ทำไม ดร.สมิทธ, ดร.สุมิตร, ดร.อาจอง, ดร.ก้องภพ ถึงถูก Discredit ?

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย itchy&scratchy, 24 มิถุนายน 2010.

  1. boriphat

    boriphat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2006
    โพสต์:
    542
    ค่าพลัง:
    +2,124
    อนุโมทนากับเจ้าของกระทู้
    สังคมเรามันมีข้อเสียอย่างนี้แหละครับ
    ไม่มีใครอยากเห็นใครเด่นเกินใคร
    ตอนที่เค้าออกมาพูด ก็ออกมาวิจารณ์กันต่างๆนานาว่าไม่เกิดหรอก
    แทนที่จะมีการเตรียมการเผื่อมันเกิดขึ้นจริง
    เบื่อมาก พวกนักวิชาการ
    ดีแต่พูด อวดภูมิความรู้กันไปวันๆ
    บ้างว่างมงาย บ้างก็กลัวหุ้นตก
    คนเรามันเห็นเงินสิ่งของนอกกาย มีค่ากว่าชีวิตคน
    แทนที่ใช้ความรู้มาช่วยเหลือประเทศชาติ...กรรม

    แรงไปนิด ขออภัยครับ
     
  2. พระยาเดโชชัยมือศึก

    พระยาเดโชชัยมือศึก สินธพอมรินทร์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2005
    โพสต์:
    2,742
    ค่าพลัง:
    +12,024
    ไม่เห็นมีใครในภาครัฐที่เตรียมสร้างที่เก็บอาหารเก็บน้ำ ยาไว้ที่ทางเหนือเลย อาจจะเป็นวาระกรรม ที่คนส่วนมากต้องโดน คนที่รอดต้องทนกับความหิว อยู่ในความลำบากตามกรรม

    อยากให้นายกเข้ามาอ่านจัง แล้วรีบสั่งการให้สร้างสถานที่เตรียมรับภัยธรรมชาติ 555 ท่านคงไม่ได้มาอ่านหรอก เพราะกรรมของท่านนายกก็มีมากมาย มารผจญเพียบ
     
  3. itchy&scratchy

    itchy&scratchy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +712
    เห็นด้วยกับ คุณ พระยาเดโชชัยมือศึก ครับ

    ตรงประเด็นมากเลยครับ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ว่ามันจะเกิดหรือไม่ แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่าถ้าเกิดขึ้นแล้วเราจะทำยังงัย มีน้ำพอใช้ได้กี่วัน มีอาหารพอกินได้กี่วัน แล้วรัฐบาลจะมีนโยบายอย่างไรไม่ให้บ้านเมืองจราจลเหมือนที่เฮติ

    ณ วันนี้มันไม่ใช่เวลาที่จะมาถกเถียงกันว่าเกิด หรือไม่เกิด แต่ต้องมีแนวทางหรือสิ่งที่เตรียมการไว้ล่วงหน้าว่าถ้าเกิดขึ้นแล้วจะดูแลคนไทยอย่างไร ในอเมริกา เขาออกกฎหมายให้อำนาจ FEMA ไว้ตั้งเท่าไหร่เพื่อควบคุมและช่วยเหลือประชาชนในช่วงเกิดภัยพิบัติ ส่วนบ้านเรา ใครยังจำได้มั่งว่าตอนเกิดสึนามิ ตอนนั้นวุ่นวายขนาดไหน

    กว่ารัฐจะขยับแต่ละที กว่าส่งกำลังช่วยเหลือกู้ภัยไปได้ ขอโทษเถอะครับ เฮีย ป. กับ เฮีย ร่วมฯ คนของเค้าเข้าพื้นที่เรียบร้อยแล้ว งานช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ ก็เหมือนการวิ่งแข่งล่ะครับ ยิ่งเข้าพื้นที่ได้ไวเท่าไหร่ ก็มีโอกาสช่วยคนรอดชีวิตได้มากท่านั้น แต่กว่ารัฐบาลจะส่งคนเข้าไปได้นานเป็นวัน ถ้าผู้เคราะห์ร้ายโดนซัดลงทะเลไปแล้วรอคนช่วยอยู่กลาทะเลจะรอดไหม? สุดท้ายพอจะชันสูตร ศพ ตำรวจ กับ หมอพรทิพย์ ก็ต้องมานั่งทะเลาะกันอีกว่าใครจะเป็นเจ้าภาพ พอเห็นภาพหรือไม่ครับ

    อย่างในเว็บพลังจิตนี่เป็นตัวอย่างที่ดีครับ เรามีกระทู้ที่ว่า การเตรียมรับมือภัยพิบัติ ได้เข้าไปอ่านหลายครั้ง มีแต่ข้อมูลที่เป็นความรู้และสอนวิธีใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ แต่โถ... รัฐบาลเราปัจจุบันเค้าคิดรึยังว่าถ้าเกิดภัยพิบัติใหญ่ ๆ จริง ให้ใครเป็นเจ้าภาพ หน่วยงานไหนเป็นคนดูแล แล้วข้าว กับน้ำ ที่จะนำไปช่วยผู้ประสบภัยระดมจากไหนใช้เวลาเท่าไหร่ เคยมีการประเมินกันหรือไม่...

    สุดท้ายเราเองก็หวังพึ่งรัฐไม่ได้เลย การหวังพึ่งรัฐก็เหมือนส่งสลากชิงโชคละครับ นอกจากไม่รู้ว่าจะถูกหรือเปล่า ยังต้องคอยวันจับรางวัลอีก ดังนั้น เราเองได้แต่พึ่งตัวเอง ภัยพิบัติธรรมชาติปัจจุบันนี้เกิดขึ้นทุกวัน ไม่รู้ว่าวันไหนเราจะเจอกับตัว ดังนั้น ขออย่าได้ตั้งอยู่บนความประมาทเลย ... สาธุ
     
  4. วัสสานะ

    วัสสานะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    268
    ค่าพลัง:
    +565
    ได้ยินบางคนที่เป็นคนพื้นที่ไม่พอใจ ให้เหตุผลว่า ประกาศทำให้คนหวาดกลัวตกใจและ บางบ้านก็โดนคนขโมยฉวยโอกาสช่วงนั้น ทำให้สูญเสียทรัพย์สิน ก็น่าเห็นใจ แต่ไม่มีใครพยากรณ์ได้ถูกต้องร้อยเปอร์เซนต์กันไว้ดีกว่าแก้
     
  5. Mr.Boy_jakkrit

    Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,065
    ค่าพลัง:
    +2,682

    เห็นด้วยครับ..มันน่าจะไม่ต้องมีเงินมีอะไรกันซักอย่างเลยทุกคนน่ากินข้าวร่วมกัน โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ..ใกล้แล้วครับยุคของพระ..... ใกล้มาถึงแล้วล่ะไม่น่าเกินคำพยากรณ์


    คราวนี้มาลองพิจารณาเศรษฐกิจแบบบ้านๆง่ายๆระหว่างประเทศดูครับ

    เริ่มแรกเลยนะครับ ...

    "คนๆนึงอยากได้ของๆอีกคนนึง แต่ถ้าจะเอาไก่ที่มีอยู่ไปแลกกับหมูของอีกคนนึงมันก็ยังไงๆอยู่ใช่ไม๊ครับ? ฉนั้นมีคนนึงได้คิดค้นหาสิ่งที่แทนค่าไก่กับหมูกันขึ้นมา ตั้งสมมติฐานกันขึ้น และได้บัญญัติสมมตินั้นขึ้นมา เรียกกันทั่วไปว่า "อัตราแลกเปลี่ยน" จนเป็นที่ยอมรับสากล"

    ฉนั้นหากเราไม่ซื้อไม่ขาย ไม่มีสิ่งที่เราอยากจะได้จากคนอื่น และมีสิ่งที่เราอยากได้เพียงพออยู่แล้ว เราก็ไม่จำเป็นต้องทำเศรษฐกิจอีกต่อไป ..เราจะมีแต่ความสุขกันถ้วนหน้า

    แต่!! ในทางเป็นจริงเราทำอย่างนั้นไม่ได้ เห็นไม๊ครับประเทศปิด อย่างเกาหลีเหนือ ขาดแคลนอาหาร ยา เครื่องนุ่งห่ม เครื่องมือเคร่ืองไม้ ตลอดจนเทคโนโลยีต่างๆ เหล่านี้เป็นปัจจัยในการดำรงชีวิต บางอย่างเรามีเพียงพอ จนเหลือใช้ อย่างข้าวนี่เราเหลือใช้เหลือกิน เราจึงส่งออกเพื่อแรกกับของคนอื่นที่เขามีของที่เราอยากได้ เงินเป็นสิ่งที่สมมติกันขึ้นเท่านั้นเอง แต่กระนั้นมนุษย์ในสังคมทั่วโลกมัวแต่วุ่นอยู่แต่กับสิ่งเหล่านี้จนเกินพอดี เกิดเป็นความโลภความไม่รู้จักพอ เต็มไปด้วยกิเลสในจิตใจ ขาดความพอดี เมื่อไม่มีความพอดีจึงไม่มีความพอเพียงเสียที..

    แต่ถ้าเราทำอย่างนั้นคงไม่เป็นการดีแน่ และที่สำคัญเศรษฐกิจพอเพียง ไม่ได้หมายถึง ไม่ต้องซื้อขายกันกับใครเลย ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ทำอะไรเลย
    บางคนคิดว่าการซื้อข้าวของทำเองกินเองหรือขายเฉพาะในประเทศ เงินมันอยู่ในประเทศ หรือบางทีอาจจะไปกองอยู่ที่ใดที่หนึ่งหรือกลุ่มคนใดกลุ่มคนหนึ่ง หรือ คนใดคนหนึ่ง ก็มิวายเดือดร้อนกันอยู่อีกแน่นอน
    สมมติว่าบ้านมีพี่น้องกัน 5 คน ให้ตังค์เท่าๆกันคนละ 100 บาท ซื้อของกันและกันซื้อทุกวันๆ
    บางคนซื้อเยอะเงินเหลือน้อย ต้องหาของมาขายเพื่อแลกตังค์นั้นมาเพื่อไปซื้ออย่างอื่นต่อ ทำอยู่อย่างนั้นเป็นเวลา 1ปี เราขายเราซื้อทุกวัน ถามว่าบ้านหลังนี้รวมเบ็ดเสร็จมีตังค์รวมกันเป็นเท่าไร ?
    ตอบ 500 บาท

    แต่ถ้าปีถัดมาบ้านหลังนี้หลังคาผุ เสาบ้านจะหักลงมาเพราะปลวกกิน จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องหาของไปแรกกับค่าแรงและวัสดุ แต่เราไม่มีตังค์ที่จะไปแลก ดังนั้นหากสมาชิกในบ้านรวมตัวกันเอาของกินในบ้านที่เหลือกินเหลือเก็บออกไปขายได้ส่วนต่างเป็นกำไรส่วนเกิน เราก็สามารถนำเงินนั้นไปซื้อของและจ้างแรงงานมาซ่อมบ้านได้ ฉนั้นตรงจุดนี้เราจะปิดประเทศอย่างเกาหลีเหนือย่อมเป็นไปไม่ได้แน่นอน


    สมมติว่าเรามีที่ดินทำกินปลูกผักเลี้ยงปลาทำนา เรามีทุกอย่างที่เป็นเครื่องบริโภคอุปโภค แต่เราต้องเดินทางด้วยรถยนต์ เราต้องมีรถ เราต้องเติมน้ำมัน แล้วเราต้องเอาของไปซื้อรถ มีเงินไปซื้อน้ำมันเติมรถ แล้วเราจะเอาอะไรไปแลกกับรถไปแลกกับน้ำมัน หากเราจะถอนผัก จับปลา เกี่ยวข้าว ไปแลกกับรถ แลกกับน้ำมัน แต่พอดีว่าคนที่เขามีรถเยอะเขายังไม่ต้องการของๆเราตอนนี้ให้เรารอไปก่อน เราจะรอไหวไม๊ แล้วผักหญ้า ปลา ข้าว มันจะไม่เน่าก่อนหรือ ?
    ดังนั้นเราจำเป็นต้องขายให้กับผู้ที่อยากได้ทรัพยากรณ์ของเราเพื่อแลกกับอัตรา(เงินหรือสิ่งที่แทนค่าได้) มาเก็บไว้ก่อน แล้วเราค่อยนำเงินนี้ไปแลกกับรถ แลกกับน้ำมัน แล้วเจ้าของรถเจ้าของน้ำมันพอเขาหิวเขาต้องการอาหาร เขาก็นำเงินนั้นมาแลกกับอาหารอีกที
    คนขายอาหารขายของหมด ต้องการของมาขายเพิ่มเพื่อนำส่วนต่างจากการขายนั้นมาแลกกับของที่เรามี ฉนั้นมันเป็นแลกเปลี่ยนทรัพยากรณ์กัน

    ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงดำริไว้นั้น นอกจากจะมุ่งเน้นเกี่ยวกับภาคเกษตรกรแล้ว
    แต่หากแยกแยะเอาโครงสร้างและสัดส่วนออกมาในรูปของอัตราส่วนยังสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในสัดส่วนของทุน แบ่งออกตามสัดส่วนการลงทุน ส่วนเงินทุน สินทรัพย์ หนี้สิน และ ส่วนของเจ้าของ (งบดุล)

    เพราะบางคนบอกว่าไม่ทันสมัยเพราะใช้ได้เฉพาะกับเกษตรกรแล้วคนเมืองจะทำอย่างไร คนที่เขาไม่มีที่ดินเพาะปลูกจะทำอย่างไร ผมจึงได้ชี้แจงให้ทราบทั่วกันอย่างคร่าวๆและเข้าใจได้ทั่วไปด้วยภาษาง่ายๆ
    แต่บางส่วนบุคคลคิดแต่ว่า เศรษฐกิจจะนำความรุ่งเรืองและรำรวยเพียงเพราะคนๆหนึ่ง (ไม่ขอเอ่ยนาม)


    ดังนั้นเศรษฐกิจหมายถึง องค์การธุรกิจที่ดำเนินกิจกรรมเหมือนๆกันในด้าน การผลิต จัดจำหน่าย และ บริการ ได้รวมตัวกันและกระทำการที่เป็นที่ยอมรับในสังคมและเศรษฐกิจจะดีหรือไม่ดีตัวธุรกิจเหล่านี้จะเป็นดัชนีชี้วัด

    ธุรกิจหมายถึง กิจกรรมการผลิด จัดจำหน่าย และ บริการ ที่มุ่งเน้นเพื่อแสวงหากำไรภายใต้จรรยาบรรณธุรกิจ (เฉพาะธุรกิจภาคเอกชนนะครับ ส่วนธุรกิจภาครัฐไม่เน้นกำไรอาทิ การไฟฟ้า การประปา เป็นต้นฯ)

    จรรยาบรรณของธุรกิจ คือ คุณธรรม ความซื่อสัตย์ไม่ทำอันตรายต่อผู้อื่นและรับผิดชอบต่อสังคม

    ธุรกิจ เป็นแหล่งสร้างงาน สร้างรายได้ให้แก่ชุมชน สร้างรายได้ให้แก่ภาครัฐในการจัดเก็บภาษี สร้างความเจริญ สร้างความมั่นคงให้แก่ชุมชน


    แต่ถ้าหากธุรกิจใดๆขาดผู้บริโภคธุรกิจนั้นย่อมเกิดความเสี่ยง และมีแนวโน้มในการล้มเหลวทางการประกอบการ ส่งผลให้ทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็น พนักงาน ครอบครัวพนักงาน ภาครัฐ ตลอดจนส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจประเทศ


    แต่ที่บ้านเมืองวุ่นวายอยู่ทุกวันนี้คือ ทรัพยากรไม่เพียงพอต่อความต้องการของมนุษย์ งานมีน้อยคนว่างงานมาก คนไม่มีเงิน คนไม่ซื้อ ไม่จับจ่ายกัน มันก็ส่งผลไปทั่วประเทศเช่นกัน

    ฉนั้นบางอย่างเราต้องดูให้รอบด้านครับ
    คนเราแต่ละคนมีศักยาภาพต่างกันในการดำรงชีวิต จึงกล่าวได้ว่าหากประเทศเราขาดคนดี มีแต่คนเก่งแต่เป็นคนไม่ดีบ้านเมืองคงไปไม่รอดแน่ๆ

    ที่ชี้แจงมานี้เพื่อทำความเข้าใจในปัจจัยหลายๆด้านของสังคมไทยเรา
    เราต้องจับจ่ายใช้สอยบ้าง แต่ก็อย่าไปใช้จ่ายเยอะจนตัวเองต้องหาเงินตัวเป็นเกลียว และควรดูด้วยเราจับอะไรมีประโยชน์มากน้อยแค่ไหน หาใช่ว่าการประหยัดจะไม่ซื้ออะไรเลยไม่ทำอะไรเลย อย่างนี้เพื่อนร่วมประเทศโดยเฉพาะรากหญ้าเขาก็จะเดือดร้อนกัน พ่อค้าแม่ค้าตลาด ร้านอาหาร โดยเฉพาะธุรกิจที่เป็นของคนไทยเขาก็แย่ อย่าให้ถึงขั้นขายอาหารแต่ไม่มีอาหารจะกินเลยครับ ลองดูแม่ค้าส้มตำสิ ยืนตากแดดทั้งมันหน้ามัน ดำ กว่าจะได้กำไรแต่ละบาท เงินที่เขาจะได้จากการขายส้มตำ 1 ถุงมีมูลค่าขั้นต้น 30บาท
    เขาต้องออกแรงตำ ต้องตื่นแต่เช้าไปหาวัสดุ แต่ได้กำไรไม่เกิน 10 บาทต่อถุง ในขณะเดียวเงิน 30 บาทของบางคนนั้นมีค่ามากเหลือเกิน ไหนจะใส่จาน ไหนจะสั่งให้ไปส่ง ไปเก็บมาล้าง แต่คนเจ้าของเงิน 30 บาทนั้นซื้อได้ตั้งหลายอย่าง จานก็ไม่ต้องล้าง ไม่ต้องเดินส่ง แถมยังมีเกรียติ์อีกด้วย

    นี่แหละน๊า.. คนจนก็ออกมาเรียกร้อง ในขณะเดียวกันคนรวยก็ย่ำยีคนจนตลอด ดังนั้นสังคมทุกชนชั้นต้องเขาใจกันและกัน ให้เกรียติ์กันและกัน มีนำใจให้กัน มันถึงจะมีความสงบสุข หาใช่แต่จะหาแต่สมมติเก็บกองเอาไว้ในครอบคลอง ซักวันอาจจะเข้าใจเองว่าเมื่อสินอายุขัยแล้วเอาไปไม่ได้เลยซักอย่าง


    ขอจบเพียงเท่านี้
    อนุโมทนากับ ดร.ทั้ง 4 ท่านที่มีแต่ความหวังดีแก่เพื่อนมนุษย์ ขอให้ท่านจงมีแต่ความสุขทุกประการเทอญ สาธุ
     
  6. kosondesign

    kosondesign Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +66
    สติมาปัญญาเกิด สติเตลิดจะเกิดปัญหา
     
  7. deelek

    deelek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    6,696
    ค่าพลัง:
    +16,254
    ก็อย่าประมาท หมั่นฝึกทำบุญ เร่งศึกษา ฝึกวิปัสสนาปัญญากันให้มาก ๆ
    เมื่อความตายมาถึงจริง ๆ ก็จะได้ไม่กลัวตายและเป็นบุญกุศลมาก ๆ
    ทุกสรรพสิ่งล้วนแต่เกิดขึ้นแล้วก็ดับไปทั้งสิ้น เป็นไปตามกฎพระไตรลักษณ์ ทุกสรรพสิ่งทั้งหลายล้วน ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่มีตัวตน
    ปล่อย ปละ ละ วาง จิต เป็นกลาง ว่าง เปล่า เบาสบาย
    อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด อะไรจะดับก็ให้มันดับ มันเป็นธรรมดาเช่นนี้เอง
    นิพพานัง ปัจจโย โหตุ
     
  8. Prathuang

    Prathuang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2008
    โพสต์:
    658
    ค่าพลัง:
    +178
    มันก็เป็นแบบนี้ของมัน
     
  9. jeab2424

    jeab2424 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +2
    คิดดี ทำดี จะได้ในสิ่งที่ดีค่ะทำดีคนไม่รู้สี่งศักดิสิทธิก็รับรู้ค่ะ:cool:
     
  10. emaN resU

    emaN resU เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    2,946
    ค่าพลัง:
    +3,301
    เอา Tsunami มาฝาก...

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=Y4eZOV2ANLQ&feature=related]YouTube - manic street preachers - tsunami[/ame]
     
  11. emaN resU

    emaN resU เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    2,946
    ค่าพลัง:
    +3,301
    The skill to be created any kinds of Art.

    Contrast... but not conflict.
    Different grounds... but Unity.


    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=t6WoSwc9vaY&feature=related]YouTube - BACCARA Way of Clothing BLACK & WHITE Is Allright pt. 2 of 2[/ame]

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=BItko76pv50&feature=related]YouTube - Baccara--Eternal A.Baland Megamix-Part 1[/ame]
     
  12. itchy&scratchy

    itchy&scratchy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +712
    กำลังทำการบ้านอยู่ครับ เดี๋ยวจะลากไส้มาให้ดูว่าถ้าเกิดภัยพิบัติจริง ๆ แล้วภาครัฐช่วยเหลือเราอย่างไรได้บ้าง และหน่วยงานผู้รับผิดชอบเป็นใครบ้าง ได้ลองอ่านข้อกฎหมายแล้ว รับประกันความมึน แต่สรุปโดยรวมคือ มีงบประมาณแต่ยังไม่มีการจัดสรร ส่วนผู้มีอำนาจช่วยเหลือท่านคือ เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ส่วนการช่วยเหลือท่านทางอากาศต้องมีหลักฐานแล้วค่อยขอยืนกับกรมการบินพาณิชย์..... เดี๋ยวคอยดู จะสรุปแล้วลากมาให้ดูเป็นข้อ ๆ ครับ ...... เพื่อสร้างความระแวดระวังกับทุกท่าน ให้ดูแลตัวเองก่อนที่จะคิดพึ่งความช่วยเหลือจากรัฐ
     
  13. itchy&scratchy

    itchy&scratchy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +712
    ๑. ระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๖ffice:eek:ffice" /><O:p></O:p>
    ระเบียบฉบับนี้ออกโดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ โดยกำหนดให้ส่วนราชการมีวงเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินสำหรับภัยพิบัติแต่ละครั้งหรือแต่ละเหตุการณ์เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติในระหว่างที่ยังไม่ได้รับเงินงบประมาณรายจ่าย กล่าวคือ เป็นการสำรองเงินไว้ล่วงหน้าเพราะไม่สามารถคาดการณ์ได้อย่างแน่นอนว่าภัยพิบัติจะเกิดขึ้นเมื่อใดและจะก่อให้เกิดความเสียหายมากน้อยเพียงใด โดยได้กำหนดว่าส่วนราชการใดบ้างที่จะมีเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยและกำหนดวงเงินของแต่ละส่วนราชการนั้นไว้ นอกจากนี้ ยังได้กำหนดผู้ที่มีอำนาจจัดสรรเงินทดรองราชการตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อภัยพิบัติแต่ละครั้งหรือแต่ละเหตุการณ์
    <O:p></O:p>
    เมื่อส่วนราชการได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินแล้ว ให้การอนุมัติจ่ายเงินทดรองราชการสำหรับภัยพิบัติแต่ละครั้งหรือแต่ละเหตุการณ์สิ้นสุดลงเพราะเงินทดรองราชการนี้ใช้เฉพาะกรณีฉุกเฉินและจำเป็นรีบด่วนเท่านั้น<O:p></O:p>
    ในระเบียบได้มีการกำหนดให้แต่งตั้งคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทั้งในระดับจังหวัดและในระดับอำเภอ โดยมีอำนาจหน้าที่ที่สำคัญในการสำรวจความเสียหาย พิจารณาช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ ระดมสรรพกำลัง ควบคุม เร่งรัด และประสานงานระหว่างหน่วยงานต่างๆ ในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ อนุมัติค่าใช้จ่าย รวมทั้งจัดทำโครงการขอรับการสนับสนุนงบประมาณ กำลังคน อุปกรณ์เครื่องมือและอื่นๆ ที่จำเป็นจากส่วนกลาง<O:p></O:p>
    นอกจากนี้เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยอาจกำหนดประเภทภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินขนาดเล็กหรือเฉพาะหน้าก็ได้และให้ส่วนราชการหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติได้ทันทีและให้ดำเนินการประกาศให้ภัยพิบัตินั้นเป็นภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินในภายหลังโดยเร็ว<O:p></O:p>
    ในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยนั้น สิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งคือการจัดหาพัสดุเพื่อนำมาช่วยเหลือผู้ประสบภัย เช่น เครื่องมือในการค้นหาผู้ประสบภัย เครื่องมือทางการแพทย์ รวมทั้งอุปกรณ์ในการซ่อมแซมทรัพย์สินที่ได้รับความเสียหาย เป็นต้น ในระเบียบฉบับนี้กำหนดให้แต่งตั้งเจ้าหน้าที่เพื่อทำหน้าที่รับผิดชอบในการจัดหา เจรจาต่อรองและตกลงราคากับผู้มีอาชีพขายหรือรับจ้างทำงานนั้นโดยตรงในราคาซึ่งไม่สูงกว่าราคาตลาดของท้องที่ในช่วงเวลาที่ภัยพิบัติเกิดขึ้น ทั้งนี้เพื่อพิจารณาอนุมัติและออกใบสั่งซื้อหรือใบสั่งจ้างต่อไป

    *สรุปคือ รัฐบาลมีการจัดสรรงบประมาณเพื่อรองรับสถานการณ์ภัยพิบัติแล้ว แล้วเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น เจ้าหน้าที่ต้องทำเรื่องเพื่อขออนุมัติงบประมาณ กำลังคนสนับสนุน อุปกรณ์และเครื่องมือเพื่อทำ เอกสารขออนุมัติโครงการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ (ใช้เวลา กี่ วัน? ทำเรื่องอนุมัติแปลว่าถ้าทำเขียนหนังสือโครงการขึ้นไปอนุมัติไม่เรียบร้อยก็ต้องตีกลับมาทำใหม่? ใช้เวลากี่วัน?) แล้วกรณี ที่ท่านรอความช่วยเหลืออยู่ ท่านสามารถรอได้กี่วัน เพื่อที่จะให้เจ้าหน้าที่ได้งบประมาณมาซื้อสิ่งของอุปโภค บริโภค แล้วส่งมอบให้กับท่าน
    ... ขอให้ทุกท่านโปรดตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ...


    กรณีที่ฉุกเฉิน
     
  14. itchy&scratchy

    itchy&scratchy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +712
    ๓. พระราชบัญญัติป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน พ.ศ. ๒๕๒๒ffice:eek:ffice" /><O:p></O:p>
    ในกรณีที่สาธารณภัยเกิดขึ้นหรือใกล้จะเกิดขึ้น ให้ผู้อำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนในเขตท้องที่ที่รับผิดชอบ หรือเจ้าหน้าที่ป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนที่ได้รับมอบหมายมีอำนาจหน้าที่ตามความจำเป็น เช่น การสั่งให้ข้าราชการฝ่ายพลเรือน สมาชิกหน่วยอาสาสมัคร และบุคคลใดๆ ในเขตท้องที่ที่เกิดภัยให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างใดอย่างหนึ่งในการป้องกันและบรรเทาอันตรายหรือความเสียหาย ใช้สถานที่ วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือและเครื่องใช้ ยานพาหนะของทางราชการฝ่ายพลเรือน หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจและเอกชนที่อยู่ในเขตนั้น ใช้เครื่องมือสื่อสารทุกระบบที่อยู่ในเขตท้องที่นั้น สั่งห้ามเข้าบริเวณหรือสถานที่ที่กำหนด หรืออำนวยการและควบคุมการสงเคราะห์ผู้ประสบภัยให้ทั่วถึงและรวดเร็ว<O:p></O:p>
    ในกรณีที่สาธารณภัย ภัยทางอากาศ หรือการก่อวินาศกรรมเกิดขึ้น หรืออันตรายดังกล่าวใกล้จะถึงและผู้อำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนในเขตท้องที่ที่รับผิดชอบเห็นว่า สภาพของสิ่งก่อสร้าง วัสดุหรือทรัพย์สินใดอาจเป็นอุปสรรคต่อการบำบัด หรือป้องกันอันตราย ผู้อำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนดังกล่าวมีอำนาจในการดัดแปลงหรือทำลายหรือเคลื่อนย้ายสิ่งก่อสร้าง วัสดุหรือทรัพย์สินได้ ทั้งนี้ เท่าที่จำเป็นเท่านั้นผู้อำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนมีหน้าที่สำรวจความเสียหายจากภัยที่เกิดขึ้นและทำบัญชีรายชื่อผู้ประสบภัยไว้เป็นหลักฐานเพื่อประโยชน์ในการสงเคราะห์ผู้ประสบภัย และมีอำนาจในการประกาศจำกัดพื้นที่ไม่ให้ประชาชนเข้าอยู่อาศัยในพื้นที่ที่มีอันตรายหรือไม่เหมาะสมต่อการอยู่อาศัยจนกว่าอันตรายหรือความไม่เหมาะสมนั้นได้ผ่านพ้นไปแล้วได้

    ** สรุป เป็นการให้อำนาจ ผอ.ป้องกันภัยฝ่ายผลเรือนในท้องที่ มีอำนาจดังนี้
    1. สั่งการ อำนวยการ และประสานงาน ให้เกิดการปฎิบัติการเพื่อป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สามารถสั่งข้าราชการฝ่ายพลเรือน จนท. อาสาสมัคร และคนในท้องที่ (ตามความจำเป็น)
    2. ให้อำนาจในการใช้วัสดุ ยานพาหนะ เครื่องมือ เครื่องใช้ อุปกรณ์สื่อสาร ของ ทั้งหน่วยงานรัฐและเอกชน (ตามความจำเป็น)
    3. อำนาจสั่งการในพื้นที่ ให้กำหนดเป็นพื้นที่ห้ามเข้า
    4. อำนาจในการเคลื่อนย้าย ทุบทำลายสิ่งกีดขวาง สิ่งก่อสร้างที่ขัดขวางการเข้าไปช่วยผู้ประสบภัย (ตามความจำเป็น)

    ในวงเล็บสีแดง ที่ถูกระบุว่าตามความจำเป็น ดีครับ เป็นการระบุเพื่อให้ทราบว่าเจ้าหน้าที่ห้ามทำเกินกว่าเหตุ เพื่อไม่ให้ทรัพย์สินของราชการและเอกชนเสียหาย แต่เกรงว่าหากเจ้าหน้าที่ไม่เข้าใจหรือสับสน หรือ กลัวจะถูกสอบว่าทำเกินกว่าเหตุภายหลัง เลยเลือกที่จะช่วยคนที่ไม่ทำให้ทรัพย์สินเสียหาย ท่านไม่แย่เหรอครับ
     
  15. itchy&scratchy

    itchy&scratchy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +712
    ๑. พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ffice:eek:ffice" /><O:p></O:p>
    เฉพาะมาตราที่เกี่ยวข้อง คือ มาตรา ๙ และมาตรา ๑๐<O:p></O:p>
    เมื่อเกิดภัยธรรมชาติขึ้นย่อมส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมอย่างรุนแรงรวมทั้งก่อให้เกิดผลกระทบต่างๆ ที่ตามมาจำนวนมาก ดังนั้น จึงได้กำหนดว่าในกรณีที่มีเหตุฉุกเฉินหรือมีภยันตรายต่อประชาชนอันสืบเนื่องมาจากภัยธรรมชาติหรือเกิดการแพร่กระจายของมลพิษซึ่งหากปล่อยไว้จะเป็นอันตรายอย่างร้ายแรงต่อชีวิต ร่างกายหรือสุขภาพอนามัยของประชาชนหรืออาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของประชาชนหรือของรัฐอย่างมาก นายกรัฐมนตรีมีอำนาจสั่งการตามที่เห็นสมควรให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจหรือบุคคลใด กระทำการต่างๆ ซึ่งจะมีผลเป็นการควบคุม ระงับหรือบรรเทาผลร้ายจากอันตรายและความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นได้อย่างทันท่วงทีเป็นการให้อำนาจสั่งการแก่นายกรัฐมนตรีโดยตรงทำให้การระงับเหตุร้ายที่เกิดขึ้นดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว ลดขั้นตอนต่างๆ และการสั่งการนี้มีผลกับบุคคลทั่วไปด้วยมิได้จำกัดแต่เฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐเท่านั้น เพื่อให้การป้องกันแก้ไขเกิดประสิทธิภาพสูงสุด<O:p></O:p>
    ในกรณีที่พบว่าบุคคลใดเป็นผู้ก่อให้เกิดภาวะมลพิษ นายกรัฐมนตรีมีอำนาจสั่งให้บุคคลนั้นระงับการกระทำดังกล่าวเพื่อไม่ให้เพิ่มความรุนแรงแก่ภาวะมลพิษในระหว่างที่มีเหตุภยันตรายนั้นด้วยอำนาจในการสั่งการนี้ นายกรัฐมนตรีสามารถมอบอำนาจให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดปฏิบัติราชการภายในเขตจังหวัดนั้นแทนตนได้<O:p></O:p>
    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสามารถกำหนดมาตรการป้องกันและจัดทำแผนฉุกเฉินเพื่อแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไว้ล่วงหน้า เพื่อเป็นการป้องกันแก้ไข ระงับหรือบรรเทาเหตุฉุกเฉิน หรือเหตุภยันตรายจากภาวะมลพิษได้

    ** สรุป อันนี้ให้อำนาจนายกรัฐมนตรี โดยสามารถมอบต่อให้กับผู้ว่า ในการระงับเหตุและสั่งการเพื่อระงับหรือแก้ไข ทันทีในกรณีที่เป็นภัยธรรมชาติมีผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม ที่ขีดเส้นใต้ตีความได้แค่ไหน? ปะการังฟอกขาวใช่รึป่าว? สึนามิใช่ไหม? แล้วไฟไหม้ป่าด้วยหรือไม่?

    สมมติว่าถ้านายกไม่ใช้อำนาจนี้ แล้วบอกว่าปะการังฟอกขาวไม่มีผลกระทบร้ายแรง เราจะทำอย่างไรล่ะครับ ส่งให้ศาลไหนตีความล่ะครับ แล้วจะใช้เวลาเท่าไหร่ (ถ้าอยากได้คำตอบไว ๆ คงต้องส่งให้ ศาลเจ้าพ่อปากแดงแล้วครับ ตีความได้ทุก 15 วัน) กว่าจะได้คำตอบ ปะการัง คงซี้แหงแก๋ไปหมดแล้ว
     
  16. itchy&scratchy

    itchy&scratchy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +712
    การเดินทางffice:eek:ffice" /><O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    ๑. ประกาศกรมการบินพาณิชย์ เรื่อง การอนุญาตให้ทำการบินในกรณีพิเศษ (เงื่อนไขประกอบใบสำคัญสมควรเดินอากาศ)<O:p></O:p>
    ข้อ ๒ ข้อ ๓ และข้อ ๔ แห่งประกาศกรมการบินพาณิชย์ เรื่อง การอนุญาตให้ทำการบินในกรณีพิเศษ (เงื่อนไขประกอบใบสำคัญสมควรเดินอากาศ) กำหนดให้กรณีที่จะนำอากาศยานทำการบินหนีภัยธรรมชาติ เพื่อป้องกันความเสียหายกับอากาศยาน ให้ผู้จดทะเบียนอากาศยานยื่นคำขอพร้อมเอกสารหลักฐาน เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาอนุญาตให้ทำการบินในกรณีพิเศษ โดยมีเงื่อนไข เช่น อากาศยานจะต้องมีประกันภัยสำหรับความเสียหายของบุคคลที่สาม อากาศยานจะต้องบินตามเส้นทาง ความสูง และเงื่อนไขที่กำหนดในการอนุญาต เป็นต้น และการอนุญาตให้ทำการบินในกรณีพิเศษนั้นจำกัดอยู่เฉพาะในราชอาณาจักรเท่านั้น เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากประเทศที่ทำการบินเข้าและบินผ่าน

    ** อันนี้ น่าเกลียดสุด ๆ ตรงตัวเลยครับ คือ แปรว่าถ้าท่านจะหนีภัย ท่านต้องหนีภัยแบบไม่ให้อากาศยานเสียหาย ถ้าท่านหนีไม่ได้ หนีไม่ทัน เพราะเกิดเหลือแต่เครื่องบินไม่มีประกัน เขาก็ไม่ให้ท่านขึ้นเครื่องบินหนี ก็ขอให้ทุกท่านโชคดีละกันครับ ToT***
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มิถุนายน 2010
  17. itchy&scratchy

    itchy&scratchy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +712
    พระราชบัญญัติว่าด้วยสภากาชาดสยาม พระพุทธศักราช ๒๔๖๑ ffice:eek:ffice" /><O:p></O:p>
    เฉพาะมาตราที่เกี่ยวข้อง คือ มาตรา ๑<O:p></O:p>
    สภากาชาดสยาม เป็นสมาคมที่ได้จัดตั้งขึ้นมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ เป็นสมาคมที่มีบทบาทสำคัญในการรักษาพยาบาลผู้ที่เจ็บป่วย โดยความมุ่งหมายอย่างหนึ่งของสภากาชาดสยาม คือ การจัดการช่วยเหลือผู้รับภัยเนื่องจากอุบัติเหตุ เช่น มีโรคระบาด หรือเกิดอุทกภัย เป็นต้น ซึ่งสภากาชาดสยามได้เปลี่ยนชื่อเป็น “สภากาชาดไทย” ในปัจจุบัน

    ** อันนี้งงมากครับ คือ ผมเองก็ไม่เข้าใจ แต่ถ้าอ่านอย่างนี้แปรว่า หน้าที่รักษาพยาบาลเป็นหน้าที่ของสภากาชาดไทย ... แห่งเดียว หรือ ให้สภากาชาดไทยประสานงานต่อ? ? ? แล้วอันนี้ให้อำนาจหรือเปล่า หรือว่า จริง ๆ แล้วเรื่องการรักษาพยาบาลเพื่อผู้ประสบภัย เรายังไม่มีหน่วยงานใดเป็นเจ้าภาพโดยตรง **
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มิถุนายน 2010
  18. emaN resU

    emaN resU เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    2,946
    ค่าพลัง:
    +3,301
    itchy&scratchy<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3472153", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    เอ่อออ... ท่านประธานครับ

    กระผม สมาชิกสภาเวบพลังจิต ขอเสนอให้ท่านสนทนาในประเด็นการช่วยเหลือตนเองหรือไม่ก็คุยเรื่องตลกไปเลยครับ
    น่าจะดีกว่าสนทนาในบริบทการทำงานของหน่วยงานราชการครับ... มันจะพาลจิตตกกันไปเปล่าๆ ไม่ใช่จะว่าการทำงานของหน่วยงานราชการไม่ดีนะครับ ดีครับแต่ช้า

    ไม่ก็ต้องเลือกผู้บริหารที่เคยผ่านเหตุการณ์ ทสึนามิ แผ่นดินไหวรุนแรง ... ถึงจะมีแรงบันดาลใจมาทำให้ถูกใจนักระวังภัยพิบัติ

    หัดช่วยเหลือตัวเองเก่งๆเถอะครับ... ถึงเวลาหน่วยงานราชการก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่โดนหรือไม่เป็นอะไรนะครับ
    เพราะฉะนั้น "ช่วยตัวเอง" กันเถอะครับ(อย่าคิดลามกนะครับ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 มิถุนายน 2010
  19. itchy&scratchy

    itchy&scratchy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +712
    ขอบคุณ คุณพรานพิเศษ มากครับ

    ที่ให้คำแนะนำหลายอย่าง

    เชื่อว่าหลาย ๆ ท่านคงพอเห็นแล้วว่าทำมัยเราไม่ควรประมาท

    ผมเองคงจบข้อมูลตรงนี้เท่านั้นล่ะครับ ^_^)....
     
  20. konngaam

    konngaam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2008
    โพสต์:
    616
    ค่าพลัง:
    +369
    ผมทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยเลยสำหรับเวลาอาจาร์ออกมาพูด
    ผมจะเป็นคนมองด้านประชาชน แม้ว่าจะเชื่อในคำพูด
    แต่ถ้าพวกคุณมองจากมุมของประชาชน คุณจะพบความจริงบางอย่าง
    ยกตัวอย่างเช่น จู่ๆออกมาพูดว่าเขื่อนเมืองกาญจน์อยู่บนรอยเลื่อน
    อันนี้คือเรื่องจริงรับฟังได้ แต่พูดต่ออีกว่าเขื่อนจะแตกแน่นอน ขึ้นอยู่กับเวลา
    แล้วชาวบ้านที่อาศัยอยู่ที่นั่นล่ะ เขาจะเป็นเช่นไร
    นักท่องเที่ยวล่ะส่งผลอะไรหรือไม่
    ถึงแม้ว่าคำพูดจะเป็นจริงก็ตาม แต่มันเกิดผลอะไรขึ้นบ้างกับคำพูดเหล่านั้น
    มีชาวบ้านหลายคนยอมตายดีกว่าที่จะต้องทิ้งบ้าน ไปหาที่อยู่อาศัยใหม่
    ถ้ามองจากมุมคนเชื่อก็จะด่าชาวบ้านต่างๆนาๆ ตามที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว
    ณ กระทู้ ซักกระทู้นึง ที่เว็บแห่งนี้
    แต่ถ้าพวกที่เป็นคนด่าทั้งหลาย เป็นคนอาศัยอยู่ที่นั่น เป็นผู้ประกอบการอยู่ที่นั่น
    ผลประโยชน์เกิดขึ้นที่นั่น คุณยังคิดแบบเดิมกันอยู่รึไม่

    ส่วนที่อาจาร์ยคาดการถูกนั้นใช่ว่าจะไม่มีข่าว เพียงแต่ว่าไม่มีคนจุดประเด็น
    อาจาร์ยเองก็ไม่คาดหวังว่าจะต้องมีคนมาจุดประเด็นว่าคาดการถูกให้คนทั่วไปรู้
    ซึ่งอาจาร์ยก็รู้ตัวเองดีว่าการออกมาแสดงความเห็น คาดเดา มันเป็นเรื่องที่ ทำดีเท่าตัว
    อาจาร์ยเลยไม่หวังให้ใครมาคิดว่าการคาดเดาแม่นเสมอไปทุกครั้ง
    ซึ่งถ้าคิดง่ายๆว่า มีคนประโคมข่าวเรื่องการคาดเดาถูก แล้วการคาดเดาครั้งต่อไปล่ะ
    ถ้าไม่เกิดขึ้นจะเกิดผลอะไรบ้าง

    สรุปเลยเรื่องบางเรื่องเราเชื่อได้แต่มันทำไม่ได้ นี่ล่ะคือสังคมบ้านเรา
     

แชร์หน้านี้

Loading...