เมื่อพระยามัจจุราชมาทวงชีวิตข้าพเจ้า

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย tjs, 14 มิถุนายน 2013.

  1. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    ==================

    เนื่องจากจิตวิญญาณสัมภเวสีเร่ร่อนทั่วไปหรือจิตอื่นใดทั้งหลาย ผู้ท่องอยู่ในโลกทิพย์ ย่อมต้องหยุดพัก หรือหาที่พักพิง ชั่วครั้งชั่วคราว ห้องพระ มุมบ้าน ห้องหับบางที่ จึงกลายเป็นที่พักชั่วคราว จิตไม่ดีเหล่านี้ เมื่อพักอยู่ชั่วคราว ก็อาจนำความไม่ดีมาสู่เราได้ สู่ครอบครัวเราได้

    ทุกปีการทำบุญบ้านและปัดเสนียดจัญไร จึงจำเป็นต้องทำ เพื่อทำบุญให้จิตที่เกี่ยวข้องทั้งหลายและขจัดปัดเป่าความไม่ดีทั้งปวงออกไป

    การนำพระบรมธาตุมาบูชาถือว่าเป็นสิ่งที่ดีประเสริฐ อำนาจแห่งอรหันตธาตุย่อมขจัดปัดเป่าสิ่งไม่ได้ทั้งหลายได้ในทันที

    เมื่อเราสักการะบูชาและปฏิบัติบูชา ก็ย่อมจะเกิดแต่สิ่งดีงามเจริญรุ่งเรืองสืบไปครับ สาธุ
     
  2. ros

    ros เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +218
    2-3 วันมานี้เวลาสวดมนต์รู้สึกว่าฟุ้งซ่านมากๆ เราควรหยุดทำหรือว่าสวดต่อให้จบเหมือนทุกๆวันที่ผ่านมา ขอแนะนำด้วยนะคะ สาธุๆๆๆ
     
  3. Phailinnyhadpha

    Phailinnyhadpha Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2015
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +152
    สวัสดีค่ะคุณ ก้อง ดิฉันเกิดวันอาทิตย์ ค่ะ. ส่งคำถามไปทาง Inbox นะคะ รบกวนด้วยค่ะ
    อนุโมทนาสาธุค่ะ
    ขอลบบางส่วนค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 ธันวาคม 2015
  4. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    การตอบข้อซักถามช่วงนี้ ผมจะทะยอยตอบให้นะครับ
    เนื่องจากเป็นช่วงสิ้นเดือนและปลายปี มีข้อมูลต้องทำสรุปและวางแผนงาน เยอะมาก

    อาจจะล่าช้าไปเล็กน้อยครับ หากนานเกินสองสัปดาห์ รบกวนแจ้งให้ทราบด้วยครับเพื่อจะได้รีบตรวจสอบให้ครับ สาธุ
     
  5. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    ==================

    มันขึ้นอยู่กับว่า เราเจตนา ตั้งไว้อย่างไร เราสวดมนต์เพื่ออะไร
    หรือทำสมาธิเพื่ออะไร

    ความฟุ้งซ่าน ความไม่เที่ยง ของสิ่งที่รบกวนจิต รบกวนสมาธิ มันเกิดขึ้นมาได้เสมอ มันวิ่งเข้ามามากน้อยไม่เท่ากันเสมอ นี่คือธรรมดา ธรรมชาติที่เราต้องเรียนรู้ ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่สิ่งที่วิ่งเข้ามาเหล่านั้น
    ปัญหามันอยู่ที่จิต

    กล่าวคือ ฟุ้งซ่านมาก มีเรื่องนึกคิดปรุงแต่งรบกวนมาก ก็ดี ฟุ้งซ่านน้อยมีเรื่องปรุงแต่งนึกคิดน้อยก็ดี จิตที่เข้าไปรับเอาสิ่งเหล่านี้ไว้ มันรับอามรณ์ได้ทีละอย่าง เมื่อฟุ้งซ่านมาก มันก็วิ่งเข้ามามากมันรอจ่คิวแย่งกันเข้ามาปรุงแต่ง เรื่องนี้ยังปรุงไม่ทันสุก มันก็มีเรื่องใหม่เข้ามา มันปรุงไม่ทันสุก ทุกข์ความวิตกก็เกิดเข้ามาพร้อมกัน มันมีแต่ความวิตกเป็นกังวลเป็นทุกข์ จริงใหม

    ทีนี้ให้ลองทบทวนดูใหม่ กรณีที่ฟุ้งซ่านมาก ผมแนะนำให้สวดมนต์สั้นๆ พอเพราะสวดยังไงก็จะผิดพลาดเพราะสมาธิไม่ดี แต่ให้สวดบูชาพระธรรมดาๆนี่แหละ เสร็จแล้ว ให้ทำสมาธิแบบตามรู้หรือฝึกสติ คือเอาสติตามรู้ ดูสิ่งที่ปรุงแต่ง หลับตานั่งดูมัน ดูความคิดของเราดูจิตใจของเรา ดูให้เห็นธรรมชาติของมัน พอเราดูมันเดียวเราก็เห็นความจริงทั้งหมด เดี่ยวมันจะเกิดการคลายตัวเอง เราจะเห็นความไม่เที่ยงเกิดดับของสิ่งที่ปรุงแต่ง ทุกข์ ที่เกิดดับตามการปรุงแต่ง เห็นจิตที่เข้าไปรับอารมณ์ทำให้ทุกข์เกิดวิตก ตามดูจนเห็นความจริง แต่วิธีการคือ เห็นการปรุงแต่งจริงพอมันเกิดทุกข์ ให้เห็นทุกข์ เห็นแล้วให้บอกกับตนเตือนสติตนว่า มันไม่เที่ยง ปล่อยวาง ไม่ต้องไปวิตกละวิตกละวิจารย์เสีย ทำแบบนี้บ่อยๆ ไม่นานท่านจะก้าวหน้าทางสมาธิทั้งวิปัสสนาและฌาณครับ

    เมื่อท่านคุมสมาธิได้แล้ว ค่อยสวดมนต์นานขึ้นยาวขึ้นได้

    หรือหากยังทำอะไรไม่ได้มากนัก หากสวดมนต์แล้วไม่มีสมาธิ แต่ปราถนาการสวดมนต์ ก็ให้นับหนึ่งใหม่ด้วยการ กางตำราแล้วสวดมนต์ไปให้ยาวๆ ก็อาจจะดับความฟุ้งซ่านได้ครับ ค่อยๆทำนะครับ เมื่อเราแก้ไขตรงจุด อาการดังกล่าวก็จะหายไปเบาลง สมาธิก็จะเกิดแทนก้าวหน้ายิ่งขึ้นครับ สาธุ
     
  6. Phailinnyhadpha

    Phailinnyhadpha Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2015
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +152
    คุณก้องตอบ ใน PM ให้แล้ว ขอบคุณทุกๆคำแนะนำค่ะ ดิฉันจะนำไปปฏิบัติตาม

    ขออนุโมทนาสาธุค่ะ
     
  7. มหาเมตตา

    มหาเมตตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    107
    ค่าพลัง:
    +283
    อ้างอิงข่าวจาก : รูปหล่อ"สมเด็จพระญาณสังวร" ที่ระลึกพระราชพิธีพระราชทานเพลิง

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หล่อพระรูปสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ด้วยทรงพระราชอนุสรณ์ถึงพระคุณูปการที่มีต่อพระองค์ เป็นพระอภิบาล ถวายโอวาทานุศาสน์ในระหว่างทรงพระผนวชและทรงมั่นคงในพระธรรมวินัย เพียบพร้อมด้วยพระคุณธรรมและพระขันติธรรมอันสูงส่ง เป็นที่เคารพของบรรดาพุทธบริษัท

    เพื่อประดิษฐานฯ ณ อาคารฉลองพระชันษา 100 ปี สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก วัดบวรนิเวศวิหาร ให้พุทธศาสนิกชนได้บูชาสังฆานุสติ แสดงกตัญญูกตเวทิตา น้อมรำลึกถึงพระเมตตาคุณพระองค์ท่าน ที่ทรงปฏิบัติพระกรณียกิจเป็นประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา ประเทศชาติ และประชาชน เป็นอเนกประการ

    ด้วยทรงเจริญพระชันษายืนนานกว่าสมเด็จพระสังฆราชทุกพระองค์ที่ผ่านมา ทรงดำรงตำแหน่งสกลมหาสังฆปริณายก และทรงดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหารยาวนานกว่าพระองค์อื่นๆ

    พระศากยวงศ์วิสุทธิ์ (อนิลมาน ธัมมสากิโย) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร เปิดเผยว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้วัดบวรนิเวศวิหาร หล่อพระรูปเหมือนสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ ประดิษฐาน ณ วัดบวรนิเวศวิหาร และจัดทำพระรูปจำลอง จำนวน 3 ขนาด เนื่องในพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระสังฆราช

    ทั้งนี้ สมเด็จพระวันรัต (จุนท์ พรหมคุตโต) รักษาการเจ้าอาวาสและรักษาการเจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) ดูแลการปั้นพระรูปสมเด็จพระสังฆราช ที่โรงหล่อย่านสุขสวัสดิ์ จนเสร็จสมบูรณ์

    พระศากยวงศ์วิสุทธิ์ กล่าวต่อว่า พระรูปเหมือนสมเด็จพระสังฆราช มีความงดงาม ตามต้นแบบ มีขนาดเท่าครึ่งของสัดส่วนพระองค์จริง ซึ่งจะจัดสร้างเพียงพระองค์เดียว ประดิษฐานยังศาลา 100 ปี สมเด็จพระสังฆราช

    ส่วนการเตรียมงานพระราชทานเพลิงพระศพนั้น ทุกภาคส่วนกำลังดำเนินงานตามที่ได้รับมอบหมาย และวัดบวรนิเวศวิหารยังเปิดให้พุทธศาสนิกชนได้ถวายสักการะอย่างต่อเนื่องด้วย

    สำหรับต้นแบบพระรูปสมเด็จพระสังฆราช ใช้พระรูปฝีพระหัตถ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงถ่ายขณะมีพระราชปฏิสันถารที่พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 26 ก.ย.2528 ขณะทรงดำรงสมณศักดิ์ที่สมเด็จพระญาณสังวร โดยเป็นภาพประทับนั่งขัดสมาธิด้านหลังเป็น เสื่อรำแพน

    ย้อนหลังกลับไปเมื่อวันที่ 24 ต.ค.2558 เวลา 13.30 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ทรงหล่อ "พระพุทธชินสีห์จำลอง" และทรงหล่อพระรูป "สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก" ณ บริเวณหน้าพระอุโบสถคณะรังษี วัดบวรนิเวศวิหาร เขตพระนคร กรุงเทพฯ

    มีหม่อมเจ้ามงคลเฉลิม ยุคล ประธานกรรมการฝ่ายคฤหัสถ์ และคณะกรรมการเฝ้าฯ รับเสด็จ

    จากนั้นเสด็จเข้าพระอุโบสถคณะรังษี ทรงจุดธูุปเทียนนมัสการบูชาพระพุทธปฏิมาประธานพระอุโบสถ ประธานกรรมการฝ่ายคฤหัสถ์ กราบบังคมทูลรายงาน และกราบบังคมทูลเชิญเสด็จทรงหล่อ "พระพุทธชินสีห์จำลอง" ทรงหล่อพระรูป "สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก" และสิ่งมงคลสักการะอนุสรณ์ครบ 2 ปีแห่งการสิ้นพระชนม์

    ลำดับนั้นเสด็จพระราชดำเนินไปยังมณฑลพิธีด้านหน้าพระอุโบสถคณะรังษี ทรงรับแผ่นทองคำที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงตั้งพระราชสัตยาธิษฐาน จากหม่อมเจ้ามงคลเฉลิม ทรงหย่อนแผ่นทองลงในช้อน และทรงเทแผ่นทองลงในเบ้าหลอม ทรงถือสายสูตรเททอง หล่อพระพุทธชินสีห์จำลอง และทรงรับแผ่นทองคำที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตั้งพระราชสัตยาธิษฐาน แล้วทรงหย่อนแผ่นทองลงในช้อน และทรงเทแผ่นทอง ลงในเบ้าหลอม ทรงถือสายสูตร เททองหล่อพระรูป "สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก" เป็นเสร็จพิธี

    ในวันอังคารที่ 1 ธ.ค.2558 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ทรงเป็นประธานในพิธีพุทธาภิเษกพระพุทธชินสีห์จำลอง และพระรูปหล่อสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ณ พระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร

    วัตถุมงคล ประกอบด้วย พระรูปหล่อลอยองค์ ขนาด 3.2 ซ.ม. พระรูปหล่อขนาด 1.6 ซ.ม. เนื้อทองคำ เนื้อโลหะผสม ขนาด 3.2 ซ.ม พระรูปหล่อจำลอง ขนาดพระเพลา 5 นิ้ว เนื้อโลหะผสม และพระรูปหล่อจำลอง ขนาดพระเพลา 3 นิ้ว เนื้อโลหะผสม

    สถานที่เช่าบูชา ที่ศาลาแดงหน้าพระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร และมูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์สอบถามได้ที่โทร.06-1394-2805-7, 0-2629-4833

    ------------------------

    *** สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (เจริญ สุวฑฺฒโน) (3 ตุลาคม พ.ศ. 2456 – 24 ตุลาคม พ.ศ. 2556) เป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 19 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ สถิต ณ วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร ทรงดำรงตำแหน่งเมื่อ พ.ศ. 2532 ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ถือเป็นสมเด็จพระสังฆราชที่มีพระชันษามากกว่าสมเด็จพระสังฆราชทุกพระองค์ในอดีตและเป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์แรกของไทยที่มีพระชันษา 100 ปี ***

    -------------------------

    ผมจองเช่ารูปหล่อจำลอง ขนาด 5 นิ้วมาแล้ว รับรูปหล่อตั้งแต่วันที่ 10 ธ.ค. 2558 เป็นต้นไป

    ปกติผมจะไม่ค่อยสนใจเช่าบูชารูปปั้นจำลองของพระสงฆ์,เหรียญพระหรือเครื่องรางของขลัง เพราะผมไม่ปรารถนาบูชาเยอะหรือเก็บไว้เยอะ และด้วยตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปผมต้องประหยัดเงินให้มาก เพื่อการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันในแต่ละเดือน แต่ครั้งนี้ผมรู้สึกได้ว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ครูบาอาจารย์ท่านดลใจให้ผมเช่าบูชา ซึ่งตอนอยู่ที่วัดบวรนิเวศ ความรู้สึกในขณะนั้นผมไม่ได้คิดถึงเรื่องต้องประหยัดเงินเลย ใจมันอยากเช่าบูชามาก จึงได้แต่รีบไปกดเงินที่ตู้เพื่อมาจองเช่าทันที... ผมจึงแน่ใจว่า เมื่อเช่าบูชามาแล้วย่อมเกิดสิ่งมงคลกับชีวิตของผมในทางโลก และอย่างยิ่งในทางธรรมแน่นอน ผมจึงปรารถนาให้ทุกท่านได้เกิดสิ่งมงคลเช่นกัน จึงมาบอกกล่าว ณ ที่แห่งนี้ ไปเช่าบูชากันนะครับ ^_^ สาธุ !
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ธันวาคม 2015
  8. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    ===============

    ดี ครับ ขออนุโมทนา

    สมเด็จพระญาณสังวรเถระสังฆราชา ผมเคารพท่านมากสวดมนต์ทุกคืนก็กล่าวชื่อท่านเสมอ องค์ท่านลอยเด่นอยู่ในจิตเสมอ เกิดปิติทุกครั้ง ท่านเป็นพระอรหันต์ผู้สำคัญอย่างยิ่งในสยามประเทศที่สร้างบารมีสืบทอดพระศาสนา ครับ ท่านสร้างความดีไว้มากมายครับ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ธันวาคม 2015
  9. มหาเมตตา

    มหาเมตตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    107
    ค่าพลัง:
    +283
    วันนี้ผมรู้สึกถึงพระกษิติครรภมหาโพธิสัตว์ ซึ่งก่อนหน้านี้ผมก็เฉยๆ กับท่านนะ และวันนี้ก็ได้เข้าไปดู YouTube เกี่ยวกับประวัติของท่านมา ขอท่าน tjs ช่วยชี้แนะผมหน่อยคับ ว่าอนาคตผมต้องเกี่ยวข้องกับท่านอย่างไรบ้างครับ สาธุคับ !

    *** พระกษิติครรภมหาโพธิสัตว์กับพระมาลัยเถระเจ้าคือองค์เดียวกันหรือเปล่าครับ? ผมค้นหาใน Google บอกไม่ตรงกัน ความจริงคืออะไรครับ? เป็นเพียงตำนานหรือเปล่าครับ? ผมว่ามีหลายคนสงสัยในเรื่องนี้ครับ ขอบคุณครับ ***
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 ธันวาคม 2015
  10. Thanks-Epi

    Thanks-Epi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    984
    ค่าพลัง:
    +2,951
    ขอถามหน่อยได้มั้ยคะ เพราะอะไรบางคนถึงสามารถแก้ไขภาวะสมองได้คะ ซึ่งในทางการแพทย์แล้วเป็นไปไม่ได้เลย
    ดิฉันสงสัยเรื่องนี้มากค่ะ
     
  11. หญิงท้วม

    หญิงท้วม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2013
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +37
    สวัสดีค่ะ ขอบคุณที่แนะนำสิ่งดีๆให้นะคะ ช่วงนี้เริ่มดีขึ้น มีอาการทรมานน้อยลง เริ่มตั้งใจรักษาศีลมากขึ้น การได้รับความสงบทางใจมากขึ้นทำให้มีความสุขขึ้นมากเลยค่ะ
    แต่ว่าก็รู้สึกว่ายังตั้งใจรักษาศีลได้ไม่ดีพอ จิตใจยังไม่ดีพอ เวลาฟุ้งซ่านความเลวในอดีตก็กำเริบ ก็ยังกังวลมากว่าจะเจอเรื่องหนักขึ้นอย่างที่พี่ว่า ช่วยตอบคำถามให้หน่อยค่ะ
    1.อาการจิตวิปริตจะหนักขึ้นตามที่พี่พูดไหมคะ?ความดีที่ปฏิบัติจะเพียงพอประคับประคองให้รอดพ้นจากตรงนี้หรือยัง
    2.พยายามนึกถึงศีลเพื่อจะรักษาได้ และเริ่มตรวจจิตใจและการกระทำมากขึ้นว่าผิดไหม?
    รู้รึเปล่าว่านี่ผิดศีลไหม? เพื่อรู้ทันว่าการกระทำผิดไหม แต่ก็มักกังวลกับตรงศีลว่าจะไม่ดีพอจนใจลอยเผลอไม่ระวังบ่อยๆ และมักจะใจลอยบ่อยจนเผลอ ควรแก้ยังไงดีคะ?
    3.จำรายละเอียดภาพพระที่อยากจำให้เป็นสมาธิเวลานึกถึงไม่ได้มากเลย ควรทำอย่างไรดีคะ?
    4.สุขภาพร่างกายไม่ป่วยบ่อย แต่มีโรคเรื้อรังตรงส่วนสงวนและการขับถ่ายค่ะ เป็นมาหลายปีแล้ว จะหนักขึ้นหนือหายได้ไหมคะ?
    5.เคยเห็นภาพคนแก่อายุ 50-60 ผมออกเทา ผิวเข้ม ใส่เสื้อขาว ด้านหลังเป็นป่าค่ะ นั่นเป็นใครคะ?ทำไมถึงเห็น?
     
  12. yupha

    yupha สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2009
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +15
    คุณก้องคะ ดิฉันส่งข้อความไปทางpm กรุณาเช็คดูด้วยว่าได้รับหรือไม่คะ
     
  13. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    เนื่องใน วัน พ่อ ที่ผ่านมา ผมได้ ไปทำบุญ ที่พิจิต ที่วัดท่าหลวง เพื่อสักการะ หลวงพ่อเพชร ที่เป็นพระคู่บ้านคู่เมือง ของพิจิตร ซึ่ง ผมมีความเคารพและศรัทธามาก เมื่อไปทำบุญและกราบสักการะปิดทองท่านแล้ว จึงได้ไป ทำทานชีวิตสัตว์ ดังนี้
    1 ปล่อยเต่าขนาดใหญ่ ท้องแก่ 1ตัว
    2 ปล่อยเต่าขนาดเล็ก1ตัว
    3 ปล่อยปลาหมอ 12 ตัว
    4ปล่อยปลาช่อนขนาดใหญ่1ตัว
    5ปล่อยปลาอื่นๆอีก1ถุงใหญุ่
    6ปล่อยนก 1ตัว
    ด้วยบุญกุศลนี้ ข้าพเจ้าขอแผ่อุทิศให้แก่ทุกๆท่านครับไม่มีจำกัดไม่มีประมาณครับ ขอทุกท่านจงอนุโมทนาร่วมกันครับ ขอผลบุญนี้จงสำเร็จแก่ท่านทั้งหลายทั้งสามไตรภูมิ ขอจงเป็นปัจจัยให้ท่านได้หลุดพ้นจากบ่วงกรรมที่ไม่ดีท่านใดมีทุกข์ขอให้พ้นทุกข์ ท่านใดมีสุขขอให้มีความสุขยิ่งๆขึ้นไป จงมีชีวิตใหม่ที่ดีเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้ายิ่งๆขึ้นไป ขอให้ผ่านพ้นเคราะห์ทุกข์โศกโรคภัยทั้งปวง ขอให้มั่งมีเงินทองโภคทรัพย์ ขอให้มั่งมีศรีสุขตลอดไป ขอให้ห่างไกลทุกข์ มีดวงตาบรรลุธรรมมีที่สุดคือพระนิพพาน ครับ สาธุ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1.jpg
      1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      122.1 KB
      เปิดดู:
      104
    • 2.jpg
      2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      122.9 KB
      เปิดดู:
      91
    • 3.jpg
      3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      108.8 KB
      เปิดดู:
      111
    • 4.jpg
      4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      76.4 KB
      เปิดดู:
      81
    • 5.jpg
      5.jpg
      ขนาดไฟล์:
      58.5 KB
      เปิดดู:
      98
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 ธันวาคม 2015
  14. animejanai

    animejanai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    510
    ค่าพลัง:
    +494
    ผมกลัวมันจะตายตอนปล่อยครับ
     
  15. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    =================

    การทำความดี อย่าไปกลัว อย่าไปวิตกกังวล ให้เราเตรียมตนให้พร้อม ควรศึกษาให้ดี และซักถามเจ้าของปลาที่เราซื้อหรือถ่ายชีวิตเขา ด้วย เมื่อเราพอจะมีความรู้ความเข้าใจ มันก็มั่นใจได้ครับ
     
  16. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    =============

    สภาวะของสมอง สามารถแก้ไขได้ หากรู้วิธีคือ
    1 การฝึกสมอง หมายถึงการฝึกเอาพลังจิต เข้าไปช่วยฟื้นฟูและส่งเสริมกำลังสมองให้ก้าวหน้าดีขึ้น คนฉลาดเพราะสมองถูกฝึกพัตนา ก็คือการอาศัยกำลังจิต

    กำลังจิต ที่ว่าก็คือกำลังของสมาธินั่นเอง ซึ่งมีหลายระดับ ย่อมส่งผลต่อกำลังจิตและกำลังสมอง

    2 ภาวะสมอง แก้ไขอีกทางหนึ่งคือการทำบุญสร้างกุศล ทั้งบุญทาน ศีล เป็นบาทฐาน ก็มีอานิสงค์ด้วยครับ การแก้ไขกรรมที่เกี่ยวกับสมองของแต่ละคนก็ต้องรู้ที่มาที่ไปเพื่อแก้ไขได้ถูกต้องครับ
     
  17. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    บิดารมารดา คือพระพรหมของบุตร คือพระอรหันต์ของบุตร

    เหตุเพราะว่า
    1บิดารมารดา เป็นผู้ให้กำเนิดคือให้ร่างกายและชีวิตแก่บุตร
    2 เป็นผู้เลี้ยงดูบุตรคือให้ปัจจัยสี่เพื่อความเจริญทางกายใจของบุตร
    3 เป็นผู้ดูแลคุ้มภัยอันตรายแก่บุตร
    4 เป็นผู้ให้การศึกษาคือส่งเสียให้บุตรเล่าเรียนคือให้ความรู้ให้สติปัญญาและให้อาชีพแก่บุตร
    5 เป็นผู้ให้ทรัพย์ตามกำลังและตามเหตุปัจจัยที่สำคัญแก่บุตร
    6 เป็นผู้ให้กำลังใจให้ความอบอุ่นใจแก่บุตร
    7 เป็นผู้ในคำสอนคำแนะนำที่ดีแก่บุตรเสมือนผู้บอกทางเจริญแก่บุตร
    8 เป็นผู้แก้ไขปัญหาต่างๆของบุตรเสมือนเป็นปัญหาของตน
    9 เป็นผู้มอบซึ่งความรักความเมตตาและกรุณาแก่บุตรอย่างไม่มีประมาณและให้อย่างบริสุทธิ์ใจ
    10 เป็นผู้มีความยินดีในความดีความเจริญของบุตรอย่างบริสุทธิ์ใจ
    11 เป็นผู้วางอุเบกขามีความเป็นกลางไม่ลำเอียงแก่บุตร เป็นผู้มีความเป็นธรรมแก่บุตร
    12 เป็นผู้ปราถนาให้บุตรมีความสุขความเจริญโดยบริสุทธิ์ใจและไม่หวังสิ่งใดตอบแทนกลับคืน คือเป็นผู้ให้ที่ยิ่งใหญ่
    13 เป็นผู้ปราถนาให้บุตรหลุดพ้นความทุกข์โดยบริสุทธิ์ใจและพร้อมเสียสละคือเป็นผู้เสียสละในความสุขส่วนตน ยอมทำเพื่อบุตรของตนได้อย่างไม่มีข้อแม้


    เมื่อคุณความดีของบิดารมารดามีมากมายนี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ยกมากล่าว ดังนั้น บุตรทั้งหลายต้องมีความระลึกถึง สำนึกตระหนักรู้ และพึงกระทำความดีต่อบิดารมารดาให้คู่ควรแก่ความดีที่บิดารมารดามีให้ อันได้แก่การเป็นผู้มีความเคารพรักในบิดารมารดา ปฏิบัติตนเป็นคนดี มีศีลธรรม จะต้องตอบแทนคุณบิดารมารดา ด้วยการดูแลช่วยเหลือไม่ทอดทิ้ง ให้ปัจจัยสี่แก่บิดารมารดาตามสมควร ให้กำลังใจแก่บิดามารดา ให้ความรักความอบอุ่นแก่บิดามารดา จงเป็นบุตรที่ดีคือการส่งคืนความดีด้วยการปฏิบัติดีกลับคืนสู่อ้อมอกของผู้เป็นบิดามารดา หากบุตรทั้งหลายตระหนักในความกตัญญุ รู้จักตอบแทนทดแทนคุณบิดามารดาอย่างดีเยี่ยมแล้ว บุตรผู้นั้น ย่อมเป็นที่รักของมนุษย์และเทวดา ตลอดจน จะบังเกิดแต่ความเจริญรุ่งเรืองในชีวิต เป็นผู้มีความดีตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้แคล้วคลาดจากภัยอันตรายทั้งปวง

    เนื่องในวันที่8 วันคล้ายวันเกิด กระผมได้สวดมนต์ภาวนาถือศีล และทานบารมีที่ได้กระทำแล้วในวันพ่อที่5 ธค ที่ผ่านมา ขอบุญกุศลทั้งปวงจงแผ่ไปให้ไพศาล ถึงบิดามารดาผู้มีพระคุณ ขอท่านจงอนุโมทนาและได้รับส่วนบุญกุศลนี้ ขอบุญกุศลนี้จงเป็นทิพยสมบัติแก่ท่าน สมดังปราถนา ขอให้ท่านจงมีแต่ความสุขปราศจากทุกข์ใดๆ ของดวงจิตจงผ่องใสดุจแก้วมณีกาญจน์ ขอให้ความปราถนาทุกประการจงสำเร็จดังหวังในบัดดล

    ลูกขอ กราบ พระคุณของคุณพ่อคุณแม่ที่มีต่อลูกคนนี้ ครับ สาธุ
     
  18. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    ทสพลญาณ 10 อย่างนั้น

    1ฐานาฐานญาณ รู้เหตุและสิ่งที่มิใช่เหตุ

    2 วิปากญาณ รู้สัตว์ที่ประสพสุขทุกข์ เป็นผลของกรรมทำมาจากบุญบาป

    3 สัพพัตถคามินี ปฏิปทาญาณ รู้จักข้อปฏิบัติที่ถึงให้เรื่องในธรรมทั้งหลาย คือเราจะได้เป็นมนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ นิพพานสมบัติก็รู้

    4 นานาธาตุญาณ คือรู้จักธาตุต่างๆ

    5 นานาอธิมุตติกญาณ คือรู้จักอัธยาศัยของสัตว์ต่างๆ

    6 อินทริยปโรปริยัตตญาณ คือรู้จักอินทรีย์ของสัตว์อื่นๆ

    7 ญาณทิสังกิเลสาทิญาณ คือรู้สังกิเลสเป็นต้นแห่งธรรมมีฌานเป็นของสัตว์ต่างๆ

    8 ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ คือรู้จักคติภพของพระองค์และสัตว์อื่นที่อยู่อาศัยแล้วในภพก่อนๆ

    9 จุตูปปาตญาณ คือรู้จักการจุติและปฏิสนธิของสัตว์

    10 อาสวักขยญาณ คือความรู้จักความสิ้นไปแห่งอาสวะของพระองค์และสัตว์อื่น

    ญาณ 10 ประการนี้ เรียกว่า ทสพลญาณ ย่อมมีครบบริบูรณ์ในองค์ของพระพุทธเจ้า ถ้าพระองค์ขาดเสียแต่อย่างใดอย่างหนึ่ง จะประกาศพระพุทธศาสนาซึ่งเป็นการใหญ่โตไม่ได้

    อภิญญา6ประกอบด้วย

    ๑. บุพเพนิวาสานุสสติญาณ ระลึกชาติได้ทั้งของตนเองและผู้อื่น ตรงกับทสพลญาณข้อ8 ทำให้ทราบกรรมของสัตว์ ตรงกับข้อ2ในทสพลญาณคือ วิปากญาณ[

    ๒. ทิพยจักขุญาณ มองเห็นสิ่งต่างๆได้ทั้งใกล้และไกล หรือ จุตูปปาตญาณยังอาศัยยถากัมมุปคญาณ เป็นญาณที่รู้ว่าสัตว์ที่เข้าถึงความสุขและความทุกข์นั้น เพราะได้ทำกรรมอะไรมา
    อนาคตังสญาณ เป็นญาณที่รู้ในกาลต่อไปทั้งของตนเองและของผู้อื่นว่า จะเป็นไปอย่างนั้น ๆ นับตั้งแต่ล่วงหน้าไปอีก ๗ วัน จนถึงไม่มีที่สุด แล้วแต่กำลังของสมาธิว่าจะมีความสามารถเพียงใด
    อตีตังคสญาณ เป็นญาณที่เข้าไปรู้อดีตกาลทั้งปวง
    กล่าวคือ ตาทิพย์ ยังหมายรวมถึง การข้าไปรู้จุติปฏิสนธิของสัตว์ทั้งหลายคือทศพลญาณข้อ9 จตูปปาตญาณ

    ๓. อาสวักขยญาณ รู้วิชาที่ทำให้สิ้นกิเลสและอาสวะ ตรงกับทศพลญาณข้อ 10

    ๔. ปรจิตตวิชาญาณ หรือ เจโตปริยญาณคือการรู้จิตใจตนเองและผู้อื่นทศพลญาณข้อ 5 นานาอธิมุตติกญาณ และ6 อินทริยปโรปริยัตตญาณ ประกอบกัน

    ๕. ทิพพโสตญาณ คือ หูทิพย์ เป็นอภิญญาณที่เป็นส่วนที่เสริมอภิญญาอื่นๆ ให้มีความรอบรู้มากยิ่งขึ้น ทั้งจตูปปาตญาณ หรือปัจจุปันสญาณเป็นต้น

    ๖. อิทธิวิธญาณคือ สามารถ สำแดงฤทธิได้ เป็นส่วนพิเศษเพื่อสร้างปฏิหาริย์ เพื่อการทำลายทิฏฐิ อัตตามานะ และอาสวะอย่างละเอียด เป็นส่วนที่ใช้เสริมญาณอื่นๆ

    สรุปคือ อภิญญา6 เป็นส่วนหนึ่งของทสพลญาณ และเป็นส่วนที่เสริมญาณต่างๆให้สมบูรณ์นั่นเองครับ ลองพิจารณาตนเองดูว่าตนเองนั้นมีความเจริญงอกงามในญาณเหล่านี้มากน้อยแค่ไหน เป็นตัวชี้วัดความสามารถทางจิตของท่านได้ดีทีเดียวครับ สาธุ
     
  19. buytona

    buytona Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +97
    อนุโมทนาบุญ สาธุ
     
  20. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    ว่าด้วยวิบากกรรมหรือผลแห่งกรรม หรือการให้ผลแห่งบาปกรรมมีวาระการให้ผลดังนี้

    1 ให้ผลตอนปฏิสนธิจิต คือเมือจิตเปลี่ยนอัตภาพคือหมดบุญหรือหมดกรรมจากภพภูมินั้น เมื่อนั้นจิตจะเกิดวิสัญญีภาพสลบเหมือดขาดสติไม่รับรู้ไปชั่วขณะ หรือกล่าวได้ว่า จิตอ่อนกำลังจนเกิดดับวูปไปชั่วขณะ หรือจะเรียกว่าเกิดการตกภวังคจิตก็ได้ เมื่อนั้นจึงเกิดการเปลี่ยนอัตภาพใหม่ของจิต ในสภาวะนี้จิตจะเปลี่ยนอัตภาพใหม่ วิบากกรรมทั้งหลายจึงได้ช่องจึงทำหน้าที่หนุนนำจิตให้ไปปฏิสนธิใหม่ หรือเรียกว่าเกิดใหม่ เป็นจิตดวงเดิมแต่เกิดใหม่ การเกิดใหม่จะดีหรือไม่ดี วิบาปกรรมย่อมให้ผลหนุนนำ กรรมไม่ดีก็แต่งให้เป็นไปอย่างนั้น กรรมดีก็ได้เกิดใหม่มีสิ่งใหม่ๆที่ดีเกิดพร้อมกับจิต การปฏิสนธิจิตเกิดใหม่มีดังนี้
    1เกิดเป็นเทพพรหม เพราะว่ามีบุญกุศลหนุนนำ บาปกรรมไม่เข้ามาให้ผล
    2เกิดเป็นสัตว์นรก เพราะมีบาปกรรมมาหนุนนำให้ต้องไปรับกรรมไม่ดีที่สร้างไว้ บุญไม่ให้ผล
    3เกิดเป็นสัตว์เดียรฉาน เพราะมีบาปกรรมไม่ดีหนุนนำให้ไปเกิดเพื่อใช้กรรมที่เคยสร้างไว้จากการเบียดเบียนสัตว์และกรรมจากอบายมุขที่สร้างไว้ในอดีตให้ผล
    4เกิดเป็นมนุษย์ ก็อาศัยทั้งบุญและบาปหนุนนำ ถ้าเกิดมาดีพร้อมแสดงว่ามีบุญหนุนนำมากกว่าบาป ถ้าเกิดมาไม่พร้อมแสดงว่ามีบาปหนุนนำมากกว่าบุญ และถ้าเกิดมามีกายสวยงามครบถ้วนแสดงว่าบุญหนุนนำมากไม่มีบาปกรรมมาแต่งแต้ม ถ้าเกิดมาร่างกายไม่สวยงามไม่ครบ32 แสดงว่ามีบาปกรรมไม่ดีปั้งแต่งให้เป็น ดังนั้นในสภาวะที่เกิดการเปลี่ยนอัตภาพเกิดปฏิสนธิจิตในสภาวะนี้เองบุญและบาปกรรมเข้ามาให้ผลเต็มกำลังตามวาระของมัน

    2 ว่าด้วยการเป็นมนุษย์หรือสัตว์ เมื่อใดที่มันได้ช่องจากบุญกุศลในอดีตที่หนุนอยู่ ผลแห่งกรรมชั่วจะรีบแทรกเข้ามาให้ผล และตามปีนักษัติย์ มันมีช่องว่างรออยู่ ทุก3-4ปีของอายุคนเราจะต้องเกิดปีชงและชะตาตก เมื่อนั้นแลผลกรรมชั่วจะให้ผล ไม่ต้องรอนานครับ ยกเว้นคนชั่วบางคนที่มีบุญเก่ามากแต่หลงทำผิด ประกอบกับมีการทำความดีบางอย่างหนุนดวงตัวเองไว้ ผลกรรมชั่วไม่มีช่อง ในช่วงเวลานั้น แต่เมื่อใกล้หมดอายุไข ผลกรรมดีจะไม่สามารถต้านทาน ผลกรรมชั่วได้ บุคคลเหล่านี้จะตายอย่างทุกขเวทนามากครับ แล้วผลกรรมชั่วก็จะดึงจิตเขาไปสู่นรกแน่นอนและต้องใช้กรรมนานเป็นกัปป์ครับ เมื่อนั้นไม่มีโอกาสแก้ตัว มันทุกข์ทรมานมากครับ


    3 ผลกรรมชั่วยังให้ผลตามอายุไขที่สืบเนื่องตามชะตาเกิดด้วย เพราะชะตาเกิดเมื่อหมุนเวียนเปลี่ยนไปตามอายุไขย่อมมีกรรมเป็นตัวกำหนด ซึ่ง ในบางปีแม้ปีนักษัติย์ตกปีที่ดี แต่ถ้าอายุไขหมุนเวียนไปตามชะตากรรมมีเลขที่รวมกันตกต่ำไม่ดี นั่นก็หมายความว่า ปีนั้นท่านมีกรรมในอดีตที่ไม่ดีจะมาให้ผล ท่านก็ต้องระวังไม่ประมาทหมั่นทำความดีครับ ก็จะเบาบางลงได้ครับ

    ในส่วนของกรรมดีหรือกุศกลกรรมที่เป็นบุญที่สร้างไว้ก็เช่นกัน ย่อมให้ผลตามวาระตามอายุไข ตามบุพพกรรมที่ปั้นแต่งหนุนส่งของการมาเกิดเป็นคนหรือสัตว์นั้นๆเสมอไม่เป็นอื่น

    แต่สำหรับจิตทั้งหลายที่ไม่ได้มาเกิดปฏิสนธิจิตเป็นคนหรือสัตว์แต่ไปเกิดเป็นเทพพรหมตามภูมิต่างๆหรือส่วนที่ตกนรกไปยังชั้นต่างๆ จิตเหล่านี้ทั้งหลาย ล้วนเสวยกรรมเป็นส่วนๆ หมายความว่า
    ถ้าจิตนั้นได้เกิดเป็นเทพพหรม ก็จะเสวยบุญส่วนนั้นจนหมด เมื่อหมดแล้วก็ต้องตายหรือจุติจิตใหม่อีกอาศัยบาปและบุญหนุนส่งอีก
    เช่นเดียวกัน สัตว์นรกทั้งหลายด้วย เมื่อไปเกิดเป็นสัตว์นรกรับในบาป ก็จะเสวยบาปกรรมส่วนนั้นจนหมดเพียงอย่างเดียว เมื่อหมดแล้วก็ตายเกิดจุติจิตใหม่ เมื่อเกิดจุติใหม่ก็อาศัยทั้งบาปและบุญหนุนนำให้ไปสู่ภพใหม่ ถ้ามีวิบากกรรมที่เป็นบาปก็ก็ไปปฏิสนธิจิตใหม่เกิดใหม่ไม่ดี อาจไปตกนรกหรือเกิดเป็นสัตว์หรือเกิดเป็นคนแต่ไม่ดีไม่พร้อมนั่นเอง แต่ถ้าเป็นบุญหนุนนำก็ไปเกิดเป็นคนที่ดีพร้อมหรือไปเกิดเป็นเทพพรหมตามแต่บุญที่ดีหนุนนำ

    สรุปภาพรวมได้ว่า

    1การเป็นเทพพรหมจะเสวยกรรมเพียงส่วนเดียวที่เป็นบุญอันนั้นที่ตนสั่งสมไว้ เมื่อใช้บุญนั้นหมดแล้วก็จุติจิตเปลี่ยนอัตภาพใหม่

    2การเป็นสัตว์นรกก็เช่นกันจะเสวยกรรมเพียงส่วนเดียวที่เป็นบาปที่ตน สั่งสมไว้เมื่อใช้บาปนั้นหมดแล้วก็จุติจิตเปลี่ยนอัตภาพใหม่

    3การเกิดเป็นคนและสัตว์ แรกเกิดปฏิสนธิจิตก็อาศัยบาปบุญ ครั้นเกิดมาแล้วก็อาศัยบาปบุญในอดีตรวมกับปัจจุบันเวียนกันให้ผลจวบจนหมดอายุไขจึงดับกายดับจิตคือตายลงแล้ว เปลี่ยนอัตภาพใหม่ไปเกิดใหม่อาศัยบาปบุญและกรรมหนุนส่งจิต แต่การเกิดเป็นคนและสัตว์ก็มีโอกาสในการทำความดีสร้างบุญหรือสร้างบาปก็ได้ หากสร้างความดีก็จะมีส่วนแก้ไขบาปกรรมไม่ดีในอดีตที่ให้ผลให้เบาบางลงได้บางกรณี ส่วนที่เป็นสัตว์ทั้งหลายก็สร้างความดีได้แต่น้อยมากไม่เท่ากับการเกิดเป็นคน และการเกิดเป็นคนสามารถสร้างความดีได้มาก มีที่สุดคือพระนิพพานครับ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 ธันวาคม 2015

แชร์หน้านี้

Loading...