สิ่งที่ย้อนไม่ได้คือ...เวลา สิ่งที่หนีไม่ได้คือ.....ความตาย สิ่งที่ซื้อไม่ได้คือ.....ชีวิต สิ่งที่มองไม่เห็นคือ...ใจคน สิ่งที่ต้องอดทนคือ....ใจตัวเอง
"ทำกรรมดีแล้ว ใจจักไม่ร้อน เพราะไม่ต้องวิตกกังวล ว่าจะได้รับผลไม่ดีต่างๆ ความไม่ต้องหวาดวิตก หรือกังวลไปต่างๆ นั้น นั่นแหละเป็นความเย็น เป็นความสงบของใจ เรียกได้ว่า เป็นผลดีที่เกิดจากกรรมดี ... ซึ่งจะเกิดขึ้นทันตา ทันใจทุกครั้งไป เป็นการทำดีที่ได้ดี อย่างบริสุทธิ์แท้จริง" สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
...แม้แต่สัตว์เดรัจฉาน ท่านก็ไม่ให้ดูถูกเขา... ...เวลานี้เขาเสวยกรรม อยู่ในวาระกรรมของเขา... เวลาพ้นแล้ว... เขาสูงกว่าเราก็ได้... (เทศนาธรรม หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน จากหนังสือ หยดน้ำบนใบบัว)
หลวงปู่ครับ...หลวงปู่ไม่ซื้อปลา ซื้อนก ซื้อเต่า ไปปล่อยบ้างหรือครับ "ไม่หลอกโยม..อาตมาไม่ได้ทำบาป ไม่ได้ไปจับ ไม่ได้ไปขังมันไว้ โยมนั่นแหละที่จะต้องไปปล่อย เพราะโยมเป็นคนทำบาป เป็นคนจับ เป็นคนขังมันไว้ โยมต้องไถ่บาปด้วยตัวโยมเอง ไม่ใช่ให้คนอื่นมาไถ่บาปให้"
หน้าสวย ตาสวย ยิ้มสวย รูปร่างสวย ลายมือสวย แต่ใจไม่สวย จะต่างอะไรจากกล่องของขวัญสวยที่ห่อระเบิดเวลาไว้ หน้าธรรมดา ตาธรรมดา ยิ้มธรรมดา รูปร่างธรรมดา ลายมือธรรมดา แต่ใจงามเกินรูปร่างหน้าตา คงไม่ต่างจากเทียนธรรมดาที่ส่องสว่างกลางความมืดได้ไม่แพ้เทียนพิเศษ
ยามกรรมดีเข้ามาหา.....อย่าประมาท..? ยามลำบาก กรรมทุกข์มา... อย่าอ่อนไหว มีดวงขึ้น มีดวงตก....อย่าทกข์ใจ มีคราวดี มีคราวร้าย....อย่าอ่อนแอ สร้างกรรมดี เอาใว้ อย่าไปคิด ขอให้จิต ของเราดี ดีส่งผล สร้างกรรมดี ให้ถ้วนทั่ว ตัวของตน เดี๋ยวความดี ก็ส่งผล......"คนทำดี"
"ทุกข์" ใครๆ เขาก็มีกันทุกคน แต่เขาไม่เสียเวลามาพูดมาบ่นให้คนอื่นฟัง เขาเอาสติและปัญญามาพิจารณาว่าจะอยู่กับความทุกข์และขจัดมันได้อย่างไร...
ไม่มีปาฏิหาริย์อันใดจะอัศจรรย์เท่ากับการฝึกหัดอบรมพัฒนาตนเอง จากความเป็นปุถุชนไปสู่ความเป็นอริยชน ท่านสอนให้เราแต่ละคนต้องเพียรปฏิบัติเพื่อไปให้ถึง "หัวสะพาน" หรือทำให้ถึง "หนึ่งในสี่" คือ ความเป็นพระโสดาบัน จึงจะปลอดภัยแน่นอน โดยจะไม่กลับไปสู่อบายภูมิ และเที่ยงแท้ ว่าจะสามารถข้ามไปยังฝั่งแห่งพระนิพพาน อันเป็นที่สุดแห่งทุกข์ได้ หลวงปู่ดู่
งานพัฒนาตัวเองเป็นงานที่ต้องทำตลอดชีวิต จะหยุดพักไม่ได้ ไม่มีใครทำแล้วหรือทำเสร็จ ต้องทำเรื่อยๆไป เพราะเราอยู่กับความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา...
"พระพุทธเจ้าไม่สอนให้คนขี้เกียจ ไม่ว่าหน้าที่การงานการอาชีพอะไรทั้งนั้น ต้องเป็นคนขยันหมั่นเพียร ยิ่งเข้าสู่อรรถสู่ธรรมด้วยแล้ว ยิ่งเข้มแข็งยิ่งกว่าการทำงานทางโลก ไปไหนๆ ความขยันหมั่นเพียรเป็นของสำคัญ หมายถึงความขยันหมั่นเพียรในสิ่งที่ดีงามทั้งหลาย ไม่ให้ขยันในสิ่งที่ชั่ว" หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน
กายป่วย ใจอย่าป่วย เมื่อยังมีกำลังแข็งแรงดีอยู่ให้รีบเร่งปฏิบัติ แม้หมดกำลังแล้วก็ให้เร่งขวนขวาย เมื่อถึงเวลา พญามัจจุราชไม่เคยนำพาว่าแข็งแรงหรืออ่อนแอ ดังพุทธสุภาษิตว่า "อัชเชวะ กิจจะมาตัปปัง โก ชัญญา มะระณัง สุเว" ความพากเพียรปฏิบัติธรรมเป็นกิจที่ต้องทำวันนี้ ใครจะรู้ความตายแม้วันพรุ่งนี้"
“..ศีลนำความสุขมาให้ตราบเท่าชรา ศีลนำความสุขมาให้ตลอดชีวิต ศีลนำความสุขไปให้ตลอดและมีสุคติเป็นที่ไป สีเลน โภคสมฺปทา ผู้จักมั่งคั่งบริบูรณ์สมบูรณ์ ไม่อด ไม่อยาก ไม่ยากไม่จน ก็เพราะ เป็นผู้รักษาศีลให้สมบูรณ์บริบูรณ์นี้แล..”
คนทำดีย่อมสุขใจในโลกนี้ คนทำดีย่อมสุขใจในโลกหน้า คนทำดีย่อมสุขใจในโลกทั้งสอง เมื่อคิดว่าตนได้ทำแต่บุญกุศล ย่อมสุขใจ ตายไปเกิดในสุคติ ยิ่งสุขใจยิ่งขึ้น
ใหญ่โตมาเท่าใด สุดท้ายก็ไม่เกินโรง หาเงินได้มากมายเท่าใด สุดท้ายก็ไปอยู่กับผู้อื่น ดูแลตัวเองให้ดียังไง สุดท้ายร่างกายก็เสื่อมตาย รักกันมากมายยังไง สุดท้ายก็ต้องจากกัน แต่กรรมที่ได้กระทำลงไปจะหนียังไงก็หนีไม่พ้น...
ไว้เตือนตัวเอง เห็นจะจริง ^^ "เวลาปากดี ก็ไม่อยากสวดมนต์ เวลามือดี ก็ไม่อยากไหว้พระ เวลาร่างกายแข็งแรง ก็ไม่อยากปฎิบัติธรรม พอเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต ปากเบี้ยว แขนสั่น เดินไม่ไหว อยากไหว้พระสวดมนต์ ปฏิบัติธรรม เป็นไปไม่ได้ ทำบุญเจ็บๆ ก็ได้บุญเจ็บๆ" พระธรรมสิงหบุราจารย์(หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม)
"ชีวิต" ยังมี "พรุ่งนี้" เสมอ แต่..... "พรุ่งนี้" จะยังมี "ชีวิต" หรือไม่??!! โอกาสสำหรับชีวิตไม่ได้รอพรุ่งนี้เสมอไป ไม่มีของวิเศษใดที่จะติดตัวเราไปทุกภพทุกชาติ นอกจากบุญที่เราทำ