"จงระวังสักนิด เมื่อคิดบริโภคพืชผักเป็นยา"

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย washiravit, 10 กรกฎาคม 2011.

  1. washiravit

    washiravit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    284
    ค่าพลัง:
    +290
    ๒-๓ ปี มานี้มีกระแสนิยมกินใบมะรุมเป็นยาบำรุงและรักษาสุขภาพกันอย่างกว้างขวาง แทบจะทั่วทุกภาคของประเทศ บ้างก็กินในรูปของยาเม็ดสำเร็จรูป บ้างก็เด็ดกินใบสด โดยนิยมกินเป็นประจำทุกวัน เป็นแรมเดือนแรมปี ทั้งนี้ได้มีเอกสารออกมาเผยแพร่ถึงประโยชน์และสรรพคุณของมะรุม ซึ่งระบุว่ามีอยู่มากมายหลายประการ

    หมอชาวบ้านก็เคยมี ดร.กรณ์กาญจน์ ภมรประวัติธนะ เขียนเรื่อง "มะรุม" และพืชผักอื่นๆ ซึ่งส่วนหนึ่งได้ระบุว่า ในพืชผักต่างๆ มีสารเคมีสำคัญอะไรบ้าง และแต่ละตัวมีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างไร เจตนาก็เพื่อรวบรวมข้อมูลเชิงวิชาการว่า พืชผักต่างๆ น่าจะมีประโยชน์อย่างไร หาได้ตั้งใจแนะนำให้กินเป็นยาบำรุงและรักษาสุขภาพเป็นประจำทุกวันแต่ประการ ใด

    ปกติคนไทยนิยมนำฝักมะรุมมาทำเป็นแกงส้ม บางท้องถิ่นก็นิยมใช้ใบจิ้มน้ำพริก แต่ก็จะกินกันเป็นครั้งคราว ไม่ได้กินทุกวัน
    การ เปลี่ยนวิธีบริโภค จากการกินครั้งคราวมากินเป็นประจำทุกวัน หรือเปลี่ยนกรรมวิธีในการบริโภคผิดไปจากเคยปฏิบัติมาแต่โบราณนั้น ก็เคยก่อให้เกิดโทษภัยขึ้นมาแล้วหลายกรณีด้วยกัน

    อาทิ เมื่อ ๒๐-๓๐ ปีก่อน เจ้าหน้าที่สาธารณสุขท่านหนึ่ง มีเจตนาดีในการรณรงค์ปราบโรคพยาธิปากขอ โดยนำมะเกลือมา ปรุงเป็นยาเป็นปริมาณหม้อใหญ่ๆ ซึ่งต้องเตรียมทิ้งไว้ค้างคืน วันรุ่งขึ้นก็แจกจ่ายให้เด็กๆ ตามหมู่บ้านกินกันถ้วนหน้า คราวนั้นเกิดผลที่ตามมา คือ มีเด็กๆ หลายคนตามัวตาบอด เนื่องจากได้รับพิษภัยจากสารเคมีในมะเกลือที่กลายรูป เนื่องจากการตั้งทิ้งไว้ค้างคืน

    โบราณจะเตรียมมะเกลือในปริมาณเล็ก น้อย สำหรับแต่ละคนเท่านั้น และเมื่อเตรียมเสร็จก็ให้กินสดๆ ทันที ซึ่งก็ได้ผลในการรักษาโรคพยาธิปากขอ และไม่ได้เกิดผลข้างเคียงอะไร แต่เมื่อเปลี่ยนมาเตรียมทีเดียวปริมาณมากๆ และทิ้งไว้ข้ามคืน สารเคมีในมะเกลือก็เกิดการกลายรูปเป็นสารใหม่ ซึ่งสามารถทำลายประสาทตาจนทำให้ตามัวตาบอด

    เมื่อหลายปีก่อน หน่วยงานของรัฐได้มีการนำใบขี้เหล็กมา ผลิตเป็นยาสมุนไพร บรรจุใส่แคปซูลออกจำหน่ายอย่างเป็นทางการ โดยระบุสรรพคุณเป็นยากล่อมประสาท และยานอนหลับ ทั้งนี้โดยอาศัยหลักฐานการวิจัยว่า ขี้เหล็กมีสารเคมีสำคัญตัวหนึ่งที่ช่วยสงบอารมณ์ (คลายกังวล ความเครียด) และช่วยให้นอนหลับ และมีการทดลองในหนูว่าไม่เกิดพิษภัยเฉียบพลัน

    ผู้ คนจำนวนมาก (ซึ่งมีปัญหาความเครียดและนอนไม่หลับ ที่เคยพึ่งพาแพทย์สั่งยากล่อมประสาทให้กิน) ก็หันมาซื้อยาขี้เหล็กแคปซูล ซึ่งสามารถซื้อหาได้อย่างเสรีโดยไม่ต้องมีใบสั่งจากแพทย์

    ท่าม กลางกระแสนิยมบริโภคขี้เหล็กคราวนั้น โรงพยาบาลหลายแห่งได้พบว่ามีผู้ป่วยหลายๆ รายมีอาการดีซ่าน (ตาเหลือง) มาขอตรวจรักษากับแพทย์ ในที่สุดก็ยืนยันว่าเป็นตับอักเสบจากการบริโภคขี้เหล็กแคปซูลเป็นประจำ ติดต่อกันหลายเดือน ทางการจึงได้ยกเลิกการจำหน่ายยาขี้เหล็กแคปซูล ซึ่งถือว่าไม่ปลอดภัย

    ผมเคยเจอคนรู้จักคนหนึ่ง นิยมนำขี้เหล็กมาต้ม แล้วน้ำที่ต้มมาดื่มแทนน้ำเปล่าด้วยเชื่อว่าเป็นยาบำรุง พอดื่มไปได้ ๒-๓ เดือนก็เกิดอาการดีซ่าน ไปพบแพทย์ก็ตรวจยืนยันว่าเป็นตับอักเสบจากการดื่มน้ำขี้เหล็กต้มเช่นเดียว กัน

    คนไทยนิยมแกงขี้เหล็ก กินเป็นครั้งคราว บางท้องถิ่นบอกกันเลยว่า ถ้าคืนไหนอยากนอนหลับดี เย็นวันนั้นก็ให้กินแกงขี้เหล็ก
    การกินขี้เหล็กเป็นบางครั้งบางคราวแบบภูมิปัญญาพื้นบ้าน ไม่ก่อโทษ แต่การหันมากินในรูปของยาเป็นประจำ กลับมีพิษต่อตับ

    สมุนไพรที่มีการยืนยันทางวิชาการว่ามีพิษต่อตับ ทำให้ตับอักเสบอีกชนิดหนึ่ง ก็คือ บอระเพ็ด ซึ่งมีสรรพคุณช่วยลดน้ำตาลในเลือด เมื่อทดลองให้ผู้ป่วยเบาหวานกินทุกวันก็พบว่าทำให้ตับอักเสบได้

    ส่วน มะรุม ผมก็เคยได้ยินแพทย์บางท่านตั้งข้อสังเกตว่า อาจทำให้เป็นโรคตับอักเสบ เพราะพบว่าผู้ป่วยบางท่านเป็นโรคตับเรื้อรัง โดยไม่พบสาเหตุชัดเจนอื่นใด นอกจากมีประวัติว่านิยมกินมะรุมทุกวันมาเป็นแรมปี แต่ท่านก็ยังไม่กล้ายืนยันว่าเกี่ยวข้องกันจริงหรือไม่

    เมื่อเร็วๆ นี้ ผมได้รับคำบอกเล่าเกี่ยวกับมะรุมอยู่ ๒ กรณี
    กรณี แรก มีพยาบาลท่านหนึ่งเล่าว่า ที่โรงพยาบาลรับตรวจเช็กสุขภาพ พบว่ามีผู้ที่มีผลเลือดที่แสดงว่าตับเริ่มทำหน้าที่ผิดปกติอยู่ ๕ ราย ทั้ง ๕ รายนี้มีประวัติกินมะรุมทุกวันมาเป็นแรมปี จึงแนะนำให้หยุดกิน แล้วนัดมาตรวจเลือดซ้ำ ก็พบว่าตับกลับมาทำหน้าที่เป็นปกติ จึงตั้งข้อสังเกตเบื้องต้นว่า มะรุมอาจมีผลเสียต่อตับ

    อีกกรณีหนึ่ง ผู้ป่วยเบาหวานรายหนึ่งเล่าว่ากินยาเบาหวานมาหลายปี ก็ไม่เคยมีปัญหาแทรกซ้อนรุนแรง ต่อมาทราบจากคำเล่าลือว่ามะรุมสามารถลดน้ำตาลในเลือดได้ จึงซื้อมะรุมชนิดเม็ดกินเสริมไปวันละ ๒ ครั้งๆ ละ ๒ เม็ด พอกินไปได้ ๑๐ กว่าวัน ก็เกิดอาการเป็นลม หน้ามืด ไม่ค่อยรู้สึกตัว ญาติพาส่งโรงพยาบาล แพทย์ตรวจพบว่าผู้ป่วยเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำเกิน สันนิษฐานว่าอาจเป็นไปได้ที่มะรุมมีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด จึงเสริมฤทธิ์ยาเบาหวานที่กินอยู่เดิมจนน้ำตาลในเลือดลดต่ำถึงขั้นอันตราย ได้

    ทั้ง ๒ กรณีนี้ คงต้องรอให้มีการพิสูจน์ยืนยันกันต่อไปในเชิงวิชาการ จึงจะสรุปได้แน่ชัดว่า มะรุม มีผลดังกล่าวจริงหรือไม่
    อย่าง ไรก็ตาม ก็ขอแนะนำให้ระมัดระวัง หากพืชผักชนิดใดยังไม่ได้ผ่านการพิสูจน์ว่าเป็นยาที่สามารถกินได้ผลและ ปลอดภัย ก็อย่าบริโภคพืชผักนั้นในรูปของยาที่กินประจำทุกวัน ทางที่ปลอดภัย ก็คือ หันมาบริโภคพืชผักในรูปอาหารธรรมชาติ ตามวิถีที่บรรพบุรุษเราเคยปฏิบัติกันมาจะดีกว่า

    ขณะเดียวกัน ก็ฝากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยกันพิสูจน์ถึงข้อดีข้อเสียของการบริโภค พืชผักเป็นยา ทั้งนี้เพื่อประโยชน์และสวัสดิภาพของประชาชนผู้บริโภค


    บทความจาก "จงระวังสักนิด เมื่อคิดบริโภคพืชผักเป็นยา" | ข้อมูลสุขภาพ มูลนิธิหมอชาวบ้าน
     
  2. นายซ้ง

    นายซ้ง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +5
    อันที่จริง การกินอาหารเป็นยานั้น เป็นการดี แต่พฤติกรรมการกินอาหารเป็นยาของคนไทยในปัจจุบัน เป็นเรื่องผิด คำว่าอาหารเป็นยา คือกินในรูปแบบของอาหาร มิใช่กินในรูปแบบของยา การกินอาหารเป็นยา ควรเอาแบบอย่างคนไทยในอดีต ที่กินอาหารหลากหลาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผักพื้นบ้าน อาหารท้องถิ่น ปลาตามธรรมชาติ ปลอดมลพิษ และผ่านการหุงต้ม นึ่ง ปิ้ง ย่าง
    ปัจจัยต่างๆจึงแปรเปลี่ยนไป อย่างไรก็ดีการกินพืช ผักในรูปแคปซูล จึงต้องพิจารณาอย่างยิ่ง
     
  3. naitiw

    naitiw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,611
    ค่าพลัง:
    +2,882
    ขอบคุณมาก ดาบ 2 คมทั้งนั้น โบราณก็ให้ทานสลับกันไปนะ ไม่ได้ให้ทานทุกๆวัน
     
  4. Zintellar

    Zintellar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    423
    ค่าพลัง:
    +143
    อีกทางหนึ่งเราควรต้องดูด้วยว่า สมุนไพรชนิดนี้มีโทษต่อคนที่เป็นโรคแบบไหนบ้าง ไม่ใช่สุ่มสี่ สุ่มห้าแล้วนึกจะกิน มันเป็นไปไม่ได้หรอก ทุกสิ่งทุกอย่างมันมีทั้งโทษและประโยชน์ขึ้นอยู่กับว่าคุณใช้สมุนไพร ได้ถูกกับโรค ถูกวิธีแล้วหรือยัง แต่ทางที่ดีหันมากินผักดีกว่าแต่ผักก็ควรปลูกเองด้วยนะ กินเนื้อนอกจากจะช่วยส่งเสริมการฆ่าสัตว์แล้ว ทั้งยังเป็นบ่อเกิดของโรคต่างๆอีกมากมาย
     
  5. pr!mpr!e

    pr!mpr!e เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2010
    โพสต์:
    371
    ค่าพลัง:
    +145
  6. omo@ampawan

    omo@ampawan สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +3
    ตายละหว่ายิ่งชอบผักพื้นบ้านอยู่ด้วย
     
  7. Surachai Mankong

    Surachai Mankong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    318
    ค่าพลัง:
    +329
    "ได้สาระดีมากๆๆ เลยครับ ขอบคุณครับ :D"

    _/\_๑ _/\_๑ _/\_๑ _/\_๑ _/\_๑ _/\_๑ _/\_๑ _/\_๑ _/\_๑ _/\_๑ _/\_๑ _/\_
    ___________________________________________________________________

    vVธรรมดีดี จากพระเดชพระคุณหลวงพ่อสนอง กตปุญโญVv
    :cool:คลิกๆๆ^____^:cool:
    เชิญแวะโหลดธรรมเทศนา-พระเดชพระคุณหลวงพ่อสนอง กตปุญโญ
    [​IMG]Facebook-ธรรมะสว่างใจ-วัดสังฆทาน-นนทบุรี[​IMG]
    เว็บวัดสังฆทานจังหวัดนนทบุรี


    </object>[/CENTER]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กรกฎาคม 2011
  8. COME&Z

    COME&Z เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,144
    ค่าพลัง:
    +234
    ขอบคุณค่าาา ความรู้มากมาย^ ^
     
  9. ล้อเล่น

    ล้อเล่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    4,924
    ค่าพลัง:
    +18,649
    เป็นประโยชน์มากในการรับประทานพืชผักตามกระแสนิยม
    ควรทานผักอย่างน้อย 3 ชนิดขึ้นไป เพื่อให้เกิดประโยชน์มากที่สุดจร้า
     
  10. supphakrit

    supphakrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2010
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +178
    ขอบคุณมากครับ จะนำไปปฏิบัติ ยืดสายกลางเป็นดีที่สุด
     
  11. นางสาวอยู่จ้ะ

    นางสาวอยู่จ้ะ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,041
    ค่าพลัง:
    +3,865
    เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งค่ะ เพราะยาสมุนไพร บางชนิด กินเป็นยาเดี่ยว ไม่ได้
    ต้องกินแบบ "เข้ายา" คือ ร่วมกับตัวยาอื่นๆ เพื่อลดผลข้างเคียง เป็นต้น
    ตัวเองเคยพลาดไปเต็มๆ กับ รางจืด คิดจะล้างพิษ เลยซื้อมากินแบบแคปซูล
    ผลคือ เจ็บหัวใจ, มาอ่านข้อมูลภายหลังพบว่าต้อง"ต้ม"รางจืดกับใบเตย
    (คงเพื่อลดผลข้างเคียงกับหัวใจ), นี่อาจจะไม่เป็นกับท่านอื่น ก็ได้นะคะ
    เพราะส่วนตัว เป็นคนมีอาการของโรคหัวใจอ่อนแรงอยู่แล้วค่ะ
     
  12. pros

    pros สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +14
    สมุนไพรใช้ไม่ถูกวิธี

    ขออนุญาตเรียนให้ท่านที่อ่านได้ทราบ พอมีความรู้ด้านสมุนไพรอยู่บ้าง
    1.ขี้เหล็ก - ภูมิปัญญาของคนในอดีต ท่านบอกว่า ก่อนนำมารับประทาน ต้องต้มให้น้ำเดือดก่อน อย่างน้อย 3 น้ำ เพื่อลดพิษ แล้วนำมาแกงรับประทานก็ปลอดภัยดี แต่คนปัจจุบันไม่จดจำ นำใบสดมาตากแห้งแล้วบดเป็นผง อัดใส่แคปซูล โดยไม่นำไปต้มล้างพิษออกก่อนแถมกินกันเป็นเดือน ก็ได้รับพิษเต็มๆ เป็นฝีที่ตับ/โรคตับได้แน่ๆ
    2.มะเกลือ - ที่เคยเกิดเหตูเด็กนักเรียนกินแล้วตาบอด ก็เพราะไม่ศึกษาให้ถ่องแท้ ทั้งคนที่นำไปใช้และคนที่ห้ามใช้ ความจริงก็คือ มีข้อกำหนดว่าให้รับประทานได้ตามจำนวนไม่เกินอายุอายุ ถ้าเด็กอายุ 10 ขวบ ใช้ไม่เกิน 10 ลูก อายุ 15 ใช้ไม่เกิน 15 ลูก ถ้าอายุเกิน 25 ปี เช่น อายุ 50 ปี ก็ใช้ได้ไม่เกิน 25 ลูก ตามจำนวนของใครของมัน ไม่ใช่ว่า จะคั้นน้ำให้เด็กอายุ 10 ขวบ จำนวน 10 คน ก็เลยนำมะเกลือจำนวน 100 ลูกมาคั้น(แถมค้างคืนอีกต่างหาก) คิดดูว่าความเข้มข้นของตัวยาจะมากขนาดไหน ไม่ตาบอดก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว เพราะฉะนั้น เด็ก 10 ขวบ ก็ใช้ไม่เกิน 10 ลูก คั้นให้ดื่มเฉพาะราย ห้ามนำมารวมแล้วหารเฉลี่ยแบบคณิตศาสตร์เด็ดขาด
    3.สมุนไพรตัวอื่นๆ ก็เหมือนกันครับ
    ตามหลักของพิษวิทยา กำหนดว่า ความเป็นพิษนั้น ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นหรือปริมาณของสารที่ร่างกายได้รับ เช่น น้ำ ที่เราดื่มทุกวัน ปริมาณที่พอเหมาะที่ควรดื่มประมาณ 2-3 ลิตร ต่อวัน แต่ถ้าเราดื่มวันละ 10 ลิตร ลองคิดดูว่าจะมีอันตรายไหม ไตท่านจะทำงานหนักไหม ความเป็นกรดเป็นด่างในร่างกายจะเสียสมดุลไหม...ขอให้พิจารณาดู...ขอให้ศึกษาให้เข้าใจอย่างถ่องแท้..และ..ใช้หลักกาลามสูตร..ก่อนที่จะตัดสินใจ..ว่า..เชื่อ..หรือ..ไม่เชื่อ...ธรรมสวัสดีครับ
     
  13. แอ๊ว

    แอ๊ว สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +2
    ขอบคุณมากค่ะ....ดิฉันก็กินทุกวันเหมือนกัน ทีนี้ต้องระวังแล้วค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...