การปฏิบัติทางอริยมรรค ต้องมีการถึงจุดจบ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมแท้ว่าง, 13 สิงหาคม 2021.

  1. ฟ้ากับเหว

    ฟ้ากับเหว Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2020
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +372
    ใช้คำว่า ยานของแฟนค้าหรือแฟนต้ายาน ก็ได้เหมือนกัน ฉันได ก็ฟันหัก
     
  2. Piccola Fata

    Piccola Fata เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,590
    ค่าพลัง:
    +1,142
    เคยอ่านเจอแบบนี้เหมือนกันค่ะ แต่ไม่เจอศัพย์ไหนที่อธิบายของการที่เวลาเห็นอารมณ์ผุดแล้วดับอารมณ์ ในขณะนั้นได้ เป็นเรื่องๆไปน่ะค่ะ เลยเข้าใจว่าน่าจะเป็น 1 ใน ตทังคปหาน เช่นกัน
     
  3. ฟ้ากับเหว

    ฟ้ากับเหว Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2020
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +372
    ถ้าเล่นแบบลูกทุ่งเลยนะ ระงับมันแบบไม่ต้องใช้สติปัญญาอะไร ระงับมันแบบตรงๆ เหมือนการดับไฟ
    ต่อมาระงับมันด้วยสติ เหมือนเห็นแล้วว่าถ้าทำแบบนี้ แบบนี้ก็จะเกิด
    ต่อมาระงับด้วยปัญญา แน่นอนมันจะต้องผ่านสองอันมาแล้วไม่มากก็น้อย เพราะไม่มีทั้งที่มาอีกแล้ว เพราะรู้แน่แล้วว่าที่ไปคืออะไร เล่นมันแบบลูกทุ่งไปเลย ทางนี้เอาแบบนี้แหละ
     
  4. Piccola Fata

    Piccola Fata เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,590
    ค่าพลัง:
    +1,142
    แล้วที่ถ้าระงับได้ด้วยเหตุ วิปัสสนา ล่ะคะ มีแต่ สมุจเฉท อย่างเดียวหรอคะ
     
  5. ฟ้ากับเหว

    ฟ้ากับเหว Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2020
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +372
    ที่เขาไม่จำเพาะก็มีเหตุผลนะแฟนต้า แต่ความเข้าใจเราต่างหากคิดเรื่องอะไร บทแรกคือ เราต้องทำทีละเรื่อง เมื่อทำทีละเรื่องแล้วเข้าใจกลไกการดำเนินไปแล้วในเรื่องนั่น เรื่องอื่น ก็ไม่แตกต่าง แต่จะไม่อธิบายว่า อะไรเป็นอะไรในรายละเอียด ตรึกตรองดูสิว่า ทำไมถึงไม่เหมือนกันในรายละเอียดแต่ แกนหลักหรือกลไกมันเหมือนกัน จึงเรียกว่า ปฏิจสมุปบาท หรือ วงจรอวิชชา
     
  6. ฟ้ากับเหว

    ฟ้ากับเหว Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2020
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +372
    ในมุมมองของเรา เราแน่ใจว่า สมุจเฉท เป็นเรื่องจำเพาะในเชิงปัญญา ซึ่งเป็นวิปัสสนาญาณ เบื้องต้นคือ ละสังโยชน์ สิ้นสุดคือปลงสังโยชน์ เพราะเห็นบางอย่าง ทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ของกรรมทั้งหลาย ด้วยสติ แฟนต้าว่า ถ้าสมุจเฉท ลงรอยแบบนั้น คนแบบไหนละถึงจะต้องไปๆมาๆ เดี้ยวตื่น เดี้ยวหลับ บ้างหละ ถ้าถือเอาว่า นั่นคือ สมุจเฉท สะกดถูดรึป่าวก็ไม่รู้ ลอกมา
     
  7. Piccola Fata

    Piccola Fata เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,590
    ค่าพลัง:
    +1,142
    หรืออาจจะเอาไปอธิบายใน อุเบกขา หรือ สังขารุเปกขาญาน

    แต่ในระดับสังขารุเปกขาญาน มันคือระดับเจตสิก สติ หยุดทำงาน ไม่มีเหตุให้กระเพื่อมได้ นิ่งเรียบ

    แต่ที่แนนเกริ่นมัน แบบชั่วคราว เฉพาะเรื่องๆนั้น อารมณ์นั้นๆ
    เลยคิดว่า น่าจะอยู่ในโหมด ตทังคปหาน
     
  8. ฟ้ากับเหว

    ฟ้ากับเหว Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2020
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +372
    อีกอย่างนะ พูดเพื่ออะไรไม่ทราบ สมุจเฉท บอกให้เลย พยากรณ์ให้เลย ได้ทุกคนแต่ไม่ใช่ตอนนี้ และอย่าสงสัยในธรรม และไม่จำเป็นต้องสงสัยอะไร มันจะสื่อมาเองว่า อะไรคือสมุจเฉท เมื่อถึงจุดนั้น แต่ที่เห็นแมวเน่ากับหมูเน่าเหม็นไหม้พูด มันไม่ได้สื่อไปในทางแบบนั้น มันมีเหตุผลแต่ไม่ใช่เหตุผลของธรรมตามที่ควรจะเป็น
     
  9. Piccola Fata

    Piccola Fata เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,590
    ค่าพลัง:
    +1,142
    แนนไม่ได้สงสัยในสภาวะสมุจเฉท

    สงสัยคำศัพท์ ขอบเขตของคำว่า ตทังคปหาน เฉยๆค่ะ
     
  10. ๑๓อักษร

    ๑๓อักษร สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2021
    โพสต์:
    450
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +68
    การรู้ทันแล้วดับไป มันเป้นการกะเทาะออกแบบค่อยๆออกทีละนิด
    เหมือนกะเทาะเปลือกมะพร้าวออกทีละนิด ทีละนิด ทีละนิด
    กิเลสจะค่อยๆบางเบาเรียบไปหมดในที่สุด

    แบบนี้หลวงปู่พุธก้เคยอธิบาย มันจะไม่หวือหวา
    กิเลสจะค่อยๆหายไปทีละนิด ทีละนิดทีละนิดจากการรู้ทัน จนหมดไปในที่สุด ราบเรียบ

    ก็อย่างที่อธิบายข้างต้น
    มีแต่ ผลวิปัสนา ที่ทำให้กิเลส หายไปได้ หรือจะเรียกว่าทำลายกิเลสก้แล้วแต่

    ฉะนั้น เหตุของวิปัสนาก็คือสติ ผลก้คือเป้นสมุปเฉท
    สมุปเฉท ก็เป็นไปได้ บึ๋มทีเดียว ขาดไป 1ใน4ส่วน คือ อาสวะสามข้อแรก

    ศีลลพตปรามาส
    สักกายทิฐิ
    วิจิกิจฉา
    (หรือจะแทงไป2ในสี่ส่วนหรือ 3ในสี่ส่วนหรือทีเดียวแบบจริมรรค แทงตลอดมรรคผล4
    แบบนี้จะหวือหวา บางองค์ถึงมีการแสดงอุปมาออกต่างกันไป)

    และก้เป้นไปได้แบบ ค่อยๆขาดไปทีละข้อ
    แบบค่อยๆขาดก้จะเป็นอะไรที่เรียบ ราบเรียบไม่หวือหวา อย่างที่อธิบายข้างต้น

    กรณีนี้ เป็นแบบที่หลวงปู่พุธท่านอธิบาย เพราะมันตรงกับที่หลวงปุ่พุธท่านเป็น
    คือ ค่อยๆออกไปทีละน้อย จนไม่มีเลย
    ท่านจึง บรรลุธรรม ในขณะ ที่กำลังเทศน์สอนโยม

    แม้แต่ขณะที่บรรลุ ก็ยังพูดเทศน์สอนอยู่ ของท่านมันราบเรียบ
    แม้จะบรรลุแบบราบเรียบ
    ท่านก้เป็นพระที่ทรงอิทธิฤทธิ์ อภิญญา
     
  11. ฟ้ากับเหว

    ฟ้ากับเหว Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2020
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +372
    พอมาตรงนี้ผมว่า แฟนต้า ควรต้องตั้งใจและปฏิบัติธรรมให้สมควรแก่ธรรมแล้วละ อย่าเอาอะไรต่อมิอะไรมารวมกัน จนไม่สามารถแยกแยะได้ คนที่เสียหายคือตัวแฟนต้าเองนั่นแหละ
     
  12. ฟ้ากับเหว

    ฟ้ากับเหว Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2020
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +372
    ขอให้เจริญธรรมยิ่งๆขึ้นไปนะครับ คุณแนน แฟนต้า อนุโมทนาบุญด้วยนะครับ
     
  13. Piccola Fata

    Piccola Fata เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,590
    ค่าพลัง:
    +1,142
    ขอเวลาคนอ่อนคำศัพท์ ศึกษาก่อนนะคะ บางทีมันมีหลายอย่างที่เหมือนมันไม่มีคำเฉพาะ เวลาพูดถึงกล่าวถึง มันเลยดูอ้อมค้อม อยากได้ศัพย์กลางที่หลายคนฟังแล้วเข้าใจตรงกัน
     
  14. ๑๓อักษร

    ๑๓อักษร สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2021
    โพสต์:
    450
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +68
    พูดแบบภาษาปฏิบัติ

    พวก ตทังคประหาน วิกขัมพนประหาน ไม่ได้เกี่ยวข้องกะวิปัสนา

    เป็นส่วนที่อยู่ในหมวดสมถะ พูดอีกง่ายๆ เป้นส่วนที่ยังมีเจตนาล้วนๆ

    แต่ส่วนของ สมุปเฉทประหาน มันอยู่ในส่วนเป็นผลวิปัสนา เป้นส่วนที่พ้นเจตนาล้วนๆ

    กิเลสตันหา มันจึงทำการละ การตัดด้วยเจตนาไม่ได้
    นอกเสียจากผลวิปัสนาจะเกิด จิตจึงจะเป้นผู้กระทำเอง
    เป้นขั้นที่จิตเป้นผุ้กระทำเอง มันจึงเป้นขั้นที่พ้นเจตนา
    เป้นการภาวนาที่เข้าถึงขั้น ปรมัตถธรรมล้วนๆ

    คำสอนของพระพุทธเจ้า จึงทำให้พ้นบุญไม่มีการสืบต่อชาติภพเมื่อจบกิจ
     
  15. Piccola Fata

    Piccola Fata เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,590
    ค่าพลัง:
    +1,142
    แต่แบบที่เห็นอารมณ์ดับอารมณ์ มันก็ไม่ใช้เจตนานะคะ มันคือสติตามเห็นแล้วดับวูบลงทันที เพียงแต่มาแบบชั่วคราว ไม่ใช่แบบสมุจเฉท

    มองว่ามันถือว่าเป็นผลงานอย่างนึงของจิตอยู่นะ แต่แบบเป็นเรื่องๆไป … ศัพท์ส่วนนี้อาจจะมีแต่คงยังอ่านไม่เจอ
     
  16. ฟ้ากับเหว

    ฟ้ากับเหว Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2020
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +372
    พิมพ์ผ่านไปแล้ว แต่ก็รู้สึกชอบอันนี้เหมือนกัน มันอาจจะง่ายสำหรับใครบางคน แต่ก็ยากสำหรับใครคน แต่มันก็เป็นเช่นนั้นเสมอ เพราะกล่าวโดยสรุป
     
  17. ฟ้ากับเหว

    ฟ้ากับเหว Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2020
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +372
    อือ ก็ชอบนะ ถ้าขอถามจะช่วยตอบได้ไหมที่ว่า เห็นอารมณ์ดับอารมณ์นี่คือ อารมณ์ไหน และอารมณ์นั้นให้ผลอย่างไรจึงใช้อารมณ์อีกอันดับอีกอัน ยิ่งพูดนี่คุณแนนยิ่งชักยุ่งแล้วนะคับ อารมณ์คืออะไร คุณแนนให้ค่าทางไหน เป็นส่วนไหนในขันธ์ เพราะว่า หากคุณแนนใช้ เวทนาอย่างหนึ่ง ไปดับเวทนาอย่างหนึ่ง คุณแนนว่าจะได้อะไร หรือ ใช้สังขารอย่างหนึ่งไปดับสังขารอย่างหนึ่ง คุณแนนก็จะไม่ได้อะไรเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั่นถ้าแย่ไปอีกคือ ใช้สัญญาอย่างหนึ่งไปดับสัญญาอีกอย่างหนึ่ง ชัดเจนเลยว่า คุณแนนยังไม่ทราบถึงวิถี ไม่ว่า สมถะหรือวิปัสสนา สติที่คุณแนนใช้เป็นตัวกลางคือสติสมมุติที่คุณแนนสร้างขึ้น เพราะคุณแนนจับผิดจุดแล้ว ที่ควรคือ เห็นอารมณ์เป็นเช่นใด เห็นอารมณ์คืออะไร ก่อนต่างหาก จึงใช้สติพิจารณาว่าอะไรเป็นเหตุของอารมณ์นั้น และอารมณ์นั้นอยู่ในส่วนใดของขันธ์และผลของอารมณ์นั้น เป็นไปในทางใด ทุกข์ สุข หรืออะไร ลองตรองดูนะ
     
  18. Piccola Fata

    Piccola Fata เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,590
    ค่าพลัง:
    +1,142
    แนนไม่ใช้สมองตรึกตรองที่มาที่ไปของอารมณ์มากขนาดนั้นหรอกค่ะ มันแทรกมาเร็ว บางครั้งก็รู้ บางครั้งก็ไม่รู้ แต่ไม่ได้พากษ์ แต่บางที่ก็เผลอพากย์อยู่นะ ไอ้จังหวะเผลอพากย์นี่หล่ะ ก็โดนมันตลบหลอกไปอีก ถึงยังไงก็แค่ตามรู้ไอ้เผลอนั้นไปแค่นั้น เพราะยิ่งไปคิดไปวิเคราะห์ ยิ่งเป็นการสร้างสัญญาจำซ้อนหนาไปอีก ดังนั้นแค่แตะอารมณ์เบาๆแล้วปล่อย(เอาแค่พอ อ๋อ รู้แล้ว) อย่าไปหมายมั่นคาดคั้นบังคับให้ดับ ดับบ้างไม่ดับบ้าง ผลัดแพ้ผลัดชนะ เป็นปกติของจิต

    ส่วนอาการที่ชัดเวลามีอารมณ์ จะมีแรงกระเพื่อมดันขึ้นมากลางอกก่อนเลย ความคุ้นเคยของสติมันจะแล่นมาที่กลางอกก่อนเพื่อนค่ะ พอเจตสิกปรุงแต่ง มันกลายเป็นสติ อารมณ์อย่างเช่นหงุดหงิด ดีใจ โทสะ มันจะวูบลง แบบรู้สึกถึงคำว่าวูบบบ รู้สึกทั้งตัว (อันนี้เฉพาะที่ตัวแนนนะ คนอื่นอาจจะไม่ใช่แบบนี้)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กันยายน 2021
  19. นาฬิเกร์

    นาฬิเกร์ อดทนชนะใจตน

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2020
    โพสต์:
    426
    ค่าพลัง:
    +408
    ผู้ที่เข้าสมาบัติ๙เท่านั้น ที่เห็นความดับของจิต หรือเห็นสภาวะจิตเดิมแท้(ว่างจากตัวตน) เพราะดับสัญญาและเวทนาได้ เวทนาดับไม่มีสุขไม่มีทุกข์ ส่วนจิตบริสุทธิ์นั้นเห็นได้ในฌาน๔ ละกาม จิตตั้งมั่น ไม่ยินดีไม่ยินร้าย ไม่มีสุขไม่มีทุกข์ แต่เวทนาไม่ดับ เจริญสัญญาได้ ให้เห็นตามความเป็นจริง(อริยสัจ) เห็นได้ที่เวทนา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กันยายน 2021
  20. นาฬิเกร์

    นาฬิเกร์ อดทนชนะใจตน

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2020
    โพสต์:
    426
    ค่าพลัง:
    +408
    เห็น(ด้วยใจ)ก่อนคิด คิดก่อนพูด พูดก่อนทำ ทำก่อนตั้งใจ(วางใจ ไม่สุข ไม่ทุกข์)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กันยายน 2021

แชร์หน้านี้

Loading...