รู้แสง รู้ขอบ ปัญญาจิตรู้ ทั้งหมดหาย Amen รู้อย่างเดียวไม่ปรุงต่อ ภาวนาเรื่อยเข้า ปัญญายิ่งคมกล้า วางจิตถูก เพียรได้ ทุกอย่างหาย ไม่เหลือแม้แต่อะไร
ขอบคุณมากครับ น้องท่าน
แค่เห็นแสง เฉยกับแสง อนิจจังนะ วางหมด
ขอบคุณขอรับ พระคุณเจ้า ขอเปลี่ยนจาก ขุ่นเป็นแสง เพราะไม่ได้สนใจนิมิตเลย ตั้งแต่นิมิตจิตกลมแสงจ้าพระอาทิตย์ มีขอบดับไป
พระคุณเจ้ามีเบอร์โทรศัพท์ติดต่อไหมขอรับ หากมีคนอื่นปรามาส มิดีแน่ ขอรับ พระคุณเจ้าถาม กระผมจึงขอตอบว่า จิตตอนนี้ ขอบและภาพของจิตหาย ไปครับ...
นมัสการพระคุณเจ้า พระคุณากร ขอรับ
นมัสการพระคุณเจ้า ขอรับ กระผมยังมิเคยเห็นจิตมันดับสนิทตลอดเลยครับ พระคุณเจ้า
กราบนมัสการพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสงฆ์เจ้า หลวงตาม้า หลวงปู่ดู่ หลวงปู่ทวด วันนี้ ลูกเพิ่งกลับจากการกราบแม่พิมพา ทองเกลา นั่งสมาธิครึ่งวัน...
ขอให้เรียนธรรมมะของพระพุทธเจ้าอย่างเมามันส์นะครับ จิตลูกเดียว อย่างเดียว สาธุ อนุโมทนามิ
วันนี้ไม่นั่งแล้ว เพราะนั่งมาแล้ว <- ผิดนะ เป็นปรุงแต่ง
วันนี้เราไม่นั่งสมาธิแล้ว เพราะว่าวันนี้เราได้นั่งสมาธิมาแล้ว <-- ผิดนะ เป็นปรุงแต่ง
อาจารย์ของพี่ท่านเคยสอนนักภาวนาว่า อย่านั่งสมาธิ อย่างซื่อบื้อ ซื่อบื้อนะ ให้พิจารณากิเลสที่เกิดขึ้นกับจิตให้ทัน กิเลสที่ยังเหลืออยู่...
สวัสดีครับ น้องท่าน ศุภกร_ไชยนา ทุกข์พอทนอยู่ได้รึ <-- คำทักทายของนักภาวนาระดับสูงรุ่นเก่า เหลือบดูลายเซ็นของน้องท่าน ของดีนะไม่เสื่อม...
อย่านั่งสมาธิ อย่างซื่อบื้อ ซื่อบื้อ นะ ต้องพิจารณากิเลสที่เกิดขึ้นกับจิตให้ทัน ยังเหลือกิเลสตัวไหนอยู่ เรื่องหมู ๆ นะ ใช่ไหม
ลูกขอกราบ นมัสการ อาจารย์ปู่ ก.เขาสวนหลวง เหนือเศียรเหนือเกล้า และขอนำคำสอนของอาจารย์ปู่มาสู่กระทู้ของหม่อมฉัน กระทู้นี้...
กราบท่าน อาจารย์ ขอรับ ศิษย์มากราบอาจารย์ครับ หยาบคาย ก็คือ ปรุงแต่ง เอาที่พูดไปปฏิบัติสิ จะได้ไม่ปรุง ต้องตั้งใจจริงจังนะ จะได้ไม่คิด ว่า...
เรื่องนี้มันเกิดขึ้นเมื่อ วันที่ 23 เมษายน 2554 -> กรรมเก่า อย่าไปยึดมันซะนะครับ การยึดมั่นถือมั่นเป็นอุปาทาน เป็นทุกข์หนัก ๆ ถ้ากำลังจะตาย ณ....
อนุโมทนาบุญกับท่าน ดับกิเลสทั้ง5 ด้วยครับ
สบายดีนะน้องท่าน ไม่ได้เจอกันนาน ตอนนี้ พี่กับพระยาเดโชชัยมือศึก ย้ายมาทำงานที่เดียวกันแล้ว พระยา ทำงานอยู่ชั่น 10 พี่อยู่ชั้น 9...
ไม่ต้องตั้งสัจจะก็ได้ จะเป็นกรงขังตัวเองให้ทุกข์ในคราวหน้า ให้ทุกข์นั่นเอง ใช้ปวารณาก็ได้ ตั้งใจจริง ๆ ถ้าไม่ตั้งใจจริง มารร้ายจะกระทืบซ้ำ...
ไปยึด ทั้ง ๆ ที่ไม่มี ไม่ควรต้องเข้าไปยึด ก็คือสีลลัพตปรามาส อันเป็นสังโยชน์ที่ผู้ปฏิบัติวิปัสสนาวางมันไม่หมดนั่นเอง ไม่ต้องอ่านตำราก็เจอปัญญา...
ฝึกอย่างเดียว เราไม่เอา เราไม่อยาก ง่ายมาก กลางให้ได้ (มัชฌิมาปฏิปทา) ภาวะที่เป็นสูญญตาเกิดอยู่แล้ว พิจารณาไปเลย ฝึกๆๆๆ ฝึกๆๆๆๆ...
ครูบาอาจารย์จึงเมตตาสอนต่อว่า เวทนา (สุข ทุกข์ ๆลๆ ความภาคภูมิใจต่าง ๆ เช่นคนที่ติดในอุปมาอุปไมย) คือ สิ่งที่ยังไม่ใช่ของจริง ติดไม่ได้...
เพื่อเข้าสู่ภาวะ แห่งการเจริญสติ พิจารณามันจนอยู่เหนือสุข ทุกข์ เวทนาทั้งปวง อยู่เหนือเวทนาให้ได้ โดยอัตโนมัติ บางครั้งก็ยังดี...
ธรรมของพระพุทธเจ้าง่าย ๆ ครับ มีเหตุมีผลจริง ๆ ต้องฝึกจริง ๆ ต้องพิจารณาจริง ๆเห็นเลย ทำไมความสุขถึงเกิด ติดอยู่ในเวทนา มันติดข้องอะไรอยู่จึงสุข...
เวทนา ทั้งความสุข ความทุกข์ ความไม่ทุกข์ไม่สุข แต่พวกเรานั้น ได้รู้ตามความเป็นจริง(วิปัสสนา)หรือไม่ว่า เราสุขอยู่ เราทุกข์อยู่...
ตั้งใจจริง ๆ เทวดามาช่วยให้กำลังใจ ไม่เห็นไม่เป็นไร ไม่ต้องตั้งสัจจะก็ได้ จะเป็นกรงขังตัวเองให้ทุกข์ในคราวหน้า ให้ทุกข์นั่นเอง ใช้ปวารณาก็ได้...
ถ้ายังยึดแม้แต่เส้นทางการปฏิบัติธรรมต่าง ๆ ไปยึด ทั้ง ๆ ที่ไม่มี ไม่ควรต้องเข้าไปยึด ก็คือสีลลัพตปรามาส...
ไม่สุข ไม่ทุกข์ ต้องเป็นกลางให้ได้ พิจารณาไปเรื่อย ๆ จะเป็นปัญญา ไม่ใช่ตำรา ฝึกอย่างเดียว เราไม่เอา เราไม่อยาก ง่ายมาก กลางให้ได้ (มัชฌิมาปฏิปทา)...
เมื่อเห็นโดยไม่มีรูปแล้ว เราจะได้พิจารณามันต่อไป ใช้จิตนี่ล่ะครับให้เป็นประโยชน์ ครูบาอาจารย์จึงเมตตาสอนต่อว่า เวทนา (สุข ทุกข์ ๆลๆ...
แยกชื่อด้วยเครื่องหมายจุลภาค เช่น พลังจิต, พุทธศาสนา