ขุดเจอ "ก้อนปริศนา" หนักกว่า 10 กก. ลักษณะแวววาว ในดิน วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ

ขอช่วยตรวจสอบ ก้อนปริศนา ขุดได้จากดิน หากมีค่าพร้อมยกให้หน่วยงานเกี่ยวข้อง

ทยรัฐออนไลน์23 ก.ค. 2562 18:11 น.

ลุงขุดเจอ "ก้อนปริศนา" หนักกว่า 10 กก. ลักษณะแวววาว ในดิน วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ บอกหากมีค่าพร้อมยกให้ แต่ถ้าไม่มี ก็จะนำไปแกะสลักเป็นพระพุทธรูป

จากกรณี ผู้โพสต์เฟซบุ๊ก "Wansa Raksasin" โพสต์ภาพก้อนลักษณะคล้ายหิน แต่ใส พร้อมข้อความระบุว่า "ลุงขุดแบ็กโฮลึกประมาณ 2 เมตร เจอก้อนนี้ค่ะ หนัก 13 โลกว่า จะเป็นก้อนอะไรได้บ้างคะ"

ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังสถานที่ก่อสร้างวางท่อระบายน้ำทำถนนของเทศบาลดอนหัวฬ่อ ชุมชนบ้านหนองไผ่กลางดง หมู่ 2 ต.ดอนหัวฬ่อ อ.เมือง จ.ชลบุรี พบกับ นายสังวาล วันชม อายุ 60 ปี พนักงานขับรถแบ็กโฮ ของบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้ขุดพบก้อนประหลาด และชี้จุดที่พบ โดยมี นายสมเจตน์ ไตรรักษ์ รองนายกเทศมนตรีเทศบาลดอนหัวฬ่อ และชาวบ้านทราบข่าว เดินทางมาดูด้วยหลายคน

นายสังวาลย์ เผยว่า ช่วงเย็นวันที่ 22 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ขับแบ็กโฮ ตักเกลี่ยดินให้เสมอ และได้พบกับวัตถุบางอย่าง แวววาวคล้ายเพชร เลยลงไปดึงขึ้นมา แต่ดึงไม่ขึ้น จึงใช้รถตักขึ้นมา แล้วนำไปล้างจนสะอาด สวยงาม ซึ่งตนและเพื่อนคนงานตื่นตามาก เนื่องจากไม่เคยเห็นมาก่อน เลยนำกลับบ้าน เมื่อลูกสาวเห็นเลยนำไปโพสต์ถาม ซึ่งตนเองก็อยากรู้เหมือนกัน จึงอยากให้มีการตรวจสอบ ซึ่งหากมีค่า ก็จะยินยอมยกให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่หากไม่มีค่า ตนก็จะนำไปแกะสลักเป็นพระพุทธรูป เนื่องจากจะมีความสวยงามมาก.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

- อ.เจษฎา วิเคราะห์ "วัตถุปริศนา" สาวขุดได้ ลนไฟไม่ไหม้ มีฟองอากาศด้านใน

https://www.thairath.co.th/news/society/1621293

 

สมบูรณ์ ติยะวงศ์สกุล
087-7459995
นักหลอมแก้วจากทรายทะเล

 

ทันทีที่เห็นภาพและทราบข้อมูลน้ำหนักว่า หนัก 13 kg เศษ ผมรู้ได้ทันทีเลยว่า คือก้อนแก้วนี้มาจากไหน ? ยิ่งเห็นสีใสอมเขียวแบบนี้ ไม่มีพลาดเลยครับ

 

ภาพด้านบนคือเบ้าหลอมแก้วชนิดเบ้าคละสี แต่ละเบ้าจุแก้วไม่เท่ากันในแต่ละประเทศ ของประเทศไทยมักใช้เบ้าชนิดหลอมแก้วโซดาไลม์ซิลิก้าขนาดจุ 250 - 350 kg แต่ในภาพนี้ผมขอยืมจากโรงงานหลอมแก้วของลาลีคฝรั่งเศส เป็นเบ้าหลอมแก้วชนิดคริสตัล ความจุ 600 kg แต่มักหลอมแค่ 500 kg เพื่อป้องกันการแตกร้าวของเบ้าหากบรรจุเต็มที่เกินไป


ภาพบนคือบรรยากาศภายในโรงงานหลอมแก้วชนิดเบ้าคละสีของจีนแห่งหนึ่ง ซึ่งก็คล้ายๆกับของไทยทั่วๆไป เตาหลอม 1 เตาจะประกอบด้วยเบ้าหลอมแก้วที่หันหลังเบ้าชนกันประมาณ 6 - 8 เบ้า โดยใช้ส่วนกลางคือหน่วยพ่นไฟเดียวกัน ( แหล่งใช้พลังงานความร้อนเพื่อหลอมแก้ว )

 

ภาพคือเบ้าหลอมแก้วประเภทโซดาไลม์ซิลิก้าที่ไทยมักนิยมใช้ ขนาดจุที่ไทยนิยมมักเป็นขนาดจุเบ้าละ 250 - 350 kg

 

สังเกตุปากเบ้าที่เป็นรูปแบบเฉพาะของเบ้าน้ำแก้วคริสตัลทรงนิยมในยุโรปและอเมริกา

 

ภาพนี้คือเตาหลอมแก้วเมื่อเวลาใช้งานจริง ปากเบ้าใหญ่คือเบ้าหลอมมาตราฐาน 350 kg ส่วนรูเบ้าเล็กคือเบ้าทดลองสีขนาดเล็ก เบ้าละ 15 - 35 kg แล้วแต่แต่ละโรงงานสั่งขนาดไหนก็ได้ และที่เห็นหม้อสแตนเลสนั้นคือ ช่างแก้วทุกโรงงานเมื่อจะหุงข้าว ก็เพียงนำหม้อใส่ข้าวสารใส่น้ำไปวางไว้ข้างๆเตาหลอมแก้ว เป็นการหุงข้าวที่ไม่ต้องเสียค่าพลังงานครับ

เส้นใยแก้วที่เป็นเส้นเล็กๆนั้นคือ เมื่อช่างแก้วม้วนน้ำแก้วด้วยไม้ซางออกมาใช้งาน จะมีเส้นใยแบบนี้ออกมา สังเกตุสีใสอมเขียวแบบนี้นี่แหละครับ น้ำแก้วโซดาไลม์ซิลิก้าชนิดสีนี้ คือสีใสไม่บริสุทธิ์ เพราะใช้เม็ดทรายทะเลสีขาวที่ยังมีเหล็กปนอยู่เล็กน้อย น้อยมากครับ แต่เมื่อหลอมเสร็จออกมาจะเป็นสีอมเขียวเนื่องจากเหล็กทำปฏิกิริยา

 

เตาหลอมแก้วดังในภาพนี้ เมื่อเวลาใช้งานไปนานหลายๆเดือน มักมีเบ้าหลอมแก้วแตก ร้าว หรือทะลุ น้ำแก้วจะไหลลงไปส่วนกลางซึ่งช่างทำเตาหลอมจะขุดหลุมรออยู่แล้ว เป็นหลุมที่ใช้อิฐทนความร้อนรออยู่ด้านล่าง เมื่อน้ำแก้วไหลลงส่วนกลางนี้มากๆ ช่างเฝ้าเตาอบจะเปิดส่วนกลางเพื่อปล่อยให้น้ำแก้วที่ทะลุเบ้า หรือเบ้าแตกร้าว ปล่อยให้น้ำแก้วไหลออกมาภายนอกเตา ซึ่งก็จะกลายเป็นก้อนแก้วปริศนาไปนั่นเอง

 

ภาพนี้คือก้อนแก้วที่ช่างปล่อยให้ตกลงไปใต้เตาหลอมแก้ว ในภาพนี้เป็นของโรงงานหลอมแก้วคริสตัลโลตัสระยอง ซึ่งปีนั้นมีการหลอมแก้วคละสีหลายสีมาก ก้อนแก้วจึงเป็นสีแบบนี้

 

ในภาพนี้คือเตาหลอมขนาด 8 เบ้าซึ่งเป็นเตาหลอมที่ 2 ของโรงงานแก้วเจษฏา โปรดสังเกตุเห็นการหันหลังเบ้าหลอมหันหลังชนกัน ภายในนั้น จะเป็นช่องว่างเพื่อให้ไฟขนาดใหญ่ลุกมาลามเลียก้นเบ้าเพื่อหลอมแก้ว ตรงช่องว่างตรงกลางนี่คือจุดที่เมื่อเบ้าแตกร้าว น้ำแก้วจะไหลลงตรงช่องนี้ทั้งหมดครับ

 

ภาพนี้คือโรงหลอมแก้วของคุณพ่อผมเอง ภาพนี้เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2517 ช่างแก้วชุดทีมทหารเรือที่เป็นลูกน้องผมทีมละ 6 - 8 คน เตาหลอมใดถ้ามี 8 เบ้าก็จะมี 8 ทีม ถ้าโรงงานใดมี 2 เตาก็จะมี 16 ทีมช่างแก้วครับ

 

ภาพนี้จะเห็นช่องส่วนกลางได้ง่ายขึ้นครับ เบ้าหลอมเมื่อแตกร้าวทะลุต้องนำออก แล้วนำใบใหม่เข้าทดแทนครับ

 

ก้อนแก้วโซดาไลม์ซิลิก้าที่เมืองจีน เขามีวิธีกำจัดไม่เหมือนในไทย ในไทยนั้นบางโรงงานต้องจ้างเอาไปทิ้ง แต่ในเมืองจีนเขาเอาไปทำกำแพงโดยใช้โครงลวด เอาไว้พบภาพนั้นแล้วจะมาโพสต์ให้เห็นครับ

ที่ยุโรปหรืออเมริกาก็มีคนนำไปทำกำแพงบ้าง ประดับตกแต่งสวนบ้าง

 

พบแหล่งขายในจีนแล้วครับ ขายตันละ $290 ถึง $800 ก็ตกประมาณตันละ 10,000.- บาทขึ้นไปอาจสูงถึง 30,000.- บาท ตกกิโลกรัมละ 10.- บาทถึง 30.- บาท ซึ่งผมในฐานะที่เป็นนักหลอมแก้วมองว่า วิน วิน คือในอดีตโรงงานแก้วต้องจ้างบริษัทนำไปทิ้งฝังกลบ เสียเงินแต่ละครั้งเป็นหมื่นๆ ตอนนี้ขายได้กิโลกรัมละ 10.- บาทก็ยังดีกว่าเสียเงินเอาไปทิ้งครับ

https://www.alibaba.com/product-detail/Natural-Clear-Color-Green-Slag-Glass_1949479130.html

 

สีที่น่าจะขายได้ราคาสูงที่สุดในตลาด น่าจะเป็นสีฟ้าทะเล ซึ่งคนมักชอบนำมาเปรียบเทียบกับสีน้ำทะเล ท้องฟ้า อะไรประมาณนั้น สีนี้ต้นทุนเท่ากับสีใสหรือสีอื่นๆที่ต้นทุนต่ำมากครับ ไม่เหมือนสีแดงเลือดนก หรือสีทอง หรือสีพิเศษที่อาจต้องใช้กรรมวิธีเพิ่มเติม คือยิ่งเพิ่มวิธีการหลอมมากเท่าใดต้นทุนจะแพงเท่านั้น

ส่วนสีใส สีน้ำทะเล สีเขียว สีม่วง สีเหลืองขวดเบียร์ และสีพื้นๆนั้นง่ายมากครับ ไม่ยุ่งยาก ต้นทุนถูกมาก

 

ที่จีนมีมากกว่าแค่อาลีบาบา พบอีกแหล่งขายตันละ $490 น่าจะเป็นราคาคละทุกสี คือเฉลี่ย ผมถือว่าแพง แต่อาจเป็นเพราะก้อนแก้วของเขาอยู่ในลักษณะที่เข้าแม่พิมพ์บางอย่าง ทำให้มีรูปร่างเหมือนกันและน้ำหนักเท่ากัน

กำลังการผลิต 3,000 tons หรือ 3,000,000 กิโลกรัมต่อเดือนซึ่งผมถือว่า ถ้าเขาสร้างโรงหลอมแก้วมาเพื่อการนี้อย่างนี้เขาไม่คุ้มแน่นอน

https://zychemical.en.made-in-china...al-of-Washing-Powder-Detergent-and-Soap-.html


เมื่อมาพิจารณาจากการขึ้นรูปด้วยแม่พิมพ์เหล็ก และมีการลดอุณหภูมิอย่างค่อนข้างจะดีกว่า raw glass หรือแก้วใต้เตาหลอม แสดงว่าเขามีเจตนาให้ใช้ในการถมทะเล เพราะการอบลดอุณหภูมิจะทำให้แก้วก้อนนี้ไม่แตกง่าย ไม่มีคำว่าแตกเหมือนใน raw glass ทำให้ที่ดินที่ถมในทะเลยังคงอยู่ได้ ซึ่งถ้าเป็น raw glass จะแตกละเอียดเป็นกรวดไปเลย

 

ก้อนแก้วใต้เตาหลอมแก้วก้อนนี้ สีฟ้าเข้ม เจ้าของโรงงานแก้วเจษฏามอบให้ผมเมื่อปี พ.ศ. 2549 ผมนำมาวางพระพุทธรูปแก้วคริสตัลหน้าตัก 3 นิ้ว เป็นการประกอบฉากถ่ายภาพ นี่ก็เป็นวิธีใช้ประโยชน์ก้อนแก้วอีกอย่างหนึ่ง

 

แก้วใต้เตาของแต่ละโรงงานทำไมมีลักษณะและสีสรรไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย

ขึ้นอยู่กับน้ำแก้วเป็นสูตรไหน แต่ละสูตรก็ให้ผลไม่เหมือนกัน แม้แต่สีก็ไม่เหมือนกัน ยกเว้นสีปกติมาตราฐานส่วนมากมักให้สีใกล้เคียงกัน

ขึ้นอยู่กับช่างเฝ้าเตาหลอม ถ้าช่างเฝ้าเตาหลอมยิ่งมีประสิทธิภาพในการทำงานดี คือเมื่อน้ำแก้วรั่วหรือทะลุเบ้าลงใต้เตาในส่วนที่ยังอยู่ภายในเตาหลอม ยังไม่ทะลวงออกมา ( ช่างเฝ้าเตาต้องแทงเปิดรูให้น้ำแก้วที่ทะลุเหล่านี้ไหลออกจากช่องนี้ ) ถ้าแทงช้าคือไม่ค่อยมีประสิทธิภาพการทำงาน แก้วจะอยู่ในความร้อนนาน แก้วมักเป็นแบบก้อนที่คุณลุงขุดพบในดิน คือคล้ายกับมีการอบลดอุณหภูมิมาแล้ว แต่ไม่ใช่นะครับ ไม่ได้ผ่านการอบ แต่ถ้าแทงออกเร็ว แก้วมักแตกกระจุยกระจายเนื่องจากการลดเร็วเกินไปของอุณหภูมิ จะค่อนข้างมีความคมมาก

เอาไว้เมื่อไรผมมีโอกาสอาจได้ทำคลิปนี้มาให้ทุกท่านได้เห็นครับ