มีใครฝึกมโนยิทธิมานานแล้ว แต่ยังมืดตื้ดบ้างครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย winterball, 20 กุมภาพันธ์ 2008.

  1. อมตนคร

    อมตนคร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +299
    มโนยิทธิเนี่ยเหนือกว่า ทิพจักขุญานเพราะ สามารถไปถึงที่จริงได้
    แต่ไปได้ด้วยกายทิพย์ ทิพจักขุญานแค่มองเห็นแต่ไปไม่ได้
    ผมกะรู้แค่นี้ ได้อ่านจากคําสอนของหลวงพ่อลิงดํา
    ถ้าใครจะฝึกก็ควรจะฝึกกกรรมฐานจนได้ฌานสี่เสียก่อน
    เอากรรมฐานกองใดก็ได้
     
  2. Schmeichel

    Schmeichel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +350
    แรกๆเราฝึกก็มืดๆ แต่พอปฏิบัติตามคำสอนของหลวงพ่อไปเรื่อยๆ ก็ชัดเจนแจ่มใสดี ขอบอกว่าจุดสำคัญอยู่ที่การละขันธ์ 5 การตัดสินใจละขันธ์ 5 ถ้าเราไม่สนใจในขันธ์ 5 หรือในร่างกายของเรา เรารู้สึกว่าเราไม่ต้องการร่างกาย รู้สึกว่าร่างกายนี้ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในร่างกาย ร่างกายเป็นเพียงธาตุ ๔ หรือเป็นสิ่งที่สกปรก เราไม่ต้องการร่างกาย ถ้าหากว่าตัดสินใจได้อย่างนี้แล้วอารมณ์จิตของเราก็จะสะอาดพอ และที่สำคัญ ท่องคาถาของพ่อปู่พระอินทร์ด้วย ขอให้ท่านเมตตา "สหัสสะเนตโต เทวิญโท ทิพจักขุ วิโสทายิ" ท่องเข้าบ่อยๆก็จะช่วยให้เห็นภาพชัดเจนแจ่มใสได้บ้าง แต่จะให้ได้ตลอดต้องทรงความดีระดับพระอริยเจ้าด้วยจึงจะเห็นได้ชัดเจน ขอให้จำไว้ว่ามโนมยิทธินั้นเป็นเครื่องมือในการพิสูจน์คำสอนของพระพุทธเจ้าเท่านั้น อย่าหวังเห็นภพชาติหรือดูอนาคตให้ใครๆพร่ำเพรื่อ เพราะมันเป็นเรื่องที่เสียเวลาและจะทำให้เราพลอยเสื่อมความดีไปด้วยเท่านั้น
     
  3. phuttham

    phuttham เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +165
    ผมฝึกแล้วได้แต่แค่สงบเท่านั้นเองครับผม ยังไม่ถึงมโนมยิทธิ สาธุ..........
     
  4. pat3112

    pat3112 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    373
    ค่าพลัง:
    +2,904
    น่ายินดีครับ สมัยนี้คนนิยมความดีกันมาก
    มโนมยิทธิ ต้องมีทั้งสมถะและวิปัสนา ถ้ามีณานสูงก็จะรู้ได้กว้างขวางมากครับ ขอบเขตจะมากกว่า หลวงพ่อเคยบอกจะให้แจ่มใสจริงต้องขึ้นอยู่กับวิปัสนาณาน
    พิจารณาว่าเราต้องตาย ทรงศิล5ให้บริสุทธ์ เคารพพระรัตนตรัยโดยปราศจากความสงสัย ตายขอไปนิพพาน ต้องดูว่าใจเรายอมรับจริงไหมครับ หรือว่าเขากันไปเราก็ไปมั่ง ไปมันงั้นๆ อย่างนี้ยังไม่ยอมรับจริงครับ ลองพิจารณากันดูครับ ถ้ายอมรับกันจริงทรงภาพ(จำ)พระใสเป็นปกติ จากประสบการนี่ใสใสมากครับ หลงพ่อเคยกล่าวถ้าป่วยจริงมันก็อาจจะมืดบ้าง บางทีอาจะไม่ใสแต่ยังไงก็ต้องเข้าใจ เรื่องณานสมาบัติมันไม่ใช่เรามันไม่ใช่ของเราใช่ไหมครับ เอาผลมันดีกว่า
    เราปฎิบัติกันเพื่อสำรอกกิเลศเห็นตามความจริง โลกมันมีแต่ฉิบหายเป็นปกติ
    เราไม่เอาดีกว่าตายไปนิพพาน
    ผมก็แบบว่าวันนี้ไปเต็มกำลังได้ก็ไป อีกไม่ได้ก็ช่างมันชำระใจให้ใส(พิจารตัดร่างกาย)มีความสำคัญกว่า สู้็ๆครับ(y)
     
  5. sutthida

    sutthida เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    624
    ค่าพลัง:
    +3,388
    อย่าใช้ตาเพ่งสิจ๊ะ มโนมยิทธิ หลวงพ่อท่านก็สอนว่า แปลว่าฤทธิ์ทางใจนะ ผลของการปฎิบัติมีอยู่ แต่เราอาจจะยังปฎิบัติไม่ถูกนะจ๊ะ พี่เอ๋เองก็เห็นไม่ค่อยชัดหรอกจ๊ะ แต่พี่พยายามที่จะตัดความสงสัยให้ได้ ความสงสัยนี่แหล่ะที่ทำให้เราไปไม่ได้ ตัดไปตัดมาครึ่งกำลังก็ยังมืดตื๊อ วันดีคืนดีไม่คิดอะไรดันไปเต็มกำลังได้เฉยเลย เดี๋ยวนี้พี่เอ๋ก็ยังมือตื๊ออยู่จ้ะ ไม่ใช่หนูคนเดียวหรอกนะ ที่สำคัญอย่าลืมศีลนะ มโนจะชัดเจนแจ่มใส ก็ต้องอาศัยศีลเป็นพื้นฐาน แล้วก็ต้องมีศรัทธาแท้จริงในพระรัตนตรัย ตอนที่เราสมาทานพระกรรมฐาน เราบอกว่ายอมมอบกายถวายชีวิตเราต้องคิดแบบนั้นจริงๆนะจ๊ะ พยายามตัดร่างกายให้ได้ ร่างกายของเราเหมือนถุงผ้าแพรสวยงามที่ห่ออุจจาระอยู่ข้างใน ต่อให้เป็นผ้าแพรที่สวยงามขนาดไหน แต่ข้างในก็ประกอบไปด้วยสิ่งสกปรก ไม่สวยงาม แนะนำนิดนึงเวลานอน ลองภาวนา
    สัมปจิตฉามิ ดูนะจ๊ะ แนะนำได้เท่านี้ พี่เอ๋ปัญญาน้อยจ้ะ
     
  6. joezaaaa

    joezaaaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    330
    ค่าพลัง:
    +1,124
    [​IMG]
     
  7. 00000000

    00000000 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2007
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +161
    ความเห็นผม อย่าลืมว่าเรามีวิธีปฏิบัติกรรมฐานถึง 40 วิธี นะครับ ต้องถูกกับจริตด้วย ถึงจะไปได้เร็วนะครับ ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ไปได้ช้า สุดท้ายใช้องค์กสิณรวมกับภาวนา ไปได้เร็วครับ

    ทำความดีอย่าท้อและอย่าลังเลนะครับ เราต้องพิจารณาหาเหตุผล และศรัทธาอย่างถึงทีสุด ก่อนกรรมฐาน ละให้หมด มีสติตื่นตัว เหมือนนายพรานล่าสัตว์ สะอาด สว่าง สงบ จับอารมณ์ไว้เพียงอารมณ์เดียว ฝึกให้ชำนาญ สู้ๆครับ
     
  8. chanthawat_k

    chanthawat_k เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    955
    ค่าพลัง:
    +413
    กำลังเริ่มคับผมขอไปช้าอย่างเต่าแต่ขอให้ได้เถอะคับยอมคับ..
    หลังจากที่เราได้แล้วพ่อ แม่ พี่ น้องทุกผู้ทุกคนผมจะแนะนำให้ปฎิบัตหมด
    แต่ตอนนี้เราต้องทดลองทำให้ได้ก่อนลองผิดลองถูกถึงจะเป็นครูเขาได้...
    อนุโมทนาสาธุ..
     
  9. โพธิ์แก้ว

    โพธิ์แก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    362
    ค่าพลัง:
    +440
    อยู่ๆจะไปจับภาพพระหรือจับคำภาวนาเลยมันจะมีปัญหาคับ

    เพราะจิตปกติของเรามันวุ่นวายกับเรื่องโลกๆอยู่มาก

    ต้องลองวางจิตให้เป็นกลางก่อน ไม่นึกเรื่องอดีต ไม่นึกถึงอนาคต ไม่กังวละไร

    ให้จิตว่างจากการยึดติดและความฝุ้งซ่านในเรื่องนอกตัวก่อน

    แล้วหายใจเข้าออกช้าๆให้ผ่อนคลายก่อน แล้วถึงเริ่มจับภาพพระหรือ
    ดูลมหายใจหรืออย่างอื่นแล้วว่าจะฝึกอะไร

    ดังพุทธพจน์ที่ว่า
    "เธอทั้งหลายจงไปหาที่สงบระงับ ตามคูหา โคนไม้ เถื่อนถ้ำ (หมายถึงห้องพระที่บ้านก็ได้คับ) แล้วนั่งคู้บัลลัง ตั้งกายตรง ดำรงสติเฉพาะหน้า แล้วจึงพิจารณานิวรณ์ในจิต แล้วละตามละดับ"

    จากข้างบนจะเห็นว่าท่านให้เราดึงสติมาอยุ่กับตัวก่อน ละนิวรณ์ก่อนหรืออย่างน้อยให้เบาบางลง ถึงเริ่มทำกรรมฐานต่อไป

    ถ้าทำแบบนี้จะทำให้เจริญกรรมฐานได้ดีกว่า

    ส่วนเรื่องสว่างในจิตนั้น พอจิตเริ่มรวมตัว เกิดปรีติเมื่อไหร่ก็เห็นเองคับ
     
  10. nuttadet

    nuttadet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,892
    ค่าพลัง:
    +6,454
    ที่มืดเพราะคุณมัวใช้ตามองนะซิครับ ลองใช้จิตมองดูซิ ยกตัวอย่างนะ
    คุณจำหน้าพ่อแม่คุณได้ไหม ถ้าจำได้คุณคิดว่า ถ้าไม่เจอหน้าพ่อแม่นานๆ
    คุณจะยังจำหน้าตาท่านได้ไหม ถามว่าสมองจำได้หรือจิตจำได้ ฝึกนึกให้คล่องๆ พอจิตเริ่มชิน เริ่มมีความเป็นทิพปรากฏ จะค่อยๆ เห็นเองครับ
    แรกๆ จะคล้ายๆ เราจินตนาการ และเราจะไม่มั่นใจว่าเราคิดไปเองหรือเห็นจริงๆ
    แต่ให้ตัดตัวสงสัยทิ้งไปครับ มั่นใจในพระรัตนตรัย ซักวันคุณจะเห็นแจ่มใสขึ้น
    แน่นอน แต่ทางที่ดี หาครูสอนที่ดี เหมาะกับคุณด้วยนะครับ จะได้ไวขึ้น
     
  11. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,045
    ค่าพลัง:
    +17,915
    มโนมยิทธิ เป็น 1 ใน วิชชา 8 ก่อนฝึกสิ่งใดนั้น ลด ละ เลิก ให้อภัยและอุเบกขา ก่อนครับ... แล้วก็มาดูจิตตัวเราเองก่อนที่จะฝึกครับ

    ภูมิแห่งฤทธิ์ มีมูล16 ประการที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ จากหนังสือพระพุทธเจ้าสอนกรรมฐาน / คุณ ไชย ณ พล

    1.จิตไม่ฟุบลง ย่อมไม่หวั่นไหวเพราะความเกียจคร้าน
    2.จิตไม่ฟูขึ้น ย่อมไม่หวั่นไหวเพราะอุจธัจจะ
    3.จิตไม่ยินดี ย่อมไม่หวั่นไหวเพราะราคะ
    4.จิตไม่มุ่งร้าย ย่อมไม่หวั่นไหว เพราะพยาบาท
    5.จิตอันความคิดเห็นไม่อาศัย ย่อมไม่หวั่นไหวเพราะความคิดเห็น
    6.จิตไม่พัวพัน ย่อมไม่หวั่นไหวเพราะ ฉันทะราคะ
    7.จิตหลุดพ้น ย่อมไม่หวั่นไหวเพราะกามราคะ
    8.จิตไม่เกาะเกี่ยว ย่อมไม่หวั่นไหวเพราะกิเลส
    9.จิตปราสจากเครื่องครอบงำ ย่อมไม่หวั่นไหวเพราะถูกกิเลสครอบงำ
    10.เอกัคคตาจิต ย่อมไม่หวั่นไหวเพราะกิเลสต่างๆ
    11.จิตที่กำหนดด้วยศัทธา ย่อมไม่หวั่นไหวเพราะความเป็นผู้ไม่ศรัทธา
    12.จิตที่กำหนดด้วยวิริยะ ย่อมไม่หวั่นไหวเพราะความเกียจคร้าน
    13.จิตที่กำหนดด้วยสติ ย่อมไม่หวั่นไหวเพราะความประมาท
    14.จิตที่กำหนดด้วยสมาธิ ย่อมไม่หวั่นไหวเพราะ อุจธัจจะ
    15.จิตที่กำหนดด้วยปัญญา ย่อมมไหวั่นไหวเพราะอวิชชา
    16.จิตที่ถึงความสว่างไสว ย่อมมไหวั่นไหวเพราะความมืดอวิชชา
    ----------------------------------------------------
    จิตตานุปัสสนา จากหนังสือพระพุทธเจ้าสอนกรรมฐาน / โดยคุณ ไชย ณ พล

    เห็นจิตในจิตภายใน (ตน)
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อภิกษุพิจารณาเห็นจิตภายในเนืองๆอยู่เป็นอย่างไร

    - ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในศาสนานี้เมื่อจิตมีราคะ ก็รู้ชัดว่าจิตของเรามีราคะ หรือเมื่อจิตปราศจากราคะ ก็รู้ชัดว่า จิตของเราปราศจากราคะ

    - เมื่อจิตมีโทสะ ก็รู้ชัดว่าจิตของเรามีโทสะ หรือเมื่อจิตปราศจากโทสะ ก็รู้ชัดว่า จิตของเราปราศจากโทสะ

    - เมื่อจิตมีโมหะ ก็รู้ชัดว่าจิตของเรามีโมหะ หรือเมื่อจิตปราศจากโมหะ ก็รู้ชัดว่า จิตของเราปราศจากโมหะ

    - เมื่อจิตหดหู่ ก็รู้ชัดว่าจิตของเราหดหู่ หรือเมื่อจิตฟุ้งซ่าน ก็รู้ชัดว่า จิตของเราฟุ้งซ่าน

    - เมื่อจิตยิ่งใหญ่ ก็รู้ชัดว่าจิตของเรายิ่งใหญ่ หรือเมื่อจิตไม่ยิ่งใหญ่ ก็รู้ชัดว่า จิตของเราไม่ยิ่งใหญ่

    - เมื่อจิตมีขอบเขต ก็รู้ชัดว่าจิตของเรามีขอบเขต หรือเมื่อจิตไร้ขอบเขต ก็รู้ชัดว่า จิตของเราไร้ขอบเขต

    - เมื่อจิตตั้งมั่น ก็รู้ชัดว่าจิตของเราตั้งมั่น หรือเมื่อจิตไม่ตั้งมั่น ก็รู้ชัดว่า จิตของเราจิตไม่ตั้งมั่น

    - เมื่อจิตหลุดพ้น ก็รู้ชัดว่าจิตของเราหลุดพ้น หรือเมื่อจิตยังไม่หลุดพ้น ก็รู้ชัดว่า จิตของเรายังไม่หลุดพ้น

    - ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนั้น ย่อมเสพ เจริญ ทำให้มาก กำหนดด้วยดี ซึ่งนิมิตนั้น ภิกษุนั้น ครั้นเสพ เจริญ ทำให้มาก กำหนดด้วยดี ซึ่งนิมิตนั้นแล้ว ย่อมน้อมจิตเข้าไปในจิตภายนอก

    -----------------------------
    บุคคล 4 จำพวกที่อาจจะพบเห็นได้ / พุทธพจน์ที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ จากหนังสือปัญหาการปฏิบัติธรรม โดย ท่านอาจารย์ มุนี ชอบพนา ( พระในป่า )

    1.บุคคลบางคนได้เจโตสมถะในภายใน แต่ไม่ได้ธัมมวิปัสนาด้วยอธิปัญญา บุคคลนั้นควรดำรงอยู่ในเจโตสมถะในภายใน แล้วประกอบความเพียรในธัมมวิปัสสนาด้วยอธิปัญญา บุคคลนั้นพึงเข้าไปหาบุคคลผู้ได้อธิปัญญาธัมมวิปัสสนา แล้วถามว่า ท่านผู้มีอายุ เราเห็นสังขารกันอย่างไร ควรพิจารณาสังขารกันอย่างไร ควรเห็นแจ้งสังขารกันอย่างไร ดังนี้ผู้ถูกถามก็จะได้ชี้แจงแสดงตามที่ตนได้รู้แจ้งเห้นจริงในเรื่องนี้แก่บุคคลนั้นเพื่อนำไปปฏิบัติต่อไป

    2.บุคคลบางคนได้ธัมมวิปัสนาด้วยอธิปัญญา แต่ไม่ได้เจโตสมถะในภายใน บุคคลนั้นควรดำรงอยู่ในอธิปัญญาธัมมวิปัสนา แล้วประกอบความเพียรในเจโตสมถะในภายใน บุคคลนั้นพึงเข้าหาผู้ได้เจโตสมถะในภายในแล้วถามว่า ท่านผู้มีอายุ จิตเป็นสิ่งที่ควรดำรงไว้อย่างไร ควรถูกชักนำไปอย่างไร ควรทำให้จิตเป็นอารมณ์เดียวอย่างไร ควรทำให้ตั้งมั่งอย่างไร ดังนี้ท่านผู้ชำาญในเรื่องจิตก็จะได้อรรถาธิบายจนแจ่มแจ้งเพื่อให้เป็นแนวทางปฏิบัติต่อบุคคลนั้น

    3.บุคคลผู้ไม่ได้ทั้งเจโตสมถะและธัมมวิปัสสนา บุคคลนั้นเพื่อให้ได้กุศลธรรมทั้งสองนั้น พึงมีความขะมักเขม้น ความไม่ท้อถอย มีสติและสัมปชัญญะ บุคคลนั้นพึงเข้าไปหาบุคคลผู้ได้ทั้งเจโตสมถะในภายในและอธิปัญญาธัมมวิปัสนา แล้วถามตามข้อ 1 และข้อ 2

    4.บุคคลผู้ได้ทั้งเจโตสมถะและธัมมวิปัสสนา บุคคลนั้นควรดำรงอยุ่ในกุศลธรรมทั้งสองนั้น แล้วประกอบความเพียรเพื่อความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลายให้ยิ่งขึ้นไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 มีนาคม 2008
  12. น้องก้อ

    น้องก้อ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +6
    <TABLE id=HB_Mail_Container height="100%" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0 UNSELECTABLE="on"><TBODY><TR height="100%" UNSELECTABLE="on" width="100%"><TD id=HB_Focus_Element vAlign=top width="100%" background="" height=250 UNSELECTABLE="off">ขออนุโมทนาทุกๆความคิดเห็นคร้าบบบ
    </TD></TR><TR UNSELECTABLE="on" hb_tag="1"><TD style="FONT-SIZE: 1pt" height=1 UNSELECTABLE="on">
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  13. เด็กอนุบาล

    เด็กอนุบาล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    689
    ค่าพลัง:
    +4,156
    ถาม : ในการฝึกมโนมยิทธิบางครั้ง จิตขึ้นไปมืดมัวไม่สัมผัสอะไร จะทำอย่างไรดี ?
    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message --><TABLE border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=4 borderColorDark=#0000ff cellPadding=3 width=700 bgColor=#ffd700 borderColorLight=#000000 border=1><TBODY><TR bgColor=#00ffcc><TD align=left>ถาม : ในการฝึกมโนมยิทธิบางครั้ง จิตขึ้นไปมืดมัวไม่สัมผัสอะไร จะทำอย่างไรดี ? </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><TABLE cellSpacing=4 borderColorDark=#0000ff cellPadding=3 width=700 bgColor=#ffd700 borderColorLight=#000000 border=1><TBODY><TR bgColor=#00ffcc><TD align=left>ตอบ :
    ก็ต้องพิจารณาดูจิตของเราว่ามืดเพราะอะไร มืดเพราะศีลบกพร่องเราก็เข้าพระจุฬามณีไม่ได้ วิปัสสนาญาณมีกำลังไม่พอ คือ ยังเห็นว่าขันธ์ 5 เป็นของเรา ยังรัก ยังหลงในสมบัติของโลกอยู่ จิตยังไม่สะอาดสว่างพอ
    ศีล เป็นพื้นฐานของสมาธิ
    สมาธิ เป็นกำลังเดินทาง มืดหรือสว่างไม่ได้อยู่ที่สมาธิ
    วิปัสสนาญาณ เป็นคบเพลิงสำหรับส่องทาง
    การใช้กำลังอภิญญานี่ ความสว่างมากกว่าสว่างน้อยไม่สำคัญ สำคัญว่ากำลังจิตของเรา เข้าถึงจุดหมายปลายทางหรือไม่ แต่บางทีศีลดี สมาธิดี วิปัสสนาญาณดี แต่ร่างกายป่วยไม่ดี อันนี้ขึ้นไปจิตก็มืดได้เหมือนกัน
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  14. เด็กอนุบาล

    เด็กอนุบาล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    689
    ค่าพลัง:
    +4,156
    นำการวิปัสสนาที่ง่ายและสั้นที่สุดมาฝากครับ ลองพิจารณาตามแล้วมโนฯอาจจะแจ่มใสขึ้น ได้มาจากการที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยานท่านได้เคยกราบถามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    http://palungjit.org/showthread.php?t=120830

    ถาม คนที่ปฏิบัติเพื่อพระนิพพานจะใคร่ครวญอย่างไรจึงจะง่ายและสั้นที่สุด

    ตอบ ท่านตรัสว่า เจ้าจงใคร่ครวญอย่างนี้ จงคิดว่าเราเป็นผู้ไม่มีอะไรเลย ทรัพย์สินก็ไม่มี ญาติ เพื่อน ลูก หลาน เหลนก็ไม่มี แม้ร่างกายเราก็ไม่มี เพราะทุกอย่างที่กล่าวมามีสภาพพังหมด เราจะทำกิจที่ต้องทำตามหน้าที่ เมื่อสิ้นภาระคือร่างกายพังแล้ว เราจะไปพระนิพพาน เมื่อความป่วยไข้ปรากฏจงดีใจว่า ภาระที่เราจะมีโอกาสเข้าสู่พระนิพพานมาถึงแล้ว เราสิ้นทุกข์แล้ว คิดไว้อย่างนี้ทุกวัน จิตจะชินจะเห็น เหตุผล เมื่อจะตายอารมณ์จะสบายแล้วก็จะเข้านิพพาน
     
  15. Sirawicth_pe

    Sirawicth_pe สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +12
    <TABLE id=HB_Mail_Container height="100%" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0 UNSELECTABLE="on"><TBODY><TR height="100%" UNSELECTABLE="on" width="100%"><TD id=HB_Focus_Element vAlign=top width="100%" background="" height=250 UNSELECTABLE="off">ได้อ่านแล้วผมก็ขออนุโมทนาด้วยครับกับการปฎิบัติของแต่ละท่าน

    สำหรับผมเคยฝึกครั้งเดียวครับ แล้วไม่ได้ฝึกอีกเลย
    ก่อนผมฝึกผมจะนั่งอ่านหนังสือธรรมะครับ
    แล้วก็ทำใจให้ว่างไม่คิดอะไร ก็นั่งอ่านหนังสือ
    จากนั้นก็รอท่านอาจารย์โทรหา คือ ฝีกมโนยิธิครึ่งกำลังครับ ผ่านทางมือถือ
    แล้วก็เริ่มจากนำดอกไม้สามสี เทียนหนึ่งเล่มเงินเก้าบาทใส่ในจานบูชาพระรัตนตรัยครับ แล้วก็ไหว้พระสวดมนต์ สมาทานศีล กรรมฐานครับ
    แล้วก็นั่งสมาธิ ท่อง นะมะพะทะ ไปเรื่อยๆครับ แล้วก็พิจารณาขันธ์ห้าครับ
    อันนี้ประสบการณ์ครับ พอดีวันนั้นเป็นวันเข้าพรรษาครับ อาจารย์บอกว่าวันดี
    กำลังดี พออาจารย์เชิญพระพุทธเจ้ามา ตาผมก็นึกขอบารมีแหละครับ
    ท่านมาในร่างนักบวชครับ สง่างามมาก อาจารย์บอกให้เอาใจเห็น อย่าเอาตาเห็น ตอนแรกๆก็งงครับ ว่าระหว่างตากับใจใกล้ๆกัน ผมเลยพยายามดูใจอีกแปป ก็รู้ว่า เห็นทางใจคล้ายๆ กับนึกเป็นความรู้สึกแล้วรู้เองครับ ไม่ใช่มองเห็นเป็นภาพ อันนี้ผมพูดตามที่ผมเห็นอ่า แล้วก็ขอบารมีดู สวรรค์ครับ วันนี้ผมได้ไปแค่สองจุดคือ สวรรค์และพระนิพพาน ก็อย่างว่าแหละครับ เห็นทางใจ ผมฝึกเพื่อแก้ข้อสงสัยครับ

    ก็ไม่มีอะไรหรอกครับ แฮะๆ ที่พูดๆไปก็อยากบอกว่า ถ้าฝึกก็คงต้องตัดขันธ์ห้าอย่างหลายๆท่านบอกมานั้นแหละครับ

    แล้วกำหนดเห็นทางใจอันนี้ผมก็ยังงมๆ แต่ก็รู้แล้วครับ นรกสวรรค์มีจริงผมก็จะไม่ไปนรกอีกครับ ขอไปอยู่กับหลวงพ่อฤาษีลิงดำดีกว่าครับ แฮะๆ

    ขออนุโมทนาในการปฏิบัติจนถึงพระนิพพานด้วยเถิด สาธุ

    </TD></TR><TR UNSELECTABLE="on" hb_tag="1"><TD style="FONT-SIZE: 1pt" height=1 UNSELECTABLE="on">
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

     
  16. น้องหน่อยน่ารัก

    น้องหน่อยน่ารัก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,976
    ค่าพลัง:
    +4,975
    มีพี่คนหนึ่ง แกว่า แกฝึกแล้ว
    ไม่ไปตามที่ครูนำจิต ไปไหนต่อไหนไม่รู้
    คนละทิศคนละทางกะเขา



    แกเห็นผมก็จ้องแวบเข้ามา ผมรีบหลบทันที
    เพราะรู้สึกสัมผัสได้ว่าแกมีญาณรู้อะไรในตัวผมได้


    อิๆๆ รอดตัวไป เดี๋ยวจะเห็นข้างในใส้พุงผมหมด อุๆๆ
     
  17. Karz

    Karz Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2005
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +96
    ภาพที่เห็นในมโนมยิทธิอาศัยนิมิตในอุปจารสมาธิครับ

    ถ้าระดับสมาธิคุณยังไม่ถึงอุปจารสมาธิก่อนที่อาจารย์จะเข้าไปแนะนำ ยังไงก็มืดครับ เพราะนิมิตยังไม่สามารถเกิดขึ้นได้

    หากสมาธิคุณถึงระดับอุปจารสมาธิแล้ว แต่ขณะที่อาจารย์เข้าไปแนะนำแล้วคุณประคองระดับสมาธิไว้ไม่ได้ ก็มืดเหมือนกันครับ เพราะระดับสมาธิตกจนนิมิตเกิดขึ้นไม่ได้

    ดังนั้น core engine ของมโนมยิทธิคือนิมิตในอุปจารสมาธิครับ

    วิธีที่จะทำให้ระดับสมาธิคุณเข้าถึงอุปจารสมาธิ หลายๆคนก็ได้แนะนำไว้แล้ว เช่นรักษาศีลให้บริสุทธิ์ ฯลฯ

    ผมขอแนะนำให้คุณฝึกอานาปาฯจนถึงปฐมฌานให้คล่องซะก่อน เมื่อคล่องแล้ว คุณจะเข้าสมาธิได้เร็ว เพราะเวลาไปฝึกมโมฯ นั้น ช่วงเวลาก่อนที่อาจารย์จะเข้าไปแนะนำนั้นไม่นานมาก บางคนยังไม่ทันจะทำถึงอุปจารสมาธิเลย ดังนั้นไม่เกิดผล

    ขอให้มีความเพียรอย่างต่อเนื่องและบรรลุในความตั้งใจอันดีครับ
     
  18. Kawee_win

    Kawee_win เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2006
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +420
    ..........จับลมหายใจ
    หรือพุธโธ ก้อได้ เอาที่สบายใจ
    ก่อนอื่น ต้อง รักษาศีลเป็นพื้นฐานก่อน...เพราะ ศีลจะเป็นเครื่องคุ้มครองตนเอง
     
  19. ฮุโต๋

    ฮุโต๋ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    419
    ค่าพลัง:
    +44,568
    คุณทำอารมณ์สบาย ๆ ก่อนฝึกตั้งจิต อธิษฐานต่อพระผู้มีพระภาคเจ้าทั้งหมด โดยหลวงปู่ปาน แห่งวัดบางนมโค และหลวงพ่อพระราชพรหมยาน เป็นที่สุด ลูกขอดู พระนิพพาน หรือสวรรค์ชั้นใหน ที่คุณอยากจะไป ดูเพื่อให้เป็นปัจจัตตัง
    พอเกิดสมาธิแล้ว อย่าฝืนความรู้สึก อย่าดึงอารมณ์ ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ ไม่ต้องสนใจลมหายใจ และคำภาวนา (องค์ภาวนา)
    องค์ภาวนา ใช้คำว่า นะ มะ พะ ธะ เพราะทำให้จิตมีกำลัง ไปได้แล้วมาแบ่งปันประสบการณ์นะคะ เป็นกำลังใจให้
     

แชร์หน้านี้

Loading...