ทริปกฐินเชียงของ 22-26 ตุลาคม 2553

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย kananun, 18 ตุลาคม 2010.

  1. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    เป็นกฐินบุญใหญ่ที่หมู่คณะเราจัดขึ้นที่ภาคเหนือ จ.เชียงราย ณ วัดที่ไม่ได้มีกฐินมาเป็นเวลา 40 ปี ชาวบ้านยินดีมาก มีขบวนแห่ฟ้อนต้อนรับ

    รายละเอียดจะแจ้งให้ทราบกันต่อไปครับ
     
  2. eve1

    eve1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    244
    ค่าพลัง:
    +682
    เคยได้พึ่งใบบุญ วัดๆหนึ่งใน อ.เชียงของ ไม่แน่ใจว่า วัดหลวงหรือวัดพระแก้ว เพราะนานมาก แต่จำได้ว่าทางเข้าโบสถ์หันหน้าไปทางแม่น้ำโขง ( ตอนนั้นมีหน่วย นปข. ผูกแพประจำที่ริมน้ำตรงนั้น ) ด้านหน้ามีองค์พระที่ข้าพเจ้าได้พึ่งใบบุญ และแม่ชีที่สอนภาษาล้านนา

    สาธุ...
     
  3. Doughnut

    Doughnut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    697
    ค่าพลัง:
    +15,615
    สวัสดีค่ะ คุณ eve1 วัดบ้านหลวง อยู่ต.ครึ่ง อ.เชียงของ จ.เชียงรายค่ะ เมื่อช่วงต้นปี พวกเราเคยคิดว่า เป็นวัดหลวง ในตัวเมืองเชียงของเช่นกัน เมื่อค้นหาประวัติวัดบ้านหลวง (พระท่านเน้นมาว่า วัดบ้านหลวงค่ะ) และให้น้องท่านหนึ่งที่บ้านอยู่ลำปาง เมื่อช่วงสงกรานต์กลับไปบ้านที่ลำปางได้ขึ้นไปทำบุญที่เชียงราย แวะเข้าไปดูให้ จึงมั่นใจว่า เป็นวัดบ้านหลวง

    เรื่องราวที่มาของการจัดกฐินสามัคคี ณ วัดบ้านหลวง ต.ครึ่ง อ.เชียงของ จ.เชียงราย เพื่อสร้างอาคารพิพิธภัณฑ์เก็บรักษาพระพุทธรูปโบราณและโบราณวัตถุทั้งหลาย

    ขออนุญาตท่านเจ้าของกระทู้ คุณ Me,myself คัดลอกมาให้อ่านและทราบกันค่ะ รายละเอียดคลิกอ่าน
     
  4. Doughnut

    Doughnut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    697
    ค่าพลัง:
    +15,615
    ทริปเชียงของ (วัดบ้านหลวง) 3-4 พฤษภาคม 2553

    โดย คุณ Me, myself

    =======================================
    สวัสดีค่ะท่านกัลยาณมิตรทั้งหลาย ดิฉันเพิ่งกลับจากไปเชียงของมาค่ะ การเดินทางไปเชียงของนี้ไม่เคยมีความคิดเลยนะคะ แต่ว่ามีเหตุบางประการทำให้ต้องเดินทางไปค่ะ สืบเนื่องมาจากคืนวันที่ 5 เม.ย. ดิฉันได้ขึ้นไปกราบพระศาสดาแล้วก็ได้นั่งสนทนากับพระองค์ท่าน แล้วท่านก็สั่งว่าให้ไปวัดบ้านหลวง พร้อมทั้งมอบภาพองค์พระยืนมาให้กับดิฉัน แล้วท่านก็ไม่ตรัสอะไรอีก ดิฉันก็รับมาอย่างงงๆ แล้วก็คิดในใจว่า มีด้วยเหรอวัดชื่อนี้ ไม่เคยได้ยิน แล้วอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ จากนั้นตัวเองก็หลับไป ตื่นมากลางดึกก็จำได้เรื่องที่ท่านสั่งให้ไปวัดบ้านหลวง ก็ทวนๆชื่อวัดนี้แล้วก็จดลงสมุดตรงหัวนอน จากนั้นก็หลับต่อ เช้าขึ้นมาก็เข้าเนทเสริทหาวัดนี้ ก็ตกลงว่าเจอค่ะ มีอยู่จริงๆอยู่ที่หมู่บ้านหลวง อ.เชียงของ ตอนที่อ่านประวัติวัดไปก็ขนลุกไปนะคะ ก็คิดว่าต้องไปที่วัดตามที่พระศาสดาสั่งมา ทั้งๆที่ยังไม่รู้ว่าท่านจะให้ไปทำอะไร

    จากนั้นก็ได้มาพูดคุยกับพวกน้องๆ ก็มีหลายคนอยากไปด้วย เริ่มแรกก็คิดกันว่าจะไปรถตู้กัน กำหนดเวลาไว้ประมาณกลางเดือนพฤษภาคม ตอนช่วงสงกรานต์น้องตู่กลับบ้านที่เชียงราย เลยให้แวะไปดูวัดนี้หาข้อมูลให้พลางๆก่อน ซึ่งน้องตู่ก็ได้กลับมาบอกเล่าว่าวัดนี้มีประวัติน่าสนใจ พอมาคุยกันเรื่องเวลาที่จะไปกันจริงๆ ก็มีหลายคนไม่ว่างเวลานั้นเวลานี้ ถ้าเป็นเดือนมิถุนายนก็ดี แต่ดิฉันมีความคิดว่า ช้าไป รอไม่ได้ ก็เลยคุยกับคุณหนิงว่า ดิฉันจะไปเองคนเดียว แบ๊คแพคไป คุณหนิงก็เลยว่างั้นขอไปด้วย ก็ตกลงกันว่าไปกันสองคน สุดท้ายน้องเบนตามไปอีกคน ก็โอเคสามคนพอแล้ว มากไปกว่านี้จะลำบาก เพราะเราไปแบบไม่มีโปรแกรมล่วงหน้าเลย ที่พักก็ไม่ได้จอง ทุกอย่างกะว่าไปหาเอาดาบหน้าหมด จากนั้นคุณหนิงก็ไปจองตั๋วรถทัวร์ไปเชียงของของคืนวันที่ 2 พฤษภาคม ขากลับยังไม่ได้จอง เพราะยังไม่แน่ใจว่าจะกลับจากที่ไหน เชียงของหรือว่าเชียงแสน

    ดิฉันก็บอกคุณหนิงว่าให้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุไปด้วย ส่วนตัวดิฉันนำไปด้วยผอบหนึ่ง จะเอาไปถวายที่วัดค่ะ ก่อนที่จะไปก็ได้สอบถามพระศาสดามาเรื่อยๆถึงสิ่งที่ต้องไปทำ ท่านก็บอกว่าไปแล้วจะรู้เอง (แต่สิ่งที่รับรู้มาเอง เหมือนว่าจะต้องได้จัดกฐินไปที่วัดนี้แน่นอนในปีนี้ ซึ่งมาตรงกับน้องตู่วันที่น้องตู่ไปดูวัดมาก่อนแล้วว่า มีความรู้สึกว่าพวกเราจะได้จัดกฐินมาที่วัดนี้) วันที่ออกเดินทาง ดิฉันก็ได้ขึ้นไปกราบขอพรกับพระศาสดาว่า ขอให้เดินทางโดยปลอดภัย ปราศจากอันตรายทั้งปวง ขอให้ทุกสิ่งทุกอย่างราบรื่นไม่มีอุปสรรคใดๆ ขอให้ทุกคนในหมู่บ้านให้การต้อนรับด้วยดี รวมถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในที่นั้นด้วย และขอให้ได้พักที่วัดเพื่อที่จะได้มีเวลาศึกษาหาข้อมูลของวัด ขอให้อากาศเป็นใจอย่าร้อนมากและอย่าให้ฝนตก เพราะจะทำให้ลำบาก ซึ่งพระศาสดาก็ประทานพรนั้นว่าให้สมความปรารถนาทุกประการ

    พวกเราเดินทางกันคืนวันที่ 2 ไปถึงเชียงของของเช้าวันที่ 3 พอไปถึงเชียงของก็ได้ถามน้องที่ขายตั๋วรถทัวร์ว่า "วัดบ้านหลวงอยู่ที่ไหน ไปยังไง" น้องก็ว่า"วัดหลวงหรือวัดบ้านหลวง ถ้าวัดหลวงก็ไปอีกไม่ไกล แต่ถ้าเป็นวัดบ้านหลวง พี่ต้องนั่งรถย้อนกลับไปอีกประมาณสามสิบกว่ากิโล (ไม่รู้ข้อมูลมาก่อนว่า วัดบ้านหลวงอยู่ก่อนถึงตัวเมืองเชียงของ เข้าใจว่าเลยออกไปจากตัวเมืองไปทางเชียงแสน ไม่อย่างนั้นคงลงรถตรงหน้าวัดเลย)" ก็ถามน้องว่า "ไปยังไงมีรถผ่านไหม" น้องบอกว่า "มีรถแดงวิ่งไป ค่ารถประมาณสิบบาท" คุณหนิงถามต่อว่า "มีรถเหมาไปไหม" น้องก็ว่า "พี่จะเหมาไปทำไม มีก็มีแหละ แต่ราคาต้องไปตกลงกันเอง" มีน้องอีกคนมาบอกคร่าวๆว่าประมาณห้าร้อยบาท (แพงจัง) ก็เลยตัดสินใจว่า นั่งรถแดงไปกันดีกว่า

    ตอนไปเรามีข้อมูลของวัดหลวงกับวัดพระแก้วที่อยู่ตรงตัวเมืองเชียงของ ซึ่งมีประวัติน่าสนใจเหมือนกัน ก็กะกันว่าจะไปที่สองวัดนี้ด้วย แต่จริงๆจุดหมายหลักของดิฉันคือต้องการไปแค่วัดบ้านหลวงเท่านั้นเอง เรื่องอื่นอาจจะเป็นผลพลอยได้ แต่พอรู้ว่าวัดบ้านหลวงต้องนั่งรถย้อนกลับไป ก็เลยคิดกันว่า จะไปที่ไหนก่อน แรกๆว่าจะไปวัดหลวงกับวัดพระแก้วก่อน แล้วค่อยไปวัดบ้านหลวง แต่ก็มาคิดว่าถ้าไปวัดบ้านหลวงที่หลังแล้วหาที่พักไม่ได้ก็ต้องนั่งรถกลับเข้ามาตัวเมืองเชียงของอีกเพื่อหาที่พัก มันจะมืดไปไหม เลยตัดสินใจว่าไปวัดบ้านหลวงก่อนดีกว่า เพราะคงต้องมีอะไรทำมากอยู่ ในใจก็คิดว่าต้องได้พักที่นั่นแน่ๆ ไม่ได้มาพักที่ต้วเมืองเชียงของหรอก

    พวกเราก็ไปหาอาหารเช้ากินกันก่อน กินเสร็จรถแดงก็มาเข้าคิวรอรับคนพอดี มีแต่คนชี้บอกให้หมดว่า คันนี้เลยไปวัดบ้านหลวง (คือพอไปถามคน เขาก็เลยบอกกันต่อๆไป รู้กันหมดเลยแถวนั้น) ก็ขึ้นไปนั่งรอบนรถ คุณหนิงเห็นมีคนนั่งอยู่ข้างหลังดิฉัน บอกว่าให้ถามเรื่องวัดบ้านหลวง ดิฉันเลยหันไปถามว่า "พี่รู้จักวัดบ้านหลวงไหม" พี่เขาก็ว่า "ข้าเจ้าก็เป็นคนบ้านหลวงนี่แหละ" อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น เลยบอกว่า "ถึงแล้วพี่ช่วยบอกด้วยนะคะ" พอรถออกวิ่งไปจนถึงบ้านหลวง พี่คนนั้นก็ลงก่อนถึงวัดหน่อยเดียว แล้วก็บอกให้คนขับรถ กระเป๋ารถว่า ให้จอดหน้าวัดบ้านหลวงให้พวกเราลงด้วย ซึ่งพี่ๆทั้งสามก็ใจดีช่วยเหลือเป็นการดี ขอให้พี่ๆทั้งสามจงเจริญยิ่งๆขึ้นไปด้วยเทอญ

    พวกเราลงจากรถก็เดินเข้าไปที่วัด ระหว่างเดินไป ผ่านตลาดของหมู่บ้าน มีผู้เฒ่าผู้แก่นั่งอยู่ ก็มองพวกเรากันเป็นตาเดียวเลย คงคิดมั้งว่าคนแปลกหน้าพวกนี้เป็นใครมาทำอะไรกัน เดินไปจนเกือบถึงหน้าวัด มีศาลาห้องสมุดประจำหมู่บ้าน มีน้องๆกลุ่มหนึ่งนั่งอยู่ ยังกับนั่งคอยพวกเรางั้นแหละ พอเราเดินไปถึง น้องๆถามว่า "พวกพี่มาวัดเหรอคะ" ก็บอกน้องไปว่า "ค่ะ" น้องๆบอกว่า "เจ้าอาวาสไม่อยู่ค่ะ " "อ้าว แล้วทำไงละ" น้องก็ว่า "แต่หนูมีกุญแจค่ะ เปิดให้พวกพี่เข้าไปในโบสถ์ไปไหว้พระได้" แล้วน้องๆก็พาไปไหว้พระ แล้วบอกว่า เจ้าอาวาสไปงานศพ สักพักคงกลับ ไม่ได้ไปไหนไกลๆ

    ภายในโบสถ์มีพระประธานองค์ใหญ่ ส่วนด้านข้างๆซ้ายขวา มีพระพุทธรูปเก่าแก่หลายองค์ แต่ได้ทำกรงเหล็กกั้นไว้ เพื่อป้องกันขโมย ซึ่งดูแล้ว ทำให้ใจสลด เหมือนนำท่านไปขังไว้ เรื่องประวัติการทำกรงกั้นองค์พระไว้ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังตอนหลังค่ะ จากนั้นน้องๆ ได้พาไปชมกองหินโบราณ ซึ่งก็มีประวัติเหมือนกัน แล้วก็พาไปดูไม้สักทองกับไม้พญางิ้วดำที่จมอยู่ในลำน้ำอิงมานาน ตอนที่ไปดู น้องเบนถามดิฉันว่า "ผู้หญิงใช่ไหม" ดิฉันก็ตอบว่า "ใช่" แต่พอฟังพวกน้องๆเล่าประวัติบอกว่า ไม้สักทองเป็นผู้หญิง ส่วนไม้พญางิ้วดำเป็นผู้ชาย ดิฉันก็มาคิด "เอ..มโนฯเราเพี้ยนหรือนี่" แต่ตอนหลังมาคุยๆกันสามคนก็เห็นเหมือนกันหมดว่าเป็นหญิงทั้งสอง เป็นรุกขเทวดาหญิงทั้งคู่ แต่คนที่นั่นเข้าใจผิดว่าเป็นชายหญิง เป็นคู่กัน

    จากนั้นไม่นาน ผู้ใหญ่บ้านก็มา พร้อมทั้งแนะนำตัวว่าเป็นผู้ใหญ่บ้าน เด็กๆโทรไปตามว่ามีคนมาดูวัด ตอนแรกเข้าใจว่ามาเป็นคณะใหญ่ (ฮา) ก็เลยได้สอบถามเรื่องราวกัน แล้วผู้ใหญ่ก็ถามว่า จะไปไหนกันต่อ มีที่พักหรือยัง ก็บอกว่าจะมาหาข้อมูลวัด จะมาคุยกับคนเฒ่าคนแก่ที่นี่ มาแบบยังไม่มีที่พัก ผู้ใหญ่ก็เลยเชิญว่าให้พักที่บ้าน พวกเราก็ว่า เกรงใจค่ะ แต่ท่านก็ว่าไม่เป็นไร ก็เลยได้พากันไปที่บ้านผู้ใหญ่บ้านกัน

    -----------------------------------------------------------------------

    มโนมยิทธิเป็นเรื่องรู้ได้เฉพาะตน โปรดอย่าเชื่อในทันทีตามกฏกาลามสูตร เพื่อใช้ปัญญาพิจารณาในการอ่าน<!-- google_ad_section_end -->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • page_1.jpg
      page_1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      376.4 KB
      เปิดดู:
      112
    • page_3.jpg
      page_3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      351.4 KB
      เปิดดู:
      111
    • page_2.jpg
      page_2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      340.8 KB
      เปิดดู:
      105
  5. Doughnut

    Doughnut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    697
    ค่าพลัง:
    +15,615
    ไปถึงบ้านผู้ใหญ่บ้าน แม่(ภรรยาพ่อผู้ใหญ่)ก็ให้การต้อนรับเป็นอันดี รวมถึงคนแถวๆนั้น ก็พูดคุยยิ้มแย้มต้อนรับดีค่ะ แม่ก็ทำก๋วยเตี๋ยวมาให้กินกัน นั่งพักกันสักครู่ พอบ่ายๆพ่อผู้ใหญ่ก็พาไปหาพ่ออุ๊ยพรหม ต๊ะยศ ซึ่งเป็นคนเก่าคนแก่ของหมู่บ้านแล้วก็เคยเป็นคนดูแลวัดดูแลพระพุทธรูปในวัดด้วยค่ะ ท่านก็เล่าให้ฟังว่า เดิมทีตรงวัดพระเจ้าเข้ากาด มีพระพุทธรูปเยอะ น่าจะเป็นหมู่บ้านที่หล่อพระ เพราะมีบ่อทองเก่าอยู่บนเขา ระหว่างที่พ่ออุ๊ยเล่าไป ดิฉันก็เห็นเป็นผู้ชายโพกศีรษะด้วยผ้า ไม่ใส่เสื้อ นุ่งผ้าแบบโจงกระเบนสั้นๆเหนือหัวเข่าเหมือนพวกคนไทยโบราณ กำลังสูบเตาไฟที่ใช้สำหรับหลอมพระอยู่ มองเห็นบ่อทอง ก็เลยทำให้รู้ว่า ณ ที่ตรงนั้นคงจะเป็นหมู่บ้านที่หล่อพระกันจริงๆ ก็บอกเล่าให้พ่ออุ๊ยกับพ่อผู้ใหญ่ทราบ

    ประวัติของหมู่บ้านจริงๆ พวกเราได้มาจากพ่อผู้ใหญ่ด้วย น้องเบนรับอาสาเอาไปสแกนให้อยู่ค่ะ แล้วจะเอามาลงให้อ่านกัน ดิฉันจะเล่าคร่าวๆก็แล้วกันนะคะ สมัยนั้นน่าจะเป็นยุคที่ขอมเรืองอำนาจ พอถูกรุกรานก็อพยพหนีไป ตอนหลังก็มีกษัตริย์มาขุดค้นเจอพระพุทธรูป ของมีค่าต่างๆก็พากันขนไปไว้ตามที่ต่างๆ ตามวัดบ้าง นำกลับไปบ้าง บางส่วนก็นำมาไว้เก็บไว้ในวัดแล้วนำกองหินมาทับถมไว้ (ซึ่งเป็นกองหินโบราณอยู่ในขณะนี้) เล่ากันว่าในกองหินจะมีรูอยู่ด้วย มีเสียงดังมาก เคยมีคนเอาไม้ลองแหย่เข้าไปในรู ปรากฏว่าถูกฟันขาด เขาบอกว่า รูนั้นติดตั้ง "ยนต์ฟัน" เอาไว้ (น่าจะเป็นภูมิปัญญาสมัยก่อน) แต่เดี๋ยวนี้รูนั้นถูกหินทับถมไปหมดแล้ว กองหินนี้ห้ามผู้หญิงขึ้นไป เพราะเคยมีคนขึ้นไปแล้ว ถูกแมงป่องต่อยจนต้องตัดขาทิ้งแล้วก็เสียชีวิตไปในที่สุด พ่ออุ๊ยพรหมบอกว่า น่าจะมีพวกของใช้ต่างๆอยู่ในกองหิน เพราะเคยมีคนเห็น เคยเจอ ส่วนพระพุทธรูปต่างๆในวัดที่เก็บไว้นั้น เหลือจากกองหินแล้ว ดิฉันได้ใช้มโนฯตรวจดูก็เห็นว่าภายในกองหินมีพระพุทธรูปทองคำหลายองค์มาก เห็นพระพุทธรูปเด่นชัดที่สุด นอกจากพระพุทธรูปก็มีพวกทรัพย์สินต่างๆอีกมาก ตรงประตูทางเข้ามียักษ์สองตนซึ่งเป็นบริวารของท่านพ่อเวชสุวรรณเฝ้าอยู่ ได้บอกเล่าให้พ่ออุ๊ยกับพ่อผู้ใหญ่ทราบว่า ที่ผู้หญิงขึ้นไปไม่ได้นั้นเพราะว่าด้านล่างมีพระพุทธรูปอยู่มาก

    เรื่องพระที่ต้องเอาไว้ในกรงนั้น พ่ออุ๊ยพรหมเล่าให้ฟังว่า แต่ก่อนไม่ได้มีอะไรกั้น ก็มีคนมาขโมยพระไป แต่ได้คืนมาหนึ่งองค์ ซึ่งก็คือพระสำเภา ขโมยนำไปไม่ได้ก็เลยทิ้งไว้ที่ป่าช้า แต่พระอีกองค์ได้หายไปและเป็นพระพุทธรูปที่งามที่สุด ทุกปีช่วงเวลาสงกรานต์ทางหมู่บ้านจะนำพระสำเภามาแห่ไปตามหมู่บ้านเพื่อความอยู่เย็นเป็นสุขเป็นศิริมงคล จากการที่พระถูกขโมย จึงต้องมีการป้องกันเพื่อไม่ให้พระได้ถูกขโมยไป แต่ว่าทางหมู่บ้านไม่ได้มีงบประมาณมากมาย ก็ได้แค่ทำกรงกั้นพระไว้เท่านั้น ซึ่งทางด้านความรู้สึก ทุกคนไม่อยากเห็นพระท่านถูกเก็บไว้แบบนั้น ก็พยายามทำเรื่องของบประมาณไป ติดต่อไปยังหน่วยงานต่างๆ แต่ก็เงียบหายไปทุกที ตอนนี้ก็หวังว่าจะมีศรัทธาจากผู้คนเพื่อมาช่วยเหลือกัน โดยเฉพาะพ่ออุ๊ยพรหม ท่านเล่าไปก็น้ำตาคลอไป ท่านไม่สบายใจเลยที่ต้องเอาพระไปขังไว้ ท่านสงสารพระ ท่านว่าไม่รู้ว่าก่อนตายท่านจะได้เห็นพระท่านออกจากกรงหรือไม่ ตอนนี้ท่านก็อายุ 93 แล้ว

    ตามที่ได้คุยกับพ่อผู้ใหญ่และผู้อำนวยการโรงเรียน ท่านว่าคิดไว้สองหนทางคือ หนึ่ง อยากทำเป็นอาคารพิพิธภันฑ์เก็บพระพุทธรูปแต่ไม่รู้ว่าจะมีงบพอหรือไม่ สอง เปลี่ยนจากลูกกรงเป็นกระจกหนาๆแทน ซึ่งจะดูดีกว่า แต่ใจจริงก็อยากได้เป็นอาคารพิพิธภันฑ์มากกว่า เพราะมีของเก่าแก่โบราณอีกหลายอย่าง ที่จะเก็บไว้ให้ลูกหลานได้มาศึกษา ก็เลยรับปากว่าจะช่วยมาบอกข่าวต่อๆกันไป และก็มีความคิดกันว่า ปีนี้จะจัดกฐินไปที่วัดนี้ค่ะ ยังไงจะแจ้งข่าวกันอีกที

    เรื่องท่อนซุงไม้สักและไม้พญางิ้วดำนั้น ผอ.เล่าว่า ตอนวันมาฆบูชาได้นำคนไปนั่งสมาธิที่วัด หลังจากนั้นหนึ่งอาทิตย์มีคนไปเห็นท่อนซุงโผล่มาจากกลางลำน้ำอิงก็มาบอกกัน ก็ได้ไปสำรวจ แล้วก็จะนำมาไว้ที่วัด ก่อนที่จะไปชักลากมานั้นก็ได้ทำการเสี่ยงทายด้วยไม้ยาว ถามว่าต้องการจะมาอยู่ที่วัดหรือไม่ ถ้าต้องการก็ให้ไม้ยาวขึ้นชี้ตรง (ขออภัย จำได้ไม่ค่อยแน่นอน ไว้จะลองถามอีกทีค่ะ) ก็ปรากฏว่าเสี่ยงทายมาแล้วว่าจะมาอยู่ที่วัด ก็เลยเริ่มทำการบวงสรวง ใช้ทั้งผู้หญิงและผู้ชายชักลาก แต่ไม่สามารถขึ้นได้ ตอนหลังต้องบวงสรวงใหม่ ขอให้ใช้เฉพาะผู้ชาย ปรากฏว่าใช้แค่ผู้ชายไม่กี่คนก็สามารถนำไม้ขึ้นมาจากน้ำได้ น้องๆกลุ่มอาสาพัฒนาชุมชน เล่าให้ฟังว่า พอจะผ่านรอดใต้สายไฟฟ้า ก็ไม่สามารถผ่านไปได้ ต้องทำการบวงสรวงอีกที ถึงจะผ่านไปได้ แต่แปลกว่าตรงที่ที่จะไว้ท่อนซุงนั้นมีต้นโพธิ์ใหญ่อยู่ต้นหนึ่ง มีกิ่งหนึ่งใหญ่มากที่ทอดยาวออกไป จนต้องนำไม้มาค้ำไว้ กลับไม่เป็นอุปสรรคต่อการขนย้ายท่อนซุงเลย ผ่านได้สะดวกมาก

    หลังจากที่ไม้สักได้ถูกนำขึ้นมาจากน้ำแล้ว พ่อผู้ใหญ่เล่าว่าท่านเจ้าอาวาสก็ฝันว่ายังมีท่อนไม้อีกท่อนหนึ่ง จากนั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ต่อมา ไม้พญางิ้วดำก็โผล่มาให้เห็น ก็เลยได้นำมาไว้คู่กันกับไม้สักทอง เชื่อกันว่าท่านศักดิ์สิทธิ์มาก ดิฉันไปสังเกตุดู มีร่องรอยของการนำแป้งไปทาเพื่อลูบหาเลขกันด้วยค่ะ ด้วยความคิดส่วนตัวคิดว่า ไม่เป็นการดีเลยเพราะทำให้เกิดการเสียหายต่อไม้ มีแต่แป้งแล้วก็รอยถู ก็เป็นแค่ความคิดส่วนตัวนะคะ

    ----------------------------------------------------------------------

    มโนมยิทธิเป็นเรื่องรู้ได้เฉพาะตน โปรดอย่าเชื่อในทันทีตามกฏกาลามสูตร โปรดใช้ปัญญาพิจารณาในการอ่าน<!-- google_ad_section_end -->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • S2.jpg
      S2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      178.7 KB
      เปิดดู:
      98
    • S3.jpg
      S3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      173.2 KB
      เปิดดู:
      105
    • S4.jpg
      S4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      194.3 KB
      เปิดดู:
      87
    • S5.jpg
      S5.jpg
      ขนาดไฟล์:
      188.9 KB
      เปิดดู:
      92
    • S6.jpg
      S6.jpg
      ขนาดไฟล์:
      174.9 KB
      เปิดดู:
      100
    • S7.jpg
      S7.jpg
      ขนาดไฟล์:
      150.2 KB
      เปิดดู:
      104
  6. Doughnut

    Doughnut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    697
    ค่าพลัง:
    +15,615
    หลังจากที่คุยกับพ่ออุ๊ยอยู่พักหนึ่ง ก็พากันกลับมาที่บ้านพ่อผู้ใหญ่ เพื่อที่น้องๆกลุ่มอาสาพัฒนาชุมชนจะพาพวกเราขึ้นไปที่พระธาตุพระเจ้าเข้ากาด ตามที่พ่อผู้ใหญ่เล่ามา ท่านว่าแถบนี้คงเป็นเมืองเก่า เพราะมีกองหิน กำแพง สิ่งต่างๆที่ยังหลงเหลืออยู่ แต่ส่วนใหญ่ก็ถูกคนทำการขุดค้นหาของทำให้เสียหายไปเยอะ น้องๆพาพวกเราเดินขึ้นเขาไปที่พระธาตุพระเจ้าเข้ากาด ตรงทางขึ้นไปที่พระธาตุจะมีบันไดยาวทอดขึ้นไปหลายขั้นอยู่ พวกน้องๆก็คงเป็นห่วงก็บอกว่า ต้องเดินขึ้นไปหลายขั้นหน่อย ก็เลยบอกน้องๆว่า "พี่เคยเจอแบบพันสี่ร้อยขั้นมาแล้วจ้าน้อง แค่นี้จิ๊บๆ ฮา"

    จากนั้นก็พากันเดินขึ้นไป เห็นพระศาสดามาคอยอยู่ข้างบน ก็เลยได้เดินขึ้นไปพร้อมทั้งได้ใช้มโนฯไปสนทนากับพระศาสดาด้วย ท่านถามว่า

    พระศาสดา - รู้แล้วใช่ไหมว่าจะต้องทำอะไร

    ดิฉัน - ก็พอจะทราบค่ะว่า คงต้องช่วยกันหาทางนำพระพุทธรูปทั้งหลายออกมา แล้วก็ต้องจัดกฐินมาที่วัดนี้ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะทำได้แค่ไหนเจ้าค่ะ ค่าใช้จ่ายในการจะนำพระท่านออกมาก็คงจะเยอะอยู่

    พระศาสดา - ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็จะมีคนช่วย วัดนี้เป็นวัดสำคัญ มีพระพุทธรูปที่เก่าแก่ สมควรแก่การทำนุบำรุงให้เจริญรุ่งเรืองต่อไปในภายภาคหน้า

    ดิฉัน - เจ้าค่ะ

    การที่ได้ทรงฌานแล้วเดินขึ้นบันไดไป ทำให้ไม่มากังวลเรื่องขั้นบันได เพราะว่าก็จะไม่ได้สนใจได้แต่ก้าวเท้าเดินขึ้นไปเรื่อยๆๆ จนถึงข้างบน ไม่อย่างนั้นคงตับแล่บเหมือนกัน ฮา เมื่อไปถึงข้างบนก็พากันไปกราบไหว้พระธาตุ เดินเวียนรอบพระธาตุสามรอบ แล้วก็อธิษฐานขอพร พระธาตุนี้แต่เดิมคือที่ที่มีพระพุทธรูปอยู่มากมาย (น่าจะเป็นที่หล่อพระ) พอขอมอพยพหนีไป ก็ถูกขุดค้น หลังๆโดนชาวบ้านมาขุดหาของกันอีกจนเกิดความเสียหาย พระที่ชาวบ้านเคยขุดได้ ก็มีทั้งพระทองคำ มีเพชร พระเครื่องต่างๆ ตอนหลังทางหมู่บ้านเลยคิดกันว่า ถ้าปล่อยให้ขุดกันอย่างนี้จะไม่เหลืออะไร ก็เลยได้สร้างพระธาตุครอบไว้ เคยมีทางเข้าออก แต่ตอนหลังก็ต้องปิดไป พระพุทธรูปคงจะมีมากมายแน่นอน เพราะดิฉันสังเกตุเห็นพระพุทธรูปที่เศียรขาดยังวางอยู่รอบๆต้นมะค่าใหญ่ใกล้ๆองค์พระธาตุอีกหลายองค์ รวมถึงของปูนปั้นต่างๆ

    เสร็จจากการไหว้พระธาตุ น้องๆก็พาไปดูแอ่งเก็บน้ำของหมู่บ้าน ตอนแรกว่าจะไปดูบ่อทอง แต่ว่าต้องไปที่ยอดเขาอีกลูก ซึ่งระยะทางไกลอยู่ กลัวจะไม่ทันเพราะเย็นแล้ว เลยเดินไปดูแอ่งเก็บน้ำกัน น้องๆบอกว่า พวกผู้ใหญ่เชื่อกันว่ามีพญานาคอาศัยอยู่ ปีไหนถ้าน้ำแห้งพญานาคจะเลื้อยขึ้นเขาไปที่แอ่งน้ำอีกด้านหนึ่ง แล้วให้สังเกตุว่าส่วนที่พญานาคเลื้อยผ่านไป ต้นไม้จะแห้งตายเป็นทางยาว แล้วน้องๆก็ว่า พวกผู้ใหญ่ว่าตอนนี้พญานาคคงไม่ได้อยู่แล้ว

    พอพวกเราเดินไปถึงแอ่งน้ำ ซึ่งน้ำลดลงไปเยอะ น้องๆก็หยุดเดิน น้องเบนก็ว่า เดินลงไปอีกซิ คุณหนิงก็ว่า ก็ว่าจะลงไปเหมือนกัน จากนั้นพวกเราก็เดินลงไปตรงแอ่งน้ำ พวกน้องๆนั่งรอกันอยู่ด้านบน พวกเราสามคนเดินไปตามทางดินที่โผล่เหนือน้ำเข้าไปในแอ่งน้ำกัน ระหว่างที่เดินไปก็มีความรู้สึกขนลุกวูบๆ มองเห็นแอ่งน้ำบางส่วนก็ให้รู้สึกเกรง รู้ได้ว่าพญานาคยังมีอยู่ เดินไปจนสุดเขตดินติดริมน้ำ พวกเราก็เอามณีนาคาที่ติดตัวไปด้วย ออกมาวางไว้ จากนั้นก็สังเกตุว่าได้ยินเสียงอะไรในน้ำ ใช้มโนฯดูก็เห็นว่ามีพญานาคมากันเยอะ ก็ขอกันว่า ขอให้เห็นแบบลักษณะตาเนื้อ ก็ปรากฏว่า น้ำตรงแอ่งที่เป็นปากทางเข้าออกของพญานาค เกิดวงน้ำเกิดขึ้น เป็นน้ำวนก็มี เดี๋ยวก็เกิดเป็นสองวง แล้วก็มีการมาเลี้อยให้เห็นด้วย ระยะเวลาที่ยืนอยู่ตรงนั้นนานเป็นสิบๆนาที ก็มีปรากฏการณ์เกิดขึ้นมากมายที่เห็นด้วยตาเนื้อทั้งสามคน ส่วนพวกน้องๆที่อยู่ข้างบนไม่ได้รับรู้ด้วย เพราะไกลเกินไปที่จะมองเห็น

    จากนั้นก็ขอลากลับไปที่บ้าน ได้ถามพ่อผู้ใหญ่ว่าท่านเจ้าอาวาสกลับมาหรือยัง อยากไปกราบท่าน พ่อผู้ใหญ่ก็ว่ามาแล้ว เดี๋ยวให้เด็กๆพาไปแล้วกัน พวกเราก็เตรียมของไปถวายท่านเจ้าอาวาสด้วย ไปถึงโบสถ์เห็นหลวงพ่อกับเณรกำลังจะทำวัตรเย็นพอดี พวกเราก็เลยว่าจะกลับหรือจะรอดี สักพักน้องๆมาบอกว่า หลวงพ่อให้ขึ้นไปได้ ก็เลยได้ขึ้นไปกราบหลวงพ่อกัน ท่านก็ถามว่ามาจากไหน ก็บอกท่านว่ามาจากกรุงเทพ ท่านว่ารู้จักวัดนี้ได้ยังไง มายังไง ก็เล่าให้ท่านฟังถึงเหตุที่ทำให้ต้องมาที่วัดนี้ แล้วพวกเราก็ว่ามีของจะมาถวายให้หลวงพ่อด้วย คุณหนิงก็เตรียมพวกผ้าไตรกับธูปและเทียนไป ดิฉันก็นำพระบรมสารีริกธาตุที่ได้รับมาจากอาจารย์คณานันท์ เอามาบูชาจนเพิ่มขึ้นมาไปถวายด้วย พร้อมกับปัจจัยของพวกเราจำนวนหนึ่ง พอหลวงพ่อเห็นผอบที่ใส่พระบรมสารีริกธาตุ ท่านก็ถามว่า "พระธาตุเหรอ" ก็ตอบท่านว่า "ค่ะ" คุณหนิงก็ว่า "พระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันค่ะ" หลวงพ่อท่านพูดว่า "เป็นบุญของวัดหลวงที่ได้พระบรมสารีริกธาตุ เพราะอาตมาตั้งใจว่าจะทำเรื่องขอประทานจากท่านสังฆราช อย่างวัดทุ่งงิ้วใกล้ๆนี้ก็ได้ประทานมาจากพระสังฆราช เพิ่งจะสมโภชน์ไป ดีที่โยมนำมาถวายพอดี" พวกเราก็ได้ถวายของให้หลวงพ่อแล้วท่านก็ให้รับพร

    หลวงพ่อท่านบอกว่า ขอโทษด้วยที่วัดไม่มีที่พักรับรอง เวลามีพระหรือท่านใดมาก็ไม่มีที่ให้พัก ท่านว่า อีกไม่กี่วันก็จะมีพระหลายองค์จะมาที่วัด ก็ไม่มีที่ให้พัก ส่วนใหญ่ก็จะให้นอนในโบสถ์ ซึ่งก็ไม่ค่อยสะดวก ได้เคยปรึกษากันว่าจะทำบ้านดิน แต่ก็ยังไม่ได้รายละเอียด ก็เลยได้บอกท่านว่ามีอีกคณะหนึ่ง สอนทำบ้านดินได้ ยังไงจะให้มาคุยกับหลวงพ่อ คุณหนิงก็เลยได้ติดต่อประสานงานไปที่ทีมของอาจารย์คณานันท์ทันที ซึ่งก็ได้รับการตอบรับจากทีมของอาจารย์ด้วยดี และกำลังดูวันและเตรียมทีมที่จะไปอยู่

    พวกเราลาหลวงพ่อกลับมาที่บ้านพ่อผู้ใหญ่ ระหว่างที่เดินกลับมาก็คุยกับน้องๆ น้องๆเขาบอกว่า ไม่รู้ว่าพวกพี่จะมาถ้าพี่บอกล่วงหน้าจะได้เตรียมการต้อนรับให้ใหญ่กว่านี้ ก็เลยว่า ไม่ต้องหรอกน้อง (โห แค่นี้ก็เกรงใจจะแย่แล้ว) พอมาถึงบ้าน ท่านผู้อำนวยการโรงเรียนก็มา พ่อผู้ใหญ่ก็บอกว่า ไปเล่าให้ ผอ ฟังว่ามีคนมาจากกรุงเทพมาดูวัด ก็เลยได้มานั่งสนทนากันอีกยกใหญ่ แล้วเรื่องที่เราไปที่วัดด้วยเหตุแปลกๆยิ่งทำให้คนในหมู่บ้านสนใจกันใหญ่ ข่าวไปไวมาก รู้กันไปทั่วเลย ฮา

    พอกินข้าวอาบน้ำเสร็จก็เข้านอน คืนนั้นฝนตกหนักอยู่สี่สิบนาที ระหว่างที่ฝนตก ดิฉันเห็นพญานาคพ่นน้ำ ท่านมาเพื่อแสดงความเคารพพระบรมสารีริกธาตุ ทำให้ฝนตกเพื่อให้เกิดความชุ่มชื่น เพราะว่าแล้งมาก น้ำในลำน้ำแห้งเกือบหมด ตื่นเช้ามาคุณหนิงบอกเมื่อคืนตอนฝนตกเห็นพญานาคพ่นน้ำ ก็เลยว่า เห็นเหมือนกัน จากนั้นพวกเราก็เตรียมตัวที่จะเดินทางไปเชียงแสนกันต่อ ต้องนั่งรถไปที่เชียงของก่อน โชคดีว่าพ่อผู้ใหญ่ต้องเข้าไปประชุมที่ในตัวเมืองเชียงของพอดี ก็เลยอาสาพาพวกเราไปส่งที่คิวรถด้วย พ่อผู้ใหญ่กับแม่ก็บอกว่า กลับมาอีกนะ ซึ่งพวกเราก็รับปากท่าน ต้องขอขอบคุณพ่อผู้ใหญ่กับภรรยามาก ที่ได้ให้ที่พักและอาหารพร้อมทั้งอำนวยความสะดวกแก่พวกเรา ขอให้พ่อผู้ใหญ่และครอบครัวจงมีความสุขความเจริญยิ่งๆขึ้นไปทั้งทางโลกและทางธรรมด้วยเถิด และก็ขอบคุณน้องๆกลุ่มอาสาพัฒนาชุมชนด้วยที่เป็นไกด์นำทางและบอกเล่าสิ่งต่างๆแก่พวกเรา ขอให้น้องๆจงมีความสุขความเจริญด้วยเช่นกันค่ะ

    -----------------------------------------------------------------------

    มโนมยิทธิเป็นเรื่องรู้ได้เฉพาะตน โปรดอย่าเชื่อในทันทีตามกฏกาลามสูตร โปรดใช้ปัญญาพิจารณาในการอ่าน<!-- google_ad_section_end -->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • S8.jpg
      S8.jpg
      ขนาดไฟล์:
      184 KB
      เปิดดู:
      86
    • S9.jpg
      S9.jpg
      ขนาดไฟล์:
      181 KB
      เปิดดู:
      103
    • S10.jpg
      S10.jpg
      ขนาดไฟล์:
      149.6 KB
      เปิดดู:
      91
    • S11.jpg
      S11.jpg
      ขนาดไฟล์:
      162.5 KB
      เปิดดู:
      91
    • S12.jpg
      S12.jpg
      ขนาดไฟล์:
      171.1 KB
      เปิดดู:
      70
    • S13.jpg
      S13.jpg
      ขนาดไฟล์:
      147.4 KB
      เปิดดู:
      97
  7. Doughnut

    Doughnut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    697
    ค่าพลัง:
    +15,615
    พ่อผู้ใหญ่ก็ขับรถพาพวกเรามาส่งตรงคิวรถที่จะไปเชียงแสน ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับวัดหลวงและวัดพระแก้วที่เราอยากจะไปพอดี แต่ว่ารถกำลังจะออก ถ้ารอคันหลังจะเสียเวลามากก็เลยขึ้นรถไปเชียงแสนเลย สรุปเราก็ไม่ได้ไปที่วัดหลวงกับวัดพระแก้วอีกตามเคย (เพราะอธิษฐานจิตมาแค่วัดบ้านหลวงกับพระธาตุจอมกิตติ ทำให้เป็นไปตามที่ขอ)

    รถที่วิ่งไปเชียงแสนเป็นรถสองแถวเล็กๆ แต่เครื่องแรงดีมากเพราะว่าวิ่งขึ้นเขาได้อย่างสบายๆเลย นั่งรถไปก็ชมธรรมชาติสองข้างทางไปด้วย ได้เห็นวิวแม่น้ำโขงที่ลดน้อยลงจนเห็นโขดหินเป็นระยะๆ บางช่วงก็เห็นดินเห็นทรายโผล่ขึ้นมาเลย มองเห็นฝั่งลาวด้วย แล้วก็ได้เห็นวิถีชีวิตของชาวบ้านแถบนั้น การเพาะปลูกต่างๆ รถก็แวะเข้าไปในหมู่บ้านบ้างเพื่อส่งของที่เขาฝากมา ก็ทำให้ได้เห็นอะไรอีกเยอะแยะเลย มาแบบนี้ ถ้ามารถตู้คงไม่ได้สัมผัสกับอะไรแบบนี้หรอก

    ไปได้ครึ่งทางต้องเปลี่ยนไปต่อรถสองแถวคันใหม่ วิ่งไปจนถึงเชียงแสน พวกเรารีบไปที่สมบัติทัวร์เพื่อจะจองตั๋วกลับกรุงเทพฯ แต่ปรากฏว่าเต็มหมด วันรุ่งขึ้นก็เต็ม ก็เลยไปที่ 999 ขนส่ง จองตั๋วรถ ป2 กลับ รถออกเวลาบ่ายสามโมงครึ่ง ซึ่งยังมีเวลาเหลือ พวกเราก็เลยไปหาอาหารกินกันก่อน จากนั้นก็ไปที่พระธาตุจอมกิตติกัน ขึ้นรถสกายแลปไป พอไปถึงก็คุยกันว่า แล้วขากลับเราจะออกไปยังไง พี่คนขับรถบอกว่า "เอาเบอร์ผมไป เวลาจะกลับให้โทรเรียก เดี๋ยวผมเข้ามารับ" ฮา วีไอพีจริงๆเลยพวกเรานี่

    จากนั้นก็เข้าไปกราบท่านเจ้าแสนฟ้า พอเห็นรูปหล่อองค์ท่านเท่านั้นแหละ รู้สึกถูกชะตาจริงๆ (หลงรักท่านแสนฟ้าซะแล้ว ฮา) เห็นแล้วก็ว่า คนปั้นนี่ปั้นได้เหมือนตัวจริง จริงๆเชียว เพราะที่เห็นในจิต ท่านก็หน้าตาแบบหุ่นนี่เลย เสร็จจากไหว้ท่านแสนฟ้า ก็เตรียมตัวเดินขึ้นพระธาตุ พอเห็นบันได้เท่านั้นแหละ น้องเบนบอก "เวลาที่จะเดินขึ้นบันได ต้องเป็นตอนกินมาอิ่มๆทุกทีเลย" ฮา

    มองดูบันไดแล้ว ถ้าขืนเดินดุ่มๆขึ้นไป มีหวังแหวะของเก่าออกมาแน่ๆ ก็เลยเดินจับลมหายใจขึ้นไป ก็เดินขึ้นไปเรื่อยๆ มองเห็นป้ายบอกระยะขั้นบันไดที่ 100 ขั้น 200 ขั้น และก็ 300 ขั้น สรุปว่าจากข้างล่างถึงข้างบนมีประมาณสามร้อยกว่าขั้น แล้วพวกเราก็พากันไปกราบไหว้รูปหล่อของพระเจ้าพรหมมหาราช แล้วก็ช่วยกันกวาดใบไม้ตรงลานกัน ไหว้พระธาตุ เดินเวียนรอบพระธาตุสามรอบ อธิษฐานจิตขอพร เสร็จแล้วก็ไปกราบรูปหล่อองค์สมเด็จโต หลวงปู่ปาน หลวงพ่อฤาษีต่อ ต่อด้วยไหว้องค์พระสยามเทวาธิราช แล้วก็ขึ้นไปที่พระธาตุจอมกิตติ ได้ทำบุญช่วยค่าน้ำค่าไฟ และค่าบูรณะสิ่งของต่างๆของวัด รวมถึงได้ทำบุญถวายผ้าห่มองค์พระธาตุกันด้วยสามผืน

    บนพระธาตุห้ามผู้หญิงขึ้นไป เณรน้อยจึงได้เป็นผู้นำผ้าห่มไปห่มองค์พระธาตุให้ ซึ่งก็ทุลักทุเลพอสมควรเพราะว่าทำคนเดียว คณะอื่นเขามีผู้ชายมาเยอะก็ช่วยกันได้ ของเรามีแต่ผู้หญิงล้วน เลยลำบากเณรต้องไปทำให้ เณรก็เอาเข็มกลัดๆไว้แล้วค่อยๆดึงผ้าห่มรอบพระธาตุ แต่ว่าเข็มกลัดเจ้ากรรมดันหลุดซะสองสามรอบ เณรต้องเดินกล้บมากลัดใหม่ แล้วก็พลาดไปเดินเหยียบผ้าไตรที่อยู่แถวนั้น จนเณรต้องอุทานออกมาว่า "ขอสูมาเต๊อะเจ้า" แล้วเณรก็เลยหยิบผ้าไตรจะเอามาไว้ข้างนอก ก็เดินพลาดตกลงมาอีก พวกเราร้องกันเสียงหลงเลย "ว้าย เณรระวังๆค่ะ" แต่เณรก็หัวเราะขำๆ พวกเราก็โล่งอก เพราะกลัวว่าเณรจะเป็นไรไป เณรต้องห่มผ้าองค์พระธาตุแทนพวกเราทั้งสามผืนเลย ก็อนุโมทนากับเณรด้วยค่ะ เพราะต้องค่อยๆปีนไปห่มไปคนเดียว

    ก่อนกลับพวกเราก็พากันไปไหว้พระข้างในโบสถ์ แล้วก็เดินกลับลงมา โทรเรียกรถให้มารับกลับออกไป เดินทางกลับกรุงเทพด้วยรถของขนส่ง ป2 ซึ่งพี่ท่านก็จอดทุกสถานี กว่าจะถึงกรุงเทพเล่นเอาพวกเราคอร้าวหลังร้าวไปหมด คุณหนิงบอกว่า ครั้งต่อไปขอสมบัติทัวร์ VIP อย่างเดียวนะ ฮา พวกเราทุกคนก็กลับถึงบ้านกันโดยสวัสดิภาพค่ะ

    มีเพื่อนๆกัลยาณมิตรฝากเงินไปทำบุญด้วย ได้แก่ น้องอาร์ม/น้องอ้อย/น้องโอ๋/พี่ณหทัย/น้องจิ๊บ ก็ขออนุโมทนาในบุญด้วยนะคะ

    แล้วค่อยพบกันใหม่ในทริปหน้า หากว่ามีโอกาสได้ไปค่ะ

    -----------------------------------------------------------------------

    มโนมยิทธิเป็นเรื่องรู้ได้เฉพาะตน โปรดอย่าเชื่อในทันทีตามกฏกาลามสูตร โปรดใช้ปัญญาพิจารณาในการอ่าน<!-- google_ad_section_end -->
     
  8. Doughnut

    Doughnut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    697
    ค่าพลัง:
    +15,615
    กราบอนุโมทนาบุญกับทุกท่านค่ะ หากท่านใดมีความประสงค์จะร่วมเป็นเจ้าภาพกฐินสามัคคีที่วัดบ้านหลวง ต.ครึ่ง อ.เชียงของ จ.เชียงราย ในครั้งนี้ สามารถแจ้งยอดและโอนเงินได้ที่นี่ค่ะ

    แจ้งเลขที่บัญชี รับโอนปัจจัยร่วมทำบุญ สมทบองค์กฐินสามัคคี วัดบ้านหลวง ต.ครึ่ง อ.เชียงของ จ.เชียงราย


    โอนได้ตั้งแต่วันที่ ๑ ต.ค. ถึง ๑๙ ต.ค.๕๓ ค่ะ


    ธนาคารกสิกรไทย สาขาซีคอนสแควร์
    ชื่อบัญชี จันทนา โชติกาญจนวิทย์ และ สุนันทา ใจดี
    บัญชีออมทรัพย์ เลขที่ 095-2-70865-3


    วันกำหนดปิดรับการโอนปัจจัยเดิมที ระบุว่า วันที่ ๑๙ ต.ค. แต่เพื่อความสะดวกของหลายๆ ท่าน หนิงจะประสานงานกับท่านผู้ใหญ่บ้าน เพื่อขอเลขที่บัญชีของทางวัดเพื่อโอนเงินส่วนที่ยังมีอยู่ในบัญชีตามที่แจ้งยอดเข้ามาภายหลัง (จัดการโอนให้ภายหลังงานกฐินค่ะ)

    แจ้งรายชื่อและยอดเงินที่นี่ค่ะ คลิกเลย<!-- google_ad_section_end -->
     
  9. Doughnut

    Doughnut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    697
    ค่าพลัง:
    +15,615
    เมื่อวันจันทร์ที่ ๑๑ ต.ค. ได้รับโทรศัพท์จากผู้ใหญ่บ้าน โทรมาแจ้งความคืบหน้า ดังนี้ค่ะ

    = แจ้งข่าวไปก็ตื่นเต้นตามไป..ฮา..ฟังจากเสียงพ่อผู้ใหญ่ ชาวบ้านจะมีการประชุมทุกสัปดาห์ เพื่อเตรียมการรับรอง และเตรียมงานกฐิน วันนี้ พ่อผู้ใหญ่บอกว่า เพิ่งจะประชุมเสร็จ รีบโทรมาแจ้งความคืบหน้าให้ทราบก่อน ระหว่างที่คุยกับพ่อผู้ใหญ่ หนิงก็แจ้งให้ท่านกัปตันรับทราบไปพร้อมๆ กัน..ฮา.. ระงับอาการตื่นเต้นไม่อยู่ ท่านกัปตันบอกว่า ต้องมาเล่าในกระทู้ด้วยเน้อ..รับลูก ส่งต่อ อย่างไว..เจ้าข้า=

    เพิ่งวางสาย จากพ่อผู้ใหญ่ ที่บ้านหลวงมาค่ะ ชาวบ้าน บ้านหลวงและบ้านใกล้เคียง ตื่นเต้นและให้ความสำคัญกับคณะกฐินของพวกเรามากค่ะ เหตุเพราะทางวัดไม่มีกฐินมานานมากแล้ว จะมีก็แต่ชาวบ้านจัดกันเอง ครั้งนี้ พ่อผู้ใหญ่และพ่ออุ้ยแม่อุ้ย บอกว่าต้องจัดงานต้อนรับคณะกรุงเทพที่จัดกฐินมาทอดที่วัดบ้านหลวง (พ่อผู้ใหญ่บอกว่า หลวงพ่อท่านเจ้าอาวาสและวัดใกล้เคียงก็แสดงความยินดีและร่วมโมทนาบุญกับคณะเราด้วยค่ะ)

    ท่านว.วชิระเมธี (ท่านมีวัดอยู่ใกล้เคียงกบัวัดบ้านหลวง) เมตตาส่งลูกศิษย์มาช่วยงานกฐินด้วยค่ะ เพราะทางชาวบ้านจัดให้มีขบวนแห่องค์กฐินแบบล้านนา (เตรียมชุดให้พวกเราด้วยค่ะ งามแต้ ละงานนี้)

    สรุปกำหนดการคร่าวๆ ที่คิดไว้ตามนี้ค่ะ

    คืนวันศุกร์ที่ 22 ออกเดินทางจากกทม. (ตอนนี้ รถตู้ 2 คัน ยังมีที่ว่างอีก 4 ที่ค่ะ) คณะรถติดตาม มีทั้งรถคุณคนข้างวัด, คณะน้องอ้อย อาร์ม น้องเค น้องว่าน น้องทราย จากเชียงใหม่ , หลินอ้อย จากเชียงใหม่ , พี่ไพโรจน์ จะนั่งรถทัวร์ตามไปสมทบ

    เช้าวันที่ 23 นำเครื่องกฐินไว้ที่วัดบ้านหลวง ชมโบราณสถานของวัดบ้านหลวง
    และไปกราบพระคู่บ้านคู่เมืองของเชียงของ ที่วัดศรีดอนชัย

    เดินทางไปเชียงแสน ไหว้พระธาตุจอมกิตติ พระธาตุผาเงา พระธาตุกู่เข้า ชมทะเลสาปที่เชียงแสน และพักค้างคืนที่เชียงแสน

    วันที่ 24 เดินทางกลับมาที่เชียงของ เตรียมจัดองค์กฐิน ชมโบราณสถาน พระธาตุพระเจ้าเข้ากาด (ตลาดพระสมัยโบราณ) และอ่างน้ำโบราณ คืนวันที่ 24 ตุลาคม จะมีจัดงานเลี้ยงขันโตกต้อนรับ (ทราบว่านักเรียนที่โรงเรียนบ้านหลวง เตรียมตีกลองสะบัดชัยต้อนรับ และมีฟ้อนเทียนของทางเชียงของด้วยค่ะ)

    เช้าวันที่ 25 เตรียมขบวนแห่เครื่องกฐินตามแบบล้านนา (พ่อผู้ใหญ่จะเตรียมชุดล้านนาให้พวกเราด้วยค่ะ..ฮา.ได้ใส่แระ..) พร้อมกับมีพิธีอัญเชิญหลวงพ่อสำเภา พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ (สร้างสมัยใดไม่ปรากฎ แต่เคยถูกขโมยไป แต่ไม่สามารถนำไปได้) ร่วมในขบวนเชิญองค์กฐินด้วยค่ะ

    ทราบว่ามีการจัดโรงทานด้วยค่ะ พ่อผู้ใหญ่บอกว่า ได้รับความอนุเคราะห์จากภาครัฐและเอกชนหลายแห่ง (น้ำดื่ม จาก นิ่มซี่เส็ง)

    พิธีทอดกฐินช่วงบ่าย

    หนิงบอกพ่อผู้ใหญ่ไปว่า อลังการจังเลยค่ะ พวกเราอยากทำเงียบๆ นำเงินที่ได้มาถวายวัดมากกว่า พ่อผู้ใหญ่บอกว่า นานๆ จะมีงานกฐินจากกรุงเทพมา พวกเราอยากต้อนรับให้สมเกียรติ (นี่ก็ทำป้ายต้อนรับติดไว้แล้วค่ะ) นึกถึงกฐินที่วัดกู่เสือปีที่ผ่านมา

    ลองจัดเวลาดูนะคะ หากท่านใดไปร่วมงานได้..อยากให้ไปค่ะ

    (หนิงเขียนไว้ ที่นี่ค่ะ #7961)<!-- google_ad_section_end -->
     
  10. Doughnut

    Doughnut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    697
    ค่าพลัง:
    +15,615
    เมื่อคืนวันที่ ๑๔ ต.ค.

    เล่าให้ฟังค่ะ เมื่อคืนก่อนเอะใจเรื่องที่จะไปกฐินวัดบ้านหลวงที่พ่อผู้ใหญ่ โทรมาแจ้งความคืบหน้าตามที่หนิงนำมาบอกกล่าวให้ทราบไปแล้ว มาสะดุดใจในเรื่องการจัดงานเลี้ยง กังวลใจอยู่ 2 เรื่อง
    1. เรื่องการผิดศีล ข้อ1 ฆ่าสัตว์มาทำอาหารเลี้ยงคณะเรา และข้อที่ 5 ของมึนเมาในงาน

    2. เกรงว่าถ้าบอกเรื่องกังวลใจในข้อ 1 ไป ก็กลัวว่าเขาจะไม่เชื่อเท่าไหร่นัก

    เมื่อวานนี้ ได้คุยกันกับท่านกัปตัน และตู่ สองท่านก็เป็นห่วงเรื่องเดียวกัน เมื่อคืนนี้ระหว่างที่ขับรถกลับบ้านก็ได้โทรคุยกับพ่อผู้ใหญ่บ้าน..เพื่อบอกสิ่งที่พวกเรากังวลใจให้ทราบ

    ข้อความที่บอกพ่อผู้ใหญ่ไปว่า

    เรื่องแรกเกริ่น ขอว่าอย่าจัดงานใหญ่โตมาก มันสิ้นเปลืองเงิน เสียดายเงินแทน : พ่อผู้ใหญ่บอกมาว่า ไม่ได้เสียเงินมากมายอะไร เพราะว่าเป็นสิ่งที่มีอยู่แล้ว อย่างเรื่องเลี้ยงขันโตก ก็มีการประชุมคณะกรรมการหมู่บ้าน และกลุ่มแม่บ้าน ว่าจะมีคณะจากกรุงเทพมาจัดกฐินที่วัดบ้านหลวง ทุกคนดีใจมาก เพราะว่าที่วัดบ้านหลวง ตั้งแต่พ่อผู้ใหญ่จำความได้จนถึงปัจจุบันอายุ 40กว่าปีแล้ว ไม่เคยมีงานกฐินที่วัดบ้านหลวงเลย ???

    ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า งานกฐินเป็นอย่างไร ปกติที่ทำคือทอดผ้าป่า..ดังนั้น ทุกคนในหมู่บ้านและหมู่บ้านข้างเคียงยินดีและเต็มใจต้อนรับคณะเรา

    [คุณสาวบอกว่า มิน่า..เล่า พระท่านถึงให้มาทำกฐินที่วัดนี้
    ]
    เมื่อคืนโทรคุยยังได้ยินเสียงดนตรีไทย..ฮา..ตกใจเหมือนกัน แต่พอผู้ใหญ่บอกว่า เนี่ยเยาวชนเค้ายังซ้อมฟ้อนรำกันอยู่ที่วัดเลย

    เรื่องที่ 2 ต่อมาคือเรื่องที่ต้องผิดศีลห้า เช่นการฆ่าสัตว์ ล้มสัตว์เพื่อมาเลี้ยงต้อนรับ ขอเว้น.. พ่อผู้ใหญ่บอกว่า เข้าใจแต่ถ้าเป็นเนื้อสัตว์ที่ซื้อมาไม่เป็นไร ใช่ไหม..

    ตอบไปไม่เป็นไรค่ะ..เพราะชาวบ้านจะทำน้ำพริกอ่อง..รสชาติของบ้านหลวงให้พวกเรากิน..ถ้าติดใจต้องมาบ่อยๆ นะ..

    เรื่องที่ 3 ขอเว้นเรื่องเหล้า..และของมึนเมา เพราะวันรุ่งขึ้นพวกเรารวมถึงชาวบ้านจะร่วมกันทำบุญใหญ่

    พ่อผู้ใหญ่ บอกว่า อันนี้ทราบแล้ว ขอกลุ่มชาวบ้านไว้แล้ว..

    =จบข่าวค่ะ=<!-- google_ad_section_end -->
     
  11. ชัยมงคล

    ชัยมงคล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2007
    โพสต์:
    426
    ค่าพลัง:
    +2,473
    ได้ร่วมทำบุญ 3,000 บาททอดกฐิน
    ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมอยากไปอยู่ที่"เชียงของ"
    มันอยู่ในใจนานแล้ว
     
  12. Oupasene

    Oupasene เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    833
    ค่าพลัง:
    +2,867
    อนุโมทนาด้วยค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  13. ชานนคนไทย

    ชานนคนไทย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +3,128
    ผมอ่านแล้วนึกทางจิตรู้สึกว่า...ผู้จัดกองกฐินมีความตั้งใจมากและทีตรงนั้นก็รอคนดีๆที่ศีลธรรมมาจัดงานรอมานาน....วัตถุทานบริสุทธ์,ผู้ให้

    จิตบริสุทธ์,ผู้รับจิตบริสุทธ์,3สิ่งเป็นมหามงคลทั้งผู้ให้และผู้รับ...ก็ขออนุโมทนาบุญครั้งนี้ด้วยครับ...อธิฐานสิ่งใดไว้ก็ขอให้สำเร็จ...ศีล,สติ,

    สมาธิ..จะอยู่กับผู้ประพฤติปฏิบัติธรรมตลอดไป...จนกว่าจะถึงซึ่งพระนิพพาน...สวัสดีครับ
     
  14. พิชญ์

    พิชญ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2007
    โพสต์:
    760
    ค่าพลัง:
    +3,392
    บรรยายได้สนุก...ตื่นเต้นจังค่ะ....

    หากมีโอกาส คงได้ไปยล วัดดังกล่าวบ้าง...

    โมทนา กับทางคณะด้วยจร๊า...:cool:
     
  15. bluejet

    bluejet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +2,181
    อนุโมทนาด้วยครับ
    ผมร่วมบริจาคด้วย 3001 บาท เพิ่งโอนให้เมื่อสักครู่แล้วครับ
     
  16. อบ.

    อบ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    430
    ค่าพลัง:
    +1,538
    อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ . .

    ร่วมบุญด้วย ๑๐๐๐ บาทค่ะ

    โอนแล้ว เวลา ๑๖.๓๙ น.ค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 ตุลาคม 2010
  17. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    เนื่องจากยังมีคนที่ยังโอนเงินมาไม่ทัน ก็เลยขอเลื่อนกำหนดปิดรับการโอนเงินทำบุญกฐินวัดบ้านหลวงไปจนถึงวันศุกร์ที่ 22 ตุลาคม 53 นี้นะคะ<!-- google_ad_section_end -->

    และขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยค่ะ
     
  18. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    โมทนาบุญกับทุกท่านด้วยครับ ทริปนี้อยากไปแต่ติดกฐินที่กาญจน์ต้องไปช่วยพระอ.ท่านครับ

    ตั้งจิตทำถวายพระพุทธเจ้า พระพุทธศาสนากันครับ

    ถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอมาให้ชมด้วยครับ

    มีที่ว่างไหมหรือที่นั่งเต็มแล้วแจ้งด้วยครับ

    สำหรับของที่จะจัดไปถวายร่วมงานจัดเรียบร้อยแล้ว เดินทางกันในวันศุกร์นี้กลับวันอังคารหน้า

    อย่าลืมอารธนาบารมีพระท่านได้ตลอดเส้นทาง แผ่เมตตาแบ่งบุญไปตามรายทางด้วยครับ

    ที่สำคัญเช็คเส้นทางน้ำท่วมเป็นระยะๆไว้นะครับ โทรถาม 1586
     
  19. Forever In LoVE

    Forever In LoVE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,349
    ค่าพลัง:
    +3,864
    ขอบพระคุณค่ะอาจารย์

    ทริปเต็มแล้วค่า ^ ^!

    อัพเดทยอดเงินร่วมบุญ คร่าว ๆ ประมาณ 73,785.09 บาท ค่ะ










    .
     
  20. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    อีกนิดก็แสนแล้ว ตั้งขันแจกของ และ อธิษฐานหน้างานอีกหน่อยก็เกินแสนครับ

    ขอโมทนาบุญด้วย
     

แชร์หน้านี้

Loading...