ธรรมะจากเพจต่างๆ พระสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย ธรรมะสายหลวงปู่มั่น, 6 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    รวมธรรมะจากเพจต่างๆ พระสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

    13640870_1129217053802673_2151431721064605412_o.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กันยายน 2017
  2. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “…พระมาลัยเถระเจ้า กราบนมัสการพระเกตุแก้วจุฬามณีเจดีย์ บนดาวดึงส์เทวโลก…”

    “…เมื่อครั้งที่หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพานไปแล้ว ๖๐๐ ปี
    พระมาลัยองค์อรหันต์เถระเจ้า ได้มาจุติเป็นลูกของครอบครัวหนึ่ง
    พ่อมีศีล ๕ แม่มีศีล ๕ ออกจากท้องแม่ยายแล้ว อายุได้ ๗ ขวบ
    พ่อกับแม่ก็ถวายให้เป็นลูกพระเถระองค์อรหันต์เจ้า

    บวชในสำนักพระเถระอรหันต์เจ้า ต่อมาได้สำเร็จมรรคผล
    ครั้นสำเร็จมรรคผลแล้ว ได้ไปกราบมนัสการพระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุ พระเจดีย์ต่างๆ ในชมพูทวีปลังกา แต่ยังเหลือแค่พระเกตุแก้วจุฬามณีเจดีย์ บนดาวดึงส์พิภพ

    ครั้นรู้แล้ว ได้ดอกบัวจากโยมอุบาสก นำมาถวาย ๘ ดอก ตอนบิณฑบาตรฉันเช้า เข้าฌาณเหาะขึ้นไปบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพื่อไปกราบนมันการสักการะพระเกตุแก้วจุฬามณีเจดีย์ บนดาวดึงส์เทวโลก

    พระอินทราธิราช เจ้าแห่งดาวดึงส์เทวโลกมาเห็นเข้า จึงเอ๋ยคำขึ้นว่ากราบนมัสการพระคุณเจ้า พระเจ้าคุณมาจากที่ใด พระคุณเจ้าขึ้นมาบนเทวโลก มีอะไรให้โยมรับใช้หรือขอรับ ?

    อาตมา มาจากลังกาทวีปชมพูทวีป(โลกมนุษย์) ขึ้นมานี้ก็มากราบสักการะพระเกตุแก้วจุฬามณีเจดีย์ (พระมาลัย)

    อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ พระคุณเจ้า อีหยังของพระคุณเจ้า ดอกบัวอุบลนี้ มันของต่ำ มันเป็นของอุบาสก อุบาสิกา บ่คู่ควรกับพระคุณเจ้าดอกครับกระผม (พระอินทราธิราช กล่าว)

    โยม อาตมาจะกล่าวให้ฟังนะ อาตมานี้ก็มาจากโลกียะ พ่อแม่ก็โลกียะ อาตมาก็อาศัยโลกียะมาเกิด
    ตอนอาตมาบวรเณร ก็ได้ดอกบัวอุบลนี้ล่ะถึงได้บวช
    ตอนบวชพระ ก็ดอกบัวนี้ละถึงได้บวชเป็นพระมาทุกวันนี้นะโยม…
    โยม มากล่าวอย่างนี้คงไม่ถูก โยมก็ไปลักลูกลักเมียเขามิใช่หรือ
    อย่าว่าอาตมานี้ไม่รู้น่ะ (พระมาลัย กล่าว)

    พระอินทราธิราช ยอมแล้ว ยอมรับครับ ท่านพระคุณเจ้า สมัยกระผมเป็นขันติยะมานพ นางสุชาดา เคยเป็นเมียของกระผม เมื่อตายแล้ว มาเกิดเป็นลูกยักษ์ พ่อเป็นยักษ์ แม่เป็นยักษ์ แต่ลูกไม่ใช่ยักษ์ งามที่สุดยังกะเทวดาอยู่ฟ้า กระผมแปลงกายจากอินทร์ให้เป็นยักษ์แก่อายุ ๘๙ ปี เพื่อไปเสี่ยงดวงเพื่อที่จะได้เอานางสุชาดากลับมาเป็นเมียอีกครั้งหนึ่ง ครั้นบ่ไป กระผมจะต้องตายถูกลงโทษครับ
    ครั้นเสี่ยงดวง ๓ ครั้ง นางสุชาดาก็โยนพวงมาลัย ๓ ครั้ง ครั้งที่ ๑ ก็สวมหัวยักษ์แก่ ครั้งที่ ๒ ก็สวมหัวยักษ์แก่ ครั้งที่ ๓ ก็สวมหัวยักษ์แก่
    เสนาบดีกระทรวงมหายักษ์ เลยกราบเรียนพระเจ้าแผ่นดิน พระเจ้าข้าลูกเขยของพระองค์ท่าน จะตายอยู่มื้อนี้ ควรเปลี่ยนใหม่
    (พระอินทราธิราช เล่าถวายพระมาลัย)

    พระอินทร์องค์นี้ลัก(ขโมย)ลูกสาวเขาไม่ใช่เหรอ ขี้เมาไม่ใช่เหรอ
    นั้นล่ะตราบใด๋ที่โยมยังล่ะจากกามคุณบ่ได้ บ่สมควรมาติเตียนคนอื่น นะโยม (พระมาลัยกล่าว)

    ข้าน้อยฯ ยอมทุกอย่างแล้วครับท่านพระคุณเจ้า เชิญพระคุณเจ้า ไปกราบนมัสการพระเจดีย์ได้เลยครับกระผม (พระอินทราธิราช กล่าว)

    หลังจากพระมาลัยเจ้า กราบนมัสการพระจุฬามณีเจดีย์แล้วได้ไม่ทันนาน
    เทวดาจากชั้นดุสิตนำบริวารมาแสนหนึ่ง มากราบพระจุฬามณีเจดีย์ รัศมีสว่างไสวมาก

    พระมาลัย สอบถามพระอินทราธิราช นั้นใครหรือโยม ?

    พระอินทราธิราช นั้นคือพระศรีอาริยะโพธิสัตว์ครับกระผม
    ท่านมาจากชั้นดุสิต ลงมากราบนมัสการพระจุฬามณีเช่นเดียวกับพระคุณเจ้าครับกระผม (พระอินทราธิราช กล่าว)

    ตอนนั้นพระศรีอารียะโพธิสัตว์ ได้มากราบนมัสการพระจุฬามณีเจดีย์ เช่นเดียวกับพระมาลัย

    พระคุณเจ้ากราบนมัสการครับกระผม (พระศรีอาริยะโพธิสัตว์)

    โส โพธิสัตโต โยมเป็นพระศรีอารีย์โพธิสัตว์หรือ ? (พระมาลัย)

    ครับกระผม (พระศรีอาริยะโพธิสัตว์)

    เมื่อใด๋โยมจะลงไปช่วยศาสนาพระโคตมะพุทธเจ้า (พระมาลัย)

    เมื่อถึงเวลาครับกระผม (พระศรีอาริยะโพธิสัตว์)

    สัตว์โลกยังมืดมนอยู่หลายเด้อโยม หน้าที่ของโยมควรจะลงไปโปรดสัตว์ช่วยรื้อขนสัตว์โลกออกจากกองทุกข์ใหญ่นี้ (พระมาลัยกล่าว)

    ครับกระผมพระคุณเจ้า โยมจะลงไปช่วยอยู่ครับ ยังมีสัตว์โลกที่เกี่ยวข้องกับโยมอยู่ โยมจะลงไปช่วยอยู่ครับพระคุณเจ้า (พระศรีอาริยะโพธิสัตว์)

    ดีแล้วละโยม อาตมา สาธุนำ แล้วยามใด๋โยมจะลงไปตรัสรู้ มนุษย์พวกไหนจะได้เห็นโยมได้ฟังธรรมจากโยมล่ะ ? (พระมาลัย)

    โยมจะลงมาตรัสรู้ ก็ต่อเมื่อหลังจากหมดศาสนาพระโคตรมะพุทธเจ้า
    มนุษย์อายุ ๘ หมื่นปี ฮู้จักความดี ความชั่ว อายุมนุษย์ยุคนั้น ๘ หมื่นปี

    มนุษย์ที่จะพบโยมต้องฟังเทศน์มหาชาติมื้อเดี่ยวจบกัณฑ์ ได้พบโยม

    คนฆ่าสัตว์ตัดชีวิต อันนี้บ่ได้พบโยม
    คนลักเล็กขโมยน้อย อันนี้บ่ได้พบโยม
    คนผิดลูกผิดเมีย ผิดผัว อันนี้บ่ได้พบโยม
    คนขี้ปด มุสา อันนี้บ่ได้พบโยม คนมักของมึนเมา อันนี้บ่ได้พบโยม

    ให้พระคุณเจ้าไปบอกพวกมนุษย์ด้วยขอรับ ให้สร้างคุณงามความดีไว้จึงได้พ้อพบกับโยมแน่นอน (พระศรีอาริยะโพธิสัตว์)

    หลังจากนั้นพระศรีอาริยะโพธิสัตว์สันดุสิต ก็กราบลากลับชั้นของตน
    พระมาลัยเจ้า ก็ทูลลาถวายพระพร พระอินทราธิราช
    พระอินทราธิราชก็กราบนมัสการ และร่วมส่งพระอรหันต์เจ้า
    กลับชมพูทวีปลังกา เพื่อโปรดสัตว์โลกต่อไป…”

    คัดย่อมาจากพระธรรมเทศนาองค์หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม วัดป่าอรัญญวิเวก ต.บ้านข่า อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม

    ๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๐

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมคำสอนนี้ ทุกๆ ท่านครับ

    -กราบน.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  3. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “ที่ใดไม่มีสวดมนต์ประจำ ที่นั้นจะไม่มีเทวดารักษา บ้านเรือนใดไม่มีการสวดมนต์ บ้านเรือนนั้นก็ไม่มีเทวดารักษา ด้วยเทวดาชอบฟังเสียงสวดมนต์”

    สมเด็จพระญาณสังวร
    สมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ ๑๙

    .jpg

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  4. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    สัจจะ หมายถึง ความจริงใจ ความชื่อตรง ในการประพฤติด้วยกาย คือ การกระทำ และการประพฤติด้วยวาจา คือ การพูด และการประพฤติด้วยใจ คือ ความนึกคิด ด้วยความจริง ไม่มีสิ่งแอบแฝงเพื่อวัตถุประสงค์อื่นแก่ตนเอง เช่นนี้เรียกว่า มีความจริงใจ หรือ สัจจะ

    -หมายถึง-ความจริงใจ.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  5. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    สภาพของ “จิต” นั้นเดิมก็ใสสะอาด ปราศจากมลทิน เป็นสิ่งที่มีอำนาจอยู่แล้ว แต่เมื่อเข้ามายึดถือในอัตภาพร่างกาย อันเต็มไปด้วยกิเลสต่างๆ จิตก็เศร้าหมองขุ่นมัว หากชำระให้หมดไป จิตก็จะใสสะอาด มีพลัง และมีอำนาจ สามารถทำอะไรๆ ได้ตามกำลังของจิต

    หลวงปู่ฝั้น อาจาโร

    -จิต-นั้นเดิมก็ใ.jpg

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  6. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    พระพุุทธเจ้าเป็นคนไทย
    ยืนยันโดย หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

    เรื่องมีอยู่ว่า สมัยที่ผู้เล่าอยู่กับท่านพระอาจารย์มั่น
    ที่บ้านหนองผือ มีชาวกรุงเทพมหานครไปกราบนมัสการ
    ถวายทานฟังเทศน์ และได้นำกระดาษห่อธูปมีเครื่องหมาย
    การค้า รูปตราพระพุทธเจ้า (บัดนี้รูปตรานั้นไม่ปรากฏ)
    ตกหล่นที่บันไดกุฏิท่าน พอได้เวลาผู้เล่าขึ้นไปทำข้อวัตร
    ปฏิบัติท่านตามปกติ พบเข้าเลยเก็บขึ้นไป พอท่านฯเหลือบ
    มาเห็น ถามว่า “ นั่นอะไร ” “รูปพระพุทธเจ้าขอรับกระผม ” ท่านกล่าว “ ดูสิคนเรานับถือพระพุทธเจ้า แต่เอาพระพุทธเจ้าไปขายกิน ไม่กลัวนรกนะ” แล้วท่านก็ยื่นให้ผู้เล่า บอกว่า
    “ ให้บรรจุเสีย ” ผู้เล่าเอามาพิจารณาอยู่ เพราะไม่เข้าใจคำว่า บรรจุ จับพิจารณาดูพระพักตร์เหมือนแขกอินเดีย ผู้เล่าอยู่กับท่านองค์เดียว ท่านวันยังไม่ขึ้นมา ท่านพูดซ้ำอีกว่า “ บรรจุเสีย”
    “ ทำอย่างไรขอรับกระผม ” “ ไหนเอามาซิ ” ยื่นถวายท่าน

    ท่านจับไม้ขีดไฟมาทำการเผาเสีย และพูดต่อว่า
    “ หนังสือธรรมะสวดมนต์ที่ตกหล่นขาดวิ่นใช้ไม่ได้แล้ว
    ก็ให้รีบบรรจุเสีย กลัวคนไปเหยียบย่ำจะเป็นบาป”
    ผู้เล่าเลยพูดไปว่า “ พระพุทธเจ้าเป็นแขกอินเดียนะกระผม ” ท่านฯตอบ “ หือคนไม่มีตาเขียน เอาพระพุทธเจ้าไปเป็นแขก
    หัวโตได้ ” ท่านฯกล่าวต่อไปว่า “ อันนี้ได้พิจารณาแล้วว่า
    พระพุทธเจ้าเป็นคนไทย พระอนุพุทธสาวกในยุคพุทธกาล
    ตลอดจนถึงยุคปัจจุบัน ล้วนแต่ไทยทั้งนั้น ชนชาติอื่น
    แม้แต่สรณคมน์และศีล ๕ เขาก็ไม่รู้ จะเป็นพระพุทธเจ้า
    ได้อย่างไรดูไกลความจริงเอามากๆ

    เราได้เล่าให้เธอฟังแล้วว่า ชนชาติไทย คือ ชาวมคธ รวมรัฐต่างๆ มีรัฐสักกะ เป็นต้น หนีการล้างเผ่าพันธุ์มาในยุคนั้นและชาวพม่า คือ รัฐโกศลเป็นรัฐใหญ่ รวมทั้งรัฐเล็กๆ จะเป็นวัชชี มัลละ เจติ เป็นต้น ก็ทะลักหนีตาย จากผู้ยิ่งใหญ่ด้วยโมหะ อวิชชา มาผสมผสานเป็นมอญ (มัลละ) เป็นชนชาติต่างๆ ในพม่า ในปัจจุบัน” “ ส่วนรัฐสักกะนั้นใกล้กับรัฐมคธ ก็รวมกันอพยพมาสุวรรณภูมิ
    ตามสายญาติที่เดินทางมาแสวงโชคล่วงหน้าก่อนแล้ว”

    ผู้เล่าเลยพูดขึ้นว่า “ปัจจุบัน พอจะแยกชนชาติในไทยได้ไหม
    ขอรับกระผม” “ไม่รู้สิ อาจเป็นชาวเชียงใหม่ ชาวเชียงตุง
    ในพม่าก็ได้” ขณะนั้นท่านวันขึ้นไปพอดี ตอนท้ายก่อนจบ
    ท่านเลยสรุปว่า “ อันนี้ (หมายถึงตัวท่าน) ได้พิจารณาแล้ว
    ทั้งรู้ทั้งเห็นโดยไม่มีข้อสงสัยใดๆทั้งสิ้น” ผู้เล่าพูดอีกว่า
    “แขกอินเดียทุกวันนี้คือพวกไหน ขอรับกระผม” ท่านบอก
    “พวกอิสลามที่มาไล่ฆ่าเรานะซิ” “ถ้าเช่นนั้นศาสนาพราหมณ์ ฮินดู เจ้าแม่กาลี การลอยบาปแม่น้ำคงคา ทำไมจึงยังมีอยู่
    รวมทั้งภาษาสันสกฤตด้วย” “ อันนั้นเป็นของเก่า เขาเห็นว่าดี
    บางพวกก็ยอมรับเอาไปสืบต่อๆกันมาจนถึงปัจจุบัน

    ส่วนพวกเรา พระพุทธเจ้าสอนให้ละทิ้งหมดแล้ว
    เราหนีมาอยู่ทางนี้ พระพุทธเจ้าสอนอย่างไรก็ทำตาม
    ” ท่านยังพูดคำแรงๆว่า “ คุณตาบอด ตาจาวหรือ เมืองเรา
    วัดวา ศาสนา พระสงฆ์ สามเณร เต็มบ้านเต็มเมืองไม่เห็นหรือ ” (ตาบอดตาจาวเป็นคำที่ท่านจะกล่าวเฉพาะกับผู้เล่า)
    “ แขกอินเดียเขามีเหมือนเมืองไทยไหม ไม่มี มีแต่จะทำลาย
    โชคดีที่อังกฤษมาปกครอง เขาออกกฏหมายห้ามทำลายโบราณวัตถุ โบราณสถาน แต่ก็เหลือน้อยเต็มที ไม่มีร่องรอยให้เราเห็น อย่าว่าแต่พระพุทธเจ้าเลย ตัวเธอเองนั้นแหละถ้าได้ไปเห็นสภาพความเป็นอยู่ของชาวอินเดีย จ้างเธอก็ไม่ไปเกิด ”

    “ ของเหล่านี้นั้น ต้องไปตามวาสนาตามวงศ์ตระกูล อย่างเช่น
    วงศ์พระพุทธศาสนาของเรานั้น เป็นอริยวาส อริยวงศ์ อริยตระกูล เป็นวงศ์ที่พระพุทธเจ้าจะมาอุบัติ คุณแปลธรรมบทมาแล้ว
    คำว่า ปุคฺคลฺโล ปุริสาธญฺโญ ลองแปลดูซิว่า พระพุทธเจ้า
    จะเกิดในมัชฌิมประเทศ หรืออะไรที่ไหนก็แล้วแต่ จะเป็นที่อินเดีย หรือที่ไหนก็ตาม ทุกแห่งตกอยู่ ในห้วงแห่งสังสารวัฏฏ์ ถึงวันนั้นพวกเราอาจจะไปอยู่อินเดียก็ได้”

    “ พระพุทธเจ้าทรงวางพระพุทธศาสนาไว้ จะเป็นระหว่าง
    พุทธันดรก็ดี สุญญกัปป์ก็ดี ที่ไม่มีพระพุทธศาสนา
    แต่ชนชาติที่ได้เป็นอริยวาส อริยวงศ์ อริยประเพณี อริยนิสัย
    ก็ยังสืบต่อไปอยู่ ถึงจะขาด ก็คงขาดแต่ผู้สำเร็จมรรคผลเท่านั้น เพราะว่างจาก บรมครู ต้องรอบรมครูมาตรัสรู้ จึงว่ากันใหม่
    ” ผู้เล่าได้ฟังมาด้วยประการละฉะนี้แล ฯ คัดลอกจาก หนังสือ “รำลึกวันวาน” โดยกองทุนแสงตะวัน วัดปทุมวนาราม หมวดรำลึกพระธรรมเทศนา หน้าที่ ๒๒๗ (เป็นหนังสือรวบรวมเกร็ดประวัติ ปกิณกธรรม และพระธรรมเทศนา แห่งองค์หลวงปู่มั่น จากบันทึกความทรงจำของหลวงตาทองคำ จารุวณโณ ในสมัยที่ได้อยู่อุปัฏฐากหลวงปู่มั่น เมื่อปี พ.ศ.๒๔๘๗-๒๔๙๒)

    อธิบายโดยแอดมินจะถูกผิดต้องขออภัยครับ
    ท่านพระอาจารย์บอกว่าคนอินเดียอพยบมาไทยซึ่งอยู่แถวทางพม่าและภาคเหนือของไทยและท่านเปรียบเทียบว่าพระพุทธเจ้าทรงเป็นเหมือนชนชาติไทย

    .jpg

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  7. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “…พระพุทธเจ้าออกบวชก็มุ่งที่จะชำระล้างกิเลสที่มีอยู่ในใจขององค์ท่านให้ออกไปให้หมด ท่านเห็นอะไร ไม่ว่าต้นไม้ ใบหญ้าหรือคน ท่านก็จะตีเข้ามาหาตัวเป็นธรรมเสมอว่า โลกนี้มันเป็นโลกที่ไม่เที่ยงนะ มีกฏของไตรลักษณ์ คืออนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เข้าบังคับบัญชาอยู่ตลอดเวลา แล้วมนุษย์เราแต่ละคน แต่ละคน ไม่ใช่ว่าอายุจะยืนยาวอะไรนักหนา แล้วก็บอกไม่ได้ด้วยว่า คนแก่จะต้องตายก่อนวัยเด็กเสมอไป
    .
    เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุทำให้เสียชีวิตลง เกิดโรคภัยไข้เจ็บเข้ามาเบียดเบียนทำให้ตายก่อนวัยอันควร ท่านจึงสอนว่าอย่าประมาทในคุณงามความดี อย่าคิดว่าทำน้อยนิดมันจะไม่ให้ผล เมื่อทำอยู่บ่อย ๆ มันก็จะติดเป็นนิสัย แล้วสิ่งเหล่านี้แหละที่จะชักนำเราให้พ้นทุกข์ไปภายในวันหนึ่งแน่นอน ”
    .
    โอวาทธรรมพระอารย์สุดใจ ทันตมโน
    เมื่อวันที่ ๑๑ ต.ค. ๕๗ ณ วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี

    .png

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  8. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    พระอริยเจ้าที่เป็นฝรั่งรูปแรกที่บรรลุธรรมในประเทศไทย

    พระธรรมเทศนาโดย หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน บางตอนจากเทศน์เช้าวันที่ ๑๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ ณ วัดป่าบ้านตาด กล่าวถึงหลวงพ่อปัญญา ว่า ….
    “…. ท่านปัญญาทำประโยชน์ให้วัดนี้มาก ท่านปัญญาเป็นพระชาวอังกฤษ ขอมาอยู่ที่วัดนี้ถึง ๕ หน หนที่ ๔ เราถึงได้รับไว้ ท่านมาอยู่ตั้งแต่ปี ๒๕๐๔ จนกระทั่งป่านนี้เป็น ๔๑ ปี ท่านทำประโยชน์ให้ท่านก็เต็มเม็ดเต็มหน่วย ทำประโยชน์ให้โลก เฉพาะอย่างยิ่งในวัดป่าบ้านตาด ท่านทำประโยชน์ให้วัดนี้มากมายก่ายกองทีเดียว นี่ละพระชาวอังกฤษ ท่านมาอยู่ที่นี่แล้วก็เป็นกำลังให้บรรดาเมืองนอกเมืองนาที่เข้ามาได้ติดต่อกับท่านเ
    ป็นกำลังใจจากท่านอยู่ตลอดทีเดียว ท่านให้อุบายวิธีการต่างๆ บรรดาพระที่มาจากต่างประเทศได้อาศัยท่านปัญญาเป็นแนวทางเดิน สำหรับเรานั้นนานๆจะมีทีหนึ่ง ท่านปัญญาเป็นพื้นฐานที่จะเชื่อมโยงถึงบรรดาพระสงฆ์ทั้งหลายที่มาจากเมืองนอก ได้เข้ามาอาศัยท่าน เวลานี้พระต่างชาติเข้ามาอยู่ที่นี่มากมายก็ได้อาศัยท่านปัญญานั่นแหละ
    ท่านปัญญามาทำประโยชน์ให้วัดป่าบ้านตาดนี้มากมายทีเดียว ทำให้มากจริงๆไม่ใช่ธรรมดา ก่อสร้างอะไร มีแต่อุบายสติปัญญาของท่านปัญญา ท่านปัญญาวางรอยมือไว้หมดเลย จึงเป็นผู้มีบุญมีคุณต่อวัดมาก
    เวลาท่านดับจิตก็สงบเงียบไป ว่างั้น นี่สมชื่อสมนามกับพระปฏิบัติดูจิตของตัวเอง ท่านปัญญาก็ดีอยู่ไม่มีที่ต้องติ เวลาจะดับก็ไปด้วยความสงบเงียบเลย ..พอสิ้นลมพระก็โทรมาเลย เราก็ทราบแล้วอย่างนี้ เราได้สั่งไว้หมดแล้วไม่มีปัญหาอะไร ให้จัดโดยสมบูรณ์ตามที่เราสั่งไว้แล้ว
    ท่านได้หลักใจ จริงๆ แหละ… จากพุทธศาสนาไม่สงสัย ถึงขนาดท่านยังพูดเอง พูดแบบไม่ลำเอียงให้เราฟังต่อปากต่อคำกัน ว่าท่านเสียดาย ท่านว่าอย่างนั้นนะ ถ้าพูดถึงเรื่องทางความฉลาด แล้วยกให้ว่าฝรั่งนี้ฉลาด แต่ทางธรรมนี้ฝรั่งโง่ ว่างั้นนะ คือพุทธศาสนานี้เป็นศาสนาที่เลิศเลอ พวกฝรั่งไม่ค่อยเข้ามาเกี่ยวข้อง จึงว่าดีอันหนึ่ง ก็มาเสียอันหนึ่ง อันนี้มันก็คงเป็นกรรมของสัตว์ แน่ะท่านก็สรุปว่าคงเป็นกรรมของสัตว์นั้นแหละ
    …เราจะถือเรื่องความฉลาดภายนอกมาวัดไม่ได้นะเรื่องธรรม ธรรมเป็นอันหนึ่ง กิเลสเป็นอันหนึ่งต่างหาก…
    ท่านสุขุมมากท่านปัญญา ไม่มีที่ต้องติ ตั้งแต่วันมาอยู่กับเราไม่เคยได้ดุเลยนะ ไม่มี เรียบสุขุมมาโดยตลอด ฉลาดมาตลอด พวกชาวเมืองนอกมาก็อาศัยท่านชี้แนะๆ พอท่านเสียไปก็จะเสียประโยขน์ไปทางหนึ่งเหมือนกัน อายุท่าน ๗๙ เ กือบ ๘๐ นะ”
    จากหนังสือ ชาติสุดท้าย….
    ท่านปัญญาวัฑโฒเป็นพระชาวอังกฤษ เรียบร้อยมากทีเดียว ตั้งแต่มาอยู่ด้วยกันไม่เคยได้ดุได้ว่ากันอะไรเลย ถ้าเป็นนักมวยก็เรียกได้ว่าต่อยท่านไม่ถูก ท่านอาจจะต่อยเราไปหลายหมัดก็ว่าได้ ดีไม่ดีอาจสลบ ือท่านเรียบร้อบทุกอย่างไม่มีที่ต้องติ การดุด่าว่ากล่าวก็ไม่มีความหมาย เพราะเอามาใช้ชะล้างสิ่งไม่ดีทั้งหลาย เช่นแนะนำสั่งสอนดุด่าว่ากล่าวตามขั้นตามภูมิของความผิดที่มีหนักเบามากน้อย เพราะฉะนั้นจึงแนะนำสั่งสอนดุด่าว่ากล่าว มีหนักลงไปๆ
    ถ้าทำผิดเบาๆ ธรรมดา แต่จะปล่อยไว้ไม่ได้ก็ต้องเตือนต้องแนะนำ ถ้าหนักมากกว่านั้นก็ดุด่าว่ากล่าวจากนั้นอัปเปหิ ขับจากวัด เป็นเนื้อร้ายแล้วอยู่กับหมู่เพื่อนไม่ได้ พระประเภทเนื้อร้ายอยู่กับหมู่เพื่อนดีๆ ไม่ได้เรียกว่าประเภทเนื้อร้าย อย่างท่านปัญญานี้ไม่เคย เราจึงอดพูดไม่ได้ว่า เราไม่เคยได้ดุได้แนะนำดุด่าท่านในทางที่ผิดธรรมผิดวินัยอะไรเลย ไม่มี ในขณะเดียวกันถ้าเป็นนักมวยก็เราต่อยท่านไม่ถูก แต่ท่านอาจต่อยเราหงายไปหลายหมัดก็ได้ ท่านสุขุมมาก
    ท่านปัญญาไปตอนไหน (ไปตอนโมงกว่าครับ) ท่านไปบอกเมื่อวานนี้ พระฝรั่งสอนฝรั่ง สนิทดีกว่าคนไทยสอนฝรั่ง เพราะภาษาพื้นเพนิสัยกลมกลืนกันมาแล้วสอนกันได้ง่าย ให้ท่านปัญญาไปแล้ววันนี้ สอนพวกพระฝรั่งซึ่งมาอยู่ในเมืองไทยเรามีเยอะ บางทีก็ไปวัดนานาชาติบ้าง อะไรบ้าง เอาพระวัดนี้แหละไปสอน ท่านปัญญาวันนี้ไปแล้วแต่เช้า ฝรั่งสนใจมาก วักเราก็รับไม่ได้เพราะมากแล้ว ยิ่งต้องส่งพระของเราไปอบรมสั่งสอนพระฝรั่ง ่านปัญญาเป็นพระที่แยบคายอยู่นะในวงพระกรรมฐาน สำหรับพระต่างชาติท่านปัญญาเป็นพระที่สำคัญองค์หนึ่งอยู่ พอที่จะให้อรรถให้ธรรมแกชาวเมืองนอกได้เป็นอย่างดี เพราะฉะนั้นเราจึงปล่อยให้ไป วันนี้ไปแล้วออกแต่เช้า
    ประวัติ
    พระเดชพระคุณหลวงพ่อปัญญาวัฑโฒแห่งวัดป่าบ้านตาด ท่านเป็นพระฝรั่งรูปแรกที่เป็นศิษย์พระกรรมฐานสายท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต และเป็นพระฝรั่งรูปแรกที่บรรลุธรรมในประเทศไทย ท่านเป็นผู้ฝักใฝ่ศึกษาในทางพระพุทธศาสนา ค้นคว้าพระไตรปิฎก ท่องเที่ยวรอนแรมไปในหลายประเทศที่มีพระพุทธศาสนาหยั่งรากฝังลึก เช่น ประเทศเนปาล ศรีลังกา พม่า ฯลฯ โดยเฉพาะประเทศอินเดียอันเป็นแผ่นดินต้นแบบ ท่านพยายามศึกษาค้นคว้าวิจารณ์วิจัยธรรมเรื่อยมา เมื่อทราบข่าวว่าประเทศใดมีพระที่บรรลุธรรมตามคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านจะเดินทางไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์ทันที เพื่อแสวงหาสันติบท (ทางไปพระนิพพาน)
    ในที่สุดท่านได้มาศึกษาธรรมที่ประเทศไทยเบื้องต้นได้ฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อสด วัดปากน้ำภาษีเจริญ กรุงเทพฯ ต่อมาได้ฝากตัวเป็นศิษย์หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน ท่านมีอุปนิสัยสุขุม ละมุนละไม เป็นกันเอง สนทนาธรรมรสกลมกล่อมหนักในโยนิโสมนสิการธรรมไหวหริบดี เป็นที่ไว้วางใจของหลวงตามหาบัวเป็นอย่างยิ่ง ท่านเป็นผู้มีความเพียรสม่ำเสมออิริยาบถสมาธิภาวนาที่ท่านนิยมมากที่สุดคือการเดินจง
    กรม วันหนึ่งๆ ในชีวิตนักบวชของท่านผ่านไปด้วยการเดินจงกรม ไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า จึงได้รับการยกย่องจากหลวงตาว่า “สุขุม ฉลาด ไม่มีที่ต้องติ บรรลุธรรมในปี ๒๕๔๐”
    ท่านเกิดเมื่อวันจันทร์ที่ ๑๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๖๘ ขึ้น ๓ ค่ำเดือน ๑๒ ปี ฉลู ณ ประเทศอินเดีย ในเหมืองทองโคลาร์ รัฐไมซอร์ (ปัจจุบันเรียกว่า การ์นาตากะ) ภาคใต้ของอินเดีย
    ที่อยู่ ณ ประเทศอังกฤษ ที่ตำบลบริน อำเภอแลนเนลี กรุงลอนดอน เป็นบุตรของนายจอห์น วัตคิน มอร์แกน (J.W. MORGAN ) และ นางไวโอเลต แมรี่ มอร์แกน (V.M. MORGAN) มีพี่น้อง ๓ คน ชาย ๒ หญิง ๑ ท่านเป็นบุตรคนโต จบการศึกษาปริญญาตรี สาขาวิศวกรรมไฟฟ้าจากฟาราเดย์เฮาส์ วิทยาลัยเทคนิค ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ มีอาชีพเป็นวิศวกรไฟฟ้า ท่านใช้ชีวิตเป็นฆราวาสอยู่ ๓๐ ปี โดยไม่แต่งงาน
    อายุ ๓๐ ปีด้วยความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา จึงตัดสินใจบวชเป็นสามเณร เมื่อวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๔๙๘ ณ พุทธวิหาร กรุงลอนดอน โดยมี พระกปิลวัฑโฒภิกขุ พระชาวศรีลังกา แต่บวชในประเทศไทย เป็นพระอุปัชฌาย์
    พระอุปัชฌาย์พาเข้ามาบวชในประเทศไทย โดยได้อุปสมบทในคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย เมื่ออายุ ๓๑ ปี ในวันที่ ๒๔ มกราคม พ.ศ. ๒๔๙๙ โดยมี พระมงคลเทพมุนี (หลวงพ่อสด จนฺทสโร) วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กรุงเทพฯ เป็นพระอุปัชฌาย์ หลังจากอุปสมบทได้ศึกษาวิชาธรรมกายกับหลวงพ่อสดจนเป็นที่กระจ่าง ในเดือนกรกฏาคมปีนั้นเอง ได้เดินทางกลับประเทศอังกฤษ พักจำพรรษาอยู่ที่พุทธวิหารในกรุงลอนดอนเป็นเวลา ๕ ปี
    ปีพุทธศักราช ๒๕๐๔ ได้กลับมาประเทศไทยอีกครั้ง ได้พำนักอยู่วัดชลประทานรังสฤษฎ์ กรุงเทพฯ ในความดูแลของหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ วัดชลประทานรังสฤษดิ์ จังหวัดนนทบุรี
    วันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๐๖ ได้มีโอกาสเข้ามาศึกษาข้อวัตรปฏิบัติในสำนักวัดป่าบ้านตาดครั้งแรกในความดูแลของหลวง
    ตามหาบัวญาณสมฺปนฺโน ตำบลบ้านตาด อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี เกิดความเลี่อมใสในมรรคปฏิปทาเป็นอย่างยิ่ง มองเห็นช่องทางที่จะหลุดพ้นไปจากทุกข์ได้จึงถวายตัวเป็นศิษย์ และอยู่จำพรรษาเรื่อยมา
    อุปสมบทครั้งที่ ๒ อายุ ๓๙ ปี ในคณะสงฆ์ธรรมยุติกนิกาย ด้วยวิธีทัฬหีกรรม (คือทำการบวชซ้ำโดยไม่ต้องลาสิกขาบท) เมื่อวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๐๘ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร ตำบลบางลำพู อำเภอพระนคร กรุงเทพมหานคร ได้รับนามฉายา ภาษามคธว่า “ปญฺญาวฑฺโฒ” บวชพระพร้อมกันกบพระอาจารย์เชอรรี่ อภิเจโต วัดป่าบ้านตาด โดยมี สมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช (เจริญ สุวฑฺฒโน) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระเทพญาณกวี เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน) เป็นพระอนุสาวนาจารย์
    ท่านละสังขารเข้าสู่แดนบรมสุขด้วยโรคมะเร็งที่ลำไส้ในวันพุธที่ ๑๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ เวลา ๐๘.๓๐ น. ตรงกับวันขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๙ ปีวอก สิริรวมอายุได้ ๗๘ ปี ๑๐ เดือน ๓๘ พรรษาฯ

    .png

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  9. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    หลวงปู่เชอรี่ อภิเจโต

    พระอาจารย์เชอรี่ อภิเจโต เป็นพระภิกษุชาวต่างชาติ รุ่นเดี่ยวกับท่านพระอาจารย์ปัญญา ที่ดำรงขันธ์อยู่ องค์ท่านเข้ามาศึกษาธรรมะกับหลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน และยัตติเป็นธรรมยุติพร้อมท่านพระอาจารย์ปัญญาเมื่อปี 2507 ได้ ฉายาว่า “อภิเจโต” ผู้มีเจโตปริยญาณใหญ่ ท่านพระอาจารย์เป็นผู้มักน้อย สันโดษ ถือข้อวัตร ปฏิปทา ตามหลวงตา มีแต่ผ้าสามผืน อัฐบริขาล ใบมีดโกน ในกุฏิท่านพระอาจารย์ไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวก วัตถุสิ่งของ และปัจจัย 4 พระอาจารย์มีนิสัยชอบอดอาหาร และนั่งภาวนาเป็นเวลานานๆ ไม่ชอบพบปะผู้คน พูดน้อย ท่านเป็นผู้บริสุทธิ์มาก หลวงตาพระมหาบัวเคยกล่าวถึงท่านพระอาจารย์ว่า”ท่านเชอรี่ ท่านไม่ยึดติดอะไร ปล่อยวางหมดแล้ว” มาระยะหลัง หลวงตาช่วยชาติ พระอาจารย์จึงเริ่มสงเคาระห์โลก เมตตาสอนธรรมะแก่ลูกศิษย์และนักภาวนา โดยเฉพาะเรื่องเจโต การรู้วาระจิต ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดี่ยวกันว่า “ท่านรู้วาระจิตจริงๆ” มีบุคคลท่านหนึ่งไปกับเพื่อนในงานบุญประทายข้าวเปลือก เพื่อนขอยืมเงินทำบุญ 60 บาท จริงแล้วเพื่อนๆมีเงิน 500 แต่ครุ่นคิดว่าจะทำบุญดีหรือไม่ บุคคลท่านนี้คิดในใจว่า “ยืมเงิน 60 บาท ขอบุญครึ่งหนึ่งล่ะกันเพื่อน” อยู่ดีๆพระอาจารย์มาจากไหนไม่รู้มาจับมือเพื่อนแล้ว บอกว่า”การทำบุญอย่าตระหนี่ถี่เหนียวนะ ทำบุญให้ตั้งอกตั้งใจ ให้ได้ทั้งบุญนอก บุญใน เข้าใจมั่ย” แล้วท่านก็เดินจากไป ทั้งสองคนต่างตกใจ ว่าท่านรู้ได้ยังไง เพราะคุยกันสองคนและท่านก็ไม่ได้อยู่แถวนั้นด้วย อยู่ดีๆท่านเดินมาจากไหนไม่รู้ ทำให้ทั้งสองศรัทธาและเห็นผลในพระพุทธศาสนา โดยมีพระอาจารย์เป็นเครื่องยืนยัน อีกเรื่อง จริงๆมีอีกมาก เล่าพอสังเขป มีพี่ท่านหนึ่ง ทะเลาะกับพ่อแม่ แล้วหนีออกมาจากบ้าน ต้องการหลักใจเลยมาวัดป่าบ้านตาด แล้วมากราบพระประธานที่ศาลา ปรากฏว่าพระอาจารย์มาจากไหนไม่รู้ แล้วเดินขึ้นศาลา แล้วกล่าวว่า “ตี๋(ขออนุญาตสมมุติชื่อ) ตี๋อยู่ไหน เราจะคุยกับตี๋” พี่ท่านนี้แปลกใจมากว่า ท่านรู้ชื่อเล่าได้ยังไง แล้วพระอาจารย์ก็เทศน์สอนพี่ว่า “พ่อแม่เราอย่าไปทะเลาะกับท่าน ให้มีความเคารพกตัญญูท่าน ท่านเป็น on 1 ” พี่ท่านนี้ทราบว่าท่านรู้วาระจิตจริงๆเพราะพึ่งทะเลาะกับพ่อแม่มาและท่านทราบชื่อทั้งที่เจอครั้งแรก และไม่ได้บอกมาก่อนด้วย ทำให้พี่ท่านนี้เกิดความศรัทธาตั้งมั่นในพระอาจารย์และถือธรรมของท่านเป็นหลักในการดำรงชีวิต
    สมแล้วที่ท่านพระอาจารย์ ได้ฉายาว่า”อภิเจโต” ผู้มีเจปริยญาณใหญ่

    -อภิเจโต.png

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  10. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    การถวายทานด้วยเครื่องบริโภคที่ถูกต้องตามพระวินัย

    ผู้พิมพ์ได้อ่านพบ เรื่องการถวายทานด้วยเครื่องบริโภคที่ถูกต้องตามพระวินัยแด่พระภิกษุสงฆ์ ที่คุณเมืองแก้วได้เขียนไว้ เห็นว่าน่าจะมีประโยชน์สำหรับบางท่านที่อาจจะยังไม่ทราบเรื่องนี้มาก่อน จึงได้พิมพ์มาฝากท่านผู้อ่านเผื่อจะได้ทราบเรื่องอาหารที่เราควรจะนำไปถวายพระภิกษุกัน

    อาหารที่ถวายพระนั้นถ้ามีเนื้อสัตว์ ก่อนจะถวายต้องทำให้สุกด้วยไฟเสียก่อน เช่นต้ม ทอด ย่าง ถ้าอาหารนั้นไม่สุกด้วยไฟ เช่นสุกด้วยมะนาวหรือยังดิบอยู่ หรือยังสุกๆ ดิบๆ หากพระฉันเข้าไปจะเป็นอาบัติทุกฎ

    อาหารบางอย่างเรามักนึกไม่ถึงว่ายังไม่สุกด้วยไฟ เช่น น้ำพริกปลาทู ก่อนจะนำกะปิมาตำน้ำพริก จะต้องนำมาห่อใบตองปิ้งให้สุกก่อน หรือไข่ดาวและไข่ต้ม จะต้องต้มหรือทอดให้ไข่ขาวและไข่แดงสุกแข็งทั่วกัน หากยังเหลวเป็นยางมะตูมอยู่ถือว่ายังไม่สุก หรือส้มตำใส่ปลาร้าหรือปูก็จะต้องต้มปูเค็มหรือต้มปลาร้าเสียก่อน เป็นต้น

    มีเนื้อ ๑๐ ชนิดที่ห้ามพระเณรฉันทุกกรณี ได้แก่ เนื้อมนุษย์ เนื้อสุนัข เนื้อช้าง เนื้อม้า เนื้องู เนื้อราชสีห์ เนื้อเสือโคร่ง เนื้อเสือดาว เหนือเสือเหลือง เนื้อหมี นอกจากนั้นฉันได้ทุกชนิดแต่ต้องไม่ประกอบด้วยสามเหตุคือ

    – ไม่เห็นว่าเขาฆ่ามาเพื่อตน
    – ไม่ได้ยินว่าเขาฆ่ามาเพื่อตน
    – ไม่สงสัยว่าเขาฆ่ามาเพื่อตน

    เพราะฉะนั้นชาวพุทธเราเวลาประกอบอาหารถวายพระ ห้ามบอกพระล่วงหน้าว่าจะเอาอาหารชื่อนั้นชื่อนี้มาถวาย เพราะจะทำให้ท่านฉันไม่ได้ หากฉันเข้าไปจะเป็นอาบัติ

    อีกประการหนึ่งผักหรือผลไม้ที่จะนำมาถวายพระ หากมีเมล็ดแก่ที่สามารถนำไปปลูกให้งอกได้ อย่างส้ม แตงโม มะเขือสุก หรือมีส่วนอื่นที่นำไปปลูกได้ไม่ว่าจะเป็น ลำต้น ราก หัวก็ดี เช่น ผักบุ้ง ใบโหรพา หัวหอม จะต้องทำวินัยกรรมที่มักเรียกว่า “กัปปิยะ” เสียก่อน พระท่านจึงจะฉันได้ หากไม่ทำกัปปิยะก่อนแล้วพระฉันเข้าไปจะเป็นอาบัติทุกฎ

    เรื่องนี้สืบเนื่องมาจากพระวินัยที่ห้ามภิกษุพรากของเขียว คือตัดต้นไม้ เด็ดใบไม้นั่นเอง ซึ่งรวมไปถึงผลไม้หรือลำต้นที่สามารถนำไปปลูกให้งอกได้ด้วย

    วิธีการทำกัปปิยะ คือ นำผักหรือผลไม้ที่ต้องทำกัปปิยะมาวางตรงหน้าพระ แล้วพระท่านจะถามว่า “กัปปิยัง กโรหิ” แปลว่า “ทำให้สมควรแล้วหรือ” โยมหรือเณรจะใช้เล็บหรือมีดเด็ดหรือตัดพืชนั้นเพียง ๑ ต้นหรือ ๑ ผล ให้ขาดออกจากกัน พร้อมกับพูดว่า “กัปปิยัง ภันเต” แปลว่า “ทำให้สมควรแล้ว” การทำกัปปิยะกับพืชหรือผลไม้เพียงต้นเดียวหรือลูกเดียว จะมีผลทำให้พระฉันพืชหรือผลนั้นได้ทั้งจานหรือทั้งถาด

    วินัยข้อนี้เห็นนิยมทำกันแต่เฉพาะในสายวัดป่าเท่านั้น เพราะหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล และหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ท่านสอนลูกศิษย์ลูกหาสืบกันมา ไม่ค่อยได้เห็นวัดในเมืองทำกันสักเท่าใด

    สมัยหนึ่งหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล เที่ยวธุดงค์ไปพักที่วัดหนึ่งใน จ.สกลนคร เจ้าอาวาสวัดนั้นซึ่งมีพรรษามากแล้ว เห็นหลวงปู่เสาร์ให้โยมทำกัปปิยะก็ไม่เชื่อถือและกล่าวปรามาสท่าน หลวงปู่เสาร์ท่านก็อธิบายว่า ท่านทำตามคำสอนของพระพุทธเจ้าไม่ได้คิดขึ้นเอง ทันใดนั้นหลวงตาเจ้าอาวาสท่านก็ล้มลงชักกับพื้น ด้วยอำนาจกรรมที่กล่าวปรามาสพระธรรมและพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ

    ฝ่ายพระลูกวัดก็พากันมาเขย่าตัวถามว่าเป็นอะไรไป ท่านจึงรู้สึกตัวขึ้นและกล่าวขอขมาหลวงปู่เสาร์ทันที และแต่นั้นมาท่านก็ทำตามหลวงปู่เสาร์มาจนตลอดชีวิต ครูบาอาจารย์บางรูปท่านสอนลูกศิษย์ว่าหากไปฉันในวัดที่เขาไม่ทำกัปปิยะก่อน ก็ควรเลี่ยงไม่ฉันพืชผลไม้นั้นและไม่ควรไปพูดตำหนิเขาด้วย แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ก็ให้ฉันแต่เนื้อ ระวังอย่าเคี้ยวเมล็ดจนแตก

    http://facebook.com/papah-1241814925839925

    .jpg

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  11. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    พวกฆราวาสที่สำเร็จพระโสดา สกิทาคา อนาคา ผู้มีศรัทธา ผู้มีความยินดีแล้ว พระพุทธเจ้าก็ไม่ได้เลือกว่าต้องนุ่งเหลืองจึงจะสำเร็จ ไม่ใช่ นุ่งขาวก็ไม่ว่า นุ่งเหลืองก็ไม่ว่า หัวโล้นก็ไม่ว่า หัวดำก็ไม่ว่า สำเร็จหมด ชั้นสูงก็ไม่ว่า ชั้นต่ำก็ไม่ว่า สำเร็จหมด ไม่เลือกชั้นวรรณะ ไม่เลือกชาติเลือกภาษา ผู้ที่เข้ามาปฏิบัติธรรมะของพระพุทธเจ้าทำลงไปแล้วไม่มีผลไม่มี ต้องมีผลทีเดียว ทำน้อยก็ได้รับผลตามน้อย ทำมากก็ได้รับผลตามมาก ติดตนเป็นอริยทรัพย์ สมบัติอันนี้ได้รับผลตามกำลัง

    หลวงปู่ขาว อนาลโย
    วัดถ้ำกลองเพล จ.หนองบัวลำภู

    .jpg

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  12. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  13. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    มารดาของ”หลวงพ่อฉลวย อาภาธโร”

    เมื่อ15กรกฎาคม2556นับเป็นวันมหามงคลเนื่องจากโลกได้รับทราบว่ามีพระอรหันต์ได้บังเกิดขึ้นในโลกอีก๑องค์เพื่อเป็นสักขีพยานแก่ชาวโลกก็คืออัฐิได้กลายเป็นพระธาตุทันทีหลักจากการเผาเสร็จในวันจันทร์ที่15กรกฎาคม2556หลวงแม่ชีอุ่น.ไร่พิมาย.ซึ่งเป็นโยมมารดาของหลวงพ่อฉลวย.อาภาธโร.พระผู้พ้นแล้วแห่งวัดโคกปราสาทตำบลหลุ่งตะเคียนอำเภอห้วยแถลงจังหวัดนครราชสีมาหลวงแม่ชีท่านมีบุญมากมีอายุครบ100ปีพอดีท่านรักษาสัญญาไว้กับหลวงพ่อว่าท่านจะอยู่100ปีจึงจะระสังขารแม้อายุของท่านจะมากขนาดนี้แต่ตลอดเวลาท่านยังมีสติสัมปชัญญะดีมากอันเป็นผมมาจากการเจริญภาวนาของท่านมายาวนานและผลบุญที่หลวงพ่อผู้บุตรชายได้เป็นผู้สิ้นกิเลสแล้วอีกทั้งบรรดาลูกหลานท่านอื่นๆต่างก็เป็นนักภาวนาจึงได้เกื้อกูลหนุนส่งบุญซึ่งกันและกัน
    อัศจรรย์อัฐิได้กลายเป็นพระธาตุทันที
    ท่านทั้งหลายสิ่งที่สร้างความอัศจรรย์และความปิติแก่ทุกคนก็คืออัฐิของหลวงแม่ได้กลายเป็นพระอรหันตธาตุทันทีหลังจากการเผาเสร็จและหลังจากการบรรลุธรรมในวินาทีสุดท้ายเพียงสองวันซึ่งความจริงแล้วท่านได้ฟอกธาตุขันธ์มานานแล้วท่านบอกลูกหลานว่าท่านเห็นใจของท่านใสมานานแล้วหลวงพ่อก็บอกเช่นกันว่าหลวงแม่มีญาณรู้เห็นมานานแล้วกิเลสก็เบาบางที่สุดแล้วเพียงแต่ไม่มีปัญญาในการตัดกิเลสให้ขาดสะบั้นเท่านั้นจึงต้องรอเวลาจนถึงในวินาทีสุดท้ายแห่งชีวิตดังนั้นอัฐิของท่านจึงได้กลายเป็นพระธาตุทันทีเพราะการฟอกธาตุขันธ์มานานแล้วนั้นเอง
    หลวงพ่อฉลวย อาภาธโร(บุตรชาย)
    แสดงธรรมโปรดมารดาเป็นครั้งสุดท้าย
    วันเสาร์ที่13กรกฎาคม2556หลังจากหลวงแม่อุ่นผู้เป็นโยมมารดาของหลวงพ่อผู้ติดดินแห่งวัดโคกปราสาทท่านได้เข้าโรงพยาบาลด้วยอาการหมดแรงเป็นเวลา2วันเมื่อญาติได้นำท่านกลับมาที่วัดตามความประสงค์ของท่านไม่กี่นาทีหลังจากได้ฟังธรรมจากหลวงพ่อจบลงท่านก็ได้ระสังขารด้วยอาการสงบในเวลา17.30น.ธรรมที่หลวงพ่อแสดงโปรดมารดาเป็นครั้งสุดท้ายก็คือ”การละธาตุขันธ์ของพระอรหันต์เพื่อเข้าสู่พระนิพพาน”จึงเป็นหน้าที่สุดท้ายของหลวงพ่อที่ได้แสดงออกต่อมารดาผู้มีพระคุณอย่างสมบูรณ์ที่สุดธรรมที่หลวงพ่อแสดงออกมานั้นมีใจความสรุปได้ว่า
    เมื่อธาตุขันธ์จะสิ้นลมมีอาการหมดแรงขยับกายไม่ได้ลมค่อยๆดับวิญญาณจะออกจากร่างมายืนพิจารณากายแล้วจึงทำลายขันธ์ห้ารูปเวทนาสัญญาสังขารวิญญาณให้แตกสลายไปวิญญาณเป็นตัวสุดท้ายที่ต้องทำลายในวินาทีสุดท้ายหากทำลายวิญญาณไม่ได้ก็ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดอีกพระอรหันต์ท่านจึงทำลายขันธ์ห้าได้ก็ต่อเมื่อละสังขารเท่านั้นจึงจะสามารถเข้าสู่นิพพานได้หลวงพ่อเล่าให้ฟังต่อมาว่าผู้ที่กำลังจะตายนั้นวิญญาณจะเข้าๆออกๆคือเวลาจะหมดลมหายใจแต่ละช่วงวิญญาณก็จะออกแต่พอมีลมหายใจกลับมาวิญญาณก็จะเข้าร่างกลับมาเพราะร่างกายยังไม่หมดลมหายใจ
    ส่วนหลวงแม่นั้นเมื่อท่านถูกนำกลับมาถึงวัดและได้ฟังธรรมจากหลวงพ่อแล้วจิตของท่านเข้าสู่สภาวะอันสงบจิตออกจากร่างมายืนพิจารณากายสังขารของตัวเองจนเกิดเบื่อหน่ายขณะเดียวกันหลวงแม่ท่านก็มีใจจดจ่อในธรรมพร้อมกับพิจารณาตามหลวงพ่อแล้วจึงดับรูปขันธ์เวทนาขันธ์สัญญาขันธ์สังขารขันธ์และวิญญาณขันธ์ตามลำดับเมื่อดับได้แล้วจะเหลือแต่”รู้”อยู่ผู้”รู้”เห็นอวิชชาจึงทำลายอวิชชาจนขาดสะบั้นความสว่างไสวบังเกิดขึ้นภพชาติได้สิ้นสุดลงพร้อมกับเข้าสู่แดนพระนิพพานในทันทีท่านบรรลุธรรมและละสังขารในเวลาห่างกันเพียงเศษเสี้ยววินาทีเวลาประมาณ17.30น.ด้วยวัย100ปีนับเป็นวินาทีสุดท้ายแห่งชีวิตและเป็นวินาทีสุดท้ายแห่งการสิ้นภพชาติอันยาวนานของท่าน..

    cr. Anan Anan

    -อาภ.png

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  14. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    เงินทองส่งถึงโรงพยาบาล
    ลูกหลานส่งถึงหลุมศพ
    บุญกุศลส่งถึงภพหน้า
    ภาวนาส่งถึงนิพพาน
    โกรธเขาเราทุกข์
    อภัยเขาเราสุข

    หลวงปู่แหวน สุจิณโณ

    .jpg

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  15. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “ทวนกระแสดูบ้าง”

    …ความสามารถของคนเราก็ต่างกันนะ บางคนทำพอนิดหน่อย ก็บอกว่าหมดความสามารถแล้ว หมดแรงแล้วหละ เอามันจนมันถึงโน้นหละ จึงจะรู้จักว่าพอแรง ก็ว่านักปฏิบัติ นักสู้ ให้ลองดูเสียก่อน เดี๋ยวนี้ ลองดูสักหน่อยหรือยังหละบางคน กว่าจะอดหลับอดนอนเท่านั้นก็ยากแล้วนะ อดกินเท่านั้นก็ยากแล้วนะ เดี๋ยวก็เจ็บท้อง เดี๋ยวก็ปวดหัว เดี๋ยวก็เหนื่อย เดี๋ยวก็ล้า เดี๋ยวก็มีแต่พูดแต่คุย พอจะออกไปเดินจงกรมก็เกียจคร้าน นอนหงายหลังเลยนะ นอนกรนก๊อก ๆ เหล่านั้น มีแต่อุปสรรคที่เราจะต่อสู้ทั้งนั้นหละ ลอง ๆ กดดันดูบ้างนะ ใช้ขันติความอดทนดูบ้าง ทวนกระแสจิตใจลองดู ว่ามันเหนื่อย กูจะไม่เหนื่อย มันอยากนอน กูจะไม่นอน มันเป็นยังไง จะทวนกระแสมันอยู่นี้ ลอง ๆ ดูบ้าง…

    หลวงปู่ศรี มหาวีโร
    เทศนา เรื่อง ปฏิบัติให้หายสงสัย

    .png

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  16. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    เมื่อประมาณปี พศ.๒๕๔๒ หลวงพ่อประสิทธิ์ได้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ที่จังหวัดลำปาง รถยนต์ได้พลิกคว่ำ หลวงพ่อประสิทธิ์ท่านฯ ไม่มีบาดแผล มีแต่รอยฟกช้ำที่แขนข้างซ้าย ทำให้แขนบวม เนื่องมาจากลูกบวบจีวรได้ไปเกี่ยวกับประตูรถยนต์ ท่านฯ จึงได้เดินทางมาที่รพ.วัดสวนดอก(เชียงใหม่) เพื่อตรวจร่างกายและทำการเอ็กเรย์ที่แขนข้างที่ได้รับอุบัติเหตุฯ ปรากฏว่า เมื่อถ่าย x-ray ท่านออกมาปรากฎว่ากระดูกข้างในเป็นแก้วทั้งหมด คุณหมอทั้งหลายที่ใน ร.พสวนดอก(เชียงใหม่) ต่างยกย่องกล่าวขานถึงหลวงพ่อประสิทธิืว่าน่าอัศจรรย์แท้ (ข่าวนี้เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2545)
    ต่อมามีนักข่าวนสพ.ข่าวสด ได้เดินทางมาที่วัดป่าหมู่ใหม่ เพื่อถ่ายรูปขอสัมภาษณ์องค์ท่านฯ ถูกท่านฯเอ็ดต่อว่า ไม่ให้นำข่าวที่กระดูกท่านฯใสเป็นแก้วไปลงตีพิมพ์ แต่ในที่สุดข่าวนี้ได้แพร่กระจายออกไปจนเป็นข่าวโด่งดัง ในเวลาต่อมา
    ขณะนั้นได้มีลูกศิษย์คนหนึ่ง ได้มีโอกาสฟังหลวงพ่อประสิทธิ์ เล่าเหตุการณ์ที่ท่านฯ ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่ีลำปาง และได้เห็นฟีลม์เอ็กซ์เรย์ที่กระดูกใสเป็นแก้ว และได้มีวาสนามีโอกาสรับใช้อุปัฐฐากหลวงพ่อฯ เป็นผู้นวดถวายแขนที่บวมฟกช้ำ จนกระทั่งแขนท่านค่อยดีขึ้นและหายในที่สุด จึงได้มีโอกาสได้ใกล้ชิดนวดถวายท่านฯทุกคืน และได้ฟังธรรมและเรียนถามปัญหาธรรมสนทนาธรรมกับองค์ท่านฯเป็นประจำทุกคืน
    หลวงพ่อประสิทธิ์ ท่านเป็นเสาหลักของพระกรรมฐานภาคเหนือ
    ท่านฯ มีวัดสาขามากมายกว่า ๓๐ วัด ในเขตนอกตัวเมืองเชียงใหม่
    เมื่อพระลูกศิษย์ท่านฯ ได้อยู่อบรมฝึกฝนนิสัยข้อวัตรปฏิบัติมาพอสมควร
    หลวงพ่อประสิทธิ์ จะส่งพระไปฝึกฝนอบรมตนตามวัดสาขาต่างๆ
    เนื่องจากวัดสาขาจะตั้งอยู่ในถิ่นทุรกันดารขาดแคลนปัจจัยไทยทาน
    แต่เพื่อเป็นการฝึกศิษย์แต่ละองค์ให้ไปยังสถานที่วิเวกฝึกฝนตน
    และองค์ท่านฯจะไปเยี่ยมเกือบทุกเดือนโดยนำสิ่งของจำเป็นไปมอบให้เสมอ
    เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่หมู่ศิษย์ที่หลวงพ่อไม่เคยทอดทิ้งศิษย์คนใด
    หลวงพ่อท่านฯ จึงเป็นที่เคารพรักของหมู่ศิษย์ทุกคน
    ในทุกปักษ์พระลูกศิษย์ของท่านฯ จะมาฟังพระปาฏิโมกข์ที่วัดป่าหมู่ใหม่ พระที่จะขึ้นสวดพระปาฏิโมกข์จะต้องมาสวดทวนให้หลวงพ่อฟังก่อนขึ้นสวด เพื่อตรวจสอบอักขระและการออกเสียงที่ถูกต้องตามสำนวนพระบาลี
    ทั้งนี้ นอกจากมาฟังสวดพระปาฏิโมกข์แล้วยังเป็นการมาฟังโอวาทธรรมของท่านฯ ถือเป็นการรวมตัวกันของพระป่ากรรมฐานศิษย์ของหลวงพ่อท่านฯ
    จากพระธรรมเทศนา ตอนหนึ่งที่ยกมา
    “พระหมดกิเลสในสายหลวงปู่มั่น นี้ก็ไม่ใช่น้อย แต่ท่านไม่เปล่งบอกใครเพราะเกี่ยวกับอรรถกับธรรมเห็นธรรม ดีเลิศกว่า แต่ที่เราบอกเราก็ไม่ได้อวดอุตริ ใด ๆ ทั้งสิ้น จริงคือจริงไม่มีปิดบัง ไม่สงสัยในธรรม ใครจะเอาตำราไหนมาอ้าง ก็ให้มันเอามาได้เลย ที่วัดป่าบ้านตาด เราไม่สะทกสะเทือน จะชี้แจงแถลงไขให้เข้าใจเอง เอ้าเชิญมา…..”
    นี่ล้วนเป็นพระอริยสงฆ์เนื้อนาบุญของโลก…สายท่านจารย์มั่น มีเยอะนะที่สำเร็จอรหันต์..อริสงฆ์มากมายนับไม่ถ้วนทั้งศิษย์ ทั้งรุ่นลูกร่นหลาน รุ่นเหลนมีหมด…นี่นะศิษย์ดี ครูดี..ปฏิบัติดี..ปฏิบัติตรงปฏิบัติชอบ..อยู่ในป่าในเขาอีกก็มาก..ที่ท่านไม่ชอบคุกคลีกับหมู่คณะท่านเพียงเพื่อบำเพ็ญเพียรทางจิตโดยถ่ายเดียวเป็นพอ…. ท่านเหล่านี้ไม่ใช่พระขี้ทูตนะ ไม่ใช่พระโกเรโกโส นะ ท่านเป็นพระแท้พระจริงนะท่านไม่ใช่พระเทียม ท่านไม่ใช่มารศาสนาอลัชชีเดียรถีย์ทั้งหลายที่แอบอ้างนะ นี่แหละท่านที่ประเสริฐ สมควรแก่การกราบไหว้บูชา
    เป็นเนื้อนาบุญของโลก ใครมาทำทานด้วยแล้วก็ได้บุญได้กุศลร้อยเปอร์ซ็น ไม่มีแคลบเคืองใจดูเอานะ…..กว่าจะได้ธรรมมาแทบเป็นแทบตาย ไม่ใช่ได้มาง่าย ๆ นะ นั่งภาวนาจนก้นเลือเยิ้มออก สลบแล้วสลบอีก ร่างกายซุบผอม นี่ไม่ใช่ธรรมดาเป็นการขัดเกลากิเลส อดหลับอดนอบผ่อนสั้น ผ่อนยาว จึงจะได้มาได้มาง่าย ที่ไหนละธรรม………..
    ท่านที่มรณภาพแล้วอัฐิท่านก็แปรเป็นพระธาตุ..เขาเรียกว่าธรรมมาซักฟอกขัดกิเลสจนกระดูกเป็นธาตุวรรณะสีใส…บางท่านก็เป็นได้ตั้งแต่ยังไม่มรณภาพก็มีหลายท่าน เช่นหลวงปู่แหวนเรา นี่ก็ใช่…นี่แหละธรรมเกินคิดเกินคาดเกินฝันขนาดไหน
    ให้พากันตั้งใจทำประพฤติปรพปฏิบัติทำเอาเอง..อย่ามัวถามผู้อื่น…เอาละ….. ”

    cr.สายธรรม กรรมฐาน

    -พศ-๒๕๔๒-หล.png

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  17. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    พระหมอที่โดนคนร้ายยิงจนมรณะภาพพระอัฐิธาตุท่านแปรเป็นพระธาตุ”คนที่ฆ่าและจ้างวานคือได้ทำอนันตริยกรรมห้ามสวรรค์นิพพานมีนรกอเวจีเป็นที่หมายที่ต้องไปแน่นอนเมื่อตาย”
    ประวัติพระอาจารย์บัณฑิต.สุปัณฑิโต.ท่านเป็นผู้มีจิตใจใผ่ในการศึกษาเล่าเรียนมาแต่เล็กการเล่าเรียนทางโลกท่านเข้าเรียนมัธยมต้นที่โรงเรียนสวนกุหลาบและมัธยมปลายที่เตรียมอุดมจากนั้นท่านสอบเข้าคณะแพทย์ศาสตร์จุฬาฯจากนั้นท่านได้รับตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลของอ.ไชยวานจังหวัดอุดรธานี
    ชีวิตในวัยเยาว์ของท่านเนื่องจากบิดาของท่านมีศรัทธาในองค์หลวงตามหาบัว.ญาณสัมปันโนจึงทำให้ท่านมีโอกาสใกล้ชิดกับหลวงตาท่านมาแต่เด็กต่อมาวันหนึ่งบิดาของท่านตั้งใจจะให้ลูกได้บวชเณรอยู่กับองค์หลวงตามหาบัวแต่ปรากฏว่าองค์หลวงตาไม่รับพร้อมทั้งบอกว่าโน้นให้ไปโน้นไปหาหลวงปู่เกล้า.วัดถ้ำเกียจังหวัดอุดรธานีเมื่อพ่อของท่านพาท่านไปฝากตัวเป็นศิษย์หลวงปู่เกล้าหลวงปู่เกล้าก็ทักท่านว่าอดีตชาติเป็นหลานของหลวงปู่มาก่อนส่วนแม่ของท่านเคยเป็นลูกสาวขององค์หลวงปู่และพ่อของท่านเป็นลูกเขยมาแต่อดีตชาติ
    พระอาจารย์บัณฑิต.สุปัณฑิโต.ได้บวชกับองค์หลวงปู่จันทร์ศรี.จันททีโป.วัดโพธิสมภรณ์จังหวัดอุดรธานีหลังจากที่บวชแล้วมีโอกาสเข้าศึกษาธรรมกับหลวงปู่บุญจันทร์.กมโล,หลวงปู่หล้า.เขมปัตโต,หลวงตามหาบัว.ญาณสัมปันโน,หลวงปู่ลี.กุสลธโล,พระอาจารย์อินทร์ถวาย.สันตุสสโก.เป็นต้น
    ในพรรษาที่สามหลังจากที่ท่านได้ปฏิบัติภาวนามาอย่างยิ่งแล้วในเช้าวันหนึ่งท่านได้เทศนาธรรมให้โยมมารดาของท่านฟังโยมมารดาของท่านนึกว่าท่านธรรมแตกถึงกับร้องห่มร้องไห้รีบโทรแจ้งพระอาจารย์อินทร์ถวายเช้าวันนั้นพระอาจารย์อินทร์ถวายรีบมาโดยยังไม่ได้ฉันเช้าเพราะเป็นห่วงพระอาจารย์บัณฑิตเข้าไปสอบอารมณ์อยู่นานพอพระอาจารย์อินทร์ถวายสอบอารมณ์เสร็จก็บอกกับโยมแม่ของพระอาจารย์ว่า”ลูกโยมนะผ่านแล้วมีแต่โยมแหละที่ยังบ้าอยู่”พระอาจารย์อินทร์ถวาย.สันตุสสโก.วัดป่านาคำน้อยพูดกับโยมแม่ของพระอาจารย์บัณฑิต.สุปัณฑิโต

    cr. กองทัพธรรม พระกรรมฐาน

    .png

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  18. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    การรักษาศีลนี้…
    ต้องทำด้วยตัวเอง
    จะไปขอศีลจากใครไม่ได้
    ที่สมัยนี้นิยมไปขอศีลจากพระ
    ความจริงแล้วพระไม่ได้ให้ศีล
    เพียงแต่สวดสอนให้เรารู้จักศีลในแต่ละข้อ
    และแนะให้เรารักษาศีลเท่านั้น
    ที่เหลือต้องทำเองหมด

    คติธรรมคำสอน : หลวงปู่ขาว อนาลโย

    .jpg

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  19. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    เจตนาตัวเดียว

    ทำบุญน้อย แต่เจตนาดี ได้มาก
    เจตนาไม่ดี ให้ทานมาก ก็ไม่ได้

    หลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม อ.ลี้ จังหวัดลำพูน
    เป็นสถานที่พระพุทธเจ้าเคยเสด็จมา เผยแผ่พระพุทธศาสนาพระองค์ท่านทรงระลึกชาติได้ว่าเคยเกิดเป็นพระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นพระโค สิ้นใจตายอยู่ที่สถานที่แห่งนี้จึงมาโปรดตอนนั้นหลวงปู่ท่านป็นพระดาบสอยู่ท่านมีสังขารที่ไม่เน่าเปลื่อย

    .jpg

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  20. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    พากันทำภาวนาไป…
    วันหนึ่งๆ อย่าให้ขาด อย่าให้มันเสียเวลาไป ภาวนาไป
    ชั่วโมงหรือยี่สิบ สามสิบนาที อย่าให้มันขาด อาศัยอบรมจิตใจของตน ทำมันไป ขัดเกลาใจของตน ใจมันมีโลภะ โทสะ โมหะเข้าครอบคลุม ใจจึงเศร้าหมอง
    .
    ธรรมชาติจิตเดิมแท้นั้น เป็นธรรมชาติผ่องใส ปภสฺสรมิตํ ภิกฺขเว จิตฺตํ ตญฺจโข อาคนฺตุเกหิ อุปฺกิเลเสหิ อุปฺกกิลิฏฺฐํ ธรรมชาติจิตเดิมเป็นของเลื่อมประภัสสร เป็นของใสสะอาด แต่มันอาศัยอาคันตุกะกิเลสเข้าครอบงำย่ำยี ทำให้จิตเศร้าหมองขุ่นมัวไป เพราะฉะนั้นให้พากันทำ อย่าประมาท อย่าให้มันเสียชาติ อย่าให้มันโศกเศร้าเป็นทุกข์ มนุสฺสปฏิลาโภ ความได้เกิดเป็นมนุษย์เป็นลาภอันประเสริฐ ให้พากันทำ อย่าให้มันเสียไป วันคืนเดือนปีล่วงไปๆ อย่าให้มันล่วงไปเปล่า ประโยชน์ภายนอกก็ทำ
    ประโยชน์ของตนนั่นแหละมันสำคัญ พระพุทธเจ้าว่าให้ทำประโยชน์ของตนเสียก่อน แล้วจึงค่อยทำประโยชน์อื่น

    คติธรรมคำสอน :หลวงปู่ขาว อนาลโย
    ภาพ:หลวงปู่ขาว อนาลโย และหลวงปู่ฝั้น อาจาโร

    .jpg
    1504259044_322_พากันทำภาวนาไป.jpg
    1504259044_878_พากันทำภาวนาไป.jpg
    1504259044_225_พากันทำภาวนาไป.jpg
    1504259044_933_พากันทำภาวนาไป.jpg

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...