กินกาแฟก่อนนั่งสมาธิ!?

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Apinya Smabut, 12 กันยายน 2019.

  1. Apinya Smabut

    Apinya Smabut นิพพานังสุขัง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    1,397
    กระทู้เรื่องเด่น:
    57
    ค่าพลัง:
    +2,628
    ถาม : การดื่มกาแฟก่อนที่จะนั่งสมาธิ และสวดมนต์ เพื่อพยายามป้องกันไม่ให้เกิดการง่วงนอน และด้วยหวังว่าจะทำให้จิตใจมีสมาธิจดต่อกับการภาวนาและการสวดมนต์ได้ดีขึ้น จะมีโทษอันใดที่แฝงมาหรือไม่อย่างไรครับ ?
    ตอบ : อันดับแรกโรคหัวใจจะถามหา ใครก็ตามที่กินกาแฟไม่ว่าจะด้วยเหตุใดก็ตาม ท้ายสุดต้องเป็นโรคหัวใจทุกคน เพราะว่าหัวใจแต่ละคนจะมีจังหวะการเต้นของตัวเอง พอเรากินกาแฟเข้าไปก็จะไปเร่งอัตราการเต้นของหัวใจให้มากกว่าเดิม ถ้ากาแฟหมดฤทธิ์ หัวใจกลับไปเต้นจังหวะเดิม เรากินใหม่หัวใจก็เต้นผิดจังหวะอีก นาน ๆ ไป จะเป็นอาการที่หมอบอกว่าหัวใจพิการ

    อันดับที่สอง ถ้าเราทำโดยอาศัยสารกระตุ้นจนเคยชิน ต่อไปถ้าขาดจะไม่สามารถทำได้

    ดังนั้น...เรื่องพวกนี้ต้องระมัดระวังนิดหนึ่ง ถ้าเราสามารถภาวนาจนถึงระดับปีติขึ้นไปจะไม่มีวันง่วงอย่างเด็ดขาด สามวันสามคืนก็ไม่ง่วง จึงต้องตั้งเวลาไว้ว่าเราจะภาวนานานแค่ไหน ไม่อย่างนั้นจะเพลินจนร่างกายทนไม่ไหว


    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  2. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,243
    กระทู้เรื่องเด่น:
    998
    ค่าพลัง:
    +70,040
    พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๗ [ฉบับมหาจุฬาฯ]
    ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
    [​IMG]
    [​IMG]

    พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อิติวุตตกะ [๒. ทุกนิบาต]
    ๒. ทุติยวรรค ๑๐. ชาคริยสูตร


    ๑๐. ชาคริยสูตร
    ว่าด้วยภิกษุผู้ตื่นอยู่

    [๔๗] แท้จริง พระสูตรนี้ พระผู้มีพระภาคตรัสไว้แล้ว พระสูตรนี้ พระอรหันต์
    กล่าวไว้แล้ว ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้
    “ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุควรเป็นผู้ตื่น๑- อยู่อย่างมีสติ มีสัมปชัญญะ มีจิตตั้งมั่น
    เบิกบาน ผ่องใส และควรเป็นผู้เห็นแจ้งสมควรแก่กาลในกุศลธรรมทั้งหลาย ในการ
    ประกอบเนืองๆ ซึ่งกัมมัฏฐานนั้น
    ภิกษุทั้งหลาย เมื่อภิกษุเป็นผู้ตื่น อยู่อย่างมีสติ มีสัมปชัญญะ มีจิตตั้งมั่น
    เบิกบาน ผ่องใส และเป็นผู้เห็นแจ้งสมควรแก่กาลในกุศลธรรมทั้งหลาย ในการ
    ประกอบกัมมัฏฐานนั้นอยู่ พึงหวังได้ผลอย่าง ๑ ใน ๒ อย่าง คือ อรหัตตผล
    ในปัจจุบัน หรือเมื่อยังมีอุปาทานเหลืออยู่ก็จักเป็นอนาคามี”
    พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเนื้อความดังกล่าวมานี้แล้ว ในพระสูตรนั้น จึงตรัส
    คาถาประพันธ์ดังนี้ว่า
    เธอทั้งหลายที่หลับอยู่ จงรีบตื่น
    ที่ตื่นอยู่ จงฟังคำของเรานี้
    ความเป็นผู้ตื่นจากความหลับเป็นคุณประเสริฐ
    เพราะภัย๒- ย่อมไม่มีแก่ผู้ตื่นอยู่


    [๔๗]@เชิงอรรถ :
    @๑ เป็นผู้ตื่น หมายถึงเป็นผู้มีความเพียรเป็นเครื่องตื่น (ขุ.อิติ.อ. ๔๗/๑๙๖)
    @๒ ภัย ในที่นี้หมายถึง (๑) อัตตานุวาทภัย (ภัยเกิดจากการติเตียนตนเอง) (๒) ปรานุวาทภัย (ภัยเกิดจาก
    @การถูกผู้อื่นติเตียน) (๓) ทัณฑภัย (ภัยเกิดจากการถูกลงอาชญา) (๔) ทุคคติภัย (ภัยเกิดจากทุคติ) และ
    @(๕) วัฏฏภัยมีชาติ เป็นต้น (ขุ.อิติ.อ. ๔๗/๑๙๙)
    {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๒๕ หน้า : ๓๙๗}
    พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อิติวุตตกะ [๒. ทุกนิบาต]


    ๒. ทุติยวรรค ๑๑. อาปายิกสูตร


    ผู้ที่ตื่นอยู่ มีสติสัมปชัญญะ มีจิตตั้งมั่น
    เบิกบาน ผ่องใส พิจารณาธรรมโดยชอบตามกาลที่เหมาะสม
    มีสมาธิเป็นธรรมผุดขึ้น๑- พึงกำจัดความมืดได้
    เพราะฉะนั้นแล ภิกษุควรประพฤติธรรมเป็นเหตุให้ตื่น
    มีความเพียร มีปัญญารักษาตน มีปกติได้ฌาน
    ตัดสังโยชน์ในชาติและชราได้แล้ว
    ก็จะบรรลุสัมโพธิญาณอันยอดเยี่ยมในอัตภาพนี้แน่นอน
    แม้เนื้อความนี้ พระผู้มีพระภาคก็ตรัสไว้แล้ว ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้แล
    ชาคริยสูตรที่ ๑๐ จบ
     

แชร์หน้านี้

Loading...