ชมรมการพัฒนาจิต บำบัด ด้วยกฎธรรมชาติและพลังแห่งพุทธะ

ยินดีต้อนรับผู้ที่ฝึกหัดตน ให้เข้าถึงพลังแห่งพุทธะ

 

" ธรรมใดก็ไร้ค่า ถ้าไม่ทำ "
...หม่าม๊า

 

ขออนุโมทนาในเมตตาจิตของหม่าม๊า ผู้มีจิตอาสาอันบริสุทธิ์ และบัณฑิตผู้ฝึกตนทุกๆท่านครับ:d

 

การพัฒนาจิต บำบัด ด้วยกฎธรรมชาติ และพลังแห่งพุทธะ

เป็นชื่องานในครั้งที่ 1 ที่จะจัดขึ้นที่ สมาคมผู้บำเพ็ญประโยชน์แห่งประเทศไทย สำนักงานใหญ่ กรุงเทพฯ ตั้งอยู่ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ด้านติดกับเซนต์จูรี่และท่ารถไฟฟ้า บีทีเอส

ในความหมายพื้นฐานของระดับสติปัญญาของผู้เขียน(เดมีดี) จะขอให้คำจำกัดความเท่าที่สามารถอธิบายออกมาได้ว่ามีความหมายอย่างไร

การพัฒนาจิต คือการยกระดับจิต จากที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ให้มีการพัฒนา เข้าใจสภาพของจิตใจตนเอง อารมณ์ ความรู้สึกของตนเอง ว่า ที่ผ่านมาเป็นแบบนั้น แบบนี้ มันเกิดจาก สิ่งเร้าทั้งปวงในสังคมของมนุษย์ที่ยังคงมีกิเลสอยู่ มีการแข่งขัน มีการสร้างเพื่อความเป็นอยู่ที่ดี และเกิดภาวะกดดันต่าง ๆ มากมายในสังคมปัจจุบันนี้

ถ้าหากเราเข้าใจจิตของตนเอง และหยุดที่จะมองดูสักนิดหนึ่ง และถามว่า ที่ทำอย่างนั้นเพื่อการอยู่รอดจริงหรือ มนุษย์เราต้องทำมากกว่านั้นถึงจะอยู่รอดหรือ ความสะดวก สบาย
และการดิ้นรนต่าง ๆ เพื่อเอาตัวให้รอดและสามารถอยู่ในกระแสสังคมได้นั้น ทำให้เราต้องพยายามเกินกำลัง และเกิดความเครียด เกิดความกดดัน ท้อแท้ เบื่อหน่าย บางท่านเมื่อเกิดแล้วก็หันหน้าเข้าวัด และเอาวัดเป็นที่พึ่ง โดยลืมไปว่า เราต้องพึ่งตนเอง และช่วยสร้างสังคมต่อไป การที่เราจะเข้าไปพึ่งวัด เราต้องเข้าไปร่วมสร้างวัดให้เป็นที่พึ่งของบุคคลอื่นที่เค้าทุกข์กว่าเรา

เมื่อเราทุกข์ ก็หาสาเหตุแห่งทุกข์ และดับทุกข์นั้นเสีย ถ้าทำได้ก็นับได้ว่า การพัฒนาจิตได้ถูกยกระดับขึ้นแล้วนั่นเอง แต่บางคนยังไม่เข้าใจ ยังยึด ยังผูก ไปกับกระแสของสังคม โดยลืมความเป็นธรรมชาติของจิตที่บริสุทธิ์ จิตที่เมตตา จิตที่มีความรักต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ลองเอาความปรารถนาดี หวังดี ให้แก่ผู้อื่นที่ไม่ใช่ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงที่คุ้นเคย ความรู้สึกใหม่ของจิตจะเกิดขึ้น............

และเริ่มต้นสำหรับคำว่า การพัฒนาจิต

 

การปฏิบัติเพื่อนำไปสู่การหลุดพ้น ให้ทำบ่อย ๆ สม่ำเสมอทีละเล็กละน้อย ตามกำลังพอดีของตนเองแต่ทำด้วยใจมุ่งมั่น พลังบุญกุศลจากการปฏิบัติก็จะนำไปพบธรรมะที่ยิ่งใหญ่สู่ทาง หลุดพ้นในที่สุด ธรรมะไม่ได้อยู่สูงเกินไปที่จะค้นพบ

.....หม่าม๊า
​

 

ขออนุญาตคุณ Ong นะครับ

 

โอ่งน้ำปิดฝา คือ ใจที่รับรู้สภาวะธรรมที่เกิดขึ้น แต่ปิดกั้นการปรุงแต่งจากขันธ์ 5

...หม่าม๊า
​

 

สำหรับผู้ที่ใช้ BTS
<!--[if !mso]> <style> v\:* {behavior:url(#default#VML);} o\:* {behavior:url(#default#VML);} w\:* {behavior:url(#default#VML);} .shape {behavior:url(#default#VML);} </style> <![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <wunctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <wontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:ตารางปกติ; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]-->
[FONT=&quot][/FONT]

 

บำบัดจิต การบำบัดจิตทำอย่างไร....

เราสามารถบำบัดจิตของเราเองก็ได้ ไม่ได้ยากมาก แต่อยู่ที่เมื่อไร ที่จะเริ่มต่างหาก
เราชอบเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในวังวนของปัญหา ซ้ำแล้ว ซ้ำอีก จึงเกิดความเครียด เมื่อเครียดก็เก็บสะสมไว้ และเข้าสู้ฐานของจิตใต้สำนึกโดยที่เราไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า ทุก ๆ อารมณ์นั้นได้ถูกเก็บไว้หมดแล้ว..............
ดังนั้น......กาลเวลาที่ผ่านมาหลายชั่วภพ....จิตได้บันทึก ....เรื่องราวต่าง ๆ ไว้มากมาย
ทั้งกรรมดี กรรมไม่ดี แม้ในปัจจุบัน การถูกจิตเก็บ ภาวะอารมณ์ต่าง ๆ ก็ยังดำเนินอยู่ต่อไป....ไม่เคยหยุดเลย
เมื่อจิตเก็บทุกอย่างเข้าไป ผลที่ตามมาคือ ร่างกายของเราจะเป็นผู้ที่แสดงออก ภาวะต่าง ๆ ที่จิตเก็บไว้นั่นเอง บางคนแสดงอาการเศร้า เหงา โกรธ เบื่อหน่าย หรืออาการที่เกิดความสงสัยเลยเถิดไปต่าง ๆนานา ซึ่งทั้งหมดนั้น เป็นการแสดงออกของการเก็บผลเสียต่าง ๆ ที่จิตเก็บมานานนั่นเอง

เราจะมีวิธีการทำอย่างไร.......ด้วยตนเอง
1.หยุด...ความคิดในเชิงลบ...ทันที.....คิดใหม่.....ใช้ความรู้สึกของความรักและเมตตา
ต่อสิ่งกำลังเป็น กำลังเกิดขึ้น และเริ่มเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น....มันยากมาก ในการเริ่มต้น
แต่ไม่ได้ยากเลย....ที่จะพยายามเริ่ม....และเริ่มทันที
2.ใส่ความรู้สึกดี มีเมตตา แจ่มใส ของอารมณ์ เข้าแทนที่ ในอารมณ์นั้น ทันที
คนเราจะบอกว่า บ้าไปแล้ว เจ็บปวดแทบขาดใจ จะให้ใส่ความรักและเมตตาเข้าไปได้อย่างไร.....ถ้าเริ่มทำไม่ได้ก็จะไม่เรียกว่า บำบัด
3. ไม่มีคำว่าเริ่ม ก็จะไม่มีคำว่าทำได้ และสำเร็จ
เราต้องมีความแนวแน่ในจิตอย่างแรงกล้า ที่จะเริ่มช่วยตนเอง ให้ผ่านพ้นวิกฤต ทางอารมณ์ และเริ่มทันที.....เท่านั้น
4. ลองเริ่มต้น หัวเราะกับตนเอง แบบไร้เหตุผลดูบ้าง ก็ได้ ทุกข์เต็มหัวใจ ก็หัวเราะ
สุขเต็มหัวใจ ก็หัวเราะ และเริ่มที่จะหัวเราะให้ตนเอง มากกว่าการร้องไห้ หรือเก็บความเครียด .....และเรียนรู้ที่จะรักตนเอง มากขึ้น....รู้อะไร...รู้กำลังของตน....เพราะทุกคนเกิดมาเท่าเทียมกัน ไม่มีใครเก่งเกินใคร มีความสามารถที่จะเริ่มทำและสำเร็จเท่า ๆ กัน
5.วิธีของการบำบัดจิต มีหลายวิธี แต่ให้ดูว่า จิตเราจะเบิกบาน ต้องทำอย่างไร บางคนร้องเพลง บางคนฟังธรรมะ (บางคนเล่นไพ่ ...อันนี้ผิดนะ ...เพราะจะโดนจับและไม่มีคุณค่า ) เราต้องรู้ด้วยว่า บำบัดจิตเฉพาะตัวเรา จิตของเราเท่านั้น และควรฝึกในทุก ๆ สถานะการณ์.....การมองโลกใหม่อย่างธรรมชาติ....ธรรมชาติที่เป็น....ธรรมชาติของจิต

 

แสงสว่างแห่งพุทธะที่ส่องสว่างมายังโลกมนุษย์เป็นสัญญาว่า หากมนุษย์มีความมุ่งมั่นตั้งใจ ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ก็สามารถเดินทางไปสู่การหลุดพ้นได้ มนุษย์ส่วนใหญ่ยังคงชื่นชมยึดถือกับความศักดิ์สิทธิ์ ความดีงาม ความสวยงามของการหลุดพ้นร่วมทำบุญและอธิฐานขอนำความสุขสว่างศักดิ์สิทธิ์มาอวยพรให้ตนเองและพวกพ้องมีชะตาชีวิตที่ดีงาม อ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปรของสภาวะธรรม ซึ่งเปรียบเหมือนต้นหญ้า ใบไม้ที่พัดเอนไหวไปตามสายลม สายน้ำ โดยลืมนึกถึงแก่นแท้แห่งพลังพุทธะที่ต้องลงมือปฏิบัติจริงจึงจะหลุดพ้น

...หม่าม๊า
​

 

กฎธรรมชาติ.........
ธรรมชาติ ...ยิ่งใหญ่มาก....ไม่สามารถที่จะหยิบสิ่งใด สิ่งหนึ่งมาบอกว่า นี่คือกฎธรรมชาติ ที่ตายตัว....มีกฎเกณฑ์....มีระเบียบ...แบบแผนอย่างไร แต่ เรา สามารถเรียนรู้ ธรรมชาติ ที่ใกล้ตัวเราได้ และเข้าใจธรรมชาติได้ และรักษาสมดุลย์ ของธรรมชาติได้

ในปัจจุบัน สังคมและสภาพแวดล้อม ทำให้ธรรมชาติ เปลี่ยนไปอย่างมาก จนเราแทบจะตามไม่ทัน และไม่เคยตามทันเลย แต่ เราสามารถเรียนรู้ที่จะอยู่กับธรรมชาติให้มีความสุขได้ โดยไม่ทำร้ายธรรมชาติ

ธรรมชาติ ประกอบด้วยอะไรบ้าง ลองหลับตาดูนะ และน้อมความรู้สึกผ่านผิวสัมผัสออกไปรอบ ๆ ตัวเรา ....รู้สึกอะไรไหม....สายลมของธรรมชาติ ฝุ่นละออง กลิ่น และ คลื่นความถี่ต่าง ๆ แม้แต่ตัวเรา ที่เป็นมนุษย์ สัตว์เล็ก ใหญ่ ต้นไม้ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนอยู่ในธรรมชาติเดียวกัน อยู่บนโลกเดียวกัน อยู่ในจักรวาลเดียวกัน และอยู่ในสิ่งที่ตามองเห็นและไม่เห็น เดียวกัน ไม่ได้แยกจากกันไปที่ไหนเลย
มันอยู่ทั้งข้างในตัวเรา และข้างนอกตัวเรา........การเรียนรู้ที่จะมีความสุขกับธรรมชาติ
อันดับแรก คือการเรียนรู้ตนเอง ธรรมชาติของตนเอง ตั้งแต่ การกิน อยู่ หลับ นอน การใช้ชีวิต การดิ้นรน การต่อสู้ และการคล้อยตาม วิธีธรรมชาติ
ลึกลงมาก็การเรียนรู้จิตของตนเอง ธรรมชาติของจิต จริต และอุปนิสัยเฉพาะตัวตน เราสามารถบอกตัวเองได้ไหมว่า เรามีสิ่งที่เรียกว่าดี หรือไม่ดี ในตัวเราได้มากน้อยแค่ไหน
และเอาอะไรมาเป็นบรรทัดฐานของตนเองและของผู้อื่น แต่ คนทุกคน ชอบเอาบรรทัดฐานของตนเอง ไปยัดเยียดให้เป็นบรรทัดฐานของผู้อื่น ถ้าฉันเป็นแบบนี้ เธอก็ต้องเป็นแบบนี้ ถึงจะอยู่ร่วมกันได้ ถึงจะไปด้วยกันได้ ถึงจะทำงานร่วมกันได้ แต่ เราไม่เคยมองว่า ความแตกต่างก็สามารถอยู่ร่วมกันได้ ถ้าเรามีจิตที่เป็นธรรมชาติ ผสมอยู่ในนั้น และเข้าใจธรรมชาติที่อยู่เบื้องหน้า
การลดข้อโต้แย้ง จากเหตุที่มา จากเหตุที่เป็น จากเหตุที่มีตัวตน เป็นของกู และมองเข้าไปดูให้เห็นถึงความเป็นธรรมชาติของสิ่งนั้น ๆ และบอกว่า นี่หรือคือธรรมชาติของสิ่งนี้ คนนี้ เหตุนี้ วิถีนี้ จำเป็นไหมที่ต้องค้นหาเหตุและผลมารองรับถึงสิ่งที่กล่าวมา
ไม่จำเป็นเลย.........หยุดปรุงแต่งเพิ่มเติม..........และหยุดทันที........วางสิ่งที่เห็นทันที.......และมองดูให้น้อยลงทันที จนไม่ต้องย้อนมองดูซ้ำอีก.......ให้ผ่านไป เหมือนเราเดินไปสู่ข้างหน้าตลอดเวลา ไม่หยุด.....แม้จะมองดูอะไรเลย
แต่เรา ต้องมองดูที่ตัวเรา จริตเรา จิตเรา ความรู้สึกที่มากระทบ มันมีคุณค่าที่จะเก็บเข้ามาหรือ มันมีคุณค่าที่จะมองดูหรือเปล่า เพราะมันคือ สิ่งที่อยู่ภายนอกทั้งสิ้น

การเลือกที่จะเอาส่วนหนึ่งของธรรมชาติมาบำบัด คืออะไร และทำไมต้องเอาธรรมชาติมาบำบัด

การเดินทางของจิตที่แข่งขันเพื่อการดำรงอยู่ ทำให้จิตที่บริสุทธิ์ ดวงแรกเริ่ม หายไป
ถึงต้องเอาพลังของธรรมชาติ ที่เราสามารถสัมผัสได้ รู้สึกได้ มาเป็นเครื่องช่วยในการบำบัด มีผู้รู้หลายท่านที่มีพลังแห่งธรรมชาติที่บริสุทธิ์ และได้ใช้วิธีการนั้นเพื่อการบำบัด

คือ ความรักและเมตตา จากพลังของธรรมชาติที่บริสุทธิ์ ที่อยู่รอบ ๆ ตัวเรา มาเป็นผู้เปิดประตูให้เราเข้าใจวิถีธรรมชาติ และเริ่มการสอนและช่วยเหลือให้เราได้ช่วยตัวเอง เพื่อให้เราได้กลับมาเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติที่บริสุทธิ์ นั่นเอง

ถ้าอธิบายให้ง่าย ๆ บนพื้นฐานที่คุ้นเคย คือการหายใจที่มีอ๊อกซิเจนเข้าไป มากกว่า คาร์บอนไดอ๊อกไซค์ ร่างกายก็จะเกิดปฎิกิริยาเคมี ทำให้สดชื่นได้ เพราะเรารับอากาศที่บริสุทธิ์เข้าไป และเช่นเดียวกัน ถ้าจิตเราได้รับแต่สิ่งที่ดี สร้างสรรค์ ร่าเริง สดชื่น อย่างเป็นธรรมชาติ ทุกเวลา ทุกขณะจิต ก็จะสามารถชำระล้างของเสียที่ตกค้างได้โดยง่าย

ธรรมชาติ เป็นสิ่งที่ทุกคนจับต้องได้ เรียนรู้ได้ และเอามาใช้ได้ และจงกล้าที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ ที่บริสุทธิ์..........และเริ่มทันที

 

พลังแห่งพุทธะ..........
เราสามารถรู้ได้หรือไม่ ว่าพลังแห่งพุทธะอยู่ที่ใด...มีพลังแค่ไหน....และมีเงื่อนไขอย่างไรที่จะเข้าถึงพลังแห่งพุทธะได้

ง่าย ๆ เพียงแค่ คุณเชื่อ ศรัทธา ด้วยจิตที่บริสุทธิ์ ด้วยจิตที่ตั้งมั่นแน่วแน่ พลังนั้นก็จะอยู่กับคุณ ไม่ถูกยื้อแย่ง ไม่ถูกเอาคืน แต่กลับทำให้เกิดสิ่งดี ๆ แก่ตัวคุณเอง

พลังแห่งพุทธะ คือพลังที่เป็นศูนย์รวมทั้งหมด แห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ ตั้งแต่เกิดจักรวาล ไม่เฉพาะแต่ที่เราได้เรียนรู้เท่านั้น และเป็นศูนย์รวมของเหล่าปวงเทพและสิ่งศักดิ์ทุก ๆ พระองค์ ที่มีความรัก และเมตตา ต่อสรรพสิ่งในจักรวาล

สิ่งที่เป็นความตั้งมั่นสูงสุด คือ ขอให้ผู้คนสามารถเรียนรู้ ด้วยความรัก และเมตตา ที่จะนำพลังแห่งพุทธะ ที่มีอยู่โดยรอบ ไม่มีประมาณ ไม่มีหมด ไม่มีเลือกฝ่ายไหน ไม่มีแบ่งชั้น แต่เป็นสิ่งที่ให้ได้ทั่ว ทุก ๆ คน ทุก ๆสรรพสิ่ง และจงนำมาใช้เพื่อผู้อื่น ด้วยความรักและเมตตา เช่นกัน

เมื่อใดก็ตามที่ผู้ที่มี พลังแห่งพุทธะปรากฏ เค้าผู้นั้นจะเห็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น กับจิตใจ และการกระทำของเค้าเอง และจงอย่าแปลกใจ หรือค้นหาคำตอบเพื่อแก้ข้อสงสัยอีกเลย จงเชื่อมั่นในพลังนั้น และเดินหน้าไปแบบเต็มกำลังที่มี เพื่อผู้อื่น ด้วยความรักและเมตตา ความปรารถนาดีต่อทุก ๆ ชีวิต ในจักรวาล ซึ่งอาจจะยังไม่ปรากฏด้วยสายตามนุษย์ทั้งหมด และอาจจะยังอยู่แค่ภายในจิตสำนึกอยู่ก็ตาม

เราจงเชื่อมั่นว่า พลังแห่งพุทธะ มีจริง และเกิดความศรัทธาจริง เชื่อมั่นจริง จนเกิดปัญญาเห็นแจ้งได้ตลอด ถึงการเกิดดับแห่งทุกข์และสุข เมื่อนั้น เราจะเข้าใจได้ด้วยตนเองว่า ความอิสระจากสรรพสิ่งทั้งปวงเป็นเช่นไร และกล้าที่จะเริ่มเข้ามาเรียนรู้เพื่อการหลุดพ้น ร่วมกัน

 

ขอเชิญสต๊าฟและผู้สนใจเข้าร่วมทำกิจกรรม ในงาน

การพัฒนาจิต บำบัด ด้วยกฎธรรมชาติ และพลังแห่งพุทธะ
ในวันที่ 22 ,23 มกราคม พ.ศ. 2554 นี้

เชิญลงทะเบียนได้ที่นี่ค่ะ

เดมีดี ผู้ประกาศ

 

หลาย ๆ ท่าน ได้เคยเรียนรู้ในการสวดมนต์ ไหว้พระทำบุญ และนั่งสมาธิมาแล้ว เป็นส่วนใหญ่ และมีบางส่วนที่ได้รับ ได้เห็น และได้เป็น สิ่งต่าง ๆ ที่เรียกว่าวิเศษ เกิดขึ้นในจิตของตน และบางท่านเกิดขึ้นแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ ยากที่จะเชื่อถือ ยากที่จะเข้าใจ ในสิ่งที่เกิดขึ้น ในสิ่งที่เป็น เพราะมันเป็นสิ่งนอกเหนือธรรมชาติที่อาจสามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ จนกว่าจะมีผู้รู้ มาบอกเล่า บอกกล่าว ซึ่งอาจจะเจอท่านผู้รู้จริง และไม่รู้จริง และเราก็ไม่สามารถบอกได้ว่า จริงเท็จอยู่ที่ใด

แต่ ถ้าทุกท่านเข้าใจพื้นฐานของจิตท่านเอง ก็สามารถเริ่มที่เรียนจากจิตตนเอง จนผ่านพ้นสภาวะการเดินทางของจิตพื้นฐานแล้ว จึงหาผู้รู้ชี้แนะให้ถูกทางกับจริตของท่าน ซึ่งอาจแบ่งได้หลากหลายรูปแบบ จนไม่สามารถนำมากล่าวอ้างได้หมด

และในทางกลับกัน ชมรมที่จัดตั้งขึ้นนี้ เป็นการรวมกันของผู้ที่มีความต้องการที่จะนำเวลาว่างมาฝึกฝนตน ในแนวทางที่ตนชอบ โดยความชอบนั้น เป็นความชอบเฉพาะบุคคล ไม่สามารถบอกหรือชี้นำได้ว่า ที่นี่ดีที่สุด เพราะคนที่จะพูดว่าดีที่สุด ต้องเป็นตัวคุณเอง และทั้งนี้ทั้งนั้น แม้อยู่ในช่วงฝึกฝน ความเพียรพยายามก็อาจเกิดข้อสงสัยเสมอให้ท่านไขว้เข่ว สับสน ได้ตลอดในเส้นทางที่ท่านกำลังเดินทางไป เพราะการค้นหา
พลังแห่งพุทธะ และพลังจักรวาล หรือการหลุดพ้น ต้องเริ่มจากที่ตัวท่านก่อน และค่อย ๆ เรียนรู้ และทำความเข้าใจในพื้นฐานของพลังนั้น ๆ ที่ทุกคนสามารถจับต้องได้ เข้าถึงได้

คุณพร้อมหรือยัง ที่จะทำความรู้จักกับพลังแห่งพุทธะและพลังจักรวาล

 

สรุปตัวเลขจำนวนผู้เข้าร่วม ทุกฝ่ายประมาณ (ประกาศวันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2554)
วันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2554 25 ท่าน
วันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2554 30 ท่าน

แจ้งลงทะเบียนได้ที่เดมีดี

 

มีข่าวมาสนทนาค่ะ
หลังจากงานนี้เสร็จ....พวกเราที่มีจิตอาสา....กำลังมีความต้องการจะรวมกลุ่มกันเพื่อให้เป็นที่ปรึกษากันต่อไปได้ ....และคอยช่วยชี้แนะ ซึ่งกันและกัน
ท่านใดมีข้อเสนอแนะก็สามารถแนะนำมาได้ค่ะ

 

น้องพัชรไปสองวันเลยคะ แต่วันอาทิตย์ขอกลับเร็วหน่อยนะคะ วันเสาร์คนน้อยไปอะ เพื่อนๆคะ หากได้เปิดกระทู้นี้อ่าน อาจารย์หม่าม๊าท่านมีจิตเมตตามหาศาล อาจารย์ท่านเจ๋งจริงๆนะคะ หากเพื่อนๆพี่ๆน้องๆกำลังทุกข์ใจหรือสนใจ การไปศึกษาและปรึกษาหารือดูนั้นไม่ใช่เรื่องเสียหาย สถานที่ก็สะดวกเพราะอยู่ใจกลางกรุงเทพ อนุเสวรีย์ชัย มาได้จากเกือบทุกจังหวัดทั่วประเทศเลยนะคะ ที่สำคัญไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น สิ่งนี้สำคัญนัก เพราะหากอาจารย์ไม่มีจิตคิดเมตตาอย่างบริสุทธ์โดยไม่หวังลาภยศแล้วไซร้ ย่อมต้องคิดค่าใช้จ่ายบ้าง (หากได้ไปคงถือได้ว่ามีวาสนามารวมกัน) 100 % for My Ajarn Momma

 

น้องพัชรไปสองวันเลยคะ แต่วันอาทิตย์ขอกลับเร็วหน่อยนะคะ วันเสาร์คนน้อยไปอะ เพื่อนๆคะ หากได้เปิดกระทู้นี้อ่าน อาจารย์หม่าม๊าท่านมีจิตเมตตามหาศาล อาจารย์ท่านเจ๋งจริงๆนะคะ หากเพื่อนๆพี่ๆน้องๆกำลังทุกข์ใจหรือสนใจ การไปศึกษาและปรึกษาหารือดูนั้นไม่ใช่เรื่องเสียหาย สถานที่ก็สะดวกเพราะอยู่ใจกลางกรุงเทพ อนุเสวรีย์ชัย มาได้จากเกือบทุกจังหวัดทั่วประเทศเลยนะคะ ที่สำคัญไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น สิ่งนี้สำคัญนัก เพราะหากอาจารย์ไม่มีจิตคิดเมตตาอย่างบริสุทธ์โดยไม่หวังลาภยศแล้วไซร้ ย่อมต้องคิดค่าใช้จ่ายบ้าง (หากได้ไปคงถือได้ว่ามีวาสนามารวมกัน) 100 % for My Ajarn Momma

เอ้า....กินรีน้อยเค้าชวนแล้ว พญาครุฑ คนธรรพ์ วิทยาธร นายพรานไม่ไปร่วมหน่อยเหรอ:z3

 

ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ทำงาน......555555
มีพี่หลาย ๆ คนเค้ามีนิคเนมในบอร์ดนะ ....ลองสังเกตดี ๆ นะ ......สไตล์เค้ากับนิคเนมก็คล้ายกัน....เอาเซ็นต์ทำงานเลย.....ถึงเวลาวันงานจะได้สนุกสนาน.......555555

น้องหลินรายงานค่ะ......555555(พี่อินเค้าดูกระทู้นั้นอยู่เราก็แซวข้ามกระทู้ได้นะ)

 

ขอลงทะเบียนครับ วันที่ 22 มกราคม

นายประสิทธิ์ สิทธิปรีดานันท์