การถวายสังฆทานให้ได้บุญ และ สังฆทานที่มีอานิสงส์มากกว่าปกติ (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย sss12, 24 กันยายน 2010.

  1. sss12

    sss12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2010
    โพสต์:
    288
    ค่าพลัง:
    +1,081
    ๏ สังฆทานคืออะไร

    พจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ ชุดคำวัด โดย พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช ป.ธ. 9 ราชบัณฑิต) วัดราชโอรสาราม กรุงเทพฯ ให้ความหมาย “สังฆทาน” ไว้ดังนี้

    “สังฆทาน” คือ ทานที่ตั้งใจถวายแก่สงฆ์หรือผู้แทนของสงฆ์ ไม่จำเพาะเจาะจงรูปใดรูปหนึ่ง หากถวายโดยเจาะจง เรียกว่า ‘บุคลิกทาน’ ดังนั้น สังฆทานมีอานิสงส์มากกว่าบุคลิกทาน เพราะผู้ถวายมีจิตใจที่กว้างขวาง ไม่เจาะจงว่าจะเป็นภิกษุรูปใด เป็นการแสดงถึงความตั้งใจจะถวายด้วยศรัทธาอันเป็นสาธารณะ

    ดังนั้น การทำบุญเลี้ยงพระในงานต่างๆ การไปทำบุญตักบาตรที่วัด การใส่บาตรพระที่เดินบิณฑบาต หากไม่จำเพาะเจาะจงพระรูปใดรูปหนึ่ง นับเป็นสังฆทานทั้งสิ้น

    มีทานอีกรูปแบบหนึ่งที่คล้ายๆ สังฆทาน เป็นทานที่มีอาณาเขตกว้างขวางกว่าคือ ทานที่ให้แก่หมู่พวกที่ไม่เฉพาะกลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่งเรียก สาธารณทาน เป็นทานที่ไม่จำกัดเฉพาะในรั้ววัด เป็นการให้ที่ไม่มีขอบเขต สังฆทานเป็นส่วนหนึ่งของสาธารณทานเช่นนั้น


    ๏ จัดสังฆทานให้ได้ประโยชน์


    เดี๋ยวนี้เวลาพูดถึง “สังฆทาน” พวกเราจะนึกถึงถังสีเหลืองๆ ภายในบรรจุข้าวของเครื่องใช้เยอะแยะมากมาย จนล้นออกมาปากถัง แล้วมีพลาสติกใสหุ้มทับอีกที

    แท้จริงแล้วของที่จะถวายหมู่พระสงฆ์โดยไม่เจาะจงที่เรียกว่า สังฆทาน นั้น คืออะไรก็ได้ที่เหมาะกับชีวิตสมณะ ไม่จำเป็นต้องเป็นถังเหลืองๆ ที่วางขายตามหน้าร้านสังฆภัณฑ์เสมอไป

    ข้าวของเครื่องใช้ที่บรรจุมักเป็นของที่พระภิกษุเก็บไว้ใช้ในช่วงวันเข้าพรรษา (ประมาณ 3 เดือน) ส่วนมากก็จะเป็นของที่ใช้ดำรงชีวิตทั่วไปเหมือนเราๆ ท่านๆ นี่แหละ เช่น ผงซักฟอก, ยาสีฟัน, แปรงสีฟัน, สบู่, ยาสระผม เป็นต้น จะมีเพิ่มมาหน่อยก็จะเป็นผ้าอาบน้ำฝน สบงจีวรเครื่องนุ่งห่ม ที่พระภิกษุจะต้องมีไว้ใช้

    ถ้าเราไม่รู้ว่าจะซื้ออะไรไปถวายพระสงฆ์ดี เพราะฉะนั้นจึงต้องอาศัยเครื่องสังฆทานที่มีจำหน่ายตามร้านบรรจุให้สำเร็จรูป อีกทั้งการบรรจุกระป๋องก็ทำมาให้เรียบร้อยสวยงาม ซื้อปุ๊บก็ถือไปถวายปั๊บ เข้ากับยุคสมัยพอดี ไม่ต้องเสียเวลาไปซื้อหามาประกอบให้ลำบาก

    ถึงเวลาที่ต้องมาทบทวนการทำสังฆทานกันเสียที สังฆทานที่ดีไม่จำเป็นต้องมีของถวายมากมาย ขอเพียงเป็นของที่จำเป็นและมีคุณภาพดีเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว และการเลือกซื้อของมาประกอบเป็นสังฆทานเอง จะได้ของดีมีคุณภาพกว่าการไปซื้อ “ถังเหลืองๆ” ตามร้านสังฆภัณฑ์ทั่วไป หากผ้าอาบน้ำฝนราคาผืนละ 60-80 บาท ราคาถังสังฆทานก็จะประมาณ 200-600 บาท แล้วแต่ของข้างในและขนาดถัง

    “ถังเหลืองๆ” ที่มีวางขายตามร้านสังฆภัณฑ์นั้น บางร้านจะยัดหนังสือพิมพ์หรือกระดาษแข็งเข้าไว้เต็มกระป๋อง ส่วนที่เป็นสังฆทานหรือข้าวของเครื่องใช้จริงๆ จะถูกบรรจุไว้แถวขอบปากถัง เพื่อให้ดูว่ามีของใช้มากมายจนล้นปากถัง แล้วเอาพลาสติกใสหุ้มอีกทีเพื่อไม่ให้ของล้นจนหก แท้จริงแล้วมีของใช้ไม่กี่อย่างเท่านั้นเอง


    ข้าวของเครื่องใช้ที่ึึควรซื้อหามาจัดเป็นสังฆทาน

    - สบู่ จัดเป็นเครื่องประทินผิว แต่พระก็ใช้ได้เพื่อทำความสะอาดและระงับกลิ่นกาย

    - ยาสีฟัน ชนิดผงหรือแบบหลอดก็ได้ ยาสีฟันสมุนไพรก็น่าสนใจ

    - แปรงสีฟัน เลือกที่เป็นชนิดขนแปรงอ่อนๆ จะได้สบายเหงือก

    - ยาสระผม (เน้นพวกแชมพูยา) เอาไว้ใช้เวลาโกนศีรษะจะได้โกนได้ง่ายขึ้น และ เมื่อพระท่านไม่มีผมมาปกป้องหนังศีรษะเนี่ย ทั้งความร้อน ฝุ่นละออง เชื้อโรคต่างๆ ก็จะเข้าถึงหนังศีรษะของท่านได้โดยตรง แถมการรักษาสมดุลความชุ่มชื้นของหนังศีรษะก็จะเสียไป เพราะไม่มีผมปกคลุม ทำให้หนังศีรษะของพระ มักจะแห้ง และเกิดโรคผิวหนังอยู่เสมอ เช่น ชันตุ เป็นต้น สิ่งที่จะช่วยบรรเทาได้ก็คือ แชมพูยา ที่มีส่วนผสมปกป้องหนังศีรษะ รักษาสมดุล

    - ใบมีดโกน เป็นของจำเป็นมาก เพื่อใช้โกนศีรษะ -- พระส่วนมากใช้ด้ามยิลเลตต์รุ่นเก่า คู่กับใบมีดโกนตราขนนกของญี่ปุ่น (ตามรูปข้างล่าง)


    - [ผลิตภัณฑ์ซักผ้า จะเป็นผงซักฟอก หรือ น้ำยาซักผ้า ก็มีประโยชน์ทั้งสิ้น แม้กระทั่งน้ำยาปรับผ้านุ่ม ผ้าจะได้ไม่เก่าเร็วช่วยถนอมผ้า ถัง หรือ กาละมัง สำหรับซักผ้าจีวรพระ และ ไม้หนีบผ้า

    - เครื่องดื่มสมุนไพรพร้อมชง จำพวกขิงผง ชารางจืด มะตูม, นม UHT, น้ำผัก-น้ำผลไม้ 100 % , เครื่องดื่มผสมธัญพืช หรือจะเป็นเครื่องดื่มรสช็อกโกแลต ไมโลหรือโอวัลตินพร้อมดื่มก็ได้ ที่สำคัญอย่าลืมดูวันหมดอายุก่อนซื้อด้วย

    - ผ้าไตรจีวร และ ผ้าอาบน้ำฝน เลือกที่เนื้อหนาๆ หรืออาจเลือกซื้อเป็นสบง (ผ้านุ่ง) หรือจะเป็นอังสะก็ได้ เพราะพระท่านมักจะมีผ้าอาบน้ำฝนอยู่มากแล้ว จะขาดแคลนก็คือสบงและอังสะ ถ้าถวายให้สามเณรก็จัดเหมือนพระเช่นกัน -- อันนี้แนะนำที่ มูลนิธิ พระอาจารย์ มั่น ภูริทัตโต ซ.ยิ่งอำนวย(จรัญฯ37) ค่ะ เพราะจะคุณภาพดีกว่าที่อื่น


    - ถวายสังฆทานแม่ชี ก็เปลี่ยนจากผ้าเหลืองเป็นชุดแม่ชี ซึ่งหาซื้อได้จากวัดบวรนิเวศวิหาร, สถาบันแม่ชีไทย หรือร้านสังฆภัณฑ์ทั่วไป หากหาซื้อไม่ได้ก็เปลี่ยนเป็นผ้าขาวเนื้อดีตามร้านขนาด 2-4 เมตรแทน จากนั้นแม่ชีท่านจะนำไปตัดเย็บเป็นเสื้อ ผ้าถุง ผ้าครอง ตามสมควร

    - ซีดีธรรมะ หนังสือธรรมะ หนังสือเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม หนังสือเกี่ยวกับสุขภาพ หรือหนังสือความรู้ต่างๆ ที่คิดว่าพระสงฆ์ควรรับรู้เพื่อนำไปบอกกล่าวแก่ญาติโยมได้

    - ยาสมุนไพรต่างๆ รวมทั้งยาแผนปัจจุบัน เช่น พาราเซตามอล ยาแก้ปวดท้อง ท้องเสีย ยาลดกรด ในกระเพาะอาหาร แอลกอฮอล์ล้างแผล เบตาดีนสำหรับใส่แผลสด ยาบรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และยาทาเมื่อถูกแมลงสัตว์กัดต่อย ฯลฯ

    - เครื่องเขียน สมุด ปากกา ดินสอ รวมทั้ง ซองจดหมาย แสตมป์ เนื่องจากพระสมัยนี้ต้องเรียนพระปริยัติธรรม และจดกำหนดนัดหมายต่างๆ ช่วยจำ บางรูปท่านเป็นเหรัญญิกดูแลค่าใช้จ่าย ยิ่งต้องใช้มาก แต่ไม่ค่อยมีใครถวายเครื่องเขียนเหล่านี้ พระท่านจึงต้องไปเดินหาซื้อเองเสมอ หากเราถวายไป พระท่านจะได้ใช้อย่างแน่นอนค่ะ

    - ไฟฉาย ถ่านไฟฉาย ซึ่งวัดตามชนบทและวัดป่าสิ่งนี้ถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นมาก

    - จาน ชาม ช้อน ส้อม อาจสอบถามดูว่าวัดนั้นๆ ต้องการจำนวนมากหรือไม่ จะได้จัดเป็นชุดใหญ่ถวายเป็นของสงฆ์ เพื่อให้ชาวบ้านหยิบยืมได้ด้วยในงานบุญประเพณีต่างๆ รวมทั้งเครื่องมืองานช่าง เช่น ค้อน ตะปู ไขควง หรืองานเกษตร เช่น จอบ เสียม พลั่ว และอุปกรณ์งานทำความสะอาด เช่น ไม้กวาดอ่อน ไม้กวาดแข็ง ถังขยะ ที่ตักผง ฯลฯ

    - ร่ม สำหรับให้พระท่านได้ใช้ในช่วงฤดูฝน ควรหาซื้อสีที่เหมาะสม เช่น สีดำหรือสีน้ำตาล

    - บาตร ควรหาซื้อบาตรที่มีความหนาพอสมควร เวลาที่ญาติโยมใส่ข้าวสุกร้อนๆ ลงไป มือท่านจะได้ไม่พอง ที่สำคัญไม่ควรมีน้ำหนักมาก เพราะท่านต้องใช้เดินบิณฑบาตเป็นระยะทางไกล


    เทียนและหลอดไฟ เป็นอีกอย่างหนึ่งที่เป็นของนิยมในการถวาย เพราะในสมัยก่อนพระสงฆ์ที่อยู่จำพรรษาในวัดต่างจังหวัดต้องใช้เทียนเพื่อเป็นแสงสว่างในวัด แต่ในปัจจุบันวัดในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดส่วนใหญ่ก็เปลี่ยนมาใช้ไฟฟ้ากันแล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าหากเราจะเปลี่ยนมาถวายหลอดไฟนีออนกันบ้าง ราคาเทียนที่ถวายกันก็จะประมาณ 150-1,600 บาท แล้วแต่ว่ามีสลักลายหรือไม่มี ถ้าขนาดเดียวกันก็จะต่างกันประมาณ 100 บาท

    - ของอื่นๆ ที่มักนิยมใส่ก็มี กระดาษชำระ ข้าวสาร หัวหอม กระเทียม น้ำมันพืช น้ำตาล เกลือ น้ำปลา ฯลฯ ที่จัดว่าเป็นของแห้งเก็บไว้ได้นาน ของเหล่านี้ถ้าพระท่านใช้ไม่ทัน ท่านก็มักจะเก็บรวบรวมนำไปบริจาคต่างจังหวัดอีกที นับเป็นวงจรบุญไม่มีที่สิ้นสุด

    จัดเรียงข้าวของที่ซื้อมาลงในภาชนะซักผ้าที่ซื้อมาต่างหาก อาจจะเป็นถังหรือกะละมังก็ได้ แล้วนำไปถวายได้ทันที



    ๏ ข้าวของบางอย่างที่ไม่ควรถวาย

    - บุหรี่ กาแฟ สิ่งเสพติด เครื่องดื่มชูกำลังทุกประเภท

    - ผลิตภัณฑ์อาหารที่บรรจุด้วยโฟม เพื่อหลีกเลี่ยงมลพิษทางสิ่งแวดล้อม

    - อาหารกระป๋อง ผลไม้กระป๋อง เพราะเป็นอาหารที่มีสารกันบูด สารเคมี ไม่ส่งผลดีต่อสุขภาพ ใส่เป็นผลไม้สดจะดีกว่า ถ้าในวัดมีครัวอาจซื้อผักสดเข้าครัวก็ได้

    - ใบชาคุณภาพต่ำ พระไม่ค่อยได้ชงฉัน ควรเปลี่ยนเป็นเครื่องดื่มสมุนไพร ให้ประโยชน์กับสุขภาพมากกว่า

    - กล่องสบู่ ปกติพระท่านมีอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องซื้อถวายอีก

    - บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อาหารบิณฑบาตในตอนเช้าเป็นอาหารสด และมีคุณค่ากว่า ไม่ควรส่งเสริมให้ท่านฉันอาหารที่มีคุณค่าน้อย

    - น้ำอัดลมหรือน้ำที่ผ่านการปรุงแต่งกลิ่นและสี เช่น น้ำส้ม น้ำองุ่นที่แต่งกลิ่นและสี




    ลำดับพิธี

    - จุดเทียนธูปบูชาพระรัตนตรัย แล้วกราบ ๓ ครั้ง
    - อาราธนาศีล และรับศีล
    - ว่าบท นะโม ๓ จบ แล้วกล่าวคำถวายสังฆทาน
    - ประเคนเครื่องสังฆทาน
    - พระสงฆ์อนุโมทนา เจ้าภาพกรวดน้ำ
    - กราบ ๓ ครั้ง เป็นเสร็จพิธี



    คำถวายสังฆทาน ( สามัญ )

    อิมานิ มะยัง ภันเต ภัตตานิ สะปะริวารานิ ภิกขุสังฆัสสะ โอโณชะยามะ สาธุโน ภันเต ภิกขุสังโฆ
    อิมานิ ภัตตานิ สะปะริวารานิ ปะฏิคคัณหาตุ อัมหากัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ
    (ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลายขอน้อมถวายซึ่งภัตตาหารกับของที่เป็นบริวาร ทั้งหลายเหล่านี้แด่พระสงฆ์ ขอพระสงฆ์จงรับซึ่งภัตตาหารกับของที่เป็นบริวารทั้งหลาย เหล่านี้เพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขแก่ข้าพเจ้าทั้งหลายสิ้นกาลนานเทอญ)( หลังเที่ยงให้เปลี่ยน ภัตตานิ เป็น ทานวัตถูนิ เปลี่ยน ภัตตาหาร เป็น ทานวัตถุ )


    ข้อมูล: จากหนังสือพุทธศาสตร์ "ศาสนพิธี" ปีที่ ๔๓ อันดับที่ ๑/๒๕๔๓ และ
    :: �ҹ����ѡ� :: :: ��ҹ - �Ѵ�ѧ��ҹ���ҧ����������ª��
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • feather.gif
      feather.gif
      ขนาดไฟล์:
      14.9 KB
      เปิดดู:
      17,925
    • razor.jpg
      razor.jpg
      ขนาดไฟล์:
      33.6 KB
      เปิดดู:
      397
  2. sss12

    sss12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2010
    โพสต์:
    288
    ค่าพลัง:
    +1,081
    สังฆทานที่มีอานิสงส์มากกว่าปกติ (โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ)

    สังฆทานที่จะได้อานิสงส์ครบนั้น หลวงพ่อท่านบอกว่า ควรมีพระพุทธรูปหน้าตักตั้งแต่ ๕ นิ้วขึ้นไป พร้อมปัจจัย ๔ ครบถ้วน และถ้าเราทำเป็นประจำอานิสงส์คือ "สวรรค์ชั้นนิมมานรดี" ความจริงสวรรค์ชั้นนี้เป็นที่อยู่ของท่านมีทรงสมบัติและได้อภิญญา แต่ไม่ได้เข้าฌานตาย

    --ตัวอย่างบางตอนที่หลวงพ่อท่านเล่าไว้ใน หนังสือธรรมปฏิบัติเล่ม ๑๐ หน้า ๔๔-๔๘ ขอคัดบางตอนที่ตรงประเด็นดังนี้--

    ...ก็เป็นอันว่าบรรดาท่านพุทธบริษัททำบุญวันนี้ ๒ อย่าง ใช้ทั้งข้าวสุก และข้าวสาร คนที่ใส่บาตรข้าวสารระวังให้ดีนะตายไปท้องขึ้นนะ แต่ความจริงเขามีผล ข้าวสารใช้วันหลังได้ใช่ไหม

    แต่ว่าบุญใส่บาตรข้าวสุกก็ดี ทำบุญใส่ข้าวสารก็ดี ด้วยปัจจัยเงินทองก็ตาม หรือดอกไม้จัดเป็นการบูชา ถือว่าเป็น พุทธบูชา คือบูชาพระพุทธเจ้าด้วย เป็น ธรรมะบูชา บูชาพระธรรมด้วย เป็น สังฆบูชา บูชาพระอริยสงฆ์ด้วย ถ้าจัดเป็นทานทุกส่วนที่ทานทำเป็นสังฆทานทั้งหมด

    และโดยเฉพาะอย่างยิ่งสังฆทานนี่บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายมีอานิสงส์มากเป็นกรณีพิเศษ องค์สมเด็จพระบรมโลกเชิษฐ์ตรัสว่า

    "การถวายทานกับพระองค์ ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่าสังฆทาน ๑ ครั้ง"

    เห็นไหม บรรดาญาติโยมพุทธบริษัททำบุญเมื่อวานก็ดี วันนี้ก็ดี เป็นการถวายสังฆทาน ถวายกับพระกลุ่มใหญ่ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการถวายสังฆทานนี่ทุกคนถ้าเวลาจะตาย จิตใจนึกถึงสังฆทานที่ท่านถวายแล้ว ถวายวันนี้ก็ตาม วันก่อนก็ตาม วันพระทุกวันพระที่ท่านมาใส่บาตรเป็นการถวายสังฆทานเหมือนกัน

    รวมความว่าสังฆทานนี่มีอานิสงส์ใหญ่ ถ้าตายจากความเป็นคน ที่อยู่ของคนถวายสังฆทานก็คือ ชั้นนิมมานรดี ชั้นที่ ๕ แต่ว่าส่วนใหญ่คนถวายสังฆทานไปเกิด "ชั้นดาวดึงส์" กันมาก เพราะอะไร เพราะว่าไม่รู้จักชั้นที่ ๕ จิตใจตั้งใจจะไปดาวดึงส์ก็ไปอยู่ดาวดึงส์ อย่างตัวอย่างมีอยู่ในพระไตรปิฏกมีอยู่ว่า

    ในสมัยสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระชนม์อยู่ เวลานั้นมีหญิง ๒ คน พี่สาวชอบถวายทานเฉพาะพระสงฆ์ที่เขาชอบ เขาชอบองค์ไหนก็ถวายองค์นั้น ก็ได้บุญใหญ่ โดยมากส่วนมากเวลานั้นมีพระอรหันต์ อานิสงส์สูง

    ทีนี้น้องสาวจะถวายทานบ้าง เจอะพระอรหันต์องค์หนึ่งท่านบอกว่า ถวายทานอาตมาน่ะดีอานิสงส์มาก เพราะอาตมาเป็นพระอรหันต์ แต่ว่าถึง แม้จะเป็นพระอรหันต์ก็ตาม การถวายทานมีอานิสงส์สู้ถวายสังฆทานไม่ได้ ขอให้โยมถวายเป็นสังฆทานเถอะ โยมคนนั้นก็ถวายเป็นสังฆทาน

    เมื่อตายแล้วต่างคนก็ต่างเข้าไปสู่สวรรค์ พี่สาวชอบถวายทานเป็นส่วนบุคคล เลยไปเกิดเป็นนางฟ้าบน สวรรค์ชั้นดาวดึงสเทวโลก น้องสาวไปเกิดบน ชั้นนิมมานรดี ชั้นที่ ๕ ก็มีรัศมีกายสว่างกว่า สวยกว่าพี่สาวมาก

    วันหนึ่งน้องสาวมาเยี่ยมพี่สาวที่ ชั้นดาวดึงส์ ยืนคุยกัน พระอินทร์ ก็มองดูคิดว่า นางฟ้าองค์นี้มาจากไหน สวยมาก แสงสว่างก็มาก เครื่องประดับตัวก็สวย เมื่อน้องสาวลากลับไปแล้ว พระอินทร์ก็เรียกพี่สาวมาหา

    ถามว่า "นางฟ้าที่มาคุยกับเธอเมื่อกี้มาจากไหน"

    เธอก็ตอบว่า "มาจากชั้นนิมมานรดี ชั้นที่ ๕ เขาเป็นน้องสาว"

    พระอินทร์ก็ถามว่า "ในสมัยที่เป็นมนุษย์ เธอชอบทำบุญอะไร จึงมีรูปร่างหน้าตาสวย เครื่องแต่งกายก็สวยมาก แสงสว่างก็สว่างมาก"

    เธอก็บอกว่า "น้องสาวชอบถวายสังฆทาน"

    นี่แหละบรรดาท่านพุทธบริษัท เฉพาะสังฆทานน่ะ ตายจากความเป็นคนไปเกิดชั้นที่ ๕ ของสวรรค์ ถ้ากลับมาเกิดเป็นคนเมื่อไหร่ องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาตรัสว่า

    "คนที่ถวายสังฆทานแล้วครั้งหนึ่งในชีวิต แม้แต่ครั้งเดียว ถวายด้วยศรัทธาแท้ ในสถานที่ใดที่เต็มไปด้วยความยากจนเข็ญใจมีความแร้นแค้น คนถวายสังฆทานแล้วจะไม่ไปเกิดที่นั่น ในดินแดนเต็มไปด้วยความร่ำรวยมีความสุข มีทั้งความอุดมสมบูรณ์ จะเกิดที่นั่น"


    เป็นอันว่า คนที่ถวายสังฆทาน บรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่าน วันนี้ท่านถวายสังฆทานกันแล้ว ผลที่จะพึงได้ก็คือ

    ๑. เกิดเป็นนางฟ้า หรือเทวดาชั้นที่ ๕

    ๒ ท่านเกิดใหม่กี่ชาติก็ตาม ยังไม่ถึงนิพพานเพียงใด คำว่ายากจนเข็ญใจจะไม่มีในท่าน

    ๓ ที่ทายกบอกว่า มะตะกะ ภัตตานิ การถวายวันนี้ถวายให้แก่คนตาย วันนี้พระยายมปล่อยคน ปล่อยเฉพาะคนที่รอการสอบสวน สัตว์นรกปล่อยไม่ได้นะ เปรต อสุรกาย ปล่อยไม่ได้ ปล่อยเฉพาะคนที่รอการสอบสวน คนที่ตายไปแล้วมีบุญน้อยพอสมควร มีบาปน้อย ไม่แน่ใจว่าจะไปสวรรค์นรก ก็ไปรอการสอบสวนก่อน แต่รอมากนับแสน แต่การรอของสัตว์พวกนี้ก็รอนานเพราะว่า ๕๐ ปีของเราเป็น ๑ วันในเขตของพระยายม

    ฉะนั้นวันนี้ปล่อยสัตว์ออกมา ขอบรรดาญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลายถ้วนหน้า หลังจากทำบุญจบแล้วให้ตั้งใจอุทิศส่วนกุศลให้แก่บุคคลทั้งหลายเหล่านั้น ที่ใช่ญาติไม่ใช่ญาติ ตั้งใจโดยเฉพาะนะ ถ้าญาติออกชื่อได้จะดีมาก ถ้าออกชื่อได้นี่เขาได้แน่นอน จะพ้นการสอบสวนไปสวรรค์ทันที

    สำหรับที่ไม่ใช่ญาติ หรือญาติออกชื่อไม่ได้ ก็นึกในใจก็แล้วกันว่า ญาติก็ดี ไม่ใช่ญาติก็ดี ที่มีความสุขก็ตาม มีความทุกข์ก็ตาม ขอให้โมทนาผลบุญที่เราทำในวันนี้ ถ้าเขามีโอกาสโมทนาได้ เขาจะมีความสุข ละจากสภาพจากความเป็นสัมภเวสีไปสวรรค์ทันที...


    --สรุป--

    หมายความว่า ปกติสังฆทานที่มีบุญมหาศาลอยู่แล้ว แต่ถ้าทำถูกจังหวะจะได้อานิสงส์ทวีคูณประมาณมิได้


    - เครื่องสังฆทานที่เหมาะสม และเป็นประโยชน์ (ทรัพย์ที่จะทำบริสุทธิ์)

    - ผู้ถวายมีจิตใจ แน่วแน่ บริสุทธิ์ และเบิกบาน ในอันที่จะนึกถึงประโยชน์ในเครื่องสังฆทานที่จำเป็นต่อพระสงฆ์ ทั้งก่อนให้ เวลาให้ และหลังให้

    - พระสงฆ์ (ผู้รับ) เป็นผู้ปฎิบัติชอบ ( ยิ่งหากผู้รับถวายสังฆทานเป็น พระอริยเจ้า ยิ่งเป็นพระอริยเจ้าระดับ พระอรหันต์ ยิ่งสมบูรณ์แบบมีอานิสงส์มหาศาล และยิ่งถ้าพระอรหันต์นั้นออกจากนิโรธสมาบัติใหม่ๆ ยิ่งมหาศาลเป็นทวีคูณประมาณมิได้)


    จากหนังสือ อุทิศส่วนกุศล โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ (พระราชพรหมยาน) วัดท่าซุง
    http://www.3a100.com/ArnisisongSangkatan.html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กันยายน 2010

แชร์หน้านี้

Loading...