การเจริญสติให้ได้ตลอดเวลาคือ

คุณแนนนั่นล่ะคิดไปไกล....
คำถามธรรมดาๆ ...ไม่ได้ซับซ้อนเลย

...ไอ้ตอนที่จิต...ไม่ได้รู้อารมณ์จิต(ดูจิต)
ตอนนั้นจิตอยู่ที่ไหน...
และหลังจากรู้อารมณ์จิตแล้ว(ดูจิต)....
หลังจากนั้น....
ให้จิตไปอยู่ที่ไหนต่อ?

นี่ถามตอนภาวนานะครับ...ไม่ใช่ปัญหาเชาว์

#เข้าไปดูได้เองขณะนี้เลย

 

ผมนอนก่อนล่ะกัน....
พรุ่งนี้เข้ามาอ่านครับ

 

หากคุณหมายถึงระหว่างภาวนา แนนตอบไปแล้ว ว่าอะไรเด่นจิตก็รู้อยู่ตรงนั้น

จิตไม่รู้จิต ก็รู้เวทนา รู้กาย วนไปแบบนี้

แนนไม่ตอบซ้ำแล้วนะคะ

เบี่ยย

 

ช่วยคุณแนนตอบนะ คือ ไอ้ตอนที่จิตไม่ได้รู้อารมณ์จิต แถมวงเล็บ ดูจิต คำตอบมันย้อนแย้งตั้งแต่ต้นแล้วว่าเน่าแน่นอน สังเกตข้อความนี้ดีดีว่าทำไม จิตไม่ได้รู้อารมณ์จิต ปิดข้อความว่า ตอนนั้นจิตอยู่ไหน คือจะบอกว่า จิตไม่รู้อารมณ์คือไม่มีจิต เป็นโวหารที่ หมูเน่า และลัทธิเปรตใช้เรียกแขก ไม่อยากเหลาต่อแล้ว เอาแค่นี้พอ แม้แต่พระอรหันต์ขีณาสพก็มีจิต เพียงแต่จิตนั้นไม่เป็นเครื่องอยู่หรือมูลเหตุส่งเสริมกิเลส เหมือนพวกลัทธิเปรตบอกไม่มี ไม่มีอะไรเลย คนนึงเอาพระธรรมมาวางตรงหน้า บอกว่า ไม่ใช่ ไม่จริง ไม่ใช่คำพระศาสดา ต้อง พุทธวจนะ เท่านั้น เปรตมีหลายแบบ มันก็ไล่จาก มนุษย์ปุถุชนไปจนถึงพระนุ่งจีวรนั่นแหละ นี่คือคำว่า ลัทธิเปรต

 

รู้อยู่ที่ไหนจิตมันก็อยู่ที่นั่นแหล่ะครับ

ไอ้ ส่วน ขณะก่อน ขณะหลัง หากคนยังภาวนาอยู่มีแต่พวก ละเมอ เท่านั้นละครับ

เทวดายังไม่สามารถทำได้
แม้จิตจะมีความไวฟังอธิธรรมชั้นดาวดึงส์ ได้ ยังจี้เป็น ขนะจิตไม่ได้เลย
มีแต่พระศาสดา จะสามารถบอกได้ ถึงบัญญัติอธิภรรมปิฎก ขึ้นมา

อารมณ์ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับจิต ดับไปพร้อมกับจิต

เพราะอารมณ์ ก็เป็น เจตสิก
ที่เรียกว่า อารมณ์ ก้เพราะเอามาแปล มาเป็นภาษาไทย

จิตมีสภาพรู้ เป็นธาตุรู้ มีสภาพเกิดดับ

อารมณ์ ก้เกิดดับ ไปพร้อมกับจิต การจะมารู้ก่อนเกิดอารมณ์ มันละเมอไปแล้ว
แบบนั้นมันไปนั่งเรียน กับพวกตำราอภิธรรมได้ ตากระทบรูป เกิด เวทนา เกิด ตัณหาเกิด จิปาถะ ทั้งๆ ที่ ความจริง มันเกิดดับไปชั่วแสนโกฎขณะไปแล้ว

อย่าง
จิตในฌานที่4 มันจึงรู้แต่ตัวมันเอง เรียกว่า มีแต่อารมณ์รู้

จึงเรียกว่า เอกัคตารมณ์ คือ อารมณ์เป็นหนึ่ง พูดง่ายๆว่า รู้แต่อารมณ์รู้

พระไตรท่านถึงเรียกว่า เข้าถึงจิตเดิม สภาพจิตเพียว เกิด ดับ เกิดดับ เกิด ดับ
อย่างเร็วแทบหาช่องว่างไม่ได้


แต่ ส่วน เอกัคคตาจิต นี่อีกอย่าง เรียกว่า จิตหนึ่ง จิตในจิต จิตหนึ่งไม่มีสอง
อันนี้ ไม่มีเกิดดับ จิตหนึ่ง ที่ปรากฎ เกิดจาก จิตรวมใหญ่ เป็นผลของวิปัสนา

 

นี่ไงหมูไหม้ พระศาสดาตรัส จะรู้ลมก็ได้ รู้กายคตาสติก็ได้

 

อีกอย่าง พวกที่ฝึกแบบกายคตาสติ เวลารูป-นามแยกออก
จิตมันเห็นรูป-นาม (จิตพินารูป) และจิตเห็นความคิด(นาม-รูป) ไปพร้อมๆกัน มันเกิดขึ้นพร้อมกัน ขั้นนี้ปราศจากเจตนา จิตทำงานเอง

และเห็นชัดตั้งแต่เริ่มแยกออกเลย แต่ยังไม่บ่อย พอฝึกไปเรื่อยๆ ความถี่ของรูป-นาม ,และนาม-รูป ที่แยกออกมันจะค่อยๆ บ่อยขึ้น ตอนนี้แหล่ะ ครูจะบอกให้มารู้ผัสสะขั้นที่2 ของ นาม-รูป คือดูความคิดในจิตได้เลย แล้วจะจบคอร์สได้ ไม่ต้องดูอายตนะแล้ว

แล้วคุณแนนเขาก้อบอกตลอด เขาไม่ใช่อรหันต์ ไม่ต้องซีเรียสไปทันทุกอารมณ์จิตหรอก ...ถ้าผู้รู้วิชชาตั้งอยู่ไม่ได้ ผู้คิดอวิชชาก้อมาแทนที่เท่านั้นเอง

 

สิ่งใดแสดงให้เห็นเกิดดับทั้งปวง สิ่งนัันคือ พุทธะ(เข้าถึงความเป็นเช่นนั้น)

 

จากพระพุทโธวาท
ผู้ใดฝึกรู้ลมหายใจเข้า รู้ลมหายใจออก
คือบริโภคอมตะ
(ดังนั้นถ้าผู้ใด้รู้ลมได้ตลอดสาย คือได้
บริโภคกายคตาสติ ต้องได้อมตะเป็นผลลัพธ์ แน่นอน)
ซึ่งก็ไม่น่าจะต้องไแขวนขวาย หาสิ่งที่ยาก
ลำบากกว่านี้
เชื่อว่าทุกคนได้ยินได้ฟังมาแล้ว
แต่ก็ยังดิ้นรน ไปหาสิ่งที่วิเศษกว่านี้
กันอยู่
ฮับ

 

จริตคนเราเหมือนกันหรอลุง บางคนคิดว่าตัวเองทำได้ แต่พอมาฝึกจริงๆ ทำไม่ได้

เขาก็ต้องหาฝึกอันที่เขารู้สึกทำแล้วไปได้ดี และก้าวหน้าอันดับแรกก่อนสำหรับตัวเขานั่นแหล่ะ

อย่างของหมูไหม้ เขาก็พยามบอกถึงผัสสะขั้นที่2 อยู่ตลอดนั่นแหล่ะ คือจิตเห็นความคิด แต่ทีนี้ทำไมการฝึกอานาฯ ของเขาเป็น 10 ปีไม่พัฒนา ไม่แปลกใจมั่งเลยหรอ ถึงจะฝึกวันละ 1 ชม.เป็นอย่างต่ำ แบบฝึกอยู่ในชีวิตประจำวัน ยังไงจิตต้องเปลี่ยนไปรู้ไตรลักษณ์ที่มากขึ้น ไม่มีทางที่จะไม่เปลี่ยนเลย น่าจะพินาตรงนี้มั่งนะ ว่าฝึกได้สมถะหรือวิปัสสนากันแน่

 

ธรรมแท้นิ่งเป็นใบ้ ไร้อารมณ์เห็นด้วยปัญญา

 

ไอ้ ที่พิมพิมพ์ ลอยๆ ไม่อ้างอิงใคร

นี่ธรรมแทัหรือธรรมเมาฮับ ท่านปลาทาน

 

งงอะไรกับคำถามแค่นี้ครับ
สำรวจจิตตัวเอง ณ ขณะนี้เลย
ผมไม่ได้ถามธรรมะลึกซึ้งอะไร
ถามเรื่อง...ภาวนาล้วนๆ

คำถาม
1.ขณะก่อนจะเห็นอารมณ์จิต....
....ตอนนั้น
(ต้องมีช้อยคำตอบให้อีกหรือครับ)
ก.หลงอยู่...
ข.เหม่ออยู่...
ค.นึกคิดอยู่...
ง.ถูกทุกข้อ
จ.อื่นๆ ระบุ..............

ต้องให้ช้อยแบบเด็กหรือเปล่าครับ?

2.และเมื่อเห็นอารมณ์จิต...แล้ว
เช่น
....เห็นว่ากลัว
...เห็นว่าพอใจ
...เห็นว่าไม่พอใจ
เสร็จแล้ว.....

จิตไปไหนต่อ?...................

ต้องมีช้อยให้เลือกอีกไหม
ก.ข.ค.ง.จ.

นี่ต้องมาขยายความ....
แค่คำถามว่า...
"ตอนที่ไม่ได้รู้อารมณ์....จิตที่อยู่ไหน?"

 

เคยบอกเเล้วหลายครั้ง....
จำไม่ได้หรือครับ....ย้อนไปอ่านมีมากมาย

วิหารธรรมอะไรก็ได้....
แต่"ย้ำ"ต้องมีวิหารธรรม
ไม่ใช้การกระโดดเข้าไปรู้...
โดยไม่มีที่เกาะ

แต่วิหารธรรมนั้น...
อย่าไปเข้าใจผิดอย่างคุณป.ปราบ

ที่บอกเอาความโกรธ...มาเป็นวิหารธรรมได้
.....เพราะความโกรธ...ไม่ได้เกิดที่จิตตลอดเวลา

วิหารธรรม...คือเครื่องอยู่ของจิต
คือนึกจะระลึกเมื่อไหร่ก็ระลึกได้
....ไม่ใช่สิ่งที่ต้องรอให้เกิด...อย่างความโกรธ

 

คุณหมูคะ ขณะอารมจิต จริงๆมันมีเยอะกว่านั้นมากก คือมันเป็นไปได้หมด คุณจะให้เอาคำตอบของเสี่ยววินาทีไหนของวันที่เท่าไหร่เดือนอะไรมาตอบล่ะ

ง่ายๆก็รู้ขณะต่อไป อะไรเด่น รู้อันนั้น แม้ถามรอบที่ 10 ก็ตอบแบบนี้ รู้ว่าพอใจพอใจดับ มักมีความคิดแทรกมาต่อ ก็รู้ความคิด รู้ความคิดความคิดดับ เห็นกายนั่งรู้กาย เห็นกายยกแก้วก็รู้ เกิดพอใจรู้พอใจ เกิดปิติ รู้ปิติ ….วนไป เผลอเหม่อรู้ว่าเหมอ หงุดหงิดที่ตัวเองหลงเหมอรู้หงุดหงิด

คุณมากกว่าไม่เข้าใจคำตอบแนน
ต้องให้อธิบายขยายอะไรอีก แค่รู้ปัจจุบันขณะเนี่ย
เข้าใจยากรึ

 

หมูเอ้ย ยิ่งคุย ยิ่งแสดง ความดักดาน

กล่าวตู่พระธรรมคำสอน

คำภีร์

ที มะ สัง อัง ขุ
5 คัมภีร์นี้ เป็น คำภีร์ ชั้น ต้นเป็นหัวใจ ที่บันทึกเอาไว้ ให้พวกเราได้ศึกษากัน

รวมมาได้ เป็น
พระสุตตันตปิฎก อภิธรรมปิฎก พระวินัยปิฎก
ส่วนมากจะบันทึกจากปากต่อปาก
พระสุตตันตปิฎก จึงสำคัญมากเป็นตัวแปลงให้ขยายไปอีก

หมู กล่าวตู่ พระธรรมหมวดนี้ ยิ่งจะถอยหลัง ลงคลอง นะหมูเอ้ย

 

อันนี้ก็บอกไปแล้วซ้ำเดิม....
....เรื่องความเพียร

ออเจ้าอย่าไปสงสัยมรรคของพระพุทธเจ้าเลย
อยู่ที่ตัวผมเองนี่
ความเพียรไม่พอเอง....
อานาปานสติ....ดีอย่างที่แจกแจงไป

มรรค....ดีแค่ไหน?
แต่ไม่มีความเพียร....
....มันก็ไม่เกิดอะไร...

#บอกไปหลายครั้งแล้ว....ได้อ่านหรือเปล่าครับ

 

หมูไหม้เข้าใจคำว่า จิตเห็นความคิดมั้ย ถ้าเข้าใจมันจบไปนานแล้ว

จิตเห็นความคิดมันอยู่ที่ลิ้นปี่ เป็นลมกลาง ไม่ต้องพยาม จิตมันทำเอง จะรู้ลมสั้นยาว มันรู้เอง เราแค่ดูอารมณฺนี่นั่นที่เกิด สวยๆ ชิวๆ เท่านั้น และจิตมันมาอยู่ที่กลางอกเป็นวิหารธรรมของตัวมันเอง

เรื่องรู้อารมณ์ตามอายตนะ อารมณ์ไหนเกิดแล้ว รู้ รู้ รู้ อันนั้นขั้นสร้างสติเข้าจิต ให้ธาตุรู้มันตื่น ถ้ามันตื่นมันจะไม่คว่ำตัวอยู่ใต้ความคิดอีก มันจะเริ่มเป็นไทจากความคิดไปเรื่อยๆ

อย่าเอาผัสสะทั้ง 2 ขั้นมาปนกันนะหมูไหม้

 

อ่าน แต่อีกหลายๆ โพสก้อเห็นบอกว่ารู้ลมในชีวิตประจำวันตลอดด้วย ถึงจะนับผลงานรวมทั้งอาทิตย์ ได้1 ชม.ในชีวิตประจำวัน ยังไงจิตก้อต้องเปลี่ยน แต่นี่ไม่เปลี่ยน ก็พินาเอาเอง

 

มันยากที่เข้าใจหรือครับ
ขณะที่ไม่ได้ดูจิต....

คุณแนนเหม่อไหม?
คุณแนนหลงไหม?
คุณแนนคิดนึกไหม?
บลาๆมากมาย.....

มันต้องมีขณะที่ไม่ได้ดูจิต.....
เพราะเราไม่ได้ตามดูจิตตลอดทุกขณะอยู่แล้ว

เข้าใจยากหรือครับ....คำถาม