การใส่บาตรจัดว่าเป็นการถวายสังฆทานได้หรือไม่?

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย kengloveyou, 16 พฤศจิกายน 2014.

  1. kengloveyou

    kengloveyou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +2,077
    การใส่บาตรจัดว่าเป็นการถวายสังฆทานไปในตัวด้วยได้หรือไม่?

    (ถ้าเงื่อนไข)

    1. ถ้าเราคิดไว้ก่อนใส่บาตรว่าพระองค์นี้คือตัวแทนพระสงฆ์ทั้งวัด
    2. เราได้คิดไว้ก่อนว่าอาหารที่เราใส่บาตรนี้เราให้เป็นของสงฆ์ทั้งวัด
    3. เราไม่ได้เจาะจงจะให้ทานนี้เป็นของพระรูปที่มารับบิณฑบาตรแต่เพียงผู้เดียว
    4. เราพูดออกจากปากเวลาใส่บาตรเลยว่า "สังฆทานนี้จงเป็นแด่ของสงฆ์ทั้งหลายในวัด"
    5. เรารู้สึกอิ่มใจ สุขใจเบิกบานมากกว่าปกติ หลังจากที่เราได้ใส่บาตรแล้ว ว่าเราได้ถวายสังฆทานแก่พระตัวแทนของสงฆ์ทั้งหลายในวัดแล้ว
     
  2. tsukino2012

    tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +3,090
    เจตนาของเราก็ชัดอยู่แล้วนะครับ
    ถ้าใจเราคิดว่าทำเพื่อคณะสงฆ์ มันก็ได้บุญส่วนนั้น
    ส่วนเรื่องอานิสงส์ต้องดูที่การกระทำของสงฆ์ที่รับของจากเราครับ
    ถ้าเขาเอาไปแบ่งปันกัน หรือทำให้เกิดประโยชน์แก่คณะสูงสุด
    กุศลเกิดไม่พอ เรายังได้อานิสงส์ครบถ้วนบริบูรณ์ด้วยครับ
    แต่หากเป็นพระบวชหากิน รับแล้วสวาปามเพียวผู้เดียว มีความเห็นแก่ตัว ไม่ใช่ผู้ปฏิบัติเพื่อหลุดพ้น มันก็ได้อานิสงส์น้อยหรือไม่ได้เลย
    และยิ่งถ้าเป็นโจรในคราบพระ รับทานจากเรา และใช้ชีวิตทำแต่ความเสื่อม เท่ากับต่อขาให้โจรสนับสนุนโจรเลย อานิสงส์ดีๆไม่มีหรอก
     
  3. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,443
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,663
    .........................................................................

    ตามนั้นครับ....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤศจิกายน 2014
  4. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +20,320
    สังฆทาน แปลว่า ทานที่ถวายแด่พระสงฆ์ จะถวายแบบไหนอย่างไรก็ได้

    ทานที่ถวายแล้วอาศัยปัจจัย3ส่วนแห่งความบริสุทธิ์ ย่อมได้รับบุญและมีอานิสงค์ วิบากกรรมของบุญมาก

    ปัญหามีอยู่ส่วนหนึ่งที่เขาใจยังผิดอยู่คือ

    ทานที่ให้หรือถวายแด่ผู้กระทำบาป เราไม่ควรกล่าวว่าไม่มีผล อันบุญทานทั้งหลายย่อมมีผลทั้งนั้นเพราะขึ้นชื่อว่ากรรม เมื่อกระทำไปแล้ว วิบากกรรมย่อมเกิดขึ้นทันทีดุจเงาติดตามตัว แต่การให้ผลนั้น มีปัจจัยหลายอย่างประกอบอันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ผู้ที่จะรู้แจ้งเรื่องวิบากกรรมย่อมต้องเป็นผู้มีปํญญา มีญาณทัสนะ

    แต่ขอให้เรามีเจตนาที่ดี แม้เราจะพร้อมใจเมตตาแก่คนไม่ดี ผลแห่งความเมตตาและคิดดีจักให้ผลที่ดีแก่เรา ขอกล่าวเสริมว่า

    ผู้ใดคิดอย่างไรทำกรรมอย่างไรย่อมได้รับผลอย่างนั้น
    ผู้รับทาน คิดดีอย่างไรชั่วอย่างไร ทำดีและชั่วอย่างไรย่อมได้รับผลอย่างนั้น
    กรรมของผู้ให้ทานและผู้รับทาน จึงคนละส่วนกันไม่เกี่ยวกัน

    เพราะมีกรณีที่ว่าสองกรณีคือ
    กรณีแรกผู้ให้ทานเจตนาดี มอบให้ช่วยเหลือผู้รับทาน ที่ไม่ดี อันผู้รับทานที่ไม่ดีมีสามแบบคือ
    1แบบตอนให้ทานเขาเป็นคนดีแต่เกิดมีอะไรดลใจ หรือเปลี่ยนใจกลายเป็นคนไม่ดี
    2แบบตอนให้ทานเขาเป็นคนไม่ดี และยังคงสภาพแห่งความเป็นคนบาปหรือไม่ดีเป็นนิรันดร์
    3 แบบตอนให้ทานเขาเป็นคนไม่ดี แต่หลังจากนั้นเกิดกลับตัวกลับใจเป็นคนดี

    ดังนั้นว่าไปแล้ว ก็เป็นสิ่งที่คาดเดาได้ยากยิ่งเหลือเกินว่าผู้รับทานจะดีหรือไม่ดี
    เมื่อผู้รับทานมีเหตุปัจจัยต่างกันอย่างนี้ ผลบุญก็ย่อมแตกต่างกันด้วยคือมากน้อยไม่เท่ากัน แต่ตัวบาปกรรมที่ผู้รับทานแล้วเป็นคนไม่ดีนั้น มันก็เป็นกรรมส่วนของเขาไม่เกี่ยวกับผู้ให้ทาน

    อีกกรณีหนึ่งคือ กรณีการให้ทานของเหล่าพระโพธิสัตว์ที่ให้ทานโดยไม่มีจำกัดหรือประมาณ ไม่ยกเว้นด้วยความดีหรือไม่ดี ไม่มีแบ่งแยก

    ผมเคยสงสัยในเรื่องนี้ แต่หลังจากได้ฟังคำอธิบายจากท่านพระโพธิสัตว์บรมครูจึงเข้าใจ แจ่มชัด

    ท่านย้ำให้ฟังว่า สรรพสัตว์มีกรรมเป็นของตน การช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นทุกข์มีดวงตาเห็นธรรม ดึงเขาให้ขึ้นจากนรกจึงเป็นมหาเมตตามหากุศล
    เหล่าพระโพธิสัตว์ช่วยเหลือสรรพสัตว์โดยไม่แบ่งแยก แม้เขาเหล่านั้นจะเป็นคนบาปก็ตาม นั่นย่อมถือว่าเขาคือผู้น่าสงสารนั่นเองเหมือนผู้ป่วยที่รอเวลาตกนรกไปใช้กรรมไม่ดีของเขา

    แต่ทว่า การช่วยเหลือของเหล่าพระโพธิสัตว์ จะต้องช่วยเหลือสรรพสัตว์ด้วยสติปัญญา ตามเหตุปัจจัยที่สมควรแก่เหตุ แก่สภาวะแก่ฐานะ ไม่ใช่ช่วยเหลือแบบพร่ำเพรื่อ ก็ไม่ถูก เมื่อมีสติปัญญาประกอบดีงามแล้ว แน่นอน สิ่งที่ทำลงไปย่อมเกิดประโยชน์แน่นอนทั้งแก่ตนเองและผู้อื่นครับ

    ดังนั้นในเรื่องบุญทาน เรื่องวิบากกรรม จึงเป็นสิ่งที่ซับซ้อนยิ่งนัก ท่านต้องใช้ปัญญาประกอบเสมอครับ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤศจิกายน 2014
  5. alkuwaiti

    alkuwaiti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    372
    ค่าพลัง:
    +1,257
    ทุกอย่างมีกฎเกณฑ์นะครับ จขกท. ไม่ใช่จะมานึกว่าเป็นสังฆทาน เป็นกฐิน เป็นผ้าป่า อะไรก็ได้ตามใจชอบโดยไม่คำนึงถึงและไม่ทำให้ถูกต้องตามพิธีการ แทนที่จะได้บุญกุศลอย่างถูกต้องกลับจะได้บาปไปแทน เพราะการทำอะไรแบบลวกๆ มักง่ายตามใจตัวเอง เอาใจตนเองเป็นที่ตั้งอย่างเดียว มันส่งผลถึงการไม่มีความเคารพในพระรัตนตรัย เป็นหนทางแห่งความเสื่อม การทำสังฆทานมันมีรูปแบบ เงื่อนไข ของการทำอยู่ครับ จะมานึกคิดเอาเองไม่ได้หรอกนะครับ

    ดูวัยรุ่น หรือผู้คนสมัยนี้สิครับ ชิงสุกก่อนห่าม อยู่กินกันก่อนแต่งเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว เพราะอิทธิพลของโลกตะวันตกบวกกับการละทิ้งขนบธรรมเนียมของบรรพบุรุษ ผู้คนเลือกที่จะทำตามใจตัวเอง ผลที่ออกมาคือท้องแล้วทำแท้งเพราะไม่พร้อม มีลูกออกมาแต่เลี้ยงไม่ไหวเด็กก็กลายเป็นปัญหาสังคม

    อย่าทำตามใจตัวเองมากเกินไปจนละทิ้งขนบธรรมเนียมประเพณีของศาสนาพุทธเลยครับ อีกหน่อยศาสนาพุทธคงไม่หลงเหลืออะไรไว้ให้ศึกษาและเรียนรู้ เพราะเราเลือกที่จะคิดและทำตามใจตัวเองเนื่องด้วยเข้าใจว่ามันถูกต้อง แต่แท้จริงแล้วแค่โดนอัตตาหลอก

    ไม่ต้องไปดูที่ไหนไกลเอาแค่เรื่องการกราบพระ 3 ครั้ง กราบพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ถ้าผมบอกว่าผมจะขอกราบพระแค่ครั้งเดียวแต่ในใจนึกถึงพระรัตนตรัยพร้อมแล้ว เป็นการกราบแบบ 3 in 1 เลยละกัน เพราะผมขี้เกียจกราบ 3 ครั้ง แบบนี้ไม่เรียกว่าบุญสำเร็จได้ด้วยใจนะครับ เค้าเรียกว่ามักง่าย

    ผมมาตอบให้เพราะหวังดีจะได้ไม่หลงทาง ถ้าเอาตามใจตนเองเข้าว่า 100 คน ก็ 100 แบบ แต่ละคนคิดและทำไม่เหมือนกัน อันนี้มันคือศาสนาของตัวเราเองเราบัญญัติมันขึ้นมาเอง ไม่ใช่ศาสนาพุทธหรือศาสนาไหนทั้งนั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤศจิกายน 2014
  6. kengloveyou

    kengloveyou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +2,077

    (ผมเข้าใจในความหวังดีของคุุณ "แต่ถ้าหวังดีเกินเหตุมันก็จะเกินพอดีไป"
    แล้วกรุณาอ่านดูที่พระแท้ท่านเมตตาตอบข้อปัญหาเรื่องการใส่บาตรว่าจัดเป็น
    สังฆทานได้หรือไม่ให้เข้าใจด้วยว่า พระแท้ท่านพูดตรงกับสิ่งที่คุณคิดเห็นหรือเปล่า)


    ถาม : สมัยนี้ทำบุญจะให้ได้เต็มร้อยนั้นยากมาก
    ตอบ : ให้ตั้งใจทำเป็นสังฆทานจ้ะ เพราะว่าอันสุดท้ายส่วนใหญ่ก็คือผู้รับเราไม่มั่นใจในความบริสุทธิ์ของท่าน ให้ทำเป็นสังฆทานไป ในอันตรธานปริวัตรในปฐมสมโพธิกถา ท่านบอกว่า “ตอนท้ายพระศาสนาเพศของพระจะค่อย ๆ ลดลง เหลือเพียงผ้าเหลืองพันข้อมือ หรือผ้าเหลืองห้อยหูอยู่ ให้เป็นสัญลักษณ์ว่าเป็นนักบวชเท่านั้น ศีลทั้ง ๒๒๗ ข้อ ก็เหลือแค่ปราชิก ๔ ข้อที่ยังรักษาได้ นอกนั้นขาดบรรลัยหมด ท่านบอกว่า “ถึงเพศพระจะเหลือน้อยเพียงนั้นก็ตาม ถ้าตั้งใจถวายเป็นสังฆทาน ก็มีอานิสงส์เต็มเหมือนกับพระพุทธเจ้าเป็นประธานรับเอง”

    ถาม : ถ้าสังฆทานเราจะต้องใส่บาตรให้ครบ ๔ องค์หรือเปล่าคะ ?
    ตอบ : ไม่จำเป็นจ้ะ ถ้าสังฆทานเราตั้งใจไว้ว่าพระองค์ไหนมาเราจะใส่บาตรถึงไม่ครบสี่องค์ก็เป็นสังฆทาน ตั้งใจไปเลยพระองค์ไหนมาเราก็จะใส่ ไม่ใช่หลวงพี่องค์นั้น หลวงพ่อองค์นี้เราถึงจะใส่ ถ้าตั้งใจอย่างนั้นจะเป็นสังฆทาน


    ถาม : ถ้าท่านไปฉันองค์เดียวจะไม่เป็นไรหรือคะ ?
    ตอบ : ของท่าน ๆ ต้องรู้จักจัดการเอง ถ้าท่านไม่รู้จักจัดการเอง เอาไปใช้เอาไปฉันอยู่คนเดียวก็เป็นโทษเหมือนกัน

    ถาม : ถ้าเรานึกในใจ แล้วท่านไม่ทราบล่ะคะ ?
    ตอบ : ไม่ทราบ ท่านก็ต้องรู้จักสิว่าจะทำอย่างไร อย่างที่วัดท่าขนุน วัดทองผาภูมิ หรือวัดต้นแบบอย่างวัดท่าซุง ฉันเป็นวงรวมกันอย่างน้อย ๔ องค์ขึ้นไป ที่วัดท่าซุงนี่กำหนดเลย ๖ ที่ ท่าขนุนก็ ๖ ที่ แต่ของวัดทองผาภูมิยังไม่อยู่ตัว ๔ บ้าง ๓ บ้าง ๒ บ้าง เหลือ ๑ ก็ยังมี แต่ลักษณะอย่างนั้นถือว่าเหลือแล้ว แค่นั้นไม่เป็นไร แต่ว่าประเภทตั้งใจนั่งเจี๊ยะคนเดียว ซวย...!



    ที่มา กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๑๑๑ หน้า ๒ (พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
    http://grathonbook.net/book/111.2.html
     
  7. เห็ดถอบ

    เห็ดถอบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    126
    ค่าพลัง:
    +300
    รบกวนถามคุณนิพพานสูข..ติ้งต่างว่าผมมีโอกาสใส่บาตรพระกลุ่มหนึ่งซึ่งดูจากจีวรที่เป็นสีกรักก็ให้เข้าใจว่าน่าจะเป็นสายพระป่าจึงตั้งจิตอธิฐานเป็นสังฆทาน คล้อยหลังสองวันพระกลุ่มนี้ถูกจับสึกเพราะกลางคืนแอบเที่ยวกินดื่มครบถูกด่านตรวจจับระหว่างทางกลับที่พัก อย่างนี้แล้วสังฆทานที่เราถวายไปจะสัมฤทธิ์ผลมากน้อยประการใดครับ
     
  8. โมทนาman

    โมทนาman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    5,666
    ค่าพลัง:
    +6,165
    พูดให้พระท่านได้ยินด้วยก็แล้วกัน
    ที่จริงอยากได้บุญสังฆทานก็ควรไปถวายสังฆทานเลย
     

แชร์หน้านี้

Loading...