ด่วน องค์หลวงปู่มหาเจิม ปัญญาพโล ละสังขารแล้ว...

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย แดนโลกธาตุ, 24 มิถุนายน 2012.

  1. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    [​IMG]


    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    " ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำได้ทำสำเร็จแล้ว กิจอื่น ที่จะต้อง
    ทำเพื่อความหลุดพ้นอย่างนี้ มิได้มีอีก" ดังนี้.


    หลวงปู่มหาเจิม ปญฺญาพโล (พระครูภาวนาปัญญาดิลก)
    มรณภาพแล้วอย่างสงบ

    เจ้าอาวาสวัดสระมงคล อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม
    เมื่อเวลาประมาณ 10.45 น. ของวันเสาร์ที่ 23 มิถุนายน 2555
    ที่โรงพยาบาลศูนย์นครปฐม ด้วยโรควัยชรา
    สิริอายุ 95 พรรษา 74

    **************************************
    เรียญเชิญทุกท่านมาสรงน้ำศพและมาร่วมขอขมาสรีระศพ
    องค์ หลวงปู่มหาเจิม ปัญญาพโล
    ในวันอาทิตย์ที่ 24 มิถุนายน 2555
    เวลา ประมาณ 13.00 น.
    ณ วัดสระมงคล อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม




    พระครูภาวนาปัญญาดิลก หรือ หลวงปู่พระมหาเจิม ปญฺญาพโล เจ้าอาวาสวัดสระมงคล อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม เป็นหนึ่งในพระอริยสงฆ์​


    ที่ รพ.นครปฐม ได้แจ้งว่า หลวงปู่มหาเจิม ปัญญาพโร วัย 95 ปีเศษ เจ้าอาวาสวัดสระมงคล ต.สระสี่มุม อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ได้ถึงแก่มรณะภาพแล้ว หลังจากเข้ารักษาตัวที่ รพ.ฯมาเป็นเวลานานกว่า 3 เดือน ด้วยโรคชราเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต ซึ่งทางลูกศิษย์และพระสงฆ์ภายในวัดเตรียมรับศพมาจัดงานบำเพ็ญกุศลในวันวันที่ 24 มิ.ย.55 ​

    พระครูบวรธรรมสถิต รักษาการเจ้าอาวาสฯ บอกว่า หลวงปู่เจิม ได้มีอาการป่วยมาเป็นเวลานานกว่า 3 ปีแล้ว โดยหลวงปู่เจิมเป็นโรคเกี่ยวกับอัมพฤก อัมพาต ขยับตัวไม่ได้ ต้องนอนซมรักษาตัวระหว่างวัดกับ รพ.ฯมาเป็นเวลานาน จนล่าสุดเมื่อระมาณ 3 เดือนที่ผ่านมา อาการของหลวงปู่ไม่ดีขึ้นมีอาการทรุดตัวลง ทางวัดซึ่งมีเพียงพระลูกวัดไม่กี่รูปต้องผลัดกันดูแลหลวงปู่ และในที่สุดต้องนำหลวงปู่ส่งไปรักษาตัวที่ รพ.นครปฐม ซึ่งแพทย์ได้รับตัวไว้รักษาเป็นเวลากว่า 3 เดือน และเห็นว่าอาการหลวงปู่เริ่มจะดีขึ้นแต่ก็ไม่คิดว่าจะมามรณภาพ​

    พระครูบวรธรรมสถิต บอกอีกว่า เย็นวันที่ 23 มิถุนายน ทางวัดโดยพระสงฆ์และคณะสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ จะได้เดินทางมาที่วัดเพื่อประชุมหารือถึงการจัดงานพิธีศพของลวงปู้ว่าจะดำเนินการกันอย่างไร แต่ในเบื้องต้นในวันที่ 24 มิถุนายน นี้ โดยช่วงเช้าได้กำหนดการที่จะเดินทางไปรับศพหลวงปู่กลับมาทำพิธีที่วัดต่อ สำหรับหลวงปู่เจิมแล้วท่านเป็นเกจิอาจารย์ที่เคร่งในพระพุทธ พระธรรม เป็นพระสายปฎิบัติกัมฐาน และเป็นศิษย์สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต​


    [​IMG][​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มิถุนายน 2012
  2. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    [​IMG]


    ประวัติหลวงปู่มหาเจิม​

    การศึกษาของหลวงปู่ในวัยเด็กต้องศึกษากับวัดที่อยู่ใกล้บ้าน โดยเรียนหนังสือมูลบทบรรพกิจของพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) พออ่านออกเขียนได้เท่านั้น เพราะยังไม่มีโรงเรียนประชาบาลตั้งอยู่ในวัดสมัยนั้น และยังต้องย้ายออกจากบ้าน ห่างจากบิดามารดาและญาติพี่น้องมาอยู่ที่วัดตั้งแต่อายุประมาณ ๘ ขวบ
    หลวงปู่ได้บรรพชาเป็นสามเณร เมื่อปี ๒๔๗๐ อายุได้ ๑๒ ขวบ กับหลวงพ่อทองซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดแสนภุมมาวาส และได้อยู่กับท่าน ๑ พรรษา ในปี ๒๔๗๑ หลวงปู่เดินทางเข้ามาในกรุงเทพฯ และมาอยู่ที่วัดบรมนิวาส ถนนรองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร โดยคุณย่าอิ่ม รัดสกุล เป็นผู้นำมาฝากฝังกับท่านเจ้าคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท) และได้ญัตติเป็นธรรมยุต กับท่านเจ้าคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ อีกด้วย
    การศึกษาบาลีและนักธรรม ได้เริ่มศึกษาเมื่อปี ๒๔๗๑ หลวงปู่สอบบาลีไวยากรณ์ได้ที่ ๔ เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๒ และ ในปี พ.ศ. ๒๔๗๗ สอบได้นักธรรมเอก และหลวงปู่ยังสามารถสอบได้เปรียญธรรม ๕ ประโยค ได้ในปีเดียวกัน
    สหธรรมิกของท่านที่เคยอยู่ร่วมกันมามีมากมายหลายท่าน เช่น หลวงปู่เทศก์ เทสรังษี วัดหินหมากเป้ง อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ วัดอรัญญบรรพต ต.บ้านหม้อ อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย หลวงปู่สิม พุทธาจาโร สำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท วัดป่าภูริทัตตปฏิปทาราม อ.สามโคก จ.ปทุมธานี หลวงปู่มหาเนียม สุวโจ วัดเจริญสมณกิจ หรือวัดหลังศาล อ.เมือง จ.ภูเก็ต รวมทั้งหลวงปู่จันทร์แรม เขมสิริ วัดระหาร หรือ วัดเกาะแก้ว ธุดงคสถาน บ้านระหาร อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ เป็นต้น
    หลวงปู่มหาเจิม เป็นพระผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ในสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต และหลวงปู่เจิมท่านเคร่งครัด ในธรรมวินัย เป็นที่สุด พูดน้อย พูดแต่ความจริง ไม่พูดเล่น เป็นผู้รักสันโดษ ไม่ยินดีในลาภยศ สรรเสริญ ท่านสละไม่ยอมรับแม้ตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัด ลูกศิษย์ถามว่า "ทำไมหลวงปู่ไม่ไปอยู่ภาคอีสาน จะได้โด่งดังเหมือนกับพระคณาจารย์อื่นๆ" ท่านตอบว่า "เราไม่อยากดัง มาอยู่ตรงนี้ก็ดีแล้ว จะได้ใช้กรรมให้หมดไป"
    [​IMG]

    หลวงปู่ท่านเป็นพระที่ชอบสันโดษไม่หวังลาภยศใดๆ มีลูกศิษย์มาถามท่านว่าทำไมท่านไม่เทศน์บ้าง ท่านตอบว่า "ธรรมมีมากมาย พระเทศน์เก่งๆ ก็มีเยอะ แต่คนเอาธรรมไปใช้มีน้อย มีลูกศิษย์ท่านหนึ่งขอธรรมะจากท่าน ท่านได้ให้ธรรมะสั้นๆ แต่ออกจากใจท่านแท้ๆ ท่านเขียนไว้ว่า ปล่อยว่าง วางเบา เอาหนัก ท่านบอกว่าใครทำได้ถึงตรงนี้พ้นทุกข์ได้แน่นอน"
    นอกจากนี้แล้วยังมีหัวข้อธรรมที่ท่านมักบอกกับลูกศิษย์เสมอๆ ว่า "ท่านไม่เคยมีความลังเลสงสัยในพระพุทธเจ้า ในพระธรรม ในพระอริยสงฆ์ ในมรรคผลนิพพาน ความสงสัยเหล่านั้นได้หมดไปจากใจของหลวงปู่อย่างสิ้นเชิง เพราะได้รู้ได้เห็นด้วยปัญญา ในการปฏิบัติภาวนาอย่างแจ่มแจ้งแล้วว่า พระพุทธเจ้ามีอยู่จริง พระธรรมเมื่อนำมาปฏิบัติแล้วได้รับผลจริง พระอริยสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้าเมื่อปฏิบัติตามพระธรรมของพระพุทธเจ้าแล้วบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์จริง"
    หลวงปู่จะยึดคติในการครองตนว่า "เป็นพระอย่างสะสม ทำให้จนๆ ไว้อยู่สบาย เมื่อสมัยที่ออกปลีกวิเวกนั้นมีแต่อัฐบริขารเท่านั้น เงินทองไม่เคยมี เพราะผู้คนก็ยากจน ไปไหนก็เดินไปเรื่อยๆ ไม่รีบร้อน เดินไปก็ภาวนาไป จนกว่าจะถึงจุดหมายปลายทาง และด้วยเหตุที่หลวงปู่เป็นพระที่พูดน้อยมาก วาจาท่านศักดิ์สิทธิ์ เพราะท่านพูดแต่ความจริง ไม่พูดเล่น ไม่พูดเพ้อเจ้อ เวลาที่ท่านพูดท่านจะมีสติบริบูรณ์ มีสัจจะ มีธรรมะ เมื่อท่านพูดถึงเรื่องอะไรมักจะเป็นอย่างนั้นเสมอ ลูกศิษย์หลายรายที่ท่านให้พรจะมีโชคมีลาภ บางคนมีทุกข์มีหนี้สินมากราบขอพรจากท่านก็พากันพ้นทุกข์ไปหลายคน
    ในจำนวนผู้ที่มากราบไหว้ขอพรหลวงปู่มหาเจิมนั้นมีทุกระดับ ตั้งแต่ชาวบ้านทั่วๆ ไป จนไปถึงเศรษฐีระดับประเทศ และหนึ่งในจำนวนนี้มีคนหนึ่งที่มากราบขอพรเป็นประจำคือ "นายเฉลียว อยู่วิทยา" เจ้าพ่อกระทิงแดง อดีตมหาเศรษฐีอันดับ ๓ ของไทย ในช่วงที่ยังมีชีวิตอยู่นั้น นายเฉลียวได้แวะเวียนไปกราบไหว้ สนทนาธรรม รวมทั้งฝึกปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่พระมหาเจิมเป็นประจำ ซึ่งครั้งหนึ่งหลวงปู่มหาเจิมท่านเคยเทศน์สอนว่า "การขายเหล้าเป็นกรรมสะสม" ส่งผลให้นายเฉลียวตัดสินใจขายธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับน้ำเมาทั้งหมด เหลือเพียงเครื่องดื่มชูกำลังเพียงอย่างเดียวเท่านั้น พร้อมร่วมเป็นเจ้าภาพใหญ่ในการสร้างพระมหาเจดีย์บรรจุอัฐิธาตุของวัดสระมงคล

    [​IMG]
    ภายในวัดสระมงคล
    -------------------------
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มิถุนายน 2012
  3. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    [​IMG]


    ประวัติหลวงปู่พระมหาเจิม ปญฺญาพโล

    สำหรับชาติภูมิหลวงปู่มหาเจิม ชื่อเดิม เจิม วรรณโมฬี เกิดเมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๔๕๙ ตรงกับแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ณ บ้านหนองแหน ต.เมืองใหม่ อ.ราชสาส์น จ.ฉะเชิงเทรา บิดาชื่อ นายหรุ่น วรรณโมฬี มารดาชื่อ นางม้วน วรรณโมฬี มีพี่น้อง ๖ คน ทุกคนเสียชีวิตหมดแล้ว

    บรรพชาที่วัดแสนภุมมาวาส กับหลวงพ่อทอง ต่อมาได้ญัตติเป็นธรรมยุต กับเจ้าคุณอุบาลี คุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท) วัดบรมนิวาส กทม. อุปสมบท ณ วัดบรมนิวาส โดยมี พระพรหมมุนี (ติสฺโส อ้วน) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูพินิจ วิหารการ (ขำ) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูวินัยธรดำ เป็นพระอนุสาวนาจารย์

    หลวงปู่มหาเจิม เป็นพระผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ในสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต และหลวงปู่เจิมท่านเคร่งครัด ในธรรมวินัย เป็นที่สุด พูดน้อย พูดแต่ความจริง ไม่พูดเล่น เป็นผู้รักสันโดษ ไม่ยินดีในลาภยศ สรรเสริญ ท่านสละ ไม่ยอมรับแม้ตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัด ลูกศิษย์ถามว่า ทำไมหลวงปู่ไม่ไปอยู่ภาคอีสาน จะได้โด่งดังเหมือนกับพระคณาจารย์อื่นๆ ท่านตอบว่า เราไม่อยากดัง มาอยู่ตรงนี้ก็ดีแล้ว จะได้ใช้กรรมให้หมดไป



    ประวัติที่ 2 ของหลวงปู่
    ชีวประวัติหลวงปู่มหาเจิม ปญฺญาพโล

    หลวงปู่มหาเจิม นามเดิม เจิม วรรณโมฬี เกิดที่บ้านหนองแหน ต.เมืองใหม่ อ.พนมสารคาม(ปัจจุบันเป็น อ.ราชสาสน์) จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๕๙ ตรงกับวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีมะโรง บิดามีนามว่า นายหรุ่น วรรณโมฬี มารดามีนามว่า นางม้วน วรรณโมฬี มีพี่น้องทั้งหมด ๖ คน เป็นผู้ชาย ๔ คน ผู้หญิง ๒ คน ได้เสียชีวิตแล้วทั้งหมด ๕ คน ที่มีชีวิตอยู่ปัจจุบันเหลือหลวงปู่เพียงองค์เดียว

    การศึกษาของหลวงปู่ในวัยเด็กต้องศึกษากับวัดที่อยู่ใกล้บ้าน โดยเรียนหนังสือมูลบทบรรพกิจของพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) พออ่านออกเขียนได้เท่านั้น เพราะยังไม่มีโรงเรียนประชาบาลตั้งอยู่ในวัดสมัยนั้น และยังต้องย้ายออกจากบ้าน ห่างจากบิดามารดาและญาติพี่น้องมาอยู่ที่วัดตั้งแต่อายุประมาณ ๘ ขวบ

    หลวงปู่ได้บรรพชาเป็นสามเฌร เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๐ อายุได้ ๑๒ ขวบ กับหลวงพ่อทองซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดแสนภุมมาวาส และได้อยู่กับท่าน ๑ พรรษา ในปี พ.ศ. ๒๔๗๑ หลวงปู่ได้เดินทางเข้ามาในกรุงเทพฯ และมาอยู่ที่วัดบรมนิวาส ถนนรองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร โดยคุณย่าอิ่ม รัดสกุล เป็นผู้นำมาฝากฝังกับท่านเจ้าคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท) และได้ญัตติเป็นธรรมยุต กับท่านเจ้าคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ อีกด้วย

    การศึกษาบาลีและนักธรรม ได้เริ่มศึกษาเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๑ หลวงปู่สอบบาลีไวยากรณ์ได้ที่ ๔ เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๒ และ ในปี พ.ศ. ๒๔๗๗ สอบได้นักธรรมเอก และหลวงปู่ยังสามารถสอบได้เปรียญธรรม ๕ ประโยค ได้ในปีเดียวกัน

    เมื่อหลวงปู่อายุครบ ๒๐ ปี บริบูรณ์ จึงได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๐ ณ พระอุโบสถวัดบรมนิวาส โดยมีพระพรหมมุนี (ติสฺโส อ้วน) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูพินิจ วิหารการ (ขำ) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูวินัยธรดำ เป็นพระอนุสาวนาจารย์

    ปี พ.ศ. ๒๔๘๔ หลวงปู่ได้ออกปฏิบัติ โดยเดินทางขึ้นสู่ภาคเหนือ ได้จำพรรษาที่วัดเจดีย์หลวง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ๑ พรรษา

    ปี พ.ศ. ๒๔๘๒-พ.ศ. ๒๔๘๗ จำพรรษาที่วัดป่าโรงธรรมสามัคคี อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่

    ปี พ.ศ. ๒๔๘๘ จำพรรษาที่วัดทิพย์วนาราม อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่

    ปี พ.ศ. ๒๔๘๙ ได้กลับมาจำพรรษาที่ วัดป่าโรงธรรมสามัคคี อีกครั้ง

    ปี พ.ศ. ๒๔๙๐ ลงมาอยู่ภาคกลาง ได้ลงไปจำพรรษาที่อ่าวยาง จ.จันทบุรี เพียงรูปเดียว

    ปี พ.ศ. ๒๔๙๑ ได้ไปจำพรรษาที่อ่าวหมู กับ พระอาจารย์น้อย เกตุโร อยู่ ๑ พรรษา และได้เดินทางลงไปจำพรรษาที่ปักษ์ใต้ โดยได้ไปอยู่กับหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี (พระราชนิโรธรังสีคัมคีร์ปัญญาวิศิษฏ์) ที่จังหวัดภูเก็ต

    ปี พ.ศ. ๒๔๙๕ จำพรรษาที่อ่าวลึก จ.กระบี่ กับอาจารย์พรหมมา

    ปี พ.ศ. ๒๔๙๖-พ.ศ. ๒๔๙๘ ได้อยูจำพรรษาที่คลองช่องลม อ.อ่าวลึก จ.กระบี่

    ปี พ.ศ. ๒๔๙๙ กลับมาจำพรรษาที่วัดแสนภุมมาวาส อันเป็นบ้านเกิด เพื่อเยี่ยมโปรดโยมบิดา โยมมารดา

    ปี พ.ศ. ๒๕๐๐ กลับลงไปภาวนาที่ภาคใต้อีกครั้ง โดยจำพรราที่อ่าวลึก จ.กระบี่ ได้ ๑ พรรษา

    ปี พ.ศ. ๒๕๐๓ จำพรรษาที่วัดอรัญญบรรพต จ.หนองคาย กับหลวงปู่เหรียญ วรลาโภ (พระสุธรรมคณาจารย์)

    ปี พ.ศ. ๒๕๐๔-พ.ศ. ๒๕๐๗ จำพรรษาที่วัดเขาแก้ว จ.จันทบุรี

    ปี พ.ศ. ๒๕๐๘-พ.ศ. ๒๕๑๗ จำพรรษาที่วัดป่าคลองกุ้ง จ.จันทบุรี

    ปี พ.ศ. ๒๕๑๘ กลับไปวัดเขาช่องลม อ.อ่าวลึก จ.กระบี่อีกครั้ง และได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาส จนถึงปี พ.ศ. ๒๕๑๙-พ.ศ. ๒๕๓๑ และในระหว่างนั้นหลวงปู่ได้ปฏิเสธที่จะรับตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดกระบี่ และ พังงา

    ต่อมาท่านได้มาอยู่ที่มูลนิธิพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ซอยจรัลสนิทวงค์ ๓๗ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร เพื่อรักษาอาการอาพาธ และมาพักอยู่กับหลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท (พระครูสุทธิธรรมรังษี) ที่วัดป่าภูริทัตตปฏิปทาราม อ.สามโคก จ.ปทุมธานี

    ปี พ.ศ. ๒๕๓๓-ปัจจุบัน หลวงปู่ได้รับอารธนานิมนต์มาเป็นประธานสงฆ์ วัดสระมงคล อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ซึ่งเดิมมีพื้นที่เป็นป่าช้าเก่า

    * วัตถุมงคลท่านน่าเก็บมากๆ อนาคตไปไกล เป็นพระอรหันต์ของเมืองไทยองค์หนึ่ง

    ผลการ x-rays กระดูกท่านเป็นแก้วไปแล้ว


    [​IMG]<!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มิถุนายน 2012
  4. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    [​IMG]
     
  5. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    หลวงปู่เจิม ปัญญาพโล พระเกจิกำแพงแสน

    คอลัมน์ มงคลข่าวสด


    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=360 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#e0e0e0>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>"พระครูภาวนาปัญญาดิลก" หรือที่ชาวบ้านมักเรียกว่า "หลวงปู่เจิม ปัญญาพโล" เป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่อีกรูปหนึ่งของนครปฐม ได้รับการยกย่องว่าเป็นพระที่เคร่ง ครัดพระธรรมวินัย ใส่ใจปฏิบัติกัมมัฏฐาน

    เป็นยอดพระเกจิแห่งยุคอีกรูปหนึ่ง มีสมาธิจิตใจอันแน่วแน่เด็ดเดี่ยว สมาธิมั่นคง

    ปัจจุบันอายุ 96 พรรษา 76 ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสระมงคล อ.กำแพง แสน จ.นครปฐม

    อัตโนประวัติ มีนามเดิมว่า เจิม วรรณโมฬี เกิดเมื่อวันที่ 12 ต.ค.2459 ตรงกับแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ณ บ้านหนองแหน ต.เมืองใหม่ อ.ราชสาส์น จ.ฉะเชิงเทรา

    การศึกษาของท่านในวัยเด็ก ต้องศึกษากับวัดที่อยู่ใกล้บ้าน โดยเรียนหนังสือมูลบทบรรพกิจของพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) พออ่านออกเขียนได้เท่านั้น

    จากนั้นได้บรรพชาเมื่อปีพ.ศ.2470 อายุได้ 12 ปี กับหลวงพ่อทอง เจ้าอาวาสวัดแสนภุมมาวาส ได้อยู่กับท่าน 1 ปี

    ในปีพ.ศ.2471 จึงเดินทางเข้ามาในกรุงเทพฯ และอยู่จำพรรษาที่วัดบรมนิวาส ปทุมวัน โดยคุณย่าอิ่ม รัดสกุล เป็นผู้นำมาฝากฝังกับท่านเจ้าคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท) และได้ญัตติเป็นธรรมยุต กับท่านเจ้าคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย์นั่นเอง

    เริ่มศึกษาพระปริยัติธรรมทั้งบาลีและนักธรรม

    ในปีพ.ศ.2477 สามารถสอบได้นักธรรมชั้นเอก และสามารถสอบได้เปรียญธรรม 4 ประโยค ในปีเดียวกัน

    ครั้นเมื่ออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ ได้เข้าพิธีอุปสมบท เมื่อปีพ.ศ.2480 ณ พระอุโบสถ วัดบรมนิวาส มีพระพรหมมุนี (อ้วน ติสโส) เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูพินิจวิหารการ (ขำ) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระครูวินัยธร (ดำ) เป็นพระอนุสาวนาจารย์

    พ.ศ.2484 พระมหาเจิมได้ออกปฏิบัติธรรม เดินทางขึ้นสู่ภาคเหนือ จำพรรษาที่วัดเจดีย์หลวง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ก่อนย้ายไปจำพรรษาที่วัดป่าโรงธรรมสามัคคี อ.สันกำแพง จ.เชียง ใหม่

    พ.ศ.2488 ย้ายจำพรรษาที่วัดทิพย์วนาราม อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ พ.ศ.2490 เดินทางกลับมาอยู่ภาคกลาง พ.ศ.2491 ได้ไปจำพรรษาที่อ่าวหมูกับพระอาจารย์น้อย เกสโร 1 พรรษา จากนั้นเดินทางลงไปจำพรรษาที่ปักษ์ใต้ โดยได้ไปอยู่กับหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ที่จ.ภูเก็ต

    พ.ศ.2499 กลับมาจำพรรษาที่วัดแสนภุมมาวาส อันเป็นบ้านเกิด พ.ศ.2503 จำพรรษาที่วัดอรัญญบรรพต จ.หนองคาย กับหลวงปู่เหรียญ วรลาโภ

    ต่อมา ท่านได้มาอยู่ที่มูลนิธิพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ซอยจรัญสนิทวงศ์ 37 เขตบางกอก น้อย กรุงเทพฯ เพื่อรักษาอาการอาพาธ และมาพักฟื้นอยู่กับหลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท ที่วัดป่าภูริทัตตปฏิปทาราม อ.สามโคก จ.ปทุมธานี

    พ.ศ.2533 ท่านได้รับนิมนต์ให้มาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสระมงคล อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม

    ทั้งนี้ วัดสระมงคล มิได้เป็นวัดที่มีเสนาสนะพร้อมสมบูรณ์ แม้จะอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก แต่สภาพพื้นที่วัด ใครที่เดินทางไปอาจหาไม่เจอได้ เพราะห่างจากถนนใหญ่พอสมควร ป้ายใหญ่บอกทางก็ไม่มี ถนนคดเคี้ยวเหมือนจะนำไปสู่หมู่บ้านต่างจังหวัดที่กันดาร จนนึกไม่ถึงจริงๆ ว่าจะมีอารามอยู่ในพื้นที่นี้

    ทั้งนี้ หลวงปู่เจิมได้สร้างคุณูปการแก่วัดเป็นอันมาก ก่อสร้างถาวรวัตถุของวัด อาทิ สร้างหอสวดมนต์, ศาลาการเปรียญ สำหรับหมู่กุฏิของวัด มีความเป็นระเบียบเรียบร้อยสวยงาม อยู่ท่ามกลางความร่มรื่นของแมกไม้ เหมาะแก่การปฏิบัติธรรมยิ่ง

    ด้านเครื่องรางหรือวัตถุมงคลที่หลวงปู่เจิมท่านสร้าง ล้วนแล้วแต่ทรงคุณอันวิเศษ และเป็นที่เสาะแสวงหาของบรรดานักนิยมสะสมพระเครื่องเป็นอย่างมาก

    การจัดสร้างวัตถุมงคล บ่อยครั้งที่มีลูกศิษย์และสาธุชนที่เลื่อมใสหลวงปู่เจิมจะเข้ามากราบขออนุญาตบอกว่า อยากได้วัตถุมงคลของท่านไปบูชา เพื่อความเป็นสิริมงคล

    แต่หลวงปู่เจิมเพียงยิ้มรับและไม่เคยอนุญาตให้จัดสร้าง ซึ่งที่ผ่านมามีนักสร้างพระไปขออนุญาตจัดสร้างวัตถุมงคลนับสิบราย แต่ท่านไม่เคยอนุญาตให้ใครเลยสักรายเดียว

    แต่ในที่สุด ท่านอนุญาตให้จัดสร้างเพียงครั้งเดียวและครั้งสุดท้าย จากนั้นให้เลิกสร้างโดยเด็ดขาด นี่เป็นข้อแม้ของหลวงปู่เจิมในการอนุญาตให้ศิษยานุศิษย์ สร้างวัตถุมงคล เมื่อปีพ.ศ.2549 ประกอบด้วย พระยอดธง เหรียญเสมา เหรียญรูปไข่หันข้าง รูปหล่อลอยองค์ รูปหล่อยืน และพระปิดตาจัมโบ้ผสมผงเกศาหลวงปู่เจิม

    หลวงปู่เจิมให้เหตุผลไว้ว่า สาเหตุที่อนุญาต ให้จัดสร้างวัตถุมงคลในครั้งนี้ เพื่อหาปัจจัยสมทบทุนสร้างพิพิธภัณฑ์บริขารของท่าน ซึ่งต้องใช้งบประมาณในการก่อสร้างสูง

    แต่ถึงแม้วัตถุมงคลของหลวงปู่เจิม จะมีพุทธคุณเข้มจนได้รับความนิยม แต่ท่านไม่เคยอวดโอ่ มีแต่พร่ำสอนอย่าดำรงชีวิตด้วยความประมาท อย่ายึดมั่นถือมั่น เกิด แก่ เจ็บ ตาย ไม่มีใครหนีพ้น ขณะยังมีชีวิตขอให้ทุกคนหมั่นประกอบแต่กรรมดี ละเว้นทำชั่ว

    ในจำนวนผู้ที่เข้ามากราบหลวงปู่เจิมนั้นมีทุกระดับชั้น ตั้งแต่ชาวบ้านทั่วไปจนถึงเศรษฐีระดับประเทศ ที่มากราบขอพรเป็นประจำคือนายเฉลียว อยู่วิทยา เจ้าพ่อกระทิงแดง อดีตมหาเศรษฐีอันดับ 3 ของไทย ที่เพิ่งถึงแก่กรรม

    ในช่วงที่ยังมีชีวิตอยู่นั้น นายเฉลียวแวะเวียนไปสนทนาธรรม รวมทั้งฝึกปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่เจิมเป็นประจำ พร้อมทั้งร่วมเป็นเจ้าภาพใหญ่ในการสร้างพระมหาเจดีย์บรรจุอัฐิธาตุของวัดสระมงคลอีกด้วย

    ด้วยล่วงเข้าสู่วัยชราอายุกว่า 96 ปีแล้ว ทำให้สุขภาพร่างกายย่อมเสื่อมถอยไปตามวัย บ่อยครั้งที่หลวงปู่เจิมมีอาการอ่อนเพลีย ต้องเข้ารับการตรวจสุขภาพจากโรงพยาบาลเป็นประจำ

    แต่ครั้นเมื่อมีสาธุชนเดินทางมาที่วัดสระมงคล ท่านคงยังเมตตาให้ได้เข้าพบเพื่อกราบนมัสการสนทนาธรรมจากท่านอยู่เสมอ

    [FONT=Tahoma,]หน้า 1[/FONT]
     
  6. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    <TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top width="85%" height="100%">[​IMG]

    คำสอนของหลวงปู่


    </TD></TR><TR><TD class=smalltext vAlign=bottom width="85%">กราบน้อมส่งองค์หลวงปู่สู่แดนนิพพาน

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    กราบน้อมอาลัย ต่อการจากไปของหลวงปู่ครับ
    กรรมใดที่ข้ากระผมอาจจะกระทำล่วงเกินหลวงปู่พ่อแม่ครูอาจารย์
    ไม่ว่าด้วยทางกาย วาจา หรือทางใจก็ดี
    ข้ากระผมกราบน้อมขออโหสิกรรมจากหลวงปู่ด้วยเทอญ...สาธุ สาธุ สาธุ

    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

    ระตะนัตตะเย ปะมาเทนะ ทวาระตะเยนะ กะตัง สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะเม ภันเต
    ระตะนัตตะเย ปะมาเทนะ ทวาระตะเยนะ กะตัง สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะเม ภันเต
    ระตะนัตตะเย ปะมาเทนะ ทวาระตะเยนะ กะตัง สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะเม ภันเต

    มหาเถเร ปะมาเทนะ ทวาระตะเยนะ กะตัง สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะเม ภันเต
    มหาเถเร ปะมาเทนะ ทวาระตะเยนะ กะตัง สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะเม ภันเต
    มหาเถเร ปะมาเทนะ ทวาระตะเยนะ กะตัง สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะเม ภันเต

    กรรม ใดที่ลูกได้เคยประมาทพลาดพลั้งล่วงเกินต่อองค์หลวงปู่มหาเจิม ปัญญาพโล ทั้ง กายกรรม 3 วจีกรรม4 มโนกรรม 3 ทั้งที่ระลึกได้ก็ดี ระลึกไม่ได้ก็ดี ขอหลวงปู่มหาเจิม ปัญญาพโล ได้โปรดเมตตาประทานงดโทษให้แก่ลูกนับจากนี้เป็นต้นไปเทอญ
    ลูกขอกราบนมัสการน้อมส่งองค์พระหลวงตาเข้าสู่อนุปาทิเสสนิพพานตามแนวทางคำสอนแห่งองค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

    ธรรมใดที่องค์พระหลวงตารู้แจ้งประจักษ์ใจแล้ว ขอให้ลูกได้มีส่วนแห่งการรู้แจ้งประจักษ์ในธรรมนั้นด้วยเช่นกันเทอญ

    _/\_ สาธุ



    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มิถุนายน 2012
  7. Natthakorn

    Natthakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,003
    ค่าพลัง:
    +7,078
    กราบนมัสการหลวงปู่ผู้นิรทุกข์
     
  8. jaetechno

    jaetechno เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,888
    ค่าพลัง:
    +6,182
    กราบน้อมส่งองค์หลวงปู่สู่แดนนิพพาน
     
  9. Nattawut8899

    Nattawut8899 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,406
    ค่าพลัง:
    +7,043
    น้อมกราบหลวงปู่ครับ

    เคยไปนครปฐมหลายครั้ง เเต่หลานบุญน้อยไม่เคยได้ไปกราบหลวงปู่สักครั้ง

    กรรมใด ที่หลานพลาดพลั้งล่วงเกินองค์หลวงปู่ กราบขอหลวงปู่
    โปรดอโหสิกรรม และงดซึ่งโทษนั้นเเก่หลานด้วยเทอญ กราบ กราบ กราบ
     
  10. mahamate

    mahamate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    1,565
    ค่าพลัง:
    +1,807
    น้อมกราบนมัสการส่งหลวงปู่สู่แดนพระนิพพานครับ
    เคยเข้ากราบหลวงปู่ที่กุฎี หลวงปู่เมตตาเปิดไฟแล้วให้เข้าพบท่านได้ ท่านเมตตามากครับ
     
  11. thongchat

    thongchat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    482
    ค่าพลัง:
    +2,195
    น้อมกราบนมัสการหลวงปู่มาด้วยความเคารพอย่างสูง

    เคยไปที่วัดตั้งใจไปกราบท่าน แต่ไร้วาสนาเพราะท่านไม่อยู่ ได้แต่หยอดเงินทำบุญกับท่าน

    ขอหลวงปู่สู่แดนพระนิพพานบรมสุขเถิด ธรรมใดท่าหลวงปู่ได้บรรลุแล้ว ขอให้ข้าพเจ้าได้บรรลุธรรมนั้นด้วยเถิด..สาธุ
     
  12. ปัญจ

    ปัญจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2009
    โพสต์:
    27,270
    ค่าพลัง:
    +87,879
    กราบหลวงปู่ด้วยความเคารพ
     
  13. Jarinporn

    Jarinporn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    262
    ค่าพลัง:
    +687
    กราบหลวงปู่ ครั้งที่หนึ่ง สอง สาม
     
  14. ฮารุยากิ

    ฮารุยากิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    761
    ค่าพลัง:
    +1,289
    กราบ กราบ กราบ ขอน้อมส่งองค์หลวงปู่สู่แดนนิพพานครับ
     
  15. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,019
    [​IMG]องค์ปฐม

    ตั้งนะโม ๓ จบ
    ขออาราธนาบารมี อำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย มีสมเด็จองค์ปฐมเป็นประธาน พระศรีอาริยเมตไตรย พระปัจเจกพุทธเจ้า ทุกพระองค์ พระพรหมทุกชั้นฟ้า เทพเทวดาทุกชั้นฟ้า ครูบาอาจารย์ทั้งหลาย ท้าวมหาราชทั้งสี่ และพญายมราช ขอจงได้เมตตาประทานพรอันประเสริฐให้กับหลวงปู่มหาเจิม ปญฺญาพโล วัดสระมงคล อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม

    อีกทั้ง บุญใด กุศลใดที่ข้าพเจ้าได้สร้างสม มาดีแล้ว แต่อดีตชาติ จนถึงปัจจุบันในวันนี้ และที่จะได้กระทำต่อไปในอนาคต จะยังเกิดประโยชน์ความสุขแก่ข้าพเจ้าเพียงใด ข้าพเจ้า ขออุทิศส่วนบุญ ส่วนกุศล ทั้งหลายเหล่านั้นให้กับหลวงปู่มหาเจิม ปญฺญาพโล วัดสระมงคล อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ขอจงได้รับรู้ ร่วมโมทนา ร่วมเป็นเจ้าภาพ ร่วมรับ ร่วมถวาย ได้รับประโยชน์ ความสุข เช่นเดียวกับที่ข้าพเจ้าจะพึงได้รับเทอญ อิทธิ ฤทธิ พุทธนิมิตตัง ขอเดชะ เดชัง ขอเดช เดชะ จงมาเป็นที่พึ่งแก่ มะ อะ อุ นี้ด้วยเถิด ขอโมทนา สาธุ
     
  16. wainkam

    wainkam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2011
    โพสต์:
    757
    ค่าพลัง:
    +881
    กราบน้อมส่งหลวงปู่ครับ
     
  17. เข็มทอง

    เข็มทอง สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    กราบหลวงปู่ด้วยความเคารพ
     
  18. tips2513

    tips2513 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    127
    ค่าพลัง:
    +185
    วันนี้ได้มีโอกาสไปกราบสรีระศพ หลวงปู่มหาเจิม ปัญญาพโล ด้วยกาย วาจา และใจ พร้อมถวายปัจจัยเพื่อสร้างพระธาตุเจดีย์ ขอน้อมส่งหลวงปู่มหาเจิม สู่นิพพาน
     
  19. Lacuna

    Lacuna เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    3,132
    ค่าพลัง:
    +250
    น้อมกราบนมัสการส่งหลวงปู่สู่แดนนิพพานครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...