ทหารแสนนายกู้ภัยฮากีบิส ยอดตายพุ่ง หวั่นทะลุครึ่งร้อย

“อุโมงค์ยักษ์คัสสึคาเบะ”ที่ซ่อนตัวอยู่ใต้มหานครโตเกียว เมืองที่ตั้งขึ้นบริเวณแม่น้ำสายใหญ่ไหลผ่าน โดยการก่อสร้างใช้เวลาไปทั้งหมด กว่า 17 ปี และใช้งบประมาณไปเกือบ 1 แสนล้านบาท

เป็นที่ทราบกันดีว่า ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เกิดภัยพิบัติบ่อยครั้งที่สุดประเทศหนึ่งเลยทีเดียว แต่ก็ต้องยอมรับว่าญี่ปุ่นมีการจัดการเรื่องการรับมือภัยพิบัติ ได้น่ายกย่อง และ น่าเรียนรู้อย่างมาก มีอะไรหลายๆอย่างที่บ้านเราควรศึกษา และ นำไปปรับใช้ที่บ้านเราได้

ย้อนไปตั้งแต่ก่อน ไต้ฝุ่นฮากิบิส เข้าจนออกไป ก็เห็นอะไรมากมาย การจัดเตรียม การให้ข้อมูลข่าวสาร เป็นขั้นตอน ละเอียด เข้าใจง่าย ผู้คนในประเทศก็ทำตามและเตรียมตัวกันอย่างดี ฟังทางการ และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด แม้ว่าไต้ฝุ่นลูกนี้จะใหญ่เพียงใด ก็ไม่สามารถทำอะไรญี่ปุ่นได้มากเท่าไหร่จริงๆ ครับ

เพราะญี่ปุ่นมีการเตรียมตัว และวิธีที่ชาญฉลาด ตื่นตัว แต่ไม่แตกตื่นกับการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินอยู่เสมอ รวมทั้งทางการ รัฐบาล และหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องยังมีขั้นตอน มาตรการในการรับมือกับภัยพิบัติได้อย่างดีเยี่ยม สำหรับสถานการณ์ พายุไต้ฝุ่นฮากิบิสที่รุนแรงที่สุดในรอบ 60 ปี

นอกจากนี้ มีการกล่าวด้วยว่า ฮากิบิส อาจเป็นพายุที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมา ซึ่งแม้ว่าขณะนี้พายุในแถบรอบๆกรุงโตเกียวได้เงียบสงบลงแล้ว แต่ทางการญี่ปุ่นยังคงประกาศห้ามออกจากบ้านจนกว่าพายุจะออกไปทั้งหมด

สำหรับหนึ่งในโครงการที่ทั่วโลกรู้จักและพูดถึงคือ อุโมงค์ยักษ์คัสสึคาเบะ (Metropolitan Area Outer Underground Discharge Channel) ที่ซ่อนตัวอยู่ใต้มหานครโตเกียว ซึ่งรัฐบาลญี่ปุ่นทุ่มงบประมาณมหาศาลกว่า 3 แสนล้านเยน หรือ เกือบ 1 แสนล้านบาท และใช้เวลายาวนานกว่า 17 ปี ในการดำเนินโครงการ

โดย อุโมงค์ยักษ์คัสสึคาเบะ เริ่มก่อสร้างขึ้นปี 1992 และแล้วเสร็จในปี 2000 ทั้งนี้แม้ว่าโครงการนี้จะใช้งบประมาณมากมายมหาศาล แต่ก็นับได้ว่าเป็นการดำเนินการที่คุ้มค่า เพราะเป็นการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมได้อย่างดีเยี่ยมโครงการหนึ่ง

สาเหตุที่มีการสร้างอุโมงค์ยักษ์แห่งนี้ขึ้นมา เนื่องจากพื้นที่ส่วนนี้ ได้รับความเสียหายจากเหตุน้ำท่วมมาหลายครั้งหลายครา เรียกได้ว่าเกิดน้ำท่วมขึ้นเกือบจะทุกปี เพราะลักษณะของดินในพื้นที่ที่มีรูปร่างเหมือนชาม ทำให้ง่ายต่อการกักเก็บน้ำเอาไว้ ความลาดชันของแม่น้ำก็มีน้อย ทำให้น้ำไหลลงทะเลได้ยาก ดังนั้นเมื่อเกิดฝนตกหนัก ระดับน้ำจะลดลงช้า

นอกจากนี้ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ในพื้นที่นี้มีความก้าวหน้าเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว พื้นที่ทั่วไปเป็นเขตเมือง จึงทำให้น้ำฝนซึมลงพื้นได้ยากขึ้น แทนที่จะไหลลงสู่แม่น้ำโดยตรง จึงทำให้เกิดน้ำท่วมได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ อุโมงค์ยักษ์คัสสึคาเบะ ที่ด้านล่างดูแล้วเหมือนภายในมหาวิหาร และลึกลงไปใต้ดินมากกว่าความลึกของรถไฟใต้ดินเสียอีก

โดยท่อทั้งหมดมีความยาวกว่า 6.3 กิโลเมตร เป็นท่อที่จะส่งน้ำไปยังบ่อพักน้ำแต่ละแห่ง ก่อนที่จะระบายสู่แม่น้ำเอโดะที่ปลายเส้นทาง อีกทั้งอุโมงค์สามารถระบายน้ำจำนวนมหาศาลสู่แม่น้ำเอโดะได้ในทันที ราวๆ วินาทีละ 200 ตัน

ทั้งนี้ อุโมงค์ยักษ์คัสสึคาเบะ มีกลไลในการระบายน้ำคือ ใช้วิธีเชื่อมต่อเพื่อระบายน้ำจากแม่น้ำขนาดเล็ก และขนาดกลาง เช่น แม่น้ำนาคางาวะแม่น้ำคุระมัตสึ แม่น้ำโอโตชิที่จะไหลลงมาในไซโล โดยทางระบายแต่ละแท่ง มีความสูงประมาณ 70 เมตรและกว้าง 30 เมตร

ซึ่งน้ำจะถูกปั้มผ่านอุโมงค์น้ำใต้ดินกว้าง 10 เมตร วิ่งไปตามทางหลวงหมายเลข 16 ยาวไปยังแท็งค์กักเก็บน้ำในเมืองคัสสึคาเบะ ที่มีขนาดกว้าง 78 เมตร ยาว 177 เมตร สูง 18 เมตร หลังจากนั้นน้ำจะถูกปั้มลงแม่น้ำเอโดะ เพื่อปล่อยลงสู่อ่าวโตเกียวต่อไป

นอกจากนี้ ประเทศญี่ปุ่นยังมีการผนวกเอาขั้นตอนการทำงานจากอุโมงค์เข้ากับเทคโนโลยี โดยมีการสร้างห้องควบคุมที่มีหน้าจอควบคุมระบบภายในอุโมงค์ต่าง ๆ กว่า 20 เครื่อง ช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถสอดส่อง ดูแล ควบคุมสถานการณ์ระดับน้ำได้อย่างทั่วถึง

สิ่งที่น่าสนใจของอุโมงค์ยักษ์คัสสึคาเบะ คือ ประชาชนทั่วไปก็สามารถยังเข้าไปชม และหาความรู้เกี่ยวกับระบบการทำงานของอุโมงค์ระบายน้ำขนาดยักษ์แห่งนี้ได้ โดยจะมีการอธิบายถึงขั้นตอนของการระบายน้ำจากอุโมงค์ยักษ์ แบบเข้าใจได้ง่ายที่คนทั่วไปสามารถเข้าใจได้

ทำให้ที่นี่กลายเป็นผลงานด้านวิศวกรรมที่ยอดเยี่ยม และมีวิศวกรจากทั่วทุกมุมโลกเดินทางมาดูงานที่อุโมงค์แห่งนี้เป็นจำนวนมาก ฃอย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของอุโมงค์แห่งนี้ทำให้บ้านที่ถูกน้ำท่วมในเขตเมืองลดลงอย่างมาก และช่วยลดความเสียหายจากอุทกภัยที่เกิดขึ้นในลุ่มน้ำเป็นเวลาหลายปีที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม แม้ว่า ซูเปอร์ไต้ฝุ่น ฮากิบิส ลูกนี้จะใหญ่โตเพียงใด ก็ไม่สามารถทำอะไรญี่ปุ่นได้มากเท่าที่คาดการณ์ไว้ จริงๆ ต้องบอกว่านี่คือการเตรียมพร้อมอย่างมีระบบที่ดีเยี่ยมจริงๆ

ขอบคุณที่มา
https://www.sanook.com/news/7922502/

 

​

ญี่ปุ่นเร่งประเมินความเสียหายและช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากพายุไต้ฝุ่นฮากิบิส ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็นอย่างน้อย 26 คน สูญหายอีก 18 คน
ทีมกู้ภัยและเจ้าหน้าที่กองกำลังป้องกันตนเอง (SDF) เกือบ 30,000 นาย กระจายกำลังลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากอิทธิพลของพายุไต้ฝุ่น “ฮากิบิส” ทั้งในกรุงโตเกียว และพื้นที่อีก 7 จังหวัดโดยรอบ ขณะที่บริษัทผู้ให้บริการไฟฟ้าของญี่ปุ่น หรือ เทปโก (TEPCO) เร่งซ่อมแซมกระแสไฟฟ้า โดยจนถึงขณะนี้ยังมีประชาชนอีกกว่า 100,000 ครัวเรือน ที่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้ ส่วนอีก 1,000 ครัวเรือนในจังหวัดชิบะ ไม่มีน้ำประปาใช้

​

สถานการณ์ที่จังหวัดนางาโนะ ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายหนักที่สุด ยังคงน่าเป็นห่วง หลังพนังกั้นน้ำริมฝั่งแม่น้ำชิกูมะพังทลาย ทำให้มวลน้ำไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ชาวบ้านต้องหนีขึ้นไปรอความช่วยเหลืออยู่บนชั้น 2 ของตัวบ้าน ขณะที่โลกโซเชียลแห่แชร์ภาพบ้านหลังหนึ่งพังถล่มลงไปในแม่น้ำ ก่อนที่เศษซากปรักหักพังจะลอยไปกับกระแสน้ำ นอกจากนี้ มวลน้ำยังไหลท่วมไปในศูนย์ซ่อมบำรุงรถไฟของเมือง ทำให้รถไฟหัวกระสุน หรือชินคันเซ็น ของสายโฮคุริคุ ที่จอดอยู่หลายขบวนถูกน้ำท่วมเสียหาย คาดว่ามูลค่าความเสียหายอาจสูงถึง 12,000 ล้านเยน หรือกว่า 3,000 ล้านบาท
โดยส่วนบรรยากาศที่กรุงโตเกียว เมืองหลวงของประเทศ ประชาชนออกมาเก็บกวาดซากความเสียหายกันตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยเฉพาะบริเวณริมฝั่งแม่น้ำทามะ ที่เอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือน ขณะที่ถนนหนทางเต็มไปด้วยโคลนจากแม่น้ำ

​

ด้าน นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่น ประกาศตั้งคณะทำงานฉุกเฉิน เพื่อประเมินความเสียหายในภาพรวม เบื้องต้น พบว่าแม่น้ำอย่างน้อย 8 สายเอ่อล้นตลิ่ง พนังกั้นน้ำกว่า 10 แห่งพังเสียหายจากพายุ ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดเพิ่มเป็นอย่างน้อย 26 คน สูญหาย 18 คนและอีก 175 คน ได้รับบาดเจ็บ
ขณะที่ระบบขนส่งสาธารณะ โดยเฉพาะบริการรถไฟในกรุงโตเกียว กลับมาให้บริการตามปกติแล้ว ส่วนสายอื่นๆ เจ้าหน้าที่กำลังประเมินความปลอดภัย คาดจะให้บริการได้ในช่วงเย็นวันนี้ เช่นเดียวกับบริการเที่ยวบิน ที่ทยอยกลับมาให้บริการบางส่วน แต่ยังมีเที่ยวบินในประเทศถูกยกเลิกกว่า 800 เที่ยวในวันนี้
ล่าสุด สำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA) ปรับลดระดับความรุนแรงของไต้ฝุ่นฮากิบิส เป็นหย่อมความกดอากาศต่ำแล้ว ขณะนี้กำลังเคลื่อนตัวอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก

นอกชายฝั่งทางตะวันออกของญี่ปุ่น ก่อนหน้านี้ ทางการญี่ปุ่นคาดการณ์ว่า อิทธิฤทธิ์ของพายุไต้ฝุ่นฮากิบิสนั้น เทียบเท่ากับพายุไต้ฝุ่นที่เคยพัดถล่มเมื่อปี 1958 ซึ่งครั้งนั้นมีผู้เสียชีวิตถึง 1,200 คน และน้ำท่วมบ้านกว่า 500,000 หลัง แต่เนื่องจากทางการและประชาชนมีการเตรียมพร้อมรับมือพายุเป็นอย่างดี ประกอบกับระบบบริหารจัดการที่มีความทันสมัยมาก ความเสียหายจึงไม่รุนแรงเหมือนในอดีต

​

เครดิตแหล่งข้อมูล : PPTVHD36


ขอบคุณที่มา
http://tnews.teenee.com/world/156059.html

 

เหยื่อไต้ฝุ่น ‘ฮากิบิส’ ดับเพิ่ม33ศพ บาดเจ็บกว่า180คน

เหยื่อไต้ฝุ่น ‘ฮากิบิส’ เสียชีวิตเพิ่มเป็นอย่างน้อย 33 คน, บาดเจ็บกว่า 180 คน และยังสูญหายอยู่อีก 14 คน รัฐบาลส่งทหารและเจ้าหน้าที่กู้ภัยเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชน
​

วันนี้ (14ต.ค.62) สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานข่าวหลังไต้ฝุ่น “ฮากิบิส” เคลื่อนตัวออกสู่ทะเลเมื่อวันอาทิตย์ ล่าสุดจนถึงเช้าวันนี้ ผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 33 คน, บาดเจ็บ 186 คน และยังสูญหายอยู่อีก 14 คนรวมกันในหลายจังหวัด แต่ตัวเลขยังไม่นิ่ง ขณะนี้ เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบตัวเลขที่แท้จริงอยู่ ส่วนรัฐบาลญี่ปุ่นได้ส่งกำลังทหารและเจ้าหน้าที่กู้ภัยเกือบ 30,000 คนเข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ติดค้างอยู่ในพื้นที่

เจ้าหน้าที่กู้ภัยยังคงเดินหน้าให้ความช่วยเหลือประชาชน สำนักงานดับเพลิงและบริหารจัดการภัยพิบัติของรัฐบาล แถลงดึกวันอาทิตย์ว่า มีบ้านเรือน 1,283 หลังถูกน้ำท่วม และ 517 หลังได้รับความเสียหายบางส่วน หรือทั้งหมด บ้านเรือนประชาชนไม่มีไฟฟ้าอีกประมาณ 100,000 หลัง

ขณะเดียวกัน กระทรวงที่ดินของญี่ปุ่น แถลงในช่วงบ่ายวันอาทิตย์ ยืนยันเขื่อนกั้นน้ำพังอย่างน้อย 10 แห่ง ที่กั้นแม่น้ำ 9 สาย เนื่องจากฝนตกหนักจากอิทธิพลของไต้ฝุ่นฮากีบิส ซึ่งเป็นหนึ่งในพายุที่รุนแรงที่สุดที่พัดถล่มญี่ปุ่นในประวัติศาสตร์ จนทำให้แม่น้ำเหล่านี้ ปริมาณน้ำเอ่อล้นฝั่ง กระแสน้ำไหลเชี่ยวกรากทะลักเข้าท่วมพื้นที่ชุมชน

ด้านบริษัทอีสต์ เจแปน เรลเวย์ แถลงว่า รถไฟหัวกระสุนจำนวน 1 ใน 3 ที่แล่นให้บริการสายโฮกุริกุ ชินคันเซน ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากน้ำท่วมสูง โดยน้ำทะลักเข้าศูนย์เก็บและซ่อมบำรุงรถไฟหัวกระสุนในเมืองอาคานุมา จังหวัดนากาโนะ ภาคกลางของญี่ปุ่น เจ้าหน้าที่ของบริษัทยืนยันว่า รถไฟหัวกระสุน 10 ขบวน 120 โบกี้ ได้รับการยืนยันว่าเสียหายจากน้ำท่วม ซึ่งรวมทั้งรถไฟสาย อี7 จำนวน 8 ขบวน และสายดับเบิลยู7 อีก 2 ขบวน จากจำนวน 30 ขบวนที่ให้บริการสายโฮกุริกุ

เจ้าหน้าที่ กล่าวว่า เป็นไปไม่ได้ที่รถไฟหัวกระสุนสายนี้จะกลับมาให้บริการได้อย่างเต็มรูปแบบ และอาจเริ่มให้บริการได้เพียงไม่กี่ขบวนเท่านั้น ศูนย์เก็บและซ่อมบำรุงรถไฟหัวกระสุนแห่งนี้ ตั้งอยู่ห่างจากสถานีเจอาร์ นากาโนะ ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 10 กิโลเมตร และด้านตะวันตกของแม่น้ำชิกุมะ ซึ่งน้ำเอ่อล้นฝั่งหลังไต้ฝุ่นฮากีบิส พัดถล่มพื้นที่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา



ขอบคุณที่มา
https://www.tnnthailand.com/content/19011

 

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 14 ต.ค. ว่านายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ แถลงเมื่อวันอาทิตย์ เกี่ยวกับการทำงานของภาครัฐในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากอิทธิพลของไต้ฝุ่นฮากิบิส ซึ่งพัดถล่มพื้นที่ส่วนใหญ่ของเกาะฮนชู ทางตอนกลางของประเทศ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ว่าแม้พายุเคลื่อนตัวออกจากญี่ปุ่นและอ่อนกำลังลงเหลือเป็นเพียงหย่อมความกดอากาศต่ำ แต่ทิ้งร่องรอยความเสียหายไว้มหาศาล ซึ่งเขาได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกแห่ง “ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง” เพื่อให้กระบวนการช่วยเหลือประชาชนไม่ขาดตอน

Post-Hagibis rescue work continues https://t.co/MSlUkr98vD

— NHK WORLD News (@NHKWORLD_News) October 14, 2019


Typhoon Hagibis has been downgraded to a low pressure system. It is now hovering off the coast of eastern Japan.#Hagibis #Typhoonhttps://t.co/xZHPRNU5fb pic.twitter.com/joGGDdZ4pe

— NHK WORLD News (@NHKWORLD_News) October 13, 2019
​

เจ้าหน้าที่กองกำลังป้องกันตนเองช่วยเหลือผู้ประสบภัยออกจากบ้านพักในจังหวัดมิยางิ

A rescue operation is underway at a nursing home in Saitama Prefecture, north of Tokyo, where about 220 people are stranded due to a flood.#Hagibis #Typhoon pic.twitter.com/Q8XOe5agcN

— NHK WORLD News (@NHKWORLD_News) October 13, 2019
​

ขณะเดียวกัน อาเบะกล่าวด้วยว่าผลกระทบจากมหาวาตภัยครั้งนี้เป็นเรื่องที่ “รอไม่ได้แม้วินาทีเดียว” และเขาจะไม่รอการส่งเรื่องขอรับความช่วยเหลือจากรัฐบาลและเทศบาลท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบ โดยอาเบะได้จัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจลงพื้นที่ในจังหวัดมิยางิ ฟุกุชิมะ ไซตามะ อิบารากิ โทจิงิ และนางาโนะ เพื่อประเมินความเสียหาย แล้วส่งรายงานกลับมาเพื่อที่รัฐบาลกลางจะได้จัดตั้งกองทุนหรือจัดสรรงบประมาณฉุกเฉินเพื่อช่วยเหลือต่อไป และนายเรียวตะ ทาเคดะ รัฐมนตรีด้านการบริหารจัดการภัยพิบัติ เตรียมเดินทางไปยังเมืองฟุกุชิมะเพื่อสำรวจสภาพของดรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ หลังบริษัทไฟฟ้าโตเกียว ( เทปโก ) ซึ่งเป็นผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าแห่งนี้ ที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากแผ่นดินไหวและสึนามิ เมื่อเดือนมี.ค. 2554 รายงานการอ่านค่าของมาตรวัด “มีความคลาดเคลื่อนในช่วงหนึ่ง”



เด็กหญิงเลือกหยิบสิ่งของและอาหารที่เจ้าหน้าที่จัดเตรียมไว้ ภายในศูนย์พักพิงชั่วคราว



บริการรถไฟส่วนใหญ่ยังคงล่าช้ากว่าปกติ

East Japan Railway Company says one-third of its bullet trains used for the Hokuriku Shinkansen line have been damaged by flooding.#Hagibis #Typhoon #Shinkansen pic.twitter.com/0HVY4oaWFL

— NHK WORLD News (@NHKWORLD_News) October 13, 2019
​

ด้านสถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเครายงานโดยอ้างแหล่งข่าว ว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจากอิทธิพลของไต้ฝุ่นฮากิบิส ซึ่งเป็นภาษาตากาล็อกแปลว่า “ความเร็ว” อยู่ที่อย่างน้อย 35 คน แต่รายงานของรัฐบาลกลางยังระบุไว้ที่อย่างน้อย 14 คน ขณะที่กองกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่น ( เจเอสดีเอฟ ) ระดมกำลังเจ้าหน้าที่มากกว่า 30,000 นาย สนับสนุนการทำงานของหน่วยกู้ภัยพลเรือนมากกว่า 100,000 นาย ในการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ส่วนระบบขนส่งสาธารณะทั้งขบวนรถไฟและเที่ยวบินพาณิชย์ทยอยกลับมาให้บริการแล้ว แต่ยังมีความล่าช้าในหลายเส้นทางเนื่องจากระบบรางได้รับความเสียหาย.

เครดิตภาพ : AFP, REUTERS

ขอบคุณที่มา
https://www.dailynews.co.th/foreign/736480

 

ในบรรดาผู้เสียชีวิต มีคุณยายวัยประมาณ 70 ปีรายหนึ่งที่เเสียชีวิตจากการร่วงลงมาจากเฮลิคอปเตอร์กู้ภัยที่เข้ามาช่วยนำตัวออกจากพื้นที่ประสบภัย ขณะที่ทางการระดมกำลังทหาร 27,000 นาย มา ช่วยงานในการกู้ภัย และบอกว่าจะเอามาเพิ่มอีก หากจำเป็น

ญี่ปุ่น ยังคงให้ความช่วยเหลือผู้รอดชีวิตจากพายุไต้ฝุ่นฮากิบิสอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่พายุลูกดังกล่าวทำให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่อยู่อาศัยของประชาชนอย่างหนักหน่วง และทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 35 ราย สูญหายอีก 20 ราย

สำนักข่าวเกียวโตของญี่ปุ่นรายงานว่า หลังจากที่พายุไต้ฝุ่นฮากิบิสได้พัดถล่มกรุงโตเกียวและพื้นที่ภาคกลาง ตะวันออก และตะวันออกเฉียงเหนือนั้น มีผู้สูญหายแล้วอย่างน้อย 17 ราย

กองกำลังป้องกันตนเอง 27,000 รายได้กระจายกำลังไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั้งนากาโน่ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีประชาชนติดค้างอยู่ถึง360 ราย หลังจากที่เขื่อนกั้นแม่น้ำชิกุมะพังทลายลง ขณะที่กระทรวงที่ดินได้ประกาศเตือนถึงความเป็นไปได้ที่ระดับน้ำจะสูงถึง 5 เมตร หลังจากที่ได้มีการยืนยันเรื่องการพังทลายของเขื่อนกั้นแม่น้ำเมื่อเวลาประมาณตี 3 นั้น คาดว่า ยอดผู้เสียชีวิตจะเพิ่มขึ้น

ขบวนรถไฟหัวกระสุนของบริษัท อีสต์ เจแปน เรลเวย์ ที่จอดอยู่ที่สถานีจอดใกล้กับสถานีนากาโน่ รวมทั้งระบบสาธารณูปโภค และบ้านเรือนต่างๆถูกกระแสน้ำท่วมที่เต็มไปด้วยโคลนพัดท่วม

ขอบคุณที่มา
https://www.nationtv.tv/main/content/378746544/

 

เผยขั้นตอนรัฐบาลญี่ปุ่น รับมือหลังซูเปอร์ไต้ฝุ่นฮากิบิสพัดผ่าน ทุ่มงบและกำลังทั้งหมดช่วยเหลือประชาชนและฟื้นฟูทันที

​

วันที่ 13 ตุลาคม 2562 ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ธนากร ใจสุขสกุลดี คนไทยในญี่ปุ่น ได้เผยสถานการณ์หลัง ซูเปอร์ไต้ฝุ่นฮากิบิส ซึ่งผ่านประเทศญี่ปุ่นไปเป็นที่เรียบร้อย ทิ้งความเสียหายไว้เบื้องหลังมากมายมหาศาล

การรับมือของญี่ปุ่นหลังเกิดภัยพิบัตินั้น พบว่า

– นายกรัฐมนตรี ชินโสะ อาเบะ ได้ออกมาเรียกประชุมฉุกเฉินกับทุกฝ่าย ในอาการที่เหมือนกับยังไม่ได้นอน เพราะเป็นผู้บัญชาการวอร์รูมรับมือกับภัยพิบัติทั้งคืน ร่วมกับมีรัฐมนตรีกระทรวงก่อสร้างและคมนาคม กระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีกระทรวงเพื่อการฟื้นฟู รวมถึงผู้เชี่ยวชาญการที่เกี่ยวข้องทุกสาขา อย่างพร้อมเพรียง

– รัฐบาลได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดับเพลิงกู้ภัย ทหารแพทย์ ทหารเจไต ทหารเรือ ออกปฏิบัติการกู้ภัยตั้งแต่เวลาตีห้า จำนวน 27,000 นาย พร้อมอุปกรณ์ที่จำเป็นครบมือ ทั้งเครื่องจักรกลหนัก อาหาร น้ำดื่ม พร้อมอุปกรณ์ดำรงชีพที่จำเป็นครบมือ ออกไปช่วยรัฐบาลท้องถิ่น ทำการกู้ภัยและฟื้นฟูทุกพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายแล้ว

– รัฐบาลได้ตั้งศูนย์ประสานงานเพื่อบรรเทาสาธารณภัยฉุกเฉินขึ้นภายในทำเนียบรัฐบาล โดยสัญญาว่าจะทุ่มเทงบประมาณ และความช่วยเหลือที่จำเป็นทั้งหมดลงไปในพื้นที่อย่างเร่งด่วน โดยถือเป็นภารกิจหลักของรัฐบาล พร้อมสั่งให้ส่วนท้องถิ่นเร่งมือช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างเร่งด่วนและให้ความสําคัญกับการรักษาชีวิตประชาชนก่อนเป็นอันดับแรก ขาดเหลืออะไรสามารถแจ้งรัฐบาลได้ทันที

– รีบซ่อมแซมฟื้นฟูไฟฟ้า น้ำประปา ถนนหนทาง สาธารณูปโภคพื้นฐานทุกอย่างให้เรียบร้อยโดยเร็ว มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงฟื้นฟูพร้อมทีมงานผู้เชี่ยวชาญ เดินทางลงพื้นที่จังหวัดฟุคุชิม่าและจังหวัดนางาโนะทันที และให้รายงานรายละเอียดความเสียหายเข้ามาที่ศูนย์ทุกวัน จากนั้นโฆษกรัฐบาลได้ออกมาย้ำถึงภารกิจของรัฐบาลในการช่วยเหลือประชาชนด้วย

​

เจ้าของเรื่องราวเผยว่า ตนเองมองว่า ทางการญี่ปุ่นมีความพร้อม เป็นมืออาชีพ มีความรวดเร็วมากในการช่วยเหลือประชาชนและฟื้นฟูความเสียหายจากภัยพิบัติต่าง ๆ สมกับเป็นชาติที่ต้องรับมือกับภัยธรรมชาติอยู่บ่อยครั้ง

ขอบคุณที่มา
https://hilight.kapook.com/view/194875

 

ทหารแสนนายกู้ภัยฮากีบิส ยอดตายพุ่ง หวั่นทะลุครึ่งร้อย


ทหารแสนนายกู้ภัยฮากีบิส – เมื่อ 14 ต.ค. เอพี รายงานความคืบหน้าสถานการณ์กู้ภัยมหาพายุไต้ฝุ่นฮากีบิส ซัดกระหน่ำญี่ปุ่น ว่า กำลังทหาร 110,000 นายเร่งภารกิจค้นหาผู้สูญหายและกู้ร่างผู้เคราะห์ร้ายตามบ้านเรือน ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 37 ราย สูญหายกว่า 20 คน

[embedded content]

ความเสียหายกินพื้นที่ทั่วภาคกลางและภาคเหนือของญี่ปุ่น ยังคงมีคำเตือนภัยดินโคลนถล่มหลังจากนี้อยู่ เช่นเดียวกับฝนที่ยังตกหนัก ขนาด 100 เซนติเมตรตลอด 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา แม่น้ำกว่า 20 สายไหลทะลักล้นตลิ่งเข้าสู่บ้านเรือนและไร่นา



ท่ารถไฟที่นางาโนะถูกน้ำหลากท่วม ทำให้รถไฟไฮสปีด 10 คัน มูลค่าคันละ 30 ล้านดอลลาร์ หรือราว 900 ล้านบาทจมอยู่ใต้น้ำ


Residents are rescued in Marumori town, Miyagi prefecture, Japan Monday, Oct. 14, 2019 following Typhoon Hagibis. (Kyodo News via AP)

ส่วนพื้นที่อื่นๆ มีน้ำปนโคลนหลากท่วมบ้านเรือนและถนนหนทาง ไร่นา พื้นที่เดิมที่เคยเป็นพื้นแห้งๆ กลับเหมือนแม่น้ำขนาดใหญ่ ประชาชนราว 30,000 คนที่อยู่ศูนย์พักพิงต่างห่วงบ้านเรือนของตนที่จมบาดาล

นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรี สั่งจัดตั้งทีมเฉพาะกิจเพื่อรับมือภัยพิบัติในครั้งนี้ “ด้วยความเร่งด่วนและเหมาะสม” พร้อมสั่งเคลื่อนกำลังทหารกระจายไปกู้ภัยทั่วประเทศ โดยเฉพาะภารกิจช่วยประชาชนที่ติดอยู่ตามบ้านเรือน


Debris caused by Typhoon Hagibis are left on a street in Motomiya, Fukushima prefecture, Japan Monday, Oct. 14, 2019. Rescue crew dug through mudslides and searched near flooded rivers for missing people Monday after the typhoon caused serious damage in central and northern Japan. (Kyodo News via AP)

This photo shows a flooded area in Nagano, central Japan following Typhoon Hagibis , Monday, Oct. 14, 2019. The typhoon dropped record amounts of rain for a period in some spots, according to meteorological officials, causing more than 20 rivers to overflow. Some of the muddy waters in streets, fields and residential areas have subsided. But many places remained flooded, with homes and surrounding roads covered in mud and littered with broken wooden pieces and debris. (Kyodo News via AP)

In this Oct. 13, 2019, photo, Canadian rugby team players volunteer to clean a road in Kamaishi, Iwate prefecture, Japan, following the cancellation of their Rugby World Cup Pool B match against Namibia due to Typhoon Hagibis. The powerful typhoon unleashed torrents of rain and strong winds Saturday that left thousands of homes on Japan’s main island flooded, damaged or without power. (Kyodo News via AP)

Residents clean a house damaged by Typhoon Hagibis, in Marumori town, Miyagi prefecture, Japan Monday, Oct. 14, 2019. Rescue crews in Japan dug through mudslides and searched near swollen rivers Monday as they looked for those missing from the typhoon that caused serious damage in central and northern Japan. (Kyodo News via AP)ภั

ขอบคุณที่มา
https://www.khaosod.co.th/around-the-world-news/news_2971821