หัวใจแห่งพระพุทธศาสนา ดูเอาไว้เพื่อแยกแยะออก

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ขันธ์, 16 กุมภาพันธ์ 2008.

  1. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    เนื่องจากช่วงนี้ มีพวกป่วน ทำลายพระศาสนา มาในรูปแบบต่างๆ พุทธศาสนิกชน จึงควรทราบใจความของพระศาสนา ว่าแตกต่างกับ ศาสนาอื่นอย่างไร

    หัวใจของศาสนาพุทธคือ ศีล สมาธิ ปัญญา
    หรือ ไม่ทำบาปทั้งปวง ทำกุศลให้ถึงพร้อม ชำระจิตให้ผ่องใส

    ทีนี้ สิ่งที่พระุพุทธองค์เปิดเผย คือ กระบวนการทุกวิธีที่นำไปสู่ หัวใจข้างต้น จนนำไปสู่ ที่สุดแห่งผล คือ พระนิพพาน

    ท่านไม่ได้ยกเมฆขึ้นมาว่า นิพพานมีจริง เชื่อถือเราแล้วจะได้ไปนิพพาน
    ท่านไม่ได้ยกเมฆขึ้นมาว่า นิพพานมีจริง สวดมนต์อ้อนวอนสิ จะได้ไปนิพพาน
    ท่านไม่ได้บอกว่า เคารพเราสิแล้วจะได้ไปนิพพาน

    ข้อนี้ พระพุทธองค์ ประเสริฐกว่าศาสดาอื่นทั้งหลาย ที่ท่านเปิดเผยทั้งหมดและข้อความทั้งหมดจากพระโอษฐ์ท่าน ไม่มีผิดเพี้ยนเลย
    ไม่เหมือนศาสนาอื่น ที่ พูดว่า มีที่สุด แต่ไม่ได้พูดว่า วิธีการที่ให้ถึงที่สุดนั้นทำอย่างไร มันก็เหมือน ไอ้ใบไม้นอกกำมือ ที่มันเอาแต่พูดว่า นิพพาน พระเจ้า พระพุทธเจ้าต้นทาส แต่มันไม่ยอมบอกว่า เราจะเข้าถึงที่สุดได้อย่างไร


    ทีนี้ พระพุทธองค์ทรงสอนอะไร
    ท่านสอนให้เรา ชำระจิต ละอกุศล และ ทำกุศล

    การจะชำระจิต ละอกุศล และ ทำกุศล ให้ถึงที่สุด เราก็ต้องรูว่า อะไรคือ กุศลและ อกุศลใน จิตในใจเรา พระพุทธองค์จึงมอบเครื่องมือมาให้คือ
    มหาสติปัฏฐาน สี่ เอาไว้ดูว่าอะไรคือ กุศล อะไรคือ อกุศล เราจะได้ชำระมันได้

    ท่านสอนให้พิจารณาด้วยมหาสติ เมื่อรู้แล้ว เวลาที่เราจะถอน อกุศลจิต พระพุทธองค์ท่านก็ประทาน ที่สุดแห่งธรรม คือ ไตรลักษณ์ มาให้เราว่า สรรพสิ่งที่เกิดขึ้น ต้องดับไป เรามองข้อนี้ให้ออก เราจะไม่หลงไปกับอวิชชาที่ ยึด อกุศลนั้นไว้

    พอเริ่มมอง สรรพสิ่งในใจ ทั้งกุศลและอกุศลว่า ที่มันอยู่ในจิตนี้ เกิดดับๆ มองให้เห็นว่ามันเป็นไตรลักษณ์ เมื่อมองเห็นตัวหนึ่ง จะเห็นเหตุของมันอีกตัวหนึ่ง ไปตามลำดับ แล้วเราก็อบรมปัญญาตัวนี้ ให้เห็นละเอียดยิ่งๆ ขึ้นไป เพื่อเข้าถึงความบริสุทธิ์

    สิ่งต่างๆ ที่พระพุทธองค์มอบให้นั้น เราหาอ่านได้จาก พระไตรปิฎก เราจะเห็น ธรรมอันงามเบื้องต้น งามเบื้องกลาง งามเบื้องปลาย ที่พระพุทธองค์ ย่อ และ ขยาย ให้เราพยายามทำความเข้าใจกัน

    นี่แหละ คือ บุญคุณอันยิ่งใหญ่ของพระศาสดา ไม่มีปิดบัง บิดเบือน หรือ อ้อมค้อม ท่านพูดตรงๆ ขอให้เราศึกษากัน ทำกันจริงๆ จัง ๆจะได้

    ปริยัติ ปฏิบัติ และ ปฏิเวธ อันทำให้ ศีล สมาธิ ปัญญา ค่อยๆ เพิ่มขึ้นจนถึงที่สุดแห่งธรรมได้

    และ ในขณะที่ ศีล สมาธิ ปัญญาเพิ่มขึ้นตามลำดับ การละอกุศล การทำกุศล และ ชำระจิต ก็จะเพิ่มขึ้นตามลำดับ ให้เราเห็นผล ได้ด้วยตนเอง อันจะทำให้เกิด ศรัทธา จนเป็น อจลศรัทธา คือ ไม่สั่นคลอน เห็นธรรมตามพระพุทธองค์ ก็จะเข้าถึง โสดาปัตติมรรค โสดาปัตติผล จนถึง อรหัตตผล ตามวาสนาของแต่ละท่าน


    ก็ขอให้พิจารณา ถึง คนรู้จริง ที่สอนให้เรารู้ตาม กับคนไม่รู้จริง แต่เอาปลายทางมาคุย ใครๆ มันก็จินตนาการได้ เรื่องปลายทาง แต่ เดินไปนี้ มันไม้รู้หรอกว่าเป็นอย่างไร
     
  2. vnoen

    vnoen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    156
    ค่าพลัง:
    +827
    ขอขอบคุณ ผู้ตั้งกระทู้ ที่ช่วยเหลือพระพุทธศาสนาจากผู้มีปัญญาทรามทั้งหลาย
     
  3. คนมีกิเลส

    คนมีกิเลส เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    3,973
    ค่าพลัง:
    +19,431
    เพชรแท้ก็คือเพชรแท้อยู่วันยันค่ำ
    สัจจะธรรมอันเที่ยงแท้นั้นไม่มีใครทำให้เก๊ไปได้ ที่สอนผิด คิดผิด ทำผิด เพราะปัญญายังไม่สมบูรณ์
    ขออนุโมทนาบุญกับท่านเจ้าของกระทู้นี้ครับ
    สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มิถุนายน 2008
  4. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    กระทู้ดี ต้อนรับวันมาฆบูชา อย่าลืมถือโอกาสนี้สร้างกุศลไว้ให้มากๆ โดยเน้นที่การปฏิบัติธรรม...

    การบรรลุธรรม บางคนบารมีมาก ปฏิบัตินิดหน่อยก็ปิ๊ง บางคนบารมีน้อย ต้องใช้ความเพียรมากหน่อย เพราะสั่งสมมาน้อย หากการปฏิบัติที่ผ่านมา ยังไม่เห็นผลอะไร ก็อย่าท้อใจ ประโยชน์ย่อมเกิดแก่ผู้ปฏิบัติอย่างแน่นอน เหมือนคนเดินทาง ต่อให้ยังไปไม่ถึงไหน แต่ถ้าไม่หยุดเดิน ก็จะยิ่งเข้าใกล้จุดหมายมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าชาตินี้ไม่ถึง ยังไงก็เป็นการสั่งสมสำหรับชาติต่อไป ไม่เสียเปล่าอย่างแน่นอน พระอรหันตสาวกในสมัยพุทธกาล ที่บรรลุกันได้เร็วนั้น ก็เพราะสร้างบารมีมามากแล้ว ถ้าไม่มาก จะได้มีโอกาสฟังธรรมจากพระโอษฐ์หรอกหรือ ส่วนพวกเราบารมีน้อยหน่อย เพราะดันมาเกิดในยุคกึ่งพุทธกาลแล้ว ไม่ทันเห็นพระพุทธองค์ แต่ก็นับว่ายังมีบารมีมากอยู่ดี ที่ได้พบกับพุทธศาสนา ดังนั้น มรรค ผล ยังเป็นไปได้อยู่ มีพระอริยสาวกหลายองค์ ที่ร่วมยุคกับเรา พิสูจน์ให้เห็นเป็นที่ประจักษ์แล้ว สู้ๆ สู้ตายครับ ทุกท่าน

    แต่ก่อนไม่เข้าใจเรื่องการบรรลุธรรม คิดว่า ปิ๊งปั๊ง ก็บรรลุกันได้ง่ายๆ ขึ้นอยู่กับจังหวะและโอกาส แต่แท้จริงแล้ว ตัวเราเองนี่แหล่ะ ที่ต้องบ่มเพาะ สติ สมาธิ ปัญญา ศรัทธา ความเพียร ให้ถึงพร้อม จะเรียกว่า บำเพ็ญบารมี ก็คงไม่ผิด บำเพ็ญจนบริบูรณ์ มรรค ผล ก็จะเกิดแก่เราเอง เหมือนกับการรับปริญญา จะได้ปริญญาตรีสักใบ ก็ต้องร่ำเรียนให้สมกับปริญญานั้น การบรรลุเป็นอริยบุคคลก็เช่นกัน เราต้องสร้างของเราให้ถึงพร้อมซึ่ง ศักดิ์ และ สิทธิ์ ที่จะได้รับมัน แต่การรับก็คือการทิ้งนั่นเอง และหากถึงพร้อมแล้ว จะไม่เอา ก็คงไม่ได้ ไม่อยากได้ มันก็ได้เอง...โชคดีครับ...สุขสันต์วันมาฆบูชา...
     
  5. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    แจ่ม
     
  6. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    เอ้า ไปแช่งทำไมละครับ

    พยาบาท นะนั่น เครื่องกั้นร้ายกาจทีเดียว มีมากๆตัวร้อน ตาร้อน หูร้อน
    ตอนจะเข้าถึงปิตินะ ปัสสัทธิกันไม่ได้พอดีกัน เว้นแต่กำลังใจดีบารมีเยอะ

    :)

    มาอวยพรให้เขาเจอพระธรรมดีกว่า ตะกี้ไปอ่านในหมวด อภิญญา-กรรมฐาน
    เข้าไปในหัวข้อย่อย หลวงพ่อฤาษี อ่านเกี่ยวกับ โพชฌงค์ ก็นะ........
    หลวงพ่อท่านก็ให้เจริญ มรณะสติ ในทุกๆโพชฌงค์ เรียกว่าทุกลมหายใจ
    ถ้าเจริญบ่อยๆก็จะเป็นดั่ง อานาปานสติ+มรณะสติ ถ้าเจริญ มรณะสติ แล้ว
    ทิ้งหมดแหละครับ ไม่ว่าอะไรๆ สรณะไหนๆ เมื่อจะเข้านิพพานกันแล้วนี้
    จะมายึดเหนี่ยวนู้นนี่ไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องรู้ไปในทางเดียวกันในเบื้องปลาย
    ว่า ไม่มีอะไรควรยึดเหนี่ยไว้ทั้งนั้น ไม่ว่าอะไรๆ สรุปแล้ว ไม่ต่างกัน

    เดี๋ยวว่ากินข้าวแล้วจะไปหาอ่านในห้อง หลวงพี่เล็ก ที่ทุกท่านเคารพต่อ

    ก็จะไปหาอ่านในส่วนของ โพธิปักขยิธรรม ซึ่งก็มี โพชฌงค์ 7 เป็นตัวหลักๆ
    ที่ใช้ โพธิปักขยิธรรม เพราะพระพุทธองค์ตรัสสั่งไว้ ถ้าทะเลาะกันเรื่องธรรม
    ที่แสดงโดยพระพุทธองค์ เธอจงใช้ โพธิปักขยิธรรม เป็นเครื่องสมานสามัคคี

    ผมก็เลยหาอ่านหมวดนี้ จะได้เจริญรู้รักสามัคคีได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กุมภาพันธ์ 2008
  7. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    (good) ผมว่าจะหาอ่านหมวดนี้เหมือนกัน จะได้เจริญรู้รักสามัคคีได้
     
  8. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    พวกเรารักสามัคคีกันอยู่แล้วเนอะ ส่วนโพธิปักขิยธรรมนี่ ผมเห็นว่า สติปัฏฐานนี่แหล่ะตัวหลัก โพชฌงค์ยังเป็นตัวรอง

    จะยังไงก็ช่างมันแล้วกันเนอะ แยกมากเวียนหัว...
     
  9. haha4959

    haha4959 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    388
    ค่าพลัง:
    +85
    ถ้ามองให้ลึก จะเข้าใจได้ว่า สอนให้รู้ว่า อะไร เกิดจากอะไร
    แต่มันเป็นเรื่องลึกซึ้ง จะคิดตามเอาไม่ได้ ต้อง เห็น เอง รู้ เอง
    ท่านสอนวิธีคิด วิธีรู้ให้ ถึงต้อง เอามาทำเอง รู้เอง
    เป็นเรื่องเฉพาะตน ไม่ใช่เรื่องที่เราจะนึกเองออก
    เช่นการที่จะมองเห็น สัตว์เกิด ดับ คิดเอาเองไม่ได้
    เราต้องยอมรับกันก่อนว่า เรายังไม่รู้

    ต้องคนที่รู้ชัดเท่านั้น ถึงจะ บอกว่ารู้ได้

    ไม่จำเป็นต้องพูดให้ดูดี ดูมีหลักการ อ้างอิงตำราได้

    ถ้าอิงมาแต่ไม่รู้ชัด ก็ไม่ต่าง จากนกแก้ว นกขุนทอง


    จะโจมตีเขาทำไมครับ
    เขาก็ไม่ได้สอนวิธีปฏิบัติที่มัน ผิดเพี้ยนไปนี่ครับ
    เขาไม่ได้ ลบหลู่ ใครด้วยนะครับ




    เยสสสสส ตามนั้น

    ปล.แล้วก็พวกที่ตามถล่มคุณ ใบไม้ รู้สึกว่า จะเป็น พวกที่ไม่ใช่ ชื่อ เป็นมาร ก็จะ มี รูปแทนตัวเป็นมารซะส่วนใหญ่ น่าคิดเนอะ
     
  10. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    โพธิปักขิยธรรม คือ เครื่องหนุน พระอริยะเจ้า ผมเคยพูดไปแล้วในเรื่องของโพชฌงค์
    กัลยณปุถุชน ควร ใช้ พละ
    ปุถชน ควรใช้ อิทธิบาท 4
    จะยังความสำเร็จให้เกิดขึ้นได้

    คนเวียนหัวเพราะในหัวมันยุ่งเหยิงนะสิ ถ้ามันไม่ยุ่งเหยิงมันก็ไม่มีอะไรต้องเวียนหัว
     
  11. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ใครไปโจมตีใครครับ ผมพูดตามความเป็นจริง ผมไม่ได้เอ่ยว่าใคร
     
  12. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ก็คงอย่างนั้นแหละครับ ธรรมดาคนๆเดียว แค่ตัวเราปฏิบัติธรรมไปก็ยุ่งเหยิง
    พอแล้ว แต่นี้มาคุยกัน ก็คงยิ่งยุ่งเนอะ บางกลุ่มเขาก็วุ่นไม่เลิก

    ที่พระพุทธองค์ให้ หยิบ โพธิปักขิยธรรม มาดูแทน เพราะจะได้ไปดูที่ Top
    ส่วนบนสุดของแต่ละคนนั้น มีทิศทางไปทางไหน อย่างกลุ่มเว็บเย็นๆนี่
    ส่วนบนสุดของเขาคือ หลวงพ่อฤาษี หรือ หลวงพี่เล็ก ไม่แน่ใจนัก แต่ไม่
    น่าจะต่างกัน นี่พอผมไปดูว่าหลวงพ่อฤาษีมีอะไรเป็นส่วนสูงสุดของคำสอน
    ก็พบว่า มรณะสติ ตัวเดียวกันกับท่านพุทธทาส แต่อ่านเว็บนี้ หลวงพ่อฤาษี
    บรรยายรายละเอียดมรณะสติน้อยมากๆ คงเพราะเรื่อง ตาย ไม่น่าจะคิดกันไม่
    ออก ไม่น่าจะน้อมมาใส่ปัญญากันไม่ได้ ท่านจึงกล่าวไว้น้อย แต่ท่านพุทธ
    ทาสท่านชี้ มรณะสติ ไว้อย่างละอียดละออ ไม่ว่าจะทำนา ทำไร ทำงานก็
    มรณะได้หมดทุกเวลา ทิ้งหมดเสียความยึดมั่นถือมั่น แต่ก็ยากสำหรับคนที่
    มีอหังการ มมังการ ยึดตัว ถือเป็นของตัว ก็เป็นยาขมละสำหรับมรณะสติ

    แต่เห็นอย่างนี้แล้ว ก็เชื่อแน่ว่า ถึงแม้พวกเขาจะไม่สนใจรายละเอียดของ
    มรณะสติที่พระอื่นๆท่านเขียนไว้ อย่างไรก็ต้องไปอ่านของหลวงพ่อฤาษี
    อยู่ดี ก็น่าจะไม่น่ามีอะไร เว้นแต่ชอบยืนซ้ำชั้น อันนั้นผมก็ไปดูนะ เคย
    แย๊บไว้ก่อนหน้าแล้ว เรื่องอิทธิบาท 4 เน้นไปที่ ฉันทะ กับ ตัณหา ก็เห็น
    พวกท่านๆเหล่านั้น เข้าใจ ฉันทะ กับ ตัณหาเป็นอย่างดี อิทธิบาท 4 ใน
    โพธิปักขยิธรรมนั้น ก็ถือว่าตรงกันอยู่ ก็ไม่น่าจะต้องไปชี้อะไรกันอีก

    จะเห็นแย้งกันด้วยจริตที่อยู่ในส่วนต่ำกว่า โพธิปักขยิธรรม เสียกันเปล่าๆ

    อันนี้คุณขันท์ก็ชี้ไว้นี่ครับว่า โคตรภูต ก็ต้องใช้เหมือนกัน ต้องถึงเหมือน
    กัน พวกเขาเหล่านั้นเป็นฝึกเป็น พุทธภูมิ กัน ก็คงต้องภาวนาขึ้นสักวันหนึ่ง
     
  13. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    ระยะหลังนี้ผมก็ไม่ค่อยสนใจใบไม้สักเท่าไหร่แล้วน๊า พอดีรูปแทนตัวผมมันเหมือนมาร เลยไม่รู้จะหมายถึงใคร ใช่เราหรือป่าวหว่า ส่วนท่าน 55 ก็อย่ามองแต่ภายนอกสิครับ ผมเห็นเว็บนี้มารมันเยอะ เลยเอารูปมาให้ดู คอยเตือนสติกัน แต่คนที่มองกันที่ภายนอกเนี่ย เค้าเรียกว่าอะไรน๊า? น่าคิดเนอะ...
     
  14. ฟ้าทะลายโจร

    ฟ้าทะลายโจร Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +36
    จิตนั่นแหละ คือ หลักธรรม
     
  15. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    จ้า..
    [​IMG]
     
  16. NARKA

    NARKA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1,572
    ค่าพลัง:
    +4,560
    ต้องเข้ามาเสริมคุณขันธ์
    ในความเห็นผม หัวใจศาสนาพุทธคือ วิทยาศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์ได้ประการหนึ่ง
    ผมแยกอย่างหยาบๆว่า
    มนุษย์ทั่วไป คือ ศีล จะยังประโยชน์เฉพาะหน้าได้ดีในปัจจุบัน
    สมาธินั้น จะเป็นการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน เพื่อประโยชน์ปัจจุบันและอนาคตชาติ
    ปัญญา คือ ผู้ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานแล้วบรรลุเป็นอริยะระดับอรหันต์
    ปัญญานี้ มิใช่ปัญญาที่เป็น สัญญาความรู้ความจำ แต่เป็นปัญญาทางนิพพาน เท่านั้น
    หนอนตำราหรือผู้ไม่ได้"ปฏิบัติ"วิปัสสนากรรมฐาน ไม่มีทางได้"ปัญญา"นี้เลยทั้งนั้น
    ปัญญานี้น่าจะไม่ใช่ขั้นโสดาบัน สกิทานา หรือ อนาคามี แต่ต้องเป็นอรหันต์เท่านั้น จึงจะมีปัญญานี้ คือ มีวิชา ไม่ใช่อวิชชา เป็น ปัญญา ของ พระอรหันต์เท่านั้นในปัจจุบันนี้
    สมาธิก็เช่นกัน มีการทำสมาธิเบื้องต้นกันแพร่หลาย แล้วทึกทักว่าตนเองได้ปฏิบัติแล้ว ซึ่งความจริงไม่ใช่
    เพราะการปฏิบัติในปัจจุบันต้อง(โบราณอาจไม่ต้องใช้เครื่องมือนี้ก็ได้ในบางครั้ง)
    1.บวช
    2.ยึดธุดงค์13 และ ขันธวัตร14
    3.ต้องเจริญวิปัสสนากรรมฐาน40
    4.ใช้มหาสติปัฎฐาน4 ในการพิจารณา
    4.1ใช้กายานุปัสสนา คือพิจารณาภายในกาย
    4.2ใช้เวทนานุปัสสนา คือ ศึกษาสุขและทุกขเวทนา
    4.3ใช้จิตตานุปัสนา คือการพิจารณาจิต
    4.4ใช้ธัมมานุปัสสนา คือการภาวนา เช่น พุทโธ
    พอปฏิบัติได้ตามนี้ จะเกิดฌานสมาบัติ จากขั้นขณิกสมาธิ ไปจนถึงนิโรธสมาบัติ จนเข้าผลสมาบัติ เกิดเป็น"ปัญญา" คือ ได้อรหันต์ไม่กลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป
    แต่ก็ต้องสลบแล้ว สลบอีกหลายรอบกว่าจะได้"ปัญญา"คือ อรหันต์ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับบุญวาสนาอีกต่างหาก
    และปัญญานี้(อรหันต์ก็จะมีทั้งได้ฤทธิ์ทางอภิญญา6 ก็มี ไม่มีฤทธิ์เลยก็มี
    ส่วนศีลนั้น คือเราๆท่านๆนี่แหละ แค่รักษาศีล5ให้มั่นคงตลอด365วันตลอด24ชั่วโมงได้ก็เป็นประโยชน์ต่อตนและสังคมแล้ว
    นี่เป็นแค่ความคิดรวบยอดของหัวใจศาสนาพุทธของผม ผิดถูกกรุณาชี้แนะขอขอบคุณ
     
  17. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    เข้าใจความพยายามของคุณนาคาที่จะสรุปหัวใจของพุทธศาสนาให้ฟัง ตามความเห็นกระผม มีนิดหน่อยที่คลาดเคลื่อนไป เช่น การภาวนาพุทโธ ไม่ใช่ธรรมนุปัสสนานะ ปัญญา ก็ไม่จำเป็นต้องพระอรหันต์เท่านั้น ปัญญา ในไตรสิกขา มีหลายขั้นตามกำลัง แต่จะขั้นไหน ก็เรียกว่าปัญญานั่นแหล่ะ พอสมบูรณ์ก็เป็นปัญญาของพระอรหันต์ ถ้าไม่สมบูรณ์ ก็เป็นปัญญาของพระอริยะลำดับรองๆ ลงมา รวมถึงปัญญาของกัลยาณชน ก็เป็นปัญญาเช่นกัน...
     
  18. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    เรียกสมมติ ไม่รู้ว่าหมายถึงกระผมหรือป่าว แต่คิดว่า คงไม่น่าจะเป็นท่านอื่นไปได้ ผมไม่ได้หลบที่ไหนมาหรอกท่านขจรขจาย ก็อยู่แถวๆนี้แหล่ะ เพียงแต่เน้นส่งในมากหน่อย ส่งนอกน้อยลง ขี้เกียจทะเลาะกับชาวบ้าน ตอบแบบกลางๆ น่าจะดีกว่า เพราะเกรงว่าจิตจะขุ่น ทั้งผู้อ่านและผู้พิมพ์ ไม่ดี ไม่ดี แต่การกระทำอย่างนี้ คงมีบางท่านไม่เห็นด้วย เพราะไม่ได้ช่วยปกป้องพระศาสนาเท่าที่ควร อันนี้ก็ต้องขออภัย จริตผมมันขวนขวายน้อย รู้เพียงแค่ว่า ตัวเองยังไม่ดีพอ ต้องพัฒนาต่อไป แบบนี้ดีกว่า ไม่บาดหมางกับใคร แต่ก็อย่าให้มีหน้าไหนมาทำลายพุทธศาสนาให้เห็นต่อหน้าต่อตาแล้วกัน ไม่งั้นเจอฝ่ามือยูไลพิฆาตมาร ส่วนกรณีใบไม้ เห็นมีหลายท่านดูแลอยู่แล้ว ไว้ถ้าไม่มีใครเลย ผมก็คงอยู่เฉยไม่ได้เช่นกัน เหอๆๆๆๆๆ ตั้งแต่เข้าถึงเคล็ดวิชาไร้กระบวนท่าได้นี่ มีความสุขจริงๆ ต่อไปก็ฝึกเพลงกระบี่ปราบมารต่อ แต่เวอร์ชั่นนี้ ไม่ต้องตอนนะ หุๆๆๆ ไม่งั้นเสียวแย่เลย...
     
  19. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    อะแห่ม เอ่อ...ขอแทรก

    อุตสาห์ไปอ่านใน ห้องหลวงพี่เล็กมา กว่าจะเจอ ต้องคลิ๊กไปหน้า 5 กระมัง

    เป็นเนื้อความที่การถึงการตัดนิวรณ์

    ขอคัดมาบางส่วน

    ......
    เราสามารถหลีกพ้นได้ง่ายที่สุด คืออยู่กับลมหายใจเข้า-ลมหายใจออกเท่านั้น หายใจเข้าก็นึกว่าพุทธ หายใจออกก็นึกว่าโธ กำหนดภาพพระให้แนบแน่นอยู่ในใจ ภาพพระไหลตามลมหายใจเข้า ไหลตามลมหายใจออก........
    .............
    .............
    ให้ตั้งใจรู้อยู่เสมอว่าเราต้องตาย ตายเมื่อไหร่ เราต้องไปพระนิพพานให้ได้ ไม่อย่างนั้นทุกข์โทษเวรภัยต่าง ๆ ที่เราทำสร้างเอาไว้ในอดีต มันจะลงโทษเรา ให้ตกนรก ลำบากอย่างไม่รู้จบ แทบจะไม่เห็นว่ามันจะสิ้นสุดลงตรงไหน
    จะต้องเกิดเป็นเปรต อดอยากหิวโหย อยู่ในระยะเวลาอันเนิ่นนานเหลือเกิน จะต้องเกิดเป็นอสุรกายหลบ ๆ ซ่อน ๆ หากินไม่เต็มปากเต็มท้อง จะต้องเป็นสัตว์เดรัจฉาน ลำบากด้วยการหากินไม่ได้อย่างใจ ปรารถนาอย่างหนึ่งอาจจะได้อย่างหนึ่ง ตกอยู่ในภัยอันตรายตลอดเวลา
    สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ จะต้องพิจารณาให้เห็น ถ้าเราไปนิพพานไม่ได้ เราต้องพบกับมันแน่ ๆ

    -------------------------

    อย่างนี้ก็ชัดว่า หลวงพี่พาใช้ อานาปานสติ+มรณะสติ แน่ๆ เหมือนกับที่ท่าน
    พุทธทาสใช้ แต่ของหลวงพี่มีเพิ่มอีกสองอนุสติ ก็คือ พุทธานุสติ(กำนหดภาพพระ)
    กับการชี้ทุกข์สัจจ์(แต่ชี้ไปที่นรกภูมิเป็นหัวใจ) ก็เป็นอันว่า ในขั้น
    ปลายนั้นมาลงที่ตัวเดียวกัน มีเครื่องอยู่ตัวเดียวกัน ในการยกเป็นวิปัสสนาญาณ

    แต่รายละเอียดตอนการฝึกย่อยนั้น จะเน้นไปที่ พุทธานุสติ กับการชี นรก เปรียบดัง
    การลงแซ่ของสารถีอย่างหนักหน่วง(ตามพุทธวัจนะ) ก็เลยถึงบาง
    อ้อ ว่าทำไมเกิดการโต้แย้งกันในรายละเอียด

    ดังนั้น ถ้ากลุ่มนี้เขาจะมีอาการบ้างเล็กๆน้อยๆ ก็ถือว่าอยู่บนทาง และอยู่อย่าง
    หน้าหวาดเสียวมากๆ แต่ก็เป็นทาง.........ก็ต้องไม่ไปขัดกันละ เพราะจะทำ
    ให้เขาสอนกันไม่ถึงจิตถึงใจในท้ายที่สุด ก็ขอให้รักษาประโยชน์กันและกันนะ
    ครับ ครูเขาแสดงธรรมอยู่เราควรเคารพการแสดงธรรมนั้น ไม่ควรกล่าวขัด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กุมภาพันธ์ 2008
  20. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    เพลงกระบี่ปราบมารเลยเหรอ แหม เยี่ยมยุทธๆ

    ผมนั้นกำลังคิดว่าต้องหา ปังตอ สงสัยว่าต้องหั่น

    ขันท์

    สับ สับ สับ สับ สับ 5 โช๊ะ ให้มันแยกกันให้ได้
    แต่จนปัญญาแปลกๆ พิกล เลยกลับไปเล่นกระบวนท่า

    เห้อ........

    ( ขันท์ ไม่ใช่ท่านขันท์นะ ใครจะกล้า ดูเหมือนกำลังภายในมีเยอะนะนี้
    ผลิกฟื้นได้เร็วมาก ตอนแรกเห็นสีแดงๆ คิดว่าเสร็จซะแล้ว
    .....ผมหมายถึง ขันท์ ต้องแยกออกดูให้ได้แต่สงสัยทำอะไรผิด
    แต่แล้วก็ สงสัยให้รู้ว่าสงสัย ..... )
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กุมภาพันธ์ 2008

แชร์หน้านี้

Loading...