ทำบุญอย่างไรจึงมีชื่อเสียงโด่งดังครับ ??

คืออยากรู้เฉยๆอ่ะครับ เอาไว้เป็นภูมิใครพอรู้ก็บอกทีนะครับ

 

แถวที่บ้าน คนเก่าคนแก่ท่านว่า ให้สร้างหอระฆัง
จะได้มีชื่อเสียงโด่งดัง

 

เวลาทำบุญก็ประกาศกร้าวขึ้นมา เมื่อส่งมอบบุญแล้วให้หันหน้าไปทิศทางที่มีแสงจากแฟลชของกล้อง

ได้ดังแน่ ดังไปพร้อมๆกับอัตตาติดตัวไป ตามมาด้วยมานะ และอุปาทานติดๆ ครับ

 

อนุโมทนานะครับ

 

ทำบุญให้คนหมู่มากครับ จำนวนมากจะยังผลให้เกิดชื่อเสียงโด่งดังครับ

ผู้ที่มีใจเมตตาต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย ช่วยเหลือเกื้อกูลต่อทุกชีวิต

เป็นผู้มีใจโอบอ้อมอารีย์ จะทำให้ตนเองเป็นผู้ที่มีคนรักใคร่ ทั้งในชาตินี้ และ ชาติหน้า

จึงจะกลายเป็นคนที่มีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นเช่นนี้แล

 

ทำบุญที่เกิดประโยชน์แก่ผู้รับมากๆ ได้ประโยชน์นานๆ เป็นวงกว้างออกไปเรื่อยๆนั้นแหละครับ

ใครเห็นก็ชื่นชม โมทนาไม่จำกัดกาล

ผลตรงกับเหตุเสมอ ^^

เพิ่งเห็นโพส oatthidet กล่าวได้ดีครับ

 

ถวายระฆัง ถวายฆ้อง ตีฆ้อง ตีระฆัง ถวายพุทธบูชา..ครับ...

 

ขยายอีกนิด บุญกิริยาวัตถุนั้น

กุศลจากทาน ไม่เกี่ยวอะไรกับวัตถุ ขนาด หรือ ปริมาณสิ่งของนะครับ

เป็นเรื่องจิตขณะนั้นล้วนๆ

 

ถาม:ทำบุญอย่างไรจึงมีชื่อเสียงโด่งดังครับ ?

ตอบ:จิตควรแก่การสร้างกุศลมี มหาวิบากจิต 8 ดวง

ดวงที่ ๑ โสมนัสสสหคตัง ญาณสัมปยุตตัง อสังขาริกัง
มหาวิบากจิต ดวงที่ ๑ เกิดพร้อมด้วยความยินดี ประกอบด้วยปัญญา เป็นอสังขาริก คือเกิดขึ้นเองโดยไม่มีสิ่งชักจูง
ดวงที่ ๒ โสมนัสสสหคตัง ญาณสัมปยุตตัง สสังขาริกัง
มหาวิบากจิต ดวงที่ ๒ เกิดพร้อมด้วยความยินดี ประกอบด้วยปัญญา เป็นสสังขาริก คือเกิดขึ้นโดยมีสิ่งชักจูง
ดวงที่ ๓ โสมนัสสสหคตัง ญาณวิปปยุตตัง อสังขาริกัง
มหาวิบากจิต ดวงที่ ๓ เกิดพร้อมด้วยความยินดี ไม่ประกอบด้วยปัญญา เป็นอสังขาริก คือเกิดขึ้นเองโดยไม่มีสิ่งชักจูง
ดวงที่ ๔ โสมนัสสสหคตัง ญาณวิปปยุตตัง สสังขาริกัง
มหาวิบากจิต ดวงที่ ๔ เกิดพร้อมด้วยความยินดี ไม่ประกอบด้วยปัญญา เป็นสสังขาริก คือเกิดขึ้นโดยมีสิ่งชักจูง
ดวงที่ ๕ อุเปกขาสหคตัง ญาณสัมปยุตตัง อสังขาริกัง
มหาวิบากจิต ดวงที่ ๕ เกิดพร้อมด้วยความเฉย ๆ ประกอบด้วยปัญญา เป็นอสังขาริก คือเกิดขึ้นเองโดยไม่มีสิ่งชักจูง
ดวงที่ ๖ อุเปกขาสหคตัง ญาณสัมปยุตตัง สสังขาริกัง
มหาวิบากจิต ดวงที่ ๖ เกิดพร้อมด้วยความเฉย ๆ ประกอบด้วยปัญญา เป็นสสังขาริก คือเกิดขึ้นโดยมีสิ่งชักจูง
ดวงที่ ๗ อุเปกขาสหคตัง ญาณวิปปยุตตัง อสังขาริกัง
มหาวิบากจิต ดวงที่ ๗ เกิดพร้อมด้วยความเฉย ๆ ไม่ประกอบด้วยปัญญา เป็นอสังขาริก คือเกิดขึ้นเองโดยไม่มีสิ่งชักจูง
ดวงที่ ๘ อุเปกขาสหคตัง ญาณวิปปยุตตัง สสังขาริกัง
มหาวิบากจิต ดวงที่ ๘ เกิดพร้อมด้วยความเฉย ๆ ไม่ประกอบด้วยปัญญา เป็นสสังขาริก คือเกิดขึ้นโดยมีสิ่งชักจูง

แนะนำดวงที่ 1 กับดวงที่ 5 เพราะจิต 2 ดวงนี้ให้ทุกสิ่ง สมบัติที่คุณปราถนา สังเกตุได้ที่พระยามาร
ดวงที่ 2 และ 6 อ่อนกำลังไป
ดวงที่ 3 และ 7 ขาดปัญญา
ดวงที่ 4 และ 8 ไม่ประกอบด้วยปัญญาและก็อ่อนกำลังด้วย
วิธีการแนะนำ: ประกาศคุณความดีให้แก่มหาชนได้รับทราบ
ผู้ควรแก่การอ้างอิง: พระรัตนตรัย หรือ ผู้ประกอบความดีไว้แล้ว

ตัวอย่างดำเนินการดังนี้:
พิจารณาว่า สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โคตมะ ผู้ประเสริฐ ผู้เป็นพระโพธิสัตว์ปัญญาธิกะผู้สามารถยิ่ง เหนือศรัทธาธิกะ วิริยะธิกะ
และเหนือสัตว์ทั้งหลาย เข้าถึงขีดสุดแห่งความเป็นปุถุชนแล้ว พระองค์ได้ตรัสรู้แล้ว ประกาศแล้วซึ่งพระธรรม งามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด ทรงไว้ซึ่งพระปัญญาธิคุณ
พระบริสุทธิคุณ และพระมหากรุณาธิคุณแก่หมู่สัตว์ ทรงมอบซึ่งอริยทรัพย์แล้วแก่หมู่สัตว์

บทว่า > เราโชคดีหนอที่ได้พบพระรัตนตรัย ควรแล้วที่จะประกาศให้ผู้อื่นได้ทราบเช่นเรา ดังนี้

จากนั้นคุณก็ประกาศคุณความดีของท่านให้ผู้อื่นได้ทราบ เช่น ทำเป็นหนังสือ ก็นำข้อความสรรเสริญขึ้นก่อน เช่น
พระสารีบุตรผู้ยกย่องพระอัสชิ
พระอนุรุทธมหาเถระผู้แต่งคำภีร์อภิธรรมมัตถสังคหะ
พระพุทธโฆษะมหาเถระผู้แต่งคำภีร์วิสุทธิมรรค
สมเด็จพระพนรัตน์วัดป่าแก้ว
สมเด็จพระพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี ผู้ตกแต่งแก้ไขและเผยแพร่ ชินะบัญชร
พระธรรมสิงหบูราจารย์ สังเกตุเหตุไกล้สักนิด จะเห็นได้ว่า ท่านเผยแพร่คุณงามความดีบารมีธรรม เน้นคาถาพาหุงมหากา แปลออกมาเป็นการ
สรรเสริญพุทธคุณได้อย่างดีเยี่ยม เป็นเหตุให้มีชื่อเสียงโด่งดัง พร้อมเนื้อความของท่านยังเป็นที่ปรากฏแก่สายตาผู้คนในลักษณะของการอ่านเนื้อ
ความจำนวนมากมหาศาลปรากฏท่านเป็นผู้มีชื่อเสียงอย่างมากในปัจจุบัน
ขอยกตัวอย่างมาประมาณนี้ก่อน ความจริงแล้ว ไม่ว่าใครทำความดี ท่านก็บอกกล่าวแก่คนอื่น ๆ ด้วยก็ได้ ทั้งจะเป็นมุฑิตาจิตอีกด้วย อีกข้อนึงบุคลาธิฐานแบบนี้มีคุณมาก ผลจึงแรงกว่า
จะเพิ่มพระธรรมและพระสงฆ์ด้วยก็จะทวีคูณไปอีก ถ้ามีทรัพย์มาก ก็ทำให้ปรากฏแบบอลังการงานสร้างไปเลยก็ได้ครับ แต่ต้องแยกนิด ให้ธรรมเป็นทานกับประกาศคุณความดีก็มีความต่างอยู่เหมือนกัน


ข้อสังเกตุ แม้สิ้นไปจากโลกแล้วก็ยังเป็นที่กล่าวขานถึงอยู่

 

ง่ายๆครับ อยากดังไช่ไหม ปล้นธนาคาร ปล้นร้านทอง แล้วยินคนตาย ยิงไห้ตายมากที่สุด
รับรอง ดังชั่วค่ามคืน ^^ ขำๆนะครับ อิอิ สาธูครับ ก็ตามที่ผู้รู้ตอบไว้ข้างบนนั่นและครับ

 

การถวายระฆัง จะส่งผลในทางเสียงดี เสียงใส แต่จะโด่งดังหรือไม่ นั้นไม่เกี่ยวครับ

ตัวอย่างก็มีให้เห็นอยู่มากมาย เช่น คนที่เสียงดี แต่ไม่ดัง ไม่ได้เป็นนักร้องก็มีมากครับ

แต่หากทำบุญกับคนหมู่มาก จะส่งผลให้โด่งดัง ซึ่งจะเห็นได้ง่ายครับ

การช่วยเหลือทุกสรรพชีวิต ให้ความเมตตาต่อทุกชีวิต จะทำให้มีแต่คนรักครับ

ผมมาอธิบายในเรื่องการส่งผลบุญครับ หากเห็นจิต การส่งผลแห่งบุญบาป ก็จะเห็นเองครับ

 

ผมคิดว่าน่าจะเป็น ทำบุญโดยการซ่อมแซมพระพุทธรูป ครับ
เพราะจะได้อานิสงค์เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ได้ปกครองโลก ผมว่าคนทั่วโลกรู้จักแน่นอน

และภายภาคหน้าจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า รับรองคนทั่วโลกรู้จักแน่นอน อีกเช่นกัน

และเผลอๆ จะดังข้ามจักรวาล แม้มนุษย์ต่างดาวก็ยังรู้จัก

เจริญในธรรมครับ

 

บทความละเอียดดี

ถวายเป็นพุทธบูชชา บูชาคุณพระรัตนตรัย เพื่อเป็นสังฆทาน

พิจารณาประโยชน์ผู้รับ หรือ เจริญสติปัฏฐานขณะให้ทานก็ได้

เห็นเป็นวัตถุธาตุ เห็นเป็นจิตกุศลก็ได้ พวกนี้ปัญญาเกิดร่วมทั้งนั้นครับ

 

ทำบุญใดๆ ก็ได้ครับ
แต่ต้องอธิฐานจิต
ให้เป็นอย่างที่เราต้องการ


ความเป็นพุทธเจ้า
จักไม่เกิดขึ้นเลย
หากพระโพธิสัตย์ทั้งหลาย
ทำบุญกุศล แล้วไม่อธิฐานจิต
ขอเป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งในอนาคต

 

คิดว่าทำบุญ แล้ว จะได้ เขาเรียกพวกอยาก ทำแล้วอยาก มันไม่ใช่บุญปิติสุขมันไม่มี

บุญสำเร็จที่ใจ

หากทำบุญแล้วอยาก เขาเรียกพวกขอส่วนบุญ

 

1. ทำบุญ อัดคลิปลงยูทูป
2. ทำบุญ แล้วเชิญผู้สื่อข่าว

ล้อเล่นนะครับ แฮะๆ อนุโมทนาครับ บุญทำไปเถอะ ยังไงก็เป็นบุญ เป็นสิ่งดี

 

นายแน่มาก

 

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=no42GLGm9gA&feature=related"]นี่เหรอคนอยากดัง.......[/ame]

 

..............ทำบุญ กุศลให้กับงานการของตัวเองสิครับ สัมมาอาชีวะของตัวเอง โดยใช้ อิทธิบาท สี่ อยากดังก็ได้ดังแน่แน่ ตราบใดยังมี อิทธิบาททั้งสี่ในงานเรา......ผมรับรองคุณดังแน่แน่ อย่างน้อยก็ในกลุ่ม เพื่อนเพื่อน หรือ สายงานของคุณ.......แต่ดังระดับใหน? ดังแล้วรู้สึกพอใจหรือไม่? ยังอยากดังกว่านั้นอีกใหม?.....อันนี้ ต้องว่ากันต่อไปครับ

 

การอธิฐานจิตเป็นคุณธรรมอันนึงทำให้ปรากฏ และก็ยิ่ง ๆ ขึ้นไป เหมือนคุณธรรมอื่น ๆ การเป็นพระพุทธเจ้า เป็นการเข้าถึงไม่ใช่การเข้าใจ
-บ่มเพาะคุณธรรมทั้งหลายด้วยตัวเอง คือ ให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป ให้พุทธการกธรรมทั้งหลายปรากฏ จุดหลักไม่ใช่ประเด็นที่สั่งสมบุญให้มาก ๆ เข้าไว้ อันนี้ไม่ใช่จุดหลัก แต่เป็นปัจจัยประกอบ
-การอธิฐาน ปรากฏทั้งแบบที่คุณบอก และไม่ปรากฏแบบทีี่คุณบอก คืออธิฐานให้ตัวเองก็มี ให้พระโพธิญานก็มี ให้คนรักก็มี
-มีกิจภาระอยู่ในใจ และจะรู้ว่าจะต้องทำอะไรกับเหตุการณ์ที่เผชิญ ที่จะเป็นเหตุให้คุณธรรมปรากฏ

สุดท้ายเมื่อถึงเวลา จะปรากฏ ปัญญาธิคุณ บริสุทธิคุณ และมหากรุณาธิคุณ ล้วนแต่เป็นคุณธรรมที่สั่งสม

ปล.ถ้าได้ยินเรื่อง พระโพธิสัตว์เล็ก พระโพธิสัตว์ใหญ่ อภิมหาโพธิสัตว์ ใหญ่กว่าขนาดโ้น้น ขนาดนี้ ต้องรับทราบอย่างระวัง มหากรุณาเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าคุณธรรมยังไปไม่ถึงยอดสุด จำเป็นต้องบรรลุโพธิญาณท่านั้นถึงปรากฏพร้อมได้ หากไม่อย่างนั้นก็ยังขาด ยังไม่เต็ม ยังไม่พร้อม ยังไม่ครบ พาใคร ๆ พ้นทุกข์จริง ๆ นั้น ยังทำไม่ได้