หากโทสะที่เกิดนั้นไม่ได้ทำให้เกิดการละเมิดศีลข้อใดก็ไม่ต้องกังวลร้อนใจกับสิ่งที่จิตแสดงค่ะ การภาวนาเราไม่เน้นเพื่อจะเอาแต่ดีอย่างเดียว...
เมื่อวานก่อนหลวงลุงไป ก็พูดถึงเรื่องนี้กันกับแนน ว่าราคะ ที่ทำให้กายเบาจิตเบา เป็นปิติ เป็นกุศลนั้นมี กะว่ารอพี่มาแล้วจะชวนท่านคุยเรื่องนี้...
ถูกแล้วค่ะ ทำแบบไม่ต้องคาดหวัง เวลาภาวนามันจะรู้สึกผ่อนคลายกว่า อย่าไปคาดหวังว่าจะต้องได้เจอสภาวะอะไรหวือหวา...
ไม่ได้หมายความว่าไม่ให้สดับ ช่วงแรกหากจะสดับควรจะสดับแต่แก่นการปฏิบัติ จับแก่นแนวทางนั้นให้มั่นเพียงพอต่อการเดินทางแล้วค่ะ ในแนวทางที่ท่านสอน...
แนนว่า ยังไม่ต้องเสียเวลาอ่านหรอกค่ะ เราเข้าใจผ่านการปฏิบัติ จะดีที่สุด เมื่อปฏิบัติจนเข้าใจในความจริงระดับนึง มั่นใจในทางแล้วค่อยไปอ่านดีกว่า...
หมายถึงรู้สึกจิตมันดิ่งวูบลงมั้ยคะ น่าจะเพราะจิตกำลังจะรวม ที่นี้พอเวลาจิตมันสงบนิ่งมากๆ อาการทางกายก็จะแสดงออกมาด้วย ทั้งหัวใจที่เต้นช้าลง...
ถ้าเบาแบบจิตเป็นกุศล เหตุเพราะได้ช่วยเหลือผู้อื่นให้มีความสุข มีความยินดี อิ่มเอิบ ในสุขของผู้อื่น ในความเสียสละตนที่ได้ทำเพื่อผู้อื่น...
ดีแล้วค่ะ ที่สังเกตุเห็นการทำงานของมัน ความคิดเป็นอนัตตา มันจะแทรกเข้ามาเป็นระยะๆ มันเคยชินกับการวิ่งออกตามรู้ตามอายตนะ โดยเฉพาะมโนวิญญาน...
ยินดีเสมอค่ะ ตราบใดที่มีความเพียรไม่ลดละ วันพรุ่งนี้คุณอาจจะกลายเป็นผู้มาสอนธรรมดิฉันก็ได้ค่ะ
ไม่เป็นไรค่ะ ถ้ามันจะนึกขึ้นมา หรือโพล่งขึ้นมานั่นก็เพราะความคิดมันเป็นอนัตตา เราไปห้ามมันไม่ได้ ให้เห็นความแปรปรวนเกิดดับตรงนี้ไปด้วยเลย...
ถูกต้องเลยคะ ซื่อตรงต่อธรรมที่แสดงให้เห็นตรงหน้า อย่าเอาความคิดมาปรุงแทนความจริงที่ปรากฏ
ตรงพิจารณานี้ต้องระวัง ไม่ใช่การใช้ความคิดตรึก แต่เมื่อเราภาวนาจนเกิดอาการจิตเบาๆ เราก้อใช้จิตที่เบาๆนี้...
เอาตัวอย่างที่คุณปฏิบัตินะคะ ให้สังเกตุว่า ลมหายใจที่คุณกำหนดอยู่เห็นแค่ว่าเป็นลมหายใจอย่างเดียวหรือไม่ ถ้าใช่ แบบนี้คือ สมถะ แต่อีกแบบ...
สมถะก็เป็นเพียงวิธีทำ วิปัสสนาก้อเป็นวิธีทำ ในการทำสติปัฏฐาน มัน all in one อยุ่แล้ว เมื่อกำหนดรู้อยุ่จิตมันจะเป็นเหตุให้เกิด สติ สมาธิ ปัญญา...
ตัณหาแบ่งออกเป็น 3 อย่าง 1 กามตัณหา คือ ความอยากหรือไม่อยาก ใน สัมผัสทั้ง 5 2 ภวตัณหา คือ ความอยากทางจิตใจ เมื่อได้สิ่งนั้นมาแล้ว...
ธรรมแท้ แสดงให้เห็นทุกวินาทีโต้งๆจะจะ กระแทกหน้าอยู่โป๊ะๆ ยังจะไปตามหากันทำไม ถามหากันทำไม เวิ่นเว้อกันไม่จบ และมันใกล้แค่ปลายจมูก...
ป๊อดด
ไม่กลัว ถ้าแน่จิง ถามตอนนั้นจะเลี่ยงทำไม หลบทำไมล่ะ วัดกันไปเลยดิ
งั้นไม่พูดละ พูดไปเด่วก็หาว่าเราเป็นทวินบีไรอีก มีแต่นายล่ะหมูที่หลอนตัวเอง
[ATTACH]
ใช่ค่ะถ้าออกมาแนวนี้น่าจะคุยไม่รู้เรื่องแน่ๆ ขอบอกว่าสติปัฏฐานสูตรที่พระพุทธเจ้าสอนไว้ มันสมบูรณ์แบบดีที่สุดแล้ว มัน All in one ได้ทั้งหมด...
ไม่ได้บอกว่าผิด ที่เลือกกรรมฐานกองไหนมาใช้ เพียงแต่จะบอกว่า สุดท้ายแล้วทุกกองกรรมฐาน จะมาที่จุดเดี่ยวกันหมด ไม่แตกต่าง...
สติปัฏฐาน ไม่ได้กำหนดเอาไว้ว่าใช้ได้เฉพาะ เมื่อกายเคลือนไหวนะคะ แม้ร่างกายหยุดนิ่ง นอนอยู่ นั่งอยู่ สติสามารถกำหนดลงได้ ในทุกฐานของกายใจเสมอ...
ถ้าตามคลอเคลียแสง ตามภาพนิมิตไป มันจะไม่มีจุดสิ้นสุด แต่จุดสุดท้ายที่จะต้องไปถึง ไม่ว่าจะฝึกด้านไหนมาก็ตาม คือการกำหนดรู้ตัวเอง...
อาฮะ แพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่ม เพราะหลงเชื่อในวังวนความคิดตัวเอง
จิตส่งออกนอก คราวนี้มันก็จะพาเห็นไปเรื่อยเปื่อยสนุกเหาะ สิ่งที่ควรเห็นให้ทั่วเห็นให้ละเอียดคือกายเราจิตเรา...
[MEDIA] ลองแปะซิ
แหม หมูก็คนพังจิตเหอะ คิดว่าตัวเองแปลกมั้ยล่ะ ฮึ? แต่แนนว่าตัวเอง ปกติสุดละ อิอิ
ห้องนี้โพสเพลงได้ไม่โดนแบนหรอ??
ความยินดียินร้ายที่เกิดขึ้นในจิตคือตัณหาทั้งหมดค่ะ มีกามตัณหา ความติดใจ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ภวตัณหา ความพอใจ ความอยากได้ ความชอบ ของจิต...
แยกชื่อด้วยเครื่องหมายจุลภาค เช่น พลังจิต, พุทธศาสนา