ตำนานผีปอป กับหลวงปู่ดู่

ในห้อง 'หลวงปู่ดู่ และ หลวงตาม้า' ตั้งกระทู้โดย nondanun, 14 พฤศจิกายน 2010.

  1. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,611
    [​IMG]

    "ปอบ" มีต้นกำเนิดมาจากผู้ที่มีวิชา ไสยศาสตร์ มนต์ดำจนแก่กล้า สามารถใช้อำนาจอันเข้มขลังจากเวทมนตร์คาถาไปกระทำร้ายหรือทำลาย
    ชีวิตผู้อื่นได้ เช่น ทำ เสน่ห์ยาแฝด ฝังรูปฝังรอยเสกหนังควาย เสกตะปูเข้าท้อง หรือใช้มนตราบังคับวิญญาณ ภูตผีไปเข้าสิง วิชาไสยศาสตร์เหล่านี้มีข้อห้าม ข้อปฏิบัติกำกับอยู่ด้วย ผู้ที่มีวิชาอาคมทางไสยศาสตร์ ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงระบุว่า เป็นเดียรฉานวิชา จะต้องระวังไม่ให้ละเมิดข้อห้าม ข้อปฏิบัติโดยเด็ดขาด

    หากกระทำผิดข้อห้าม ชาวอีสานจะเรียกกันว่า "คะลำ" จะเกิดโทษหนักในข้อ"ผิดครู" วิญญาณ บรมครู จะลงโทษ ให้กลายเป็นปอบ หรืออีกประการหนึ่งของผู้ที่กลายเป็นปอบก็คือ เล่นคาถาอาคมอย่างคลั่งไคล้ และใช้ความขลังแห่งวิชา มนต์ดำไปทำลาย ทำร้ายผู้อื่นอย่างไม่กลัว บาปกลัวกรรมกระทำชั่วเป็นอาจิณกรรม กระทั่งถูกอาถรรพณ์ของไสยเวทย์ย้อนกลับมาเข้าตัวเองกลายเป็นปอบไปในที่สุด

    " ผีปอบ" ยังแบ่งออกเป็นหลายประเภท เช่น

    "ปอบ ธรรมดา" หมายถึง คนที่มีปอบสิงอยู่ในร่าง ( คือตนเองเป็นปอบ ) เมื่อคนประเภทนี้ตายไป ปอบที่สิงสู่อยู่ก็จะตายตามไปด้วย

    "ปอบเชื้อ" หมายถึง ครอบครัวใดพ่อแม่เป็นปอบเมื่อพ่อแม่ตายไปลูก หลานก็จะสืบทอดให้เป็นปอบต่อไป อีกประการหนึ่งเป็นกรรมพันธุ์ไม่ว่า จะเต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ตาม เรียกว่าเป็นปอบต่อเนื่องกันไปไม่รู้จบ

    "ปอบแลกหน้า" หมายถึง ปอบเจ้าเล่ห์ถนัดเอาความผิดไปโยนให้ผู้อื่น กล่าวคือ เวลาไปเข้า สิงใคร เมื่อ ถูกสอบถามว่ามีผู้ใด เลี้ยงหรือบังคับ ปอบ จะไม่บอกความจริงหากไปกล่าวโทษว่าเป็นคนนั้นคนนี้ โดยที่ผู้ถูกระบุชื่อ ไม่รู้เรื่อง รู้ราวอะไรเลย

    "ปอบกักกึก" (กึก ภาษาอีสานแปลว่า "ใบ้") หมายถึง ปอบที่ไม่ยอมพูดอะไรเวลามีคน ถาม จนกว่าญาติพี่น้องจะไปตามหมด ผีมาขับไล่ จึงจะยอมเปิดปากพูดว่าตนเป็นปอบของใครมีใครใช้ให้มา เข้าสิง

    ผู้ที่ถูกผีปอบเข้าสิงหรือที่ชาวอีสานเรียกว่า "ปอบเข้า" จะมีอาการแตกต่างกันไป
    บางคนแสดงกิริยาอาการ ดุร้ายบางคนจะนอนซมซึมคล้ายกับป่วยไข้อย่างหนัก บางคนจะร่ำไห้รำพันไปต่างๆ
    นานาแต่ไม่ว่าจะมีทีท่า อาการอย่างไร ผู้ที่ถูกปอบเข้าสิงจะเรียกร้องให้นำอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ พวกหมู
    ตับ ไก่ต้มมากิน เหมือน ๆ กับเวลา กินก็แสดงความตะกละมูมมามและกินได้จุผิดปกติเมื่อญาติพี่น้อง
    รู้ว่าคนป่วยถูกปอบเข้าสิง เขาก็จะไปตามหมอผีให้มาไล่ปอบ การไล่ปอบให้ออกจากร่างมีหลายวิธีตาม
    แนวทางที่หมอผีได้ร่ำเรียนมาบางคนจะเอาพริกแห้งมาเผา ให้ควันรม คนป่วยจนสำลักควันน้ำตาไหลพราก

    ครั้นปอบออกจากร่าง แล้วหมอผีจะข่มขู่สอบถามว่าผีปอบเป็นใครมาจากไหน เมื่อปอบรับสารภาพหมอผี
    ก็ จะปล่อยไป คนป่วยได้สติหายเป็นปกตินัยน์ตาที่แดงก่ำเนื่องจากถูกควันพริกเผารม จะหายไปทันทีแต่เจ้าของปอบกลับมี
    อาการนัยน์ตาแดงก่ำด้วย สายเลือดจนต้องหลบหน้าอยู่แต่ในห้องไม่กล้าให้ใครพบหน้า อีกวิธีหนึ่ง คือใช้หวายเฆี่ยนไล่ปอบ
    ซึ่งก็เท่ากับเฆี่ยนคนป่วยนั่นแหละ หากปอบกล้าแข็งหมอผีจะเฆี่ยนหนักๆ กระทั่งเนื้อตัวคนที่ถูกปอบเข้าสิงเขียวช้ำด้วย
    รอยหวาย เมื่อปอบยอมแพ้ออกจากร่างไปรอยหวายก็จะจางหายไปทันที แต่วิธีไล่ปอบแบบนี้เคยเป็นข่าวมาแล้ว

    เนื่องจากผู้ป่วยไม่ได้ถูกปอบเข้าสิง หากป่วยเป็นโรคประสาท ญาติคิดว่าปอบเข้าจึงไปตามหมอผีมาไล่ หมอผี
    จัดการเฆี่ยนคนป่วย ด้วยหวายได้รับบาดเจ็บบอบช้ำจนหลายครั้งหลายหน โดยคิดว่าปอบฮึดสู้ไม่ยอม แพ้ในที่สุด คนป่วยก็
    เสียชีวิต ร้อนถึงตำรวจต้องมาจัดการกับหมอผีและญาติตามกฎหมาย

    อีกวิธีหนึ่ง หมอผีจะนำสัตว์น่าเกลียดน่ากลัวบางชนิดมาข่มขู่ให้ปอบกลัว เช่น คางคก ตุ๊กแก งู ในกรณีนี้ คนที่
    ถูกปอบเข้าสิงมักเป็นผู้หญิงหรือตัวปอบเป็นหญิง แม้จะเป็นผีปอบ ( เธอ ) ก็ยังขยาดแขยงสัตว์ประเภทนี้และ มักจะยอมออก
    จากร่างที่เข้าสิงง่าย ๆ

    ผีปอบที่แก่กล้าเวลาเข้าสิงใครจะอดอยาก กล่าวกันว่าใครที่ผีปอบประเภทนี้เข้าสิงมักจะถูกปอบสิงจนตาย
    เมื่อหมอผีดำเนินการไล่ผีปอบจากร่างที่ถูกปอบสิงมีข้อสังเกตอยู่อย่างหนึ่งคือ จะปรากฎเป็นก้อนกลมอยู่ใต้
    ผิวหนังปูดนูนขึ้นมา เวลาหมอผีจี้ก้อนกลม ๆ นี้ด้วยไพลเสก มันจะเลื่อน

    สำหรับหมอผีรุ่นครูจะจู่โจมเข้ามัดข้อมือ ข้อเท้าและรอบคอ ด้วยด้ายสายสิญจน์เพื่อไม่ให้ปอบหนีออกจากร่าง
    จากนั้นก็จะใช้ไพลเสกจี้ลงไปที่ก้อนกลม ๆ ใต้ผิวหนัง เรียกว่าก้อนกลมนี้หนีไปที่ใดก็จะตามจี้ไม่ยอมปล่อย จากนั้นใช้ไพล
    เสกจี้ทางอีสารเรียกว่า "แทง" ปอบจะเจ็บปวดทรมานแสนสาหัส (คนที่ถูกปอบสิงจะร้องโอดครวญดังสนั่น)หมอผีจะขู่บังคับ
    ให้บอกว่าเป็นใคร ซึ่งปอบมักจะยอมสารภาพโดยดี หลังจากทรมานปอบให้หวาดกลัวเข็ดหลาบแล้ว หมอผีจึงจะแก้มัดด้วย
    ด้ายสายสิญจน์ปล่อยให้ปอบออกไป

    หมอผีบางรายมีวิธีไล่ปอบชนิดดุเดือด ให้คนเป็นปอบอับอายขายหน้าเป็นที่เปิดเผยแก่สาธารณชนทั่วไป โดย
    หมอผีจะไปหาหม้อดินของแม่ม่ายที่มีเขม่าควันไปจับหนามา แล้วเอาหม้อดินครอบศีรษะคนถูกปอบสิงใช้มีดโกนขูดเขม่าควัน
    ไฟ คล้ายกับโกนผมให้หมดไปครึ่งศีรษะ จากนั้นปล่อยให้ปอบออกจากร่าง วิธีการไล่ปอบแบบนี้จะทำให้ผู้เป็นปอบหรือ
    เลี้ยงผีปอบต้องหลบซ่อนอยู่ในห้อง หรือเวลาออกไปไหนก็ต้องใช้ผ้าคลุมศีรษะตลอดเวลา เนื่องจากเส้นผมแหว่งหาย
    ไปครึ่งศีรษะ

    เรื่องของปอบนี้จะลงความเห็นว่าเกิดจาก "ความเชื่อ" หรือความงมงายไร้สาระเอาเสียเลยก็
    คงไม่ได้ เพราะเรื่องราวประหลาด ๆ เกี่ยวกับผีปอบยังเคยปรากฎกับพระอริยสงฆ์ เช่น
    หลวงปู่ดู่พรหมปัญโญ วัดสะแก จังหวัดพระนครศรีอยุธยามาแล้ว

    กล่าวคือ มีหมอผีไสยเวท ชาวเวียงจันน์คนหนึ่งมาที่วัดสะแก มานมัสการหลวงปู่ดู่ บอกท่าน
    ว่าตนมีวิชาดีเป็น วิชาบิดไส้ บิดฟัน ต้องการมอบวิชานี้ให้แก่ท่านเป็นการเฉพาะเพราะเห็นว่าไม่มีใคร
    รับถ่ายทอดวิชาเหล่านี้ได้ แล้วก็มอบคัมภีร์โบราณให้ผูกหนึ่ง หลวงปู่ดูดเห็นว่าเป็นวิชาแปลก ก็รับไว้
    โดยเสียค่าครูให้เป็นธรรมเนียม เมื่อได้คัมภีร์นั้นมาแล้ว หลวงปู่ก็ไม่ได้เปิดดูหรือให้ความสนใจเป็นพิเศษ
    ท่านนำไปวางไว้ที่โต๊ะหมู่บูชา และก็ลืม ๆ ไป ส่วนหมอผีไสยเวทชาวลาวยังไม่กลับไปทันที หากนอนพักค้างคืนที่วัดสะแก
    ต่อ 2 - 3 วัน

    คืนนั้น..... หลวงปู่ดู่เกิดฝันประหลาด ฝันว่าท่านออกไปหากินคล้าย ๆ กับเป็นปอบและไปกินควายชาวบ้าน
    ซึ่งอยู่ในตำบลใกล้เคียง เช้าวันรุ่งขึ้นท่านก็ยังไม่ฉุกคิดอะไร กระทั่งล่วงเข้าคืนที่สอง ขณะที่หลวงปู่นอนหลับ ท่านก็ฝัน
    ในลักษณะเดียวกันอีก คือ ออกไปกินไส้ควายของชาวบ้านที่อยู่ในละแวกใกล้ ๆ

    เช้าวันรุ่งขึ้น ก็ได้มีชาวบ้านมาหาหลวงปู่ดู่ เล่าถวายต่อท่านว่า เมื่อคืนนี้ควายของเขาตาย กะทันหันโดยหา
    สาเหตุไม่พบ อีกทั้งลักษณะการตาย มีสภาพน่ากลัวหลายอย่าง หลวงปู่สอบถามว่าตั้งบ้านเรือน อยู่อาศัยที่ใด
    ชาวบ้านก็กราบเรียนให้ท่านทราบ คราวนี้ หลวงปู่ดู่ถึงกับสะดุ้ง เพราะที่อยู่ของชาวบ้านคนนั้นตรงกันกับบ้านที่ท่านฝัน
    ว่าไปกินไส้ควายมานั่นเอง หลวงปู่ดู่คิดว่า "อ้ายลาวไสยเวทคนนี้เห็นทีจะเอาวิชาชั่วร้ายมามอบให้ท่านเป็น ถึงได้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น หากท่านเกิดฝันไปกินคนเข้า อาจทำให้ใครต่อใครตายได้และวิชาที่ท่านรับมาเห็นทีจะเป็นวิชาปอบ" ดังนั้นหลวงปู่ดู่จึงได้นำคัมภีร์ตำรา เอามาเผาไฟ

    ลาวหมอผีรู้ว่าหลวงดู่เผาวิชาตำรามันทิ้ง มันก็แสดงท่าโกรธเคืองไม่ใช่น้อย ตอนจากวัดกลับถิ่นเดิมของมัน
    มันไม่ยอมมาบอกกล่าวกราบลา แม้แต่คำเดียว และนับแต่นั้นก็ไม่หวนหลับมาที่วัดสะแก อีกเลย



    ที่มาตำนานผีปอป กับหลวงปู่ดู่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 15 พฤศจิกายน 2010
  2. Dolfin

    Dolfin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    134
    ค่าพลัง:
    +258
    ขออนุโมธนาสาธุค่ะ
    สนุกดีค่ะชอบเรื่องราวแบบนี้ เป็นประสบการณ์จากพระปฏิปัณโน มีอะไรที่หลายสิ่งหลายอย่างที่คนอย่างเราๆ ท่านๆ ไม่เคยรู้ ไม่เคยเห็น และไม่คิดว่าจะมี
     
  3. พระไตรภพ

    พระไตรภพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,067
    ค่าพลัง:
    +7,521
    ปอบ เป็นอสุรกายประเภทหนึ่ง มักจะไปสิงสู่อยู่อาสัยกับคนที่มีพฤติกรรมที่เหมาะสมที่จะเป็นปอบ เช่น เล่นวิชาอาคมพวกไสยดำทุกๆประเภท

    หรือ มักจะไปสิงสู่อยู่กับคนที่สร้างกรรมที่เป็นฐานรองรับภาวะความเป็นปอบเอาไว้

    ถ้าจะเปลี่ยบปอบให้เหมือนกับโรคร้ายต่างๆก็จะสามารถวินิจฉัยเรื่องของปอบได้เป็นอย่างดี

    โรค จะสามารถเกิดขึ้นกับคนที่มีเหตุปัจจัยที่พอเหมาะต่อการเกิดโรค คนๆนั้นจึงจะสามารถป่วยด้วยโรคนั้นๆได้ หากคนนั้นๆไม่ได้ก่อเหตุปัจจัยที่เอื้อต่อการเกิดของโรคเอาไว้ โรคต่างๆย่อมไม่สามารถที่จะเกิดขึ้นกับคนๆนั้นได้

    ปอบ ก็เช่นเดียวกับโรค

    หากใครไม่อยากเป็นปอบ ก็จงดำเนินตามทางมรรคมีองแปด เดินตามทางแห่งพระศาสดาองค์อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นผู้มีศีล มีธรรม ประจำจิตใจ ชำระความมืดอันได้แก่ โลภ โกรธ หลง ให้เบาบางลงจนกระทั่งหมดสิ้นไปในที่สุดเสีย จึงจะพ้นจากอำนาจของปอบได้เด็จขาด

    ปอบ ไม่ใช่เรื่องงมงาย แต่ความเชื่อเรื่องปอบของคนเรานี้อาจจะมีการคิดเดากันไปเองบ้าง มีการเสริมแต่งไปให้มากความบ้าง จนบางครั้งกลายเป็นเรื่องงมงายไปก็ได้ เช่น มีบางคนที่ถูกสังคมหมู่มากตราหน้าว่าเป็นปอบ เพียงเพราะเขามีพฤติกรรมแปลกๆ จนชาวบ้านเกิดความรังเกียดขับไล่ให้หนีออกจากหมู่บ้านไป หรือลุมทำร้ายร่างกาย เพราะเขาเชื่อว่าคนๆนั้นเป็นปอบ

    ในกรณีดังที่กล่าวข้างต้นก็น่าจะพิจารณาให้มากสักหน่อย หาวิธีแก้ไขด้วยหลักของพรหมวิหารสี่ จะดีกว่าการขับไล่หรือทำร้ายร่างกายกัน

    ท่านผู้ศึกษาธรรมทั้งหลาย จงแยกแยะผิดชอบชั่วดี งมงายและถูกต้อง ด้วยปัญญาเถิด อย่าด่วนตัดสินว่าผิดหรือถูกด้วยเพราะได้ยินมาเลยเน้อ อย่าทิ้งหลักของกรรม แล้วเราจะเข้าใจ แถมยังจะสามารถช่วยคนที่เขาเป็นปอบให้ผ่อนกรรมนั้นลงได้บ้าง สาธุ ขออนุโมทนา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 พฤศจิกายน 2010
  4. PITINATTH73

    PITINATTH73 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    2,991
    ค่าพลัง:
    +9,624
    ขอกราบ มหาโมทนาสาธุ ครับ
     
  5. ekabac

    ekabac เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    585
    ค่าพลัง:
    +484
    โปรดใชัวิจารณาณในการอ่านด้วยนะครับ พระอรหันต์กับผีปอบ โดยปกติสิ่งเหล่านี้ไม่สามารถเข้าใกล้พระอริยสงฆ์ได้นะครับ แต่ขอบคุณสำหรับเรื่องเล่า สนุกดีครับ
     
  6. Violent Daughter

    Violent Daughter เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    242
    ค่าพลัง:
    +305
    มุสาวาทา เวระมณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
     
  7. kritdaddyrock

    kritdaddyrock Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +86
    ผมว่าค่อนข้างแปลกนะครับ เพราะหลวงปู่ท่านมีญาณหยั่งรู้และอภิญญาบารมีที่เต็มเปี่ยม ผู้ใดก็ตามจะมายังไม่ต้องเข้ามาถึงเขตวัดด้วยซ้ำ แค่เพียงว่าวันนี้จะมาถึง ท่านก็จะทราบล่วงหน้าก่อนแล้ว..

    จากที่ศึกษาประวัติ อภิญญา และความมหัศจรรย์ของหลวงปู่ท่านมา โอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์ดังเรื่องนี้เปนไปได้ยากมากครับ ผมว่าขัดกันอย่างมากกับทุกเรื่องของหลวงปู่ที่ผมได้ศึกษามาครับ....

    ส่วนตัวผมคิดว่าควรใช้วิจาราณญาณ อย่างที่คุณ ekabac พูดไว้ครับ
     
  8. น้ำดี1

    น้ำดี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    13,402
    ค่าพลัง:
    +43,432
    ขอบคุณค่ะ................
     
  9. Mom0

    Mom0 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    65
    ค่าพลัง:
    +170
    ตำนานผีปอป เห็นมีโพสอยู่ในเวปวัดถ้ำเมืองนะเหมือนกันค่ะ http://www.watthummuangna.com/home/community/index.php/topic,110.0.html

    แต่เรื่องการหยั่งรู้ของหลวงปู่ก็มีโพสไว้เหมือนกัน ^^


    วันหนึ่ง ทางที่ว่าการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา แจ้งมาที่วัดสะแกว่าวันนั้น สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ จะเสด็จมากราบนมัสการหลวงปู่ดู่
    เป็นการส่วนพระองค์ คนที่วัดสะแกเมื่อทราบข่าวก็มาแจ้งแก่หลวงปู่

    หลวงปู่บอกว่า "ไม่ใช่พระเทพฯ แต่เป็นพี่สาวเขา"

    คนที่แจ้งแก่หลวงปู่ก็บอกกับเพื่อนว่างานนี้หลวงปู่หน้าแตกแน่ ๆ เพราะผู้ว่าฯ แจ้งด้วยตนเองว่าพระเทพฯ จะเสด็จ
    แล้วหลวงปู่ยังจะบอกว่าเป็นพี่สาวเขา อย่างที่หลวงปู่เคยบอกไว้ ว่าคนใกล้ท่าน บางครั้งไม่ใช่เพียงใกล้เกลือกินด่าง
    แต่ท่านว่าใกล้เกลือตีนด่าง คือ เหยียบเอาเลย คอยแต่จะจับผิดท่าน

    พอถึงเวลา รถพระที่นั่งของสมเด็จพระเทพฯ ก็มาถึง ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดก็เข้าใจผิดเพราะเป็นรถพระที่นั่งของพระเทพฯ
    แต่ผู้ที่ประทับนั่งมา .........กลับเป็นเจ้าฟ้าหญิงอุบลรัตน์ฯ
    พระองค์คงได้รับคำแนะนำจากบุคคลใกล้ชิดว่า ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยามีครูบา อาจารย์ที่น่าทำบุญด้วยหลายรูป

    พระองค์ได้ทำบุญและสนทนากับหลวงปู่พักหนึ่ง โดยหลวงปู่ได้ให้ลูกศิษย์ไปนำแหวนและวัตถุมงคลจำนวนหนึ่ง
    มาถวายพระองค์ ก่อนที่พระองค์จะเสด็จไปทำบุญที่วัดอื่นต่อ

    เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่บ่งบอกถึงญาณหยั่งรู้ของหลวงปู่
    ซึ่งเป็นเรื่องอจินไตยจริง ๆ สุดที่พวกเรา ๆ ท่าน ๆ จะรู้ตามได้
    แต่ก็นำมาซึ่งความอัศจรรย์ใจในองค์หลวงปู่อย่างมาก


    ***ท่านใดเสด็จมากราบหลวงปู่
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • imgtt.jpg
      imgtt.jpg
      ขนาดไฟล์:
      41.8 KB
      เปิดดู:
      269
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤศจิกายน 2010
  10. tanatr

    tanatr สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2010
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +0
    รูปคุณโมโม่น่ากลัวกว่าเนื้อหาของเรื่องครับ เกศาโลมา นขา ทันตา ตะโจ
     
  11. Mom0

    Mom0 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    65
    ค่าพลัง:
    +170
    อ่อ..ขอบคุณค่ะ ที่เห็นด้วยกับความตั้งใจ^^​
     
  12. โลกุตตระ

    โลกุตตระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    448
    ค่าพลัง:
    +2,624
    เรื่องนี้ควรพิจารณาอย่างรอบคอบนะ เพราะเกี่ยวพันกับพระอาจารย์ที่เราเคารพนับถือ
    หลวงปู่ท่านมีญาณหยั่งรู้และอภิญญาบารมีที่เต็มเปี่ยม เดรัจฉานวิชาเหล่านี้มาแตะต้อง
    ท่านไม่ได้หรอกครับ อาจจะเป็นเรื่องที่เล่าต่อๆถ่ายทอดกันมาจนเค้าโครงเรื่อง บางส่วน
    ไม่ถูกต้องก็เป็นได้ เราเป็นชาวพุทธเรื่องเหล่านี้ควรพิจารณากันอย่างรอบคอบนะครับ
    เพราะจะกระทบกระเทือนต่อครูบาอาจารย์ที่เราเคารพนับถือได้...<!-- google_ad_section_end --> <!-- / message --><!-- sig -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 ธันวาคม 2010

แชร์หน้านี้

Loading...