ขอสอบถามท่านผู้รู้ทุกท่านครับ

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย aumking, 30 มกราคม 2013.

  1. aumking

    aumking เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    699
    ค่าพลัง:
    +814
    กระผมขออนุญาติสอบถามทุกท่านที่มีความรู้หรือผู้ที่พอจะแก้ไขให้ผมได้หน่อยครับ

    คือว่าผมเพิ่งเริ่มปฏิบัติธรรมโดยการสวดมนต์นั่งสมาธิมาได้สักระยะหนึ่งเองไม่เกินปีนึ่งครับ หลังจากปฏิบัติมาได้ระยะหนึ่งผมมีความรู้สึกว่าเบื่อ เบื่อมากเบื่อ กินเบื่อนอน เบื่อหายใจ เรียกได้ว่าเบื่อุกสิ่งทุกอย่างเลยก็ว่าได้ ไม่รู้ไปเอาความเบื่อมาจากไหน แต่ผมก็ปฏิบัติมาเรื่อยๆโดยเวลาผมนั่งสมาธิผมจะกำหนดจิตตรงคำว่า นิพพาน ตลอดเวลา เพราะผมใช้อย่างอื่นแล้วไม่เป็นสมาธิ จนผมมาใช้คำว่านิพพาน ก็เลยสามารถนั่งได้นานจนบางครั้งนานจนลืมเวลาไปเลย ผมก็บฏิบัติมาเรื่อยๆ จนเป็นอย่างที่ผมบอกแหละครับคือเบื่อทุกสิ่งทุกอย่าง เบื่อการเกิด เบื่อการตาย เบื่อมนุษย์ เบื่อสัตว์ เบื่อเทพพรหม เบื่อทุกอย่างเนี่ยแหละครับ จนผมตัดสินใจว่า ขออธิฐานให้ผมตายในคืนนั้นเพราะเบื่อมากเลย พอผมตั้งจิตอธิฐานเสร็จก็ออกจากสมาธิ แล้วก็นอน หลับฝันไปว่า ผมไปพระอุโบสถหลังหนึ่งซึ่งใหญ่และงดงามมากๆจนอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ ผมเข้าไปในพระอุโบสถหังนั้นแล้วไปยืนตรงข้างเสาตรงกลางพระอุโบสถที่เขาเรียกว่าเสาเอกอ่ะครับ ผมไปยืนตรงนั้นแล้วมองไปรอบๆก็เห็นมีคนยืนอยู่ประจำเสาต้นต่างๆต้นละหลายๆคน แต่เสาเอกตรงที่ผมยืนมีผมอยู่คนเดี่ยว และความรู้สึกเหมือนกับว่าเสาต้นนี้ผมเป็นคนสร้างมันขึ้นมาเองซึ่งเสาต้นนี้เป็นเสาทองคำประดัับด้วยอัญมณีอันล้ำค่าและแกะสลักลวดลายทั้งต้น ผมก็มองไปรอบๆเสาต้นนั้นก็ไปเห็นรอยรูปี่สลักไว้จางลงไปผมก็ยืนมือออกไปแล้วเสาต้นนั้นก็เหมือนย่อลงมาในมือผมและผมก็ทำการแกะสลักตรงลอยนั้นให้สวยเหมือนเดิมใหม่ขึ้นมาแล้วก็นำไปไว้ตามเดิม แต่ว่าอยู่ดีๆผมก็ได้ยินเสียงอยู่เสียงหนึ่งซึ้งเป็นเสียงของผู้ชายฟังแล้วแบบว่าไพเราะมาก ฟังแ้ล้วเย็นสบายนุ่มนวนมากๆเลย พูดขึ้นมาว่า "ยังไม่อยากให้ไปไหนนะอยู่ช่วยพระพุทธศาสนากันไปก่อนอย่าพึ่งไปนะ" สิ้นเสียงนี้ผมก็ตื่นขึ้นมาเลย

    ผมอยากถามท่านทั้งหลายว่า
    1.ทำไมผมจึงรู้สึกเบื่อๆเช่นนั้น
    2.ความฝันนี้มันคืออะไร ยังไงหรือครับ
    3.ผมจะแก้ความเบื่อนี้อย่างไรบ้างหรือปล่อยให้มันเป็นไปอย่างนี้เรื่อยๆ
    4.อยากจะให้ท่านแนะนำผมหน่อยนะครับแนะนำอะไรก็ได้ี่ท่านอยากแนะนำผมยินดีรับฟัง และขอขอบคุณทุกท่านที่เสียสละเวลามาช่วยผมครับ ขอบคุณมากเลย
     
  2. ฐสิษฐ์929

    ฐสิษฐ์929 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +1,844
    อาการเบื่อเป็นลักษณะที่มีลักษณะเว้งว้างเดียวดาย จิตใจหดหู่ท้อแท้ เป็นอารมณ์ของฌาน๔ การแก้ให้เพ่งฌานสมาบัติต่อ
    วิธีเพ่งฌานให้มีสติรู้ที่จุดดั้งหัก(มโนทวาร)เพียงแห่งเดียว ผลเป็นอย่างไรสอบถามที่email.chatchai0696@hotmail.comหรือรายละเอียดที่กระทู้ ฌานสมาบัติเป็นธรรมสูงสุดของพุทธศาสนา ในเวปนี้ครับ
    ฝันก็คือฝันครับแต่ก็ถือว่าเป็นฝันที่ดี
    เจริญในธรรมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มกราคม 2013
  3. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    ขออนุโมทนาในกุศลเจตนาปฏิบัติธรรมครับ..

    เข้าใจว่าท่านจขกท เจริญสมาธิ จิตจึงเกิดความสงบ ท่านอาจติดใจในความสงบนั้นในยามที่มีสมาธิหรือทำสมาธิอยู่ ครั้นในยามปกติ ท่านอาจต้องเกี่ยวข้องกับคนอื่น หรืออยู่ในสภาพแวดล้อม ที่วุ่นวาย จึงเกิดความเบื่อหน่ายขึ้นได้ ท่านผู้ถามลองตรวจสอบตนเองดูว่าความเบื่อเกิดเพราะเหตุผลนี้หรือไม่..


    ขอให้ระมัดระวังความรู้สึกนี้ ซึ่งอาจเป็นกิเลสคือโทสะ มาหลอกเอาได้ การที่เกิดเบื่อและอยากตายนั้นไม่ใช่การงานของจิตที่เป็นกุศล เพราะไม่ประกอบด้วยปัญญาที่ทราบชัดว่าตนเองเบื่ออะไร ทั้งยังหลงว่าถ้าตายแล้วจะพ้นความเบื่อ จึงคิดอธิษฐานตายเช่นนั้น กิเลสนั้นมีกำลังและอำนาจมาก..มีเล่ห์กลวิจิตรที่เราคาดคิดไม่ถึง มากมายหลายรูปแบบ ..

    ท่านผู้ถามอาจเคยมีเจตนาใคร่จะทะนุบำรุงวัดวาอารามที่ใดที่หนึ่ง หรือหลายที่ หรือคิดอยากอุปถัมภ์พระศาสนาให้เจริญสืบไป จิตก็นำไปปรุงเป็นฝันได้ นี้เรียกว่าฝันด้วยจิตอาวรณ์..

    บางครั้ง ก็อาจจะเป็นเทพสังหรณ์ คือเพื่อนหรือญาติที่ล่วงลับไปแล้วก็อาจจะอยู่ในภูมิของเทวดา คราวนี้ท่านก็ปรากฏในฝันเพื่อเตือนให้เราระลึกถึงการทำความดี เป็นต้น ..เราก็ต้องทำความดีตามที่ท่านประสงค์ที่ดีของท่าน เมื่อเราทำความดีอะไรขึ้นมาแล้ว ก็พึงแผ่บุญนั้นไปให้ท่านด้วยเพื่อให้ท่านรับรู้และอนุโมทนาเนืองๆ...

    ส่วนถ้าหากเป็นฝันอีกชนิดหนึ่ง เรียกว่า กรรมนิมิต คือเป็นการปรากฏของฝันที่เป็นเพราะอำนาจกรรมทั้งดีหรือไม่ดีมาปรากฏให้รับรู้ ท่านแสดงไว้ว่า มีฝันประเภทนี้ประเภทเดียวที่เชื่อถือได้ มักปรากฏเหตุการณ์ใกล้เคียงหรือเหมือนอย่างในฝันได้ในวันต่อมาหรืออีก๒-๓ วันก็เป็นได้..

    ฝันอีกอย่างที่เป็นไปโดยมากก็ได้แก่ ธาตุกำเริบ คือทานอาหารผิดสำแดง ทานมากไปบ้าง น้อยไปบ้าง หรือท้องใส้ปั่นป่วนก็แสดงผลให้เกิดเป็นความฝันที่วุ่นวายเสมอๆได้ ..

    ควรเจริญวิปัสสนา เพื่อให้เกิดปัญญาทราบชัดในสภาวะต่างๆีที่เกิดขึ้น เพราะการเจริญสมาธิอย่างเดียว(สมถะกรรมฐาน) ทำให้เกิดผลคือจิตใจสงบ แต่ไม่มีปัญญาประกอบ...ดังนั้นผู้ที่เจริญสมถะอย่างเดียว..เมื่อเกิดสิ่งแปลกๆ หรืออาการต่างๆ มักเกิดคำถาม หรือข้อสงสัยไม่สิ้นสุด..บางที ยิ่งเจริญไป กลับเป็นการเพิ่มพูนกิเลสให้มากขึ้น เช่นได้โทสะ ใครมารบกวนก็โกรธพลุ่งขึ้นทันที เพราะตนติดสงบเข้าแล้ว.. หรือเกิดโลภะ ว่าเมื่อก่อนเคยสงบกว่านี้ เดี๋ยวนี้ทำไมไม่เหมือนก่อน เดือดร้อนไป ต่างๆนานา หรือ เกิดมานะกล้าอวดตัวว่าดีกว่าใครๆ แล้วก็ไม่รู้ว่าตนถูกกิเลสครอบงำเสียแล้วก็มีให้เห็นไม่น้อย..

    ท่านผู้ถาม พึงศึกษา พระธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนไว้ดีแล้วให้มาก.. เพื่อจะได้มีข้อมูลไว้ตรวจสอบตนเอง..เหมือนคนที่จะเดินทาง ต้องอาศัยแผนที่ ครั้นมีแผนที่แล้วย่อมเดินไปถูกทาง ไม่หลงเข้ารกพง ใช้ตรวจสอบคำสอนของบุคคลอื่นๆที่ตนได้ฟังมา ว่าถูกหรือผิด...ถ้าไม่มีแผนที่เลย ใครพูดอะไรๆเราก็ไม่อาจทราบได้ว่าเขาชี้ทางถูกหรือเปล่า...ได้แต่เชื่อเขาดายไป อาจไม่ปลอดภัยได้..

    ความเบื่อหน่ายต่อกิเลส และสังขารทั้งปวงเป็นอารมณ์ที่ดีที่สนับสนุนให้ตนขวนขวายเพื่อจะขัดเกลาตนต่อไป...แต่เจ้าของอารมณ์จะไม่ทุกข์หรือระส่ำระสายทุรนทุรายเพราะความเบื่อนั้น ยิ่งถ้าเบื่ออย่างถูกต้อง จิตใจจะแช่มชื่นเบิกบาน มีปิติโสมนัสหล่อเลี้ยงอยู่ เพราะเป็นอารมณ์ที่เป็นกุศล ...พึงทราบว่า.. การเจริญกรรมฐานใดๆหากทำไปแล้ว พาให้คิดถึงการจบชีวิตจะด้วยอาการไรๆ เเสดงว่า มาผิดทางแล้ว ควรพิจารณาทบทวนใหม่ เพราะอาการนี้แสดงถึงสภาวะจิตที่เป็นไปกับโทสะ และโมหะเท่านั้น ไม่ใช่บุญกุศลเลย ..

    ลองพิจารณานะครับ
     
  4. aumking

    aumking เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    699
    ค่าพลัง:
    +814
    ขอขอบคุณมากครับสำหรับความรู้ที่ได้มาเป็นประโยชน์อย่างมากเลยครับ
    ความเบื่อที่เกิดขึ้นมันเกิดขึ้นจากการที่เห็นสิ่งต่างๆแล้วรู้สึกเบื่อไปเองอ่ะครับมันเห็นแล้วก็เบื่อเองเลย ขนาดเห็นคนหน้าตาดีผิวพรรณวรรณดี ผมเห็นแล้วมันยังนิ่งเฉยจนบางที่เห็นแล้วจะอ๊วกเลยด้วยซ้ำครับเหมือนกับแบบว่ามันเอียนแบบเบื่อมากๆกับสังขารหรืออะไรแบบนี้เลยละครับ ไม่รู้ว่าเกิดจากอะไรขนาดร่างกายตัวเองยังเบื่อเลยจะไปเหลืออะไรกัับคนอื่น แค่เห็นก็เบื่อแล้วครับ ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดจากอะไร แต่ยังไงก็ขอขอบคุณทุกท่านที่ช่วยชี้แนะนะครับแล้วผมจะค่อยๆลองเอามาปรับใช้กับตัวผมเรื่อยๆ แต่ก็ยังสงสัยตัวเองอยู่ว่าเป็นอะไรถึงได้เป็นอย่างนี้ หรือ ผมเป็นบ้่่่าไปแล้วหว่า
     
  5. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    ความเบื่อมันเกิดจากความขัดใจ ความไม่ได้ดังใจรวมกันมากเป็นสิบเป็นร้อยเรื่อง คือก่อนหน้านี้เราไม่ทันมัน พอมีสิ่งเดิมมากระทบเข้ามันเบื่ออัตโนมัติเลย ต้องลองนั่งดูอาการเบื่อของเราเฉยๆ สงบๆ เรื่องที่ทำให้เบื่อมันจะปรากฏออกมา พอเรารู้ทันความรู้สึกเบื่อของเรามันจะย้อนกลับไปเรื่อยๆ เป็นสิบเป็นร้อยเรื่อง รู้ทันมันหมดแล้วจะเบาเอง เพราะจิตของเรามันตกหล่นอยู่เยอะ จิตที่เรารู้ไม่ทันมัน พอวางอุเบกขากับเรื่องที่ทำให้เบื่อได้จิตเหล่านั้นจะคลายจากเรื่องที่ทำให้เบื่อ อาการคือจะปลอดโปร่ง โล่งสบาย หายเบื่ออย่างรวดเร็ว ส่วนถ้าอยากจะฝึกเห็นทุกข์ก็ให้ดูให้เห็นอาการเลยว่าทุกข์อย่างไร เวลาหิวก็ดูอาการหิวว่าเป็นอย่างไร เวลาอยากดื่มน้ำก็ดูอาการว่าทุกข์อย่างไร เวลาปวดเมื่อย เวลาเหน็ดเหนื่อย เวลาอยากอาบน้ำ เห็นอาการทุกข์ตามความเป็นจริง เห็นความไม่เที่ยง ใจต้องวางอุเบกขาด้วย เริ่มจากทุกข์หยาบๆ ก่อน
     
  6. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    ต่อไปนี้ท่านผู้ถามพึงพิจารณาหาเหตุผลที่มาของความเบื่อที่เกิดขึ้นในใจว่ามาจากเหตุใดแน่ เพราะใจตนเท่านั้นทราบแน่ชัดในเหตุผล เพียงแต่ปัญญายังไม่มีกำลังพอที่จะวินิจฉัยต้นเหตุนั้นเท่านั้น..

    เพื่อให้ทราบว่า การเกิดความเบื่ออย่างถูกต้องเป็นอย่างไร จึงใคร่ขอ ยกข้อความจาก "อาทิตตปริยายสูตร" ที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงธรรมแก่หมู่ภิกษุชฎิล มาแสดง เพื่อท่านผู้ถามอาจจะสามารถนำไปตรวจสอบตนเองได้ ดังนี้..


    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงอาทิตตปริยายและธรรมปริยาย แก่เธอทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงฟัง ดูกรภิกษุทั้งหลาย อาทิตตปริยายและธรรมปริยายเป็นไฉน

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลแทงจักขุนทรีย์ด้วยหลาวเหล็กอันร้อนไฟติดลุกโพลงแล้ว ยังดีกว่า การถือนิมิตโดยอนุพยัญชนะในรูป อันจะพึงรู้แจ้งด้วยจักษุ จะดีอะไร วิญญาณอันเนื่องด้วยความยินดีในนิมิต หรือเนื่องด้วยความยินดีในอนุพยัญชนะ พึงตั้งอยู่ ถ้าบุคคลพึงทำกาลกิริยาในสมัยนั้น พึงเข้าถึงคติ 2 อย่าง คือ นรกหรือกำเนิดสัตว์เดียรฉานอย่างใดอย่างหนึ่ง ข้อนี้เป็นฐานะที่จะมีได้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราเห็นโทษอันนี้ จึงกล่าวอย่างนี้ ฯ..
    ....

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในข้อนั้น อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า

    จักขุนทรีย์ที่บุคคลแทงด้วยหลาวเหล็กอันร้อน ไฟติดลุกโพลงแล้ว จงงดไว้ก่อน มิฉะนั้น เราจะทำไว้ในใจอย่างนี้ว่า จักษุไม่เที่ยง รูปไม่เที่ยง จักษุวิญญาณไม่เที่ยง จักษุสัมผัสไม่เที่ยง แม้สุขเวทนา ทุกขเวทนา หรืออทุกขมสุขเวทนา ที่เกิดขึ้นเพราะจักษุสัมผัสเป็นปัจจัยไม่เที่ยง

    ..................

    มโนสัมผัสไม่เที่ยง สุขเวทนา ทุกขเวทนา หรืออทุกขมสุขเวทนา ที่เกิดขึ้นเพราะมโนสัมผัสเป็น ปัจจัยก็ไม่เที่ยง ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้ ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในจักษุ แม้ในรูป แม้ในจักษุวิญญาณ แม้ในจักษุสัมผัส แม้ในสุขเวทนา ทุกขเวทนา หรืออทุกขมสุขเวทนา ที่เกิดขึ้นเพราะจักษุสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในใจ แม้ในธรรมารมณ์ แม้ในมโนวิญญาณ แม้ในมโนสัมผัส แม้ในสุขเวทนา ทุกขเวทนา หรืออทุกขมสุขเวทนา ที่เกิดขึ้น เพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัย....


    "เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมคลายกำหนัด เพราะคลายกำหนัด จึงหลุดพ้น เมื่อหลุดพ้นแล้ว ย่อมมีญาณหยั่งรู้ว่า หลุดพ้นแล้ว รู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้แลเรียกว่าอาทิตตปริยาย และธรรมปริยาย ฉะนี้แล ฯ"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 มกราคม 2013
  7. หลวงพี่โทน

    หลวงพี่โทน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +57
    สัพพะทานัง ทัมมะทานังชินาติ (การให้ธัมมะ ชนะการให้ทั้งปวง ปล.ถ้าผู้รับนำไปปฏิบัติได้จริง)
    1.ทำไมผมจึงรู้สึกเบื่อๆเช่นนั้น
    มันเป็นกิเลสเฉยๆ เข้าใจว่า จะเป็นนิพพิทาญาณ แต่ไม่ใช่ เพราะถ้าใช่ ต้องเข้ามาบวชแล้ว
    2.ความฝันนี้มันคืออะไร ยังไงหรือครับ
    เหตุแห่งฝันมีข้อหนึ่งคือ
    - เทพสังหรณ์ บางครั้งจะมีเทพมาบอกข่าว แต่ มีสองพวกนะ คือ มิจฉาทิฐิ ส่วนใหญ่จะมาดี สวยงาม ทำให้หลงทางไปต่อไม่ได้ ยิ่งบอกปรารถนาหลุดพ้นยิ่งมาสวยมากๆๆๆ กับ สัมมาทิฐิ ส่วนใหญ่จะมาไม่ค่อยดี แต่ จริงใจ มักให้เราเร่งความเพียร ฯ
    3.ผมจะแก้ความเบื่อนี้อย่างไรบ้างหรือปล่อยให้มันเป็นไปอย่างนี้เรื่อยๆ
    เข้าหาครูบาอาจารย์ที่เราเคารพอย่างลงใจ เน้นว่า ลงใจ หมายถึงเชื่อท่านจริงๆแล้วทำตามนั้น ปัจจุบันพระสุปฏิปันโนมีมากมายนะ หาเอาเอง
    4.อยากจะให้ท่านแนะนำผมหน่อยนะครับแนะนำอะไรก็ได้ี่ท่านอยากแนะนำผมยินดีรับฟัง และขอขอบคุณทุกท่านที่เสียสละเวลามาช่วยผมครับ ขอบคุณมากเลย
    สิ่งที่จะแนะนำคือ ลองเข้ามาบวชแล้วทำความเพียรให้ถึงที่สุดซิ เพราะ ฆราวาส ไม่ค่อยมีเวลา และ เรื่องบางเรื่อง พระบอกโยมไม่ได้ ฯลฯ เจริญในธรรมเน้อ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 มกราคม 2013
  8. aumking

    aumking เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    699
    ค่าพลัง:
    +814
    ขอกราบขอบคุณทุกท่านมากเลยครับที่ทำให้ผมรู้นะครับ ขอบคุณมากแล้วผมจะนำเอาคำแนะนำทั้งหลายมาปฏิบัติดูนะครับ สาวนเรื่องบวชมันเป็นสิ่งที่ผมอยากทำมากที่สุด อยากบวชตลอดชีวิตแต่ตอนนี้ยังมีภาระกิจที่ต้องทำ ถ้าผมได้บวชคงจะมีความสุขมากๆเลยละครับ

    ขอโมทนาสาธุสำหรับธรรมและข้อคิดดีๆครับ

    ขอท่านทั้งหลายจงเจริญทั้งทางโลกและทางธรรม ขอธรรมทั้งหลายจงสำเร็จแด่ท่านทั้งหลายและข้าพเจ้าด้วยเทอญ สาธุ
     
  9. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
  10. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    บวชใจให้จบเสียก่อนดีที่สุด
     

แชร์หน้านี้

Loading...