ธรรมะรอยธรรมหลวงปู่ดู่พรหมปัญโญ ตอน ทำทานอย่างไรให้ได้ผลดีที่สุด

ในห้อง 'หลวงปู่ดู่ และ หลวงตาม้า' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 23 กุมภาพันธ์ 2016.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,438
    ธรรมะรอยธรรมหลวงปู่ดู่พรหมปัญโญ ตอน ทำทานอย่างไรให้ได้ผลดีที่สุด

    [​IMG]
    เคยมีศิษย์หลวงปู่ดู่ท่านหนึ่งกำลังจะลาสิกขาจากการเป็นภิกษุและได้ไปกราบขอพรหลวงปู่ดู่ท่าน
    ระหว่างที่หลวงปู่ดู่ท่านพรมน้ำพระพุทธมนต์ให้พรเขาอยู่นั้น
    เขาได้อธิษฐานในใจว่าขอให้รวยๆ เพื่อจะได้มีเงินมาทำบุญเยอะๆ
    หลวงปู่ดู่ล่วงรู้วาระจิตของศิษย์ท่านนั้น ท่านจึงเอ่ยอย่างมีเมตตาว่า
    'ท่าน...ที่ท่านคิดน่ะมันต่ำ คิดให้มันสูงไว้ไม่ดีหรือ แล้วเรื่องที่ท่านคิดไว้น่ะจะตามมาทีหลัง'
    ธ ร ร ม ข อ ง ห ล ว ง ปู่ นี้ ลึ ก ซึ้ ง ยิ่ ง นั ก
    คนเราเวลาสวดมนต์ไหว้พระหรือทำทานใดๆ ก็ตาม
    มักจะขอให้ตัวเองมีโชคลาภ ร่ำรวยเงินทอง
    หากเราใช้ปัญญาพิจารณาพุทธธรรมแห่งพระพุทธองค์และธรรมของหลวงปู่
    และได้ศึกษาพระไตรปิฎก รวมทั้งไตร่ตรองดูตามเหตุผลและข้อเท็จจริง
    ตามหลักของพุทธศาสนา ซึ่งก็คือหลักของความจริง...
    ถ้าเรายิ่งอยากจะได้มาก...จะยิ่งไม่ได้หรือได้น้อย
    พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้อย่างชัดเจนว่า...
    ถ้ามีความหวังในการให้ทาน เมื่อตายไปแล้วจะได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นต่ำที่สุดคือ ชั้นจาตุมมหาราชิกา เท่านั้น
    แต่ถ้าไม่มีความหวังหรือจิตผูกพันในการให้ทาน เมื่อตายไปก็จะได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
    ซึ่งเป็นสวรรค์ชั้นที่สูงกว่า มีความสุข ประณีตกว่าชั้นจาตุมหาราชิกาอย่างมากมาย
    พระพุทธองค์ยังตรัสสอนถึงการให้ทานด้วยจิตที่บริสุทธิ์ยิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ
    อานิสงส์ผลบุญก็ยิ่งมากขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน
    ...หากให้ทานตามที่บรรพบุรุษ บิดา มารดา ปู่ย่าตายายเคยให้ทำมา ควรทำไม่ให้เสียประเพณี
    จักได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นยามา
    ...หากให้ทานด้วยคิดว่า เราหุงหากิน สมณะและพราหมณ์ไม่หุงหากิน หากไม่ทานแก่สมณะและพราหมณ์จักไม่สมควร
    จักได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิต
    ...หากให้ทานด้วยคิดว่าจักเป็นผู้จำแนกแจกทานเหมือนฤาษีแต่ครั้งก่อน
    จักได้เข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นนิมานรตี
    ...หากให้ทานด้วยจิตที่เลื่อมใส เกิดความปลื้มใจและโสมนัส
    จักได้เข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นปรนิมมิตสวัสดี
    ...หากให้ทานเป็นเครื่องปรุงแต่งจิต
    จักได้เข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นพรหม
    พระนิพพานซึ่งเป็นสิ่งสูงสุด เป็นบรมสุขยอดปรารถนาของผู้มีปัญญาทั้งหลายนั้น
    หากจะถึงซึ่งพระนิพพานได้...ก็จักต้องเป็นผู้ที่หมดแล้วซึ่งกิเลส
    ไม่ต้องการอะไรอีกแล้วทั้งสุขและทุกข์
    ก็จักได้ผลตอบแทนสูงสุดแห่งการปฏิบัตินี้...
    นั่นคือ หากเราให้ทานด้วยจิตที่ไกลจากตัวเองมากขึ้นเท่าไร
    ย่อมได้รับอานิสงส์ผลบุญมากขึ้นเท่านั้น
    หากเรามีลูกน้องที่ทำงานด้วยใจ ขยันขันแข็ง รักในงานที่ทำ มิใช่ทำเพียงเพื่อหน้าที่
    กับลูกน้องที่ประจบ เอาหน้า ทำงานเพียงหวังผลตอบแทน
    เราจะเลือกสนับสนุนใครให้ก้าวหน้า ?
    ธรรมที่หลวงปู่ดู่ท่านสอนจึงประเสริฐอย่างมิอาจหาสิ่งใดมาเปรียบ
    'คิดให้มันสูง' ของหลวงปู่...
    ย่อมหมายถึงการให้ทานด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ มิได้หวังผลตอบแทน
    เหนือกว่านั้นคือการให้ทานด้วยจิตใจที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อผู้อื่น
    การถือศีลด้วยจิตใจที่คงมั่นในความดีงาม
    การปฏิบัติภาวนา ขัดเกลาจิตใจ ให้เบาบางลงจากกิเลส
    และเกิดสติปัญญาที่จะฉลาดในการดำเนินชีวิต
    แม้จะเป็นทางโลก เราก็จะใช้ชีวิตอย่างมีสติ และตั้งอยู่ในความดีงาม
    'แล้วเรื่องที่คิดไว้จะตามมาทีหลัง'
    ฉันใดก็ฉันนั้น
    หากเราสวดมนต์ไหว้พระ ทำบุญทำทาน โดยหวังสิ่งตอบแทน
    หรือการสวดมนต์อ้อนวอน ด้วยจิตใจที่อยากได้
    ก็จะเกิดอาการไม่สงบ ฟุ้งซ่าน มิยังผลทางสติปัญญาในการที่จะลงมือทำงานให้เป็นจริง
    ผลที่ได้รับก็จะน้อย..หรืออาจไม่ได้เลย
    แต่หากเราสวดมนต์ไหว้พระด้วยศรัทธาในพระคุณแห่งพระรัตนตรัย
    ทำบุญทานด้วยจิตใจที่สงบเยือกเย็น แน่วแน่เป็นสมาธิ
    จิตใจของเราย่อมได้รับความชุ่มชื้นในผลแห่งการทำความดี
    ส่งผลต่อการทำงานให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
    พระท่านก็คุ้มครองและช่วยเหลือเราอย่างแน่นอน
    พรหมปัญโญวาทะธรรม
    'รวยกับซวยมันใกล้ๆ กันนะ....มันออกเสียงคล้ายกัน'
    'จะเอารวยน่ะ จะหามายังไงก็ทุกข์
    จะรักษามันก็ทุกข์ หมดไปก็เป็นทุกข์อีก กลัวคนจะจี้จะปล้น
    ไปคิดดูเถอะมันไม่จบหรอก มีแต่เรื่องยุ่ง
    เอาดี ดีกว่า...'
    'ถ้าแกเขียนตัว พ พาน ได้เมื่อไร นั่นแหละจึงจะดี...
    ก็ตัว พอ นะซี'
    ที่มา เว็บพรหมปัญโญ และ http://palungjit.org/posts/9918686
     

แชร์หน้านี้

Loading...