จิตสุดท้าย

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย tsukino2012, 17 ธันวาคม 2018.

  1. tsukino2012

    tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +3,090
    "จิตสุดท้าย"

    ธรรมะได้ให้ลักษณะการเคลื่อนที่ของจิตไว้ว่า ท่องเที่ยวไป ไหลไปตามกิเลส ผลัดจากเรือนนี้ ไปเรือนใหม่ ๆ อยู่เสมอ ทุกสิ่งทุกอย่างมีความเสื่อม เมื่อกายของเรานั้นเสื่อมสลาย จิตก็หลุดออก ไปปฏิสนธิขึ้นในภพภูมิต่อไปตามกรรม แล้วอะไรเป็นตัวกำหนดที่หมายนั้นล่ะ สิ่งนั้นก็คือจิตสุดท้าย

    จิตสุดท้ายคือสภาวะจิตช่วงเวลาก่อนตาย ซึ่งเป็นตัวกำหนดที่หมายใหม่ เป็นจิตวูบสุดท้ายที่เกาะเกี่ยวกับอัตภาพปัจจุบันที่กำลังจะสูญสลาย ก่อนที่จะไปโผล่ที่ใหม่ เหมือนดั่งไฟกับเชื้อ เมื่อจิตคือไฟ โดยมีกิเลสเป็นเชื้อ ไฟที่กำลังเผาไหม้เชื้ออย่างต่อเนื่อง ทำให้เราเห็นคล้ายว่าเป็นไฟชุดเดิม แต่ความจริงแล้ว ไฟที่เราเห็นนั้น มันเกิดดับอยู่ตลอด เพราะไฟที่เผาเชื้อจนหมดก็ต้องดับไป แต่ด้วยเชื้อที่ยังคงเหลือ ประกายไฟชุดแรกที่กำลังจะดับ จะเผาเชื้อและลุกไหม้เป็นไฟชุดใหม่ แล้วไฟชุดใหม่ก็จะดับลงไปในทันที แล้วก็จะเกิดไฟชุดใหม่ขึ้นมาอีก ต่อเนื่องกันไป จนกว่าเชื้อไฟจะหมด วงจรนี้เกิดขึ้นรวดเร็วจนไม่ทันสังเกตุ ไม่ทันได้รู้สึก ดังนั้นเมื่อเชื้อไฟตรงจุดนี้กำลังจะหมดลง ก็จะอาศัยประกายไฟที่กำลังจะดับของไฟชุดสุดท้าย เพื่อไปลุกไหม้เชื้อจากที่อื่นต่อไป

    จิตสุดท้ายที่ยังคงมีความสุข ยังคงสงบและสว่าง ด้วยชีวิตที่ผ่านมาคิดและทำแต่สิ่งดี ๆ เป็นบุญอยู่เสมอ ที่หมายที่จะไปอุบัติ ย่อมเป็นสุขคติภูมิที่เหมาะสมกับสภาพจิตที่มีบุญพร้อมนั่นเอง และจิตสุดท้าย ที่คงไว้ซึ่งความทุกข์ ขาดความสงบ มีแต่ความวิตก กระวนกระวาย กลัวบาปกลัวกรรม ด้วยชีวิตที่ผ่านมาคิดและทำแต่สิ่งที่เลวร้าย เป็นบาปอยู่เสมอ ที่หมายที่จะไปอุบัติ ย่อมไม่พ้นทุกคติภูมิอันเหมาะสมสำหรับสภาพจิตที่เลวทรามต่ำช้านั่นเอง

    คนเรานั้น จะวัดความดีความเลว ด้วยบุญบาปปัจจุบันนั้นไม่ได้ จนกว่าจะถึงวาระสุดท้าย เพราะบุญกับบาปขึ้นอยู่กับสำนึก และเจตนา ในปัจจุบันเท่านั้น เพราะ บางคนเกิดมา เป็นคนดีมาตลอด จนกระทั่งช่วงท้ายของชีวิต ก็ยังคงคุณงามความดีเอาไว้ได้ ไปสุขติภูมิ บางคนเกิดมา เป็นคนดี แต่อยู่มาครึ่งชีวิตเกิดพ่ายต่อกิเลส ไปทำแต่ความชั่ว ก็กลายเป็นคนไม่ดีในช่วงท้ายของชีวิต ไปทุกคติภูมิ บางคนเกิดมา เป็นคนเลว แต่สำนึกและกลับตัวได้ ปฏิบัติตนรักษาศีล ทำแต่ความดี ช่วงท้ายของชีวิตถือว่าเป็นคนดี ไปสุขคติภูมิ บางคนเกิดมา เป็นคนเลว ไม่รู้จักสำนึก มีแต่ยิ่งลงลึกในความชั่ว เลวเสมอต้นเสมอปลายจนถึงช่วงท้ายของชีวิต ไปทุกคติภูมิ
    ณ ปัจจุบัน เราเห็นว่าบุคคลนี้เป็นคนดี ก็ไม่แน่ว่าเขาจะเป็นคนดีตลอดไป หรือเราเห็นว่าบุคคลนี้เป็นคนเลว ก็ไม่แน่ว่าเขาจะเป็นคนเลวตลอดไป

    สำหรับบุคคลอื่น เรามิอาจไปตัดสินให้เขาดีตลอดหรือเลวตลอดไปได้ แต่ตัวของเราเองเราเลือกได้ เราพยายามทำให้ดีเสมอต้นเสมอปลายได้ เมื่อบุญคือตั๋วที่จะนำเราไปสุขคติภูมิ เมื่อบาปคือตั๋วที่จะนำเราไปทุกคติภูมิ และความปล่อยวางคือตั๋วนำเราไปสู่ความหลุดพ้น เราควรจะใช้ชีวิตเพื่อสะสมตั๋วนำไปที่ไหนมากกว่ากัน

    ไม่มีใครควบคุมจิตสุดท้ายได้ เพราะจิตเป็นสิ่งที่ต้องอบรมกันยาวนาน ทำชั่วมาทั้งชีวิต อยากจะมีจิตสุดท้ายที่เป็นบุญ หวังจะมาคิดดีเอาเพียงตอนจะตาย ไม่มีทางสำเร็จ เพราะจิตที่ผ่านการใช้ชีวิตมาโชกโชน จะยึดมั่นในความเป็นบุญหรือบาปอย่างใดอย่างหนึ่ง เวลาที่จะตาย จิตสุดท้ายจะแสดงออกให้เห็นถึง กำลังที่มากกว่าระหว่างบุญหรือบาป โดยอัตโนมัติ ควบคุมไม่ได้ แต่ในตอนที่ยังมีชีวิต ในตอนที่ยังมีโอกาส เราสามารถขัดเกลา สร้างเสริมสภาพจิตของตัวเองได้ ไม่มีใครมีแต่บุญ ไม่มีใครมีแต่บาป ทุกคน ทุกดวงจิตล้วนสะสมมา ทั้งบุญทั้งบาป แต่ด้วยการหมั่นสร้างกุศล หมั่นคิดดีทำดีให้มากๆ มากเท่าที่จะมากได้ เพื่อให้บาปที่จิตไปยึดมั่นไว้มีกำลังสู้บุญไม่ได้นั่นเอง

    - วิริยะ โสดาปัตติผล -
     
  2. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    วาระสุดท้าย ก่อนที่จิตจะทิ้งกาย
    จะมาในรูปแบบภาพอุคนิมิตให้เราเห็นครับ
    ตอนนั้นกำลังกุศลหรืออกุศล มากกว่าจะได้รู้กัน

    ถึงได้ต้องมีการซ้อมตายไว้ให้เป็นปกติ
    ในเวลาใช้ชีวิตปกติประจำวันนั่นหละครับ
    เหตุผลเพราะถ้าตายแบบทั่วไป ร่างกายเรามันจะค่อยๆพัง
    จิตมันจะไปติดสัญญาอยู่กับความเจ็บปวดตรงนั้นอยู่

    ถ้าการที่จิตทิ้งกายตรงนี้ไม่ได้ซ้อมหรือฝึกฝนจน
    เป็นธรรมชาติของมันเองแล้ว
    หากกายไม่เอื้อให้ระลึกถึงได้
    มันจะซวยเอาได้ง่ายๆ....
    นี่ขนาดแบบตายปกติทั่วไปนะครับ
     
  3. แผ่บุญ

    แผ่บุญ ชอบ~ศรัทธา 40 อสงไขย

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2018
    โพสต์:
    355
    ค่าพลัง:
    +307
    สาธุครับ ชีวิตนี้เราเป็นนักปฏิบัติธรรม ต้องไม่ลืมสติ บางทีเผลอตัวเผลอใจด้วยอำนาจของกิเลสทำสิ่งไม่ดีต่อจิตตนเองและผู้อื่น พอมีสติระลึกชอบได้ก็กลับจิตกลับใจมาตั้งอยู่ในธรรมะเมตตาใหม่

    ใจที่มีเมตตาแผ่ออกตลอดเวลา คือใจที่มีบุญเข้าตลอดเวลาเช่นกันและเป็นการฟอกตัวเองจากใจที่ดำด่างหม่นหมองจากกิเลสครอบงำให้ค่อยๆแผ่ความผ่องใสดีงามขึ้นเรื่อยๆ คนมีพรหมวิหาร4 โดยเฉพาะเมตตา จะอยู่ที่ใหนก็สงบร่มเย็น

    ถึงจะมีร้อนเพราะหลงตามกิเลสบ้าง แต่พอมีสติกลับคืนจิตที่เคยแผ่พรหมวิหารเมตตานั้นก็ยังทำงานแผ่บุญคือความสุขอยู่อย่างปกติเช่นเดิมเรื่อยไป บุญไหลเข้าแผ่ออกทุกลมหายใจ
     

แชร์หน้านี้

Loading...