ค่ายบางระจันแตกเพราะอะไร?

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย Lukhgai, 4 พฤษภาคม 2009.

  1. Lukhgai

    Lukhgai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    3,000
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +8,238
    เรื่องราวอันเป็นวีรกรรมของชาวบ้านบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี เกิดขึ้นนานนับร้อยปีล่วงมาแล้ว เหตุการณ์ในครั้งนั้น เป็นที่เล่าขานกันต่อมาตราบจนทุกวันนี้ มันเป็นสงครามที่ลงเอยด้วยความตาย ไม่มีชาวบางระจันรอดชีวิตจากสงครามในครั้งนั้นแม้แต่คนเดียว
    แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงเป็นที่ค้างคาใจคนไทยรุ่นหลังๆ ก็คือ ทำไมกรุงศรีอยุธยาจึงไม่ให้ปืนใหญ่ชาวบ้านบางระจัน ?
    ก่อนอื่นเราต้องไม่ลืมว่า สมัยนั้นคำว่า "ชาติไทย" ยังไม่มี กรุงศรีอยุธยาเป็นเมืองหลวงก็จริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า หัวเมืองต่างๆ จะต้องเชื่อฟัง คำสั่งของพระเจ้าแผ่นดินเสมอไป รวมทั้งชาวบ้านบางระจันก็ไม่ได้ขึ้นต่อกรุงศรีอยุธยาเช่นกัน
    การใช้ชีวิตของชาวบ้านบางระจันเป็นไปอย่างอิสระ ผู้ชายไม่ได้สนใจเรื่องที่จะไปเป็นทหารอยู่ในวังหลวงเสียด้วยซ้ำไป ภาษีหรือที่เรียกว่า จังกอบ ..........ชาวบ้านบางระจันก็ไม่ได้นำส่งเข้าเมืองหลวง ด้วยเหตุนี้ทำให้กรุงศรีอยุธยามีความไม่พอใจชาวบ้านบางระจัน
    เมื่อเกิดสงครามระหว่างชาวบ้านบางระจันกับฝ่ายพม่า กรุงศรีอยุธยาจึงไม่ส่งกำลังทหารมาช่วย รวมไปถึงปืนใหญ่ที่ชาวบางระจันขอมา กรุงศรีอยุธยาก็ไม่ให้ไป โดยอ้างเหตุผลว่า กลัวฝ่ายทหารพม่าจะดักปล้นระหว่างทาง
    นักประวัติศาสตร์ที่ศึกษาเรื่องราวของชาวบ้านบางระจัน ต่างมีความเห็นตรงกันว่า แท้จริงแล้ว การที่กรุงศรีอยุธยาไม่ให้ปืนใหญ่ไปนั้น เกิดจากความไม่แน่ใจว่า สงครามที่เกิดขึ้นในภายภาคหน้า

    ชาวบ้านบางระจันจะอยู่ข้างฝ่ายใด หากชาวบางระจันไปเข้ากับฝ่ายพม่า ก็จะเท่ากับเป็นการเสริมเขี้ยวเล็บให้กับฝ่ายศัตรู
    ดังนั้นเพื่อความไม่ประมาท ทางกรุงศรีอยุธยาจึงไม่ให้ปืนใหญ่กับชาวบ้านบางระจัน จนทำให้เกิดเหตุการณ์วิปโยคไปทั้งหมู่บ้าน ส่งผลให้กรุงศรีอยุธยาเสียเอกราชในเวลาต่อมา ไม่มีตัวเลขยืนยันว่า ชาวบ้านบางระจันเสียชีวิตไปกี่คน แต่สิ่งที่เชื่อถือได้อย่างแน่นอนก็คือ ไม่มีผู้ใดรอดชีวิตจากสงครามในครั้งนั้นแม้แต่คนเดียว
    ...........ขอนำท่านย้อนกลับไปยังเหตุการณ์ในอดีต ซึ่งตรงกับในรัชสมัยของสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3 (พระเจ้าบรมโกศ) เมื่อพระองค์ทรงเสด็จสวรรคตเมื่อ พ.ศ. 2301 ทรงมอบราชสมบัติให้สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 4 (กรมขุนพรพินิต) ครองราชสมบัติเป็นเวลา 10 วัน แล้วทรงถวายราชสมบัติแก่สมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนอนุรักษ์มนตรี พระเชษฐาธิราช ส่วนพระองค์เสด็จออกทรงผนวช ณ วัดเดิม แล้วประทับอยู่ ณ วัดประดู่
    เมื่อสมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนอนุรักษ์มนตรี ได้กระทำพิธีราชาภิเษกแล้ว ทรงพระนามว่าสมเด็จพระบรมราชาที่ 3 หรือเรียกกันว่า สมเด็จพระที่นั่งสุริยาศอมรินทร์ หรือสมเด็จพระเจ้าเอกทัศ สมเด็จพระเจ้าเอกทัศมิได้ทรงพระปรีชาสามารถในการปกครอง สมเด็จพระราชบิดาจึงไม่ยอมมอบราชสมบัติให้ เมื่อพระองค์ได้เถลิงถวัลย์ราชสมบัติ ดังนี้จึงทำให้เกิดความระส่ำระสายในหมู่เจ้านายและข้าราชการทั้งปวง
    พระเจ้าอลองพญามังลอง และมังระราชบุตร ยกกองทัพมาตีเมืองทวาย มะริดและตะนาวศรี ซึ่งเป็นของไทย สมเด็จพระเจ้าเอกทัศโปรดให้กองทัพไทยยกออกไปป้องกันถึง 3 ทัพ แต่ก็พ่ายแพ้พม่ากลับพระนครทุกครั้ง พม่าสามารถยกเข้ามาถึงชานกรุงศรีอยุธยา ใช้ปืนใหญ่ระดมยิงพระราชวัง เผอิญพระเจ้าอลองพญาถูกราชปืนแตกต้องพระองค์ประชวร ในวันขึ้น 2 ค่ำ เดือน 1 ปีมะโรง พ.ศ. 2303 พอถึงตำบลเมาะกะโลก นอกด่านเมืองตาก พระเจ้าอลองพญาก็สวรรคต
    ...........ต่อมาใน พ.ศ. 2307 พระเจ้ามังระกษัตริย์พม่า ขึ้นครองราชย์ต่อจากมังลองพระเชษฐาใน พ.ศ. 2306 คิดจะตีกรุงศรีอยุธยาอีก กองทัพของมังมหานรธาตีได้เมืองทวายแล้ว จึงยกมาตีเมืองมะริด เมืองตะนาวศรีของไทยด้วย มังมหานรธาส่งทัพหน้าเข้ามาทางกาญจนบุรีในเดือน 7 ปะทะกับทัพพระพิเรนทรเทพ ทัพไทยแตกพ่าย สงครามครั้งนี้ไทยเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ พม่ายึดได้เมืองต่างๆหลายเมือง
    ในเดือน 3 ปีระกา พ.ศ. 2308 พวกชาวเมืองวิเศษชัยชาญ เมืองสิงห์บถรี เมืองสรรค์บุรี จึงพากันคิดอุบายล่อลวงพม่า นายโชติก็คุมสมัครพรรคพวกเข้าฆ่าฟันพม่าตายประมาณ 20 เศษ แล้วพาพรรคพวกครอบครัวทั้งปวงหนีมาพึ่งพระอาจารย์ธรรมโชติ วัดเขานางบวช ซึ่งมาอยู่วัดโพธิ์เก้าต้นบ้านบางระจัน เนื่องจากพระอาจารย์ธรรมโชติมีกิตติศัพท์ว่ามีคุณความรู้ดี เชี่ยวชาญทางวิทยาคมมาก
    พระอาจารย์ธรรมโชติได้ลงตะกรุดประเจียดมงคลแจกชาวค่าย สำหรับป้องกันตัวและเป็นกำลังใจนอกจากนี้ยังมีคนไทยชั้นหัวหน้าที่เข้ามาร่วมด้วยอีก 5 คน คือ ขุนสรรค์ พันเรือง นายทองเหม็น นายจันหนวดเขี้ยว และนายทองแสงใหญ่ รวมหัวหน้าที่สำคัญของค่ายบางระจันครั้งนั้น 11 คน ท่านเหล่านี้รวมทั้งชาวบ้านอื่นๆ ได้รบสู้กับทัพพม่าถึง 8 ครั้ง
    ...........การรบครั้งที่ 1 ทหารพม่าที่เมืองวิเศษชัยชาญยกพลประมาณ 100 เศษมาตามจับพันเรือง เมื่อถึงบ้านบางระจัน ก็หยุดอยู่ ณ ฝั่งแม่น้ำ (บางระจัน) นายแท่นจัดคนให้รักษาค่าย แล้วนำคนสองร้อยข้ามน้ำไปรบกับพม่า ทหารพม่าไม่ทันรู้ตัวยิงปืนได้เพียงนัดเดียว ชาวไทยซึ่งมีอาวุธสั้นทั้งนั้นก็กรูเข้าไล่ฟันแทงพม่าถึงขั้นตะลุมบอลพลทหารพม่าล้มตายหมด
    ...........การรบครั้งที่ 2 เนเมียยวสีหบดีจึงแต่งให้งาจุนหวุ่น คุมพล 500 มาตีค่ายบางระจัน นายแท่นก็ยกพลออกรับ ตีทัพพม่าแตกพ่ายล้มตายเป็นอันมาก
    ...........การรบครั้งที่ 3 เนเมียวสีหบดีเห็นว่าจะประมาทกำลังของชาวบ้านบางระจันต่อไปอีกไม่ได้ จึงเกณฑ์เพิ่มขึ้นอีกเป็น 900 คน ครั้งนี้ชาวบ้านบางระจันมีชัยชนะอีกครั้ง
    ...........การรบครั้งที่ 4 ทัพไทยทั้งสามยกไปตั้งที่คลองสะตือสี่ต้น ฝ่ายไทยชำนาญภูมิประเทศกว่า ตัวสุรินทร์จอข่องนายทัพพม่า ถูกพลทหารไทยวิ่งเข้าไปฟันตาย ณ ที่นั้น
    ...........การรบครั้งที่ 5 แยจออากาเป็นนายทัพ คุมทหารซึ่งเกณฑ์แบ่งมาจากทุกค่ายประมาณ 1,000 เศษ พร้อมด้วยม้าและอาวุธต่างๆ แต่ก็ปราชัยชาวบ้านบางระจัน
    ...........การรับครั้งที่ 6 นายทัพพม่าครั้งที่ 6 คือ จิกแก ปลัดเมืองทวาย คุมพล 100 เศษ ฝ่ายไทยมีชัยชนะอีกเช่นเคย
    ...........การรบครั้งที่ 7 เนเมียวสีหบดีให้อากาปันคยีเป็นแม่ทัพคุมพล 1,000 เศษ ทหารไทยใช้การรบแบบจู่โจม พม่ายังไม่ทันตั้งค่ายเสร็จก็ถูกโจมตีทางหลังค่าย พม่าแพ้อีกครั้ง
    การรบครั้งที่ 8 ในครั้งนั้นมีชาวรามัญผู้หนึ่งเคยอยู่เมืองไทยมานาน รู้จักนิสัยคนไทยและภูมิประเทศดี ได้เข้าฝากตัวทำราชการอยู่กับพม่าจนได้รับตำแหน่งสุกี้หรือพระนายกอง ดำเนินกลศึกอย่างชาญฉลาด ในที่สุดพม่าก็สามารถตีค่ายใหญ่บางระจันได้ ในวันจันทร์ แรม 2 ค่ำ เดือน 8 ปีจอ พ.ศ. 2309 รวมเวลาที่ไทยรับกับพม่าตั้งแต่เดือน 4 ปลายปีระกา พ.ศ. 2308 ถึงเดิน 8 ปีจอ พ.ศ. 2309 เป็นเวลาทั้ง 5 เดือน
    ในเวลานี้ภายในบริเวณวัดโพธิ์เก้าต้น ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นสมรภูมิรบเมื่อครั้งอดีต ได้มีการจัดสร้างกำแพงโดยรอบ เพื่อเป็นการรื้อฟื้นบรรยากาศเก่าๆ สมัยเมื่อครั้งอดีต ที่ชาวบ้านบางระจันทำสงครามกับฝ่ายพม่า คุณอ๊อด พลรักษ์ ............ช่างคนหนึ่งได้เล่าให้ฟังว่า ในขณะที่เขากำลังทาสีกำแพงรั้วอยู่นั้น เขารู้สึกหน้ามืดหมดสติ ก่อนที่ร่างของเขาจะล่วงตกลงมา เขามีความรู้สึกว่ามีมือที่ทรงพลังมาดันหลังของเขาเอาไว้
    "ผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ มือนั้นมีพลังมาก ซึ่งไม่ใช่พวกเพื่อนๆ ผม พวกเขาไปกินข้าวกันหมด มีผมเพียงคนเดียวที่ยังไม่หิว ผมจึงทาสีกำแพงรั้วไปเรื่อยๆ ความสูงจากรั้วถึงพื้นดิน ราวๆ 10 เมตรเห็นจะได้ ถ้าตกลงมาก็เจ็บหนักละครับ ผมเชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผม จะต้องเกี่ยวพันกับอำนาจบางอย่างที่มีอยู่ในบริเวณวัดแห่งนี้"...........เรื่องราวแปลกๆ ภายในบริเวณวัดโพธิ์เก้าต้น มักจะปรากฏให้คนทั่วไปได้ประจักษ์อยู่เสมอ ประหนึ่งจะบอกให้รู้ว่า ณ สถานที่แห่งนี้ ยังมีดวงวิญญาณของเหล่านักรบกล้า สิงสถิตอยู่จนชั่วนิจนิรันดร์


    ที่มาgeocities.com/tongdan
     
  2. Lukhgai

    Lukhgai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    3,000
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +8,238
    พอเราได้อ่านเเล้ว มีความรักชาติมากกว่าเดิม เเละคิดว่าดวงวิญญานของท่านเหล่านี้คงจะไม่ไปไหน....
     
  3. งูขาว

    งูขาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2008
    โพสต์:
    945
    ค่าพลัง:
    +1,824
    เลือดเนื้อบรรพบุรุษ ทาแผ่นดิน เพื่อรักษาแผ่นดินไทย ข้าขอกราบจรดฟ้าดิน บูชาพระคุณวีรชนทั่งหลาย สาธุ สาธุ สาธุ
     
  4. OLDMAN AND A CAR

    OLDMAN AND A CAR เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    824
    ค่าพลัง:
    +2,752
    ๕ พฤษภาคม ๒๕๕๒......
    ค่ายบางระจันแตกเพราะอะไร

    ....เป็นบทความที่ให้ความรู้ได้ ดีมาก...เลยขอเซฟเก็บไว้อ่าน และ อยากแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม ดังนี้...

    <O:p๑. ในศึก พระเจ้าอลองพญา(พ.ศ ๒๓๐๓) ซึ่ง ทำให้พระองค์ สวรรคต ด้วย แพ้ภัยพระองค์เอง นั้น ทำให้ ฝ่ายพม่า ซึ่ง ได้ ชัยชนะ ในการทำศึกกับไทย ตลอดมา จนรุกประชิดชานพระนครกรุงศรีอยุธยา ได้นั้น ทำความเข้าใจได้ว่า...การปกครอง และ การทหาร ในกรุงศรีอยุธยา มิได้ เข้มแข็ง เหมือน แต่ก่อน ที่ ชนะพม่าบ้าง แพ้พม่าบ้าง แต่นี่ แพ้มาตลอดเลย...แล้ว จะไม่ให้ ยกทัพมา เป็นรอบที่สองได้อย่างไร?
    <O:p</O:p

    ๒. ทางฝ่ายไทย หลังจากเสร็จศึกพระเจ้าอลองพญาแล้ว แม้จะตระหนักว่า อาจมีสงครามรอบที่สอง ที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม...แต่ ก็ มิได้ ดำเนินมาตรการเสริมและระดมความพร้อม เท่าที่ควร สมัยที่เรียนอยู่ ทราบว่า เป็นเพราะ เชื่อมั่น ใน ชื่อ ของ อโยธยา แปลว่า ไม่พ่ายแพ้แก่ใคร... และ เชื่อมั่นใน ความแข็งแกร่งของ กำแพงเมือง ..แต่นี่ ก็คงเป็นแรงจูงใจ ให้กับทางพม่า ที่จะเอาชนะไทย ด้วย เช่นกัน...และ โดยหลักการพิชัยสงครามนั้น กำแพงเมือง มิได้ แกร่งไปกว่า ประสิทธิผล และ ประสิทธิภาพ ทางการทหาร.....สำหรับ การเล่นไสยศาสตร์สงคราม และ อุปกรณ์ การรบนั้น ก็ นับว่า พอๆกัน มิได้มีฝ่ายใดได้เปรียบ

    ๓.ศึกพระเจ้ามังระ(พ.ศ. ๒๓๐๗) จึง ได้ตระเตรียมทำสงครามกับไทย มาเป็นอย่างดี โดยเป็นสงครามระยะยาว ไม่สำเร็จ ไม่เลิกล้ม...ปรากฎการณ์ ชาวบ้านบางระจัน จึงบังเกิดขึ้น เนื่องเพราะ ในการศึกครั้งนั้น ไทย เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ และ ถอยร่นมาตลอด...จะหวังพึ่ง ราชการ คงยาก แต่เมื่อ ชาวบางระจัน ได้ใช้ ฝีมือ และ กลยุทธแบบกองโจร เป็นผลสำเร็จในระยะแรกๆ ทำให้เกิดความมั่นใจว่า...พม่านั้น ก็แพ้เป็นเหมือนกัน จึงได้ ขอ ความช่วยเหลือ ไปยัง เมืองหลวง แต่ ผลลัพท์ ก็ เป็น อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้ว....
    <O:p</O:p

    ๔. หากขณะนั้น ทางกรุงศรีฯ จะ เต็มใจส่ง กองกำลังทหาร และ ยุทโธปกรณ์ ไปช่วยชาวบ้านบางระจัน ให้เพียงพอ เชื่อว่า ไทย จะ ไม่เสียกรุง ในครั้งนั้น เพียงเพราะ ความระแวง และ ความใจแคบ ทั้งๆที่ ความเป็นความหายนะ มารอตรงหน้า ก็ ไม่ยินดีให้ความช่วยเหลือ.... เวลา ๕ เดือน ที่อยู่ระหว่างการศึกกับพม่าตามลำพังนี้ ยังไม่สามารถ พิสูจน์ ความจริงใจ ต่อชาติบ้านเมืองได้ นับว่า เป็นวิบากกรรม ที่หนักหนาสาหัสจริงๆ
    <O:p</O:p

    ๕. ความเป็นไป และ ชะตากรรมของ ชาวบ้านบางระจัน ย่อมล่วงรู้ไป ถึง กรุงศรีฯ ทำให้ขวัญและกำลังใจของประชาชน และ ทหาร ซึ่งก็ มี ไม่มากอยู่แล้ว ลดลงจนอยู่ในระดับต่ำสุดๆ ไม่มีใครอยากเป็นฮีโร่ ถ้ามันจะต้อง ลงท้ายแบบนี้...จนในวันหนึ่ง ทหารพม่า รุกประชิดกำแพงเมืองได้ แล้วเกณฑ์ ไพร่พล ขุดดินใต้กำแพงเมือง เอาไฟสุมเสีย จน กำแพงเมืองทรุดพังทลาย....อวสานของกรุงศรีฯ จึง มาถึง ในที่สุด....บรรดาวัดวาอารามล้วนถูกทำลายด้วยไฟเผา ทั้งเมืองกลาย เป็น กองเพลิง ผู้คนแตกกระจัดกระจายหนีตายเอาตัวรอด ที่หนีไม่ทัน พม่า ก็ฆ่าตาย เสียเป็นจำนวนมาก บ้าง ก็ เป็นเชลยสงคราม...ดูประหนึ่งว่า โจรปล้นเมือง มิใช่ การสงครามแห่งเกียรติยศ
    <O:p</O:p

    ..ยังนับว่า ...โชคดี ที่ ในชั่วระยะเวลาสั้นๆ เพียง ๗ เดือน ไทยก็เป็นเอกราชได้ เพราะ บารมี แห่ง องค์ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี หรือ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พระผู้ สืบสานปณิธาน ถวาย ชีวิต และ แผ่นดินนี้ให้ เป็นพุทธบูชา.........ขอพระองค์ จงทรง พระเจริญ

    <O:p....อะไรจะเกิดขึ้น...หาก พระองค์ ไม่ตัดสินพระทัย หลบหนี ออกจากกรุง เสียก่อนกรุง จะแตก?... บางกระแสข้อมูล ก็ว่า พระองค์ ทรง หนีทัพ..แต่สำหรับ ผม...ไม่ใช่อย่างนั้น...หาก บริษัท ที่ทำงานอยู่...ทำอย่างไร ก็เจ้ง และ สุดที่จะเยียวยาแก้ไข แล้ว ...ผม ก็ ขอ ลาออกก่อน ไม่ให้เป็นภาระ แก่คนอื่น ไม่ใช่ อยู่จน บริษัทมันล่มสลายไปเลย แล้ว ค่อยลาออก...

    <O:pผิดถูกอย่างไร โปรดพิจารณา...
     
  5. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,612
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    เพราะผู้นำของเรา ขาดทศพิธราชธรรม
    แถมข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ก็เห็นแก่ตัว และเพ็จทูลเบื้องสูง

    โมทนาครับ
     
  6. teelak

    teelak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    290
    ค่าพลัง:
    +900
    คนไทยอย่าทะเลาะกันนะครับ

    เดี๋ยวเป็นเหมือนเมื่อก่อน
     
  7. sukirin

    sukirin สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2007
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +12
    ขอบคุณสำหรับข้อความดีๆครับ
     
  8. BirD-

    BirD- Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +51
    ด้วยครับ
     
  9. นักรบเเห่งสยาม

    นักรบเเห่งสยาม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    882
    ค่าพลัง:
    +607
    ดูซิครับนับรบรุ่นก่อนๆท่านสู้เพื่อ ชาติไทยเราให้พ้นจากพวก พม่า เเต่ตอนนี้คนไทยมาฆ่ากันเองตีกันเอง
     
  10. banpong

    banpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,439
    ค่าพลัง:
    +1,770
    มีคนรอดชีวิต ครับจากบ้านบางระจัน
    คือกำนันจันหนวดเคี้ยว ภายหลังได้ไปร่วมรบกับพระเจ้าตาก

    อ้างจาก หนังสือโลกทิพย์ ฉบับ เรื่องของหลวงพ่อฤษีอะครับ

    เคยอ่านมา สาธุๆๆๆๆ
     
  11. FCM

    FCM Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2008
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +34
    เราก็คนเมืองเก่าแต่เป็นที่สุโขทัยนะ

    อนุโมทนาค่ะ และพวกเราคนไทยอยุดทำร้ายประเทศซักทีนะค่ะ

    บรรพบุรุษคนไทยถ้าเห็นลูกหลานไทยวันนี้ฆ่ากันเองคง

    จะหลั่งน้ำตาแน่เลยอุตส่าปกป้องบ้านเมืองให้มีอยู่จนทุกวันนี้แท้ๆ
     
  12. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,818
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ไปเที่ยวอนุสาวรีย์ค่ายบางระจันเมื่อวันแรงงาน 1 พ.ค 52

    เห็นรูปปั้นบางท่านถืออาวุธที่ไม่ค่อยสมเป็นอาวุธ เพราะมันคือเครื่องมือกสิกรรม
    รู้สึกสงสารมาก น้ำตาไหล ไม่อยากให้เกิดแบบนี้ขึ้นอีก
    ไม่อยากเห็นส่วนกลางบริหารแผ่นดินเอาแต่ห่วงสบาย ปล่อยให้ชาวบ้านเดือดร้อนสาหัส
    เหมือนดังสมัยเสียกรุงครั้งที่ 2 อีกเลย ขอให้พระสยามเทวาธิราชคุ้มครองบ้านเมืองด้วยเถิด

    ขอกราบนอบน้อมต่อพระสยามเทวาธิราช เทวดาอารักษ์ เหล่าเสื้อเมือง ทรงเมือง ผู้ทรงคุณทั้งหลาย

    ที่รักษาแผ่นดินนี้ไว้ให้ร่มเย็น
     
  13. marine24

    marine24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    2,224
    ค่าพลัง:
    +15,636
    ในยุคปัจจุบันก็เช่นกัน ผมเคยผ่านสนามรบชายแดนไทย-เขมร มันทั้งเครียด ทั้งเหนื่อยแสนสาหัส หลายครั้งที่คิดว่าตัวเองอาจจะไม่ได้กลับบ้าน แต่ต้องทำหน้าที่ คิดว่าทำใจแล้วไหนๆ ก็ต้องตาย ก็ขอสู้ให้สมศักดิ์ศรีนักรบของพระเจ้าตาก (ตอนนั้นอยู่ค่ายตากสิน) ละเลงเลือดให้ท่วมฐานที่มั่นไปเลย (กำลังฝ่ายเราน้อยกว่าเวียตนาม) เอาศพเราป็นปราการป้องกันข้าศึก แทบทุกเดือนจะมีพิธีศพเพื่อนทหารที่วัดในจังหวัด แต่มาเห็นสภาพปัจจุบันแล้ว เมื่อก่อนเราแทบเอาชีวิตเข้าแลกสู้กับต่างชาติ ตอนนี้มาสู้กันเอง
     
  14. lonely-wolf

    lonely-wolf สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    82
    ค่าพลัง:
    +14
    ตอนดูหนังชอบมากครับ นักรบเท่ทุกคนเลย
     
  15. ลูกฮองเฮา

    ลูกฮองเฮา สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +22
    ทุกวันนี้ไม่รู้จะทะเลาะกันทำไม คนไทยด้วยกันทั้งนั้น สีก็สีเดียวด้วยกันทั้งนั้น ถ้าไม่เชื่อลองกรีดเลือดออกมาดูซิครับ ว่าสีแดงเหมือนกันไหม ?

    (คำพูดของผมอาจพูดไม่ถูกใจบุคคล บุคคลใดก็ขออภัยด้วยนะครับ)
     
  16. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    ยายผีป่ามีความผูกพันธ์กับบ้านบางระจันทร์ สมัยเด็กๆ นั้น พอครูสอนร้องเพลง "ศึกบางระจันทร์" ทั้งๆ ที่ไม่ทันรู้ประวัติศาสตร์เลย พอร้องเพลงนี้เมื่อใด น้ำตาซึมเลย


    แต่ถ้าบอกว่า "ชาวบ้านบางระจันทร์ตายเกลี้ยง" ขอบอกว่า

    "ไม่น่าจะตายทั้งหมดนะคะ หลายคนรอดตายและสืบลูกสืบหลานมาจนทุกวันนี้ ที่รอดนั้น ส่วนมากเอาตัวซุกใต้ลำน้ำที่มีเศษซากปลักหักพัง แอบหนีไปได้ เอากอกล้วยที่ล้มไว้ทับตัวรอจังหวะสู้หรือหนีเพื่อตั้งหลัก ลูกเล็กเด็กแดงถูกส่งตัวให้ไปซ่อนตัวตามป่า ทำหลุมอำพราง บ้างโดนจับเป็นเชลย บ้างอยู่กินกับข้าศึกออกลูกเต้าเป็นชาวเราไปก็มี ส่วนที่ตายกันนั้น เป็นผู้ชาย เป็นพระสงฆ์ส่วนมาก ผู้หญิงสมัยนั้น โดยเฉพาะบรรดาลูกสาวนายจันทร์ หนวดเขี้ยวนั้น ตอนแรกเป็นกองพลาธิการ ทำอาหารและปฐมพยาบาล แต่เมื่อกำลังน้อยลงจำต้องแฝงตัวออกไปลาดตะเวณ ดูความเคลื่อนไหว ด้วยการพรางตัวใต้โคลนตม เอากอกล้วยกำบัง ถ้าพม่าเผลอ ก็ลอบซุ่มโจมตี เด็กสาวรุ่นเล็กๆ กำลังแตกสาว เขาจะส่งหนีไปกับพวกทหารไทยก่อน

    (เป็นความเชื่อส่วนบุคคลของยายผีป่าเอง ห้ามเอาไปเป็นเรื่องจริงจัง)
     
  17. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,818
    ค่าพลัง:
    +6,434
    นักรบไทยสู้สุดใจ

    นักรบไทย สู้สุดใจ เช่นนี้เอง ขอคารวะทุกดวงจิตทหารผู้กล้าทั้งในอดีตและปัจจุบัน ผู้เอาเลือดเนื้อเข้ารักษาแผ่นดินไว้
     
  18. Igiko_L

    Igiko_L เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,407
    ค่าพลัง:
    +2,836
    ได้เจออาจารย์ท่านหนึ่ง แล้วเห็นหน้าอาจารย์เปลี่ยนไป รวมถึงการแต่งกายก็เปลี่ยนไป เอ คุ้นๆ (ตัวหนูไม่ได้ดูหนังเรื่องบางระจัน)ก็คิดๆ ใช่เหมือนชาวบ้าน บางระจันคะ ท่านเป็นอาจารย์สอนที่ คณะสถาปัตย์(ซึ่งเพื่อนเรียนอยู่)เพื่อนเล่าให้ฟังว่า อาจารย์ท่านนี้ อนุรักษ์ความเป็นไทยมาก ทำอะไร คิดถึงประเทศมาก่อนเสมอ เรียกว่าเงินซื้อไม่ได้เลย และอาจารย์ก็เก่งด้วย แปลกดีนะคะ เลยเล่าให้ฟัง
     
  19. ไก่เหลืองหางขาว

    ไก่เหลืองหางขาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2009
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +498
    ขอคารวะนักรบบ้านบางระจันและนักรบไทยผู้กล้าหาญทุกท่านครับ
     
  20. น้ำดี1

    น้ำดี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    13,402
    ค่าพลัง:
    +43,432
    แตกเพราะขาดความสามัคคีค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...