ถ้าอยู่กรุงเทพก็ลองไปฝึกมโนมยิทธิที่บ้านสายลมครับ ระหว่างนี้เข้าสมาธิยาวๆ ฝึกความต่อเนื่องของกำลัง อย่าอ่านคนอื่นสปอยก่อนไปฝึกเลย
ถ้ายังมีกิเลสปรุงแต่ง ดี ชั่ว ย่อมมีผลวิบากกรรมตามความจริง ทำดี ได้ดี ทำชั่วก็ได้ชั่ว ตามที่เป็นจริงๆ ทำชั่วก็เป็นเหตุให้เกิดทุกข์จริงๆ...
ธรรมใดที่มี อริยมรรคมีองค์ 8 เป็นวิถีทางพัฒนาจิต สู่การพ้นจากกิเลส อธิบายเพิ่มเติมว่า เป็นคนสีขาวสว่างจ้า มีศีลสมบูรณ์ มีสมาธิยิ่งยวด...
ก็เข้าสมาธิทรงอารมณ์ฌานเนื่องๆเวลาว่างเว้นการงาน ก็เข้าอัปปนาสมาธิไปเลยครับ กำลังสมาธิมีเสื่อมครับ ทำงานหนักๆเหนื่อยๆ ถ้าเราหลุดนั่นคือเสื่อม...
เวลาทำงานสมาธิอยู่กับงาน เวลาขับรถสมาธิอยู่กับรถสิครับ เกิดเข้าฌานลึกไปแหกโค้งนะครับ เมื่อจิตมีกำลังสมาธิดี คนขับรถเสียมารยาทใส่เราเรา...
ถ้านั่งสมาธิวันละชม.จิตมีกำลังฌาน อารมณ์แบบซึมเศร้าไม่เกิดนะครับ จะแจ่มใส ถ้ากลัวก็คือ ไม่มีศีลครับ คิดมากฟุ้งซ่านไปใหญ่ มีศีลคือปิดอบายภูมิ...
จะเห็นอะไรได้ชัดเจนต้องมีกำลังสติ เห็นสภาวะต่างๆ มีโกรธไหม มีใจไหวสั่นไหม มีอยากได้ไหม กลัวไหม ไรนี้ครับ
กลัวก็เป็นตัวหลงตัวนึง ความสะดุ้งกลัวเพราะศีลไม่สมบูรณ์ ต้องรักษาศีลปิดอบายภูมิให้ใจเป็นปกตินะครับ
นั่งสมาธิเลือดลมไม่ไหลเวียน เต้นแอโรบิคบ้างไรบ้างหาของกินดีๆ ผ่อนคลายบ้างครับ ปวดบ่านี่เครียดการเงิน ธุรกิจ มันจะเกร็งตัวเองไม่รู้ตัวครับ...
หาห้องอากาศสบายๆผ่อนคลาย นั่งหลังตรง หายใจเข้ารู้ หายใจออกรู้จับความรู้สึกลมกระทบที่ปลายจมูก...
ถ้าจิตเป็นกุศลก็ไปเสวยบุญก่อน ไปอยู่สุขคติภูมิ ถ้าชะแว้บอกุศลก่อน ก็ไปเสวยบาปกรรมก่อนทุขคติภูมิ หมดกรรมชั่วค่อยไปเสวยสุขคติภูมิ...
ล้วนแต่สรรพสัตว์ไม่เหงจะมีใครวิเศษเลยทางกายภาพ กิน ขี้ อี้ นอน ถ้าจะนับว่าวิเศษกว่าก็ต้องผู้ขัดเกลาจิตใจ...
ทางนึงเพ่งกลางหน้าผากให้ตึงไว้ตลอดแล้ว ตึงต่อเนื่อง..นี่ก็ได้เรื่อง ได้สติ อีกทางเค้านั่งสบายผ่อนคลายชิวๆตามรู้ลมก็สงบได้ ได้สติ...
เรื่องนี้ก็แปลกดีครับ นอกจากกิเลสทั่วๆไป ครั้งนึงเคยบวชในศีล เมื่อฆราวาสเราก็สงัดจากกามนานนักไม่ได้ยินดีเลย พอได้สวมจีวรหน่อยคึกคักซู่ซ่าเชียว...
เครียดตรงอยากไม่อยากนี่แหละครับ จะรีบไปนิพพาน เครียดจุง สมมติอยากไปสนามหลวงนั่งสาย70จากประชาชื่นไปด้วยเหตุ รถติดบ้างไรบ้าง...
บทสวดเย็นที่ว่าเห็นกายในกายอยู่เป็นประจำ กาย = อทิสมานกาย เพ่งเลยเปิดตาใน นั่งสมาธิบ่อยๆ อทิสมานกายเป็นเป็นพรหมเลยนะ ลองๆ:cool: เวลาทำดี...
เรากำลังใจไม่พอเราก็หาเพิ่ม บารมีไม่พอเราก็บำเพ็ญเพิ่ม วางใจว่าชั่วเราไม่เอา ทำแต่ดีที่ถูก ไปทางที่ถูกมันก็ถึงสักวัน...
ฌานโลกีย์ก็มีเสื่อมตามธรรมดา ถ้าเป็นโลกุตตระก็จะไม่เสื่อมละ ทีนี้กายสบายไม่เหน็ดเหนื่อยเกินไป สำรวม ไม่โลดโผน การงานไม่ครั้งค้าง...
ดูสิ่งที่เกิดขึ้นกับใจ มันจะต่างไปจากเดิมมาก อุปทานบางอย่างเข้าไม่ถึงใจได้อีกแล้วแล้วก็รู้ ที่ยังเข้าถึงก็รู้ เช่นเราก็ดูเรายังเสียดายไหม...
ศีลจะบริบูรณ์ต้องขยาดกลัวภพชาติ เห็นทุกข์ เห็นภัยในวัฎฎะสังสารกันจริงๆ ปัญญาก็ต้องเห็นความไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตนควบคุมไม่ได้ส่วนนึงแล้ว...
สังฆานุสติ เทวานุสติ จิตสงบรวมเป็นฌาณ อ่านเรื่องอนุสสติ10 บางทีทำบุญ ทำความดี ทำหน้าที่ของตนให้สมบูรณ์ดีก็ปิติเกิดครับ...
ตอบดีๆกันทุกท่านเลยครับน่าจะได้ไอเดีย บางทีเรานิ่งๆว่างๆได้ยินแปลกๆ คำด่า สั่งโดดตึก สั่งกินของดิบ สั่งตาย สั่งหยุดหายใจ อะไรแปลกๆ...
ลองมรณานุสติกับอสุภะ อ่านหลักวิธีการติดไปด้วยครับ มรณานุสสติกรรมฐาน คือนึกถึงความตายเป็นอารมณ์ วันหนึ่งพระองค์ตรัสถามพระอานนท์ว่า อานันทะ...
พิจารณาว่ายังทำชั่ว ผิดศีลได้อยู่ไหม
ทุกสิ่งล้วนอุปทานจิต การที่เห็นโน้น เห็นนี่ถ้าไม่เห็นเป็นไตรลักษณ์ก็จะเพลิน ก็จะหลง ก็จะมานะถือตัว...
การเพ่งเล็งสงสัยผู้อื่นก็เป็นสิทธิ์ที่จะสงสัยได้เป็นธรรมดาผู้ยังมีกิเลส แต่บัณฑิตพึงพิจารณาว่าประโยชน์ที่สงสัยเค้ามีมั๊ย...
เวลาที่เรามีบุญมาก อยู่ในฝ่ายกุศลมาก ความทุกข์มีแก่เรามิได้เลย เช่น ทันทีที่เราหิว เราป่วย เราก็ได้รับการรักษาร่างกายธาตุขันธ์อย่างดี...
ความพลัดพรากยังไม่บังเกิด ยังไม่ละสังขารหากช่วยได้ ก็ช่วยกัันไปครับ ปิติตื้นตันนะครับช่วยเพื่อนร่วมทุกข์เกิดแก่เจ็บตายหน่ะครับ ลองให้ทาน...
หากหาความสงบ หาสติไม่เจอ ->คุณพึงพิจารณาการใช้ชีวิต ให้มีศีล มีคุณธรรม มีความสำรวมกาย วาจา ใจ ศีลปกติ จิตใจก็มีสงบเป็นปกติ -> หากสติไม่ตั้งมั่น...
เอลนิญโญ่โลกร้อนขนาดนี้ทุกข์ในขันธ์5มากมาย ถ้ารู้วิธีรีบรรลุดีกว่าครับความพลัดพรากสูญเสีย ทุกข์ทรมานใจขาดครับ เมื่อยังทุกข์ไม่มา เตรียมพร้อมไว้...
แยกชื่อด้วยเครื่องหมายจุลภาค เช่น พลังจิต, พุทธศาสนา