กายวัชระ หรือกายทิพย์ขั้นเพชร และการบำเพ็ญอาวุธทิพย์ชั้นเพชร

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย anakarik, 8 พฤศจิกายน 2011.

  1. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722

    กรรมดี กรรมชั่ว ก็มีหน้าที่ของมันทั้งนั้นแหละ

    กรรมชั่วก็ช่วยขัดขวางไม่ให้บรรลุธรรมเร็วเกิน อันจะผิดวาระ
    ทั้งยังช่วยให้อินทรีย์แก่กล้า เมื่อพร้อมรับธรรมก็จะไม่มีปัญหา
    แต่ดูแล้ว กรรมชั่วคงขัดขวางไม่ทัน อาจเกิดขันธ์นิพพานโดยรอบ
    ไปก่อน จิตจึงจุติจากร่างไปเป็นจิตจักรวาลได้ ก่อนที่จะต่อสายธรรม
     
  2. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    อ่าครับผมเชื่อทุกอย่างในธรรมชาติล้วนมีขั้นตอนมีวิธีการต่างๆที่ทำให้เราพัฒนาขึ้นถ้าตัวเราไม่นอกคอกจนเกินไป บางสิ่งบางอย่างแทบไม่ต้องทำอะไรใช้ชีวิตโดยปรกติธรรมดามันก็จะมาของมันเอง ยิ่งถ้าไปรู้มากโดยที่เรายังไม่เข้าใจในธรรมนั้นมันจะพาลย่ำแย่เอา(โดนไปหลายรอบ)จึงพอเข้าใจว่าไม่ต้องรีบใช้ชีวิตแบบปรกติธรรมดาให้ได้ เรียนรู้และย่อยมันให้ละเอียดก่อนครับ
     
  3. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,426
    ค่าพลัง:
    +3,207
    <iframe width="640" height="360" src="https://www.youtube.com/embed/ogFTzwS3nns?feature=player_detailpage" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    ถ้าตามวีดีโอด้านด้านบน หลุมดำมีแรงดึงดูดที่สูงมาก
    ไม่มีวัตถุใดสามารถออกไปได้แม้กระทั่งแสง
    ถ้าจะออกจากหลุมดำได้วัตถุนั้นต้องเร็วกว่าแสง
    จึงไม่สามารถมีวัตถุใดสามารถออกได้

    แม้แต่แสงก็หนีการดึงดูดของมันไม่พ้น

    <iframe width="640" height="360" src="https://www.youtube.com/embed/4OSoy3E8VYw?feature=player_detailpage" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    หากจิตมีความเร็วเท่ากับแสง ก็แสดงว่าจิตถูกแรงดึงดูดเอาไว้ไม่ให้หลุดพ้น

    ไม่มีอะไรหลุดรอดพ้นไปได้ เปรียบเสมือนประตูขังจิตวิญญาณ

    หากจิตไม่บริสุทธิ์ ไม่เป็นกลาง มีพลังงาน + และ - ติดอยู่กับจิต
    แสดงว่าจิตมีมวลน้ำหนัก ถึงถูกแรงโน้มถ่วงดึงดูดไว้

    กระแสห้วงน้ำเปรียบเสมือน ตัณหา ที่ถูกหลุมดำดูดเอาไว้ ด้วยแรงดึงดูด

    หากจะหลุดพ้นจากหลุมดำไปได้ สิ่งนั้นต้องไม่มีมวลน้ำหนัก ที่จะให้หลุมดำดึงดูดเอาไว้ได้

    คือ ทำจิตให้หลุดพ้นไปจากมวล บริสุทธิ์ ไม่มีกรรมใด ๆ

    หรือ หลุมดำเป็นแค่ประตูต่างมิติของจักรวาล

    คิดเล่น ๆ นะคะ
     
  4. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    พออ่านชื่อ frozen flower นึกถึงบัวหิมะ ในนิยายจีน เลยแฮะ ที่เกิดบนภูเขาน้ำแข็ง
     
  5. tsunekawa

    tsunekawa สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2009
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +9
    แอบอ่าน ติดตาม Series คนว่าง เบาบางคุยกัน //*ใบในนอกกำมือ*// แต่ละคนในมือดูครบทุกใบ // แต่ละคนลึกซึ้งกันจริงๆครับ
     
  6. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    ตามที่ผมรู้ก็เป็นอย่างนั้นครับ เป็นทางเข้าออกของแต่ละจักรวาลต้องผ่านหลุมดำครับซึ่งอาจจะมีทางอื่นอีกอันนี้ผมไม่ทราบครับ และถ้าไม่สว่างพอก็จะโดนความมืดกลืนกินครับ เป็นเสมือนส้วมรีไซเคิลด้วยครับ หลุมดำจะอยู่ตรงกลางครับ
     
  7. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    ผมก็รู้อยู่แค่นี้ละครับ ทำแต่หน้าที่ตัวเองเป็นหลักแต่ทุกอย่างเหมือนถูกกำหนดให้เดินมาแบบนี้ละครับ
     
  8. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    จิตจักรวาล เปลี่ยนเป็น "ชุดใหม่"


    จิตจักรวาลมีหน้าที่เป็น "ผู้พิทักษ์จักรวาล" ดังที่ได้กล่าวไว้แล้ว
    สรรพจิตใดๆ จะก้าวล่วงเกินออกจากจักรวาลนี้ไม่ได้ หากจะไปก็
    ต้องผ่านด่านจิตจักรวาลดวงหนึ่งดวงใด ประตูหนึ่งประตูใด ทาง
    หนึ่งทางใดเสียก่อน ในจักรวาลจึงมีจิตจักรวาลดูแลอยู่กระจายกัน
    ออกไปทั่วทุกทิศ ไม่ว่าเราจะถอดกายทิพย์เหาะออกไปทางไหน
    ก็จะพบจิตจักรวาลดักรอเรา เมื่อเราจะออกนอกจักรวาล ซึ่งก็มีครับ
    หากเราจะไปสุขาวดี จะต้องออกนอกจักรวาลนี้ไป สู่จักรวาลอื่น ก็
    จะต้องผ่านด่าน "จิตจักรวาล" ซึ่งเขาจะแสดงธรรมะ ธรรมชาติ มา
    ขวางเราไว้ หากเราผ่านโจทย์ธรรมนั้นไปไม่ได้ เขาก็ไม่ให้ผ่านไป
    เช่น โจทย์เรื่องนิพพาน หากเราไม่อาจค้นพบได้เหนือกว่าที่มีอยู่ใน
    ไตรปิฎกได้ เราจะไปเกินจักรวาลนี้ไม่ได้ และไม่อาจถึงสุขาวดีครับ

    จิตจักรวาลชุดเก่า กำลังหมดวาระหน้าที่ลง พวกเขากำลังจุติลงมา ณ
    สังขารของมนุษย์ที่รับได้ กระบวนการนี้เรียกว่า "การรับพระจิตเจ้า"
    ในโลกจะมีคำสอนแปลกๆ ขึ้นมารองรับ คือ คำสอนที่ให้เรารับพระจิต
    เจ้า และเป็น "พระเจ้าในตัวเอง" นั่นละครับ สังขารรองรับจิตจักรวาล
    ซึ่งก่อนจะรับได้ จิตจักรวาลจะเชื่อมพลังประสานลงมาก่อน ทำหน้าที่
    ประสานกันก่อน ประสานได้ดีแล้ว จึงจะ "หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวได้"
    จากนั้น มนุษย์กลุ่มใหม่ที่ปฏิบัติทางจิตแบบ "สุดฤทธิ์สุดเดช" ชนิดที่
    ไม่มีใครเอาอยู่ ไม่มีใครกู่กลับได้ ก็จะละสังขารแล้วไปแทนที่พวกเขา


    ปล. ขอแบ่งปันส่วนที่ผมพอเข้าใจละกันครับ
    ส่วนที่ผมไม่ชำนาญก็คงยกให้ท่านอื่นละกัน
     
  9. tsunekawa

    tsunekawa สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2009
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +9
    ผมก็แค่รู้แค่ว่าติดธรรมใดก็ไปต่อไม่ได้ แต่ละที่ ก็ย่อมมีเขตแดน มีผู้ดูแลเป็นของตัวเอง ติดธรรมใด ติดสิ่งใด แม้แต่นิดเดียวก็ไปไม่ได้ วางสิ่งที่เรียนรู้ได้ พร้อมจะเรียนรู้กับสิ่งแปลกๆ ใหม่ๆได้ ถึงเวลาเดี๋ยวประตูก็เปิดเอง ยิ่งเพียรแสวงหา ยิ่งมองไม่เห็น // รอผู้รู้มาตอบเพิ่ม
     
  10. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    จิตจักรวาล กับทางเลือก 2 วิถี


    คนที่มีพลังเชื่อมโยงกับจิตจักรวาล จะมีทางเป็นไปได้สองทาง
    (เหมือนคนบำเพ็ญบารมี มีทางเป็นไปได้สองทาง หากไม่เป็น
    โพธิสัตว์ ก็อาจกลายเป็นมารแทน) ดังต่อไปนี้

    1 ไปแทนที่จิตจักรวาลชุดเก่า

    คนพวกนี้จะ "ไม่ยอมอะไรเลย" จึงไม่มีใครเอาอยู่ กู่ไม่กลับ และมัก
    จะเก่งเว่อร์ เก่งเกิน สุดท้าย เกินกำลังอินทรีย์จะรับได้ วิญญาณขันธ์
    ถึงขั้นปรินิพพานไป โดยไม่ได้ต่อสายธรรมใดๆ กลายเป็นจิตอิสระที่มี
    ความสว่างไสวเมื่อละสังขารลงจะกลายเป็น "จิตจักรวาล" แทนชุดเก่า
    คนพวกนี้ จะกลายเป็นเหมือน "พระเจ้าเดินดิน" ในยามที่ยังมีชีวิตอยู่
    เพราะจะไม่มีใครกล้าหือด้วย แต่จะมีศีลดี ไม่ทำอะไรเกินเลยขอบเขต
    เหมือนลูกเทวดา เหมือนคนพิเศษ จะทำอะไรก็ทำตามใจตัวเอง, ไม่มี
    ใครกล้าขัดขวาง (ใครขัดขวาง คนๆ นั้นจะหลุดออกจากจักรวาลไปเลย)

    2 รับ "จิตจักรวาล" ชุดเก่ามาชำระ

    พวกนี้จะยอมรับ "การชำระบาป" และยอมรับไปเรื่อยๆ จนพัฒนาสูงไป
    จนถึงขั้นยอมรับชำระบาปแทน "จิตจักรวาล" ได้ เมื่อนั้น จิตของเขาจะ
    นิพพาน (พระธาตุนิพพาน) ทำให้เหมือนคนที่อยู่อย่างไม่มีจิต ไร้จิตใจ
    อยู่ไปวันๆ แต่แล้วจะอาศัย "ความรัก" ขั้นเทพ เหนือความรักแบบปุถุชน
    เพื่อรับเอา "จิตจักรวาล" หรือ "พระจิตเจ้า" (พระเจ้า) เข้ามาหลอมรวม
    ในกาย สำเร็จแล้ว ก็จะรับบาปแทนพระจิตเจ้า (ไม่มีใครไม่มีบาป แม้แต่
    พระเจ้า) เพราะยอมรับบาปมาก่อนเป็นพื้นฐานดี จึงสามารถทำหน้าที่ได้


    สองทางเลือกนี้ ก็แล้วแต่ว่าคุณจะเลือกเดินทางไหน เลือกเองละกันครับ
     
  11. wawana

    wawana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +356
    ติดตามอ่านค่ะ รู้สึกสนุกและน่าสนใจมาก เข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง แต่ก็อยากอ่าน
    rabbit_
     
  12. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    แล้ว "จิตจักรวาล" เกี่ยวข้องกับ "กายวัชระ" ได้ยังไง?


    เกี่ยวเรื่อง "ความบริบูรณ์ขององค์ธรรม" ครับ กล่าวคือ ผู้ที่สำเร็จ
    "จิตจักรวาล" จะมีแต่จิตประภัสสร ไม่มีกายทิพย์ เพราะวิญญาณ
    ขันธ์ปรินิพพานโดยรอบไปแล้ว พวกคนเหล่านี้ สังเกตุได้ง่ายๆ คือ
    "จะไม่เคารพสมมุติ" ไม่ใช่หมายถึงการไม่เคารพโดยการลบหลู่นะ
    ครับ แต่หมายถึง เขาอาจทำอะไรไปโดยไม่เข้าใจสมมุติเลย เช่น
    อยากทำ ก็จะทำ โดยไม่สนใจว่าสมมุติทางโลกนี้ มันเหมาะมันควร
    ไหม? คือ ในแง่วิมุติธรรมเขาไม่ผิด มันใช่เลย แต่เรื่องสมมุติธรรม
    นี่ ไม่ได้ ขัดแย้งและทำลายสมมุติธรรม เพราะ "ขาดความบริบูรณ์
    ในองค์ธรรม" ถามว่าอะไรขาด? ก็วิญญาณขันธ์ขาดไปนั่นเอง แม้
    จะไม่มีอะไรบดบังแสงธรรมของเขาได้อีก เพราะไม่มีวิญญาณขันธ์
    แล้วก็ตาม แต่ผลคือ ไม่เคารพสมมุติดังกล่าว ทำให้เกิดปัญหาขึ้น

    ผู้ที่ปฏิบัติได้อย่าง "บริบูรณ์ในองค์ธรรม" จะปรากฏ 84,000 พระ
    ธรรมขันธ์ครบ ไม่มีขาดหาย ไม่มีเพิ่มเติม หมายความว่า ขันธ์ทั้ง 5
    ก็มีอยู่ครบ แต่เป็น "ธาตุขันธ์ที่ฟอกชำระแล้ว" จึงเป็น "ธาตุบริสุทธิ์
    และขันธ์บริสุทธิ์" แม้แต่วิญญาณขันธ์ก็บริสุทธิ์ ที่คริสตร์เขา เรียกว่า
    "พระวิญญาณบริสุทธิ์" นั่นแหละ อย่างเดียวกัน สัจธรรมสากลกล่าว
    ผ่านศาสนาไหนก็เหมือนกัน ไม่มีแบ่งแยก พระวิญญาณบริสุทธิ์นี้เอง
    จะมีลักษณะใสเหมือนแก้ว เปล่งประกายเหมือนเพชร เรียกว่า "กาย
    วัชระ" หรือ "กายเพชร" ไม่ใช่กายแก้วนะ นี่ก็คือ "ธรรมกาย" ของผู้
    ที่บรรลุธรรมโดย "บริบูรณ์ในองค์ธรรม" ไม่มีธรรมขันธ์ใดขาดหายไป


    กายวัชระจึงเป็นธรรมกาย รองรับจิตประภัสสรได้ โดยไม่ต้องกลายเป็นจิตจักรวาล
     
  13. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    อดีตผมเคยเป็นแบบที่ 1 ครับ แต่เพราะสำนึกได้ในหลายๆอย่างจึงเป็นแบบที่ 2 ครับเลือกที่จะชำระให้พวกเขากลับมาเข้าใจถึงความเป็นธรรมดา เมื่อก่อนอยู่แบบไม่มีจิตใจจริงๆครับ ทำอะไรก็ไม่รู้สึกรู้สาเลย (เหมือนหุ่นยนต์เลย)ปัจจุบันได้รับความรักมากมายจากธรรมชาติ ในเบื้องลึกของผมจึงรักธรรมชาติอย่างที่สุดครับเพราะเหตุนี้ผมจึงสามารถกลับมาเป็นมนุษย์ปรกติธรรมดาได้ครับ อยู่กับกิเลสอย่างมีความสุขตามอัตถภาพครับ
    ขอบคุณท่านดอกไม้นะครับท่านตอบได้ชัดเจนเหลือเกิน
     
  14. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    ท่านกล่าวถูกแล้วครับเมื่อก่อนผมจะตรงมากมันจะมีแค่ผิดถูกเท่านั้นครับ แต่ปัจจุบันผิดถูกก็รู้ไว้ในใจเรา เลือกตอบแต่สิ่งที่ตอบได้ตามสถานที่ตามสภาวะที่เขารับได้ครับไม่ขวานผ่าซากเหมือนเมื่อก่อน แต่เอาจริงๆธรรมชาติไม่มีสมมุตินี่ครับ ผิดก็คือผิด ถูกก็คือถูก
    ตอนนี้ก็มีความบริบูรณ์ขึ้นตามลำดับครับท่านดอกไม้ ขอบคุณท่านดอกไม้อีกครั้งนะครับที่สละเวลามาตอบสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่ณปัจจุบัน(เพราะผมก็ไม่รู้ว่ากำลังทำอะไร) ขออนุญาติยกมือขอบคุณท่านดอกไม้นะครับ ขอบคุณ
     
  15. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    ก็หลายปีแล้วที่ผมรับชำระกรรมให้จิตเหล่านั้นทุกครังก็จะต้องเจ็บป่วยหรือทรมาณมาก เป็นปีๆที่เจ็บหัวหรือเสียดหัวเหมือนมีเข็มเป็นพันๆเล่มแทงอยู่ด้านใน บางครั้งก็เจ็บปวดที่ใจ นอนไม่ได้ ต้องหายใจทางปากตลอดเวลา ปวดท้องอ้วกแตกทั้งคืนไม่ได้หลับนอน ก็มีก็มีคำถามเกิดขึ้นมาหลายครั้งว่าจะทำทำไม ทำไมต้องทนด้วยอยู่เฉยๆสบายกว่าไหม ครั้งสุดท้ายที่ผมตอบไปก็ไม่มีคำถามแบบนี้ออกมาอีกเลย ธรรมชาติให้เรามากกว่านี้ทำแค่นี้จะเป็นไรไป ปัจจุบันก็ยังเป็นแต่ก็เบาๆลงไปบ้างแต่ก็แล้วแต่ตัวตนที่มาชำระครับ
     
  16. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    มีสภาวะอะไรที่แปลกๆ ก็บอกได้นะครับ
    ผมจะพยายามอธิบายให้เข้าใจ


    จะได้ไม่สับสนหรือกังวลกับสภาวธรรมนั้นๆ ครับ
     
  17. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +1,505
    .
    เขียน ๒๒.๕๗

    แหม..ไม่อยากเชื่อเลย ว่าจะมีคนแบบนั้น อยู่แถวนี้ด้วย
    ฝึกจิตได้ถึงระดับจักรวาลแล้ว เท่ห์จังอ่ะ ขอปรบมือให้เลย ๕๕๕
    แล้วท่านดอกไม้อะไรน๊าล่ะครับ ฝึกถึงรึยัง หรือว่าเลยออกไปอีกแล้วอ่ะครับ


    กระต่ายป่า ข้างวัด / ค้างคาวแห่งแสง

    .
     
  18. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    ขอบคุณมากครับท่านดอกไม้ที่สละเวลาตอบนะครับ
     
  19. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    จิตจักรวาลไม่ใช่ของแปลก พระสมณโคดมจึงต้องลงมาคุม?


    จิตจักรวาลไม่ใช่ของแปลกอะไรเลยครับ และเกิดขึ้นได้สำหรับคนที่บำเพ็ญจิต
    มากๆ โดยที่ "อินทรีย์ห้ายังไม่พร้อม" เมื่ออินทรีย์ห้าไม่พร้อม รองรับไม่ได้แต่
    จิตไปไกลเกิน ทำให้จิตเข้าสู่สภาวะ "จิตจักรวาล" โดยที่อินทรีย์อื่นตามไม่ทัน
    ผลคือ กายทิพย์ก็ทรงสภาวะไว้ไม่ได้ นิพพานโดยรอบไปก่อน เหลือแต่ดวงจิต
    เป็นจิตประภัสสรที่รอวันจุติจากร่างไปสู่จักรวาล เป็น จิตจักรวาลในลำดับถัดไป


    พระสมณโคดม ถูกร้องขอโดยพระพรหมองค์หนึ่งให้ทำตัวเป็นพระพุทธเจ้าเพื่อ
    คุมเหล่าจิตจักรวาลเหล่านี้ ซึ่งกำลังจะถือกำเนิดแล้ว คือ เหล่าพระอรหันตสาวก
    ทั้งหลายที่ปฏิบัติจิตไปมากเกินเลยอินทรีย์จะรองรับได้ จนขันธปรินิพพานเหลือ
    แต่จิตประภัสสร (ทำไปโดยไม่รู้ผลของมัน) และจะกลายเป็นจิตจักรวาลในที่สุด
    ดังนั้น จึงต้องมีผู้ลงมาคุมเอาไว้ก่อน ทว่า ก็ยั้งไว้ไม่อยู่ ไม่สำเร็จ พวกเขาก็เป็น
    จิตจักรวาลกันในที่สุด ผลคือ "จะต้องมาทำพระธาตุนิพพาน" เพื่อให้จิตจักรวาล
    ได้นิพพาน นั่นเอง ซึ่งจะกระทำก่อนจะสิ้นอายุพุทธกาลครับ ดังนั้น จิตจักรวาลนี้
    จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร มีมานานแล้ว แต่ไม่ได้กล่าวโดยใช้คำนี้ เพราะในทาง
    พุทธศาสนาใช้คำว่า "จิตประภัสสร" และยิ่งไม่ได้บอกใหญ่ว่าหลังจากละสังขาร
    แล้ว จิตไปจุติไหนต่อ? เพราะหากบอกความจริง ไปตอนนั้น ก็จะทำกิจไม่สำเร็จ
    เพราะสาวกทั้งหลายจะไม่เชื่อถือครับจึงต้องยังไม่บอกเรื่องราวเหล่านี้ในตอนนั้น


    ผู้ที่ปฏิบัติไปได้ไกลนั้นมีมากมายครับ เราเองก็แค่ส่วนน้อย ผู้ที่ได้มากกว่ายังมีครับ
     
  20. tsunekawa

    tsunekawa สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2009
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +9
    เรื่องแปลกๆ ยังมีอีกเยอะแยะ ถ้าเชื่อว่า 1+1=2 เท่านั้นก็ยังอยู่กับมิติเดิมๆ ธรรมเดิมๆ
    ถ้าเชื่อว่า 1+1 = (เท่าไหร่ไม่รู้) ก็ยังพอเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้ //*โดยส่วนตัวก็นั่งดูอะไรไปเรื่อย ไม่ยึดติดกับรูปแบบเดิมๆ ไม่เบียดเบียนตัวเอง ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ไม่ผิดกฎแห่งโลก กฎแห่งธรรมชาติ กฎแห่งสมดุล กฎแห่ง...... // เห็นด้วยกับดอกไม้น้ำแข็งว่า *ผู้ที่ปฏิบัติไปได้ไกลนั้นมีมากมายครับ เราเองก็แค่ส่วนน้อย ผู้ที่ได้มากกว่ายังมี*
     

แชร์หน้านี้

Loading...