ถามเรื่อง ข้อห้าม กินอาหารในงานศพ

เป็นคนปีวอกนะคะ เป็นปีชงกับปีขาล ตั้งแต่ปีใหม่มา ไปงานศพแล้ว 5 งานแล้ว ก็กินอาหารทุกงานเลยนะคะ ตอนแรกก็คิดนะคะกลัวว่าจะไม่ดี เราก็คิดว่าเป็นที่จิตใจของเรามากกว่าคิดไปเอง แต่คิดว่าเป็นประเพณีไปแล้วค่ะว่าจะต้องมีอาหารเลี้ยง ในงานศพ
ประการแรกสำหรับญาติที่มาจากต่างจังหวัดเดินทางมาไกลก็อาจจะหิวเป็นได้
ประการที่สองคือ ทุกคืนจะมีเจ้าภาพจัดเลี้ยงอาหารถือว่าเป็นการทำบุญให้กับคนตายเป็นได้ค่ะ
ประการที่สาม คือ จะได้โชว์ฝีมือทำอาหารด้วยว่าแม่ครัวบ้านเราทำอาหารอร่อย (อันนี้ส่วนตัวค่ะ อิอิ)
สำหรับด้ายสีแดงที่บ้านไม่มีแจกหรอกคะ แล้วแต่บ้านใครบ้านมัน แต่เมื่อเดือนที่แล้วได้ไปงานศพเป็นคนจีน ก็ได้ด้ายสีแดงมา ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเอาไว้ทำอะไร ถามใครก็ไม่มีใครรู้ เก็บไว้ตลอดเลยค่ะ อันนี้รู้แล้วว่าต้องไปผูกกับต้นทับทิม กันผีได้

 

ที่เขาห้ามกินจะเฉพาะสำหรับคนที่มีร่างทรง หรือคนที่มีวิชาอาคมที่ห้ามไว้ค่ะ
เพราะสำหรับคนที่มีร่างทรงนั้น ร่างที่ประทับเป็นร่างเทพ ที่สูงกว่าสัมภเวสีการกินของในงานอวมงคลถือว่าไม่ควรค่ะ แต่สำหรับเราคนธรรมดากินได้ไม่เป็นไรค่ะ เพราะของนั้นทางเจ้าภาพเขาจัดมาให้เราทานเป็นการทำทานของเขาด้วย เวลาทานแล้วก็อุทิศบุญให้แก่คนตายและเจ้าภาพของงานด้วยล่ะกันค่ะ

คนทรงในหมู่บ้านเขาถือเรื่องการกินของงานศพมากๆ ค่ะ แต่คนเราถึงคราวตายก็ต้องตาย วันหนึ่งเจ้านายเขาตายแล้วเขาไปช่วยงานศพทางญาติเจ้านายเรียกทานข้าว เขาก็เลยทานไม่รู้ว่าด้วยความเกรงใจ หรือเป็นคราวเคราะห์ของเขากัน คนที่ไปร่วมงานก็แปลกใจเพราะรู้อยู่แล้วว่าคนทรงคนนี้จะไม่กินของในงานศพ พอกลับมาถึงบ้านเขาก็แน่นหน้าอกและก็ฟุบไป ไปเสียที่โรงพยาบาล

สำหรับคนอื่นอาจจะมองว่าเป็นคราวของเขา แต่สำหรับคนในหมู่บ้านรู้สึกแปลกใจมากๆ ค่ะ เพราะมันเป็นสิ่งที่ทุกคนคาดคิดอยู่แล้วว่าเขากลับบ้านไปจะเป็นอะไรหรือเปล่า พอเขามาตายมันก็เลยส่งผลให้ความเชื่อเรื่องการไม่กินอาหารในงานศพมีมากยิ่งขึ้น

แต่สำหรับเราเราเชื่อน่ะว่าเขาตายเพราะผิดต่อคำครู หรือร่างที่ประทับอยู่ไม่ได้ต้องไป ทำให้ตัวเขาต้องตายไปด้วย แต่ก็คงเพราะถึงวาระแห่งอายุขัยของเขาด้วยนั่นแหล่ะ ไม่งั้นก็คงไม่มีอะไรจะไปทำให้เขาตายได้

แต่เราคนธรรมดา กินไปเหอะ และอย่าลืมอุทิศส่วนกุศลให้เจ้าของงานเขาหล่ะ

 

แล้วแต่ความเชื่อมั้งค่ะ ตัวเราเองไม่ค่อยได้ไปงานศพสักเท่าไหร่
แต่ว่า เชื่อไว้ก็คงไม่เสียหลาย

 

พระพุทธองค์ทรงสอนให้รู้จักวาง แต่คนส่วนใหญ่ก็มักจะถือโน่นถือนี่ บางทีก็ไม่มีเหตุผล ถือเพราะมีคนอื่นเขาบอกมาก็เลยถือตาม พอได้ยินได้ฟังเรื่องราวต่าง ๆ ที่สนับสนุน ก็เลยยิ่งถือไปใหญ่ ยิ่งถือมันก็ยิ่งหนัก ซ้ำร้ายบางครั้งยังสร้างอุปทานบวกเข้าไปอีก เลยยิ่งไปกันใหญ่ แต่ถ้าเราหันกลับมาพิจารณาด้วยเหตุด้วยผลว่า ทำไม คนที่เขาไม่ถือเขาไม่เห็นเป็นอะไร เจตนาก็เป็นสิ่งสำคัญ อย่างเรื่องอาหารงานศพนี่ก็เหมือนกัน เจ้าภาพเขามีเจตนาทำให้คนที่มาในงานได้กินกัน ไม่ได้ทำให้ผี เพราะเขาต้องการสร้างบุญกุศลให้คนที่ล่วงลับไปแล้ว แล้วจะเป็นของผีได้ยังไง เรามักให้ความสำคัญกับผี มากกว่าคนที่เป็น ๆ อยู่ เหมือนกับว่าพอเป็นผีแล้วจะเก่งกว่าตอนเป็นคน หวยก็ไปขอกับผี ทั้ง ๆ ที่ตอนเป็นเป็น ๆ ซื้อหวยยังไม่ถูกเลย แต่พอเป็นผีกลับให้หวยแม่นซะนี่ เป็นไปซะงั้น
ที่พิมพ์มายืดยาวนี่ ก็เพียงแต่อยากบอกว่า เราเป็นพุทธศาสนิกชน ศาสนาเราสอนให้เชื่อแบบมีเหตุมีผล ไม่ให้งมงาย นะครับ
ถ้าล่วงเกินความเชื่อของท่านผู้ใด ก็ขออภัย และขออโหสิ ไว้ด้วยนะครับ
สรุปง่าย ๆ ผมก็ยังกินของที่เจ้าภาพนำมาให้กินในงานศพ(ถ้าไม่อิ่มมาก่อน) ถ้าไม่กินเจ้าภาพ เขาจะหาว่าดูถูกเขา อีกอย่างเจ้าภาพเขาจะได้บุญกุศลไปด้วย
ส่วนเรื่องเหล้า เรื่องการพนันนี่ ไม่อยากให้มีเหมือนกัน

 

เหตุที่ว่าทำไมถึงห้ามกินของไหว้ตามสถานที่ต่างๆ แม้กระทั่งของไหว้เจ้านั้น เป็นเพราะว่า แน่นอน ต้องมีสัมภเวสีหรือวิญญาณที่เป็นพลังลบมากินของไหว้เหล่านั้น โดย ปกติพวกนี้เวลาที่เค้ากินเค้าจะสูดเอาไอของอาหารเข้าไป (พิสูจน์ได้โดยลองเทเหล้าวางไว้ซักพัก เหล้าจะจืดเหมือนน้ำเปล่า) แล้วจะถุยน้ำลายทิ้งไว้ หากคนที่กินเข้าไปก็จะได้พลังลบหรือพลังไม่ดีเข้าไป เป็นผลทำให้คนที่ได้กินเข้าไปค่อยๆป่วยโดยไม่รู้ตัว คือกินไปแล้วจะไม่เห็นผลทันที แต่จะสะสม และการไปงานศพ ถ้าเลี่ยงได้ไม่ควรไปตามสถานที่ดังกล่าว หรือหากจำเป็นต้องไปก็ควรหาน้ำมนตร์รดตัวหรือดื่มหรือรดไว้ที่หน้าบ้านก่อนไปและหลังกลับจากงานก่อนเข้าบ้าน
ปล. เรื่องนี้ลองไปหาอ่านตามหนังสือ เรื่องจิตตา ซึ่งจะมีการกล่าวคำอธิบายอยู่

 

### งั้นดิฉันขอเล่าให้ฟังในฐานะที่เป็นคนที่ถือเรื่องนี้แล้วกันนะคะ .....

... ก่อนอื่นต้องบอกว่าดิฉันไม่ใช่พวกเรียนวิชาอาคมอะไรทั้งนั้น ทุกวันนี้ก็แค่สวดมนต์ไหว้พระธรรมดา แต่ดิฉันเป็นพวกที่สัมผัสกายละเอียดได้ง่าย ไม่ใช่มองเห็นด้วยตาเปล่านะแต่รับรู้ได้ในระดับพลังงาน .. ถ้าตรวจดวงชะตาจะถูกจัดในพวกที่เขาเรียกว่า "พวกมีองค์"

... แต่ดิฉันถือ เพราะ พระที่ดิฉันนับถือมากท่านแนะนำให้ดิฉันถือสามข้อ หนึ่งในนั้นคือ

...ไม่กินอาหารที่เจ้าภาพจัดมาเลี้ยงทุกอย่างแม้แต่น้ำหยดเดียว ถ้าจะกินจริงต้องนำออกไปนอกสถานที่ เช่น ถ้าเป็นวัดต้องไปกินนอกวัด ถ้าบ้านคนให้เอาไปกินที่บ้านอื่นที่ไม่ใช่บ้านงานศพ หรือ ห้ามไปร่วมงานยกเว้นเป็นญาติกัน ...

.... เหตุผลที่ท่านบอกไว้ คือ ของทุกอย่างที่เจ้าภาพนำมาเลี้ยงแขก กายละเอียดที่อยู่แถวนั้นก็จะได้ร่วมกินด้วย เหมือนเขามาฉลองสมาชิกใหม่ ถ้าเรา( คนที่มีองค์ เรียนวิชา) ไปกินก็เหมือนเราไปแย้งเขา เขาอาจไม่พอใจได้ หรือ พอไปร่วมงานแล้วเขารู้ว่าเรารับรู้ถึงการมีอยู่ของเขา เขาเหล่านั้นอาจตามเราไปเพื่อขอความช่วยเหลือรึตามไปแกล้งเรา หรือ อาจเป็นการกระทำผิดครูก็เป็นได้ นี้คือเหตุผลที่ครูอาจารย์ของข้าพเจ้าได้สอนไว้

.... หากจำเป็นต้องไปท่านให้เตรียมสิ่งของไปเอง หรือ จัดการตนเองให้เรียบร้อยก่อนไปงานคะ

 

พระท่านห้าม แล้วตัวพระท่านเองกินหรือป่าว เพราะเค้าต้องเลี้ยงพระด้วยไม่ใช่เหรอ

 

กินได้นะครับ ถึงมีของอาคมก็กินได้ แต่ต้องกินนอกงาน อย่าไปกินในงาน
เอาออกมาก็คือว่าเป็นของเราแล้วครับ พี่ญาตผมแกเป้นร่างทรงและสักเต็มตัว
แกไปงานศพจะไม่กินอะไรเลย นอกจากจะเอาออกมาจากงาน พอกินเสร็จค่อยกลับเข้าไป

 

.... ใช่คะ ... ทำแบบนี้ถูกต้องแล้วคะ .. เอาออกมานอกงานได้คะ ให้คนอื่นถืออกมาให้ก้ได้ถ้าไม่สบายใจ .. กินนอกบริเวณงานได้คะ หรือไม่ ก็พกเข้าไปเอง ..

 

โอ้ววว อิ่มทุกงานครับพี่น้อง ผมไม่ถือ เพราะถือแล้วลำบากในการปฏิบัติ
ยิ่งพระฉันเสร็จให้พร ก็กินได้
ในความคิดผมนะครับ องค์เทพ หรือองค์อะไร ถ้ามันลำบากก็บูชาไว้ที่บ้านกราบไหว้ก็พอ ก็อย่างว่าล่ะครับ คนเราไม่เหมือนกัน ยิ่งผมแล้วตังค์มีน้อย เลือกไม่ได้ ช่วยงานเสร็จห่อกลับบ้านอีกต่างหาก เมื่อท่านกินเสร็จมีอาการปวดหัว เวียนหัว สติปัฏฐาน ๔ ช่วยท่านได้ครับ

 

เคยอ่านเจอที่ไหนสักแห่งหลวงพ่อหรือใครนี่แหละพูดว่าในงานศพมีคนเคยเห็นสัมภเวสีในวัดเอาเท้าไปแกว่งในหม้อข้าวต้ม(จำไม่ได้แล้วนานมาก)ไม่รู้ว่าจริงรึเปล่า แต่โดยปกติเวลาทานของในงานศพมักจะปวดหัวไม่สบายเป็นบางครั้งค่ะไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่าใครรู้ช่วยตอบหน่อยว่าเพราะอะไร?

 

อะแฮ่ม ก่อนอื่น...อุปทานไปเองรึเปล่า
งานบวช ได้ไหม งานอื่นๆ ที่จัดภายในวัดได้ไหม

 

เฉพาะงานศพค่ะ นั่นน่ะสิคิดไปเองหรือเปล่าหนอเราไม่รู้ค่ะ555+
เคยมีคนทักไม่ให้กินนานแล้วล่ะ

 

เขาว่ากันว่ากินของในงานศพ กินแลวอาจจะป่วย เพราะการตาย งานเกี่ยวกับขอตาย มันอัปมงคลนะคะ เวลากลับมาต้ออาบน้ำสระผม ล้าง ความไม่ดีเกี่ยวกับเรื่องการตายออกไปให้หมด

 

ความเชื่อเกี่ยวกับอาหารงานศพ
ตั้งแต่อดีตมา งานศพเป็นพิธีกรรมโบราณที่ประกอบด้วยความเชื่อมากมาย หนึ่งในนั้นคือความเชื่อเกี่ยวกับอาหารงานศพที่หลายคนให้ความสำคัญอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะผู้สูงวัยที่ให้ความเชื่อถือในเรื่องเกี่ยวกับโชคลางเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการห้ามมีอาหารจำพวกเส้นหรืออาหารที่ทำจากกล้วย ขนุน ทั้งของคาวและของหวานเสิร์ฟในงานศพ เนื่องจากเชื่อว่าอาหารประเภทเส้นนั้นเป็นสัญลักษณ์ของ ‘สายใย’ ที่ผูกพันคนเป็นกับผู้ล่วงลับไว้ด้วยกัน หากยิ่งเสิร์ฟอาหารประเภทเส้นจะยิ่งทำให้ครอบครัวและญาติไม่สามารถตัดขาดไปจากผู้ล่วงลับได้ ทำให้วิญญาณยังวนเวียนอยู่กับครอบครัวและคนใกล้ชิดแม้ว่าร่างกายจะดับสลายไปแล้วก็ตาม ด้วยเหตุนี้ ในงานศพจึงไม่นิยมเสิร์ฟอาหารจำพวกเส้นแต่หลีกเลี่ยงไปใช้อาหารที่ทานง่ายอย่างข้าวต้มหรือกระเพาะปลาแทน ในขณะที่อาหารที่มีส่วนประกอบของกล้วยหรือห่อด้วยใบตองนั้นถือกันว่าในอดีตกาลนั้น ใบตองนิยมใช้ในการรองศพก่อนนำเข้าโลงจึงไม่นิยมนำอาหารประเภทดังกล่าวมาเลี้ยงแขกในงานศพเนื่องจากอาจจะดูไม่ค่อยดีนัก นอกจากนั้น ในงานศพไม่นิยมเสิร์ฟอาหารที่ทำมาจากขนุน เนื่องจากขนุนเป็นสัญลักษณ์ของโชคลาภ ความเป็นศิริมงคลจึงไม่ควรถูกนำมาใช้ในงานอวมงคลอย่างงานศพ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าความเชื่อดังกล่าวจะดำรงมาอย่างยาวนานหลายร้อยปี

https://nippangift.com/how-funeral-snack-box/

***แต่ปัจจุบัน ยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปก็ส่งผลให้ความเข้มข้นของความเชื่อดังกล่าวเจือจางลง และมีการปรับปรุงให้เข้ากับสมัยใหม่มากยิ่งขึ้น