ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประเสริฐแต่ทำไมคนที่บวชแล้วมักจะสึก

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 22 กุมภาพันธ์ 2008.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,440
    [COLOR=darkgold,direction=-35);]ถามเรื่องพระสึก [/color]

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="85%" border=0>[​IMG]
    พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า
    “ข้าแต่พระนาคเสน ศาสนาของพระตถคตเจ้านี้ เป็นของใหญ่ เป็นแก่น เป็นของที่เลือกแล้ว เป็นของดีที่สุด เป็นของประเสริฐ ไม่มีอะไรเปรียบ เป็นของบริสุทธิ์ เป็นของไม่มีมลทิน เป็นของขาว เป็นของไม่มีโทษ จึงไม่สมควรให้คฤหัสถ์บรรพชา ต่อเมื่อคฤหัสถ์นั้น ได้สำเร็จมรรคผลอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่อาจสึกมาได้ จึงควรให้บรรพชา
    ทั้งนี้ เพราะเหตุไร....เพราะเหตุว่า ปุถุชนบรรพชาในพระพุทธศาสนาอันบริสุทธิ์แล้วสึกออกมาก็เป็นเหตุให้มีผู้คิดว่า ศาสนาของพระสมณโคดม เป็นศาสนาเปล่า เพราะพวกที่บวชแล้วยังสึกมาได้ โยมเห็นอย่างนี้ โยมจึงว่าไม่สมควรให้คฤหัสถ์ปุถุชนบรรพชา”
    พระพนาคเสนตอบว่า
    “ขอถวายพระพร มีสระใหญ่เต็มเปี่ยมด้วยน้ำเย็นใสสะอาดอยู่หนึ่งสระหนึ่ง เมื่อมีผู้ใดผู้หนึ่งที่เปื้อนด้วยเหงื่อไคล ลงไปอาบน้ำในสระนั้นแล้ว ไม่ได้ขัดสีเหงื่อไคล หรือสิ่งที่เศร้าหมอง ได้ขึ้นมาจากสระ จะมีคนติเตียนบุรุษนั้น หรือติเตียนสระนั้นอย่างไร ?”
    “ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า จะมีแต่คนติเตียนบุรุษนั้นว่า ลงไปอาบน้ำในสระแล้วก็กลับขึ้นมาทั้งร่างกายยังสกปรกอยู่ ไม่มีใครจะติเตียนสระนั้นว่า ไม่ทำให้บุรุษนั้นสะอาด”
    “ข้อนี้ก็ฉันนั้นแหละ มหาบพิตร คือพระตถาคตเจ้าได้ทรงสร้างสระอันประเสริฐ คือพระสัทธรรมเต็มด้วยน้ำใสสะอาด คือวิมุตติ อันประเสริฐไว้อีก พวกที่เศร้าหมองด้วยกิเลส ก็คิดว่าพระพุทธเจ้าทั้งหลายลงสรงน้ำในสระ คือพระธรรมนี้แล้ว ก็ล้างกิเลสทั้งปวงได้
    แต่ถ้ามีผู้ใดลงอาบน้ำในสระ คือพระธรรมอันประเสริฐ แล้วหวนกลับออกไปทั้งกิเลส ก็มีผู้ติเตียนเขาได้ว่า ได้บรรพชาในศาสนาอันปรปะเสริญแล้ว ก็ทำที่พึ่งให้แก่ตนไม่ได้ ยังต้องสึกไป พระศาสนาอันประเสริฐจะทำผู้ไม่ปฏิบัติตาม ให้บริสุทธิ์เองได้อย่างใด จะโทษพระศาสนาได้อย่างไร
    อีกอย่างหนึ่ง สมมุติว่ามีบุรุษคนหนึ่งกำลังป่วยหนัก ได้เห็นหมอผ่าตัดที่เคยรักษาคนไข้หายมามากแล้ว เป็นผู้รอบรู้ในเรื่องความเกิดแห่งโรค แต่ไม่ให้หมอนั้นรักษาได้กลับไปทั้งที่ยังเจ็บไข้อยู่ มหาชนจะติเตียนคนป่วยหรือติเตียนหมอ ?” ”อ๋อ...ต้องติเตียนคนป่วย ไม่มีใครจะติเตียนหมอเป็นแน่ พระผู้เป็นเจ้า”
    “ข้อนี้ก็ฉันนั้นแหละ มหาบพิตร คือพระตถาคตเจ้าได้ทรงจัดยาอมฤต อันสามารถระงับโรค คือกิเลสทั้งสิ้นไว้ในผอบ อันได้แก่พุทธศาสนาไว้แล้ว พวกที่รู้ตัวว่าถูกโรคภัย คือกิเลสบีบคั้น ก็ได้ดื่มยาอมฤตของพระพุทธเจ้า แล้วหายจากโรค คือกิเลสทั้งสิ้น
    ส่วนผู้ที่ไม่ดืมยาอมฤต ได้กลับสึกไปทั้งกิเลส ก็จะได้รับคำติเตียนว่า ได้บวชในพระพุทธศาสนาแล้ว ทำที่พึ่งให้แก่ตัวไม่ได้ ได้หมุนเวียนมาเพื่อความเป็นคนเลวอีก พระพุทธศาสนาจักทำให้ผู้ไม่ปฏิบัติตาม ให้บริสุทธิ์เองได้อย่างไร โทษอะไรจะมีแก่พระพุทธศาสนา
    อีกประการหนึ่ง บุรุษที่หิวข้าวไปถึงที่ เขาเลี้ยงข้าวแล้ว ไม่กินข้าว ได้กลับไปทั้งความหิว คนจะติเตียนบุรุษที่หิวนั้น หรือว่าจะติเตียนข้าวล่ะ...มหาบพิตร ?”
    “ต้องติเตียนบุรุษนั้นซิ ผู้เป็นเจ้า”
    “ข้อนี้ก็ฉันนั้น มหาบพิตร คือพระพุทธเจ้าได้ทรงจัดข้าว อันได้แก่กายคตาสติ อันมีรสอร่อยยิ่ง อันเป็นของเยี่ยม เป็นของประณีต เป็นของอันไม่รู้จักตายไว้ในผอบ คือพระพุทธศาสนาแล้ว
    พวกใดมีความหิว คือมีกิเลสครอบงำ มีใจเร่าร้อนด้วยตัญหา บริโภคข้าวอันนี้แล้ว ก็กำจัดตัญหาทั้งปวง ในกามภพ รูปภพ อรูปภพเสียได้ ส่วนผู้ที่ไม่กินข้าวนี้ กลับไปทั้งความหิวด้วยตัญหา ก็จะมีแต่ผู้ติเตียนเขา ไม่มีผู้ติเตียนพระพุทธศาสนา
    ขอถวายพระพร ถ้าพระพุทธเจ้าให้คฤหัสถ์ผู้ได้สำเร็จผล อย่างใดอย่างหนึ่งเสียก่อนแล้ว จึงโปรดให้บรรพชา การบรรพชานี้ จะชื่อว่าเป็นไปเพื่อละกิเลส เพื่ออบรมความบริสุทธิ์ได้อย่างไร สิ่งที่ควรทำในบรรพชาก็ไม่มี
    สมมุติว่า มีบุรุษคนหนึ่งได้ลงทุนให้คน ขุดสระไว้ แล้วประกาศว่า พวกที่มีร่างกายเศรัาหมอง อย่ามาลงอาบน้ำที่สระนี้เป็นอันขาด ให้ลงอาบได้แต่ผู้มีกายไม่เศร้าหมองเท่านั้นอย่างนี้จะสมควรหรือไม่ ?”
    “ไม่สมควร พระผู้เป็นเจ้า เพราะเขาได้สร้างสระน้ำไว้เพื่อต้องการให้คนที่มีร่างกายเศร้าหมองได้อาบ นอกจากนั้นก็ไม่มีอะไร”
    “ข้อนี้ก็ฉันนั้นแหละ มหบพิตร ถ้าพระพุทธเจ้าจะโปรดให้บรรพชาเฉพาะคฤหัสถ์ผู้ได้สำเร็จมรรคผลอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วสิ่งที่เขาควรทำในการบรรพชา เขาก็ได้ทำแล้วเขาจะต้องการอะไรกับการบรรพชา
    ขอถวายพระพร อีกอย่างหนึ่ง สมมุติว่ามีหมอยาวิเศษคนหนึ่ง ทำยาไว้แล้วเขาควรประกาศว่า ผู้มี่เจ็บไข้อย่ามาหาข้าพเจ้า ให้มาแต่ผู้ไม่เจ็บไข้เท่านั้น อย่างนี้หรือจึงจะสมควร ?”
    “ไม่ใช่อย่างนั้น พระผู้เป็นเจ้า เพราะยาของเขาเป็นของสำหรับรักษาโรค คนไม่มีโรคก็ไม่จำเป็นที่เขาจะต้องรักษา”
    “ข้อนี้ก็ฉันนั้นแหละ มหาบพิตร คือถ้าพระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้ว่า ให้บรรพชาเฉพาะคฤหัสถ์ที่มีมรรคผลแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องบรรพชา เพราะสิ่งที่ควรทำในบรรพชาก็ได้ทำแล้ว
    ขอถวายพระพร อีกประการหนึ่ง เหมือนกับบุรุษคนใดคนหนึ่ง จัดอาหารไว้หลายร้อยเข้ามา จงให้เข้ามาแต่พวกที่อิ่มแล้ว เขาประกาศอย่างนี้จะสมควรหรือไม่?”
    “ไม่สมควร พระผู้เป็นเจ้า”
    “ข้อนี้ก็ฉันนั้นแหละ มหาบพิตร”

    <CENTER>[COLOR=darkgold,direction=-35);]คุณอันชั่ง[/color]
    [COLOR=darkgold,direction=-35);]ไม่ได้ ๕ ประการ [/color]</CENTER>
    “อนึ่ง พวกที่สึกไปย่อมแสดงให้คนอื่นเห็น ซึ่งคุณอันชั่งไม่ได้ ๕ ประการ ของพระพุทธศาสนา คุณอันชั่งไม่ได้ ๕ ประการนั้นคืออะไรบ้าง ...คือ ความเป็นภูมิใหญ่ ๑ ความเป็นของบริสุทธิ์ ๑ ความไม่อยู่ร่วมกับผู้ลามก ๑ ความรู้แจ้งแทงตลอดได้ยาก ๑ ความมีการสำรวมมาก ๑
    ข้อที่ว่า แสดงความเป็นภูมิใหญ่นั้น คือย่างไร....สมมุติว่ามีบุรุษคนหนึ่ง เป็นคนมีนิสัยต่ำช้า ไม่มีคุณวิเศษอันได ไม่มีความรู้อันใด เมื่อได้ราชสมบัติอันใหญ่หลวง ไม่ช้าก็จะถึงความวิบัติ ไม่อาจรักษาความเป็นใหญ่ไว้ได้เพราะความเป็นใหญ่นั้น เป็นของใหญ่ฉันใด
    พวกที่ไม่มีคุณวิเศษไม่ได้กระทำบุญไว้ไม่มีความรู้อันใด เวลาได้บรรชาในพระพุทธศาสนาแล้ว ก็ไม่อาจดำรงเพศบรรพชิตไว้ได้ ได้ตกออกไปจากพระพุทธศาสนาในไม่ช้า เพราะภูมิในพระพุทธศาสนาเป็นของใหญ่ฉันนั้น
    ข้อว่า แสดงให้เห็นความบริสุทธิ์อย่างเยี่ยมนั้น คืออย่างไร....คือน้ำที่ตกลงบนใบบัวย่อมกลิ้งไหลลงไปจากใบบัว ไม่ติดอยู่ในในบัวได้ เพราะใบบัวเป็นของบริสุทธิ์ฉันใด พวกที่มีนิสัยโอ้อวดคดโกง มีความเห็นไม่ดี ได้บรรพชาในพระพุทธศาสนาแล้ว ไม่ช้าก็ตกออกไปจากพระพุทธศาสนา เพราะพระพุทธศาสนาเป็นของบริสุทธิ์ฉันนั้น
    ข้อว่า แสดงให้เห็นความไม่อยู่ร่วมกันกับผู้ลามกนั้น คืออย่างไร....คือธรรมดามหาสมุทร ย่อมไม่อยู่ร่วมกับซากศพ ย่อมพัดซากศพขึ้นไปบนบกโดยเร็วพลัน เพราะมหาสมุทรเป็นที่อาศัยอยู่ของหมู่สัตว์ใหญ่ ๆ ฉันใด พวกที่ลามกได้บรรพชาในพระพุทธศาสนาแล้ว ไม่ช้าก็ตกออกไปจากพระพุทธศาสนา เพราะพุทธศาสนาเป็นที่อยู่ของผู้มีคุณธรรมใหญ่ คือพระอริยเจ้าทั้งหลายฉันนั้น
    ข้อว่า แสดงซึ่งความเป็นของรู้แจ้งได้อยากนั้น คืออย่างไร ...คือพวกที่ไม่เก่งในวิชาธนูย่อมไม่อาจยิงให้ถูกปลายขนทรายได้ฉันใด พวกที่ไม่มีปัญญา บ้าเซ้อ ลุ่มหลง ก็ไม่อาจแทงตลอดซึ่งอริยสัจ ๔ อันเป็นของละเอียดยิ่งได้ฉันนั้น เขาจึงได้ตกออกไปจากพระพุทธศาสนาโดยเร็วพลัน
    ข้อที่ว่า แสดงให้เห็นซึ่งความเป็นของมีการสำรวมมากนั้น คืออย่างไร....คือ บุรุษที่เข้าสู่ยุทธภูมิใหญ่ ได้เห็นข้าศึกล้อมรอบก็กลัวแล้ววิ่งหนี เพราะกลัวระวังรักษา ซึ่งศาตราวุธมีอยู่มากฉันใด
    พวกที่มีนิสัยลามก ไม่ชอบสำรวม ไม่มีความละอายบาป ไม่มีความอดทน ก็ไม่อาจรักษาสิกขาบทเป็นอันมากไว้ได้ ต้องตกออกไปจากพระพุทธศาสนา ในไม่ช้าฉันนั้น
    “ขอถวายพระพร ดอกไม้ทีมีหนอนเจาะย่อมมีในกอดอกมะลิ อันนับว่าสูงสุดกว่าดอกไม้ที่เกิดอยู่บนบกทั้งสิ้น ดอกที่หนอนเจาะก็ร่วงลงไป ส่วนดอกที่ยังอยู่ก็ส่งกลิ่นหอมฉันใด
    พวกที่บวชในพระพุทธศาสนาแล้วสึกไปก็เปรียบเหมือนดอกมะลิที่ถูกหนอนเจาะ แล้วร่วงลงไปฉันนั้น ส่วนพวกที่ยังอยู่ก็ทำให้มนุษย์โลก เทวโลก ได้รับกลิ่นหอม คือกลิ่นศีลอันประเสริฐฉันนั้น
    ข้าวสาลีอันชื่อว่า “กุรุมพกะ” อันมีในจำพวกข้าวสาลีแดงที่ไม่มีอันตราย แต่พอเกิดขึ้นแล้วก็เสียหายไปใหระหว่าง ส่วนข้าวสาลีที่ยังอยู่ ก็สมควรเป็นเครื่องเสวยสำหรับพระราชาฉันใด
    พวกที่บรรพชาแล้วสึกไป ก็เหมือนกับข้าวสาลีที่เสียไปในระหว่างฉันนั้น ส่วนพวกที่ยังอยู่ก็สมควรแก่ความเป็นพระอรหันต์ฉันนั้น
    อีกประการหนึ่ง แก้วมณีอันให้สำเร็จความปรารถนาทั้งปวง ถึงบางแห่งจะมีตำหนิก็ไม่มีผู้ติ ส่วนที่บริสุทธิ์ก็เป็นที่ชื่นชมยินดี ของมหาชนทั้งปวงฉันใด
    พวกที่บรรพชาในพระพุทธศาสนาแล้วสึกไป เท่ากับตำหนิหรือเป็นสะเก็ด ส่วนพวกที่ยังอยู่ย่อมทำให้เกิดความร่าเริงยินดีแก่เทพยดามนุษย์ทั้งหลายฉันนั้น
    อีกอย่างหนึ่ง แก่นจันทน์แดงถึงที่ไม่เน่าไม่เสียย่อมมีกลิ่นหอมฉันใด
    พวกที่สึกไปก็เหมือนกับแก่นจันทน์แดงที่เน่าที่เสีย ส่วนพวกที่ยังอยู่ก็ส่งกลิ่นหอมอันประเสริฐคือศีล ให้หอมทั่วเทวโลกมนุษย์โลกฉันนั้น ขอถวายพระพร”
    “สาธุ...พระนาคเสน พระผู้เป็นเจ้าได้แสดงความเป็นของประเสริฐสุด แห่งพระพุทธศาสนาไว้ถูกต้องแล้วทุกประการ” <TBODY></TBODY></TABLE>​
    [FONT=Ms Sans Serif, Geneva, Helvetica, Arial]

    [/FONT]
     
  2. srirote

    srirote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +393
    ที่สึกเพราะบวชตามประเภณี เช่นบวชเพื่อทดแทนคุณบิดามารดา บวชหน้าไฟ ฯลฯ คือไม่ได้ตั้งใจบวชเพื่อศึกษาพระธรรมก็จะสึกเมื่อถึงเวลาที่กำหนดหรือตั้งใจไว้ แต่บางคนนึกว่าจะบวชแค่พรรษาเดียวแต่ซึ้งในรสพระธรรมอยู่จนมรณะภาพไปก็ยังมี พวกที่ตั้งใจบวชมาเพื่อศึกษาพระธรรมและบำเพ็ญเพียรก็จะไม่สึกง่ายๆอยู่ไปจนกว่าจะหมดความเพียรหรือถูกมารมาพจญต้องสึกไปก็มีให้เห็นมากมาย เพราะฉะนั้นจึงเห็นพระที่จำพรรษาจนอายุแก่เฒ่าน้อยและอีกอย่างหนึ่งการปฏิบัติธรรมถ้าเรามีความมุ่งมั่นตั้งใจจริงๆอยู่ในเพศคราวาสก็ยังได้
     
  3. อิสวาร์ยาไรท์

    อิสวาร์ยาไรท์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,608
    ค่าพลัง:
    +1,955
    आपका बहुत बहुत धन्यवाद
     
  4. money696

    money696 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +21
    มีวัตถุมงคล องค์บูชา ของขลังทุกชนิดพร้อมผ่านพิธีปลุกเสก-เทวาพิเสก สนใจติดต่อ 083-221-7798 อ.กันต์ปางคเณศ
    <!-- / message -->
     
  5. วิทย์

    วิทย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    2,036
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,439
    สาธุ....ขอกราบนมัสการพระภิกษุสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบทุกๆท่านครับ ท่านทั้งหลายได้ทำในสิ่งที่ทำได้โดยยากยิ่ง เป็นผู้ไม่หวั่นไหวต่อกิเลสตัณหาและกามทั้งหลาย

    ข้าพเจ้าขอถึงพระรัตนตรัยคือ พระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ เป็นสรณะเป็นที่พึ่งอันเกษมอุดมด้วยความเคารพอย่างสูงครับ
     
  6. vnoen

    vnoen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    156
    ค่าพลัง:
    +827
    กิเลสงัย...
     
  7. โสภา จาเรือน

    โสภา จาเรือน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    2,013
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,332
    อนุโมทนา...สาธุ

    ประหารกิเลส...ยังไม่ได้


    กิเลสเป็นแม่เป็นพ่อที่ก่อให้เกิดกรรมทั้งปวง
    ไม่มีกิเลสจะไม่มีการก่อกรรมใดทั้งนั้น
    ที่เป็นบาปอกุศล ที่เป็นทุกข์โทษภัย
    กรรมยิ่งใหญ่ที่สุดที่เกิดจากกิเลสคือการเกิด
     
  8. คนตาบอด

    คนตาบอด Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2008
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +42
    สาธุ...

    แนะนำสิ่งใด เมื่อมีผู้เข้าใจและเห็นด้วย ย่อมรับกรรมนั้น

    แนะนำสิ่งที่เป็นประโยชน์ มีสุข เป็นผล ย่อมรับกรรมดีนั้น

    แนะนำสิ่งที่เป็นโทษ เพิ่มโทษ โดยผู้ที่ได้รับคำแนะนำไม่ได้พิจารณาเสียอย่างถี่ถ้วน..ผู้แนะนำย่อมรับกรรมในทางไม่ดี...


    ขออนุโมทนา ครับ ท่านได้แนะนำ หรือนำเรื่องที่ดี เป็นกุศล มาแนะนำ บุญกุศลขอให้ท่านได้รับเพิ่มขึ้น มีความสุข ในปัจจุบัน ในอนาคตครับ..

    สาธุ............
     
  9. อดุลย์ เมธีกุล

    อดุลย์ เมธีกุล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2007
    โพสต์:
    7,363
    ค่าพลัง:
    +11,794
    มันเป็นเรื่องยาก ที่จะบอกว่าทำไมต้องสึกทั้งที่ศาสนาดีอย่างนี้ แต่บาง

    ทีบางท่านถึงจะสึกหาลาเพศออกมา ท่านก็ยังประพฤติยึดมั่นในคำสั่ง

    สอนที่ตนเองเคยประพฤติปฏิบัติมา ตั่งแต่สมัยบวชอย่างน้อยก็การ

    รักษา ศีล 5 ก็เมื่อเราตั้ใจที่บวชแล้วมีเหตุที่จะต้องสึกมาเราก็ยังที่

    จะทำตามคำสอนได้ไม่ใช่หรือ ถ้าจะย้อนถามกลับว่าแล้วทำไม

    ผู้ที่ถามจึงไม่บวชเล่า คำตอบมันก็มีอยู่ในตัวของผู้ที่ถามอยู่แล้ว

    ใช่ไหมครับ โดยความเคารพ
     
  10. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,440
    ผู้ถามนี้ปัจจุบันสำเร็จพระอรหันต์ไปนานแล้วครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...