกข์เป็นอริยะไง
    เพราะถ้า ความทุกข์มันผลิบานออกมา ความสุขมันอยู่ตรงนั้น อยู่ที่เดียวกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มีนาคม 2010
  8. Mohk

    Mohk สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +0
    12ช
    ความทุกข์เปรียบเสมือนผลส้ม ส่วนความสุขคือเนื้อส้ม
    ดังนั้น ถ้าใครมีความทุกข์อยู่ จงยิ้มให้ตัวเองว่าความสุขกำลังจะมาแล้ว
    คำคมปิดท้ายก่อนแต่งงาน จงเปิดตา2ข้าง แต่จงปิดตาเสียข้างหนึ่ง

    12ย
    ทำไมวัยรุ่นบางส่วนจึงเซ็งกับพระพุทธศาสนา? เพราะเขาเข้าไม่ถึงแก่น เห็นแต่ก้อนอิฐก้อนหินที่คนเอาพระไปซ่อนข้างใน
    หรือ เห็นแต่เจดีย์มองไม่เห็นพระที่อยู่ข้างใน จึงพากันหันหลังให้พระศาสนา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มีนาคม 2010
  9. Mohk

    Mohk สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +0
    13ช
    ความต้องการของมนุษย์นั้นไร้ขีดจำกัด ในทางเศรษฐศาสตร์บอกว่า เราต้องยั่วให้อยากแล้วหลอกให้ซื้อ
    แต่พระพุทธเจ้าบอกว่า ต้องพัฒนาความอยาก จากอยากบริโภคเป็นอยากทำความดี จากอยากทำความดี(มีต่อ)

    13ย
    จากอยากทำความดี พัฒนาเป็นอยากมีปัญญา
    จากอยากทำมีปัญญา ไปเป็นอยากไม่เอาอะไรเลย ไม่มีตัวไม่เป็นตน
    ที่จะวิ่งไปสนองความอยากอีกเลย
    ว.วชิรเมธี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มีนาคม 2010
  10. Mohk

    Mohk สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +0
    14ช
    โยมรู้ไหม ปัจจุบันนี้ฝรั่งทั่วโลกกำลังสนใจในเรื่องการเจริญสติ
    ขณะที่คนไทยยังมัวแต่สนใจแต่ในเรื่องการทำบุญ และ การทำบุญของเราก็ทำกับพระ
    และต้องเป็นพระดัง หรือ วัดดังเท่านั้น
    14ย
    คุณโยมลองไปถาม คนที่คิดจ้องแต่จะแก้เเค้น ว่าเขามีความสุขไหม ไม่มีใครมีความสุขสักคน
    คานธีบอกว่า ถ้าเราถือคติตาต่อตา เราจะตาบอดกัน ถ้าเราถือคติฟันต่อฟัน เราจะฟันหักกัน
    <!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มีนาคม 2010
  11. Mohk

    Mohk สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +0
    15ช-18ช ข้าม

    18ย
    คนที่ไม่รู้ว่า มีเสียงธรรมในโลก จึงคลุกคลีตีโมงอยู่ระหว่างความทุกข์และความสุข(เทียม)แทบไม่ว่างเว้น
    แล้วเมื่อถึงเวลาหนึ่งชีวิตนี้ก็แตกดับไป ท่ามกลางความทุกข์
    ว.วชิรเมธี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 เมษายน 2010
  12. Mohk

    Mohk สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +0
    19ช-ย
    คนไทยสมัยก่อนๆ บอกว่า อย่ามองอะไรตื้นๆ โดยเฉพาะของ4สิ่ง
    1.กษัตริย์ อย่ามองตื้นๆว่า ไม่มีพระบรมเดชานุภาพ
    2.พระภิกษุ สามเณร อย่ามองตื้นๆว่า ไม่มีคุณธรรม
    3.งูตัวเล็กๆ อย่ามองว่า ไม่มีพิษ
    4.ไฟแค่ประกายเล็กๆ อย่ามองว่า ไม่มีพลานุภาพในการทำลาย
    *ปิดท้ายคมคำธรรมะวันนี้ ว่าทุกสิ่งที่เธอทำ จะส่งผลต่อเธออย่างใดอย่างหนึ่งเสมอ*
    ว.วชิรเมธี
     
  13. Mohk

    Mohk สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +0
    20ช
    การตักบาตร ไม่จำเป็นต้องรอ วันพระใหญ่
    นึกขึ้นมาได้วันไหนก็ทำไปเถอะ เพราะถ้าเราประมาท โอกาสที่จะได้ทำดีอาจจะมาไม่ถึง
    เพราะชีวิตของเราทุกคน ล้วนแขวนอยู่บนเส้นด้ายแห่งความไม่แน่นอน

    20ย
    มีคนมักพูดว่า ทำอะไรตามใจคือไทยแท้ อาตมาอยากจะเปลี่ยนเสียใหม่
    ทำอะไรตามใจคือไทยเทียม ส่วนทำอะไรใช้ปัญญาคือไทยแท้
    ต่อจากนี้ใครจะเป็นไทยแท้หรือไมยเทียม ควรวัดด้วยเกณฑ์นี้
     
  14. Mohk

    Mohk สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +0
    21ช-ย
    ความยึดมั่นถือมั่นในศีลและพรต พรตหมายถึงอะไรครับ?
    พรต หมายถึง ข้อปฏิบัติพิเศษ เช่น ฉันมื้อเดียว นั่งอย่างเดียวไม่นอน
    หรือ ฉันเฉพาะมังสวิรัติเท่านั้น ไม่ฉันเนื้อเป็นต้น
    วัตร ปฏิบัติพิเศษนี้ พระพุทธเจ้าตรัสว่า
    ....(21ย)
     
  15. Mohk

    Mohk สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +0
    22ช - 23ช
    วันพระไม่ได้มีหนเดียว มีที่มาจากไหนคะ?
    >>สำนวนนี้เกิดขึ้น จากการที่คนไทยใกล้ชิดกับพุทธศาสนา ถึงนำเอาคติจากพระพุทธศาสนาที่วันพระจะเวียนมาทุกสัปดาห์
    มาเปรียบเทียบว่า ในชีวิตของเรานั้น มีเหตุการณ์ต่างๆ หมุนเวียนผันเปลี่ยนเข้ามาโดยตลอด
    ถ้าเทียบตามหลักธรรมก็คือ โลกธรรมทั้ง8 ฉะนั้น
    เวลาที่เราได้ลาภ ก็อย่าไปผยอง เพราะวันหนึ่งก็อาจจะเสื่อมลาภ
    เวลาที่เราได้สุข ก็อย่าลืมตัว เพราะวันหนึ่งเราอาจจะได้ทุกข์
    เวลาได้สรรเสริญ ก็อย่าพึ่งวางใจ เพราะวันหนึ่งเราอาจจะได้นินทา
    เวลาได้ยศ ก็อย่าอหังการ เพราะวันหนึ่งอาจจะถูกถอดยศได้
    ฉะนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตเรา มันมี2ด้านเสมอ
    23ย
    เมื่อด้านที่ชื่นชมหันเข้าหาเรา ก็อย่าประมาท เพราะเดี๋ยวเดียวด้านที่ขมขื่น
    อาจจะผันเปลี่ยนเวียนเข้ามาหาเราก็ได้ คตินี้สอนให้เราอย่าประมาท
    *คำคมส่งท้าย ความลำบากสร้างคน แต่ความสบายทำลายคน*
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 เมษายน 2010
  16. Mohk

    Mohk สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +0
    24ช
    คนไทยจำนวนมากอยากได้ปริญญาแต่ไม่อยากได้ปัญญา ค่านิยมทางการศึกษามองกันอย่างตื้นๆนี่เอง
    ปริญญาจึงเป็นเพียงแค่เครื่องมือในการแสดงสถานภาพทางสังคม ที่เอาไว้อวดกันแค่นั้นเอง

    24ย
    คนบางคนเข้ามาพูดจาหวานจ๋อย ถ้าจิตเรานิ่งพอ เราจะรุ้เลยว่าคนๆนี้จริงใจหรือไม่จริงใจ
    หรือบางที คนนั้นไม่ทันได้พูดเพียงแค่ปรายตามองกัน ก็รู้เลยว่าคนๆนั้นคบได้หรือคบไม่ได้
     
  17. Mohk

    Mohk สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +0
    25เช้า
    อาตมาได้อ่าน บทสัมภาษณ์ของคุณ หม่ำ จ๊กม๊ก เมื่อเร็วๆนี้
    เขาบอกว่า เมื่อวันหยุด เขาไปฮ่องกง สั่งอาหารมากินกัน หมดไป4หมื่นกว่าบาท
    ภรรยากับลูกทานไปหัวเราะไป ส่วนเขานั้น (ต่อเย็นนี้)
    25ย
    ส่วนหม่ำนั้น นั่งน่ำตาไหลอยู่คนเดียว เขาบอกว่าแม้ว่าทุกวันนี้จะหาเงินได้มาก
    แต่เงินทุกบาททุกสตางค์นั้น มีความหมายอยู่เสมอ
    อาตมาคิดว่านี่คือ คนที่รุ้ค่าของเงินและตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท
     
  18. Mohk

    Mohk สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +0
    26ช
    ถ้าเราเป็นเจ้านาย แล้วเดินยิ้มเข้าออฟฟิศ ลูกน้องสบายใจ
    แต่ถ้าหน้าบึ้งเข้ามา ลูกน้องเครียดเลย
    เห็นไหม ถ้าใจเราเย็น ตัวเราก็เย็น คนอื่นก็เย็น
    แต่ถ้า ใจเราร้อน คนอื่นก็พลอยร้อนตามไปด้วย

    26ย
    คนที่ใช้ชีวิตไปวันๆ คนพวกนี้เป็นคนที่ไม่มีการวางแผน
    ส่วนคนที่วางแผนในชีวิต เขาจะไม่ถามหรอกว่า พรุ่งนี้ฉันจะทำอะไร
    เพราะเขารู้ว่า พรุ่งนี้เขาจะอยู่ที่ไหน เหมือนกับเดินขึ้นบันไดทีละขั้น
     
  19. Mohk

    Mohk สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +0
    27ช
    พระพุทธเจ้าไม่ได้เน้นว่าให้เรามีอายุยืน ท่านบอกว่าอายุยืนหรือไม่ยืนนั้น ไม่สำคัญ
    แต่สำคัญตรงที่ตลอดเวลาที่คุณมีชีวิต อยู่กันอย่างไรมากกว่า
    ฉะนั้นถ้าเราต้องการให้ชีวิตของเราดี (มีต่อ)
    27ย
    ถ้าเราต้องการให้เวลาที่ผ่านไปทุกวันมีความหมาย เราต้องใช้ชีวิตทุกวันอย่างมีสติ
    เพราะถ้าวันนี้มีสติ พอเวลาผ่านไป ก็จะกลายเป็นอดีตที่มีสติ และ จะมุ่งไปสู่อนาคตที่มีความหวัง
    ว.วชิรเมธี
     
  20. Mohk

    Mohk สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +0
    28ช
    ขณะที่เรากำลังนั่งสวดมนต์ กายของเราเป็นกายที่ไม่ได้ไปทำให้ใครเดือดร้อนใช่ไหม
    วาจาของเราก็กำลังท่องบทสวดมนต์ ขณะเดียวกันจิตของเราก็เกิดสมาธิ และ ถ้าเราเข้าใจในบทสวดมนต์
    28ย-29ช
    ถ้าเราเข้าใจในบทสวดมนต์ เราก็จะเกิดปัญญา จะสังเกตเห็นว่าในขณะที่เราสวดมนต์นั้น
    ศีล สมาธิ และปัญญา มาพร้อมกันหมด ทั้ง3อย่างเลย
    พาตัวเองมาสวดมนต์ เรียกว่า มีศีล
    ตั้งใจสวดมนต์เรียกว่า มีสมาธิ
    เข้าใจบทสวดมนต์เรียกว่า มีปัญญา
    ดั้งนั้นการสวดมนต์จึงได้เป็นการทำอย่างเดียว แต่ได้ทั้ง3อย่าง
    *คำคมธรรมะเช้านี้ อย่าเห็นแก่หน้าจนกล้าตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ*
     

แชร์หน้านี้

Loading...