ชายหญิงที่รักษาความบริสุทธิไม่ยุ่งเกี่ยวทางเพศได้ผลบุญอะไร

อยากถามครับว่าพวกที่เค้ารักษาความบริสุทธิไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องพวกนี้เลยถ้าตายไปเค้าจะได้ผลบุญอย่างไรครับ ผมเห็นมีคนเค้าปฏิบัติเรื่องพวกนี้อยู่อะครับ จริงเปล่าครับที่ตายไปเเล้วไปเกิดเป็นชั้นเทวดา

 

ผู้เป็นพรหมจรรย์นี้มันส่อให้เห็นถึงระดับ ภพภูมิที่จากมา คนเป็นเทวดาจะละอายต่อบาป และไม่ชอบการกระทำสิ่งที่สัตว์เดรัจฉานทั่วไปชอบทำโดยสันดาน มันเป็นเรื่องของจริตของวิญญาณที่มาเกิดด้วย ข้อดีก็คือในการปฏิบัติเพื่อให้บรรลุมรรคผลนิพพาน ผู้ที่ตัดช่องทาง การสัมผัส รูป รส กลิ่นเสียง สัมผัส ได้มากเท่าไร การปฏิบัติเพื่อให้ได้ฌาณก็จะยิ่งเร็วขึ้นเท่านั้น

อย่างตอนที่ดิฉันไปฝึกมโณยิทธิ ไปกันเป็นกลุ่มทั้งหมด ทุกคนที่ไปวันนั้น......ดิฉันคนเดียวที่ถึง ปฏิบัติสำเร็จ เป็นอะไรที่ตื่นเต้น และ ประหลาด นอกกะนั้นคนอื่นๆไม่สำเร็จกันสักคน พวกที่จะมาปฏิบัติพวกนี้ต้องเป็นคนที่ออก ฟรีคๆ หน่อย
หลังจากการได้ฌาณสี่ในคราวนั้น ดิฉันสามารถมองเห็นวิญญาณได้ตอนกลาง

เป็นคนพรหมจรรย์มันก็มีความรู้สึกรักได้นะ แต่เป็นความรักที่บริสุทธิ์ไม่มี ตัณหา ราคะแอบแฝง ต่างจากความรักของ คนธรรมดา ที่มีแต่ เรื่อง ตัณหา ราคะ, แต่พวกเราคนพรหมจรรย์ ไม่สามารถทำแบบคนอื่นได้ เพราะรู้สึกว่ามันน่ารังเกียจ เป็นเรื่องไม่ดี เป็นสิ่งอันตราย ต้องห้าม อันนี้ตอบตามความรู้สึกของเราเองซึ่งเป็นบุคคลพรหมจรรย์ เวลาดิฉันเห็น คนท้อง เห็นคนแต่งงานมีลูกหรือครอบครัว ดิฉันไม่เข้าใจว่าทำไม ดิฉันมองพวกเขาเหมือนกับ คนโง่ คนไอคิวต่ำ ทำอะไรน่าละอาย น่ารังเกียจ

 

คำว่า พรหมจรรย์ มีความหมายกว้าง หมายถึงคำสอนในพระพุทธศาสนาทั้งหมดเรียกว่า พรหมจรรย์

 

ผู้หญิงบางคน ไม่มีแฟน รักษาความบริสุทธิ์ เป็นพรหมจารีย์ แต่ก็ใช่ว่า จะได้บุญอะไร เพราะเท่าที่เห็น บางคนก็งก เอาแต่เงินท่าเดียว

ความบริสุทธิ์ ผู้หญิงที่ไม่มีแฟน บางคนเรียก สาวแก่ บางคนบอกว่า ขึ้นคาน

ผมว่าขึ้นอยู่กับการปฏิบัติธรรมถือศีล มากกว่า

 

ยกตัวอย่าง นางสิริมาผู้มีโฉมงามเป็นนางงามเมือง ถึงแม้จะไม่ได้เป็นสาวพรหมจรรย์ แต่นางก็หมั่นทำทาน ถือศีล พบพระพุทธเจ้าอยู่สม่ำเสมอ คือพูดง่ายๆว่านางได้ "หมั่นเข้าทางธรรม มีจิตใจดีงาม" แล้วสุดท้าย นางก็ได้ บรรลุโสดาปัตติผล นะคะ

 

ทึ่คุณบอกว่าคุณไม่เข้าใจพวกที่แต่งงานและตั้งครรภ์ และพาลทำให้ใจคิดไปว่าพวกเขาไอคิวต่ำ ทำอะไรน่าอายน่ารังเกียจนั้น ลองมองอย่างเป็นกลางๆ ดีมั้ยคะว่าแต่ละคนที่ล้วนเกิดมานั้นมีสติปัญญาไม่เท่ากัน โดยเฉพาะเรื่องการละกิเลส โดยเฉพาะเรื่องกามคุณนั้นทำได้ยากมาก แม้ในหมู่เทวดาก็ยังเรื่องเช่นนี้อยู่เพียงแต่ไม่มีการเสพสังวาสอย่างมนุษย์ทั่วไป วางใจเป็นกลางดีกว่านะคะอย่าไปคิดว่าคนเหล่านั้นให้เกิดความหดหู่ขึ้นในใจเลยคะ

 

อานิสงส์ที่ได้ก็น่าจะมีเวลาในการทำความดีมากกว่าคนที่ยังละไม่ได้เรื่องกามคุณ การบรรลุมรรคผลนิพพานเปนไปได้โดยง่าย แต่ไม่ได้หมายความว่าบุุคคลที่ยุ่งเรื่องเพศ จะบรรลุธรรมหรือสำเร็จมรรคผลไม่ได้ ขึ้นอยุ่กับว่าคุณพิจารณาเห็นหรือไม่กับความจริงที่ยังดำรงค์อยุ่ในปััจุบัน การดำรงค์ศีล ทานและภาวนาที่สะอาดต่างหากเปนของจริงที่ทำให้จิตนิ่งมีสมาธิ แล้วก่อให้เกิดปัญญา ที่จะทำให้เข้าใก้ลพระนิพพาน หรือท่องเที่ยวไปภพภูมิอื่นในขณะที่ยังมีชีวิตก็ย่อมทำได้

 

มีได้ครับเป็นเรื่องของธรรมชาติแต่ขอให้มีเพียงหนึ่งและเสมอภาคขึ้นชื่อว่ารักษาพรหมจรรย์ได้เช่นกันครับท่าน

 

เมืองไทยมีคนติดเอดส์เกือบ 2 ล้านคนจริงหรือเปล่าเเต่ผมว่าจะจริงอะนะมั่วไปหมดเลยเดี๋ยวนี้

 

ดิฉันไม่ได้ไปตำหนิ พวกคนท้อง, คนแต่งงานมีลูกเต้า, หญิงให้นมบุตร อะไรพวกนั้น อย่างดูถูกเหยียดหยาม ดิฉันแค่พูดว่า ดิฉันเป็นหญิงพรหมจรรย์ และมีจริตความเป็นพรหมจรรย์มาตั้งแต่เกิด ดิฉันแค่รู้สึกด้วยสันดานมาจากข้างในว่า ภาพหญิงเหล่านั้นดู น่ารังเกียจ, น่าอาย, ขายหน้า ......ที่ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า degrade ดีเกรด คือ การกระทำที่ทำให้ดูต่ำต้อย น่าขายขี้หน้า แต่ดิฉันไม่เคยไปด่าไปดูถูกพวกเขา แค่รู้เวลาเห็นคนเหล่านั้น ดิฉันรู้สึกว่า พวกเขาทำลงไปได้อย่างไร

 

ถ้าตั้งใจ ก็น่าจะเป็น เนกขัมมบารมี ซึ่งเป็น 1ในบารมี 10 ครับ

ถ้าไม่ตั้งใจ ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าได้หรือปล่าว


การเกิดเป็นเทวดา ในตำราว่ามีปัจจัยที่มากกว่านั้นครับ

 

คือว่าการตัดความรักได้ มันก็ละกามคุณทั้ง5ได้ สบายกว่าเพราะจิตไม่ได้ไปยึดติดกับสิ่งอื่นมากนัก คำว่าบริสุทธิ์กับไม่บริสุทธิ์น่าจะอยู่ที่ใจนะ ละได้จริงหรือเปล่า ถ้าถึงเวลาบททดสอบจะมา ผ่านให้ได้ก็ถือว่าเก่ง ผ่านไม่ได้ก็รอรอบต่อไปแก้ตัวใหม่

 

ถ้าคุณดัชเชส ลองไม่ใช่หญิงสาวพรหมจรรย์ดูซิค่ะ คุณจะไม่มีวันมองเห็นคนพวกนี้ ว่า DEGRADE เลย
ดิฉันเข้าใจนะคะว่าคุณดัชเชส อาจอยุ่เมืองนอกมานานเลย ไม่รุ้จะเลือกใช้ศัพท์ภาษาไทยอันไหนดีที่"เหมาะสม" บางทีการที่คุณมองเห็นหญิงพวกนั้นว่าน่ารังเกียจ อาจเป็นเพราะคุณมี "ปม" ด้วยหรือป่าวคะ? ด้วยความเห็นแปลกๆของคุณ จนไม่อยากมีใครอยากอยุ่ใกล้ด้วย จนครองพรหมจรรย์มาจนถึงทุกวันนี้! เคยคิดบ้างมั้ยคะ?

แม่ชีบางท่านเขาก็เคยมีครอบครัวมาก่อน สุดท้ายบรรลุญาณในบั้นปลายชีวิตก็มี การที่เขามีจริตไม่พรหมจรรย์ ก็ไม่ได้หมายความว่า"จิตใจ" เค้าจะ "ต่ำ" นะคะ
จากการที่เห็นคุณดัชเชสโพสแสดงความคิดเห็นมาหลายๆกระทู้ดิฉันก็ทนไม่ไหวขอสักหน่อยเถอะ ดูเหมือนคุณดัชเชสออกแนว anamalous หรือพวก "ฟรีค" นะคะ คราวก่อนแล้วก็แสดงความคิดเห็นว่าสาวสูบบุหรี่ต้องเป็น "โพรสทิทิวส์" มาคราวนี้ก็ว่าคนไม่พรหมจรรย์ ลดค่าตัวเองอีก ...

คหสต. ดูจากรูปโปรไฟล์และชื่อ Duchess ดูเป็นคน สวย และ สูง นะคะ บางความคิดเห็นก็น่าจะ Criticize นิดนึงก่อนกล่าวอะไรมา ให้สมกับการใช้ชื่อ Duchess ที่ ดูสวยและดูสูง หน่อยนะคะ !

PS. ถ้าได้มาอ่านแล้ว ไม่ต้องโพสโต้ตอบนะคะ ถือว่าเป็นการบอกกล่าว ขออภัยด้วยนะคะถ้าโพสนี้จะทำให้ความดันขึ้น

 

ทุกอย่าง เกิดขึ้นที่ใจ และจบลงที่ใจ

 

สมัยนี้มีครอบครัวมีเเต่ความทุกข์เเต่พยายามที่จะหาความสุข ความสบาย ที่ได้จากการเเต่งงานผมว่าคิดผิดเเล้วหละ สมัยนี้ไม่ใช่ 50 ปีก่อนนะ เดี๋ยวนี้เเต่งงานเพื่อต้องการเป็นเจ้าของเท่านั้น หรือ ไม่ก็ต้องการสบาย

 

อานิสงค์ ที่ ๑ เลยคือ ขึ้น คาน เค่อะ (แบบฆราวาส นะเคอะ)
อานิสงค์สืบเนื่องคือ ไม่มีลูกกวนตัว ผัว(หรือเมีย)กวนใจ เป็นห่วงผูกคอ ๑ ห่วง ผูกข้อเท้าอีก แห่ง
ผลทางเศรษฐกิจ คือ ประหยัด ไม่ห่วงว่า สมบัติหมื่นล้าน ของเรา เมื่อไปปรโลกแล้ว ผัว(หรือเมีย) จะเอา เสวยสุขกะชู้ รึป่าว


ส่วน คนที่ เค้าออกบวช บำเพ็ญพรต อดจิต ถือพรหมจรรย์ เพื่อเป็นตาม อริยมรรค สู่มรรคผลนิพพาน ท่านเหล่านั้น สร้างเหตุตรง ก็ได้ผลตรง ตามข้อปฎิบัติ นั้นแล เอย
(ในบาลี ว่าดังนั้นนะคะ )

สาธุ สาธุ สาธุ

 

แหวกแนวและตรงประเด็นเค่อะ

 

การมีครอบครัวมีลูกก็ไม่ใช่สิ่งน่ารังเกียจนะครับ อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ทำบาปทำกรรมใดๆครับ.คนที่บรรลุโสดาบันขณะมีครอบครัวก็มีหลายคนในสมัยพระพุทธกาลนะครับ เช่น อนาถบิณฑกบัณฑิต พระเจ้าพิมพิสาร หรือแม้แต่นางวิสาขา อุบาสิกานั่นเอง ทั้งหมดทุกท่านล้วนอยู่บนสวรรค์แล้วจะนิพพานในอนาคตครับ

การไม่มีครอบครัวครองพรหมจรรย์มันก็ดีอย่างพี่เขาบอกคือไม่เสียเงิน เป็นอิสระ มีเวลาในการทำบุญครับ และละเรื่องกิเลสได้ง่ายครับ

 

ผมว่าไม่มีเพศสัมพันธ์ก็ดีนะครับ สบายดีไม่เหนื่อย เห็นผู้ชายวิ่งวุ่นหาแต่สาวๆ จะเอาไปจิ้ม ผมเห็นแล้วยังเหนื่อยแทน อีกอย่างผมไม่อยากมีลูกด้วยครับ ขี้เกียจเลี้ยง ถ้าลองผมมีลูกผมคงไม่มีเวลาจะทำอะไรเท่าไหร่ละครับ จะต้องทำงานเพิ่มหาเลี้ยง ต้องเลี้ยงดู สั่งสอน ความเห็นส่วนตัวนะครับ

 

อ่านไทยกันไม่ค่อยเข้าใจนะคะ ดิฉันไม่ได้รังเกียจพวกเขา แตแค่บอกว่าลักษณะของบุคคลเหล่านั้นดูไม่ใช่หนทาง ที่ดูแล้วสวยงาม หรือ ดีในสายตาดิฉัน เอาเป็นว่า ไม่ใช่จริตของดิฉัน

ใครจะว่า คนท้อง คนมีลูกหอบกะเตงป้อนหน้าป้อนหลัง คนขณะเสพเมถุน ดูแล้วงาม นั้นเป็นจริตของพวกท่าน แต่สำหรับข้าพเจ้า อาการเหล่านั้นดูแล้วน่าเกลียด ดูแล้วไม่งาม