คำทำนายนี้ของใครกันแน่ และหมายถึงเหตุการปัจจุบันหรือไม่

เหตุการบ้านเมืองตอนนี้แย่ลงไปทุกวัน
มองหาทางออกไม่เจอเลยจริงๆ พอดีได้อ่านเจอคำทำนายบ้านเมือง อันหนึ่ง แต่ไม่รู้เป็นของหลวงพ่อองค์ใดครับ อ่านแล้วเหมือนจะบอกถึงเหตุการบ้านเมืองตอนนี้เลยครับ

ใครทราบเกี่ยวกับข้อมูลคำทำนายนี้ ช่วยให้ข้อมูลด้วยครับ


เมื่อถึงปลายรัชกาลผ่านเข้ามา
ประเทศชาติจะรุ่งเรืองและเฟื่องฟุ้ง
น้ำมันผุดขึ้นมาจนเห็นค่า
พวกกาขาวจะบินรี้หนีเข้ามา
เป็นประชาจนเต็มพระนคร
ชนทั่วโลกจะยกพระองค์ท่าน
ชื่อกระฉ่อนร่อนทั่วทุกสิงขร
ออกพระนามลือชื่อดั่งทินกร
องค์อมรเอกบุรุษแห่งแผ่นดิน
ชาวประชาจะปิติยิ้มสดใส
แต่อกไหม้หนอนกินข้างในสิ้น
จะมีพวกกาฝากคอยกัดกิน
เพื่อให้ได้สิ่งถวิลสมจินตนา
จะมีการต่อตีกันกลางเมือง
ขุนนางเขื่องกังฉินกินทั่วหล้า
คอรัปชั่นจะกัดกร่อนทั้งพารา
ประดุจปลวกกินฝานั้นปะไร
ข้าราชการตงฉินถูกประณาม
สามคนหามสี่คนแห่มาลากไส้
เกิดวิกฤติผิดเพี้ยนโดยทั่วไป
โกลาหลหม่นไหม้ไร้ความดี
ประชาชีจะสับสนเรื่องดีชั่ว
ถ้วนทุกทั่วจะหมุดขุดรูหนี
ไม่แน่ใจสิ่งที่ทำนำความดี
เกรงเป็นผีตายตกไปตามกัน
พุทธศาสน์จะถูกรุกและล้ำ
มิตรเคยค้ำเป็นศัตรูมุ่งอาสัญ
เกิดวิกฤติธรรมชาติอุบาทว์ครัน
พายุลั่นน้ำถล่มดินทลาย

แผ่นดินแยกแตกเป็นสองปกครองยาก
เกิดวิบากทุกข์เข็ญระส่ำระสาย
เกิดการปราบจลาจลชนล้มตาย
เลือดเป็นสายน้ำตานองสองแผ่นดิน
ข้าเป็นนายนายเป็นข้าน่าสมเพช
ผู้มีบุญมีเดชจะสูญสิ้น
ทั้งพฤฒาอาจารย์ลือระบิล
จะร่วงรินดุจใบไม้ต้องสายลม
ความระทมจะถมทับนับเทวศ
ดั่งดวงเนตรมืดบอดสุดขื่นขม
คนที่ดีจะก้มหน้าสุดระทม
ส่วนคนชั่วหัวร่อร่าทำท่าดัง
จะมีหนึ่งนารีขี่ม้าขาว
ควงคฑามุ่งสู่ดาวสร้างความหวัง
ผู้ปกครองจะเป็นหญิงพึงระวัง
สายน้ำหลั่งกรากเชี่ยวหวาดเสียวใจ
ศิวิไลซ์จะบังเกิดในสยาม
หลังฝนคร้ามลั่นครืนจะยืนได้
จะเข้าสู่ยุคมหาชนพาไป
เปลี่ยนเมืองใหม่ศักราชแห่งประชา
คนชั่วจะถูกปราบราบคาบสิ้น
แผ่นดินเดือดสูญหายไร้ปัญหา
ประเทศชาติผ่านวิกฤติด้วยศรัทธา
ยามเมื่อฟ้าศรีทองผ่องอำไพ



ถ้าคำทำนายหมายถึงบ้านเมืองตอนนี้ มันคงไกลเข้ามาทุกที่แล้วสินะ

 

ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์จงคุ้มครองประเทศไทย พ้นจากภัยและอยู่กันอย่างร่มเย็นเป็นสุขเหมือนเดิม

 

คำทำนายจะเป็น จริงหรือไม่ ขึ้นอยู่กับตัวเราทั้งสิ้น

 

ขอให้ทุกคนรักษาตนและมีความสุข......อะไรจะเกิดเวลานี้คงต้องเกิด...

 

เมื่อถึงปลายรัชกาลผ่านเข้ามา
ประเทศชาติจะรุ่งเรืองและเฟื่องฟุ้ง
น้ำมันผุดขึ้นมาจนเห็นค่า
พวกกาขาวจะบินรี้หนีเข้ามา
เป็นประชาจนเต็มพระนคร
ชนทั่วโลกจะยกพระองค์ท่าน
ชื่อกระฉ่อนร่อนทั่วทุกสิงขร
ออกพระนามลือชื่อดั่งทินกร
องค์อมรเอกบุรุษแห่งแผ่นดิน
ชาวประชาจะปิติยิ้มสดใส
แต่อกไหม้หนอนกินข้างในสิ้น
จะมีพวกกาฝากคอยกัดกิน
เพื่อให้ได้สิ่งถวิลสมจินตนา
จะมีการต่อตีกันกลางเมือง
ขุนนางเขื่องกังฉินกินทั่วหล้า
คอรัปชั่นจะกัดกร่อนทั้งพารา
ประดุจปลวกกินฝานั้นปะไร
ข้าราชการตงฉินถูกประณาม
สามคนหามสี่คนแห่มาลากไส้
เกิดวิกฤติผิดเพี้ยนโดยทั่วไป
โกลาหลหม่นไหม้ไร้ความดี
ประชาชีจะสับสนเรื่องดีชั่ว
ถ้วนทุกทั่วจะหมุดขุดรูหนี
ไม่แน่ใจสิ่งที่ทำนำความดี
เกรงเป็นผีตายตกไปตามกัน
พุทธศาสน์จะถูกรุกและล้ำ
มิตรเคยค้ำเป็นศัตรูมุ่งอาสัญ
เกิดวิกฤติธรรมชาติอุบาทว์ครัน
พายุลั่นน้ำถล่มดินทลาย

แผ่นดินแยกแตกเป็นสองปกครองยาก
เกิดวิบากทุกข์เข็ญระส่ำระสาย
เกิดการปราบจลาจลชนล้มตาย
เลือดเป็นสายน้ำตานองสองแผ่นดิน
ข้าเป็นนายนายเป็นข้าน่าสมเพช
ผู้มีบุญมีเดชจะสูญสิ้น
ทั้งพฤฒาอาจารย์ลือระบิล
จะร่วงรินดุจใบไม้ต้องสายลม
ความระทมจะถมทับนับเทวศ
ดั่งดวงเนตรมืดบอดสุดขื่นขม
คนที่ดีจะก้มหน้าสุดระทม
ส่วนคนชั่วหัวร่อร่าทำท่าดัง
จะมีหนึ่งนารีขี่ม้าขาว
ควงคฑามุ่งสู่ดาวสร้างความหวัง
ผู้ปกครองจะเป็นหญิงพึงระวัง
สายน้ำหลั่งกรากเชี่ยวหวาดเสียวใจ
ศิวิไลซ์จะบังเกิดในสยาม
หลังฝนคร้ามลั่นครืนจะยืนได้
จะเข้าสู่ยุคมหาชนพาไป
เปลี่ยนเมืองใหม่ศักราชแห่งประชา
คนชั่วจะถูกปราบราบคาบสิ้น
แผ่นดินเดือดสูญหายไร้ปัญหา
ประเทศชาติผ่านวิกฤติด้วยศรัทธา
ยามเมื่อฟ้าศรีทองผ่องอำไพ
ประชาชนจะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน

ใกล้มากเลยทีเดียว

 

คงจะอีกนานนับสิบปี กว่าจะถึงยุค
ฟ้าเหลืองทองผ่องอำไพ
ประชาชนเป็นใหญ่ แทนนายทุน

จะเห็นว่าช่วงก่อนสึนามิ
อยู่ในช่วงที่การทุจริตโกงกินมีมาก คนรวย จึงจะมีอำนาจได้
จนกระทั่งประชาชนสับสน คิดว่า ความดี คือ ความรวย
จะเห็นว่าเป็นยุคที่ คนดี ถูกใส่ร้ายป้ายสี
ส่วนคนชั่ว กลายเป็น ฮีโร่
จึงเรียกยุคนี้ว่า ถิ่นกาขาว


เมื่อถึงปลายรัชกาลผ่านเข้ามา
ประเทศชาติจะรุ่งเรืองและเฟื่องฟุ้ง
น้ำมันผุดขึ้นมาจนเห็นค่า
พวกกาขาวจะบินรี้หนีเข้ามา (บ้านนอก เข้ากรุง)
เป็นประชาจนเต็มพระนคร
ชนทั่วโลกจะยกพระองค์ท่าน (รัชกาลที่ ๙)
ชื่อกระฉ่อนร่อนทั่วทุกสิงขร
ออกพระนามลือชื่อดั่งทินกร
องค์อมรเอกบุรุษแห่งแผ่นดิน
ชาวประชาจะปิติยิ้มสดใส
แต่อกไหม้หนอนกินข้างในสิ้น
จะมีพวกกาฝากคอยกัดกิน
เพื่อให้ได้สิ่งถวิลสมจินตนา
จะมีการต่อตีกันกลางเมือง
ขุนนางเขื่องกังฉินกินทั่วหล้า
คอรัปชั่นจะกัดกร่อนทั้งพารา
ประดุจปลวกกินฝานั้นปะไร
ข้าราชการตงฉินถูกประณาม
สามคนหามสี่คนแห่มาลากไส้ (สามเกลอ)
เกิดวิกฤติผิดเพี้ยนโดยทั่วไป
โกลาหลหม่นไหม้ไร้ความดี
ประชาชีจะสับสนเรื่องดีชั่ว (บ้านนอก เห็นขาวเป็นดำ ดำเป็นขาว)
ถ้วนทุกทั่วจะหมุดขุดรูหนี
ไม่แน่ใจสิ่งที่ทำนำความดี
เกรงเป็นผีตายตกไปตามกัน
พุทธศาสน์จะถูกรุกและล้ำ
มิตรเคยค้ำเป็นศัตรูมุ่งอาสัญ (ทักษิณ v.s. สนธิ)
เกิดวิกฤติธรรมชาติอุบาทว์ครัน (ลานีนา, เอลนีโน)
พายุลั่นน้ำถล่มดินทลาย (สึนามิ)

ยังต้องเผชิญ วิกฤติ อีกหลายปี
จะเห็นว่าต่อไปนี้
อาจจะต้องเกิดการล้อมปราบ
เกิดสงครามกลางเมือง
ล้างบางจนมีการเสียชีวิตมากมาย
ตอนนี้ เพิ่งจะอยู่ในช่วง:

แผ่นดินแยกแตกเป็นสองปกครองยาก (เหลือง แดง)
เกิดวิบากทุกข์เข็ญระส่ำระสาย
เกิดการปราบจลาจลชนล้มตาย (เหลือง แดง)
เลือดเป็นสายน้ำตานองสองแผ่นดิน
ข้าเป็นนายนายเป็นข้าน่าสมเพช
ผู้มีบุญมีเดชจะสูญสิ้น
ทั้งพฤฒาอาจารย์ลือระบิล
จะร่วงรินดุจใบไม้ต้องสายลม
ความระทมจะถมทับนับเทวศ
ดั่งดวงเนตรมืดบอดสุดขื่นขม
คนที่ดีจะก้มหน้าสุดระทม
ส่วนคนชั่วหัวร่อร่าทำท่าดัง


ต่อจากนั้นต้องเผชิญภัยจากน้ำท่วมโลกฉับพลัน เพราะแกนโลกพลิก เพื่อปรับสมดุลย์การหมุนใหม่
ตายกันเกือบหมดประเทศ เกือบหมดโลก
สงครามกลางเมือง เหลือง แดง เป็นอันยุติ โดยปริยาย
คนที่เหลือรอด คือ ที่บาปกรรมเบาบาง
เหลือแต่สุภาพชน คนกินผัก คนที่มีศีลธรรมสูง
และจะมีผู้นำประเทศเป็น หญิง
ต่อจากนี้ไป เื่มื่อโลกมีศีลธรรม
ผู้ปกครอง ไม่ว่าจะมาด้วยระบบใด
ก็จะใช้อำนาจรัฐ เพื่อประโยชน์สุขแก่ปวงชน เพราะความโลภไม่ค่อยจะมี ความเจ้าเล่ห์ก็ไม่ใช่นิสัย
เรียกว่า ยุคแห่งประชาพาไป
เราจะมี รัฐสภาผู้ดีทรงคุณธรรม
เศรษฐกิจ คงจะไม่ค่อยเป็นทุนนิยม เพราะทรัพยากรคงจะเหลือบาน
และผู้คนที่รอดตาย คงมุ่งนิพพาน สถานเดีว
จึงเป็นเศรษฐกิจพอเพียง เลี้ยงตัวได้ ค่าครองชีพถูกแสนถูก
จึงเรียกยุคนี้ว่า ชาววิไล

จะมีหนึ่งนารีขี่ม้าขาว (ผู้นำคนเก่ง จะเป็นผู้หญิง ที่แต่งงานแล้ว สามีผิวขาว เพราะเธอขี่ม้าขาว
ควงคฑามุ่งสู่ดาวสร้างความหวัง (สงสัยต้องเกี่ยวกับทหาร เพราะมีดาว)
ผู้ปกครองจะเป็นหญิงพึงระวัง
สายน้ำหลั่งกรากเชี่ยวหวาดเสียวใจ (เมื่อน้ำแข็งละลายถึงจุด แกนโลกจะพลิกทันที จะเกิดคลื่นสึนามิสูงร้อยเมตร)
ศิวิไลซ์จะบังเกิดในสยาม (ประเทศสยาม จะเป็นศูนย์กลางอารยะธรรมโลกใหม่)
หลังฝนคร้ามลั่นครืนจะยืนได้ (แกนโลกปรับสมดุลย์การหมุนใหม่เรียบร้อย)
จะเข้าสู่ยุคมหาชนพาไป (ประชาธิปไตย จริง ๆ ตามเจตนารมณ์)
เปลี่ยนเมืองใหม่ศักราชแห่งประชา (new political order)
คนชั่วจะถูกปราบราบคาบสิ้น (คนชั่วตายเรียบ ในสึนามิ)
แผ่นดินเดือดสูญหายไร้ปัญหา (ก็คนตายเกือบหมดโลก ปัญหาก็เลยหมด โดยปริยาย)
ประเทศชาติผ่านวิกฤติด้วยศรัทธา (คนที่รอดตายมุ่งนิพพานท่าเดียว ไม่เอาแล้วสมบัตินอกกาย)
ยามเมื่อฟ้าศรีทองผ่องอำไพ (ธรรมะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน)

โชคดี..แล้วเจอกัน ในยุคนั้น
อย่าด่วน ตายซะก่อนล่ะ

 

น่ากลัวตรงน้ำจะท่วมนี้และ แต่ช่างมันเถอะ มีบุญแค่ไหนก็แค่นั้น ส่วนคำทำนายนี้เป็นของ พระราชพรหมยาน (พระคุณเจ้า วีระ ถาวโร) หรือที่ลูกศิษ ลูกหาเรียกท่านว่า หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ

 

เห็นด้วยกับคุณ a-pin-ya ครับ ตรงที่ "สามคนหามสี่คนแห่มาลากไส้"
อิๆ สามเกลอ กลายเป็นสี่แล้ว อิๆ ...อย่ามา...เห_ง

 

แผ่นดินแยกแตกเป็นสองปกครองยาก
เกิดวิบากทุกข์เข็ญระส่ำระสาย
เกิดการปราบจลาจลชนล้มตาย
เลือดเป็นสายน้ำตานองสองแผ่นดิน
ข้าเป็นนายนายเป็นข้าน่าสมเพช
ผู้มีบุญมีเดชจะสูญสิ้น
ทั้งพฤฒาอาจารย์ลือระบิล
จะร่วงรินดุจใบไม้ต้องสายลม
ความระทมจะถมทับนับเทวศ
ดั่งดวงเนตรมืดบอดสุดขื่นขม
คนที่ดีจะก้มหน้าสุดระทม
ส่วนคนชั่วหัวร่อร่าทำท่าดัง
จะมีหนึ่งนารีขี่ม้าขาว
ควงคฑามุ่งสู่ดาวสร้างความหวัง
ผู้ปกครองจะเป็นหญิงพึงระวัง
สายน้ำหลั่งกรากเชี่ยวหวาดเสียวใจ
ศิวิไลซ์จะบังเกิดในสยาม
หลังฝนคร้ามลั่นครืนจะยืนได้
จะเข้าสู่ยุคมหาชนพาไป
เปลี่ยนเมืองใหม่ศักราชแห่งประชา
คนชั่วจะถูกปราบราบคาบสิ้น
แผ่นดินเดือดสูญหายไร้ปัญหา
ประเทศชาติผ่านวิกฤติด้วยศรัทธา
ยามเมื่อฟ้าศรีทองผ่องอำไพ
อันนี้กำลังจะเกิด แต่ต้องรอให้ท่อนบนจบก่อนนะ รออีกสักพัก

 

ก็ขอสวัสดีปีใหม่..พี่น้องชาวสยามที่อยู่ในกระทู้นี้..ทุกท่านนะจ๊ะ

อีกไม่นานก็จะใกล้ถึงเวลาอันเป็นมงคลแล้วนะจ๊ะ....ที่กุณแจไขปริศนาคำทำนายนี้....กำลังจะปรากฎในไม่ช้านี้

แต่ก็อยากให้ทุกๆท่านต้องทำใจกับเหตุที่กำลังจะเกิดขึ้นกับการปราบจลาจลที่ต้องมีการสูญเสียอีกครั้ง แต่เหตุนั้นก็จะผ่านไปได้ด้วยดี....ขอให้ทุกๆท่านสวดมนต์ไหว้พระช่วยให้กรรมของชาตินั้นผ่านไปโดยเร็วพรรณ และเพ้งจิตไปหาผู้ที่กระทำการต่อความเสียหายกับชาติบ้านเมืองด้วย กรรมนั้นก็จะส่งผลเร็วขึ้นเร่งกระทำให้เห็นผลกับผู้ที่คิดร้ายกับชาติบ้านเมือง...เขาเหล่านั้นก็จะเห็นผลเองตามการกำลังของเขา อย่าได้นิ่งเฉยเด๋วไม่ทันการ เทพเทวดาเขารอรับหน้าที่นี้อยู่แต่กำลังของจิตผู้ที่มีศีลที่มีความเดือดร้อนไม่ได้ช่วยกันมองที่บุคคลที่กระทำการนั้นเสียเทพเทวดาเขาก็จะทำให้บุคคลเหล่าเปลี่ยนใจกับการกระทำจากร้ายจะได้เบาลงได้.........

 

กรรม ของชาติ กรรมของส่วนรวม (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)

มนุษย์ไม่เคยนึกให้ถึงว่าความรุนแรงที่เกิดแก่ตนบ้าง เกิดแก่คนนั้นคนนี้บ้าง เกิดแก่ประเทศชาติบ้าง นั้นเกิดแต่กรรมไม่ดีใด เพราะผลทุกประการเกิดแต่เหตุ ผลที่ไม่ดีที่แรงมากแรงน้อยต่างๆ นานา ต้องมีเหตุที่ได้กระทำแล้วจริงทั้งนั้น เกิดแก่ผู้ใดก็แสดงว่าผู้นั้นทำเหตุไว้ เกิดแก่ประเทศชาติใดก็แสดงว่าผู้คนในประเทศชาตินั้น ที่จำนวนไม่น้อย ได้ทำเหตุไว้แน่นอน



แต่ผู้ไมมีญาณหยั่งรู้ย่อมไม่รู้ได้ว่าทำเหตุใดไว้ ผู้ใดหรือหมู่คณะใดเป็นผู้ทำไว้ เราทุกคนก็อาจจะ เป็นหนึ่งที่ได้ร่วม กระทำเหตุไม่ดีไว้ ทำให้เกิดผลไม่ดีที่ปรากฏให้เห็นทั่วไป ในที่นี้จะพูดถึงที่เป็นผลกว้างขวางครอบคลุมไปในประเทศชาติ ตลอดถึงกระทั่งในโลกทีเดียว

พวกเราที่รวมกันเป็นคนในโลก ในประเทศชาติ เมื่อมีความเดือดร้อนวุ่นวายปั่นป่วนเกิดขึ้นมากมายผิดปกติ ในโลกก็ตาม ในบ้านเมืองของเราก็ตาม น่าจะคิดให้ลึกสักหน่อยว่า ต้องเป็นกรรมที่ไม่ใช่เล็กน้อย นั่นก็คือต้องไม่เป็นกรรมของคนใดคนหนึ่งเท่านั้น

กรรม ที่เกิด แก่ส่วนรวม คือเกิดแก่บ้านเมืองแก่ประเทศชาติ ตามเหตุผลแล้วต้องเป็นกรรมของส่วนรวม ของประเทศชาติ ซึ่งมีเราทุกคนรวมอยู่เป็นหนึ่งแน่นอน ยอมรับว่าความร้อนของบ้านเมืองเรา ซึ่งต้องเกิดแต่กรรมไม่ดีไม่งามแน่นอน เราต้องเป็นหนึ่งในผู้ก่อกรรมอันยังให้ความเดือดร้อนนั้นเกิด

ถ้าทุกคนหรือมากคน ยอมคิดได้เช่นนี้ แล้วยอมแก้ไข ด้วย การพยายามทำกุศล กรรม คือทำดี ลดละการทำอกุศล คือทำไม่ดี ให้เต็มสติปัญญาความสามารถ ย่อมยังให้เกิดผลดีได้ มากคนคิดได้ มากคนทำดี มากคนลดละเลี่ยงหลีกการทำความชั่ว การทำบาปอกุศล ย่อมยังให้เกิดผลดีได้มากเป็นธรรมดา แก่ประเทศชาติ ทำเหตุดีมาก ผลดีย่อมมาก แน่นอน

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
ที่มา www.dhammajak.net

 

พระบรมราโชวาท ความสามัคคี (อ่านแล้วคิดด้วยนะจ๊ะ)

“...ช่วยกันคิด คือหันหน้าเข้าหากัน ไม่ใช่เผชิญหน้ากัน เพราะว่าเป็นประเทศ ของเรา ไม่ใช่ประเทศของหนึ่งคนสองคน เป็นประเทศของทุกคน ต้องเข้าหากัน ไม่เผชิญหน้ากันแก้ปัญหา เพราะว่าอันตรายมีอยู่ เวลาคนเราเกิดความบ้าเลือด ปฏิบัติการรุนแรงต่อกัน มันลืมตัว ลงท้ายก็ไม่รู้ว่าตีกันเพราะอะไรแล้วก็จะแก้ปัญหาอะไร เพียงแต่ว่าจะต้องเอาชนะ แล้วก็ใครจะชนะ ไม่มีทางชนะ อันตรายทั้งนั้น มีแต่แพ้ คือต่างคนต่างแพ้ ผู้ที่เผชิญหน้าก็แพ้แล้ว ก็ที่แพ้ที่สุดก็คือประเทศชาติ ประชาชนจะเป็นประชาชนทั้งประเทศ ไม่ใช่ประชาชนเฉพาะในกรุงเทพมหานคร ถ้าสมมุติว่ากรุงเทพมหานครเสียหาย ประเทศ ก็เสียหายไปทั้งหมด แล้วก็จะมีประโยชน์อะไรที่จะทะนงตัวว่าชนะเวลาอยู่บนกองสิ่งปรักหักพัง...”

"ความ สุข ความสวัสดี ของข้าพเจ้าเกิดขึ้นได้ก็ด้วยบ้านเมืองของเรา มีความเจริญ มั่นคง เป็นปกติสุข ความเจริญ" และ "ความปรารถนาดี มุ่งหมายให้ข้าพเจ้ามีความสุข ความสวัสดี โดยประการต่างๆ นั้น จะสำเร็จผลเป็นจริงได้ ก็ด้วยทุกคน ทุกฝ่ายในชาติ มุ่งที่จะปฏิบัติหน้าที่ของตนให้เต็มกำลัง ด้วยสติ รู้ตัว ด้วยปัญญา รู้คิด และด้วยความสุจริต จริงใจ โดยเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมยิ่งกว่าส่วนอื่น"

และ

" ขอให้ท่านทั้งหลายในที่นี้ ซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่สำคัญ อยู่ในสถาบันหลักของประเทศ และชาวไทยทุกคน ทุกหมู่เหล่า ทำความเข้าใจในหน้าที่ของตนให้กระจ่าง แล้วตั้งจิต ตั้งใจ ให้เที่ยงตรง หนักแน่น ที่จะปฏิบัติหน้าที่ของตนในดีที่สุด เพื่อให้สำเร็จประโยชน์ส่วนรวม อันไพบูลย์"

 

.....คุณเชื่อผมมั้ยว่า.....วงใน(ไม่เกี่ยวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์นะ) เค้ามีแนวทางที่จะดำเนินการอยู่ ไม่แน่ว่าสิ่งที่คิดว่าใช่ อาจไม่ใช่ และในความไม่ใช่ก็ยังมีความที่แน่นอนมั่นคงจนคาดไม่ถึงอยู่..ไม่ต้องคิดไขปริศนาหรอกครับ บอกเลยว่าไม่ถูก.....มันเป็นไปตามตัวอักษรนั่นแหละไม่ต้องตีความใดๆหรอกครับ.......เว้นเสียแต่คุณ คือ คนที่มาจากข้างในเช่นกัน.....

 

เห็นด้วยครับแนวทางมีแล้วกำหนดไว้แล้คนเชื่อ นอยครับทั้งประเทศความคิดผมนะ
เค้ากำหนดไว้แล้วครับ ท่านก็รู้ดี จิงไห้อยู่แบบพอเพียง เขื่อนแก้มลิง และอีกมากมาย
เล่งกันเข้าเถิด.....คนที่รู้ก็มากมายแต่ จะเข้าจัยกันไหมว่าท่านลงมาทำอะรัย มีหน้าที
อะรัย ผมขอไห้กองทัพธรรม ทุกท่านนำพาชี้ทางไห้แก่ผู้ เขลาด้วยเถิด... ขอโมทนาด้วยครับ....

 

เราไม่ใช่คนใน นะครับต้องขอโทษด้วย

แล้วข้อความนี้ จะมีหนึ่งนารีขี่ม้าขาว ควงคฑามุ่งสู่ดาวสร้างความหวัง เป็นใคร

 

อยากรู้จังว่าหนึ่งนารีผู้นั้นคือใครเพราะมีคนเคยบอกไว้ว่าคือ....... แต่ไม่อยากเชื่อเพราะเธอผู้นี้ก็ไม่น่าจะใช่ ณ.จุดนี้ที่บุญบารมีของเธอนำพาทำให้ชาติก้าวไกลได้ ขอให้เป็นผู้ที่ทำเพื่อประเทศชาติจริง ๆ เถอะ จะรอดูวันที่มาถึง

 

ขอวิเคราะห์สักนิด..
กลอนน่าจะแต่งขึ้นมาไม่นานมานี่เอง ดูจากคำทุกคำเป็นคำสมัยใหม่ จะเป็นผู้ทรงศิลทำนายก็ไม่ใช่ จะว่าเป็นโหราก็ไม่ใช่อีก เพราะระดับภาษาที่ใช้นั้นธรรมดามาก
ขอสรุปว่า ถูกแต่งขึ้นมาตามจินตนาการของผู้แต่ง อาจเป็น จขกท. ก็เป็นไปได้

 

เคยเห็น กลอนนี้ มานานหลายปีแล้ว
ตั้งแต่ เข้ามาดูเวปนี้

 

แล้วข้อความนี้ จะมีหนึ่งนารีขี่ม้าขาว ควงคฑามุ่งสู่ดาวสร้างความหวัง เป็นใคร

...ไม่บอก...แล้วก็ไม่ต้องแห่มาถามกันนะครับ...ถ้าบอกได้บอกไปแล้ว แต่เหตุผลที่ไม่บอก เพราะว่าอะไรนั้น แล้วแต่จะคิด อาจจะเพราะผมไม่รุ้ หรือบอกไม่ได้ก็ได้...เป็นได้ทั้งนั้น...

 

<table width="100%" border="0" cellpadding="2" cellspacing="0px"><tbody><tr class="tablerow"><td bgcolor="#ffffff"><dd>ตามที่ท่านได้ลงข้อความในวันนี้ กล่าวอ้างถึงคำทำนาย "อนาคตของประเทศไทย" ซึ่งมีการนำไปโพสแพร่หลายเว็บไซด์อยู่ในเวลานี้ มีข้อผิดพลาดในการคัดลอกต่อๆ กันมาตลอด ทางเว็บมาสเตอร์เกรงว่าจะเสียหายถึงชื่อเสียงและเกียรติคุณของหลวงพ่อวัดท่า ซุง ตลอดถึงความไม่เข้าใจของคณะศิษย์ที่เคารพนับถือในองค์ท่าน บทกลอนที่ต่อเติมไปจากคำพูดของหลวงพ่อฯ มีดังนี้

คำทำนายที่เคยมีมาช้านานนัก เริ่มประจักษ์ให้เห็นเร้นไม่ได้

หลวงพ่อฤาษีลิงดำเคยทำนาย เมื่อถึงปลายรัชกาลผ่านเข้ามา

ประเทศชาติจะรุ่งเรืองและเฟื่องฟุ้ง น้ำมันผุดขึ้นมาจนเห็นค่า

พวกกาขาวจะบินรี้หนีเข้ามา เป็นประชาชนเต็มพระนคร

ชนทั่วโลกจะยกพระองค์ท่าน ชื่อกระฉ่อนร่อนทั่วทุกสิงขร

ออกพระนามลือชื่อดั่งทินกร องค์อมรเอกบุรุษแห่งแผ่นดิน

ชาวประชาจะปีติยิ้มสดใส แต่อกไหม้หนอนกินข้างในสิ้น

จะมีพวกกาฝากคอยกัดกิน เพื่อให้ได้สิ่งถวิลสมจินตนา

จะมีการต่อตีกันกลางเมือง ขุนนางเขื่องกังฉินกินทั่วหล้า

คอรัปชั่นจะกัดกร่อนทั้งพารา ประดุจปลวกกินฝานั้นปะไร

ข้าราชการตงฉินถูกประณาม สามคนหามสี่คนแห่มาลากไส้

เกิดวิกฤติผิดเพี้ยนโดยทั่วไป โกลาหลหม่นไหม้ไร้ความดี

ประชาชีจะสับสนเรื่องดีชั่ว ถ้วนทุกทั่วจะมุดขุดรูหนี

ไม่แน่ใจสิ่งที่ทำนำความดี เกรงเป็นผีตายตกไปตามกัน

พุทธศาสน์จะถูกรุกและล้ำ มิตรเคยค้ำเป็นศัตรูมุ่งอาสัญ

เกิดวิกฤติธรรมชาติอุบาทว์ครัน พายุลั่นน้ำถล่มดินทลาย

แผ่นดินแยกแตกเป็นสองปกครองยาก เกิดวิบากทุกข์เข็ญระส่ำระสาย

เกิดการปราบจลาจลชนล้มตาย เลือดเป็นสายน้ำตานองสองแผ่นดิน

ข้าเป็นนายนายเป็นข้าน่าสมเพช ผู้มีบุญมีเดชจะสูญสิ้น

ทั้งพฤฒาจารย์ลือระบิล จะร่วงรินดุจใบไม้ต้องสายลม

ความระทมจะถมทับนับเทวศ ดั่งดวงเนตรมืดบอดสุดขื่นขม

คนที่ดีจะก้มหน้าสุดระทม ส่วนคนชั่วหัวร่อทำท่าดัง

จะมีหนึ่งนารีขี่ม้าขาว ควงคทามุ่งสู่ดาวสร้างความหวัง

ผู้ปกครองจะเป็นหญิงพึงระวัง สายน้ำหลั่งกรากเชี่ยวหวาดเสียวใจ

ศิวิไลซ์จะบังเกิดในสยาม หลังฝนคร้ามลั่นครืนจะยืนได้

จะเข้าสู่ยุคมหาชนพาไป เปลี่ยนเมืองใหม่ศักราชแห่งประชา

คนชั่วจะถูกปราบราบคาบสิ้น แผ่นดินเดือดสูญหายไร้ปัญหา

ประเทศชาติผ่านวิกฤติด้วยศรัทธา ยามเมื่อฟ้าสีทองผ่องอำไพ[/b]

</dd><dd>"คณะทีมงานเว็บวัดท่าซุง" จึงขอชี้แจงว่า "บทกลอน" บทนี้ท่านไม่เคยพูดไม่เคยกล่าวไว้ที่ไหนเลย ส่วนข้อความที่กล่าวไว้จริงๆ นั้นได้โพสอยู่ในเว็บวัดท่าซุง เมื่อวันที่ 21/7/08 at 17:44 ดังที่ได้แนบ URL มาให้ตรวจสอบดูต้นฉบับนี้ จะเห็นว่าไม่มีบทกลอนอยู่ในเนื้อหาเลย ซึ่งมีหลักฐานวันเวลาที่โพสอยู่ สามารถพิสูจน์ข้อเท็จจริงได้ ดังนี้