ติดตามสถานะการณ์

คนในชุมชนสุดระอา แม่ลูกโกยตู้ปันสุข ไม่คิดว่าจะเจอแบบนี้ หลังซุกของเต็มบ้าน
คนในชุมชนที่ อ.ศรีราชา เผยไม่ไหวจะเคลียร์ หลังทราบพฤติกรรมสุดระอาของ 3 แม่ลูก ถือถุงผ้าโกยของในตู้ปันสุข พบสิ่งของซุกไว้เต็มบ้าน เพื่อนบ้านเผย ให้ความช่วยเหลือตลอด ไม่คิดว่าจะทำถึงขนาดนี้
Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

 

อินโดนีเซีย - เกิดเพลิงไหม้ครั้งใหญ่และการระเบิดหลายครั้งที่โรงงานพลาสติกใน Cikoleh ในเขต Campaka Purwakarta เมื่อคืนวันที่ 11 พฤษภาคม

 

ฟิลิปปินส์ - พายุโซนร้อนวงฟง (Vongfong) ทำให้เกิดฝนตกหนัก ในฟิลิปปินส์ วันนี้ 12 พฤษภาคม

 

แผ่นดินไหว ขนาด 6.8
ภูมิภาค ทะเล BANDA
วันที่ 2020-05-06 เวลา 13:53:55.3 UTC
สถานที่ 6.85 S ; 129.83 E
ความลึก 99 km
Macroseismic
ผลกระทบ IntensityIV: รับรู้การเกิดแผ่นดินไหวได้ส่วนใหญ่

Magnitude 6.8
Region BANDA SEA
Date time 2020-05-06 13:53:55.3 UTC
Location 6.85 S ; 129.83 E
Depth 99 km
Macroseismic
IntensityIV Effects: Largely Observed

Distances
506 km E of Dili, Timor-Leste / pop: 150,000 / local time: 22:53:55.3 2020-05-06

394 km SE of Ambon, Indonesia / pop: 356,000 / local time: 22:53:55.3 2020-05-06

349 km W of Tual, Indonesia / pop: 39,600 / local time: 22:53:55.3 2020-05-06

https://m.emsc.eu/earthquake/earthquake.php?evid=854548

 

แปซิฟิก - พายุโซนร้อน Vongfong (Ambo) ลูกใหม่ใกล้ชายฝั่งของฟิลิปปินส์ วันที่ 12 พฤษภาคม

ดาวเทียมแอนิเมชันของ พายุ Vongfong ใกล้ฟิลิปปินส์ด้วยลม 40 ไมล์ต่อชั่วโมง แต่กำลังจัดขณะที่มันเคลื่อนที่อย่างช้า ๆ ไปทางเหนือ แต่จากนั้นเลื่อนไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือถึงชายฝั่งที่แรงกว่าตอนนี้

คาดการณ์ 12 ชั่วโมงจากความกดอากาศร้อนสู่การพัฒนาไต้ฝุ่น cat 1

Vongfong แสดงให้เห็นถึงความรุนแรงในขณะที่มุ่งหน้าไปยังฟิลิปปินส์ในไม่กี่วันข้างหน้า

 

ชิลี - เกิดการแะทุขึ้นอีกครั้งเมื่อเช้านี้จากภูเขาไฟ Nevados de Chillán เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม

ภูเขาไฟมีความสูงถึง 1.6 กม. เหนือจุดปล่อยออกมากระจายอยู่ในทิศทางตะวันออกเฉียงเหนือ (NE) พร้อมกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวแบบสั่นสะเทือน (TR) พร้อมการลดการเคลื่อนที่ (DR) 1.4 ซม. * ซม.

 

แอฟริกา - ฝนและน้ำท่วมทำให้เกิดความเสียหายในโซมาเลีย ซึ่งถนนที่ถูกทำลายตั้งแต่วันที่ 10 และ 11 พฤษภาคม ปัจจุบันผู้คนอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ
จากโมกาดิชู

 

ฟิลิปปินส์หวั่นข้าวขาดแคลนหลัง COVID-19 ลากยาว เล็งซื้อต่อเวียดนาม 3 แสนตัน

นาย William Dar รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฟิลิปปินส์ เผยว่ารัฐบาลมีแผนนำเข้าข้าวเพิ่มอีกสามแสนตันก่อนไตรมาสที่สามในปีนี้ เพื่อสำรองไว้สำหรับบริโภคภายในประเทศ หลังการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์นั้นมีท่าทีว่าจะยาวนานถึงไตรมาสที่ 4 โดยจะเป็นการทำสัญญาซื้อขายแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล (G2G) และรัฐบาลตั้งใจจะแจ้งแผนการดังกล่าวไปยังประเทศผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ในเอเชียโดยเริ่มจากเวียดนามเป็นที่แรก รวมถึงพม่า ไทย อินเดีย และกัมพูชาอีกด้วย ทั้งหมดนี้อยู่บนเงื่อนไขว่าต้องส่งมอบก่อนเข้าไตรมาสสามในปีนี้เท่านั้น

https://www.tcijthai.com/news/2020/5/asean/10324

 

ไต้ฝุ่นลูกแรกของปีนี้ก่อตัวแล้ว ตั้งชื่อหว่องฟ้ง จับตาโครงสร้างและทิศทางหลังพัดผ่านฟิลิปปินส์ เสาร์-อาทิตย์นี้ อาจส่งกระทบรอบนอกภาคใต้เกาะไต้หวัน...#RtiFanpage

 

(May 12) ซีอีโอ"โบอิ้ง"ฟันธงสายการบินสหรัฐแห่งหนึ่งล้มละลายในเดือน ก.ย. : นายเดฟ คาลฮูน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทโบอิ้ง กล่าวว่า เขาเชื่อว่าสายการบินขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของสหรัฐจะประสบภาวะล้มละลายในปีนี้

"ใช่ สิ่งนี้มีแนวโน้มเกิดขึ้นมากที่สุด โดยจะมีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นในเดือนกันยายน" นายคาลฮูนกล่าว

อย่างไรก็ดี นายคาลฮูนไม่ได้เปิดเผยชื่อสายการบินดังกล่าว

ทางด้านนายกอร์ดอน จอห์นโดร โฆษกของโบอิ้ง กล่าวว่า "คุณคาลฮูนกล่าวถึงความไม่แน่นอนโดยทั่วไปของอุตสาหกรรมการบิน โดยไม่ได้ชี้ไปที่สายการบินใดเป็นการเฉพาะ โดยสายการบินจำเป็นต้องปรับตัว ขณะที่เผชิญกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19"

ก่อนหน้านี้ นายคาลฮูนกล่าวว่า อุปสงค์ในการเดินทางทางอากาศอาจต้องใช้เวลา 2-3 ปีกว่าที่จะฟื้นตัวขึ้น

"เมื่ออุปสงค์ฟื้นตัวขึ้น ตลาดการบินเชิงพาณิชย์ก็จะมีขนาดเล็กลง" นายคาลฮูนกล่าว

Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ

เพิ่มเติม

-Boeing CEO predicts a major US airline will ‘most likely’ go out of business because of coronavirus: https://www.cnbc.com/2020/05/12/boe...25percent-in-september-pain-for-airlines.html

 

(May 12) WHO เตือนการปล่อย ให้เกิด herd immunity เป็นแนวทางที่อันตราย: องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ออกมาเตือนแนวคิดเรื่องการปล่อยให้เกิด herd immunity โดยไม่ใช้แนวทาง social distancing ว่าเป็นแนวคิดที่อันตรายและมีความเสี่ยงสูง

ทางเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ WHO เห็นว่าการใช้แนวทาง herd immunity ไม่ได้คำนึงถึงชีวิตและความทรมานจากการเจ็บป่วยของผู้ที่มีความเปราะบางทางด้านสุขภาพและเป็นการประเมินความเสี่ยงที่อันตราย

นอกจากนี้ ผลการสุ่มทดสอบด้วยวิธี antibody ในหลายประเทศพบว่าจำนวนผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัสมีไม่มาก และต่ำกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าน่าจะมีผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัสแล้วจำนวนมากหลังจากที่มีการแพร่ระบาดในวงกว้าง

อนึ่ง แนวคิดเรื่อง herd immunity คือ การปล่อยให้มีผู้ติดเชื้อจำนวนมากจนร่างกายสามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาการแพร่ระบาดในระยะยาว แนวคิดดังกล่าวได้รับการสนับสนุนโดยประเทศอังกฤษในระยะแรกที่มีการแพร่ระบาด

อย่างไรก็ตาม เมื่อสถานการณ์แพร่ระบาดรุนแรงและมีคนป่วยเพิ่มขึ้น ทางรัฐบาลอังกฤษได้ประกาศ lockdown ในภายหลัง ขณะที่ Sweden เป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่ไม่มีการ lockdown และสนับสนุนให้ประชาชนใช้แนวทาง social distancing แทน

Source: BoTSS

- The WHO made a thinly veiled dig at Sweden's loose coronavirus lockdown, saying 'humans are not herds' and old people are not disposable: https://www.businessinsider.com/herd-immunity-few-people-have-had-the-coronavirus-who-2020-5

 

#ข่าวเช้าตรู่ส่งถึงมือคุณ! โดยเพจ "ถามอีก กับอิก"
========

1.Luckin Coffee ประกาศไล่ CEO ออกจากตำแหน่งหลังถูกตรวจสอบเรื่องการโกงยอดขาย

#ถันอี้ #谈亿 #ถามอีกกับอิกเรื่องลงทุนจีน

เป็นประเด็นดราม่าที่ยืดเยื้อมานานครับ นับตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย. ที่ถูกเปิดโปงว่า Luckin Coffee เชนร้านกาแฟชื่อดังของจีน ที่โกงยอดขาย 2.2 พันล้านหยวน หรือ กว่า 1 หมื่นล้านบาท

“ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงการตรวจสอบอย่างเข้มข้น” ในขณะที่ตอนนี้ผู้บริหารระดับสูงรวมถึง ผู้ร่วมก่อตั้งก็ถูกบีบ ถูกเด้งออกจากตำแหน่งไป และหุ้นในสหรัฐเองก็ถูกระงับการซื้อขายนับตั้งแต่วันที่ 7 เม.ย. ในขณะที่ราคาหุ้นก็ร่วงหนัก 83% ภายในไม่กี่วันครับ

ช่วงก่อนหน้านี้ Luckin มาแรงหนักมากๆ โดยใช้เวลาเพียง 2.5 ปี ก็มีจำนวนสาขามากถึง 4,500 สาขา มาแรงแซงทางโค้งเชนร้านกาแฟอย่าง Starbucks ก่อนจะตกม้าตายจากกรณีการโกงทางบัญชีครับ

ล่าสุด Luckin ได้แต่งตั้งคุณ Wenbao Cao อดีตผู้บริหารระดับสูงของ mcDonald’s ในจีนเป็นเวลานานกว่า 23 ปี มาเป็นคณะกรรมการ กลายเป็นมหากาพย์ที่สะท้านวงการ การลงทุนครับ

========

2.ค้าปลีกสหรัฐเจอพิษโควิด ทยอยเจ๊ง ล่าสุด ! JC Penny เจรจาขอกู้เงิน 450 ล้านเหรียญ

เรื่องนี้ก็เช่นกันครับกลายเป็นมหากาพย์ที่ ไม่น่าเชื่อว่าจะมาถึงจุดนี้ เมื่อ JC Penny อดีตห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่ที่สุดในหสรัฐ แต่ตอนนี้กำลังเข้าสู่กระบวนการยื่นล้มละลายครับ

“ตามกระแสข่าว บอกว่า ภายในศุกร์นี้กำลังจะยื่นขอล้มละลายครับ” ในขณะที่ตอนนี้มีสาขา 846 แห่ง และยังมีการจ้างงานสูงถึง 9 หมื่นคน เบื้องต้นอาจจะต้องมีการปิดสาขา 200 แห่ง

ตอนนี้สหรัฐเตรียมที่จะปลดล็อก มาตรการ Lockdown และกลับมาเปิดธุรกิจอีกครั้ง ซึ่งไม่รู้ว่าจะมีรายได้เท่าเดิมหรือไม่ แต่รายจ่ายยังมีเยอะมากมาย

สำหรับธุรกิจค้าปลีก ตอนนี้อยู่ในช่วงหัวเลี้วหัวต่อมากครับ ทั้งถูกกระทบจากค้าปลีกออนไลน์ และยังต้องแบบต้นทุนคงที่ ทำให้ตอนนี้กำลังทยอยเจ๊งไปทีละเจ้า สองเจ้าละครับ

ในช่วงต้นสัปดาห์เพิ่งจะมีร้านค้าปลีก รายหนึ่ง Stage Stores เพิ่งจะยื่นล้มละลายไป เพราะสายป่านหมด และไม่สามารถหาแหล่งเงินทุนได้

ในขณะเดียวกันมีอีกเจ้า คือ Neiman Marcus เชนห้างสรรพสินค้าสุดหรู ที่เก่งเรื่องเสื้อผ้า, กระเป๋า, เครื่องสำอาง แต่ตอนนี้ได้ยื่นขอล้มละลายไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วและขอเงินกู้เพิ่ม 675 ล้านเหรียญเพื่อฟื้นฟูกิจการ เหนื่อยพอควรเลยครับ

========

3.พลิกวิกฤตเป็นโอกาส Ryanair เตรียมกว้านซื้อเครื่องบิน และเตรียมซื้อกิจการคู่แข่งที่กำลังแย่

อาจจะเป็นกรณีศึกษาระดับตำนานได้เหมือนกันครับ เมื่อสายการบินต้นทุนต่ำ ของสาธารณรัฐไอร์แลนด์ สายการบินยอดฮิตที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในทวีปยุโรป ให้บริการมากกว่า 1,800 เที่ยวบิน/วัน จากฐานบิน 85 แห่ง ประกาศเตรียมกว้านซื้อเครื่องบิน และซื้อกิจการคู่แข่ง

พลิกวิกฤตเป็นโอกาสจริงๆครับ เพราะตอนนี้หลายสายการบินกำลังจะไปไม่รอด และนั่นหมายความว่าเครื่องบินเองก็จะมีราคาที่ถูกลง อย่างลดกระหน่ำ summer sale

“ตอนนี้เราเห็นโอกาส แต่เราก็ไม่ได้ประมาทกับความท้าทายที่ตอนนี้อุตสาหกรรมการบินกำลังเผชิญหน้านะครับ” ผู้บริหารบอกครับ โดยได้มีการวิพากย์วิจารณ์สายการบินหลายๆแห่งที่กำลังได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐสูงถึง 3 หมื่นล้านยูโร ทั้งๆที่บางส่วนเกิดจาการบริหารผิดพลาดเอง

“การที่รัฐบาลยื่นมือเข้ามาช่วย สายการบินที่อ่อนแอ กลายเป็นการทำลายกฏการแข่งขัน และกฏของการช่วยเหลือจากทางภาครัฐ”

จุดที่น่าสนใจคือ Ryanair มีเงินสดในมือมากถึง 4.1 พันล้านเหรียญ และนี่คงจะเป็นสิ่งที่เค้ากล้าพูดได้เต็มปาก ว่ารัฐบาลไม่ควรยื่นมือเข้ามาช่วยสายการบินเลย

ในขณะที่สายการบินอื่นกำลังดูเรื่องความอยู่รอด แต่ Ryanair ได้สั่งซื้อเครื่องบินแบบรัวๆ มากถึง /00 ลำในช่วง 4-5 ปีข้างหน้า เพื่อรอวันเติบโตหลังจบโควิด

โหดจริงๆครับ

========

4.Now Normal ศัพท์ใหม่ที่ประธาน Starbucks ได้บัญญัติเอาไว้เพื่อรับมือกับโควิด และแนวทางการปรับตัวที่คนไทยสามารถเรียนรู้ได้ครับ

#ลงทุนนอกโลก โดยเพจ #ถามอีกกับอิก

========

5.ทะลุเป้าหมายแล้วครับ! ยอดระดมทุน วันที่ 16 ของ โครงการ "ช่วยทันที ฮีโร่ไทยต้านโควิด"

เพื่อจัดหาชุด PPE ป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ของคุณหมอและบุคคลากรทางการแพทย์ 19 โรงพยาบาลทั่วประเทศ

"1,247,404 บาท" คิดเป็นสัดส่วน 104% ของเป้าหมายการระดมทุนครับ

แต่เนื่องจากทางโครงการสามารถระดมทุนได้เร็วกว่ากำหนด 20 วัน เลยสรุปกันว่า จะระดมทุนให้ครบตามจำนวนวันที่กำหนดไว้ ส่วนยอดที่ระดมทุนได้เกิน 1.2 ล้านบาท



========

6.เมื่อวานนี้เป็นวันที่สำคัญมากๆสำหรับวงการ สกุลเงินดิจิตอล เพราะมีปรากฏการณ์ Bitcoin Halving

และนี่อาจจะเป็นเหตุผลที่อธิบายว่าทำไมราคา Bitcoin ถึงวิ่งฉิว 1 เด้งนับตั้งแต่เดือนที่แล้ว

ถามอีก กับคุณท็อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งบริษัท Bitkub

คลิกชม นาทีที่ 04:50 ได้เลยครับ

========

7.มาอัพเดทตลาดกันหน่อยครับ

สหรัฐ ร่วงหนัก 1.89%

เยอรมนี ลบเล็กน้อย 0.05%

ทองคำ 1707 เหรียญ เพิ่มขึ้นเล็กน้อย

น้ำมัน Brent 29.48 หรียญ เริ่มร่วง

ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก Fox, CNN, Yahoo Finance

========

 

#ขณะนี้ ⛔ #ภูเก็ตยังไม่เปิดให้ เข้า หรือ ออก ตามปกตินะครับ
#ยังปิดอยู่ ⛔
การลงทะเบียน เพื่อรออนุมัติ
❌ไม่ได้หมายความว่า อนุญาต
ให้เข้า นะครับ
ยกเว้น ตาม ประกาศเท่านั่น

ข้อมูล: ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต

 

#ซาอุดีอาระเบีย เผยแผนขึ้นภาษีมูลค่า (แวต) เพิ่ม 3 เท่า ระงับให้เบี้ยยังชีพรายเดือนแก่ประชาชน ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการรัดเข็มขัดหลังจาก #ราคาน้ำมัน ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ เศรษฐกิจดิ่งเหว
#กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

 

อินโดนีเซียออกมาตรการลงโทษผู้ที่ละเมิดคำสั่งเว้นระยะห่างทางสังคม ด้วยการให้ขัดห้องน้ำสาธารณะและปรับเงิน เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9630000049665
………………………………
● อีกช่องทางติดตาม NEWS1
Line : http://nav.cx/4tvbDJ8
Youtube : youtube.com/c/NEWS1VDO

 

โอท็อปหมื่นรายยอดขายวูบ3หมื่นล้าน ขอแบงก์หยุดเงินต้น-ดอกเบี้ย
วันที่ 12 พฤษภาคม 2563 - 18:00 น.

กระทบ - เครือข่ายโอท็อปกว่า 9,000 รายได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ระบาดทำให้ไม่สามารถขายสินค้าผ่านช่องทางการจัดกิจกรรมอีเวนต์ต่าง ๆ ได้ แม้จะเปิดขายออนไลน์ แต่ทำยอดขายได้ไม่มากนัก จึงอยากให้รัฐบาลช่วยเหลือเยี่ยวยาเช่นเดียวกับกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจต่าง ๆ

“เครือข่ายโอท็อปไทย” เฉียดหมื่นรายร้องบิ๊กตู่เยียวยา 5,000 บาท 3 เดือน หลังยอดขายระหว่างเดือน ก.พ.-เม.ย. 63 หายไป 3 หมื่นล้านบาท วอนให้แบงก์ช่วยชะลอการส่งเงินต้น-ลดดอกเบี้ย 6 เดือน พร้อมปล่อยสินเชื่อใหม่ช่วยสภาพคล่องรายละ 2 ล้านบาท ดอกเบี้ย 2% ระยะยาว 10 ปี เผยเดิมตั้งเป้าผลิตภัณฑ์โอท็อปปีนี้ยอดพุ่งกว่า 20%

นายพงศ์สวัสดิ์ ยอดสุรางค์ ประธานเครือข่ายโอท็อปไทย ประธานเครือข่ายโอท็อปภาคใต้ และประธานคณะกรรมการเครือข่ายโอท็อป (OTOP) จังหวัดสงขลา เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ทางเครือข่ายโอท็อปไทยที่มีอยู่ประมาณกว่า 90,000 รายทั่วประเทศ ได้ทำหนังสือถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อขอความอนุเคราะห์ช่วยเหลือผู้ผลิต ผู้ประกอบการสินค้าโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) เนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อยอดขายผลิตภัณฑ์สินค้าโอท็อปไทย ตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน 2563 คิดเป็นยอดขายที่หดหายไปเกือบ 30,000 ล้านบาท คิดจากยอดขายรวมสินค้าผลิตภัณฑ์โอท็อปทั้งปีทั่วประเทศ ประมาณ 100,000 ล้านบาท เนื่องจากไม่สามารถจำหน่ายสินค้าในช่องทางการตลาดต่าง ๆ เช่น งานอีเวนต์ที่ภาครัฐให้การสนับสนุน ตลาดประชารัฐ ร้านค้า

โดยต้องการขอความช่วยเหลือใน 3 เรื่องหลัก ได้แก่ 1.ขอความอนุเคราะห์ให้กลุ่มผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ที่ขึ้นทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชน อยู่ในหลักเกณฑ์ของผู้ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 ได้รับเงินเยียวยาจำนวน 5,000 บาท ระยะเวลา 6 เดือน 2.ขอความอนุเคราะห์จากธนาคารทุกธนาคารงดส่งเงินต้นและลดดอกเบี้ยร้อยละ 50 ให้แก่ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP เป็นระยะเวลา 6 เดือน และ 3.ขอความอนุเคราะห์จากธนาคารของรัฐ ปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยร้อยละ 2 วงเงินไม่เกิน 2 ล้านบาท ระยะเวลาผ่อนชำระไม่เกิน 10 ปี ให้แก่ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP

“ปี 2563 เดิมตั้งเป้ายอดขายจะขยายตัวเติบโตที่ดีขึ้นตามทิศทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่ดีขึ้นประมาณ 20% โดยปกติการซื้อขายผลิตภัณฑ์สินค้าโอท็อป ผู้ซื้อส่วนใหญ่ต้องการสัมผัสสินค้าของจริง ปี 2563 เราได้วางแผนจะจัดงานโรดโชว์หลายงาน งานอีเวนต์ครั้งแรกของปี 2563 เมื่อวันที่ 3-9 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ อ.เมือง จ.สงขลา จำนวน 200 บูท ตั้งเป้าทำยอดขาย 10 ล้านบาท ปรากฏว่าสามารถทำยอดขายได้ถึง 25 ล้านบาท ผลิตภัณฑ์ที่ทำยอดขายได้ดี คือ ผลิตภัณฑ์โอท็อปประเภทอาหาร เสื้อผ้า และอัญมณี และจัดโรดโชว์ผลิตภัณฑ์โอท็อปครั้งที่ 2 วันที่ 20-29 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ จ.ชุมพร จำนวน 300 บูท จากทั่วประเทศ ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 50 ล้านบาท ปรากฏว่าโควิดเริ่มแพร่ระบาดเข้ามาพอดี ยอดขายได้ตกต่ำเกินคาดหมายเหลือประมาณ 18 ล้านบาท และเมื่อรัฐบาลมีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ประกาศจังหวัด มาตรการล็อกดาวน์เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดอย่างเข้มข้น และเกิดประสิทธิภาพ กิจกรรมทั้งหมดต้องยุติลงอย่างสิ้นเชิง”

นายพงศ์สวัสดิ์กล่าวต่อไปว่า ทางเครือข่ายโอท็อปไทยอยากขอความอนุเคราะห์ให้รัฐบาล สนับสนุนช่วยเหลือกลุ่มโอท็อปไทยกว่า 90,000 ราย เช่นเดียวกับกลุ่มรถแท็กซี่ รถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง กลุ่มจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลและให้กลุ่มผลิตภัณฑ์โอท็อปที่มีหนี้อยู่กับสถาบันการเงินธนาคาร ให้มีการผ่อนผันการส่งเงินต้น และลดดอกเบี้ยลง เมื่อสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 คลี่คลายลง และมีการปลดล็อกดาวน์แล้ว จึงอยากให้ภาครัฐเริ่มอัดฉีดจัดโรดโชว์ จัดอีเวนต์ภายในประเทศ เชื่อมั่นว่าผลิตภัณฑ์โอท็อปสามารถฟื้นฟูได้เร็ว เพราะคนอยากจะออกจากบ้านและช็อปปิ้ง และคนยังมีเม็ดเงินอยู่ และผลิตภัณฑ์โอท็อป ผู้บริโภคเป็นคนภายในประเทศประมาณ 80%

“ส่วนสถานการณ์ผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์โอท็อปขณะนี้ มีการเปิดโฉมการตลาดใหม่ โดยการขายสินค้าผลิตภัณฑ์โอท็อปการไลฟ์สด โดยพยายามสร้างความเป็นมืออาชีพ และมีทิศทางพอไปได้ แต่โดยภาพรวมยอดขายผลิตภัณฑ์โอท็อปตกไปประมาณ 90% และแต่ว่าขณะนี้การขายสินค้าทั่วไปกลับมีการไลฟ์สดกันอย่างคึกคักมาก จนเป็นแฟชั่นในขณะนี้”

นายกฤษณ์ เชาว์บวร เลขาธิการกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สุราษฎร์ธานี ชุมพร นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา) เปิดเผยว่า การคลายล็อกจะคลายได้สำหรับจังหวัดที่ปลอดจากไวรัสโควิด-19 แล้ว แต่จะต้องมีมาตรการควบคุมในระดับที่สอดคล้องต้องกัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำสอง ซึ่งการคลายล็อกมาตรการจะทำให้การประกอบการธุรกิจเคลื่อนไหวหมุนเวียนขึ้น

“ตอนนี้ถือเป็นยุคทองของสินค้าทางดีลิเวอรี่ สินค้าออนไลน์ ตอนนี้ยังไม่รู้สถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลกจะเป็นอย่างไร แต่ภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวส่งผลกระทบหนักและน่าฟื้นหลังรายอื่น หากประเทศไทย ไวรัสโควิด-19 คลี่คลายแล้ว แต่ต่างประเทศยังไม่คลี่คลาย เพราะการเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยจะต้องพบกับมาตรการป้องกันที่เข้มข้นตามระเบียบขั้นตอนทุกประการ”

https://www.prachachat.net/local-economy/news-462673

 

May 13, 2020 “อะไรสำคัญกว่ากัน” เงินภาษีประชาชนกับเงินเยียวยาแถมฟื้นฟู !!!

#การบินไทย #รักคุณเท่าฟ้า #ภาษีประชาชน #thaiairways #misterban

 

“สหรัฐ” ขาดดุลงบประมาณเดือนเม.ย.สูง เป็นประวัติการณ์ 7.38 แสนล้านดอลลาร์
: กระทรวงการคลังสหรัฐ เปิดเผยรายงานในวานนี้ (12 พ.ค.)ว่า ยอดขาดดุลงบประมาณเดือน เม.ย. สูงเป็นประวัติการณ์ถึง 7.38 แสนล้านดอลลาร์ เนื่องจากการแพร่ระบาดไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ (โควิด)-19 ส่งผลกระทบทั่วประเทศ

การใช้จ่ายของรัฐบาลสหรัฐในเดือน เม.ย. 2563 อยู่ที่ 9.80 แสนล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 6.04 แสนล้านดอลลาร์จากเดือน เม.ย. 2562 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลจากการออกมาตรการช่วยเหลือที่เกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ส่วนรายได้รวมของรัฐบาลในเดือน เม.ย.อยู่ที่ 2.42 แสนล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าเดือนเม.ย. 2562 อยู่ถึง 2.94 แสนล้านดอลลาร์ เนื่องจากรัฐบาลได้เลื่อนการเก็บภาษีเงินได้ประชาชนและธุรกิจไปจนถึงเดือนก.ค.

ทั้งนี้ ยอดขาดดุลงบประมาณของปีงบประมาณ 2563 ซึ่งเริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2562 นั้น เพิ่มขึ้นแตะระดับ 1.481 ล้านล้านดอลลาร์แล้วจนถึงขณะนี้

ไมเคิล พุกลีส นักเศรษฐศาสตร์ของเวลส์ ฟาร์โก ซีเคียวริตีส์ระบุว่า รายรับจากภาษีที่ลดลงและค่าใช้จ่ายที่พุ่งขึ้นมีแนวโน้มที่จะยังคงส่งผลกระทบต่อแนวโน้มด้านการคลังในระยะใกล้ และยอดขาดดุลงบประมาณที่สูงเป็นประวัติการณ์ในเดือนเม.ย.ส่งสัญญาณว่ารัฐบาลจะเริ่มกู้ยืมเงิน

คณะกรรมการที่รับผิดชอบด้านงบประมาณของรัฐบาลกลางสหรัฐ (ซีอาร์เอฟบี) ระบุว่า ยอดรวมการขาดดุลงบประมาณของสหรัฐจะสูงกว่า 3.8 ล้านล้านดอลลาร์ในปีนี้ โดยหนี้สาธารณะจะสูงกว่าขนาดเศรษฐกิจภายในวันที่ 30 ก.ย.ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดปีงบประมาณ 2563

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัปม์เข้ารับตำแหน่งในปี 2560 หนี้ของสหรัฐได้เพิ่มขึ้นจากต่ำกว่า 20 ล้านล้านดอลลาร์ สู่ระดับมากกว่า 24 ล้านล้านดอลลาร์แล้ว

Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

https://www.bangkokbiznews.com/news...medium=internal_referral&utm_campaign=foreign

www.cnbc.com

 

A brief history of the last crisis
#วิกฤติการเงินครั้งหลังสุด ‘อย่างย่อ’

Simon Black May 11, 2020

วิกฤติเศรษฐกิจครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อปี 2008 คนส่วนใหญ่คงยังไม่ลืมกัน ...ครั้งนั้นระบบการเงินของโลก..เกือบล่ม

หลายปีก่อนหน้าที่จะเกิดวิกฤติปี 2008 ...ที่อยู่อาศัยเป็นทรัพย์สินหลักที่เป็นฟองสบู่ไปทั่วโลก ธนาคารกลางทุกแห่งทั่วโลกหั่นอัตราดอกเบี้ยลงมาเกือบถึงศูนย์ การกู้ยืมเงิน..มีต้นทุนต่ำเหลือเชื่อ

ก่อนปี 2005 ธนาคารเสนอเงินกู้จำนองบ้านด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำแค่ 0.9% ....เกิดดีมานด์ถล่มทลาย ...คนซื้อบ้านตกลงใจซื้อทันทีที่โครงการเริ่มออกสู่ตลาด ราคาบ้านขึ้นสูงลิ่วเป็น all-time-high

ตลาดที่อยู่อาศัยร้อนแรงมาก มาตั้งแต่ต้น ๆ ปี 2000s ที่ผู้ให้กู้เริ่มมีการลดเงินดาวน์ จากที่เคยเรียกถึง 20% ..และยังขยายเทอมเงินดาวน์นี้ออกไปจนสุด ๆ

หลังจากนั้น ธนาคารก็เริ่มให้กู้เกิน 100% ของมูลค่าบ้านด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมาก ๆ ....ถึงแม้ผู้กู้จะเคยมีประวัติการชักดาบมาแล้วก็ตาม ในขณะที่ราคาบ้านก็สูงเป็นประวัติการณ์ (คำว่าซับไพร์ม คือผู้กู้ที่มีคุณสมบัติต่ำกว่า (sub) ระดับพื้น (prime)..ผู้แปล)

แล้วมันเกิดอะไรขึ้นล่ะ..?!!?

ในที่สุด..ตลาดบ้านก็เจ๊ง คนหลายล้านทั่วทั้งโลก ก็พร้อมใจกันหยุดชำระหนี้จำนอง

และแล้ว..บ้านทั้งหลายที่ติดจำนองก็มีมูลค่าน้อยกว่าหนี้ที่แบ้งค์รับจำนองไว้ ...แบ้งค์ก็เจ๊งอ่ะดิ ขาดทุนยับนับหลายล้านล้านดอลล่าร์

มีหลายแบ้งค์ล้มไปเลย ระบบการเงินทั้งระบบก็เกือบล้มตามไปด้วย ....นี่นับเป็นการจุดชนวนวิกฤตการเงินที่ใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์เลย

ราคาทรัพย์สินทั่วไปแครชหมด ..เรียลเอสเตทราคาร่วง ..ตลาดหุ้นทั้งโลกราคาทิ้งดิ่ง ..S&P 500 ของสหรัฐหล่นไป 57% ...ความเสียหายมากกว่ากำไรที่ได้มาตลอดสิบปีนั้น

ราคาสินค้าโภคภัณท์หลัก ๆ เกือบทุกตัวก็ร่วงไปด้วย ตั้งแต่น้ำมัน..ทองแดงยันไปถึงฝ้ายเลย แม้แต่ราคาทองคำและซิลเวอร์ก็ตกไปด้วย ...นักลงทุนก็อยู่ในอาการหวาดวิตก หลายคนถูกบังคับขาย (forced sell) ทุกอย่างในมือเพื่อสร้างกระแสเงินสด

และจากการขายทรัพย์สินด้วยอาการ panic ..ราคาซิลเวอร์จึงร่วงไปราว ๆ 50% ..ทองคำประมาณ 30%

แต่เมื่อเดือนตุลาคม 2008 รัฐบาลและธนาคารกลางทั่วโลกประกาศโปรแกรมกระตุ้นที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หนี้ภาครัฐเพิ่มขึ้นในระดับที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในประวัติศาสตร์ ..ธนาคารกลางมีการพิมพ์เงินดอลล่าร์ ยูโร ปอนด์ เยน นับหลายล้านล้านจากกลางอากาศ

พอถึงตอนนี้เอง ราคาทั้งทองคำและซิลเวอร์จึงเริ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

คุณ ๆ ก็น่าจะจำได้ว่าเงินเฟ้อเริ่มพุ่งขึ้นจากผลของทั้งหนี้และปริมาณเงิน..ที่เพิ่มขึ้น

อย่างเจาะจงเลย ก็ราคาอาหารและพลังงานที่สูงขึ้น แค่ชั่วหกเดือนจากกันยายน 2010 ถึงมีนาคม 2011 ราคาน้ำมันในสหรัฐเพิ่มขึ้น 50% .....จาก $2.61 ไปเป็น $4 ...เจ็บจริง เห็น ๆ

แต่คนที่เป็นต้นเหตุให้เกิดเรื่องนี้กลับไม่รู้อะไรเลย

เดือนมีนาคม 2011 ประธาน Fed นิวยอร์ค แถลงข่าวกลบเรื่องที่ทุกคนเป็นห่วงกันอยู่ ย้ำว่าเงินเฟ้อไม่ใช่ปัญหา

เขาบอกกับผู้ฟังว่า ราคา iPad 2 ยังต่ำกว่าราคา iPad 1 ด้วยซ้ำไป ..ดังนั้นเขาคิดว่า ราคาสินค้ากำลังลดลง

จึงเกิดประโยคเด็ดขึ้นเช่น "ให้พวกมันแดรก iPad ไปเหอะ" ... นักข่าวบางคนก็ถามว่า "แล้วท่านประธานฯ ไปช้อปในซุปเปอร์ฯ ครั้งล่าสุดเมื่อไหร่?" ....บ้างก็ว่า "ผมไม่แดรก iPad (โว้ย) "

ทรัพย์สินแท้จริง (real asset) well perform มากในช่วงนั้น

ตลาดที่อยู่อาศัยพังหนักมากขนาดที่ว่าราคาร่วงลงไปทั่วโลกอยู่หลายปี

ราคาเฉลี่ยของบ้านในสหรัฐไม่มีการขยับตัวเลยจนถึงปี 2012 ...นานกว่า 4 ปีหลังจากเกิดวิกฤต

แต่ที่ดินเปล่า และโดยเฉพาะ farmland ....perform ได้ดีมาก ๆ

ราคาของโลหะมีค่าก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ถึงแม้ว่ามันจะร่วงไปตอนช่วงต้นของวิกฤต หลังจากนั้น ราคาทองคำเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว ส่วนซิลเวอร์ก็มากกว่า 5x...

แต่เราก็ไม่อาจจะบอกได้ว่า ..scenario แบบนี้จะเกิดซ้ำรอยเหมือนกันเปี๊ยบได้อีกครั้งนึงหรือเปล่า เพราะสถานการณ์มันแตกต่างกันเห็น ๆ

แต่ที่เหมือนกันเปี๊ยบเลย..ระหว่างวิกฤตปี 2008 กับเหตุการณ์ปัจจุบัน ก็คือหนี้ที่โถมมาเป็นลูกคลื่นกับการพิมพ์เงิน

ทุกวันนี้ มีการพิมพ์เงินมากกว่าที่พิมพ์เมื่อปี 2008 เพราะว่า scope ของวิกฤตเวลานี้มันใหญ่กว่ากันเยอะ

ก่อนสิ้นปี 2019 ทั่วโลกมีหนี้รวม ๆ กัน $250 ล้านล้าน ซึ่งประกอบด้วย หนี้ของรัฐบาลทั้งหลาย หนี้ภาคเอกชน หนี้ส่วนบุคคล หนี้จำนอง ฯลฯ

ถ้าแม้เพียงเศษเสี้ยวของหนี้กองนี้ต้องมีอันสูญไป ความเสียหายที่จะเกิดมันก็จะใหญ่กว่าเมื่อครั้งวิกฤตการเงินปี 2008 แน่ ๆ

แล้วนั่นก็คือเหตุผลที่ Federal Reserve ต้องพิมพ์เงินออกมาถึง $2.5 ล้านล้าน ในช่วงแค่สองเดือนที่ผ่านมานี้ ..พวกเขาพยายามที่จะ cover ความสูญเสีย และทำให้เรื่องโรคระบาดกระทบกับเศรษฐกิจให้น้อยที่สุด

พวกเขายังได้เฉือนอัตราดอกเบี้ยลงมาให้เหลือศูนย์ และตลาดฟิวเจอร์ก็ได้คาดไว้แล้ว ว่าอัตราจะต้อง..ติดลบก่อนเดือนมกราคม

มันแน่ชัดแล้วว่า Fed จะพิมพ์อีกไม่ว่าจะมากแค่ไหน เพื่อไม่ให้เกิดวิกฤต

และนั่นจะทำให้อะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้ ..อาจได้เห็นเศรษฐกิจชะงักงัน (stagflation) แบบที่เคยเกิดเมื่อยุค 1970s

หรืออาจเป็นแบบที่เคยเห็นคล้าย ๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวิกฤตครั้งล่าสุด

เรื่องที่อาจจะเกิดขึ้นได้มันมีมากมาย ไม่มีใครบอกได้แน่นอน

แต่ถ้าจะให้ประวัติศาสตร์เป็นตัวชี้แนะล่ะก็ ...ทรัพย์สินแท้จริงน่ะ มัน well perform ตอนที่ธนาคารกลางมีการพิมพ์เงินแบบมหาศาลออกมาทุกครั้ง....

****ที่จริง สาเหตุของวิกฤตครั้งนั้นยังมีมากกว่านี้..แต่ผมแปลเท่าที่มีปรากฏในบทความนะครับ****

Cr : Sayan Rujiramora
www.sovereignman.com

 

อินเดียออกมาตรการ 2.67 แสนล้านดอลลาร์กระตุ้นเศรษฐกิจจากผลกระทบโควิด
: นายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย กล่าวแถลงการณ์ต่อชาวอินเดียทั่วประเทศในคืนนี้ โดยระบุว่า รัฐบาลจะออกมาตรการวงเงิน 2.67 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และเยียวยาภาคธุรกิจจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

นอกจากนี้ นายโมดียังเปิดเผยว่า อินเดียจะเข้าสู่ช่วงการล็อกดาวน์ในระยะที่ 4 ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 18 พ.ค. ขณะที่ช่วงการล็อกดาวน์ในระยะที่ 3 จะยุติลงในวันที่ 17 พ.ค.

"ช่วงการล็อกดาวน์ในระยะที่ 4 จะมีกฎข้อบังคับใหม่ ซึ่งจะมีการประกาศในไม่ช้า" นายโมดีกล่าว

Source: อินโฟเควสท์
แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ
www.cnbc.com