ข้อธรรมและเรื่องเล่าเกี่ยวกับ พระเดชพระคุณหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ

ในห้อง 'หลวงปู่ดู่ และ หลวงตาม้า' ตั้งกระทู้โดย Wisdom, 25 เมษายน 2007.

  1. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,669
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542
    [​IMG]

    ข้อธรรมจากหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ

    คัดลอกจากหนังสือไตรรัตน์ 3
    ซึ่งรวบรวมประวัติและข้อธรรมของ
    หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ



    <TABLE width="85%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#eeeddd>
    ก่อนอื่นขอเริ่มด้วยคำขอขมาโทษพระรัตนตรัย



    โยโทโส โมหะจิตเต นะ พุทธัสสมิง ปาปะกะโต มะยา
    ขะมะ ถะเม กะตังโทสัง สัพพะปาปัง วินัสสันตุ
    โยโทโส โมหะจิตเต นะ ธัมมัสสมิง ปาปะกะโต มะยา
    ขะมะ ถะเม กะตังโทสัง สัพพะปาปัง วินัสสันตุ
    โยโทโส โมหะจิตเต นะ สังฆัสสมิง ปาปะกะโต มะยา
    ขะมะ ถะเม กะตังโทสัง สัพพะปาปัง วินัสสันตุ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>



    จะเอาโลกหรือเอาธรรม

    บ่อยครั้งที่มีผู้มาถามปัญกากับหลวงพ่อ
    โดยมักจะนำเอาเรื่องราวต่างๆที่เกี่ยวกับหน้าที่การงาน สามี
    ภรรยา ลูกเต้า ญาติ มิตร หรือคนอื่นๆมาปรารถให้หลวงพ่อฟังอยู่เสมอ
    ครั้งหนึ่งท่านได้ให้คติเตือนใจผู้เขียนว่า​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 เมษายน 2007
  2. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,669
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 25 เมษายน 2007
  3. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,669
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542
    [​IMG]

    เรื่องที่จะนำมาพรรณนาดังต่อไปนี้ เป็นเรื่องของ
    วิญญาณที่เข้ามาข้องเกี่ยวกับ
    หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก ตำบลธนู
    อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
    แม้เรื่องนี้จะมิใช่ประสบการณ์ขณะท่านเดินธุดงค์
    แต่ก็เป็นเรื่องวิญญาณของบุคคลผู้หนึ่งซึ่งตายไปแล้ว
    ทว่ายังวนเวียนคาบเกี่ยวอยู่ระหว่างโลกมนุษย์
    และโลกวิญญาณด้วย
    อำนาจแห่งโมหะ คือ ยังหลงอยู่ในกิเลสตัณหา
    ไม่รู้ว่าตัวเองได้ตายไปแล้ว
    กล่าวคือ มีครอบครัวหนึ่งอยู่ที่อำเภอนครหลวง
    จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ครอบครัวนี้อยู่กันมา
    ด้วยความปกติสุข กระทั่งวันหนึ่งลูกสาวคนหนึ่ง
    ไปธุระนอกบ้าน พอกลับมาถึงบ้านก็ล้มฟุบลงไ
    ปเหมือนคนหมดสติกระทันหัน พ่อแม่ญาติพี่น้อง
    พากันตระหนกตกใจ รีบเข้าไปปฐมพยาบาลเป็นโกลาหล

    ครั้นลูกสาวฟื้นคืนสติ กลับมีลักษณะท่าทาง
    ผิดแปลกไปจากเดิมดุจคนละคน แววตาขุ่นขวางน่ากลัว
    เวลาเอ่ยปากพูดออกมา น้ำเสียงก็เปลี่ยนเป็นแหบห้าว
    ประหนึ่งเป็นเสียงผู้ชาย รวมทั้งถ้อยคำวาจาดุจเป็นผู้อื่นพูด
    มีการเรียกเอา อาหารสด อาหารคาว
    มากินอย่างมูมมาม คล้ายกับอดอยาก
    หิวโหยมาช้านาน

    พ่อแม่เห็นลูกสาวมีกิริยาอาการผันแปร
    ไปอย่างกะทันหัน อีกทั้งยังพูดกันไม่รู้ความดุจเสียสติ
    ก็รู้แน่ว่าคงมีวิญญาณร้ายมาเข้าสิง
    จึงออกไปตระเวนหาหมอผีผู้มีวิทยาอาคมขลังมา
    ขับไล่วิญญาณที่เข้าสิงให้ออกไป เมื่อหมอผีมา
    ถึงบ้านเริ่มทำพิธีไล่ผีด้วยกฤตยาคม ผีที่มาเข้า
    สิงลูกสาวก็รีบถอนถอยหนีออกไปง่าย ๆ ทำให้พ่อแม่
    ญาติพี่น้องโล่งอกโล่งใจ คิดว่าเหตุร้ายคงจะยุติลงเพียงเท่านี้


    ที่ไหนได้อีกไม่กี่วันต่อมา วิญญาณร้าย
    หรือผีตนเดิมก็มาเข้าสิงลูกสาวอีก คราวนี้ถึงกับประกาศว่า
    มันคือวิญญาณของชายคนหนึ่ง ซึ่งถูกยิงตาย
    บริเวณหลังวัดใกล้ ๆ บ้าน เมื่อลูกสาวเจ้าของบ้าน
    รายนี้เดินผ่านไป มันก็เกิดความพอใจรักใคร่
    ต้องการได้ไปเป็นเมีย และตั้งใจจะเอาไปเป็นเมียให้ได้


    คราวนี้พ่อแม่ญาติพี่น้องของหญิงสาวก็ยิ่งตื่น
    ตระหนกตกใจ เพราะถ้าผีตายโหงที่มาเข้าสิงถึงขั้น
    จะเอาลูกสาวตนไปเป็นเมียเช่นนี้ ก็เท่ากับวิญญาณร้ายมีเจตนา
    จะกระทำให้ถึงตายแน่ ๆ ผู้เป็นพ่อแม่พยายามพูด
    จาอ้อนวอนกับวิญญาณผีตายโหงที่สิงร่างลูกสาว
    ให้ละเว้นเจตนาซึ่งเป็นทุจริตคิดร้ายนี้เสีย
    แต่วิญญาณของผีตายโหงไม่สนใจใยดี ยังคงยืน
    กรานตามความประสงค์ของมันไม่เปลี่ยนแปลงพ่อแม่
    ของหญิงสาวก็ต้องเที่ยวตระเวณหาหมอผี
    ผู้มีไสยเวทอาคมขลังมาขับไล่วิญญาณร้ายให้ออก
    ไปจากร่างของลูกสาวทั่วทุกทิศ แต่ไม่มีผู้ใดกระทำ
    ได้สำเร็จเด็ดขาดแม้แต่รายเดียว

    หมอผีบางคนที่มีวิชาอาคมยังไม่แก่กล้า
    วิญญาณผีตายโหงยิ่งไม่ยำเกรงแม้แต่น้อย
    จะเสกคาถาสาดน้ำมนต์เข้าใส่อย่างไรมันก็วางเฉย
    จนฝ่ายหมอผีต้องยอมพ่ายแพ้ไปเอง ถ้าหมอผีคน
    ใดมีพลังวิชาอาคมเข้มขลัง วิญญาณร้ายก็จะรีบถอน
    ออกจากร่างหญิงสาว ที่มันปรารถนาจะได้เป็นเมียไปง่าย ๆ
    ทำทีคล้ายกับกลัวเกรงอำนาจเหลือหลาย
    แต่พอหายไปสักพัก มันก็จะย้อนกลับมาสิงใหม่
    ที่น่าประหลาดก็คือ แม้หญิงสาวจะมีพระเครื่องราง
    ของขลัง ด้ายสายสิญจน์ลงอาคม ติดตัวเต็ม
    คอเต็มแขน เพื่อคุ้มครองป้องกันอย่างไร
    วิญญาณผีร้ายก็ยังมาเข้าสิงจนได้


    น่าเวทนาหญิงสาวเคราะห์ร้ายรายนี้ ที่วิญญาณผีตายโหง
    จับจ้องหมายปองชนิดไม่ยอมเลิกรา ทำให้เธอแทบจะ
    เสียสติด้วยความหวาดกลัว เพราะไม่รู้ว่ามันจะมาเข้าสิง
    อีกเมื่อไหร่ เวลาที่ถูกผีสิงหญิงสาวจะมีอาการเหมือน
    คนหมดสติ ไม่รู้สึกตัวว่าได้กระทำอะไรลงไปบ้าง
    ตราบกระทั่ววิญญาณผีตายโหงออกไปเมื่อใด
    เมื่อนั้นสติสัมปชัญญะจึงจะกลับคืนมาเป็นปกติเหมือนเดิม


    เป็นเวลานานถึง ๓ ปีเต็ม ๆ ที่หญิงสาวถูกวิญญาณ
    ผีร้ายเข้าสิงไม่ขาดระยะ สภาพของเธอผู้นี้ไม่ผิดกับคน
    ตกเป็นทาสของผีตายโหง ซึ่งจะมารังควานเป็นพัก ๆ
    ชนิดไม่มีทางหลบหนีไปไหน เพราะไม่ว่าจะแอบซ่อนอยู่ที่ใด
    วิญญาณร้ายก็จะติดตามไปเข้าสิงจนได้
    กระทั่งหญิงสาวหวาดผวาไม่ไม่เป็นอันกินอันนอน
    ร่างกายผ่ายผอมทรุดลงอย่างน่าใจหาย และภาวะน่า
    พรั่นพรึงดังกล่าว ได้กดดันบีบคั้นครอบครัวนี้ให้เผชิญ
    กับความทุกข์ทรมานใจอย่างสาหัส

    ผู้เป็นพ่อโกรธแค้นวิญญาณผีตายโหง ที่ตามรังควาน
    ลูกสาวไม่ยอมเลิก ถึงกับระเบิดโทสะออกมา
    ขู่ว่าจะยิงผีร้ายให้แหลกกระจายคามือ แทนที่วิญญาณซึ่ง
    มาเข้าสิงลูกสาวจะหวาดหวั่นพรั่นพรึง
    มันกลับเยาะเย้ยท้าทายให้ยิงได้เลย เพราะถ้ายิงมันก็
    เท่ากับยิงลูกสาวตัวเอง จะกล้าทำล่ะหรือ
    การที่วิญญาณผีตายโหงมาเข้าสิงหญิงสาวอย่างต่อเนื่อง
    เป็นเวลายาวนานเช่นนี้ โดยไม่มีอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใด ๆ
    มาขัดขวางมันได้ อาจจะเป็นเพราะวิบากที่เธอผู้นี้
    กับวิญญาณของชายผู้ถูกยิงตายมีกรรมพัวพันต่อกัน
    และถึงวาระจะต้องชดใช้ จึงไม่สามารถสกัดกั้น
    หรือหยุดยั้งทุกกรณี และหากไม่ได้รับการช่วยเหลือให้
    ผ่อนคลายหลุดพ้นจากวิบากนี้ ก็เชื่อแน่ได้ว่าหญิงสาว
    คงต้องถึงแก่ชีวิตอย่างแน่นอน

    หรือเหตุที่เกิดนี้ อาจเนื่องจากวิญญาณผีตาย
    โหงเพราะถูกผู้อื่นยิงตาย สิ้นชีวิตเพราะกรรมมา
    ตัดรอนก่อนถึงอายุขัย วิญญาณจึงกลายเป็นผีเร่ร่อนไม่รู้จะไปทางไหน ประกอบกับจิตยังหลงมัวเมาอยู่ในกามตัณหา
    มีความอยากในกิเลสราคะรุนแรง จนไม่อาจแยกผิด
    ชอบชั่วดีได้ ไม่รู้ว่าตนกับหญิงสาวอยู่กันคนละภพภูมิ
    มีอัตภาพที่แตกต่างกัน ครั้นมีความปรารถนา
    ในหญิงสาวที่ตนพึงพอใจ จึงกระทำทุกวิถีทาง
    จะครอบครองเป็นของตน แม้กระทั่งพยายามเบียดเบียน
    จะเอาชีวิตหญิงสาวให้ได้ แต่วาสนากรรมดีของ
    หญิงสาวผู้นี้ยังมีอยู่ วิญญาณผีตายโหงจึงทำลายล้างชีวิตเธอไม่ได้
    และคล้ายดั่งเป็นวาระที่หญิงสาวจะหลุดพ้นจาก
    เงื้อมเงาของวิญญาณร้าย ได้มีคนรู้จักกับพ่อของ
    หญิงสาวมาบอกว่า ควรไปของความเมตตาจาก
    หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก เถิด เพราะท่าน
    เป็นพระเถระที่มีจิตตานุภาพสูงมาก
    อาจจะช่วยขจัดปัดเป่าความทุกข์ทรมาน
    ที่ยำยีบีฑาลูกสาวจากวิญญาณร้ายได้
    ผู้เป็นพ่อจึงตกลงใจเดินทางไปวัดสะแกทันที


    [​IMG]



    วันที่ผู้เป็นพ่อหญิงสาวซึ่งถูกวิญญาณผี
    ตายโหงเข้าสิงไปถึงวัดสะแก หลวงปู่ดู่
    กำลังพูดคุยอยู่กับศิษย์คนหนึ่งของท่าน
    พ่อหญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายจึงเข้าไปกราบ
    นมัสการท่าน หลวงปู่ก็ทักทายปราศรัยถามไปว่าอยู่ที่ไหน
    มีเรื่องอะไรถึงได้มาที่นี่ ชายผู้แบกทุกข์เรื่องของลูกสาว
    ก็เล่าเนื้อความถวาย ที่มีวิญญาณผีตายโหงตามรังควาน
    ลูกสาวให้ท่านฟังโดยละเอียด ลงท้ายด้วยการ
    ขอความเมตตาจากท่านช่วยกรุณาเปลื้องทุกข์ให้ด้วยเถิด

    หลวงปู่ดู่นั่งรับฟังเงียบ ๆ เมื่อทราบจุดประสงค์
    ของผู้เป็นพ่อหญิงสาวที่ถูกผีสิง ท่านก็หันไปบอกลูกศิษย์
    ซึ่งนั่งอยู่ใกล้ ๆ ว่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 25 เมษายน 2007
  4. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,669
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542
    DSC02044.jpg

    ความหมายของการสร้างพระเพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนา
    พระมหาเถระเจ้า หลายรูป เช่น
    สมเด็จพระพุฒาจารย์โต, หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ,
    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
    ต่างเคยสร้างพระบรรจุกรุเพื่อสืบทอดอายุ
    พระพุทธศาสนา แต่หลายๆ
    ท่านอาจจะยังไม่เคยทราบว่า
    สืบทอดได้อย่างไร

    ในความเป็นจริง พระเครื่องเปรียบ
    อุปมา ได้กับแผ่นดิสค์ เมื่อพระเถระเจ้าอธิษฐานจิต
    (เดินจิตในการอธิษฐาน หรืออธิษฐานบุญฤทธิ์)
    ธรรมะที่พระเถระเจ้าองค์นั้นๆบรรลุถึง
    ก็จักประดิษฐานอยู่ในองค์พระเครื่องนั้น
    (เหมือนกับการ write ข้อมูลลงแผ่นดิสค์)
    ถ้าหากพระเถระเจ้านั้นบรรลุอรหัตผล
    ปฎิสัมภิทาญาญ หรือเป็นพระ
    มหาโพธิสัตว์เจ้านิยตโพธิสัตว์
    พระเครื่องนั้นเปรียบเสมือนพระไตรปิฏก

    ครบถ้วนทั้ง 84000 พระธรรมขันธ์ ทีเดียว
    ถ้าท่านบรรลุธรรมไม่มากนัก
    พระเครื่องนั้นก็เหมือนมีพระไตรปิฎกไม่กี่หน้า

    ดังนั้นไม่ว่าจักผ่านไปกี่สิบปี กี่ร้อยปี
    แม้พระอรหันต์เจ้าไม่มีเหลืออยู่
    แม้นพระไตรปิฏกถูกสังขยานาไปอีกกี่ครั้ง
    (จนอาจมีการผิดเพี้ยน ด้วยผู้สังขยานาไม่ได้อรหัตผล
    หมายถึงในอนาคตอันอีกนาน)
    พระธรรมของพระพุทธองค์ก็ยังคงสถิตย์
    อยู่โลกนี้อย่างบริบูรณ์

    รอผู้มีบุญญา ความเพียร อบรมจิตใจตน
    ด้วยพระสมถกรรมฐาน และพระวิปัสนากรรมฐาน
    จนจิตเกิดพลานุภาพ
    เห็นความจริงของชีวิต เข้าถึงพระไตรสรณคมน์
    (ประดุจได้เครื่องอ่านแผ่นดิสค์)
    ก็จักสามารถศึกษาธรรมะของพระพุทธองค์
    ที่พระเถระเจ้าผู้อธิษฐานจิตได้บันทึกไว้ในองค์พระ

    นี่คือการสืบทอดอายุพระพุทธศาสนา
    เพราะพระธรรมของพระผู้มีพระภาคเจ้า
    ไม่เคยสูญหายไปจากโลก
    (จนกว่าจะสิ้นอายุพระพุทธศาสนา)
     
  5. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,669
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542
    บุญกับบารมีเป็นคำที่ทุกท่านคงเคยได้ยินกันมาบ่อยๆ
    แต่ทราบไหมครับว่าแตกต่างกันอย่างไร

    เวลาที่เราไปบริจาคทรัพย์
    ปล่อยชีวิตสัตว์ หรืออื่นๆ มักจะกล่าวกันว่าได้บุญ
    แต่ไม่ได้บอกว่าได้บารมี

    จริงๆ แล้ว บุญ และบารมีเป็นของคู่กัน
    ต้องมีบุญก่อนถึงจะเกิดบารมีได้

    ถ้าเปรียบเทียบอุปมาอุปมัย บุญ คงเหมือนกับ
    ไอน้ำ ส่วนบารมีเหมือนกับ น้ำ

    เมื่อเราทำบุญ เหมือนกับ เราได้ไอน้ำมา
    แต่เราจำเป็นต้องควบแน่นให้ไอน้ำเหล่านั้น กลายเป็นน้ำ
    หรือเป็นบารมีอีกที วิธีการในการควบแน่นั้นก็คือ
    การปฏิบัติสมถกรรมฐาน วิปัสสนา นั่นเอง

    ในการจะล่วงเข้าสู่นิพพาน บารมีจะต้องเติม 10 ทัศ
    สำหรับพระสาวกภูมิ และเต็ม 30 ทัศ สำหรับพระพุทธภูมิ
    (จะสังเกตุได้ว่าใช้คำว่าบารมี ไม่ใช่บุญ) ดังนั้นผู้ที่ปรารถนา
    จะสิ้นชาติภพ จงเร่งปฏิบัติภาวนาเถิด
    เร่งกลั่นบุญที่สะสมกันมาให้เป็นบารมี

    มีความคิดสุดโต่ง ที่เป็นมิจฉาทิฐิ คือ ทำบุญไปเรื่อยๆ
    เดี๋ยวก็ได้ถึงนิพพานเอง ซึ่งเป็นไปไม่ได้
    (พระพุทธเจ้ากล่าวว่าเป็น 1 ในมิจฉาทิฐิ)
    เพราะบุญไม่มีทางกลั่นตัวเองให้เป็นบารมี
    บุญต้องอาศัยเครื่องกลั่น คือการปฏิบัติเท่านั้น

    พระสายป่าบางองค์ บางท่านอาจคิดสงสัยทำไม
    ท่านเป็นพระอรหันต์ได้ โดยการเข้าไปบำเพ็ญในป่าฝ่ายเดียว
    ไม่ได้ทำบุญทั้ง 10 ประการให้ครบ ก็วิสัชนาว่า
    เพราะท่านมีบุญทั้ง 10 ประการ เพียงพอที่จะกลั่น ให้เป็น
    บารมีทั้ง 10 ทัศ นั้นได้เต็มสมบูรณ์แล้วนั้นเอง
    เพราะบุญ และบารมีนั้นไม่สูญหายไปไหน
    ติดตามเราไปทุกภพทุกชาติ

    แต่พระป่าบางองค์เมื่อกลั่นบุญเป็นบารมีแล้ว
    ท่านพบว่ายังไม่เต็มสมบูรณ์ ท่านก็จักออกจากป่า มาสร้างบุญ
    เพิ่ม เช่น มาสร้างวัด วิหาร ต่างๆ เพื่อใช้เป็น
    ทุนในการกลั่นเป็นบารมีต่อไป
    (ที่กล่าวนี้ว่าถึงเฉพาะพระสาวกภูมิเท่านั้น)
     
  6. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,669
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542
    <TABLE class=fnormal cellSpacing=0 cellPadding=0 width=700 align=center border=0><TBODY><TR><TD>เรื่องเล่าและเรื่องราวต่างๆของคณะศิษย์หลวงปู่หลายๆท่าน
    ที่ได้บันทึกไว้ตามแหล่งต่างๆและนำมาเล่าสู่กันฟัง

    --------------------------------------------------------------

    <TABLE class=fnormal cellSpacing=0 cellPadding=0 width="60%" border=0><TBODY><TR><TD style="FILTER: alpha(finishopacity=50, startx=30,style=1)" bgColor=#7f9bd2 height=20 rowSpan=2> ประสบการณ์รักษาโรคงูสวัด ด้วยวิชาเปิดโรค </TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    พิจารณาแล้วเห็นควรนำเรื่องนี้มาเล่าให้ ลูกศิษย์หลวงปู่หลวงตาฟัง
    เพื่อบูชาคุณครูบาอาจารย์ของพวกเราทุกคน

    ข้าพเจ้าลงจากวัดถ้ำเมืองนะ หลังจากที่ไปอยู่ฝึกวิชากับหลวงตาม้าช่วงก่อนสงกรานต์ ปี 2550 จำได้ว่าพอกลับถึงบ้าน ภรรยาของข้าพเจ้าบอกว่าเป็น "งูสวัด" ขึ้นที่แขน เมื่อดูที่แขนก็พบว่าเป็นแผลเหมือนไฟไหม้พองเป็นน้ำใสๆ ส่วนที่ยังไม่เป็นน้ำ ก็จะเป็นสีแดงๆ เป็นทางยาวเกือบจะรอบแขนแล้ว เราก็ปลอบใจภรรยาว่าไม่เป็นไรหรอ (แต่ในใจคิดว่าแผล น่ากลัวจัง) บอกภรรยาไปว่าเดี๋ยวจะรักษาให้ เพราะหลวงตาสอนมาไม่ต้องห่วง


    ตกเย็น 20.30 สวดมนต์ไหว้พระ แผ่บุญ เสร็จเรียบร้อย ก็ทำการรักษาให้ภรรยา โดยใช้พระขรรค์จักรพรรดิ์จี้ที่หน้าผากของภรรยา กำหนดจิตดูกายทิพย์เค้า แล้วน้อมบารมีของหลวงปู่ดู่เป็นที่สุด แผ่ไปทั่วร่าง(กายทิพย์) ของภรรยา จากนั้น กำหนดจิตน้อมพลังจากพระขรรค์พุ่งไปที่ตำแหน่งแผลงูสวัด จนจิตรู้สึกว่าพอแล้วจึงใช้พระขรรค์เปลี่ยนตำแหน่งมาขีดรอบบาดแผลงูสวัด (ช่วงที่ขีดรอบแผลกำหนดจิตรักษาไปด้วย) จนเสร็จ ให้เค้ากินน้ำมนต์จักรพรรดิ์ กราบ พระแก้วแดง พระประธาน เป็นอันเสร็จพิธีปฏิบัติหน้าที่หมอจำเป็น


    ผลการรักษา


    วันรุ่งขึ้นหลังจากรักษาโรคงูสวัดให้ภรรยา ผลคือแผลทุเคยพุพองเป็นน้ำใส แห้งยุบลงมาก และต่อมาแผลก็แห้งภายใน 3 วัน


    ลูกขอบูชาคุณครูบาอาจาริยะคุณัง วันทามิ

    ---------------------------------------------------
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    หลวงปู่ดู่พาเด็กอายุ 12 ไปท่องนรก

    สวัสดีงับผมเพิ่งมาใหม่อะงับถ้าผมพิมอะไรไม่ถูกโปรดชี้แนะด้วยนะงับ
    ถอดจิตไปนรก
    เรื่องก็คือว่าผมได้มีตาทิพย์อะงับ(พี่สอนมา)แล้วพี่ของผมก็แนะนำให้ผมรู้จักหลวงปู่ดู่อะงับเวลากลางคืนผมก็ถอดจิตหรือตาทิพย์นี่แหละงับไปหาหลวงปู่ดู่ทุกวันในที่ผมเห็นนะงับผมเห็นพื้นเป็นเมฆแหละงับแล้วท่านหลวงปู่ดู่ก็นั่งสมาธิอยู่บนหินก้อนหนึ่งผมกราบท่าน3ทีแล้วท่านก็ลืมตาขึ้นมาแล้วหลวงปู่ก็จับหัวผมตอนนั้นผมอยู่หน้าหลวงปู่หลังจากนั้นท่านก็สอนอะไรผมมากมายจน กระทั่ง วันหนึ่งผมได้ไปหาหลวงปู่ดู่อีกครั้งแต่คราวนี้หลวงปู่ท่านบอกให้ผมตามท่านไปผมก็ตามไปแล้วสักพักก็มีประตูโผล่ขึ้นมาจากพื้นเป็นประตูสีแดงน่ากลัวมากหลวงปู่ท่านก็พูดว่า"นี่ก็คือทางไปนรกข้างในจะเต็มไปด้วยวิญญาณที่ทรมานเพราะทำชั่ว"หลวงปู่ดู่พูดเสร็จก็พาผมเข้าไปพอเข้าไปเสร็จแล้วมองไปทางไหนก็มืดหมดสักพักก็มีประตูบานใหญ่อยู่บานหนึ่งมีหัวกะโหลกเป็นที่เปิดประตู ประตูที่ว่านี่ไม่ใช่ประตูสมัยนี้นะแต่จะเป็นประตูสมัยก่อนงับพอซักพักผมเห็นหลวงปู่หลับตาไปสักพักประตูก็เปิดแต่พอเปิดเสร็จมีเสียงกรีดร้องของเปรต คน และสัตว์ ซึ่งน่ากลัวมากเลยงับแล้วหลวงปู่ท่านก็พาผมเดินไปเรื่อย
    ยิ่งลึกเสียงยิ่งดังผมก็ยิ่งกลัวแต่เดินไปซักพักก็มีสิ่งอะไรก็ไม่รู้มาจับขาผมอย่างแน่นมากผมเจ็บมากเลยร้องหลวงปู่ดู่ก็หันมามองแล้วสิ่งมีชีวิตที่ผมเห็นนั้นไม่มีขาตัวสีแดงไม่มีหนังตาเหลือกน่ากลัวมากงับ
    พอหลวงปู่หันมาเจ้าสิ่งมีชีวืตนั้นก็ปล่อยขาผมแล้วยกมือไหว้หลวงปู่สักพักสิ่งมีชีวิตนั้นก็หายตัวไปผมคิดว่าคงได้ไปขึ้นสวรรค์เพราะดูท่าแล้วหลวงปู่ท่านน่าจะแผ่เมตตาให้เจ้าสิ่งมีชีวิตนั้นจากนั้นหลวงปู่ก็พาผมเดินไปต่อผมก็เริ่มกลัวมากขึ้นแล้วเมื่อเข้าไปอีกก็เจอซอกถ้ำซอก1ที่ดูแล้วน่ากลัวแต่พอผมเข้าซอกนั้นไปผมไม่ได้รูสึกอึดอัดอะไรเลยแต่ผมกลับรูสึคกสบายตัวหลังจากผ่านซอกนั้นแล้วผมก็เห็นเปรตตัวใหญ่มากๆเลยกำลังถูกยมบารเอาหอกแทงเข้าไปที่ลูกตาแล้วเสียงกรี๊ดร้องก็ดั่งสนั่นหวั่นไหวผมกลัวมากเลยงับเวลานั้นหลวงปู่ก็บอกว่าอย่าเพิ่งกลับ
    ท่านบอกว่าให้ดูต่อจะได้นำไปเผยแพร่ในโลกมนุษย์ผมก็ดูต่อไปเรื่อยๆมีทั้งปีนต้นหนาม กระทะทองแดง การจับแยกชิ้นส่วนโดยใช้เลื่อย และก็กานกินลาวาเข้าไป แล้วยังมีการเจาะกะโหลกอีกด้วยผมก็ดูไปเรื่อยๆจนถึงปลายทางงับผมเห็นสะพาน4สะพานมีคนถือดาบหอกเฝ้าอยู่สะพานที่1เป็นทอง สะพานที่2เป็นเหล็ก สะพานที่3เป็นไม้ สะพานที่4เป็นไม้เก่าแตกๆ หลวงปู่บอกว่าสะพานพวกนี้จะบอกสถาณะชาติหน้าว่าใครต้องจนต้องรวย หลังจากนั้นหลวงปู่ก็บอกให้ผมแพ่เมตตาหลังจากนั้นผมก็แพ่พอแพ่เสร็จปุ๊ปเสียงกรี๊ดร้องก็หายไปหลวงปู๋บอกว่า"การแพ่เมตตาให้วิญญาณในนรกนั้นไม่ใช่แพ่ให้หยุดตลอดกานแต่เป็นกานแพ่เพื่อให้หยุดชั่วคราว"หลวงปู่พูดจบก็จับหวัผมแล้วบอกว่า"กลับได้แล้วละตอนนี้ดึกแล้ว
    เด๋วจิตจะไม่สงบผมก็กลับร่างเดิมไป จบ.


    -------------------------------------------------------

    หลวงปู่ดู่พาไปสอนที่วิมาน

    หลังจากที่อ่านมาอย่างเดียวตลอดพอมีเรื่องราวดีๆจึงอยากนำมาแบ่งปันกัน
    เนื่องจากเมื่อคืนก่อนหนูได้มีประสบการณ์ดีๆบางอย่างที่ได้พบเจอมากับตนเอง
    และทำให้ได้รู้ถึงคุณของพระรัตนตรัย จึงอยากนำเรื่องราวเล็กๆน้อยๆที่หนูได้ประสบมา
    มาแบ่งปันกันให้เพื่อนๆ พี่ๆ ได้อ่านกันเพื่อเป็นกำลังใจในการปฏิบัติของทุกๆคนเลยนะคะ
    อยากเผื่อแผ่บุญให้แก่ทุกๆท่าน

    เรื่องมีอยู่ว่า หนูได้ทำสมาธิโดยระลึกถึงหลวงปู่องค์หนึ่งที่หนูได้รู้จักจากพี่คนหนึ่ง
    ที่แนะให้กำหนดท่านเวลานั่งสมาธิ ท่านคือ หลวงปู่ดู่
    คืนวันที่12/1/50 เวลาประมาณ 22.30 น. หลังจากพี่คนนั้น
    ได้ส่งรูปหลวงปู่ดู่มาให้หนูสำหรับกำหนดนิมิต
    และแนะนำวิธีทำสมาธิสูตรหลวงปู่ดู่(วิชาเปิดโลก) แล้ว
    หนูจึงเริ่มเข้าสมาธิแบบที่หนูถนัดและเคยศึกษามาจากแม่คือ
    หายใจเข้า-ออกช้าๆให้ใจได้เย็นๆลงแล้วจึง
    กำหนดนิมิตเป็นภาพท่านที่กำลังยิ้มอยู่ ในนิมิตนั้นปรากฏ
    เป็นท่านกำลังยิ้มอย่างใจดี ขณะนั้นรู้สึกตื่นเต้นและกลัว

    สักพักหนูรู้สึกว่าจิตได้ตามท่านไป
    แล้วท่านก็พาหนูไปที่สวนแห่งหนึ่ง
    ที่สวนแห่งนี้มีพืชพรรณ
    ดอกไม้ ที่สวยงามต่างๆมากมาย
    มีต้นไม้ใหญ่ๆอยู่หลายต้นมีพุ่มดอกไม้เล็กๆ
    และข้างๆก็ปรากฏเป็นลำธาร
    โดยมีพื้นหญ้าเขียวขจีเป็นพื้น
    ความรู้สึกแรกที่สัมผัสได้เมื่อเข้ามาคือความสงบ รื่นรมย์
    สิ่งเหล่านี้ทำให้จิตใจของหนูสงบลง หนูเหลียวไปมองหลวงปู่
    หลวงปู่ท่านนั่งลงหันหลังให้ลำธาร
    ท่านนั่งลงบนผ้าสีขาวที่ปูลาดไว้อย่างดี
    แล้วท่านก็หลับตาทำสมาธิ
    เหมือนจะแสดงเป็นนัยยะบางอย่าง

    หนูนั่งลงบนหญ้าเบื้องหน้าท่านแล้วสังเกตเห็นเทวดาแถวนั้น
    มาร่วมโมทนาด้วย หนูจึงทำสมาธิบ้างโดยหายใจเข้าภาวนาว่า
    พองหนอ หายใจออกภาวนาว่า ยุบหนอ
    นั่งจนกระทั่งรู้สึกจิตใจสงบจนไม่เหลือความกลัวแล้วจึงลืมตาขึ้น
    แล้วจึงสนทนากับท่าน



    ท่านบอกว่า ไม่ต้องกลัวนะ ให้แผ่พลังตามแบบที่ท่านสอนไว้
    (เวลาหนูไปตามที่ต่างๆหนูจะแผ่บุญแบบที่หลวงปู่สอนค่ะ)
    แล้วก็ให้ถือศีล5 หนูก็ถามท่านว่า ที่นี่คือสวนที่ไหนหรอคะ
    ที่บนโลกมนุษย์หรือบนสวรรค์ ท่านตอบว่า
    ที่นี่เป็นสวนที่อยู่ในเขตวิมานของท่าน
    อยู่บนสวรรค์

    ขณะนั้นก็มีเสียงแทรกเข้ามาในหูเป็นเสียง ตื้ด..ด ยาวๆ
    จึงถามท่านว่าเสียงนี้เป็นเสียงถามทางใช่รึเปล่าคะ
    แล้วแม่สอนว่าให้พูดว่า ไปทางใหญ่
    ถูกไหมคะ ท่านตอบว่า ใช่ ถูกแล้ว หนูก็นั่งมองรอบๆตัวอีกซักพักหนึ่ง
    จึงบอกท่านว่าขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์ด้วย แล้วก้มกราบท่าน 3 ครั้ง
    ท่านยิ้ม จากนั้นจึงกลับมาที่กาย


    พอกลับมาก็เล่าให้พี่คนนั้นฟังแต่ด้วยความไม่แน่ใจว่า
    ที่เห็นเป็นของจริงหรือไม่
    พี่เค้าเลยถอดจิตไปด้วยกันเพื่อยืนยัน หลังจากที่นัดเวลา
    กันหนูจึงกำหนดจิตไปอีกครั้งหนึ่ง
    ครั้งนี้ไปถึงเห็นหลวงปู่ท่านนั่งอยู่บนฐานสูงๆขึ้นมา
    ไม่ได้นั่งอยู่บนผ้าแบบครั้งที่แล้ว
    ด้านซ้ายมือของท่านปรากฏเป็นพี่คนนั้นแต่
    อยู่ในสภาพของกายทิพย์
    ท่านย้ำกับหนูอีกว่า ไม่ต้องกลัว ให้ใจเย็นๆ อย่าลืมถือศีล 5
    และหมั่นแผ่พลังบุญปรับภพภูมิ แบบที่ท่านสอน



    แล้วท่านก็ให้แหวนหนูมาหนึ่งวง
    เป็นแหวนสีทองเกลี้ยงๆธรรมดาๆรอบๆแหวนนั้น
    มีแสงเล็กน้อย ดูแล้วรู้สึกว่าสวยดี
    หนูจึงนำมาใส่ที่นิ้วนางข้างซ้ายของกายทิพย์หนู
    แล้วท่านก็ย้ำอีกครั้งว่าไม่ต้องกลัวในการปฎิบัติให้ระลึกถึง
    พระไว้เวลาปฎิบัติและให้หมั่นแผ่เมตตาและถือศีล 5 ให้ดี
    หนูจึงกราบลาท่าน แล้วจึงกลับมา


    ตอนนี้หนูเรียนอยู่ ม.1 อายุ 13 ปี
    จะครบ 14 ตอนปลายปีนี้ค่ะ ^^

    --------------------------------------------
    ประสปการ์ณไปวัดสะแกครั้งแรก
    เมื่อปิดเทอมที่ผ่านมาได้มีโอกาสไปวัดสะแก จังหวัอยุธยา

    ขอเล่าถึงการเดินทางก่อนนะค่ะ ระหว่างการเดินทาง ดิฉัน

    ได้เห็น ภูเขาสูงมากๆขาวๆใสๆเหมือนแก้วสว่างๆ อยู่ไกล

    จากรถดิฉันไปอีก แสดงตำแหน่งของวัดได้ด้วย ใจบอกว่า

    ที่นั่นคือวัดสะแกทันที พอไปถึงก็เย็นแล้ว เริ่มจากไปกราบ

    หลวงปู่ดู่ก่อนตามคำแนะนำของพี่นิก ต่อมาก้อทำใจเบาๆ

    ไป ดูหุ่นขี้ผึ้งหลวงปู่เปลี่ยนหน้าเป็นหลวงปู่ทวด มหัสจรรย์

    จริงๆขยับได้อีกตะหาก ก็กราบลาออกมาเดินรอบๆบริเวณ

    วัด ก็เห็นอะไรสูงๆจนถึงฟ้า แล้วใหญ่มากเลยอยู่กลางวัด

    ใจก้อคิดว่าคงเป็นหลวงปู่ องค์ใหญ่จิงแท้ แล้วก็เดินกลับไป

    ที่กุฏิหลวงปู่อีกรอบ เวลานั้นเริ่มๆมืด มีแต่คุณยายแก่ๆนั่ง

    อยู่คนเดียว แต่ภาพที่เราเห็น ปรากฏภาพคน เทวดาพรหม

    เต็มไปหมดจนไม่มีที่ยืน สว่างไสวมากๆ เห็นหลวงปู่นั่งอยู่

    เหมือนตอนท่านมีชีวิต นั่งคุยกับลูกศิษย์อยู่ ดิฉันก็เข้าไป

    กราบลาท่านกลับ อากาศที่วัดยามเย็นดีมากๆ อยู่ที่ริมแม่

    น้ำด้วยค่ะ ใครมีโอกาสไปอยุธยาก็เชิญนะค่ะ

    ------------------------------------------------

    <TABLE class=fnormal cellSpacing=0 cellPadding=0 width=700 align=center border=0><TBODY><TR><TD><TABLE class=fnormal cellSpacing=0 cellPadding=0 width="60%" border=0><TBODY><TR><TD style="FILTER: alpha(finishopacity=50, startx=30,style=1)" bgColor=#7f9bd2 height=20 rowSpan=2> สวดบทจักรพรรดิ พระที่วางไว้ในมือสั่น </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    ผมเป็นสมาชิกใหม่มาก ก่อนจะมาเป็นสมาชิกที่นี่เริ่มมาจากประมาณเดือน ก.พ. 2550 ผมได้คุยกับดาบตำรวจท่านหนึ่งแกเป็นคนพื้นเพเดิมอยู่ อยุธยา และเป็นศิษย์ ลป.ดู่คนหนึ่ง ผมได้ปรารภกับดาบท่านว่าอยากจะได้แหวนพระพุทธของหลวงปู่สักวง เพื่อเอาไว้ใช้ ดาบท่านก็บอกว่าแกมีอยู่หลายวงจะแบ่งให้สักวง วันต่อมาดาบก็นำมาให้พร้อมกับพระผงจักรพรรดิ รูป ลป.ทวดนั่งบัว พอได้มาผมก็อยากจะได้พระพิธีเปิดโลกปี 2532 อีก จึงค้นหาตามเวป ก็มาเจอที่เวปพลังจิตที่คุณ Wisdom ไปโพสไว้ ว่าหลวงตาม้าสอนพิธีเปิดโลกแก่ลูกศิษย์เลยถือวิสาสะกอปไปศึกษาด้วยตนเองได้มาหลายวันแล้ว ผมได้สวดมนต์และนั่งสมาธิโดยใช้พระผงจักรพรรดิมาได้สักประมาณ 4 - 5 วัแล้ว และเพมือคืนวันที่ 14 มี.ค 2550 เวลาประมาณ 4 ทุ่มเศษ ผมได้สดบทจักรพรรดิ และวันนี้ผมได้อาราธนาพระที่ผมแขวนอยู่ที่คอวางไว้มือขวาพร้อมกับพระผงจักรพรรดิวางไว้ที่ตัก และมือซ้ายถือลูกประคำเพื่อที่จะนับรอบให้เท่ากับกำลังวัน และผมได้สดบทจักรพรรดิไปได้ซักรอบ 4 - 5 ก็มีการดิ้นของพระที่วางอยู่บนผ่ามือ เหมือนกับว่ามือสั่นอย่างแรงจนสร้อยคอที่วางกองอยู่ที่มือไหลมากองอยู่ตรงหน้าตัก พอสวดมนต์จบ แผ่เมตตา สัพเพฯ .... สิ่งนี้เพิ่งเกิดกับชีวิตผมเป็นครั้งแรกเลยนำมาเล่าสู่กันฟังครับ ....ขอให้ทุกๆคนมีความสุขสงบครับ [​IMG]

     
  7. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,669
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542
    <TABLE class=fnormal cellSpacing=0 cellPadding=0 width=700 align=center border=0><TBODY><TR><TD>เรื่องเล่าและเรื่องราวต่างๆของคณะศิษย์หลวงปู่หลายๆท่าน
    ที่ได้บันทึกไว้ตามแหล่งต่างๆและนำมาเล่าสู่กันฟัง


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE class=fontReply width="98%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>-----------------------

    ประสพการณ์การฝึกครั้งแรกที่ได้รู้จักวิชาเปิดโลก
    (หลังจากที่ได้ฝึกเบื้อต้นแล้ว)

    จึงอธิฐานขอให้เห็นภพภูมิ
    เปรตสัตว์นรกอสูรกาย ตามคำแนะนำ

    พอมองไปรอบๆเวลานั้น ถึงกับตกใจมากๆ เพราะว่ากลัวผีเป็นทุน แต่มันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เห็น กลายเป็นคำว่าเวทนามาแทน ไม่น่าเชื่อเลยนะค่ะ ว่าพื้นที่เราเห็นว่าโล่งๆ แค่เอานิ้วจิ้มยังมีภพภูมิต่างๆอยู่ทุกที่ แน่นไปหมด แต่เค้ายังไม่ได้ไปไหนเลย รอคอยบุญ หรือกรรมที่บางลงเท่านั้นที่จะให้เค้าไปได้



    ผู้สอนจึงแนะนำต่อว่าให้น้อมบุญหลวงปู่แผ่ไป เวลานั้นเห็นหลวงปู่มานั่งอยู่บนอาสน์แสงออกมาเป็นสีเจ็ดสี สว่างเหมือนพระอาทิตย์ จิตก็ทำตามนั้นไป แสงที่เห็นพุ่งออกไปไกล คล้ายๆฝนตกลงมาคลุมพวกเค้า แล้ว สิ่งที่เห็นเวลานั้น คือ พวกเค้ากำลังกลุ้มน้อมรับกระแสบุญ แล้วก็กลายเป็นเทวดากัน ด้วยความสงสัยว่าดิฉันอยู่อังกฤษ วิญญาณผีฝรั่งจะได้บุญด้วยหรือไม่? เลยกราบถามพวกเค้าว่า ในที่นี้ ใครเป็นฝรั่ง คนต่างชาติบ้าง ก็มีคนยกมือ เค้าเป็นนางฟ้าไปแล้ว แต่ว่าแสดงกายสมัยตอนยังเป็นมนุษย์ให้เห็นว่าเป็นฝรั่งผู้หญิง คนดำและคนอินเดีย เลยกราบโมทนา สาธุกับทุกท่าน แล้วกราบหลวงปู่ดู่ [​IMG]ประทับใจจริง

    --------------------------------

    ประสบการ์ณโดนรถชนแล้วไม่เป็นอะไร

    เรื่องนี้เป็นเหตุการ์ณที่เกิดขึ้นจริงแต่สุดแท้แต่ใครจะเชื่อแต่สำหรับผมแล้วเจอมากับตัวครับ

    เรื่องต่อไปนี้เป็นประสบการ์ณส่วนตัวของผมเองที่เกิดขึ้นซึ่งเกี่ยวข้องกับพระผงพระจักรพรรดิ นอกเหนือจากการทำกรรมฐาน และอื่นๆ


    เรื่องมีอยู่ว่า...


    เมื่อประมาณกลางปีที่แล้วผมได้ขับมอเตอไซค์
    ไปทำธุระระหว่างทางกลับบ้าน
    ได้ขับรถผ่านสี่แยกรอบเมืองตัดเข้าตัวเมือง
    โดยขณะนั้นเนื่องจากไฟเขียวนานแล้วจึง
    รีบเร่งเลี้ยวขวาเข้าตัวเมือง

    แต่จังหวะเดียวกันขณะที่กำลังเลี้ยวอยู่นั้น

    มีรถกระบะคันใหญ่ขับมาอย่างเร็วเนื่องจากต้องการ
    ให้ทันไฟเขียวโดยรถกระบะไม่ทันสังเกตุเห็นผม
    จึงชนเข้ากับผมอย่างจังที่ความเร็วเท่าที่ประมาณดูน่าจะเหยียบร้อยได้


    บริเวณด้านหน้าแถวๆไฟตาของรถได้ชน
    เข้าข้างลำตัวอย่างจัง
    (คิดดูนะครับเนื้อกับเหล็ก)

    ผมกระเด็นไปไกลหลายเมตรและ
    นอนลงที่พื้น(รถกับคนไปคนละทิศ)


    จังหวะตอนโดนชนนั้นรู้สึกเหมือนกับว่า
    มีดักแด้นุ่มๆมาหุ้มร่างกายไว้มีแสงสว่างนวลๆมาโอบร่างไว้
    รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกเหมือนพุทธคุณธรรม
    คุณสังฆคุณผ่านไปทุกอณูในร่างกาย

    จังหวะที่ตกพื้นก็รู้สึกว่าเหมือนตกลงไปบนฟูกนุ่มๆ
    อาจจะฟังดูเหลือเชื่อแต่บอกตรงๆว่าผมแทบ
    ไม่รู้สึกอะไรเลยถึงความเจ็บปวดนอกจาก
    เสียงลมที่ผ่านหูตอนที่กำลังตกสู่พื้น
    เท่านั้นอีกอย่างใจเราทรงสมาธิอยู่เป็นปกติ
    อยู่แล้วจากการปฎิบัติของเรา และระหว่างที่
    โดนชนนั้นก็เดินวิชาทรงกำลังหลวงปู่ขึ้นมาเอง
    (พูดง่ายๆว่าระลึกถึงท่านขึ้นมา)
    ทำให้รู้สึกสงบมากตอนที่กำลังล่องลอยสู่พื้นถนน


    เช้าวันนั้นก่อนออกจากบ้านมีลางสังหรณ์
    ว่าจะต้องมีอะไรเกิดขึ้น
    แต่ก็ไม่ซีเรียสเนื่องจากสิ่งที่จะเกิด
    ก็ต้องเกิดอยู่ดีแม้วันนั้นต่อให้นั่งอยู่บ้าน
    กรรมตัวนั้นก็ต้องเล่นงานอยู่ดีด้วยไม่วิธีการ
    ใดก็วิธีการหนึ่ง "ใครจะใหญ่เกินกรรม"


    แต่ด้วยเดชะบุญแห่งศีลและการปฎิบัติ
    ของเราประกอบกับที่ทรงกำลังครูบาอาจารย์
    หมั่นสร้างบารมี แผ่บุญช่วยภพภูมิ
    และภาวนาคาถาจักรพรรดิอยู่เป็นนิจ
    จึงรอดมาได้ ด้วยเหตุที่ว่ากรรมครั้งนี้
    ซึ่งจริงๆแล้วต้องหนักกว่านี้บุญและธรรมที่เรา
    สร้างไว้ได้มาช่วยเบาบางให้นั้นเอง
    และความเป็นพุทธภูมิของเราบารมีที่เราสร้าง
    มาก็ช่วยไว้ แต่เศษกรรมจากอดีตที่ยังต้องใช้ก็มีอยู่
    จึงเกิดเหตุการ์ณยังงี้ขึ้น แต่เรียกได้ว่าสาเหตุ
    ที่เหตุการ์ณนี้จากหนักมาเป็น แทบไม่เป็นไรเลย
    เป็นเพราะ ธรรมรักษาผู้ปฎิบัติธรรมจริงๆ
    ดังพุทธพจน์ที่พระพุทธเจ้ากล่าวไว้นั้นเอง


    คนที่เห็นเหตุการ์ณมีเยอะเนื่องจากเกิดขึ้น
    ในย่านจราจรพลุกพล่านเจ้าของรถได้จ
    อดรถห่างออกไปหลายเมตรและวิ่งมาดูเรา
    ซึ่งเราก็ลุกขึ้นมาหลังจากล้มได้ไม่นานนัก
    โดยถึงกับพูดไม่ออกอยู่พักหนึงทีเดียว
    แต่เนื่องจากตัวผมนั้นไม่บาดเจ็บและมอไซค์
    ผมนั้นก็เสียหายไม่มากแค่พักเท้าเบี้ยวเท่านั้น
    จึงไม่อยากเอาเรื่องเขาจึงให้อภัยเขาไปเพราะ
    ถ้าเรื่องถึงตำรวจก็จะเป็นการเสียเวลา
    ทั้งสองฝ่ายเมือ่ประนีประนอมได้จึงยอมเขาไปถึงแม้
    ตำรวจจราจรละแวกนั้นที่เห็นเหตุการ์ณจะมา
    ให้เราเอาเรื่องเขาแต่เราก็ปฎิเสธ จึงแยกย้ายกันทันที
    หลังจากที่ต่างคนต่างกลับสู่พาหนะเวลาทั้งหมด
    ของเหตุการ์ณตั้งแต่โดนชนและแยกย้ายก็ประมาณ 10 นาที
    เท่านั้นเองไม่เสียเวลามากซึ่งก็ดีเพราะกำลังมุ่งหน้าไปวัด
    พอดีเนื่องจากเป็นวันหยุดและวันพระจึงกะจะ
    ไปนั่งฝึกนั่งสมาธิภาวนาและฝึกวิชาหลวงปู่ซักหน่อย
    (แต่รถขนขับที่ชนผมกลับเสียหาย
    ปรากฎว่ารถบริเวณตั้งแต่ไฟตาลากยาวจน
    ถึงไฟท้ายบุบเป็นรอยขีดยาวเลยคิดว่า
    ถ้าเขาซ่อมคงจะหลายพัน)


    เล่าย้อนกลับมาหลังจากตอนที่โดนชนเสร็จ
    ผมลุกขึ้นมาแล้วก็สำรวจร่างกายตนเอง
    ปรากฎว่าบริเวณที่โดนชน ไม่มีรอยแผล
    กระดูกก็ไม่หักเรียกได้ว่าไม่มีร่องรอยอะไรเลย
    นอกจากรอยไหม้ๆที่ดูแดงๆสักพักก็ตกสะเก็ด
    และลอกไปและคราวนี้ก็ดูเหมือนไม่มีอะไร
    ไม่มีร่องรอยจากอุบัติเหตุเลยจริงๆ


    หลังจากที่ชนเสร็จปรากฎว่าข้างๆแถวนั้น
    มีร้านเช่าพระเขาวิ่งมาหาเราช่วยเราก่อนใครเลย
    แล้วก็สิ่งแรกที่เขาถามผมก่อนจะถามว่า
    "บาดเจ็บตรงไหนไหมน้อง" ก็คือ "น้องห้อยพระอะไร"
    ผมจึงให้เขาดู บอกเขาว่าเป็นพระผงจักรพรรดิหลวงปู่ดู่หลวงตาม้า
    เกจิพระก็ถึงบางอ้อและไม่สงสัยเลย
    พร้อมอุทานออกมาว่า "โห น้องพระสายนี้ กันนิวเคลียได้
    ถ้าแค่นี้ไม่รอดก็แปลกละ"
    สมกับที่หลวงปู่ท่านได้กล่าวไว้ถึงพระที่สร้างด้วยวิชาท่านจริงๆ

    ตั้งแต่เหตุการ์ณครั้งนั้นมาจึงไม่เหลือ
    ความสงสยในพุทธคุณพระเลยและจึง
    พยายามเผยแพร่พระผงจักรพรรดิ
    เพราะพระท่านใช้ได้เรียกว่าครอบจักรวาลจริงๆ
    ตามไปดูได้ที่กระทู้ พุทธคุณแห่งพระผงมหาจักรพรรดิ์สูตรหลวงปู่ดู่หลวงตาม้า


    ลูกขอกราบ พระพุทธพระธรรม พระสงฆ์
    บารมีรวมหลวงปู่ดู่ เป็นที่สุด หลวงตาม้าเป็นที่สุด
    ครูบาอาจารย์ท่านมีพระคุณมากๆ
    ถ้าใครมีโอกาสก็แนะนำให้ไปกราบหลวงตาม้านะครับ
    (โทรสอบถามเส้นทางที่พี่ศิวกร 081-8178827
    พี่เขาผู้ประสานงานทางวัด)


    เรื่องที่เล่านี้สาเหตุที่เล่าก็เพราะอยากให้ทุกๆ
    ท่านได้เพิ่มศรัทธาและเป็นกำลังใจในการปฎิบัตินะครับ
    พุทธคุณในวิชาหลวงปู่นี้ ไม่สงสัยในบารมีพลัง
    พระท่านเลยครับ พระท่านใช้ได้ครอบจักรวาลจริงๆ


    ธรรมะสวัสดีครับ


    --------------------------

    โปรดวิญญาน

    อีกเรื่องหนึ่งยืนยันว่าพระหลวงปู่โปรดวิญญาญได้จริง
    เมื่อคืนหลังจากอาบน้ำมนต์เสร็จก็มานั่งสวดมนต์ตามแบบที่หมวดแจกมาในซอง เสร็จแล้วนั่งสมาธิ ปรากฎว่า มีกำลังแรงมากๆมาฉุดจิตให้ไปหน้าบ้านพออกไปหน้าบ้านพบว่าเสมือนอยู่ในงานวัดที่เค้าทำพิธีแล้วมีพวกมาชูมือขอส่วนบุญ กูด้วย กูด้วย เลยขออำนาจหลวงปู่ทวด หลวงปู่ ดู่ หลวงตามม้า แผ่เมตตาให้ พักเดียวเป็นแสงสีขาว สีทอง วูบไปที่กองทัพผี แล้วกองทัพผีค่อยหายไป
    ออกจากสมาธิมาดู ออ วันพระ เค้าปล่อยผี ผีเลยมาชุมนุมกัน เพราะเพิ่งจะสวดมนตพระจักรพรรดิ์เสร็จ
    <!-- / message --><!-- sig --></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  8. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,669
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542
    [​IMG]

    พระเอก (หลวงพ่อดู่ พรหมปัญโญ)
    --------------------------------------

    ครั้งหนึ่งขณะที่หลวงพ่อกำลังถวายข้าวพระก่อนฉัน ท่านมองมาที่เด็กผู้หญิง ซึ่งเป็นหลานของผู้เขียน พร้อมกับพูดขึ้นว่า “แกนั่งดูหลวงปู่ซิว่าเป็นอย่างไร”
    เด็กนั่งแล้วลืมตา ปนความแปลกใจแล้วกล่าวว่า
    “เห็นหลวงปู่แต่งตัวแบบละคร มีชฎาสวมใส่ด้วย”
    หลวงพ่อหัวเราะ แล้วพูดติดตลกว่า
    “เออจริงของแก จำไว้ด้วยนะถ้านั่งเห็นใครเขาแต่งแบบนี้ คนนั้นแหละต่อไปจะเป็นพระเอก”
    ภายหลังเด็กจึงบอกว่าเห็นท่านแต่งตัวแบบพระพุทธรูปทรงเครื่อง วัดหน้าพระเมรุนั่นเอง
    --------------------------
    ผู้เขียนในเรื่องเล่านี้คือ ศิษย์หลวงปู่ดู่

    สมัยวัดสะแก
     
  9. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,669
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542

    ประสบการณ์เกี่ยวกับลูกแก้วสารพัดนึก

    เมื่อสร้างลูกแก้วสารพัดนึก รุ่นแรกได้ 1,250 องค์เท่ากับจำนวนพระอรหันต์ ที่เดินทางมาพบพระพุทธเจ้าโดยไม่นัดหมายในวันมาฆบูชา และเป็นกำเนิดของการแสดงโอวาทปาฎิโมกข์ ซึ่งหลวงพ่อบอกว่า พระอรหันต์เหล่านี้ได้ภูติพระเจ้าจึงส่งจิตถึงกันได้ หลวงพ่อได้อธิษฐานจิต ลักษณะเป็นสีดำเพราะทาสีและเขียนอักษรว่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 เมษายน 2007
  10. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,669
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542
    ความว่าง

    หลวงปู่ดุลย์ อตุโล ท่านเป็นพระเถระ ลูกศิษย์พระอาจารย์มั่น ภูริทัตตะเถระ พระปรมาจารย์สายกรรมฐานของภาคอีสาน ผู้เขียนได้รับฟังข่าวคราวจากทางหนังสือพระเครื่อง เกี่ยวกับรูปถ่ายที่ช่างภาพถ่ายรูปท่านในท่านั่งห้อยขา แต่พอล้างฟิลม์ออกมากลับมีรูปซ้อนเป็นภาพนั่งสมาธิ โดยที่ท่านไม่ได้เปลี่ยนอริยาบท ซึ่งเขาเรียกว่าเป็นกายทิพย์ที่ท่านแสดง ขณะนั้นผู้เขียนทำงานเป็นพนักงานสินเชื่อ หัวหน้าแม่สอด-แม่ระมาด จังหวัดตากอยากไปนมัสการท่าน ความตั้งใจตอนนั้นเพียงเพื่อไปขอวัตถุมงคลและมีความเชื่อลึกๆ ในใจว่าท่านเป็นพระอรหันต์ เมื่อหยุดพักร้อนจึงเดินทางไปหาเพื่อนซึ่งจบมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รุ่นเดียวกัน ซึ่งรับราชการเป็นอาจารย์ที่วิทยาเขตเกษตรสุรินทร์ พอถึงสุรินทร์เรียบร้อยเพื่อนก็ถามว่าทำใมอยากมากราบหลวงปู่ ได้ตอบเพื่อนว่า
     
  11. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,669
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542
    มีลูกศิษย์คนหนึงได้รับมอบหมายจากหลวงพ่อให้สร้างลูกแก้วสารพัดนึก โดยใช้ปูนซีเมนต์ขาวผสมผงตอนแรกผู้เขียนจะทำ 108 องค์ ท่านบอกว่าไม่พอ อีกหน่อยจะหายาก ลูกละพันยังหาไม่ได้ท่านได้บอกเคล็ดลับของการเสกว่า ถ้าจะรู้ว่าใช้ได้หรือยังต้องดูในที่มืดๆจะมีแสงสว่างนั้นแหละใช้ได้แล้ว นอกจากนี้ท่านยังให้เจาะเป็นช่องว่างตรงกลางไว้ตอนแรกผู้เขียนจะขอท่านไม่ต้องเจาะ ท่านบอกไม่ได้เดี๋ยวจะเหมือนลูกกระสุนซึ่งเด็กสมัยก่อนจะรู้ คือ นำดินเหนียวมาปั้นก้อนกลมๆ ไว้สำหรับใช้กับหนังสติกเพื่อยิงนก รูที่เจาะให้ว่างนั้นแทนอากาศธาตุ เวลานั่งภาวนาเกิดแสงสว่างพวกแกก็ไปตามแสงสว่างนั้นแหละจะไปถึงวิมานแก้ว ที่อยู่ของพระพุทธเจ้าจะเห็นลูกแก้วลอยเต็มวิมานให้ขอท่านแล้วอธิษฐานกลืนไว้ตรงทรวงอก

    มีลูกศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำเป็นนักปฏิบัติได้มาเจอกับผู้เขียนที่หน้ากุฏิหลวงพ่อขณะนั้นท่านกำลังถวายข้าวพระอยู่ลูกศิษย์หลวงพ่อคนหนึงเลยให้เขานั่งดูสักครู่เขาบอกว่า หลวงพ่อกำลังถวายของ พระพุทธเจ้าอยู่บนวิมานแก้วมี พระมากมาย ผู้เขียนเลยบอกว่าถ้าเห็นพระแล้วทำอย่างไรต่อเขาบอกไม่รู้ลูกศิษย์หลวงพ่อคนหนึงเลยพูดว่าหลวงพ่อบอกไว้ ถ้าเจอพระให้อธิษฐานเรียกพระเข้าตัวเขาก็ทำตาม และบอกว่าหลวงพ่อองค์นี้ไม่น่าจะธรรมดาเพราะตอนที่ท่านประสิทธิพระเครื่องให้เขาเห็นแต่งตัวแบบเทวดาพอลืมตามาเห็นท่านยิ้มๆ<O:p></O:p>

    มาครั้งหลัง เขาบอกว่ามาพบหลวงพ่อท่านเป่าหัวให้สว่างไป 7 วัน คุยกันไปคุยกันมาผู้เขียนเลยให้เขานั่งดูลูกแก้วมหาจักรพรรดิ (แก้วสารพัดนึก)เขานั่งสักครู่แล้วบอกว่าตรงกลางลูกแก้วเห็นเป็นแสงสว่าง เลยให้เขาเดินจิตไปไหว้พระพุทธเจ้า
    ตั้งแต่นั้นมาเขามีความเคารพหลวงพ่อมาก<O:p
    เพราะจากประสบการณ์ที่ลูกแก้วมหาจักรพรรดิ์แสดงให้เขารู้เห็นด้วยตัวเอง

    มีลูกศิษย์ของท่านเป็นคริสต์แต่ได้มาปฏิบัติ ขณะที่นั่งปฏิบัติที่กรุงเทพ หลวงปู่ทวดมาโปรดในนิมิตเมื่อหลวงปู่ยกมือขึ้นประทานพร เขาเห็นรูปผีเสื้อ ตรงกลางฝ่ามือเขารีบขับรถจากกรุงเทพฯมาหาหลวงพ่อที่วัดหลังจากกราบหลวงพ่อแล้วเขาก็ขอดูเห็นเป็นรูปผีเสื้อจริง หลวงพ่อท่านบอกว่า
     
  12. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,669
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542

    [​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG]


    น้อมถวายเป็น พุทธบูชา ธรรมะบูชา สังฆบูชา
    แก่พระรัตตรัย แต่อดีต ปัจจุบัน และอณาคต


    (f) (f) (f) ​
    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.160711/[/MUSIC]​
     
  13. ง้วนดิน

    ง้วนดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    2,362
    ค่าพลัง:
    +11,047
    [​IMG]

    สาธุ...อนุโมทนา...จ้า
     
  14. putipongb

    putipongb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2007
    โพสต์:
    594
    ค่าพลัง:
    +3,843
    อนุโมทนาครับ ขอบคุณจากใจจริงที่นำบทความธรรมะดีๆมาให้อ่านบ่อยๆ
     
  15. mayongnes

    mayongnes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2006
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +2,449
    อนุโมทนากับ น้องนิคด้วยครับ เป็นธรรมมะ ที่ครบถ้วนหาได้ยาก
    ---------------------------------------------------------
    ขออนุโมทนาบุญ เป็นอย่างสูง ผมขออนุญาตินำข้อธรรมนี้ไปพิมหรือโพสในเวปธรรมมะ เวปอื่นด้วยนะครับ
     
  16. ann_swu

    ann_swu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    96
    ค่าพลัง:
    +142
    อนุโมทนา สาธุๆ นับถือหลวงปู่ท่านมากคะ รู้จักท่านเพราะคนในเวปนี้เลย
     
  17. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ขออนุโมทนาสาธุกับคุณนิกด้วยนะครับ

    สาธุ สาธุ สาธุ
     
  18. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,669
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542
    ^^
     
  19. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,669
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542
    อิมินา ปุญญะกัมเมนะ

    พุทโธ โหมิ อะนาคะเต กาเล


    บุญบารมีทั้งหมดทั้งมวลที่ข้าพเจ้าบำเพ็ญข้าพเจ้า
    ขออฐิษฐานเพื่อพระโพธิญานขอให้เป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้า
    ได้สำเร็จซึ่งพระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณตรัสรู้เป็น
    พระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์หนึ่งในอนาคตกาลนั้นเถิด
     
  20. Reynolds

    Reynolds เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    578
    ค่าพลัง:
    +1,501
    กราบเท้าหลวงปู่ดู่ และอนุโมทนาบุญกับเจ้าของกระทู้นะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...