คำกลอนธรรมะสอนใจ ที่ผมชอบ

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย กิดากร, 19 กรกฎาคม 2008.

  1. กิดากร

    กิดากร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    257
    ค่าพลัง:
    +1,039
    ส่วนใหญ่ของท่านพุทธทาส ท่านใดมีเพิ่มก็เอามาลงต่อละกันครับ ของครูบาอาจารย์ท่านอื่นก็ได้ ใช้กลอนสอนธรรมเข้าถึงใจง่ายดี เป็นประโยชน์ด้วยกันทั้งนั้น

    มองอะไร มองให้เห็น เป็นครูสอน
    มองไม้ขอน หรือมองคน มองค้นหา
    มองเห็นความ เสมอกัน มีปัญญา
    มองเห็นว่า ล้วนมีพิษ: อนิจจัง
    มองทุกข์สุข ก็จงจ้อง มองให้ดี
    มองว่าเป็น อย่างที่ คนเราหวัง
    มองว่าเป็น ตามปัจจัย ให้ระวัง
    มองจริงจัง ก็จักเห็น เป็นธรรมดา
    มองโดยนัย ที่มันสอน จะถอนโศก
    มองเยกโยก มันไม่สอน ร้อนเป็นบ้า
    มองไม่เป็น โทษผีสาง นางไม้มา
    มองถูกท่า ไม่คว้าทุกข์: มองถูกจริง!
    -------------------------------------------------

    ร้ายอะไร ไม่ร้ายเท่า จะเอาดี
    เป็นธุลี จับจิต เกิดริษยา
    ชิงดีแล้ว อวดเด่น เห็นออกมา
    ตัวกูจ้า บ้าคลั่ง สังเวชใจ
    สร้างนรก เป็นที่อยู่ เพราะเหตุนี้
    "ตัวกูดี, ตัวกูเด่น" เห็นหรือไม่?
    กลัวหมดดี จุดจี้ ให้เกิดไฟ
    "เผาตัวเอง" ต่อไป เศร้าใจเอย ฯ
    (นี่แหล่ะตัวกู ของกู)
    -------------------------------------------------

    เป็นมนุษย์ เป็นได้ เพราะใจสูง
    เหมือนหนึ่งยูงมีดีที่แววขน
    ถ้าใจต่ำ เป็นได้ แต่เพียงคน
    ย่อมเสียที ที่ตน ได้เกิดมา
    ใจสะอาด ใจสว่าง ใจสงบ
    ถ้ามีครบ ควรเรียกมนุสสา
    เพราะทำถูก พูดถูกทุกเวลา
    เปรมปรีดา คืนวันสุขสันต์จริง
    ใจสกปรก มืดมัว และร้อนเร่า
    ใครมีเข้า ควรเรียกว่าผีสิง
    เพราะพูดผิดทำผิด จิตประวิง
    แต่ในสิ่งนำตัว กลั้วอบาย
    คิดดูเถิดถ้าใคร ไม่อยากตก
    จงรีบยก ใจตนรีบขวนขวาย
    ให้ใจสูง เสียได้ ก่อนตัวตาย
    ก็สมหมาย ที่เกิดมา อย่าเชือนเอยฯ
    -------------------------------------------------

    ตากับตีน อยู่กันมา แสนผาสุข
    จะนั่งลุกยืนเดิน เพลินหนักหนา
    มาวันหนึ่ง ตีนทะลึ่ง เอ่ยปรัชญา
    ว่าตีนมีคุณแก่ตา เสียจริงๆๆ
    ตีนช่วยพา ตาไป ที่ต่างๆๆ
    ตาจึงได้ชมนาง และสรรพสิ่ง
    เพราะฉะนั้นดวงตา จงประวิง
    ว่าตีนนี้เป็นสิ่ง ควรบูชา
    ตาได้ฟังตีนคุยโม้ ก็หมั่นไส้
    จึงร้องบอกออกกไป ด้วยโทสา
    ว่าที่ตีนเดินไปได้ ก็เพราะตา
    ดูมรรคา เศษแก้วหนาม ไม่ตำตีน
    เพราะฉะนั้น ตาจึงสำคัญกว่า
    ตีนไม่ควรจะมาคิดดูหมิ่น
    สรุปแล้ว ตามีค่า สูงกว่า ตีน
    ทั่วธานินทร์ ตีไปได้ก็เพราะตา
    ตีนได้ฟัง ให้คั่งแค้น แสนจะโกรธ
    วิ่งกระโดดโลดไปใกล้หน้าผา
    เพราะอวดดี คุยเบ่ง เก่งกว่าตา
    ดวงชีวา จะดับไป ไม่รู้เลย
    ตาเห็นตีน ทำเก่งเร่งกระโดด
    ก็พิโรธ แกล้งระงับ หลับตาเฉย
    ตีนพาตา ถลาล้ม ทั้งก้มเงย
    ตกแล้วเหวย หน้าผา ทั้งตาตีน
    -------------------------------------------------

    พระพุทธะ พระธรรมะ และพระสงฆ์
    ล้วนต่างองค์ เป็นสามพระ หรือไฉน
    หรือเป็นองค์ เดียวกัน ที่ชั้นใน
    ดูเท่าไร ก็ไม่เห็น เป็นสามองค์
    นั่นถูกแล้ว ถ้าดูกัน แต่ชั้นนอก
    คือดูออก มีพุทธะ จอมพระสงฆ์
    ได้ตรัสรู้ ซึ่งพระธรรม ทรงจำนง
    สอนพระสงฆ์ ทั้งหลาย ให้รู้ตาม
    แต่เมื่อดู ชั้นใน กลับได้พบ
    ว่าธรรมหนึ่ง ซึ่งอยู่ครบ ในพระสาม
    ทั้งพุทธ สงฆ์ หรือว่าองค์ พระธรรมงาม
    ล้วนมีความ สะอาด สว่าง สงบ บรรจบกันฯ
    -------------------------------------------------

    งานวันเกิดที่ยิ่งใหญ่ใครคนนั้น ฉลองกันในกลุ่มผู้ลุ่มหลง
    หลงลาภยศ สรรเสริญ เพลินกมล วันเกิดตนชีพสั้นเร่งวันตาย
    ณ มุมหนี่งซึ่งเหงาน่าเศร้าแท้ หญิงแก่แก่ซึ่งหงอยและคอยหาย
    โอ้วันนี้ในวันนั้นอันตราย แม่คลอดสายโลหิตแทบปลิดชนม์
    วันเกิดลูกนั้นคล้ายวันตายแม่ เจ็บท้องแท้สักเท่าไรก็ไม่บ่น
    กว่าอุ้มครรภ์จะคลอดรอดเป็นคน เติบโตจนมาบัดนี้นี่เพราะใคร
    แม่เจ็บเจียรขาดใจในวันนั้น กลับเป็นวันลูกฉลองกันผ่องใส
    ได้ชีพแล้วก็หลงระเริงใจ ลืมผู้ให้ชีวิตอนิจจา
    ไฉนหนอเขาเรียกกันว่าวันเกิด วันผู้ให้กำเนิดจะถูกกว่า
    คำอวยพรที่เขียนควรเปลี่ยนมา ให้มารดาเป็นสุขจึงถูกแท้
    เลิกจัดงานวันเกิดกันเถิดหนา แล้วหันมาคุกเข่ากราบเท้าแม่
    ควรคิดถึงพระคุณอบอุ่นแท้ อย่ามัวแต่จัดงานประจานตัว
    -------------------------------------------------

    ผิดแล้วรู้จักแก้ = ที่แท้คือบัณฑิต

    ผิดหนึ่งพึงจดไว้ ในสมอง
    เร่งระวังผิดสอง ภายหน้า
    สามผิดเร่งคิดตรอง จงหนัก เพื่อนเอย
    ถึงสี่อีกทีห้า หกซ้ำ อภัยไฉน ฯ
    -------------------------------------------------

    ขอพวกเราทั้งหลายจำไว้เถิด
    ว่าการเกิดนี้ลำบากยากนักหนา
    ครั้นคนเราได้กำเนิดเกิดขึ้นมา
    ก็กลับพากันถึงซึ่งความตาย
    (หลวงวิจิตรวาทการ)

    ต้องเวียนเกิดเวียนตายตามบุญบาป
    เมื่อไรทราบธรรมแท้ไม่แปรผัน
    ไม่ต้องเกิดไม่ต้องตายสบายครัน
    มีเท่านั้นใครหาพบจบกันเอย
    (ท่านพุทธทาสภิกขุ)

    กายนี้ท่านเปรียบดั่งท่อนไม้
    ครั้นดับไปสมมติว่าเป็นผี
    เครื่องเปื่อยเน่าสะสมถมปฐพี
    เหมือนกันทั้งผู้ดีและเข็ญใจ
    (เจ้าพระยาคลัง หน)

    อันรูปรสกลิ่นเสียงนั้นเพียงหลอก
    ไม่จริงดอกอวิชชาพาให้หลง
    อย่าลืมนะร่างกายไม่เที่ยงตรง
    ไม่ยืนยงทรงอยู่คู่ฟ้าเอย
    (จากหนังสือเก่าโบราณ)

    กลางทะเลอวกาศที่เวิ้งว้าง
    สรรพสิ่งได้ถูกสร้างแปลงไว้
    จากดินน้ำลมและไฟ
    ก่อเกิดเป็นสิ่งใหม่เรื่อยมา

    เมื่อถึงคราวแตกดับ
    สรรพสิ่งก็หมุนกลับไปหา
    ธรรมชาติเดิมแท้นั้นอีกครา
    เวียนกลับไปกลับมาอยู่อย่างนั้น
    (สมภาร พรหมทา)
    -------------------------------------------------

    ยามเจ้ามา เอาอะไร มาด้วยเจ้า
    เจ้าจะเอา แต่สุข สนุกไฉน
    ยามเจ้าไป เจ้าจะ เอาอะไร
    เจ้าก็ไป ตัวเปล่า เหมือนเจ้ามา
    -------------------------------------------------

    ข้าพเจ้าขอตั้งจิตอุทิศผล บุญกุศลนี้แผ่ไปให้ไพศาล
    แด่บิดามารดาครูอาจารย์ ทั้งลูกหลานญาติมิตรสนิทกัน
    คนเคยร่วมทำงานการทั้งหลาย ขอให้ได้ในกุศลผลของฉัน
    ทั้งเจ้ากรรมนายเวรและเทวัญ ขอให้ได้ร่วมกันกับฉันเทอญ.

    บางบทกลอนไม่ทราบผู้ประพันธ์ และไม่ได้ขออนุญาติเผยแพร่ก่อน แต่เห็นซึ่งประโยชน์จากบทประพันธ์นี้ ครูบาอาจารย์คงไม่ว่านะครับ ^_^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กรกฎาคม 2008
  2. แง็บ_แง็บ

    แง็บ_แง็บ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2008
    โพสต์:
    378
    ค่าพลัง:
    +61
    ชอบคำสอนของ หลวงปู่มั่นและหลวงปู่ดู่คะ
     
  3. กิดากร

    กิดากร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    257
    ค่าพลัง:
    +1,039
    บทไหนหรือครับ ผมจะได้เอาไปใช้ประโยชน์ต่อ
     
  4. อิสวาร์ยาไรท์

    อิสวาร์ยาไรท์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,608
    ค่าพลัง:
    +1,955
    धन्यवाद
     
  5. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    อนุโมทนาท่าน จขกท.ค่ะ ^_^
    มีบทกลอนของหลวงปู่เปรม เปมงฺกโร ไม่น้อยเลยค่ะ
    ท่านจะแต่งกลอนต่อจากบทความที่ท่านบรรยายธรรมน่ะค่ะ
    ขอเอามาร่วมแจมนะคะ

    ^_^

    ร่างกาย เหมือนเพื่อนตาย อยู่ใกล้ชิด
    พินิจอีก ก็เหมือน เรือนอาศัย
    จิตไม่มี รูปร่าง อย่างใดๆ
    สิงอยู่ใน กายยนต์ ปนชีวี

    ยังไม่ตาย กายนี้ ว่ามีจิต
    สิ้นชีวิต จิตหาย กายเป็นผี
    เหมือนเรือนร้าง ห่างหน คนไม่มี
    ย่อมเป็นที่ โรยรุด ทรุดโทรมไป

    เวลาเป็น เห็นแต่กาย ใจไม่เห็น
    ไม่เหมือนเช่น เรือนกาย ใช้อาศัย
    เรือนกายเห็น เจ้าของ ครองอยู่ใน
    แต่เรือนใจ เหมือนเจ้าของ ครองไม่มี

    แลด้วยตา ไม่เห็น เห็นด้วยใจ
    มาอาศัย อยู่ในกาย แล้วหน่ายหนี
    พูดว่าตาย ก็หมาย เอากายนี้
    สิ้นชีวี เน่าไป ใจไม่ตาย

    จิตไม่มี ร่างกาย ว่าตายไป
    เอาอะไร มาชี้ เป็นที่หมาย
    กายเกิด กายตาย หมายเห็นง่าย
    เพราะกายเป็น รูปัง สังขารา

    เป็นธาตุเกื้อ เนื้อหนัง ไม่ยั่งยืน
    ใครจะฝืน ก็ไม่ สมปรารถนา
    เกิดแล้วแก่ เจ็บตาย วายชีวา
    ธรรมดา อย่างนี้ มีทุกคน

    มันแปรแปลก แตกสลาย ไม่ใช่ตัว
    ไปพันพัว ยึดไว้ ไม่ได้ผล
    เป็นอนันต์ ไม่ใช่อัต ตาตัวตน
    เฝ้าดิ้นรน เดือดร้อน ทำไมกัน

    เกิดตาย สำหรับกาย ซึ่งเรียกร้อง
    ว่าเป็นของ ไม่แน่ ย่อมแปรผัน
    อุปาทาน หัวดื้อ ยึดถือมั่น
    เบญจขันธ์ คือเรา เอาเป็นตน

    จึงหลงกล ว่าตน แก่เจ็บตาย
    งมงาย ฝ่ายตัณหา พาเสือกสน
    เป็นวิสัย ใจชั้น สามัญชน
    ย่อมมืดมน ทึบทับ อับปัญญา

    อันตัวเรา คือจิต บริสุทธิ์
    เป็นวิมุตติ หลุดพราก จากตัณหา
    ไม่ยึดถือ ขันธ์ ๕ เป็นอัตตา
    สิ้นชรา ตายเกิด กำเนิดวาย

    จิตพ้นโลก พ้นโอฆ สงสาร
    เรียกนิพพาน หรือวิมุตติ ที่สุดหมาย
    หมดทุกข์ หมดภัย ไกลอันตราย
    สุขสบาย เป็นนิจ นิรันดร์เอยฯ

    ..เปมงฺกโร ภิกฺขุ

    ^_^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กรกฎาคม 2008
  6. pongdoo

    pongdoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    247
    ค่าพลัง:
    +106
  7. phumphum

    phumphum Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +67
    วันพรุ่งนี้ อยู่ไกล ยังไม่เกิด
    ช่างมันเถิด อย่าร้อน ไปก่อนไข้
    วันวานนี้ ตายแล้ว ให้ตายไป
    อย่าเอาใจ ไปข้อง ทั้งสองวัน
    ถ้าวันนี้ สดชื่น ระรื่นจิต
    อย่าไปคิด หน้าหลัง มาคลั่งฝัน
    สิ่งที่แล้ว แล้วไป ให้แล้วกัน
    สิ่งที่ฝัน ไม่มา อย่าอาวรณ์
     
  8. phumphum

    phumphum Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +67
    คติกรรมฐาน
    กินน้อย นอนน้อย พูดน้อย ทำความเพียรมาก
    "สวดมนต์เป็นยาทา วิปัสสนาเป็นยากิน"
     
  9. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    พระเอย พระธรรม
    พระผู้นำ ให้สว่าง แจ่มใส<O:p</O:p
    ชนนิกร ร้อนรุ่ม ดังสุมไฟ<O:p</O:p
    ได้สุขใจ สบเหมาะ เพราะพระธรรม<O:p</O:p

    อย่างต่ำ คือสุจริต คิดประกอบ<O:p</O:p
    ด้วยเห็นชอบ รอบรู้ อุปถัมภ์<O:p</O:p
    อย่างสูง จิตวิมุตติ สุดเลิศล้ำ<O:p</O:p
    ทุกข์ไม่งำ กิเลสหาย ตายหมดเอย<O:p</O:p

    ...เปมงฺกโร ภิกฺขุ
    ^_^<O:p</O:p
     
  10. oomsin2515

    oomsin2515 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    2,934
    ค่าพลัง:
    +3,393
    อนุโมทนากับเจ้าของกระทู้ครับ
    สาธุ สาธุ สาธุ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p


    _____________________________<O:p</O:p
    เชิญร่วมบริจาคหนังสือ เข้าห้องสมุดชุมชนวัดย่านยาว<O:p</O:p
    http://palungjit.org/showthread.php?t=130823
     
  11. รสพระธรรม

    รสพระธรรม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    194
    ค่าพลัง:
    +88
    จิตเดิมเป็นธรรมแท้ ไม่ผันแปรแลเวียนวน<O:p</O:p
    ประเสริฐสุดในสากล เป็นตัวตนไม่เกิดตาย<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เบญจขันธ์นั้นเกิดดับ คำนวณนับก็มากหลาย<O:p</O:p
    จิตเดิมนั้นไม่ตาย ไม่ยักย้ายไม่ผันแปร<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ผู้ใดรู้แค่ขันธ์ ความรู้นั้นยังอ่อนแอ<O:p</O:p
    ผู้ใดรู้จิตแท้ ผู้นั้นแลคือโพธิญาณ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    พระนิพนธ์ในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นวิวิธวรรณปรีชา<O:p</O:p
    พระเจ้าน้องยาเธอในพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว<O:p</O:p
     
  12. nioy

    nioy สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +2
    สายน้ำมิหลั่งไหล...หน้ายับไป...เพราะ...ลมโชย
    เขาเขียว...มิร่วงโรย...หิมะโปรย...จึงผมขาว
    ดอกไม้...ร่วงลงดิน...ไม่ถวิลคืนต้นเก่า
    แปลกแท้...แต่คนเรา...ชอบมัวเมาหาเศร้าเอง :'(
     

แชร์หน้านี้

Loading...