การสร้าง-การซ่อมแซม พระปฏิมากร รูปลักษณ์ ถาวรวัตถุในพระศาสนา และ อุปการะต่อการบำเพ็ญบารมี

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย นโมพุทธายะ๕, 25 พฤศจิกายน 2014.

แท็ก:
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,403
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,121
    ค่าพลัง:
    +70,470
    ..โอกาสเพิ่มพูนบารมีอย่างมาก ที่จะได้มาช่วยพระอรหันต์สร้างสังฆานุสติสถานถวายพระอรหันต์

    ไม่กลับมาเกิดอีก.....

    "ไขมันกะออกโพดออกเหลือ บ่เซาดอกเบิ่งเท่าตายพุ่นละ ตายกะบ่กลับมาเกิดอีกบัดนิ"


    หลวงปู่ปรารถกับลูกศิษย์ ณ กุฎีข้างลานข้าวเปลือกวัดป่าบ้านบ้านตาด. เมื่อ 17.55 9/7/58




    [​IMG]
     
  2. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,403
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,121
    ค่าพลัง:
    +70,470
    <iframe width="640" height="360" src="https://www.youtube-nocookie.com/embed/ECb2loCfX9k?&autoplay=1&rel=0" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
     
  3. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,403
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,121
    ค่าพลัง:
    +70,470
    วันพรุ่งนี้ เสาร์ที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๐.๐๐ น.ขอเรียนเชิญศิษยานุศิษย์ศรัทธาสาธุชนทุกท่านร่วมแสดงกตัญญูกตเวทิตาแด่องค์หลวงตา โดยพร้อมเพรียงกันมาเทฐานที่ตั้งรูปเหมือนและอัฐิธาตุขององค์หลวงตา ในพิพิธภัณฑ์พระธรรมวิสุทธิมงคล(หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน) ซึ่งจะใช้กำลังแรงกายแรงใจจากศิษยานุศิษย์และศรัทธาสาธุชนทั้งหมด ณ สถานที่ก่อสร้างพิพิธภัณฑ์ฯ เขตวัดชั้น ๓ วัดป่าบ้านตาด



    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 กรกฎาคม 2015
  4. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,403
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,121
    ค่าพลัง:
    +70,470
    เช้าวันนี้ 11 กรกฏาคม จะเทปูนแท่นองค์พระหลวงตาฯ พิพิธภัณฑ์หลวงตา
    เมื่อคืน เราภาวนาพุทโธ ย่ำรุ่งถึงสว่าง เพื่อเราเอง และช่วยงานเพื่อบูชาธรรมหลวงตา
    หลวงตาท่านสอนไม่ให้ทิ้งภาวนา อย่างน้อย วันละ 10 นาที ก็ยังดี
    ก่อนเทปูน ขออนิสงส์ภาวนาถึงสว่างนี้ ให้จิตใจสว่างปัญญาสว่างเข้าถึงกระแสธรรมด้วยเทอญ

    เชิญท่านผู้มีปัญญาทั้งหลาย ร่วมบุญช่วยสร้างพิพิธภัณฑ์พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน) โดยหลวงปู่ลี กุสลธโร วัดป่าบ้านตาด อุดรธานี



    [​IMG]
     
  5. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,403
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,121
    ค่าพลัง:
    +70,470
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,403
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,121
    ค่าพลัง:
    +70,470
    ประมวลภาพ .. แรงกายแห่งบุญ บูชาคุณหลวงตาฯ..
    ศิษยานุศิษย์หลวงตาฯร่วมแรงช่วยกันเทปูนแท่นองค์พระหลวงตาฯ พิพิธภัณฑ์พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน) โดยหลวงปู่ลี กุสลธโร วัดป่าบ้านตาด อุดรธานี เมื่อเช้าวันที่ 11 กรกฏาคม 2558








    [​IMG]


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  7. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,403
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,121
    ค่าพลัง:
    +70,470
    ถือศีลปฏิบัติธรรมภาวนากับครูบาอาจารย์มาหลายสิบปี จิตยังไม่สงบ
    จิตยังไม่รวม จิตฟุ้งส่งออกแต่ทางโลก ไม่น้อมเข้าสู่ทางธรรม

    ครูบาอาจารย์ท่านจึงให้ไปช่วยงานหลวงปู่ลี สร้างพิพิธภัณฑ์หลวงตาฯ
    ช่วยงานมาตั้งแต่วันแรก ตากแดดจนตัวดำ เช้าขนเหล็กแบกเหล็กแบกปูน ค่ำนั้งสมาธิเดินจงกรมภาวนา

    จนบัดนี้ กลับมานั่งสมาธิภาวนา เดินจงกรมภาวนา จิตรวมลงเป็นหนึ่ง สว่างโล่ง ลมหายใจละเอียด กายเบาจิตเบา กลับมาเล่าถวายครูบาอาจารย์ ท่านก็ตอบ..

    "นั่นแหละ ถึงให้ไปช่วยงานหลวงปู่ลี ให้กายมันฝึกทรมารดากแดดตากฝนบ้าง น้อมจิตระลึกถึงพระคุณพระธรรมหลวงตาฯตลอดที่ช่วงงาน เวลาดึกๆมาภาวนา จิตมันจะระลึกและรู้สึกตัวและสติจะตั้งมั่นอยู่กับความเพียร อานิสงส์การไปช่วงงานสร้างพิพิธภัณฑ์หลวงตาฯครั้งนี้นับว่ามีอานิสงส์มากนะ ผู้มีปัญญาเท่านั้นย่อมเห็น"



    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,403
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,121
    ค่าพลัง:
    +70,470
    [​IMG]
     
  9. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,403
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,121
    ค่าพลัง:
    +70,470
    อานิสงส์สร้างพระพุทธรูป พระชำระหนี้สงฆ์ หลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุง

    <iframe width="480" height="360" src="https://www.youtube-nocookie.com/embed/sA7W4E8zx5s?rel=0" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
     
  10. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,403
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,121
    ค่าพลัง:
    +70,470
    ทำไมต้องสร้างวัดให้สวย

    [​IMG]



    ทำไมต้องสร้างวัดให้สวย

    โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน






    ท่านสาธุชนพุทธบริษัทหลาย วันนี้ตรงกับวันที่ 23 พฤศจิกายน 2534 เมื่อตอนเช้าเวลาประมาณ 9 นาฬิกาเศษๆ หลังจากทำงานจากหนังสือแล้วก็นอนพัก พอพักเริ่มภาวนา ก็มีพระท่านมาบอกว่า

    เรื่องการสร้างเจดีย์ก็ดี สร้างองค์ปฐมก็ดี สร้างวิหารองค์ปฐมก็ดี ทั้งหมดนี้ ควรจะทำเป็นหนังสือไว้เพื่อลูกหลานจะได้มีความเข้าใจว่าสร้างทำไม ก็ขอนำเรื่องนี้มาคุยกัน อันนี้ไม่มีตารานะ คุยแบบธรรมดาๆ

    การสร้างเจดีย์ พุทธบริษัทและลูกหลานทุกคน โปรดทราบว่าเมื่อต้นปี 2534 ตอนนั้นกำลังป่วยมาก เวลานี้ก็ป่วยมาก แต่ว่าการป่วยคราวนั้นต่างกับเวลานี้ ถ้าถึงเวลา 4 โมงเย็นมันจะเริ่มอาเจียน แล้วก็อาเจียนเรื่อยไปจนถึง 5 ทุ่ม หลังจาก 5 ทุ่มแล้วจึงนอนได้ เป็นอย่างนี้ทุกวัน

    การฉันอาหารก็ฉันไม่ได้มาก บางทีพอกินน้ำไปแก้วหนึ่งก็อาเจียนไป 3 แก้ว ท้องก็ผูก แล้วต่อมาก็โรคความดันสูงถึง 160 และก็มีน้ำในปอด หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะอย่างนี้เป็นต้น ได้รับการทามานทางร่างกายอย่างหนัก

    แต่ทว่าบรรดาท่านพุทธทั้งหลาย ไม่มีใครเคยคิดว่าเนื้อแท้จริงๆ ทำไมอาตมาจึงทำการก่อสร้าง ถ้าพูดถึงการก่อสร้างแล้ว เบื่อจริงๆ เวลานี้อยากหยุดทุกอย่างเพราะว่าทั้งแก่และทั้งป่วย แต่ว่าในขณะนั้นมีวันหนึ่งตอนต้นปี ขณะที่เจริญภาวนาอยู่ ท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆ เป็นที่พอใจเป็นสบายแล้วก็กลับพื้นที่

    เมื่อกลับพื้นที่ พอจะถอนจากสมาธิ ก็พอดีเห็นพระท่านมา ท่านบอกว่า คุณยังตายไม่ได้นะ

    ความจริงเวลานั้นหรือเวลานี้ก็ตาม อยากตายเต็มที ถ้าตายเมื่อไรก็มีความสุขเมื่อนั้น เพราะมีบ้านอยู่ แต่ก็ลองอยู่คราวหนึ่งถอยหลังจากนี้ไป 20 วันเศษๆ จะไปจริงๆ ประตู บ้านถูกปิดเข้าเขตบ้านไม่ได้ เขาบอกว่ายังไม่ถึงเวลา ก็ลำบากเหมือนกัน ก็ต้องกลับมานั่งทุกข์ทรมานคุยกันอยู่นี่แหละ

    ก็เป็นอันว่า พระท่านบอกว่า

    วัดยังไม่เสร็จ ยังตายไม่ได้ ประการที่สอง ทุนสำหรับบำรุงและพระสงฆ์ภายหลัง ถ้ายังมีไม่พอยังตายไม่ได้

    อย่างอื่นไม่สำคัญ แต่เรื่องทุนจะเกณฑ์ใครเขา ต่างคนต่างก็มีทุกข์ ทุกคนต่างธรรมดาหากิน พอบ้างไม่พอบ้าง ที่เหลือกินเขาก็มี เขาจำเป็นต้องกิน ต้องเก็บไว้ใช้บ้าง

    และท่านบอกว่า วัดยังขาดเจดีย์ คุณอย่าคิดนะว่าวัดนี่ทำครบถ้วนแล้วตามความประสงค์ของฉัน

    อย่าลืมนะว่าวัดนี่ทำครบถ้วนแล้วตามความสงค์ของฉัน

    อย่าลืมนะบรรดาท่านพุทธบริษัท วัดท่าซุงที่สร้างขึ้นนี้ไม่ได้สร้างตามความประสงค์ของอาตมา อาตมาเองหนีการก่อสร้างมาจากวัดบางนมโค เบื่อการสร้าง หวังจะหาอยู่ที่สงัด

    เมื่อเห็นวัดท่าซุงมีสภาพเหมือนวัดร้าง ก็คิดว่า วัดอย่างนี้ไม่ค่อยมีคนมา เราจะสร้างกุฏิสักหลังเดียวแบบกระต๊อบเล็กๆ ก็สบายใจแล้ว แต่ที่ไหนได้ นั้นเป็นความประสงค์ของอาตมา

    ต่อมาก็กลายเป็นความประสงค์ของพระ พระท่านมากะเนื้อที่ว่าต้องสร้างให้เต็มตามบริเวณ มีเนื้อที่เท่านั้น สร้างรูปอย่างนั้น สร้างรูปอย่างนี้ เวลานี้สตางค์ก็ไม่มี เงิน 100 บาทยังไม่เคยติดกระเป๋า

    จึงได้ถามว่า จะสร้างได้อย่างไร...?

    ท่านบอกว่าไม่เป็นไร ฉันจะช่วยหาสตางค์

    ในเมื่อท่านรับปากจะช่วยก็บอกรับว่า เมื่อมาถึงขั้นนี้ มันก็ใกล้จะเสร็จ ยังขาดอยู่วิหาร 25 ไร่ ยังไม่ได้ทาสีทางเดินรอบ 100 ไร่ยังไม่ประจบกัน ถึงอย่างไรก็ดี ก็ต้องพบกันจนได้ ค่อยๆ ทำไปจนเสร็จ ถ้ายังไม่ตาย

    ท่านบอกว่า ที่คุณคิดว่าเสร็จ มันก็ยังไม่เสร็จ กุฏิไม้ที่สร้างไว้นครั้งก่อนหลังโบสถ์ ให้รื้อขึ้นมาเป็นคอนกรีตให้หมดจะได้ไม่พัง และอีกประการหนึ่ง วัดต้องมีเจดีย์ เลยชี้ให้ท่านดูยอดวิหารว่า วิหารหรือมณฑปทุกหลังมียอดทั้งหมด คล้ายเจดีย์อยู่แล้ว ท่านบอกว่า นั้นมันยอดวิหารยอดมณฑปใช่เจดีย์ คุณต้องสร้างให้ครบถ้วน

    ก็เลยถามว่าจะสร้างที่ไหน ผมไม่มีที่จะสร้าง ท่านบอกว่า สร้างที่ 100 ไร่ก็ได้ เลยกราบเรียนท่านบอกว่า ถ้าที่ 100ไร่ไม่สร้าง ทั้งนี้เพราะอะไรเพราะว่าที่ 100 ไร่ปลูกต้นไม้ไว้เต็ม ต้องการให้เป็นป่า เพื่อความร่มเย็นเป็นสุขของคนและสัตว์ วันแรกตกลงกันไม่ได้ ท่านกำหนดเจดีย์ใหญ่มาก และก็สูงมาก

    ต่อมาวันที่สองมาใหม่ ในเวลาเดียวกัน คือเวลาประมาณเกือบตีสี่ เลิกเจริญกรรมฐาน ท่านมาพูดอีกทีอาตมาก็ไม่ยอมรับว่า ถ้าจะให้ผมซื้อที่ใหม่ ผมไม่ซื้อ ที่ที่เหมาะสมที่จะสร้างเจดีย์ไม่มี ถึงอย่างไรก็ตาม เจดีย์ขนาดใหญ่นั้นผมไม่ทำแน่นอน ท่านก็นิ่งแล้วท่านก็กลับไป

    คืนที่สามท่านมาใหม่ ท่านบอก เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน องค์ใหญ่ไม่ต้องทำ แต่ให้ทำองค์เล็กๆ แต่ต้องราคาแพงถามท่านว่าราคาเท่าไร ท่านบอก ไม่รู้ละ ฉันหาให้ทันก็แล้วกัน เรื่องราคาไม่แน่นอน เพราะของมันจะขาด ของมันจะขึ้นราคาภายหน้า ไม่ช้าของจะขาดมือลง ในท้องตลาดราคาจะสูงขึ้น ถ้ากำหนดราคานี้ก็ใช้ไม่ได้

    ก็เป็นอันว่า ถ้าจะสร้าง เอาที่ตรงนี้นะ เอาที่ใกล้ๆ พระพุทธรูปยืนอุ้มบาตร ต้องทำให้สวย แล้วก็ต้องมีดอกไม้ แล้วดอกไม้ต้องปิดทอง ตามร่องปิดกระจกให้มองเห็นความสวย

    เจริญศรัทธา

    ถามท่านว่าทำไมจึงต้องสวย

    ท่านบอกว่า เป็นการเจริญศรัทธา ทุกอย่างที่ทำนี่ไม่ต้องการโอ้อวด ไม่ต้องการแข่งขันกับใคร จึงทำไม่เหมือนใคร ต้องการอย่างเดียว ให้ทุกคนที่มองเห็นแล้วติดตาติดใจ วัดท่าซุงมีอะไรที่ชอบบ้างที่เราชอบใจ ถ้าเวลาก่อนเขาจะตาย จิตเขาจะได้นึกขึ้นมาว่า เราเคยเห็นวัดท่าซุง ชอบใจตรงนั้น ชอบใจตรงนี้ ในขณะนั้นพร้อมกับเขาตายไปเขาจะสวรรค์ทันที

    อันนี้เป็นลีลาของพระท่าน ที่ต้องการให้คนไปสวรรค์โดยใช้รูปแบบสวยๆ


    จึงเรียกนายช่างประเสริฐกับจำเนียร สองสามีภรรยาเป็นนายช่างประจำวัด ช่างปั้นพระ เรื่องความสวยงามต้องยกให้สองคนนี้ สองคนนี้มีความรู้บวกกันแล้วเป็น ป.8 ก็มาปรึกษาหารือ ให้กะสถานที่ว่า ถ้าที่ตรงนี้จะสูงขนาดไหน เธอกะสถานที่แล้วก็บอกว่าตรงนี้ จะสูงได้ไม่ต่ำก็ประมาณพระยืนเฉพาะยอดนะเอาถึงยอดก็เป็นที่พอใจ

    ก็บอกว่าเธอว่า เจดีย์นี้ต้องมีดอกพุดตานปิดหมดก็ปิดกระจกขาวใส ห้ามใช้กระจกสีเพราะว่าเวลาไม่สวยเวลาสะท้อนแสงแดด ก็ตกลง เธอก็ใช้เวลาผ่านมานาน ใกล้ฤดูฝน เห็นจะเป็นพฤษภาคม 2534 ก็ลงมือทำ

    ก่อนที่จะทำก็มีคุณอภิชาต สุขุม รู้ข่าวเข้า ก็ไปถ่ายภาพเจดีย์มาจากวัดต่างๆ วัดโพธิ์บ้าง วัดไหนบ้างก็ตาม เอามาหลายภาพ เอามาให้เลือก เมื่อเลือกแล้ว ไม่เป็นที่พอใจของพระท่าน ทีนี้จึงให้ประเสริฐเขียนภาพมาสองภาพ แบบเรียบๆ กันแบบมีขึ้นตอน เธอเขียนขึ้น ท่านก็เป็นที่พอใจ

    ต่อมากก็ลงมือสร้าง ส่วนล่างทั้งหมดจนถึงระฆังเป็นเรื่องของประเสริฐกับจำเนียร ด้านคอระฆังเป็นเรื่องของพระสามารถ ซึ้งมีความรู้ความเชี่ยวชาญทางนี้พอสมควร ก็เป็นการก่อสร้างเจดีย์ ก็เป็นอันเริ่มขึ้น

    เจดีย์มีความสำคัญอย่างไร ก็ขอตอบว่า ถ้าเฉพาะเจดีย์จริงๆ ก็มีความสำคัญ เพราะว่าเจดีย์เป็นองค์แทนขององค์สมเด็จพระสัมสัมพุทธเจ้า ถ้าเราเห็นพระเจดีย์เรานึกถึงพระพุทธเจ้าเป็น พุทธานุสสติ ถ้าเราเห็นพระเจดีย์ เรานึกถึงพระสงฆ์ผู้สร้าง ก็เป็น สังฆานุสสติ เห็นภาพเจดีย์สวยเป็นกุศล ตายไปสวรรค์ทันที ถ้าเรามีจิตใจมั่นคงมาก ก็ไปพรหมโลกได้ นี่เฉพาะเจดีย์

    การก่อสร้าง ทุนไม่มี บรรดาท่านพุทธบริษัท คงจะมีคนมาทำบุญรวมแล้วทั้งหมดไม่เกิน 3000บาท เพราะไม่ได้โฆษณาเมื่อเริ่มก่อสร้าง คุณอภิชาต สุขุม ที่อยู่กรุงเทพ ก็นำทุนมาให้หนึ่งแสนบาท ต่อมาให้อีกหนึ่งแสนบาท ต่อมาให้อีกหนึ่งแสนบาท รวมแล้วเป็นสามแสนบาท เป็นทุนสำรอง

    ไม่ใช่ให้ยืมนะ คุณอภิชาติ ให้ทำเลย ก็ทำเรื่อยไปจนกระทั้งจบ ไอ้จบนี้ไม่รู้รู้ว่าราคาเท่าไร เพราะวัดนี้ก่อสร้างไม่ค่อยรู้ราคาแน่นนอน เพราะทำงานทำร่วมกันหมดคราวละหลายสถานที่ ซื้อของมาพร้อมกัน

    ถ้าจะให้ตีราคาคร่าวๆ เรื่องของเจดีย์ ทั้งองค์เจดีย์ด้วยในองค์เจดีย์ด้วย ให้ตีราคาสัก 5 ล้านยังไม่พอ

    ทั้งนี้เพราะอะไร ก็เพราะคุณอภิชาต สุขุม กับคุณแสงเดือน แม้นวงค์ ไปซื้อแก้วเจียระไนจากฝรั่งเศส ไม่ใช่ลุกเดียวนะ เขาสวยงามมาก มีกิ่งก้าน มีเครื่องประดับประดาสวยงาม เป็นแก้วใหญ่มาก ราคาเรือนแสน เอามาเป็นที่ใส่พระบรมสารีริกธาตุ

    และในนั้นก็จะพระที่มีคุณค่าสูง อย่าง พระทองคำเป็นทองคำบุ คณะคุณสันต์ ภู่ภร พิษณุโลก นำมาถวายพร้อมด้วยเครื่องประดับ เอาบรรจุใส่ไว้ในกล่องไว้ในนั้น และก็พระสมัยรุ่นโน้น เขาลือกันว่าเป็นสมัยพระเจ้าศรีธรรมปิฎก

    พระเจ้าศรีธรรมปิฎกหรือสมัยเจ้าพรหมมหาราช มาสร้างวัดๆหนึ่ง ใกล้เขตพิษณุโลกกับเพชรบูรณ์ติดต่อกันไม่ทราบว่าอยู่ตรงไหนแน่ และก็สร้างเจดีย์ บรรจุพระพุทธรูปเทวรุปไว้มาก คณะคุณโยมสันต์ ภู่กร ทราบข่าวว่ามีคนเขาไปขุด ก็เลยไปติดต่อขอซื้อ เขาก็ให้

    เป็นอันว่าชาวคณะนี้ลงทุนไปหลายหมื่นบาท โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตลับใส่พระบรมสารีริกธาตุเขาคิดหมื่นบาทความจริงเป็นตลับไม้ ท่านก็ซื้อมา คณะนี้ศรัทธาสูงมาก

    แต่ก่อนซื้อมา ท่านบอกว่า ก่อนที่จะทำการขุด ว่าคนที่ขุดพบ เขาขายเอกสิทธิ์ เขาขุดพบ เขาได้อะไรไปบ้างก็ไม่ทราบ ทีนี้คณะนี้ต้องการจะขุดต่อไป เขาขายเอกสิทธิ์ของเขาทั้งๆ ที่ไม่ใช่ที่ของเขา เขาขายให้ในราคาหลายหมื่นบาท จำไม่ได้ได้ว่าสามหมื่นหรือสี่หมื่น ก่อนที่จะลงมือขุดก็ทำพิธีบวงสรวง

    คำว่าบวงสรควงบรรดาพุทธบริษัท ถ้าเป็นนักธรรมเกินไปละก็ มันจะไร้เหตุผล แต่ว่าเป็นพิธีกรรมที่มีผล เป็นพิธีที่เชิญเทวดามาได้ เชิญพรหมมาได้ อาราชธนาพระมาได้ก็แล้วกัน อย่างเจ๊กที่เขาทรงในพิธีของเขา เขาทำอะไรแปลกๆ ก็เห็นอยู่แล้วว่า สิ่งลี้ลับมีอยู่ ที่เราไม่สามารถมองเห็นได้มีอยู่

    เมื่อทำพิธีบวงสรวงเสร็จ เสียงใต้ดินมีเสียงคึ่งคั่กๆคล้ายเสียงขนของหนี เสียงดังสะท้านขึ้นมาเหนือแผนดิน คุณสันต์ ภู่กร บอกว่า ไม่ได้เอาไปไหนหรอก จะขุดไปถวายหลวงพ่อที่วัดท่าซุง เพราะหลวงพ่อท่านก็เป็นพระ ท่านก็มีสิทธิ์เป็นเจ้าของ เพราะของนี้เป็นของสงฆ์ ก็ถือว่าถวายหลวงพ่อก็แล้วกัน พอบอกเสียงนั้นก็เงียบ แล้วก็ขุดได้ตามความประสงค์

    เมื่อขุดไปๆแล้ว เธอก็มาแจ้งข่าวให้ทราบว่า ยังไม่ได้พระบรมสารีริกธาตุ ก็บอกว่า ให้ไปบูชาใหม่ว่า พระบรมสารีริกธาตุอยู่ทางไหน ให้ตั้งใจขุดทางนั้น ให้คิดว่าจะขุดทางนั้นก็เป็นอันว่าได้พระบรมสารีริกธาตุ ได้พระพุทธรูปเทวรูปมามากฉะนั้น เจดีย์องค์นี้ จึงได้บรรจุของทั้งหมดที่คณะโยมสันต์ภู่กร พิษณุโลก คณะของท่านนำมาเอาไว้ในเจดีย์องค์นี้ และก็ยังมีของอื่นอีกมาก ที่บรรดาญาติโยมพุทธบริษัทบูชา ที่เป็นแก้วแหวนเงินทองบูชาพระรัตนตรัย ถ้าจะคิดจริงๆ ราคาทั้งในเจดีย์และเจดีย์ ถ้าใคร ให้ 5 ล้าน หรือ 10 ล้านก็ไม่ขาย ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะพระไม่มีน่าที่ขายเจดีย์

    พระไม่มีอาชีพขายพระพุทธรูป

    ก็รวมความว่า เจดีย์มีค่าสูงสุด ที่มีความสำคัญจริงๆบรรดาท่านพุทธบริษัท ที่พระท่านมาจัดการสร้างเอง ท่านเคี่ยวเข็ญให้ต้องสร้าง ตรงนี้ เพราะบริเวณนี้เป็นที่มีพระบรมสารีริกธาตุมาก สร้างทับลงไป กับวิหารพระพุทธเจ้าองค์ปฐมอีกหลังหนึ่งทับที่พระบรมสารีริกธาตุ ท่านขึ้นอยู่เสมอ

    เวลาที่ขึ้นมาจากดินสวยอร่ามเหมือนกันดวงดาวใหญ่เหนือยอดไม้อยู่บ่อยๆ ลอยวนไปวนมาแล้วก็กลับไปที่เดิมวิหารท่านก็สั่ง ต้องสร้างตรงนั้น ตรงนั้นก็เป็นสิ่งมหัศจรรย์รถแทรกเตอร์เวลาเกรดที่อยู่ดีๆ ถึงตรงนั้นดับ ไปไม่ได้ แต่ถอยสตาร์เครื่องติด ทำงานอื่นได้พอถึงที่ตรงนั้นเครื่องดับห้ามผ่าน

    โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ธรรมปฏิบัติเล่มที่ 18
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • LP33.jpg
      LP33.jpg
      ขนาดไฟล์:
      146.8 KB
      เปิดดู:
      599
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 กรกฎาคม 2015
  11. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,403
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,121
    ค่าพลัง:
    +70,470
    วันนี้ 18 กรกฏาคม มีครอบครัวเศรษฐี มหาเศรษฐี มาช่วยงานเทปูน
    แต่ด้วยความเคารพจึงไม่ขอนำรูปภาพลงเฟส
    ชมภาพสาวน้อย ไปพลางๆก่อน ว่าเธอนั้น มาช่วยเทปูนด้วยใจจริงๆ
    ติดตามชมประมวลภาพ ต่อจากนี้ มีผู้มีจิตศรัทธาหลั่งไหลมาช่วยกันมากมาย
    ...............................
    "ร่วมบุญสร้างพิพิธภัณฑ์หลวงตา ได้อานิสงส์มาก
    แต่การลงแรงสร้างพิพิธภัณฑ์หลวงตา ได้อานิสงส์มากกว่า"
    ..อานิสงส์การสร้างพิพิธภัณฑ์หลวงตาฯครั้งนี้ หนึ่งวันเท่ากับร้อยชาติ..
    ร่วมสร้างพิพิธภัณฑ์พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)
    โดยหลวงปู่ลี กุสลธโร ณ วัดป่าบ้านตาด อุดรธานี


    [​IMG]

    ****************************************************


    ‪ภาพมงคลจากวัดป่าบ้านตาด‬ เมื่อวันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๘
    พระอาจารย์มหา โสฬสฯ พระอาจารย์ประสบ กุสโล
    วัดป่าดงสามขา อ.ยางชุมน้อย จ.ศรีสะเกษ
    นำคณะศิษย์เข้ากราบพร้อมทั้งถวายปัจจัยแด่องค์หลวงปู่ลี กุสลธโร
    เพื่อร่วมสร้างพิพิธภัณฑ์พระธรรมวิสุทธิมงคล ณ วัดป่าบ้านตาด
    เป็นเงิน 2,061,790 บาท (สองล้านหกหมื่นหนึ่งพันเจ็ดร้อยเก้าสิบบาท)

    ทางเพจขออนุโมทนากับท่านพระอาจารย์และศรัทธาทุกท่าน

    มา ณ โอกาสนี้ สาธุ สาธุ สาธุ - ขอบคุณภาพข่าวจาก คุณนกยูง ผาแดง





    [​IMG]

    [​IMG]



    https://www.facebook.com/pages/พุทธ...ณสมฺปนฺโน-ภูผาแดงฯ/453781947991908?fref=photo
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 26 กรกฎาคม 2015
  12. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,403
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,121
    ค่าพลัง:
    +70,470
    การปั้นพระภายนอกและภายใน

    การปั้นพระภายนอกและภายใน

    การฝึกปั้นพระเป็นกุศโลบายอย่างหนึ่ง ที่ทำให้หยุดคิดชั่ว
    ขณะหนึ่ง ชั่วขณะที่ได้ตั้งใจทำพระให้เสร็จ ให้ได้แบบ ให้ได้
    รูป ให้สวยงาม ในขณะที่ทำก็จะได้อานิสงส์คือ พุทธานุสติ
    เมื่อมีองค์พระแบบที่ต้องการ กดพิมพ์พระให้สมบูรณ์ก็จะระลึก
    ถึงพระพุทธเจ้า การทำพระให้เป็นนี้เป็นกุศโลบายที่ทำให้ใจที่
    หยาบ ใจที่ว้าวุ่น ใจที่ขัดข้อง ใจที่คิดโน่นคิดนี่ ให้ได้หยุด ได้
    นิ่ง ได้ใส มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งในขณะที่ทำ ขณะที่ทำให้
    ระลึกอยู่เสมอว่า ต่อไปนี้จะตั้งใจกดพิมพ์พระปั้นพระ พระใน
    กาย พระในใจของเราให้ได้รูปแบบที่สมบูรณ์ที่สุด จิตของลูก
    ให้หมดสิ้นในกามรมณ์ให้หมดสิ้นในโทสะ ให้หมดสิ้นในโมหะ
    ความหลง จะตั้งจิตตรงต่อพระนิพพานเป็นที่พึ่ง ชีวิตเป็นของ
    ไม่แน่นอน ความเกิด ความตายเป็นของธรรมดา เมื่อเกิดขึ้นมา
    แล้วก็ต้องเป็นของยุ่งยาก ในที่สุดมันก็ต้องตาย แต่ถ้ากิเลส
    ของเรายังไม่หมด ก็ต้องกลับมาเกิดใหม่ มาใช้ชีวิตที่มีความ
    ทุกข์ ความสุขเจือปนอยู่ หาความสุขที่แท้จริงไม่ได้ ตราบใดมี
    การเกิดก็ย่อมมีทุกข์

    ฉะนั้นในขณะที่ปั้นพระให้ตั้งจิตแน่วตรงต่อพระนิพพานว่า
    ชาตินี้ให้พอเสียที เกิดทุกชาติก็ตายทุกชาติ เกิดแล้วตาย เกิด
    แล้วตายวนเวียนกันอยู่เช่นนี้ ทำอารมณ์จิตให้นิ่งให้หยุด ให้
    พิจารณาถึงพระนิพพานเป็นที่ตั้ง ให้กำหนดอารมณ์พระนิพพาน
    ขึ้นที่ศูนย์กลางกาย เราตั้งใจจะปั้นพระภายในกายของเราให้
    สวย ให้งาม ให้ได้แบบที่สมบูรณ์ที่สุด

    ในขณะทำ ทำอารมณ์จิตให้เบา ให้ใส ให้พยายามรักษา
    กำลังใจไว้ว่า...ที่เราทรงขันธ์ห้า อันเป็นภาระอันหนัก ในการ
    แบกอยู่ในโลกนี้ ทำให้เกิดอารมณ์ยุ่งวุ่นวาย จิตไม่หยุดไม่นิ่ง
    ต่อไปนี้เราจะทำอารมณ์พระนิพพาน เราจะปั้นพระภายในกาย
    เพื่อให้เราละจากโลกนี้แล้ว เทวโลก พรหมโลก ไม่ว่าสวรรค์
    พรหมชั้นไหน เราก็ไม่ต้องการ เราต้องการเพียงอย่างเดียวคือ
    พระนิพพาน ฉะนั้นเราจะปั้นพระประจำกายของเราให้ได้
    สมบูรณ์แบบที่สุด ให้ได้ดีที่สุด

    ขณะที่ปั้นพระเมื่อแกะบล๊อกออกมาแล้วก็ตกแต่งให้สวย
    งาม ดูความบกพร่องและพยายามแต่งให้สมบูรณ์แบบที่สุด
    ก็เปรียบเหมือนกับว่าการมาปฏิบัติธรรมก็เพื่อสำรวจความ
    บกพร่องของจิต ว่าจิตของเราบกพร่องอยู่ตรงไหน พยายาม
    แก้ไขให้สู่ระดับความดี อย่างนี้เป็นความดีที่ถึงพระพุทธองค์
    สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต้องการ

    จำไว้ว่าโลกนี้ไม่มีอะไรเที่ยง ถ้าเราเกาะความไม่เที่ยงเรา
    ก็ทุกข์ แต่ทว่าจะสุขหรือทุกข์ก็ตามอนัตตามันก็เข้ามาถึง อย่า
    ยึดอย่าถือว่า สรรพสิ่งมันเป็นของเรา เป็นของเราให้คิดเสมอ
    ว่า.......... ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายที่เราจะอยู่กับมัน เราจะ
    ตั้งใจของเราให้ใสสะอาดบริสุทธิ เราจะปั้นพระภายในกายของ
    เราให้สวย ให้สมบูรณ์แบบ จงมีความรู้สึกอยู่เสมอว่า ถ้าเรายัง
    ไม่เป็นพระอรหันต์ในเวลานั้นเราก็ขึ้นชื่อว่า ยังไม่เป็นคนดีที่
    สุด เราจะพยายามเก็บความชั่วกิเลส ตัณหา ที่ขังอยู่ในใจ
    ทำลายให้มันตายสนิท อย่าให้เกิดขึ้นมา เมื่อกิเลสความชั่วตาย
    หมด เชื่อว่าจิตว่างจากความชั่ว ทรงไว้แต่ความดี และว่างจาก
    ความทุกข์ จะทรงไว้เพียงความสุขอย่างเดียว ชีวิตเป็นของ
    ไม่เที่ยง แต่ว่าความตายเป็นของเที่ยง ก่อนที่เราจะตายจงคิด
    ว่าเราจะตายครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย ไม่มีการตายต่อไปอีก นั่นคือ
    พระนิพพาน ให้ฝึกตายก่อนตาย เอาอารมณ์พระนิพพานเป็นที่
    ตั้ง ขณะที่ปั้นพระ ก็ปั้นพระในกายของเราให้สมบูรณ์แบบ

    ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นเราตถาคต
    ธรรมะเป็นของที่ชี้ชวนกันดูไม่ได้
    แต่ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ สามารถรู้เห็นได้ด้วยตนเอง

    พระที่เราปั้นเมื่อแกะออกมาไม่สวยเราล้มทิ้งปั้นใหม่ ปั้น
    มากๆเข้า ก็จะได้พระที่สวยขึ้น แบบที่คมขึ้น ชัดขึ้นใจที่หยาบก็
    ละเอียดขึ้น ๆ ๆ นี่คือประโยชน์หนึ่งในการกดพระ ปั้นพระ
    การนั่งสมาธิก็เป็นอีกกุศโลบายหนึ่งที่ทำให้ใจหยุดใจนิ่ง
    การกดพิมพ์พระเมื่อทำมากๆ เข้าปรากฏว่าพระที่ทำออกมาสวย
    ขึ้น ๆ นั่นก็เพราะจิตของผู้ที่ทำละเอียดขึ้น ๆ ๆ ให้เข้าใจถึง
    แนวรูปแบบวิธีการในการทำ ต้องการให้กำหนดอารมณ์พระ
    นิพพานเป็นที่ตั้ง หากฝึกตั้งแต่ตอนนี้ เวลานี้ เมื่อถึงเวลาละ
    ขันธ์ย่อมมีนิพพานเป็นที่ตั้ง พระนิพพานให้ทำ ณ ปัจจุบันไม่
    ต้องรออนาคตกาล

    ถ้าต้องการหมดทุกข์ หมดภพ หมดชาติ ต้องการความสุข
    ที่แท้จริงก็จงอย่าคิดว่า โลกนี้เป็นของเรา ทรัพย์สินทั้งหมดใน
    โลกนี้เป็นของเรา ร่างกายนี้เป็นเราเป็นของเรา ร่างกายของ
    บุคคลอื่นเป็นพวกเราเป็นของเรา จงคิดว่าร่างกายก็เป็นเพียง
    แค่ธาตุที่ขึ้นมาประชุมประกอบขึ้นมาเป็นร่างกาย ภายในร่าง
    กายของเราก็เพียงทำความรู้สึก เพียงแต่สรรพแต่ว่าเห็น
    คือไม่สนใจ ไม่ยึดถือ ว่ามันเป็นกับเรา จะอยู่ด้วยกันตลอด
    กาล ตลอดสมัย ให้ตัดความโลภเสีย ด้วยการให้ทาน
    ตัดความโกรธ ด้วยความเห็นใจซึ่งกันและกันการรู้จักอภัย
    ตัดความหลง ด้วยการยอมรับนับถือกฎของความเป็นจริง
    ถ้าสามารถมีอารมณ์ได้อย่างนี้ทั้งหมด จะมีความสุข
    จะรู้จักพิจารณาสัจจธรรมที่แท้จริงของโลก
    สรรพสิ่งเกิดขึ้น ตั้งอยู่ชั่วขณะหนึ่ง แล้วก็ดับไป

    ต้องพยายามทำทุกวัน ตัดโลภะคือความโลภ
    โทสะคือความโกรธ
    โมหะคือความหลง

    หากสามารถทำลายยักษ์สามตัวนี้ลงได้ทุกวัน ๆ ๆ โลภะ โทสะ
    โมหะ ก็จะหมดไปในที่สุด ความสุขที่แท้จริงก็จะบังเกิดกับทุก
    ท่าน ถือว่าเป็นการฝึกการตายก่อนตาย

    การฝึกปั้นพระก็เป็นการฝึกปั้นธรรมกายในตัวเรา ให้ใจที่
    หยาบ ใจที่ว้าวุ่น ใจที่เกาะเกี่ยวในกิเลส ตัณหา อวิชชา เบาบาง
    ลงจิตก็ละเอียดขึ้น ๆ ๆ จิตก็ใสขึ้น ใสในใส ๆ ๆ อารมณ์พระ
    นิพพานเป็นที่ตั้งของทุกๆ คน

    เมื่อปั้นพระเป็นแล้ว ต่อไปจะเป็นแนววิถีวิชชาธรรมกาย
    ว่า....ในวิชชาธรรมกายเมื่อทำวัตถุมงคลเสร็จแล้ว จะต้องเดิน
    วิชชาอย่างไร เพื่อให้วัตถุมงคลนั้นศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง จะหาความ
    ศักดิ์สิทธิ์ใดในโลกมาเปรียบนั้นไม่มี วิชชาธรรมกายเป็นหนึ่ง
    เมื่อปั้นพระเป็นทำวัตถุมงคลเป็นแล้ว ต้องทำให้เป็น
    วิชชาเป็น วิธีทำวัตถุมงคลให้เป็นกายสิทธิ์ที่ศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง
    ตามแนววิชชาธรรมกายเป็นดังต่อไปนี้

    ให้เดินวิชชาเข้าสุดละเอียดที่สุด ผู้ที่เดินเซฟมรรคได้ก็
    ให้เดินเซฟมรรคทับทวีทบไปทวนมาจนใส ใสในใส นิ่งในนิ่ง
    กลางของกลาง สลักเข้าไปกำเนิดตัวเราทั้ง 18 กาย และกาย
    มนุษย์ กลั่นให้ใสละเอียด ละเอียดไป ๆ ๆ จนสุดละเอียด ตั้ง
    เอาธาตุเป็นกสิณ ธรรมเป็นสมาบัติ สลักเข้าไปในไส้ธาตุดิน
    กลั่นธาตุดินให้สะอาด สลักเข้าไปในธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม
    อากาศธาตุ วิญญาณธาตุ แยกธาตุสะอาดฟอกธาตุสะอาด ทำ
    ทบไปทวนมาจนธาตุทั้งหลายใสสะอาด

    ตั้งเครื่องเห็น จำ คิด รู้ กลั่นธาตุเห็น ธาตุจำ ธาตุคิด
    ธาตุรู้ให้สะอาด ตลอดสุดหยาบสุดละเอียด เถาว์ ชุด ชั้น ตอน
    ภาค พืด สุดละเอียดกายให้สะอาด สะสางถึงหยาบสุด กลาง
    สุด ละเอียดสุดให้สะอาด ทำซ้ำๆ ๆ ทั้งธาตุทั้ง 4 ที่ประกอบ
    ขึ้นมาในวัตถุมงคลที่เราทำแล้ว ก็อาราธนาพระพุทธเจ้า พระ
    อรหันต์เจ้า ต้นธาตุพระจักรพรรดิ์ ให้แก้กายเครื่องจักรกายสิทธิ์
    รัตนเจ็ด ที่เป็นไอกรด สะสางกายให้สะอาด อาราธนาวิชชา
    ผ่านวัตถุมงคลที่ปั้นขั้นมาใหม่ทุกชิ้น วัตถุมงคลเหล่านี้จะมี
    กายที่ละเอียดสลักเข้าไป กายในกาย ๆ ๆ เดินพร้อมกับตัวเรา
    พร้อมกัน น้อมเข้าไปในไส้นิพพานแก่ๆ นิพพานเป็นสุด
    นิพพาน ให้เป็นวิราคธาตุ วิราคธรรม วิมุตติธาตุ วิมุตติธรรม
    อาศัยธาตุธรรมทั้งสองชนิดนี้ สะสางธาตุธรรมและวัตถุมงคล
    นั้นให้ใสสะอาด

    เข้าถึงศูนย์บุญในองค์พระพุทธเจ้า พระจักรพรรดิ์
    กำเนิดศูนย์บุญกลั่นให้สะอาด ส่งกายเข้าไปเรื่อยสุดละเอียด
    เข้าถึงแล้ว สุดหยาบเข้าถึงแล้ว อยู่ในศูนย์บุญ ตั้งธาตุดิน น้ำ
    ไฟ ลม อากาศธาตุ วิญญาณธาตุขึ้นมา ประกอบกายมนุษย์
    พิเศษสลักเข้าไปในกลางผ่านดวงเห็น ดวงจำ ดวงคิด ดวงรู้
    ขันธ์ห้า วัตถุมงคลนั้นเป็นธรรมขันธ์ ธรรมธาตุ ฉะนั้นต้องสลัก
    เข้าไปในอายตนะ 12 ธาตุ 18 อินทรีย์ 22 เข้าถึงในไส้สุด
    กลั่นให้สะอาด เชื่อมติดกายมนุษย์หยาบและละเอียด ทิพย์
    หยาบ ทิพย์ละเอียด รูปพรหมหยาบ รูปพรหมละเอียด อรูป
    พรหมหยาบ อรูปพรหมละเอียด ปฐมมรรค มรรคจิต มรรค
    ปัญญา โครตภูหยาบ ละเอียด โสดามรรคผล สกิทาคามรรค
    ผล อนาคามีมรรคผล อรหันต์มรรคผล อรหันต์ในอรหัตน์
    ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าพระจักรพรรดิ์ ตรึกนิ่งเข้าไปที่ผุดดวง
    โพธิญาณของท่าน ซึ่งเป็นดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายพระอรหันต์
    นั่นเอง ที่แก่ไกลเข้าไปอาราธนาท่านเปิดบุญศักดิ์สิทธิ์ กลั่น
    ธาตุธรรมให้สะอาด

    สลักเข้าไปในไส้ธาตุดิน ฟอกธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม
    วิญญาณ อากาศธาตุ เข้าไปถึงอณูธาตุดิน จนไปถึงหัวแก๊ส
    เซฟทะเล เหตุทะเล กลั่นให้สะอาด อาราธนาพระพุทธเจ้า
    พระจักรพรรดิ์ประจำเต็มหมด

    สลักเข้าไปในไส้ธาตุน้ำ เดินฟอกดิน น้ำ ไฟ ลม
    วิญญาณ อากาศธาตุ เข้าไปถึงอณูธาตุน้ำให้สะอาดจนไปถึง
    หัวแก๊ส เซฟทะเล เหตุทะเล อาราธนาพระพุทธเจ้า พระจักร
    พรรดิ์ประจำเต็มหมด ในอณูธาตุน้ำ

    สลักเข้าไปในไส้ธาตุไฟ เดินแยกฟอกดิน น้ำ ไฟ ลม
    วิญญาณ อากาศธาตุ เข้าไปถึงอณูธาตุไฟให้สะอาด อาราธนา
    พระพุทธเจ้า พระจักรพรรดิ์ ประจำอณูธาตุไฟ

    สลักเข้าไปในไส้ธาตุลม เดินแยกฟอกดิน น้ำ ไฟ ลม
    วิญญาณ อากาศ อณูธาตุลม ให้สะอาดพระพุทธเจ้า พระจักร
    พรรดิ์ประจำเต็มหมด

    สลักเข้าไปในไส้วิญญาณธาตุ เดินแยกฟอกดิน น้ำ ไฟ
    ลม วิญญาณ อากาศธาตุ อณูธาตุเป็นเซฟทะเล เหตุทะเล
    อาราธณาพระพุทธเจ้า พระจักรพรรดิ์ประจำเต็มหมด

    สลักเข้าไปในไส้อากาศธาตุ เดินแยกฟอกดิน น้ำ ไฟ
    ลม วิญญาณ อากาศธาตุ อณูธาตุให้สะอาดเป็นเซฟทะเล เหตุ
    ทะเล สอดเข้าไปในไส้กลั่นละเอียดอีกที พระพุทธเจ้า พระจักร
    พรรดิ์ ประจำเต็มอยู่ อณูธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม นับเป็นแสนอสง
    ขัยกัปป์นับไม่ถ้วน สอดไส้กลั่นเดินเข้าไปในกายที่เล็กที่สุด
    ละเอียดที่สุด ส่งเข้าไปในองค์พระพุทธเจ้า พระจักรพรรดิ์ ไป
    เรื่อย อาราธนาพระพุทธเจ้าในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต
    พระจักรพรรดิ์ประจำโพธิญาณของพระพุทธเจ้า 28 พระองค์
    เชื่อมติดหมด พระปัจเจกพุทธเจ้า ประจุอาราธณาพระอิสีติ
    มหาสาวกและนิพพานในอดีตในอดีต ในปัจจุบันในปัจจุบัน
    ในอนาคตในอนาคต นับอายุธาตุ อายุบารมี นับอสงขัยไม่
    ถ้วน ให้ประจำอยู่ในไส้สิบกลั่นให้ใสละเอียด ประจำเต็มหมด
    เข้าไปในต้นธาตุที่แก่ๆ ต้นธาตุที่แก่ๆ ต้นธาตุที่สำเร็จวิชชา
    ธรรมกายองค์แรก ให้สลักเข้าไปในกายในกายให้สะอาด เข้า
    ถึงสุดกายต้นธาตุที่ส่งให้สำเร็จ วิชชาธรรมกายองค์แรก สลัก
    กายกลั่นกายที่แก่ๆ และละเอียดไป ๆ ให้สะอาดสุดละเอียด
    อาราธนาท่านเปิดบุญศักดิ์สิทธิ์สอดไส้เข้าไปด้วย อาราธนา
    บารมี รัศมี กำลังฤทธิ์ อำนาจสิทธิ สิทธิเฉียบขาด อยู่ในไส้
    สอดกลั่นให้สะอาดให้เต็มไปหมด

    ทูลหลวงพ่อต้นธาตุ ขอท่านประสิทธิประสาทความ
    ศักดิ์สิทธิ์ในวัตถุมงคลเหล่านี้ ให้เชื่อมติดสมบัติพันล้านใน
    วัตถุมงคลเหล่านี้ ให้เชื่อมติดกันหมด สอดไส้กลั่นให้สะอาด
    ส่งเข้าไปในไส้ที่ผุดกลั่นให้สะอาด กายผู้ให้ผุดของกายผู้ให้
    ผุด สุดกายผู้ให้ผุดให้สะอาด ตรึกนิ่งเข้าไปในไส้รู้ในนิโรธของ
    องค์พระพุทธเจ้า และพระจักรพรรดิ์ ในไส้ที่สุดรู้สุดญาณสุด
    ตรัสรู้ในนิโรธ ในไส้คำนวณรู้ญาน นิโรธตรัสรู้ในนิโรธในไส้
    เห็น จำ คิด รู้ กำเนิดที่ตั้งถูกเคลือบอยู่กลั่นให้สะอาด เนื้อ
    หนัง ผิว ดวงกลั่นให้สะอาด ธาตุเห็น ธาตุจำ ธาตุคิด ธาตุรู้
    ให้สะอาดในไส้นิโรธของในไส้นิโรธ ผุดดวงโพธิญาณในไส้
    กลางของกลาง กลางของกลาง สะสางให้ไส้กลางนิโรธให้
    สะอาด กำเนิดในไส้นิโรธให้สะอาด ดวงนิโรธให้สะอาดโตเต็ม
    ธาตุเต็มธรรม กลั่นให้สะอาดเปิดตรัสรู้ในเห็น ๆ ๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีก
    ยิ่งมากยิ่งดี ตรัสรู้ในจำ ๆ ๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีกยิ่งมากยิ่งดี
    ตรัสรู้ในคิด ๆ ๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีกยิ่งมากยิ่งดี ตรัสรู้ในรู้ ๆ ๆ ซ้ำ
    แล้วซ้ำอีกยิ่งมากยิ่งดี ตรัสรู้ในนิโรธ ๆ ๆ ตรัสรู้ในตรัสรู้ ๆ ๆ

    เดินเครื่องเข้าไปเรื่อยนับเป็นแสนอสงขัยกัปป์ไม่ถ้วน
    จนถึงที่สุดในที่สุด นิโรธที่สุดขององค์พระพุทธเจ้าและพระ
    จักรพรรดิ์สลักเข้าไปในไส้สุดกลั่น กำเนิดในไส้ละเอียดสุดกลั่น
    ให้สะอาด ที่ติดขาวอยู่ ให้เห็นจุดกำเนิดใสเล็กละเอียดมาก
    ปรากฎขึ้นมาก่อน แล้วเดินเข้าไปในองค์พระพุทธเจ้า พระจักร
    พรรดิ์ ต้นธาตุที่แก่ๆ ต้นไม่มีต้นอีกต่อไป อาราธนาทับทวีทบไป
    ทวนมา คำนวณรวมเป็นหนึ่ง ทุกสี ทุกสาย ทุกกาย ทุกวงศ์
    ทุกองค์ ทับทวีจนเป็นเครื่องเป็น วิชชาเป็น
     
  13. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,403
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,121
    ค่าพลัง:
    +70,470
    [​IMG]





    ..................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 3 ตุลาคม 2015
  14. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,403
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,121
    ค่าพลัง:
    +70,470
  15. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,403
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,121
    ค่าพลัง:
    +70,470
    อานิสงส์ สร้างพระพุทธรูป ... วัฏฏังคุลี ชาดก จากพระไตรปิฏก ...

    [​IMG]
     
  16. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,403
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,121
    ค่าพลัง:
    +70,470
    [​IMG]



    หุ่นจำลองส่วนพระเศียร พระมหาจักรพรรดิ์ปางเปิดโลกสูง 59 เมตร สถานธรรม พุทธพรหมปัญโญ อำเภอ เชียงดาว
     
  17. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,403
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,121
    ค่าพลัง:
    +70,470
    [​IMG]
     
  18. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,403
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,121
    ค่าพลัง:
    +70,470
    นางวิสาขามหาอุบาสิกา ที่มีความเคารพในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นเหตุ การที่นางบูชาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีผลหลายประการเป็นตัวอย่าง ขอนำมาเล่าแก่ท่านพุทธบริษัทถึงความสวยงามของสตรีสมัยพุทธกาลและอดีตแห่งการทำบุญอันเป็นเหตุนำมาซึ่งความสวยความงาม สำหรับนางวิสาขา เธอมีความงามเป็นพิเศษ เพราะบรรดาสุภาพบุรุษก็ดี สุภาพสตรีก็ดี ต้องการความสวยสดงดงามด้วยกันเป็นส่วนมาก คนที่มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ ก็ต้องการความสวย ต้องการความเรียบร้อยของร่างกาย บุคลิกลักษณะของร่างกาย ต้องการให้เป็นที่ถูกตาถูกใจ ของบุคคลที่พบเห็น

    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับสุภาพสตรี ถือว่า มีรูปเป็นทรัพย์ คือ เราจะเห็นได้ว่า สตรีคนใดมีความงาม ถึงแม้ว่าจะมีฐานะเดิมยากจนเข็ญใจ ก็อาจจะหาคู่ครองที่มีฐานะดี ๆ มีศักดิ์ศรีใหญ่ได้ ฉะนั้น องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงตรัสว่าสตรีมีรูปเป็นทรัพย์ ฉะนั้น ตอนนี้จะได้คุยถึง เรื่องสตรีมีรูปเป็นทรัพย์ และมีทรัพย์สินมากด้วย ส่วนบุรุษมีความรู้ความสามารถเป็นทรัพย์แม้ไม่หล่อ แต่ถ้ามีความรู้มีความสามารถก็ยิ่งกว่าหล่อเลือกได้เสียอีก

    นางวิสาขามีความสวยเป็นกรณีพิเศษ คือ สวยไม่เหมือนชาวบ้านเขา สวยได้สวยดี สวยไม่สร่าง สวยตั้งแต่เป็นสาวอายุ ๑๖ ปี เมื่อถึงคราวอายุ ๑๖ ปี รูปร่างยอดนารี มีลักษณะเช่นใด และยังสวยอยู่ต่อไปถึง ๑๒๐ ปี ก็ยังเป็นสาวเหมือนตอนอายุแค่ ๑๖ ปี นั่นเอง ลักษณะความสาวสวยของนางวิสาขา กล่าวว่ามี ๕ อย่างด้วยกัน บาลีเรียกว่า เบญจกัลยาณี เบญจะ คือห้า กัลยาณีคือความงาม

    สำหรับลักษณะงาม ๕ ประการ ท่านเจ้าคุณราชเมธี วัดประยุรวงศาวาส กรุงเทพฯ ประพันธ์ไว้เป็นกลอนไว้ดังนี้

    เครดิต คมสรัญญี

    งามผมสมพักตร์ลักขณา

    โอษฐาจิ้มลิ้มดูพริ้มเพรา

    งามทนต์ยลปลั่งดั่งสังข์ขัด

    ผิวทัศน์กรรณิการ์งามราศรี

    จะคลอดบุตรสักเท่าไรวัยยังดี

    หญิงเช่นนี้ใครได้มางามหน้าเอย

    นางวิสาขามีความสวย ๕ ประการ ถ้าหากว่า บรรดาสุภาพสตรีในสมัยปัจจุบัน มีความสวยครบ ๕ ประการ อย่างนางวิสาขา คงจะหายากแล้ว เพราะงามแบบนางวิสาขาเป็นความงามชนิดพิเศษที่เกิดขึ้นด้วยบุญจริง ๆ เป็นความงามที่ตัดภาระที่ต้องรักสวยรักงามไม่ต้องกังวลเลยเพราะความงามของนางวิสาขา ตามคำกลอนของ ท่านเจ้าคุณราชเมธี วัดประยุรวงศ์ฯ ท่านแต่งมาจากเนื้อแท้ของบาลีก็จะได้ความดังนี้ว่า

    ๑. งามผมสมพักตร์ลักขณา ผมของนางวิสาขานี้สลวยอยู่ตลอดเวลา เรียบ ไม่ต้องตัด ไม่ต้องชำระสะสางก็ไม่เหม็นสาบ ผมจะไม่ยาวเกินไป ไม่สั้นเกินไป ไม่เหม็นสาบ ไม่เหม็นสาง ถ้าสมัยไหนเขาต้องการเรียบ ผมของนางก็เรียบ ต้องการหยิก ผมก็หยิก ต้องการเป็นผมลอน ผมก็เป็นลอน หมายถึงว่า ในสมัยใด ต้องการแบบใด ลักษณะผมของนางวิสาขา จะเป็นไปตามสมัย ไม่ต้องดัดแปลง ไม่ต้องแก้ไข ไม่ต้องตกแต่ง ไม่ต้องตัด ไม่ยาวเกินไป ไม่สั้นเกินไป เป็นอันว่า งามผม แบบนี้ก็ไม่ต้องง้อร้านทำผม ร้านเสริมความงามคงไม่รุ่ง

    ๒. โอษฐาจิ้มลิ้มดูพริ้มเพรา ริมฝีปากของนางวิสาขาไม่มีริ้ว ไม่มีรอย เป็นริมฝีปากสวย มีความแดงระเรื่อ พอสมควร ไม่ต้องไปแตะไปต้องอะไรทั้งหมด ปรากฏว่า สวยอยู่ตลอดเวลา แบบนี้ประหยัดลิปสติกเครื่องสำอางทั้งหลาย

    ๓. งามทนต์ยลปลั่งดั่งสังข์ขัด ฟันของนางวิสาขาเรียบ และเป็นเงางาม คล้ายมุก ไม่ต้องตกแต่งเหมือนกันอยู่ตลอดเวลา แบบนี้ก็ไม่ต้องเข้าคลินิกทันตกรรม

    ๔. ผิวทัศน์กรรณิการ์งามราศรี คำว่า ผิว ในที่นี้ ถ้าเขานิยมดำ ก็ดำสวย ถ้าเขานิยมขาว ผิวก็ขาว เขานิยมเหลือง ผิวก็เหลือง เป็นไปตามความนิยม ไม่มีไฝ ไม่มีฝ้า ไม่มีขี้แมลงวัน ถึงแม้ว่าจะไม่อาบน้ำสักเดือนหนึ่ง ผิวของนางวิสาขาก็ไม่เลอะ ไม่สกปรก ไม่เหม็นสาบ ไม่เหม็นสาง แบบนี้ร้านเสริมสวยคงเจ้งแน่นอน

    ๕. จะคลอดบุตรสักเท่าไรวัยยังดี หมายความว่า หญิงประเภทนี้ ถ้าคลอดบุตรเมื่ออายุเท่าไร มีความงามของทรวดทรงอยู่ในระดังไหน ความงามของทรวดทรงจะอยู่ในระดับนั้น จนกว่าจะถึงวันตาย ไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นางวิสาขามีความงาม ๕ ประการ และคลอดบุตรเมื่ออายุ ๑๖ ปี เมื่อนางแก่ถึงอายุ ๑๒๐ ปี ก็ปรากฏว่า เป็นหญิงเหมือนอายุ ๑๖ ปี นั่นเอง แบบนี้เขาเรียกว่าสวยจริง ไม่ต้องไปดึงหน้า หรือทำหน้าเด้งอย่างเช่นปัจจุบันนี้เลย

    มีตัวอย่างจะเล่าให้ฟังดังนี้ สมัยหนึ่ง เมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังดำรงพระชนม์อยู่ สมัยนั้น องค์สมเด็จพระบรมครูกำลังแสดงพระธรรมเทศนาโปรดพุทธบริษัท นางวิสาขาเป็นพระโสดาบันตั้งแต่อายุ ๗ ขวบ แต่งงานเมื่อตอนอายุ ๑๖ ปี
    หลังจากนั้น นางวิสาขาก็มีบุตร ๒๐ คน วิสาขา แปลว่า งอกงามเหมือนกับกิ่งก้านของไม้ที่มีสาขา คือ กิ่งยาวสล้าง เป็นพุ่มสวย ไม่ใช่ไม้ชะลูด ฉะนั้น คำว่า วิสาขา แปลว่า กิ่งงามมาก แค่กิ่งนั้นล่อเข้าไปตั้ง ๒๐ กิ่ง คือ ลูก และนางวิสาขาก็ยังมีหลานอีก โดยลูกทั้งหมด ปรากฏว่ามีบุตรมาคนละ ๒๐ คน รวม ๆ กันแล้วทั้งตระกูลของนางมีลูกหลานนับได้กว่าแปดพันคน

    จะเห็นว่านางวิสาขานี้ สมชื่อของนาง มีกิ่งก้านสาขางอกงาม ทั้งลูก ทั้งหลาน หลายร้อยคน ถ้าจะเดินขบวนกัน ก็เห็นจะไม่ต้องเกณฑ์ชาวบ้านชาวเมืองที่ไหน เป็นอันว่า ในสมัยนั้น เมื่อองค์สมเด็จพระพุทเจ้ากำลังเทศน์อยู่ นางวิสาขานั่งอยู่ระหว่างท่ามกลางหลาน ๆ ซึ่งมีความเป็นเด็กรุ่นสาว พระเจ้าปเสนทิโกศล ราชาแห่งแคว้นโกศล ท้าวเธอได้ยินข่าว เขาเล่าลือกันว่า นางวิสาขามีลูก ๒๐ คน และลูกมีลูกอีกคนละ ๒๐ คน แต่ว่านางวิสาขายังสาวเท่าหลาน จึงต้องการอยากทราบ จึงย่อง ๆ ไปมองดู เห็นองค์สมเด็จพระบรมครูกำลังแสดงพระธรรมเทศนา บรรดาสาว ๆ ทั้งหลาย นับเป็นจำนวนร้อย นั่งอยู่หน้าองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า พร้อมด้วยพุทธบริษัท

    แต่ความจริง นางวิสาขานั่งอยู่ท่ามกลางบรรดาหลานสาว ๆ รุ่น ๆ พระเจ้าปเสนทิโกศล พระราชาแห่งแคว้นโกศลรัฐ ทรงทอดพระเนตรดู ก็ไม่รู้ว่า คนไหนคือ นางวิสาขา จึงถาม ท่านหมอชีวกโกมารภัจ ว่า นางวิสาขาคนไหน ท่านหมอชีวกโกมารภัจก็ชี้ให้ดู บอกว่า นางวิสาขาอยู่ท่ามกลางหลาน พระพุทธเจ้าข้า พระเจ้าปเสนทิโกศล พระบาทท้าวเธอทอดพระเนตร ก็หาทราบไม่ว่า ใครคือนางวิสาขาแน่ เพราะหาคนแก่ไม่ได้ มีแต่เด็กสาวรุ่น ๆ

    หมอชีวกโกมารภัจ จึงได้กราบทูลว่า ถ้าพระองค์ไม่ทรงทราบ คอยดูเวลาลุกขึ้นเมื่อเทศน์จบ ตามธรรมดาเด็กหนุ่ม ๆ สาว ๆ ก็มีกำลังมาก เวลาจะลุก เขาก็ลุกขึ้นมาปกติ ถ้าคนแก่ เวลาจะลุกขึ้น จะต้องเอาสองมือยันพื้นก่อน จึงจะลุกขึ้น

    ฉะนั้น เวลาที่พระพุทธเจ้าทรงเทศน์จบ เขาก็ลุกกันตามปกติ หลาน ๆ ลุกไม่ต้องใช้มือยัน สำหรับนางวิสาขานั้น ใช้มือทั้งสองข้างยันพื้น จึงลุกขึ้นได้ เป็นอันว่า พระเจ้าปเสนทิโกศลทราบแล้วว่า ใครคือ นางวิสาขา ดูรูปร่างหน้าตาเป็นสาวรุ่น ๆ อายุราว ๑๖ ปี เท่านั้นเอง

    ต้นเหตุที่นางวิสาขา ที่ทำไมจึงสวยเช่นนี้ ท่านกล่าวถึงอดีตบุพพกรรมของนางไว้ว่า ถอยหลังไปจากชาตินี้ ในสมัยพระพุทธกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงอุบัติขึ้นในโลก เวลานั้น นางวิสาขา เป็นสาวชาวบ้านธรรมดา

    ในสมัยนั้นนางวิสาขาก็มีความเลื่อมใสในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระนามว่าพระพุทธกัสสปะ คือพระพุทธเจ้าองค์ก่อนพระพุทธเจ้าของเรานี้ นางมีความเคารพในพระพุทธเจ้าจริง ๆ เวลาที่เขาจะมีเทศน์ เขาจะทำบุญกันที่ไหน นางวิสาขาไปด้วยความเต็มใจ ไปฟังด้วยความเคารพ และบำเพ็ญกุศลด้วยความเคารพ แต่ว่านางวิสาขา เวลาที่บำเพ็ญกุศล ในจรรยาสัมมาปฏิบัติแล้วไม่เคยอธิษฐาน หลังจากทำบุญในศาสนาขององค์สมเด็จพระกัสสปพระพุทธเจ้าว่า ขอให้ได้เบญจกัลยาณี คือ มีความงาม ๕ ประการ ความจริง นางวิสาขาไม่ได้อธิษฐานอย่างนี้ มีความต้องการอย่างเดียวคือ การบำเพ็ญกุศลในศาสนาขององค์สมเด็จพระกัสสปะพุทธเจ้า นางมีความต้องการเฉพาะ คือ พระนิพพานคือความหลุดพ้นเท่านั้น

    การทำบุญ บรรดาท่านพุทธบริษัท เราได้รับผลกันในปัจจุบัน คือ รับความสุขในชาติปัจจุบันนี้ก่อน แล้วต่อไป บุญจึงสะท้อนให้เราเข้าสู่พระนิพพาน เมื่อบุญบารมีเต็มได้ในชาติต่อไป

    ครั้งหนึ่งเมื่อนางวิสาขาไปฟังเทศน์ เขาบอกกล่าวกัน บอกว่ามีพระท่านเทศน์ จึงตั้งใจจะไปฟังเทศน์ แต่ในระหว่างทางปรากฏว่า นางวิสาขาไปพบพระพุทธรูปองค์หนึ่ง เขาสร้างไว้ในสถานที่โล่งแจ้งคือ ตากแดด และพระพุทธรูปนั้นมีรอยร้าว เปลือกกระเทาะ ทองก็ล่อนไปหมด ปูนก็กระเทาะจนแหว่ง แลดูไม่สวยสดงดงาม ไม่เจริญตา นางวิสาขาจึงเข้าไปกราบ นมัสการพระพุทธรูป ตั้งใจเจริญใจเป็นพุทธบูชา กล่าวปฏิญาณว่า

    เมื่อข้าพเจ้ากลับมาจากฟังพระธรรมเทศนาแล้ว จะให้ช่างมาทำนุบำรุงพระพุทธปฏิมากร รูปแทนขององค์สมเด็จพระประทีปแก้ว ให้มีความสวยสดงดงาม เมื่อนางไหว้พระพุทธรูป นึกถึงคุณของพระพุทธเจ้าแล้ว นางก็ไปฟังเทศน์ เมื่อเทศน์จบ คนเขากลับ นางวิสาขาก็กลับ เมื่อกลับมา ผ่านพระพุทธรูปนั้น ก็เข้าไปกราบอีก กล่าวคำปฏิญาณตามนั้น

    หลังจากนั้นแล้ว นางวิสาขาเมื่อมาถึงบ้าน จึงได้สั่งให้นายช่างไปจัดการทำนุบำรุงรูปพระปฏิมากร คือ พระพุทธรูป ซ่อมแซมให้เรียบร้อย ให้ดีคงเดิม พอเสร็จแล้วก็ทาสี หรือว่าปิดทอง เสร็จตามความนิยมในสมัยนั้น ตามพระบาลีไม่ได้บอกว่า เขาทาสีหรือปิดทอง ทำตามความนิยมที่เห็นว่าสวยสดงดงาม เป็นที่เจริญตาเจริญใจ หลังจากนั้น นางวิสาขาจึงได้ให้นายช่างปลูกโรง ทำหลังคาคลุมพระพุทธรูป ไม่ยอมให้ตากแดดตากฝนเหมือนเดิม

    นี่เองที่เป็นเหตุปัจจัยให้นางวิสาขาได้ เบญจกัลยาณี คือ มีความงาม ๕ ประการ ทั้งนี้ก็เพราะว่า องค์สมเด็จพระบรมศาสดาทรงรับรองเรื่องนี้ว่า การที่นางวิสาขาได้ เบญจกัลยาณี คือ มีความดี ๕ ประการของรูปโฉม ก็เพราะว่านางวิสาขาทำนุบำรุง ซ่อมแซมพระพุทธรูป ที่เก่าคร่ำคร่า มีสภาพไม่ดี ให้กลับมีสภาพสวยสดงดงาม เพราะอานิสงส์ทำความงามให้แก่พระพุทธรูป อานิสงส์นี้จึงสร้างสรรค์ให้ นางวิสาขาได้ เบญจกัลยาณี.
     
  19. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,403
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,121
    ค่าพลัง:
    +70,470
    ................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 ธันวาคม 2015
  20. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,403
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,121
    ค่าพลัง:
    +70,470
    ดวงจิตที่มีแต่ความปรารถนาให้ผู้อื่น
    ...ได้พ้นทุกข์
    ทุกข์ของตน ไม่มีความหมาย
    แม้ผ่านกาลเวลา หลายอสงไขย
    ก็ยังดำรงตั้งมั่นอยู่เช่นนั้น
    ...ไม่แปรเปลี่ยน
    *************
    รวมพล..."คนรักพระพุทธเจ้า"
    ณ.วัดเจริญราษฎร์บำรุง(หนองพงนก) ต.สระพัฒนา
    อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม


    ่ติดตามข่าวสารงานบุญหล่อพระสมเด็จองค์ปฐม จนกว่าจะครบ 108 องค์ได้ที่



    https://www.facebook.com/หล่อสมเด็จ...์วัดเจริญราษฎร์บำรุง-จนครปฐม-262016337278222/
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...