ทีมเก็บกู้ซากช้างป่านำแกลลอนผูกทำแพ เร่งชักลากชิ้นส่วนช้างชำแหละออกจากน้ำตกเหวนรก (คลิป) –...

เจ้าหน้าที่เข้าปฏิบัติการ ณ น้ำตกเหวนรก สลายซากช้างป่าตัวแรกในจำนวน 11 ตัว เสร็จแล้วนำใส่ถุง ใช้เรือลากมาฌาปนกิจในวัดที่นครนายก สั่งเข้ม ห้ามผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปเด็ดขาด


วันที่ 10 ต.ค. ปฏิบัติการกู้ซาก ”11 ช้างป่า” ตกน้ำตกเหวนรก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ได้ส่งทีมเจ้าหน้าที่นั่งเรือจากเขื่อนขุนด่านฯ วิ่งทวนขึ้นไปที่จุดที่พบซากช้าง เพื่อย่อยซากนำลงมาทำพิธีเผาที่วัดท่าด่าน อ.เมืองนครนายก




เมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางไปถึงบริเวณตาข่ายที่ดักซากช้าง พบว่ากระแสน้ำมีสีแดงขุ่น เป็นฟองและเน่าเหม็นเป็นอย่างมาก เชื่อว่าที่น้ำเปลี่ยนสีมีฟองนั้น น่าจะมาจากซากช้างที่เน่าไหลลงสู่น้ำในเขื่อนแล้ว ซึ่งการปฏิบัติภารกิจเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากในช่วงสายทีมงานที่เข้าไปเจอฝนตกหนักในพื้นที่ ทำให้เจ้าหน้าที่บางส่วน ต้องถอนกำลังออกมา


ขอบคุณที่มา
https://www.thairath.co.th/news/local/central/1679668

 

จนท.อุทยานเดินทางด้วยเรือจากเขื่อนขุนด่านฯ แล้วเดินเท้าเข้าถึงซากช้างป่า 2 ตัวที่ไหลตามกระแสน้ำมาติดที่โขดหิน โดยกระแสน้ำที่ไหลแรง ทำให้ไม่สามารถเข้าถึง แต่คาด 1-2 วันน่าจะกู้ซากมาจัดการได้


เมื่อวันที่ 9 ต.ค.62 หลังจากที่ นายวิชัย พรลีแสงสุวรรณ์ ผอ.ส่วนอุทยานแห่งชาติ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 (ปราจีนบุรี) ได้ทำการปล่อยแถวปฏิบัติภารกิจกู้ซากช้าง จำนวน 30 นาย ประกอบด้วย กำลังพลของศูนย์กู้ภัยอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เจ้าหน้าที่กู้ภัยฮุก 31 เจ้าหน้าที่สมาคมตอบโต้ภัยพิบัติ และทีมสัตวแพทย์ เพื่อเข้าไปตรวจสอบสภาพช้างและพื้นที่ทำลานเฮลิคอปเตอร์

เจ้าหน้าที่พร้อมกองทัพสื่อมวลชนได้ร่วมกันเดินทางโดยเรือจากเขื่อนขุนด่านปราการชล ไปจนถึงจุดคลองต้นไทร ต้องใช้เวลาประมาณ 30 นาทีจึงเดินทางไปถึง และต้องเดินลุยน้ำ ขึ้นเขา ลัดเลาะไปตามแก่งหินด้วยความยากลำบาก ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1 ชม. ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ช่วยกันวางตาข่ายชั้นในเพื่อป้องกันซากช้างที่จะไหลลงไปในเขื่อนขุนด่าน เมื่อเดินทางไปถึงบริเวณดังกล่าวทุกคนเริ่มได้กลิ่นซากช้างเน่าส่งกลิ่นเหม็นลงมาด้านล่าง



จากจุดวางตาข่าย ทางเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ไม่ยอมให้ผู้สื่อข่าวเดินทางต่อเข้าไปเพื่อถ่ายภาพช้างเน่าที่ส่งกลิ่นเน่าเหม็นลงมา มีเพียงเจ้าหน้าที่กำลังพลของศูนย์กู้ภัย ของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เจ้าหน้าที่กู้ภัยฮุก 31 เจ้าหน้าที่สมาคมตอบโต้ภัยพิบัติและทีมสัตวแพทย์ ได้เดินทางต่อขึ้นไปด้านบน จากการสอบถามทางเจ้าหน้าที่ทราบว่า จากจุดวางตาข่ายชั้นใน ต้องใช้เวลาเดินขึ้นเขา ไปอีกประมาณ 300 เมตร ใช้เวลาเดินไปอีกประมาณ 1 ชม. ทุกคนก็เห็นซากช้าง 2 ตัว ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับทางเจ้าหน้าที่ และเริ่มส่งกลิ่นเน่าเหม็นไปทั่วบริเวณ ซากช้างทั้ง 2 ได้ถูกน้ำพัดลงมาจากชั้นที่ 5 ไปติดโขดหินขนาดใหญ่ ที่อยู่ห่างกันประมาณ 30 เมตร ซึ่งบริเวณดังกล่าวมีกระแสน้ำไหลแรง ทางเจ้าหน้าที่ไม่สามารถจะเดินทางเข้าไปที่ตัวซากช้างได้



ทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง จึงได้บันทึกภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว รวมทั้งใช้โดรนบินบันทึกภาพ เพื่อนำภาพทั้งหมดลงมาตรวจสอบ เพื่อให้ผู้บริหารที่เกี่ยวข้องนำภาพมาวิเคราะห์ วางแผนในการจัดการกับซากช้าง 2 ตัว หลังจากทางเจ้าหน้าที่ได้บันทึกภาพและเก็บข้อมูลเรียบร้อยแล้ว จึงได้เดินทางกลับและในระหว่างการเดินทางทั้งไปและกลับทางเจ้าหน้าที่พร้อมสื่อมวลชน ต้องประสบปัญหาในการเดินทางเนื่องจากมีฝนตกหนักมาในพื้นที่เป็นจำนวนมาก



นายจงคล้าย กล่าวว่า คิดว่า 1-2 วันนี้คงกู้ซากขึ้นมาจัดการ การกู้ให้ช้างไหลลงมาหรือดึงขั้นมา เราสามารถทำได้ทั้งสองอย่าง ภ้าเราสามารถทำให้ช้างไหลลงมาได้และติดตาข่าง ก็จะจัดการง่าย แต่ตอนนี้ซากช้างติดโขดหินอยู่ อาจต้องมีการชำแหละและนำลำเลียงออกมา


อ่านเพิ่มเติม…

ขอบคุณที่มา
https://www.thairath.co.th/news/local/east/1679123

 

ความคืบหน้าเหตุโศกนาฏกรรมช้างป่ารวม 11 ตัว พลัดตกน้ำตกเหวนรก ซึ่งเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ และมีความสูงที่สุดของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มรดกโลก ความสูงประมาณ 80 เมตรเศษ และรอดตาย 2 ตัว เป็นที่สนใจของประชาชนทั่วไป และคนทั่วโลก ตามที่เสนออย่างต่อเนื่องนั้น

เมื่อเวลา 15.30 น.วันที่ 10 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงาน ทีมเก็บกู้ซากช้างป่า ที่พบในน้ำตกเหวนรกชั้นที่ 5 ได้เดินทางออกจากท่าเรือเขื่อนขุนด่านปราการชล จ.นครนายก ขึ้นไปทางต้นน้ำล่องเรือเข้าคลองต้นไทร ระยะทางกว่า 6 กิโลเมตรเศษ จากนั้นเดินเท้าต่อไปอีกกว่า 2.8 กิโลเมตร ระหว่างทางมีฝนตกหนัก และแรงน้ำจากเหวนรก โดยทีมเก็บกู้ได้เดินเท้าจากปลายน้ำเขื่อนขุนด่านปราการชล ตัดผ่านโค้งจุดต้นไทร ขึ้นเนินเขา พบซากช้าง 2 ตัว โดยทีมเก็บกู้สามารถเข้าไปจนถึงเป้าหมายซากช้างตัวที่ 1 และซากช้างตัวที่ 2 ได้สำเร็จเมื่อเวลา 10.30 น.แต่ยังไม่สามารถเก็บกู้ได้ เนื่องจากฝนตกหนัก ปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และเพื่อความปลอดภัย จึงปรับแผนใหม่อีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า จากสภาพที่ฝนตกหนัก ส่งผลให้ลำน้ำคลองต้นไทรที่ไหลมาจากน้ำตกเหวนรก สีขุ่นข้น พร้อมพัดพาเศษไม้จากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ลงมาจำนวนมาก ทางเรือของทีมผู้สื่อข่าวกว่า 30 คน ที่ติดตามการทำลายซากช้าง ได้ไปถึงคลองต้นไทร จุดที่มีการกางตาข่ายขนาดใหญ่กั้นลำน้ำเพื่อดักช้างป้องกันไม่ให้ซากช้างไหลลงเขื่อนขุนด่านปราการชล พบระดับน้ำที่สีขุ่นข้น และระดับเพิ่มสูงมากกว่า 50 เซ็นติเมตร เจ้าหน้าที่ป่าไม้จึงขอให้กลับขึ้นฝั่งมารอที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ขญ.21 (เขื่อนขุนด่านปราการชล) ด้านหน้าเพื่อความปลอดภัย โดยพบว่าเจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้นำปูนขาวบรรทุกใส่รถบรรทุก 6 ล้อ เพื่อนำไปให้โดรนของสมาคมต่อต้านภัยพิบัติแห่งประเทศไทย นำไปโปรยทางอากาศใส่ซากช้างที่เลยต่อจากน้ำตกชั้นที่ 5 เข้าไป เพื่อให้ซากช้างย่อยสลาย เนื่องจากคนไม่สามารถเข้าไปถึง และพบว่าได้มีการเตรียมแกลลอนพลาสติกสีขาวนับกว่า 100 ใบ เพื่อนำมาเป็นทุ่นในการทำแพใช้ลอยลากเศษเนื้อ และชิ้นส่วนช้างป่า 2 ตัว หลังป่าไม้ย่อยสลายแล้วลากออกมา



นายวิชัย พรลีแสงสุวรรณ ผู้อำนวยการส่วนอุทยาน สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 (ปราจีนบุรี) กล่าวว่า เมื่อเช้าทีมของทั้งกรมอุทยาน สมาคมตอบโต้ภัยพิบัติ และชุดกู้ภัยเข้าไป ได้ปฏิบัติ 2ภารกิจ คือ ชุดสมาคมภัยพิบัติ จะผลักดันซากช้างออกมาหาฝั่งจากซอกหิน ทีมของอุทยานฯ จะเป็นผู้ย่อยซากช้าง อีกภารกิจหนึ่งคือบินโดรนย้อนเข้าไปดูว่ามีซากช้างป่าไหลหลุดออกมาตามน้ำหรือไม่ อย่างไร ซึ่งชุดปฏิบัติบัติภารกิจยังไม่ออกมา ภารกิจยังไม่แน่ใจว่าจะทำได้แค่ไหน เนื่องจากฝนตกหนักมากที่ทุ่งงูเหลือมเหนือเหวนรกมา ได้สั่งการไปแล้วว่าถ้าหากปริมาณน้ำมา ให้ถอนกำลัง และยุติภารกิจทันที เพื่อเซฟชีวิตของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายให้ปลอดภัยจากน้ำป่าไหลหลาก

“วันนี้ได้นำกล่องมาไว้ใส่ย่อยซากช้างหลังย่อย ชำแหละ แล้วบรรจุใส่ในถุง จากน้ำนำแกลลอนผูกเป็นทุ่น แพ เพื่อลอยน้ำ นำเรือชักลากออกมา ผ่านสันเขื่อนไปวัดท่าด่านใกล้ๆ เขื่อนขุนด่านปราการชล ทำพิธีทางศาสนา ชิ้นส่วนหัว ขา หาง ส่วนอื่นๆ ที่เปื่อยง่าย ผสมด่างทับทิม ผสมน้ำโรยฆ่าเชื้อ ส่วนเศษเล็กเศษน้อย ไม่มีผลกระทบน้ำในเขื่อน ถ้าฝนตกภารกิจจะยืดเยื้อ เนื่องจากเหวนรกแคบ ลึก ชัน หากน้ำมาจะอันตรายกับทีมงาน ถ้าน้ำมาก มาเร็ว จะขึ้นกับหน้างาน และสถานการณ์ จากเวลาที่ช้างตายตั้งแต่วันที่ 5-10 ตุลาคม ในเวลาที่กระชั้นชิดเข้ามา การทำงานมีเรื่องกลิ่น ด้านคุณภาพน้ำในเขื่อนไม่มีผลกระทบ เพราะ จ.นครนายก จะตั้งคณะทำงานในการตรวจสอบคุณภาพน้ำในการยืนยันกับประชาชนต่อไป” นายวิชัย กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่หน้าที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ นายครรชิต ศรีนพวรรณ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ นายสมโภชน์ มณีรัตน์ โฆษกกรมอุทยานฯ ดร.ลองลาภ สุขมาสรวง รองภาควิชาชีววิทยา ป่าไม้คณะวนศาสตร์ มหาลัยวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ร่วมปรึกษาหาแนวทางความเป็นได้ร่วมกัน ในการป้องกัน และแก้ไขปัญหาช้างป่าตกน้ำตกเหวนรกเสียชีวิต คือการจะทำแนวเพนียดเสาปูนขนาดใหญ่ไม่ให้ช้างเดินผ่าน และการทำสะพาน ทางให้ช้างเดินข้ามลำน้ำเหนือน้ำตก จากนั้นได้ลงพื้นที่ไปยังจุดแนวเพนียดกั้นช้าง และทางด่านช้างที่จะสร้างสะพานข้ามลำน้ำ แต่เข้มงวดไม่ให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปบันทึกภาพโดยเด็ดขาด

ดร.ลองลาภ กล่าวว่า ตนเคยเป็นคณะกรรมการแก้ไขกรณีช้างป่าตกเหวนรกตาย 8 ตัว เมื่อปี 2535 โดยการทำแนวเพนียดในการป้องกันช้าง และสำเร็จ จนห่างมานานกว่า 28 ปี แต่ครั้งนี้ช้างตกไปตายมากถึง 11 ตัว จึงได้ร่วมพิจารณาถึงความเหมาะสมว่าเพนียดกั้นช้าง และทางด่านช้างที่จะสร้างสะพานข้ามลำน้ำ เหมาะสมหรือไม่ต่อไป ในการช่วยรักษาป้องกันไม่ให้ช้างป่า หรือสัตว์ป่าตกลงไปตายอีก

นางบัวลอน สนพิมาน แม่ค้าปากทางหน้าทางเข้าน้ำตกเหวนรก กล่าวว่า ช่วงเที่ยงคืนวันที่ 7 ตุลาคม ยืนยันว่าได้พบช้างป่า 2 แม่ลูกที่รอดชีวิต กำลังมากินหยวกกล้วยที่เจ้าหน้าที่นำมากองไว้ ได้ส่องไฟดู รู้สึกสงสารมากที่ครอบครัวช้างตายพร้อมๆ กันถึง 11 ตัว ยืนยันว่าเป็นช้างป่า 2 แม่ลูกที่รอดตายแน่นอน โดยได้ถ่ายภาพไว้อีกด้วย และหลังจากเหวนรกปิดไม่ให้บริการนักท่องเที่ยว หากปิดยาวต่อไปอีกถึงออกพรรษา ร้านค้าคงแย่















ขอบคุณที่มา
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_1707381

 

คืบหน้าเก็บกู้ซากช้างป่าตกน้ำตกเหวนรก เจ้าหน้าที่ทำการเก็บกู้ได้เพียง 1 ซากเนื่องจากมีฝนตกหนักตลอดทั้งวัน มีน้ำหลากทำให้ซากช้างไหลลงมายังจุดเก็บกู้เพิ่มอีก 3 ซาก

เมื่อวันที่ 10 ต.ค. ศูนย์ช่วยเหลือช้างป่าตกน้ำตกเหวนรก รายงานความคืบหน้าการเก็บกู้ซากช้างป่า ว่า วันนี้ทีมสมาคมตอบโต้ภัยพิบัติแห่งชาติ และกู้ภัยกรมอุทยานแห่งชาติฯเข้าทำการเก็บกู้และเคลื่อนย้ายซากป่า โดยมีทีมเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ทำการผ่าและจัดเก็บซากใส่ถุงสำหรับใส่ซากช้าง โดยตลอดทั้งวันมีฝนตกหนักมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเส้นทางที่เข้าถึงค่อนข้างยากลำบาก ทำให้การทำงานเป็นไปด้วยความยากลำบากมาก

ทั้งนี้ภารกิจผ่าและจัดเก็บซากช้างทำได้เพียง 1 ซากเท่านั้น แต่ผลจากการที่มีฝนตกหนัก น้ำไหลหลาก ทำให้มีซากช้างป่าไหลลอยมาเพิ่มบริเวณทำการเก็บกู้ซากอีก 3 ซาก รวมมีซากช้างบริเวณนั้นเป็น 5 ซาก และจะมีการเก็บกู้ซากช้างต่อเนื่องจนกว่าจะเสร็จสิ้นทั้งหมด







matichon


ขอบคุณที่มา
https://www.matichon.co.th/local/news_1707696