ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,223
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=nf

    ช่วงนี้รัฐบาลสหรัฐฯและสื่อฯกระแสหลักของทั้งสหรัฐฯและตะวันตกกำลังเล่นข่าว propaganda ถล่มรัสเซียอย่างหนักโดยกล่าวหาว่ารัสเซียโจมตีทางอากาศใส่โรงพยาบาลในซีเรีย

    [​IMG]

    ------------
    เขาคิดว่าชาวบ้านเขาจะเลวเหมือนเขาไปทิ้งระเบิดใส่โรงพยาบาลในประเทศอัฟกานิสถานหน้าตาเฉยนานถึงครึ่งชั่วโมงหรือไงนะ พอทางรัสเซียถามกลับไปว่าสหรัฐฯมีหลักฐานตามที่กล่าวหารัสเซียหรือไม่
    Elizabeth Trudeau โฆษกหญิงของกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐฯตอบว่า "สิ่งที่พวกเรากำลังพูดถึงก็คือสิ่งที่พวกเราได้เห็นข้อมูลที่ว่ารัสเซียกำลังมุ่งเป้าไปที่สิ่งปลูกสร้างของพลเรือน และพวกเราก็ชี้นำคุณไปยัง NGO ของซีเรียที่อยู่บนภาคพื้นดิน ซึ่งเป็นแหล่งข่าวอิสระที่รายงานเรื่องนี้ (ข่าวผีบอก!)"
    เมื่อถูกขอให้แสดงรายละเอียดตามที่มีการกล่าวอ้างออกมา Trudeau ก็แก้ตัวด้วยการกล่าวว่า "อันที่จริงรัสเซียไม่ได้มีเป้าหมายที่สิ่งปลูกสร้างของพลเรือน แต่ขอยืนยันว่า พวกเขาโจมตีโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง" หล่อนปฏิเสธซ้ำอีกครั้งที่จะเปิดเผยสถานที่ของโรงพยาบาลตามที่อ้างว่าถูกโจมตี
    ก่อนหน้านี้สื่อฯตะวันตกรายงานว่า กองทัพรัสเซียได้ทิ้งระเบิดใส่โรงพยาบาลในซีเรีย 6 แห่ง ต่อมาจำนวนตัวเลขถูกลดลงเหลือเพียงแค่อาคารของโรงพยาบาลเพียง 1 แห่ง เนื่องจากไม่มีโรงพยาบาลตั้งอยู่ในสถานที่เป้าหมายการโจมตีจากทางกองทัพในวันนั้น
    มีโรงพยาบาลเพียงแห่งเดียวที่ถูกโจมตีระหว่างที่มีแคมเปญจ์ทางอากาศนำโดยรัสเซีย ซึ่งตั้งอยู่ที่เมือง Sarmin ในวันจันทร์ รมว.กลาโหมของรัสเซียได้เปิดเผยภาพถ่ายทางอากาศที่ตั้งของโรงพยาบาลในเมือง Sarmin ซึ่งพบว่าไม่ได้ถูกทำลายเลย
    "เอาแบบนี้เป็นไง? ฉันจะรับคำถามของคุณเอาไว้ก่อน หากมีข้อมูลที่พวกเราสามารถแชร์ได้ พวกเราก็จะติดต่อคุณกลับไปเอง ตกลงไหม?" Trudeau กล่าวด้วยการอ้างถึงภาพถ่าย
    ก่อนหน้านี้ John Kirby โฆษกกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐฯก็ได้กล่าวว่า "พวกเราได้เห็นข้อมูลที่อาจจะทำให้พวกเราเชื่อว่า เครื่องบินรบของรัสเซียโจมตีโรงพยาบาลจริงๆ" แต่ John Kirby ก็ปฏิเสธที่จะให้หลักฐานใดๆที่สนับสนุนข้อกล่าวหาดังกล่าว
    John Kirby กล่าวกับผู้สื่อฯข่าวรัสเซียว่า "ผมได้ดูรายงานของสื่อฯจนจบ พวกเราได้เห็นบางกลุ่มในสังคมพลเรือนซีเรียพูดเช่นนั้น" John Kirby ไม่ได้ระบุชื่อองค์กรหรือแหล่งข่าวใดๆอย่างชัดเจน [แมวก็อ้างแบบนี้ได้ หากว่ามันพูดได้ - ผู้แปล]
    แต่ Kirby กลับเน้นย้ำว่า สหรัฐฯยังมี "ข่าวกรองและข้อมูลเกี่ยวกับปฏิบัติการ" แต่ก็ปฏิเสธที่จะแชร์ข้อมูลดังกล่าวอีก
    Kirby กล่าวว่า "ผมบอกคุณแล้วไงว่า พวกเรามีข้อมูลเกี่ยวกับปฏิบัติการอื่นๆบางอย่างด้วย ซึ่งนำเราไปสู่ความเชื่อที่ว่า เป้าหมายของรัสเซียไม่ได้มุ่งไปที่ผู้ก่อการร้ายไอซิส แต่ในความเป็นจริง (เป็นเท็จสิไม่ว่า) ได้ทำให้เกิดความเสียหายข้างเคียงด้านการบาดเจ็บล้มตายของพลเรือนด้วย ซึ่งรวมถึงสิ่งปลูกสร้างของพลเรือนบางส่วน"
    [Kirby ลืมนึกถึงภาพเมือง Kobani ที่สหรัฐฯและพันธมิตรถล่มไปยับเยินหรือเปล่าครับ? กลายเป็นเมืองผีที่ไม่มีมนุษย์คนใดสามารถเข้าไปอยู่อาศัยได้อีกต่อไป แล้ว CNN ของสหรัฐฯก็ทำคลิปประกอบว่า นั่นคือชัยชนะของสหรัฐฯและพันธมิตรเหนือไอซิส แต่ยิ่งปราบก็ยิ่งเยอะ และมันเป็นความพ่ายแพ้พินาศย่อยยับของประชาชนชาวซีเรียและประเทศซีเรียต่างหาก นี่ พวกนี้พยายามที่จะสร้างภาพข่าวว่ารัสเซียทำไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ออกมาเรื่อยๆ เพื่อกลบเกลื่อนการกระทำของตัวเอง - ผู้แปล]
    Gayane Chichakyan ผู้สื่อฯข่าวหญิงจาก RT news ของรัสเซียจี้ต่อไปว่า "ช่วยให้บางอย่างที่เป็นรูปธรรม (offer something more solid) ในแง่ของหลักฐานที่อาจจะสนับสนุนความเชื่อของกรุงวอชิงตันได้ไหม?" Kirby ตอบกลับว่า "ไม่ได้ ผมจะไม่พูดเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก" [ฮ่าๆๆ... เอาแต่กล่าวหาเขาฝ่ายเดียว แต่พอถูกถามหาหลักฐานออกมาพิสูจน์กลับทำไม่ได้ซะงั้น นี่แหละมาตรฐานใหม่ของนักการเมืองและรัฐบาลสหรัฐฯหละ - ผู้แปล]
    ผู้สื่อข่าวของรัสเซียถามไปอีกว่า "คุณคิดว่าจะสามารถเผยแพร่หลักฐานต่อสาธารณชนได้ไหม?" Kirby สวนกลับอีกว่า "ผมก็พึ่งจะทำไปแล้วนั่นไง"
    [ผู้สื่อฯข่าวทุกคนทำหน้างงๆ มันให้เปิดเผยหลักฐานต่อสาธารณชนตอนไหนนี่? อ้อ… ก็คำพูดของเขานั่นไงคือสิ่งที่เขาเรียกว่าหลักฐาน กรรม! - ผู้แปล]
    Kirby กล่าวว่า "ผมจะไม่อ่านการเจรจาทางการทูตของพวกเราออกมา และผมก็ได้ตอบคำถามของคุณแล้ว และผมคิดว่า ผมได้ไปไกลมากแล้ว กับสิ่งที่ผมกำลังจะไป"
    [เฮ้อ… เหนื่อยกับพวกโฆษกรัฐบาลอเมริกาที่จะต้องออกมาเต้าข่าวรายวัน สุดท้ายก็ถูกนักข่าวของรัสเซียไล่ต้อนให้จนมุมครั้งแล้วครั้งเล่า เปลี่ยนหน้าใหม่ออกมาเรื่อย แต่ก็ไม่ทิ้งนิสัยเดิม เคสแบบนี้มีบ่อยมาก แต่พวกนี้ก็ยังเล่นมุกเดิมๆแบบนี้อยู่อีก เขาไม่รู้สึกละอายใจต่อประชาชนของพวกเขาบ้างเลยหรือไงนะ? - ผู้แปล]
    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    04/11/2558

    ภาพจาก © AFP 2015/ LOUAI BESHARA

    ----------
    Washington Provides No Proof of Russian Forces Striking Syrian Hospital
    Burden of Proof
    https://www.rt.com/news/320102-us-blames-russia-syria/
    Five of 6 Syrian Hospitals Allegedly Hit by Russian Airstrikes Don't Exist
    'False Information' Spread Over Airstrikes in Syria – Russian Lawmaker
    There Is No Evidence That Russia Hit Our Hospitals – MSF Rejects US Claims
    https://www.youtube.com/watch?v=mm4Zo9ALv7w
    https://www.youtube.com/watch?v=U6BN6o2daj0
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,223
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=nf

    สหรัฐฯเริ่มฝึก "กบฏสายกลาง" ในดินแดนของซีเรีย

    [​IMG]

    ------------
    วันที่ 4 พ.ย.58 RT news พาดหัวข่าวว่า "US begins training ‘moderate rebels’ on Syrian territory – report" (แปลตามชื่อโพสต์ข้างบน)
    ที่ปรึกษาทางทหารของสหรัฐฯได้เริ่มฝึกกลุ่มที่เรียกว่า "กบฏสายกลาง" ในซีเรีย รายงานจากสื่อฯกล่าว การดำเนินการในครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงการกลับชนิด 180 องศาจากคำสัญญาของของโอบาม่าในปี 2013 ที่กล่าวว่าจะไม่ส่ง "กองทัพอเมริกันเข้าไปปฏิบัติการภาคพื้นดินในซีเรีย" (American boots on the ground in Syria)
    Al Mayadeen สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมของเลบานอนรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวทางกองทัพซึ่งกล่าวว่า ที่ปรึกษาทางทหารชาวอเมริกันได้เดินทางเข้าไปในซีเรียเรียบร้อยแล้ และกำลังฝึก "พวกกบฏสายกลาง" ใกล้กับเมือง Salma ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกของจังหวัด Latakia
    สถานีโทรทัศน์ดังกล่าวได้อ้างคำพูดของแหล่งข่าวที่กล่าวว่า "เจ้าหน้าที่ชาวอเมริกันได้เริ่มการฝึกนักรบหัวรุนแรงชาวเติร์กเมน (Turkmen militants) รอบๆเมือง Salma ในจังหวัด Latakia"
    ชาว Turkmens หรือ Turkomans เป็นกลุ่มชาตพันธุ์ชาวเตอร์กิกซึ่งเดิมทีอาศัยอยู่ในเอเซียกลาง ในประเทศเติร์กเมนิสถาน อิรัค อิหร่าน ซีเรีย อัฟกานิสถาน ปากีสถานตอนเหนือ และเทือกเขาคอเคซัสเหนือ (Stavropol Krai) พูดภาษา Turkmen จำนวนประชากรของชาวเติร์กเมนในซีเรียไม่ชัดเจน บางแห่งบอกว่าราว 100,000 - 200,000 คน บางคนบอกว่าราว 750,000 - 1,500,000 คน องค์กรสภาแห่งชาติของเติร์กเมนบอกว่ามจำนวนถึง 3.5 ล้านคน
    Latakia เป็นจังหวัดที่รัสเซียตั้งฐานทัพอากาศเพื่อปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายในซีเรียที่กำลังดำเนินอยู่ในปัจจุบัน แม้ว่าทางกรุงวอชิงตันจะยืนยันว่าการฝึกพวกกบฏในในปัจจุบันนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อตอบโต้กับกลุ่มก่อการร้ายไอซิส แหล่งข่าวทางกองทัพของซีเรียซึ่งอ้างโดยสำนักข่าว RIA Novosti กล่าวว่าปัจจุบันนี้ไม่มีกองกำลังของผู้ก่อการร้ายไอซิสยึดที่มั่นอยู่ในพื้นที่ตอนเหนือของจังหวัดลาตะเกียเลย อันที่จริงแล้วพวกหัวรุนแรงติดอาวุธชาวเติร์กเมนกำลังต่อสู้เคียงข้างกับกลุ่มหัวรุนแรงสุดโต่งผู้ก่อการร้าย al-Nusra Front ต่อต้านกองทัพซีเรีย
    เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานาย Josh Earnest โฆษกทำเนียบขาวประกาศว่า สหรัฐฯกำลังจะส่งที่ปรึกษาของสหรัฐฯราว 50 นายไปยังซีเรียเพื่อฝึกกลุ่มที่เรียกว่า "กบฏสายกลาง" Earnest ได้ให้คำจำกัดความของภารกิจนี้ว่าเพื่อ "ฝึก แนะนำ และให้การสนับสนุน/ช่วยเหลือ" (train, advise, and assist) [คำว่า "assist" นี่ความหมายมันกว้างนะ มันแปลว่า "ช่วยเหลือ/สนับสนุน" ช่วยแบบไหน? สนับสนุนแบบไหน? ช่วยรบให้ด้วยหรือเปล่า? ช่วยชี้เป้าให้ด้วยหรือเปล่า? คิดว่าสหรัฐฯจะทำอะไรที่ตรงไปตรงมารึ? ขนาดระดับประธานาธิบดีของประเทศสหรัฐฯอเมริกาก็ยังกลับคำพูดเลย ไม่มีอะไรเป็นเครื่องรับประกันในคำพูดของสหรัฐฯได้ - ผู้แปล]
    [หลังจากที่ได้ลองเช็กข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเติร์กเมน เฉพาะในซีเรียนี้พบว่าพวกนี้ได้เข้าร่วมกับกลุ่มที่เรียกว่า "กองกำลังปลดปล่อยซีเรีย" (Free Syrian Army) หรือที่เรียกชื่อย่อเป็นภาษาอังกฤษว่า FSA ธงของชาว Turkmen มีลักษณะคล้ายกับของชาวอุยกูร์ (Uyghurs) มาก เหมือนกันยังกะแกะก็ว่าได้ พวกนี้มีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับชาวอุยกูร์ด้วย ตุรกีก็หนุนพวกนี้ด้วย สหรัฐฯจะหนุนอาวุธให้กับทุกกลุ่มที่ต่อต้านรัฐบาลอัสซาด ถ้าเมื่อไหร่ที่ชาว Turkmen ปะทะกับชาวเคิร์ดในซีเรียนั่นแหละ ชัดเลยแผนยุแยงให้เกิดความแตกแยกระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆภายในซีเรียได้ผล ก็เมื่อไม่มีไอซิสอยู่ในจังหวัด Latakia แล้วสหรัฐฯจะฝึกพวก Turkmen ไปเพื่ออะไรเพราะว่าพื้นที่ในจังหวัดนี้อยู่ในการควบคุมของกองทัพรัฐบาลซีเรียและกองทัพอากาศรัสเซียอยู่แล้ว? ฮึ่มมมม คิดว่ารัสเซียคงจะเตรียมแผนไว้แล้วหละ - ผู้แปล]
    ป.ล.ข่าวนี้ยังไม่ได้มีการยืนยันจากสหรัฐฯหรือจากทางกองทัพของรัสเซียอย่างเป็นทางการ
    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    04/11/2558

    ภาพจาก © Mario Anzuoni / Reuters

    ----------
    https://www.rt.com/news/320704-us-syria-ground-training-rebels/
    https://en.wikipedia.org/wiki/Syrian_Turkmen
    https://en.wikipedia.org/wiki/Syrian_Kurdish–Islamist_conflict_(2013–present)
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,223
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=nf

    อีกแล้วรึ?... เครื่องบินขนส่งสินค้าพร้อมชาวรัสเซียบนเครื่องตกที่ซูดานใต้ มีการสูญเสีย - รายงานข่าว

    [​IMG]

    ------------
    วันที่ 4 พ.ย.58 Sputnik news พาดหัวข่าวว่า "เครื่องบินขนส่งสินค้าพร้อมชาวรัสเซียบนเครื่องตกที่ซูดานใต้ มีการสูญเสีย - รายงานข่าว" (Cargo Plane With Russians on Board Crashes in S Sudan, Casualties Reported)
    สื่อฯท้องถิ่นรายงานวันพุธนี้เองว่าว่าเครื่องบิน Antonov An-12 ขนส่งสินค้า (cargo plane) พร้อมด้วยลูกเรือชาวรัสเซีย 5 คนและผู้โดยสาร 7 คนประสบอุบัติเหตุตก (crash-lands) ในเมืองหลวงของซูดานใต้หลังจากขึ้นบินได้ไม่นาน
    ส่วน RT news พาดหัวข่าวว่า "เครื่องบินขนส่งสินค้าพร้อมด้วยลูกเรือชาวรัสเซียประสบอุบัติเหตุตกในซูดอนใต้ รายงานข่าวแจ้งว่ามีผู้เสียชีวิตราว 40 คน" (Cargo plane with Russian crew crash-lands in S. Sudan, up to 40 reported dead) (RT news บอกว่ารายงานข่าวนี้มีความขัดแย้งกันเกี่ยวกับยอดผู้เสียชีวิต)
    เครื่องบินที่ประสบอุบัติเหตุอาจจะมีลูกเรือและผู้โดยสารประมาณ 20 เท่านั้น รอดชีวิตสองคน จากคำพูดของโฆษกประธานาธิบดีซูดานใต้ และคนอื่นๆที่อยู่บนพื้นดินอาจจะเสียชีวิตด้วย
    สำนักข่าวรอยเตอร์สกล่าวว่า พยายานในที่เกิดเหตุนับได้ 40 ศพ แต่ไม่ชัดเจนว่ามีในจำนวนนั้นผู้อยู่บนเครื่องบินกี่คน เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไม่ได้ระบุนามซึ่งอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุบอกกับรอยเตอร์สว่า มีผู้รอดชีวิตสองคน ซึ่งรวมทั้งเด็กหนึ่งคนด้วย แต่ไม่สามารถบอกได้ว่ามีประชาชนที่โดยสารเครื่องกี่คน
    พยายานของสำนักข่าวรอยเตอร์สบอกว่าเห็นเครื่องบินพาดข้ามแม่น้ำนไล์ขาว (White Nile River) รอยเตอร์สรายงาน ส่วนทวิตเตอร์ของสถานีวิทยุท้องถิ่นบอกว่า เกิดอุบัติเหตุขึ้นห่างจากสนามบิน Juba ราว 800 เมตร
    สื่อท้องถิ่น National Courier รายงานว่ามีผู้หญิงหนึ่งคนและเด็กเจ็ดคนเหยื่อด้วย แหล่งข่าวแจ้งกับ National Courier ว่าเครื่องบินได้มุ่งหน้าไปยังเมือง Paloich ในภูมิภาค Upper Nile ของซูดาน
    ป.ล. อัพเดทข่าวล่าสุด ณ เวลา 18.20 น. ตามเวลาในประเทศไทย ทาง Sputnik รายงานข้อมูลเพิ่มเติมว่า เครื่องบินลำดังกล่าวมีผู้โดยสารทั้งหมด 12 คน รอดชีวิต 3 คน ผู้โดยสารทั้งหมดเป็นชาวซูดานใต้ ส่วนลูกเรือมี 6 คน เป็นชาวอเมริกัน 5 คน และรัสเซีย 1 คน โฆษกประธานาธิบดีซูดานใต้แถลงข่าว เครื่องบินลำดังกล่าวเป็นของสายการบิน Allied Services Limited ท้องถิ่น
    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    04/11/2558

    ภาพจาก © REUTERS/ Stringer

    ----------
    Cargo Plane With Russians on Board Crashes in S Sudan, Casualties Reported
    https://www.rt.com/news/320710-antonov-plane-crash-landing/
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,223
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=nf
    Oopz! เรือดำน้ำจู่โจมของจีนไล่บี้ก้นเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Reagan ของสหรัฐฯ (?) เจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงของจีนและสหรัฐฯประชุมร่วมกันกรณีเรือรบของสหรัฐฯเข้าไปในทะเลจีนใต้, รัสเซียส่งเรือพิฆาตเข้าสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

    [​IMG]

    ------------
    1.) ทำไมข่าวเยอะจัง จะเล่าไหวไหมนี่? วันที่ 4 พ.ย.58 Sputnik news พาดหัวข่าวว่า "ลือกันว่าเรือดำน้ำจู่โจมของจีนไล่บี้ก้นเรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐฯ" (Chinese Attack Sub Allegedly Tails US Aircraft Carrier)
    เว็บไซต์ข่าว The Washington Free Beacon ของสหรัฐฯอ้างคำพูดของเจ้าหน้าที่กลาโหมที่ไม่สงค์ออกนามรายงานว่า มีการกล่าวว่ามีเรือดำน้ำของจีนได้แล่นเข้าไปใกล้เรือ USS Reagan ซึ่งเป็นเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์มาก เพียงแค่หนึ่งวันก่อนที่กรุงวอชิงตันจะทำให้เกิดความโกลาหลด้วยการส่งเรือรบ USS Lassen เข้าไปในรัศมีของเกาะเทียมของจีนในระยะ 12 ไมล์ทะเล
    สื่อฯสหรัฐฯรายงานว่า "การเปิดเผยเรื่องการเผชิญหน้ากับเรือดำน้ำของจีนเกิดขึ้นเมื่อ พล.ร.อ. Harry Harris กำลังเดินทางไปเยือนจีนเป็นครั้งแรกในฐานะผู้บัญชาการกองทัพสหรัฐฯในแปซิฟิก โฆษกกองเรือแฟซิฟิกและผู้บัญชาการกองทัพเรือแปซิฟิกได้ปฏิเสธที่จะออกความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องการเผชิญหน้ากับเรือดำน้ำ แต่ไม่ได้ปฏิเสธเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น"
    รายงานข่าวยังบอกอีกว่า มีการกล่าวหาว่าการเผชิญหน้ากันเกิดขึ้นในวันที่หรือประมาณวันที่ 24 ตุลาคมในทะเลญี่ปุ่น (Sea of Japan) หลังจากที่เรือ USS Reagan เดินทางออกจากท่าเรือโยโกซูกะประเทศญี่ปุ่น ไม่มีรายละเอียดเพิ่มเติมว่าเหตุการณ์ดังกล่าวมีอยู่จริงหรือไม่ ซึ่งรวมทั้งชนิดของเรือดำน้ำจีนหรือระยะห่างระหว่างเรือทั้งสองลำด้วย
    The Washington Free Beacon สื่อฯของสหรัฐฯได้้อ้างถึงเหตุการณ์ "การเผชิญหน้าอย่างใกล้ชิดที่สุด" ระหว่างเรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐฯกับเรือดำน้ำของจีนซึ่งเกือบจะสิบปีที่ผ่านมา เหตุการณ์ในอดีตเกี่ยวกับเรือ USS Kitty Hawkand และเรือดำน้ำรุ่น Song-class ได้เกิดขึ้นในวันที่ 26 ตุลาคม 2006 [ครบรอบ 9 ปีพอดี - ผู้แปล]
    ในวันที่ 26 ตุลาคม 2015 สหรัฐฯดำเนินปฏิบัติการที่เรียกว่า "เสรีภาพในการเดินเรือ" ในทะเลจีนใต้ [เสรีภาพในการรุกราน ยั่วยุ หาเรื่องชาวบ้านสิไม่ว่า - ผู้แปล] ซึ่งกรุงปักกิ่งได้ประนามว่าเป็นการละเมิดอธิปไตยของจีน และเป็นการ "ยั่วยุอย่างเห็นได้ชัด" [ก็นิสัยของพวกอันธพาลชวนหาเรื่องก็เป็นอย่างนี้หละครับเฮียสี - ผู้แปล]
    เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ทาง Chang Wanquan รมว.กลาโหมของจีนได้เรียกร้องให้สหรัฐฯงดจากการกระทำดังกล่าวในอนาคต โดย Chang Wanquan ได้ยืนยันว่ากรุงปักกิ่งคัดค้านอย่างหนักต่อสหรัฐฯที่ดำเนินการที่เป็นภัยคุกคามต่อ "อธิปไตยและผลประโยชน์ด้านความมั่นคงของจีน และทำลายสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค" สำนักข่าวซินหัวรายงาน
    [ก็นั่นแหละครับคือจุดมุ่งหมายของสหรัฐฯ ดูที่เหตุผลของสหรัฐฯคือเสรีภาพในการเดินเรือ แต่ไม่เคยอ้างถึงเรื่องสันติภาพและความปลอดภัยในภูมิภาคเลย ถ้ามีเสรีภาพแต่ไม่มีความปลอดภัยหรือความสงบเกิดขึ้นเลยแล้วจะทำอย่างไร? ถ้าเกิดความขัดแย้งและนำไปสู่สงครามแล้วเสรีภาพในการเดินเรือมันจะเกิดขึ้นได้หรือ? เดี๋ยวก็ต้องมีการประกาศปิดน่านน้ำและน่านฟ้าตามมาจนได้ นั่นสินะที่สหรัฐฯเรียกว่าเสรีภาพ - ผู้แปล]
    [อ้อ… ข่าวนี้ไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการจากกองทัพของทั้งสองฝ่าย แต่สหรัฐฯมักจะเล่นมุกนี้ประจำ แง่หนึ่งก็เพื่อทำให้ทั่วโลกมองว่าจีนไปหาเรื่องสหรัฐฯก่อนนะ ดังนั้นจึงไม่ผิดที่สหรัฐฯจะตอบโต้ด้วยการส่งเรือรบเข้าไปในพื้นที่ที่จีนอ้างกรรมสิทธิ์ และกำลังจะใช้มุกเดียวกับที่เคยเล่นงานรัสเซียมาแล้ว ซึ่งก็คือ "ก้าวร้าว" การเล่นมุกนี้สหรัฐฯมีแต่ได้กับได้ ถึงไม่มีหลักฐานยืนยันใดๆสหรัฐฯก็ไม่เสียหายอะไรอยู่แล้วเพราะไม่ได้อ้างคำพูดของบุคคลที่มีตัวตนจริงๆ งานถนัดของสหรัฐฯก็คือการเล่นบทตกเป็นเหยื่อหรือผู้ถูกกระทำ ส่วนสหรัฐฯก็ออกมาขู่อีกว่าจะส่งเรือรบของตนเองเข้าไปในทะเลจีนใต้อีก แต่ยังไม่บอกว่าเมื่อไร ก็ประมาณว่าจะพยายามยั่วให้มีเรื่องกับจีนให้ได้ สหรัฐฯกำลังภาวนาว่าขอให้จีนช่วยยิงหรือจมเรือรบองสหรัฐฯซักลำทีเถอะ จะได้หาข้ออ้างเล่นงานจีนได้เต็มที่หน่อย - ผู้แปล]
    2.) มาดูข่าวความเคลื่อนไหวทางกองทัพของรัสเซียดูบ้างนะครับ วันที่ 4 ต.ค.58 Sputnik news พาดหัวข่าวว่า "เรือพิฆาตของกองทัพเรือรัสเซียออกจากช่องแคบ Gibraltar เข้าสู่ทะเลเมดิเตอร์เนียน" (Russian Naval Destroyer Leaves Strait of Gibraltar, Enters Mediterranean)
    เรือพิฆาต Vice-Admiral Kulakov รุ่น Udaloy-class ของกองทัพเรือรัสเซียได้เข้าสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนแล้ว โฆษกกองเรือภาคเหนือของรัสเซียกล่าวเมื่อวันพุธนี้
    Capt. 1st Rank Vadim Serga กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า "เรือพิฆาต Vice-Admiral Kulakov ต่อต้านเรือดำน้ำจากองเรือภาคเหนือขนาดใหญ่ซึ่งกำลังออกเดินทางในระยะยาว ได้เสร็จสิ้นการเดินทางผ่านส่วนที่แคบที่สุดของช่องแคบ Gibraltar และได้เข้าสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนแล้ว การเดินทางผ่านช่องแคบที่มีลักษณะเป็นคอขวดยาว 14 กิโลเมตร (8.6 ไมล์) ได้ดำเนินการในช่วงเวลากลางคืน ลูกเรือได้พิสูจน์ทักษะของพวกเขาในการเดินเรืออย่างปลอดภัยภายใต้เงื่อนไขที่ซับซ้อนในเวลากลางคืน"
    3.) ส่วนสถานการณ์ในซีเรียบางส่วนนั้น วันนี้มีรายงานข่าวมาว่ากองทัพซีเรียสามารถเข้าควบคุมทางด่วนเชื่อมต่อระหว่างจังหวัด Aleppo กับจังหวัด Hama ได้เบ็ดเสร็จแล้ว ก็หมายความว่ากองทัพซีเรียตัดเส้นทางหลักในการส่งเสบียงกองหนุนและอาวุธจาก Aleppo มาที่ Hama ของกลุ่มก่อการร้ายได้แล้ว
    วันนี้ก็มีรายงานข่าวจากสำนักข่าว FNA ของอิหร่านบอกว่า ผู้ก่อการร้ายสองรายที่ทางการซีเรียต้องการตัวมากที่สุดถูกสังหารไปแล้วในจังหวัด Hama กองทัพซีเรียได้สังหาร Ahmed Mohamed Nasrullah และ Firas Darwish Gyari ผู้บัญชาการระดับสูงของกลุ่ม Jabhat al-Shamiyya (The Levant Front) ในพื้นที่ใกล้เคียงเมือง Tel Othman ในจังหวัด Hama ส่วนสนามรบใน Dara'a Al-Balad จังหวัด Daraa ใกล้กับพรมแดนของจอร์แดน และจังหวัด Aleppo ทางตอนหนือของซีเรียนั้นมีการปะทะกันระหว่างกองทัพซีเรียและพันธมิตรกับกลุ่มก่อการร้ายที่ดุเดือดมาก
    ส่วนด้านเยเมน รายงานข่าวด่วนแจ้งเข้ามาว่านักรบ Ansarullah (ฮูติ)แห่งเยเมนสามารถสังหารผู้บัญชาการระดับสูงของซาอุดิอาระเบียพร้อมด้วยกองทัพของเขาหลายสิบคนได้ที่จังหวัด Ta'iz ประเทศเยเมน
    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    04/11/2558

    ภาพจาก © Flickr/ U.S. Pacific Fleet

    ----------
    Chinese Attack Sub Allegedly Tails US Aircraft Carrier
    Chinese Submarine Stalked US Aircraft Carrier
    http://en.people.cn/n/2015/1104/c90000-8971365.html
    China urges US to stop actions threatening China's sovereignty, security interest - Global Times
    Chinese high-ranking military officer meets U.S. Navy Admiral - Xinhua | English.news.cn
    Russian Naval Destroyer Leaves Strait of Gibraltar, Enters Mediterranean
    Farsnews
    Farsnews
    Farsnews
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,223
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=nf
    นิตยสาร Forbes ของอเมริกาเสนอชื่อปูตินให้เป็นบุคคลทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลกเป็นปีที่สาม

    [​IMG]

    ----------
    อ๊ะๆอาาาา... เป็นไปได้ยังไง? ก็เป็นไปแล้วนี่ครับ มาอ่านข่าวดีให้กระชุ่มกระชวยหัวใจกันต่อนะครับ... วันที่ 4 พ.ย.58 Forbes นิตยสารชื่อดังทรงอิทธิพลของอเมริกาได้เตรียมรายชื่อบุคคลผู้ทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลกในปี 2015 ครั้งใหม่ โดย Sputnik news ของรัสเซียพาดหัวข่าวว่า "Forbes เสนอรายชื่อปูตินให้เป็นบุคคลผู้ทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลกเป็นปีที่สามในรายชื่อ" (Forbes Nominates Putin as World’s Most Powerful Person Third Year in a Row)
    รายงานข่าวบอกว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ได้กลายเป็นผู้ชายที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดของปีเป็นครั้งที่สาม โปรดฟังอีกครั้ง "เป็นครั้งที่สาม" ตามด้วยนาง Angel Merkel นายกรัฐมนตรีของเยอรมัน (ที่สอง) และนายบารัค โอบาม่า ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา (ที่สาม)
    นิตยสาร Forbes เขียนเอาไว้ว่า "ปูตินยังคงพิสูจน์ว่าเขาเป็นหนึ่งในผู้ชายเพียงไม่กี่คนในโลกที่มีอิทธิพลมากที่สุดเพื่อที่จะทำในสิ่งที่เขาต้องการและออกห่างจากมัน"
    [ตรงนี้สะท้อนให้เห็นว่า ปูตินแห่งรัสเซียมีอิสรภาพ มีเสรีภาพ มากกว่าโอบาม่าหรือเปล่า? นี่หรือเปล่าคือสิ่งที่ Forbes ต้องการจะพูด แต่ด้วยเกรงใจรัฐบาลโอบาม่าก็เลยเขียนให้ซ้อฟท์ลงนิดนึง - ผู้แปล]
    นักข่าวรายงานว่า การแซงชั่นรัสเซียหลังการแยกไคร์เมีย (the secession of Crimea) ทำให้เงินรูเบิลอ่อน และผลักให้รัสเซียเข้าสู่ภาวะถดถอย อย่างไรก็ตามแนวโน้มด้านลบไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความนิยม (popularity) ของปูตินซึ่งมีเรตติ้งที่ 89% ในเดือนมิถุนายนเป็นเครื่องพิสูจน์ ยิ่งกว่านั้นในตั้งเดือนตุลาคม รัสเซียได้เริ่มปฏิบัติการทางทหารในซีเรียซึ่งทำให้ตำแหน่งของนาโต้และสหรัฐฯในภูมิภาคอ่อนแอลง และเสริมสร้างอิทธิพลในต่างประเทศของรัสเซียให้เข้มแข็งมากขึ้น
    [ตรงนี้ข้อแสดงความคิดเห็นซะหน่อยนะครับ ก่อนหน้านี้มีบางคนแสดงความไม่พอใจที่แอ็ดมินแสดงความคิดเห็นหรือบทวิเคราะห์วิแคะส่วนตัวร่วมไปด้วยในการแปลข่าวต่างๆ แม้จะพยายามแยกย่อหน้าและใส่ไว้ในวงเล็บให้แล้วก็ตาม ก็พอจะเดาออกได้ว่าพวกนี้คิดอะไรอยู่ คราวนี้จะชี้บางจุดให้ดูจากข้อความในย่อหน้าสุดท้ายข้างบนนั้น ข้อความที่ว่า "นักข่าวรายงานว่า การแซงชั่นรัสเซียหลังการแยกไคร์เมีย (the secession of Crimea) ทำให้เงินรูเบิลอ่อน และผลักให้รัสเซียเข้าสู่ภาวะถดถอย..." ตรงนี้เป็นการรายงานข่าวหรือว่าเป็นการแสดงความคิดเห็นแนว propaganda จากสื่อฯของสหรัฐฯแบบเนียนๆ นักข่าว Forbes ใช้คำว่า "secession of Crimea" ซึ่่งแปลว่า "การแยกไคร์เมีย" แยกยังไง? ในมุมมองของสหรัฐฯและตะวันตกรวมทั้งยูเครนบางส่วนด้วยมองว่ารัสเซีย "แยก" หรือ "แย่ง" ไคร์เมียไปจากยูเครน
    แต่ในมุมมองของรัสเซียมองว่านั่นไม่ใช่การ "แยก" แต่เป็น "การผนวกนรวม" (annexation) ไคร์เมียเข้ากับแผ่นดินแม่ของรัสเซียอีกครั้งหลังจากที่ผู้นำโซเวียตเคยกำหนดให้ไคร์เมียเป็นส่วนหนึ่งของภูมิภาคยูเครน (1954) ในสมัยที่ยูเครนยังเป็นส่วนหนึ่งสหภาพโซเวียต เหตุการณ์เดียวกันแต่มีสองมิติ เหมือนเหรียญสองด้าน ขึ้นอยู่กับมุมมอง เช่นการตักน้ำออกจากถังที่หนึ่งไปใส่รวมเข้ากับน้ำในถังที่สอง บางคนมองว่านั่นเป็นการแยก/แย่งน้ำจากถังที่หนึ่ง แต่อีกคนหนึ่งมองว่านั่นคือการเติม/รวมน้ำในถังที่สองต่างหาก
    การใช้คำว่า "แยกไคร์เมีย" ทำให้ภาพพจน์ของรัสเซียเป็นลบทันทีในสายตาผู้อ่านที่ไม่ได้ทราบความเป็นมาเกี่ยวกับเรื่องราวเหล่านี้ แต่ในความเป็นจริงแล้วชาวไคร์เมียได้ทำประชามติในวันที่ 16 มีนาคม 2557 เลือกที่จะรวมเข้ากับรัสเซียด้วยคะแนนเสียง 96.77% นี่คือความชอบธรรมของรัสเซียและชาวไคร์เมีย แต่ถ้านิตยสาร Forbes ใช้คำว่า "the annexation of Crimea" (การผนวกรวมไคร์เมีย) ก็จะทำให้สหรัฐฯและตะวันตกเสียหน้า เพราะว่าสหรัฐฯได้ใช้กรณีของไคร์เมียในการแซงชั่นรัสเซีย ดังนั้นนิตยสารของสหรัฐฯจึงเลือกที่ใช้คำพูดที่เป็นลบกับรัสเซียต่อไป จุดนี้แสดงให้เห็นถึงการใส่ความคิดเห็นของตนเอง/ของนักข่าวอเมริกันลงไปในการเขียนข่าวอย่างเห็นได้ชัด เพราะอะไร? เพราะว่าเขาเสนอข่าวแบบด้านเดียวและออกแนว propaganda ไปในตัว ถ้าไม่สังเกตดีๆยากที่จะจับพิรุธได้
    มาอีกเรื่องหนึ่ง เรื่องของการอ่อนค่าของเงินรูเบิล อันนี้ก็ไม่ใช่ความผิดของการบริหารงานของรัฐบาลรัสเซียอีกนั่นและ การที่เงินรูเบิลอ่อนค่าในช่วงนั้น ก็เพราะว่าถูกสหรัฐฯและพันธมิตรโจมตีต่างหาก Forbes เลือกพูดที่ปลายเหตุหรือผลที่เกิดขึ้นแล้ว แต่ไม่ยอมบอกว่าเพราะอะไรเงินรูเบิลของรัสเซียถึงอ่อน ถ้าพูดก็จะเป็นการประจานพฤติกรรมการชอบใช้อำนาจ Hegemony เผด็จการเจ้าโลกแต่เพียงผู้เดียวของสหรัฐฯในการกดขี้ประเทศอื่นที่ไม่ยอมก้มหัวให้ตัวเองอีก ดังนั้นนักข่าวอเมริกันจึงเลือกที่จะเขียนความจริงแค่บางส่วนตามสไตล์สื่อฯกระบอกเสียงของรัฐบาลอเมริกันนั่นแหละ - ผู้แปล]
    กลับมาอ่านข่าวต่อนะครับ... นายกรัฐมนตรี Angela Merkel ของเยอรมันได้อันดับที่สอง และกลายเป็น "ผู้หญิงที่ทรงอิทธิพลมากที่สุด" (the most powerful woman) ในโลก Forbes กล่าวว่าความมุ่งมั่นของเธอในการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับผู้ลี้ภัยชาวซีเรียและวิกฤตหนี้สินของกรีซช่วยให้เธอ "ปีนป่าย" ขึ้นไปอยู่บนยอดของรายชื่อได้
    ที่สามในการจัดอันดับก็คือประธานาธิบดีบารัค โอบาม่าของสหรัฐฯ ในขณะที่เขาก้าวเข้าสู่ปีสุดท้ายในการเป็นประธานาธิบดีของเขา อันดับความนิยมของโอบาม่าค่อยๆลดลงทั้งภายในประเทศและในต่างประเทศ นิตยสาร Forbes เขียน
    "ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสหรัฐฯยังเป็นมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดทางเศรษฐกิจ วัฒนธรรม (จริงอ่ะ?) การทูต เทคโนโลยี และกองทัพ แต่ในขณะที่โอบาม่าก้าวเข้าสู่ช่วงปีสุดท้ายในการเป็นประธานาธิบดีของเขา เห็นได้ชัดว่าอิทธิพลของเขากำลังจมดิ่ง และการตะเกียกตะกายต่อสู้ดิ้นรนยิ่งกว่าที่จะทำให้สำเร็จได้" นิตยสาร Forbes เขียน
    [คาใจกับคำว่า "สหรัฐฯยังเป็นมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดทางด้าน... วัฒนธรรม (cultural power)..." นี่แหละครับ มันคืออะไรรึ? อะไรคือวัฒนธรรมของอเมริกา? การโกหก ตลบตะแลง กะล่อนปลิ้นปล้อน ของพวกนักการเมืองและสื่อฯของเขานั่นหรือเปล่าที่เรียกว่า "วัฒนธรรม" ของอเมริกา? อ้อ… พอไปถาม google ด้วยการพิมพ์คำว่า "American Culture" ภาพแรกที่ google แสดงขึ้นมาหน้าจอคอมพิวเตอร์ก็คือ รูปการ์ตูจเทพีเสรีภาพถือถ้วยเครื่องดื่มโคคาโคล่าและแฮมเบอร์เกอร์ Yep เข้าใจหละนั่นสินะคือสิ่งที่นักข่าว Forbes เรียกว่าความยิ่งใหญ่ที่สุดทางวัฒนธรรมของสหรัฐฯ - ผู้แปล]
    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    05/11/2558

    ภาพจาก © Sputnik/ Sergey Guneev

    ----------
    Forbes Nominates Putin as World’s Most Powerful Person Third Year in a Row
    Forbes Welcome
    Forbes Welcome
    Vladimir Putin is declared the most powerful man in the world by Forbes magazine | Daily Mail Online
    https://en.wikipedia.org/wiki/Crimea
    https://en.wikipedia.org/wiki/Crimean_status_referendum,_2014
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,223
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont/?fref=ts·
    Oopz! ชาวอเมริกันยกเลิกการเป็นพลเมืองของสหรัฐฯในไตรมาสนี้ถึง 1,426 คน

    [​IMG]

    ----------
    หันมาอ่านข่าวเบาๆ สะบายอุราเล่นๆบ้างนะครับ เมื่อวานนี้ในช่วงที่ตระเวนข่าวจากสื่อฯจีนบังเอิญไปเห็นข่าวหนึ่งเกี่ยวกับสหรัฐฯ จึงหยิบมาเล่าต่อให้แฟนเพจได้รับทราบบ้างดังต่อไปนี้
    วันที่ 4 พ.ย.58 สำนักข่าว People's Daily Online ของจีนพาดหัวข่าวว่า "รายงาน (/ระเบียนประวัติ) บอกว่ามีชาวอเมริกันยกเลิกการเป็นพลเมืองของสหรัฐฯในไตรมาสนี้ถึง 1,426 คน" (A record 1,426 Americans renounce U.S. citizenship) ข่าวนี้สื่อฯจีนเอามาจาก CNN ของสหรัฐฯ งั้นขอตามไปดูที่ข่าวต้นฉบับหน่อยซิว่า CNN Money พาดหัวข่าวว่าอย่างไรบ้าง ทาง CNN สื่อฯกระบอกเสียงของรัฐบาลสหรัฐฯพาดหัวข่าวว่า "รายงานบอกว่ามีชาวอเมริกันจำนวน 1,426 คนคืนพาสปอร์ตของพวกเขา" (A record 1,426 Americans return their passports) ข่าวนี้ลงในสำนักข่าวเช่น Forbes, PressTV และ Finance Yahoo ก็พาดหัวข่าวคล้ายกันนี่แหละครับ
    งั้นแอ็ดมินขอเลือกข่าวจากสื่อฯจีนมาแปลนะครับ ทำไมถึงเลือกจากสื่อฯจีนด้วยครับ? เพราะว่าชอบเฮียสีกับหมีแพนด้าจีนไงครับ คริๆ รายงานข่าวบอกว่า "1,426" เป็นตัวเลขของชาวอเมริกันที่ได้ประกาศสละ (renounced) ความเป็นพลเมืองของสหรัฐฯเมื่อไตรมาสล่าสุด ตามรายงานของรัฐบาลสหรัฐฯที่เปิดเผยเมื่อเร็วๆนี้
    รายงานยังกล่าวอีกว่า ตลอดปีนี้มีประชาชนชาวอเมริกันที่ยกเลิกการเป็นพลเมืองของพวกเขาไปแล้วถึง 3,221 คน ซึ่งมีความเป็นไปได้เป็นอย่างมากที่จะทำลายสถิติทั้งหมดของปีที่ล่าสุดซึ่งอยู่ที่ 3,415 คน [ชอบๆๆ… เอาอีกๆๆ... คริๆ - ผู้แปล]
    ตามรายงานของ CNN บอกว่าตัวเลขที่เพิ่มขึ้นของชาวอเมริกันนี้กำลังเป็นการบอกลาลุงแซม [Uncle Sam farewell บั๊บบายยย... รักนะ จุ๊บๆ แต่อยู่ด้วยไม่ได้แล้ว - ผู้แปล] หลายคนที่ออกไปอยู่ต่างประเทศรู้สึกเหน็ดเหนื่อยกับ... (กับอะไรครับแอ็ดมิน? กับโอบาม่า! มั๊ง? คริๆ ไม่ใช่ครับ) … กับงานเอกสารเกี่ยวกับ "ภาษี" ที่มีความซับซ้อน - เป็นอาการปวดหัวที่เพิ่มขึ้นเมื่อไม่นานมานี้เช่นเดียวกับการบังคับใช้กฎหมายภาษีอย่างหนัก เมื่อปีที่ มีชาวอเมริกันได้สละการเป็นพลเมืองของตนเองเพิ่มขึ้นถึง 15 เท่าจากปี 2008
    CNN "เชื่อ" ว่าสำหรับประชาชนส่วนใหญ่มากๆที่สละสัญชาติอเมริกันของตนเองนั้น มาจากปัญหาเดียวอย่างแน่นอน: "ภาษีต่างๆ" ไม่เหมือนกับประเทศอื่นๆส่วนมาก สหรัฐฯเก็บภาษีพลเมืองของตนเองจากรายได้ทุกประเภท - ไม่ว่าพวกเขาจะได้มาจากที่ไหน หรืออาศัยอยู่ที่ไหน สำหรับชาวอเมริกันที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศ ซึ่งก็หมายความว่า งานเอกสารที่มีความซับซ้อนมากจะกองเป็นภูเขาซึ่งทำให้ผู้ที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศจำเป็นต้องแสวงหาความช่วยเหลือจากมืออาชีพอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งต้องจ่ายค่าธรรมเนียมที่สูงให้กับพวกนักบัญชีและทนายต่างๆ
    กฏหมาย Foreign Account Tax Compliance Act (การบังคับจ่ายภาษีของชาวอเมริกันที่มีบัญชีอยู่ในต่างประเทศ) หรือ FATCA ซึ่งพึ่งจะลงนามโดยปธน.บารัค โอบาม่า ได้ทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงยิ่งกว่าเดิมสำหรับชาวอเมริกันที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศ กฎหมายฉบับดังกล่าวกำหนดให้บุคคลจะต้องรายงานสินทรัพย์ในต่างประเทศตามความเป็นจริง และสำหรับธนาคารต่างๆก็ให้เปิดเผยบัญชีต่างประเทศทั้งหมดที่ถือโดยชาวอเมริกัน กฎหมายฉบับใหม่นี้กำหนดให้ชาวอเมริกันเปิดเผยการถือครองสินทรัพย์ที่มีอยู่ในต่างประเทศที่มีมูลค่ามากกว่า $10,000 (ประมาณ 355,000 บาท)
    สื่อฯสหรัฐฯบ่นว่า แคมเปญจ์ดังกล่าวกำลังทำให้ชีวิตมีความยุ่งยากมากขึ้นสำหรับชาวอเมริกันจำนวน 7.6 ล้านคนที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศ ในขณะที่สถาบันการเงินต่างๆเริ่มทำความเข้าใจกับกฎหมาย FATCA อยู่นั้น ธนาคารในต่างประเทศบางแห่ง ทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก ได้ปิดบัญชีลูกค้าชาวอเมริกัน ทิ้งไปโดยไม่มีการตรวจสอบเบื้องต้นและเก็บบัญชีเอาไว้ ซึ่งหมายความว่า ชาวอเมริกันที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศบางรายถูกบังคับให้ละทิ้งการเป็นพลเมืองสหรัฐอเมริกาของพวกเขา
    ป.ล. ไม่มีความคิดเห็นครับ จัดการกันเอง เรื่องของอเมริกา เอ้อ… แต่ถ้ามีชาวอเมริกันบางคนไปกระทำธุรกิจผิดกฎหมายในต่างประเทศ เช่นในบ้านเรานี้ (สมมุติ) ถ้าเขาตรวจสอบเจอขึ้นมา ประเทศนั้นๆก็จะโดนหางเลขซวยไปด้วยนะสิครับ ทำเป็นเล่นไป
    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    05/11/2558
    ----------
    A record 1,426 Americans renounce U.S. citizenship - People's Daily Online
    A record 1,426 Americans return their passports - Oct. 30, 2015
    Forbes Welcome
    PressTV-1,426 Americans give up US citizenship
    POEA, Work Abroad, Overseas Jobs - US Green Card Waiting List Statistics - JobStreet.com Philippines
    http://finance.yahoo.com/news/record-number-americans-renounce-citizenship-062330120.html
    FATCA คืออะไร และเกี่ยวข้องอย่างไรกับเรา
    Immigration Blog | US Visa Processing Times
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,223
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont/?fref=ts·

    สองมาตรฐานและการสร้างภาพให้รัสเซียเป็นปีศาจว่าทำให้ตะวันออกกลางเลวร้ายลง - ส.ส.สหรัฐฯกล่าว

    [​IMG]

    ----------
    หันมาดูนักการเมืองอเมริกันมองนโยบายต่างประเทศของรัฐบาลอเมริกันในซีเรียบ้างนะครับ วันที่ 4 พ.ย.58 RT news พาดหัวข่าวว่า "Double standards, demonization of Russia made Middle East worse – US lawmaker" (แปลตามชื่อโพสต์ข้างต้น)
    ระบบสองมาตรฐานของสหรัฐฯที่มีต่อรัสเซียและการปฏิเสธที่จะทำงานร่วมกันกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ในตะวันออกกลางและในที่อื่นๆ ได้ส่งผลให้พวกผู้ก่อการร้ายไอซิสเข้าไปยึดประเทศลิเบียและการนองเลือดในซีเรีย - Dana Rohrabach สมาชิกสภาคองเกรสพรรครีพับลิกันจากรัฐแคลิฟอร์เนียกล่าวกับเจ้าหน้าที่ทูตระดับสูงของสหรัฐฯ
    Rohrabacher กล่าวในการรายงาน (/ไต่สวน/ชี้แจง/รายงานผลการดำเนินงาน) ต่อคณะกรรมาธิการสภาผู้แทนเกี่ยวกับกิจการต่างประเทศเมื่อวันพุธที่ผ่านมานี้ว่า "(พฤติกรรม) สองมาตรฐานที่พวกเรากำลังพากันตัดสินรัสเซียอยู่นี้ และการอยู่บนนโยบายของพวกเราในเรื่องสองมาตรฐานนั้น ได้เป็นสาเหตุที่เป็นอันตรายเป็นอย่างมากต่อพวกเราเอง เมื่อพวกเราได้ทำงานร่วมกับชาวรัสเซียในความเชื่อที่ดีทั้งหมด ผมเชื่อว่าสถานการณ์ในตะวันออกกลางอาจะแตกต่างโดยสิ้นเชิง และดีขึ้น มีเสถียรภาพมากขึ้น"
    ส.ส.จากแคลิฟอร์เนียไม่เห็นด้วยกับการลงโทษเฆี่ยนตีรัสเซีย (Russia-bashing) จากเพื่อนๆของเขา ซึ่งรวมถึงนาง Victoria Nuland ผู้ช่วยรมว.ต่างประเทศด้านกิจการยุโรปและยูเรเซีย Nuland และ Patterson ได้อยู่ในการชี้แจง ของคณะกรรมธิการแห่งสภาผู้แทนด้วย เพื่อสรุปนโยบายต่างๆของสหรัฐฯต่อบรรดาส.ส.ทั้งหลายในการเข้าไปมีว่าส่วนร่วมของรัสเซียในซีเรียเพื่อต่อต้านกลุ่มก่อการร้ายไอซิส
    กรุงวอชิงตันได้กล่าวหารัสเซียว่าทิ้งระเบิดใส่ "พวกกบฏสายกลาง" ที่มีสหรัฐฯหนุนหลัง (US-backed “moderate rebels”) มากกว่าเป้าหมายที่เป็นพวกผู้ก่อการร้ายไอซิส ส่วนกรุงมอสโคว์ยืนยันว่า กองทัพอากาศรัสเซียมุ่งเป้าหมายไปที่กลุ่มก่อการร้ายทั้งหมดภายในประเทศซีเรีย ซึ่งถึงพวกไอซิส Jabhat al-Nusra ที่มีความเกี่ยวข้องกับพวกผู้ก่อการร้ายอัลเคด้า Patterson ยอมรับว่า พวก al-Nusra ได้ "ดูดซืมกลุ่มที่พวกเรา (สหรัฐฯ) ซึ่งก่อนหน้านี้อาจจะเรียกว่า 'ฝ่ายค้านสายกลาง' ไปเป็นจำนวนมาก" ระหว่างการชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการ
    "ระบบสองมาตรฐานที่พวกเรากำลังตัดสินรัสเซียนั้น... มันมีมากมายล้นเหลือซะเหลือเกิน" ส.ส. Rohrabacher กล่าว โดยตั้งข้อสังเกตว่า ตนได้มีความภาคภูมิใจเป็นอย่างมากในการต่อสู้สหภาพโซเวียตในช่วงสงครามเย็น ชาวรัสเซียได้มีความคาดหวังที่จะได้รับการปฏิบัติในฐานะเพื่อนหลังจากที่ความขัดแย้งจบสิ้นลง แต่กลับพบว่ามีแต่การต่อต้านและความเป็นปฏิปักษ์ (hostility) เท่านั้นที่เพิ่มมากขึ้น
    Rohrabacher ยังได้ชี้ให้เห็นอีกว่า สหรัฐฯได้หันหลังให้กับข้อเสนอของรัสเซียที่มีต่อพวกโปรกเกอร์เพื่อประนีประนอมให้ยุติสงครามกลางเมืองในซีเรียที่มีมาหลายปี ก็เพราะว่าความเป็นปฏิปักษ์อันนี้แหละ คราวนี้ประเทศซีเรียได้ "เข้าสู่นรกโดยสิ้นเชิง พวกเราก็ยังไม่สามารถที่ทำให้ตัวเองมองไปที่ปูตินในฐานะหุ้นส่วนที่มีความเป็นไปได้ในการสร้างความร่วมมือเพื่อทำให้สิ่งต่างๆดีขึ้น" Rohrabacher คำรามดุจฟ้าร้อง
    Rohrabacher กล่าวอีกว่า "ผมเชื่อว่าความเป็นปฏิปักษ์ของพวกเราที่มีต่อรัสเซียนั่นแหละที่กีดกันพวกเราออกจากการสร้างสรรค์นโยบายที่อาจะทำให้ตะวันออกลางมีเสถียรภาพมากขึ้น"
    นาง Patterson ผู้ช่วยรมว.ต่างประเทศของสหรัฐฯได้แย้งการยืนยันของส.ส. Rohrabacher โดยกล่าวว่า พวกรัฐอาหรับทำเหมือนเจตนาที่จะปราบปรามพวกกบฏด้วยความรุนแรงอย่างที่รัฐบาลในกรุงดามัสกัสทำ นาง Patterson กล่าวว่า "ซาอุดิอาระเบียเป็นประเทศหนึ่งที่ฉันรู้จักเป็นอย่างดี และพวกเขาก็จะไม่กระทำเช่นนั้น" [ฮ่าๆๆ! นางไปอยู่ที่ไหนมานี่? - ผู้แปล]
    ส่วนนาย Rohrabacher ตบกลับทันทีเลยด้วยการพูดเชิงประชดว่า "นั่นมันเป็นเรื่องที่ไร้เดียงสามากๆ (That’s very naïve)"
    [คำว่า naïve หรือ naive อ่านว่า "นา-อีฟ" แปลว่า มีลักษณะ ซื่อๆ ไร้เดียงสา ซื่อบื้อ ไร้ประสบการณ์ ไม่ทันโลก หน่อมแน้ม โง่บรม ถ้าใครถูกด่าด้วยคำนี้ก็เจ็บมากๆเลยนะ แรงนะครับท่าน - ผู้แปล]
    Rohrabacher ชี้ให้เห็นว่าสหรัฐฯได้โค่นรัฐบาลของกัดดาฟี่ในประเทศลิเบีย ก็เห็นมีแต่ประเทศนั้นตกอยู่ในมือของพวกหัวรุนแรงที่เข่นฆ่าชาวอเมริกัน ส.ส. Rohrabacher ได้ถาม Woods Patterson ผู้ช่วยรมว.ต่างประเทศของสหรัฐฯว่า กระทรวงต่างประเทศมีความตั้งใจที่จะหลีกเลี่ยงผลลัพธ์เช่นเดียวกันนั้นในซีเรียอย่างไร
    นาง Patterson ตอบว่า "มีฉันทามติในวงกว้างในประชาคมนานาชาติที่สถาบันต่างๆในซีเรียจะยังคงเหมือนเดิม เป้าหมายก็คือเพื่อเอาอัสซาดและบรรดที่ปรึกษาที่ใกล้ชิดของเขาออกไป และมีกระบวนการทางการเมืองนี้ ซึ่งจะนำไปสู่รัฐบาลใหม่ ไม่ได้ทำลายโครงสร้างทางสถาบัน"
    [ไปหลอกเด็กอมมือเหอะ... แล้วพวกผู้ก่อการร้ายไอซิสและกลุ่มต่างๆหละ จะทำยังไง? คำถามนี้นาง Patterson ก็ยังไม่สามารถตอบได้อยู่ดี หล่อนชิ่งไปที่เรื่องการโค่นอัสซาดแทน เหมือนกับที่โค่นกัดดาฟี่ บอกว่าจะเอาประชาธิปไตยที่แท้จริงไปให้ลิเบีย จากนั้นสหรัฐฯก็ปล่อยให้พวกผู้ก่อการร้ายและกลุ่มต่างๆเข้าไปฉีกลิเบียเป็นชิ้นๆ ปัจจุบันนี้ลิเบียมีสองรัฐบาล เหมือนสองประเทศ ส่วนหนึ่งอยู่ในมือของรัฐบาลหุ่นเชิดของสหรัฐฯและตะวันตก และอีกส่วนหนึ่งอยู่ในมือของพวกผู้ก่อการร้ายเป็นดินแดนที่ได้กฎหมายปกครองโดยโจร แต่สหรัฐฯก็ไม่คิดจะทำอะไร เพราะว่าผลประโยชน์ตรงนั้นมันเยอะ มีบ่อน้ำมันจำนวนไม่น้อยที่อยู่ในพื้นที่การควบคุมของกลุ่มก่อการร้ายในลิเบีย น้ำมันราคาถูกใครจะไม่ชอบหละ เรื่องอะไรจะปราบผู้ก่อการร้ายเหล่านั้น ลิเบียกลายเป็นประเทศที่ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง นั่นคือผลิตผลอาหรับสปริงและการเผยแพร่ประชาธิปไตยในแบบสหรัฐฯ - ผู้แปล]
    เมื่อ Rohrabacher ถามว่า "ทำไมสิ่งนั้น (การโค่นล้มปธน.อัสซาด) ถึงจะเป็นเป้าหมายโดยตรงของสหรัฐฯที่จะเริ่มต้น?" นาง Patterson กล่าวว่า กรุงวอชิงตันกำลังปกป้อง "ผลประโยชน์ด้านความมั่นคงของชาติ" เนื่องจากสถานการณ์ในซีเรียส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของพันธมิตรของสหรัฐฯ - อิสราเอล กลุ่มรัฐอ่าวอาหรับ เลบานอน จอร์แดน และตุรกี
    [หล่อนลืมนับพวกผู้ก่อการร้ายและกลุ่มหัวรุนแรงต่างๆเข้าไปด้วยหรือเปล่า? หล่อนบอกว่าถ้าเพื่อนของหล่อนไม่มั่นคงหรือไม่มีความปลอดภัย สหรัฐฯก็จะไม่สามารถมีความมั่นคงและมีความปลอดภัยได้ อึ่ม! งั้นถ้ารัสเซียและจีนอ้างเหตุผลและตรรกะเดียวกันนี้บ้างหละ สหรัฐฯจะรับได้ไหม? - ผู้แปล]
    Rohrabacher โต้กลับว่า "ด้วยการร่วมมือกับปูตินแทนที่จะพยายามสร้างภาพให้เขาเป็นปีศาจ บางทีพวกเราอาจจะมีเสถียรภาพในซีเรียได้มากกว่านี้ และเพื่อนๆของพวกเราก็จะดีขึ้นจริงๆกว่านโยบายในปัจจุบันที่เกี่ยวกับ 'ไม่ว่าพวกเราจะทำอะไร ก็อย่าไปทำร่วมกับรัสเซียและกำจัดอัสซาดให้ได้'"
    รายงานข่าวบอกว่า เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เครื่องบินรบของรัสเซียและสหรัฐฯได้มีปฏิบัติการฝึกซ้อมด้านความปลอดภัยร่วมกันเหนือท้องฟ้าซีเรีย ทางเพนตากอนเรียกภารกิจนี้ว่า "การทดสอบการติดต่อสื่อสาร" (a communications test) และได้เน้นย้ำว่าจะไม่มีความร่วมมือทางกองทัพอย่างเป็นทางการระหว่างสหรัฐฯกับรัสเซียเด็ดขาด
    [แต่ช้าแต่... สุดท้ายสหรัฐฯก็จนมุมปูติน ถูกบีบให้หันมาจับมือกับรัสเซียจนได้ แม้จะไม่เต็มใจและปากแข็งก็ตาม ถ้าสหรัฐฯไม่จับมือกับรัสเซีย เครื่องบินรบของสหรัฐฯก็จะไม่สามารถเข้าไปในน่านฟ้าของซีเรียได้ นั่นจะทำให้สหรัฐฯเสียหน้าเป็นอย่างมาก และอาจจะคุมสติไม่อยู่และกระทำอะไรบ้าๆบอๆออกมาก็ได้ - ผู้แปล]
    รายงานข่าวบอกว่าตั้งแต่รัสเซียเริ่มปฏิบัติการโจมตีทางอากาศใส่เป้าหมายผู้ก่อการร้ายในซีเรียจนถึงปัจจุบันนี้ รัสเซียได้ส่งเครื่องบินรบขึ้นบินแล้วทั้งสิ้น 1,600 เที่ยว และได้ทำลายเป้าหมายผู้ก่อการร้ายไปแล้วจำนวน 2,000 จุด
    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    05/11/2558

    ภาพ U.S. Representative Dana Rohrabacher (R-Ca) จาก © Shuji Kajiyama / Reuters

    ----------
    https://www.rt.com/usa/320781-rohrabacher-russia-syria-us/
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,223
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont/?fref=ts·
    เด็กของสหรัฐฯแตกแถว... ฝ่ายค้านซีเรียบางส่วนยินดีหยุดยิงเพื่อสงบศึก, กองกำลัง FSA ตกลงเข้าร่วมเจรจากับกลาโหมรัสเซียสัปดาห์หน้า, สหรัฐฯบอกว่ายังไม่ถึงเวลาที่พวกฝ่ายค้านซีเรียจะไปคุยกับรัสเซีย

    [​IMG]

    ------------
    ว้าววว สถานการณ์เริ่มจะเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆแล้วครับท่าน หมายถึงว่าเริ่มมีกระแสเป็นบวกที่จะได้เห็นสันติภาพเกิดขึ้นในซีเรีย มาติดตามข่าวในซีเรียกันต่อนะครับ
    1.) วันที่ 3 พ.ย.58 Sputnik news พาดหัวข่าวว่า "รัสเซียมี 'ผลกระทบเป็นอย่างมาก' ต่อการยุติสงครามกลางเมืองของซีเรียว - กลุ่มฝ่ายค้านกล่าว" (Russia Has ‘Huge Impact’ to End Syrian Civil War – Opposition Group) รายงานข่าวบอกว่านาย Hassan Abdel Azim ประธานกลุ่มฝ่ายค้านคณะกรรมการประสานงานแห่งชาติของซีเรีย (National Coordination Committee - NCC) ซึ่งมีพรรคการเมืองฝ่ายซ้าย 13 พรรคเป็นแนวร่วมออกมาประกาศว่ารัสเซียมี "ผลกระทบเป็นอย่างมาก" ต่อการแก้ไขปัญหาสงครามกลางเมืองในซีเรีย ทางกลุ่มเปิดกว้างพร้อมที่จะร่วมมือกับรัสเซียเพื่อให้บรรลุถึงจุดสิ้นสุด นาย Hassan Abdel Azim กล่าวว่าเขาได้อยู่ในกรุงมอสโคว์เมื่อหนึ่งเดือนที่ผ่านมาในการติดต่อกับสถานทูตรัสเซีย
    Hassan Abdel Azim กล่าวว่า "พวกเราเปิดรับความร่วมมือกับทุกประเทศที่มีบทบาทในปัญหาซีเรียและแนวทางการแก้ไขวิกฤตนี้ ไม่ว่าประเทศเหล่านั้นจะอยู่ในภูมิภาค ในโลกอาหรับ หรือตะวันตกก็ตาม"
    ประธานกลุ่ม NCC ยังกล่าวอีกว่า การเจรจาในกรุงเวียนนาได้รวมหลายประเทศที่มีส่วนได้เสียในสงครามกลางเมืองซีเรียและผู้มีส่วนร่วมจากทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลเข้ามาไว้ด้วยกัน
    [ก็อยู่กันโดยสงบดีๆไม่ชอบ ชอบไปฟังคำยุแย่ของสหรัฐฯและตะวันตกจะเอาอาหรับสปริง จะเอาประชาธิปไตย จะเอาเสรีภาพ พอไม่ได้ดังใจ เขาก็ยื่นอาวุธให้ หลอกว่าถ้าอยากได้ประชาธิปไตยและเสรีภาพ มันต้องมีอาวุธ มีปืน มีลูกละเบิด ถึงจะได้ในสิ่งที่ต้องการ สุดท้่ายเขาก็ยุให้ก่อสงครามกลางเมืองขึ้นในประเทศของตัวเอง เข่นฆ่าพี่น้องร่วมชาติด้วยกันเอง ต่างชาติเขาก็ส่งอาวุธให้ไม่อั้น แลกกับน้ำมันเถื่อนที่แต่ละฝ่ายยึดได้ สู้กันยาวนานมา 5 ปี ไหนหละประชาธิปไตยและเสรีภาพที่ว่า? มีแต่การบาดเจ็บล้มตายของคนในชาติจากฝีมือของคนในประเทศเดียวกันเองและจากทหารรับจ้างต่างชาติที่เขาส่งเข้ามาให้ช่วยเข่นฆ่าพี่น้องในประเทศของตนเอง
    ประชาชนพากันอพยพไปอยู่ที่อื่น ตะวันตกเขาก็ทำเป็นเหมือนมีมนุษยธรรมให้ไปอยู่รวมกันในค่ายผู้อพยพ แทนที่จะได้อยู่ในบ้านของตนเอง พอสงครามใกล้จะสงบ พวกที่หนุนหลังกลุ่มต่างๆเขาก็เจรจาแบ่งเค้กกันแล้วว่าจะซอยแผ่นดินซีเรียส่วนไหนให้ใครบ้าง ชาวบ้านที่หนีตายจากภัยสงครามก็ไม่สามารถกลับไปอยู่ในบ้านและที่ดินของตนเองได้อีกต่อไป เพราะว่าที่ดินเหล่านั้นจะถูกสหรัฐฯและพันธมิตรเข้ายึดครองแทนผ่านหุ่นเชิดของพวกเขา ชาวบ้านก็นั่งดูตาปริบๆ จะไปทวงคืนหรือฟ้องร้องเอาก็ไม่ได้ เพราะว่าอยู่ในเขตปกครองของพวกผู้ก่อการร้ายและกลุ่มติดอาวุธต่างๆที่กฎหมายของรัฐเข้าไม่ถึง
    นี่บ้างเมืองเรา ประเทศไทยของพวกเราก็เฉียดที่จะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้มาแล้ว พวกสื่อฯและนักการเมืองที่ไร้จิตสำนึกยังไม่หายบ้า ยังไม่ตื่นจากฝัน ยังคอยเสี้ยมให้คนไทยแตกแยกอยู่ทุกวี่ทุกวัน บางพวกก็เรียกร้องจะเอากองทัพต่างชาติเข้ามาประเทศของตนเอง เอาเข้ามาทำไม? ก็จะเอาเข้ามาเข่นฆ่าคนไทยที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองอย่างไรหละ ตัวอย่างมีให้เห็นในปัจจุบันนี้ แต่ไม่เคยที่จะเสนอข่าวเล่าความจริงอย่างเป็นเหตุเป็นผลให้สังคมคนไทยได้รับรู้ เอาแต่เสี้ยมและปลุกระดมรายวัน ช่วยลุงตู่บ่นพอหละ... ไปดูข่าวที่ซีเรียต่อนะครับ - ผู้แปล]
    2.) ข่าวที่สอง วันที่ 4 พ.ย.58 Sputnik news พาดหัวข่าวว่า "ฝ่ายค้านซีเรียบางส่วนพร้อมที่จะหยุดยิงหากจำเป็น" (Some Syrian Opposition Factions Ready to Cease Fire if Needed) นาย Hassan Abdel Azim ประธานกลุ่มแนวร่วมฝ่ายค้าน National Coordination Committee (NCC) ออกมาให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Sputnik ของรัสเซียว่า กลุ่มฝ่ายค้านติดอาวุธหลายกลุ่มในซีเรียจะพร้อมที่จะหยุดยิง การตัดสินใจในครั้งนี้ควรจะกระทำภายในกรอบการยุติความขัดแย้งโดยสันติในสงครามกลางเมือง
    นาย Abdel Azim กล่าวต่ออีกว่า "มีกลุ่มติดอาวุธฝ่ายค้านซีเรียหลายกลุ่มที่ยอมรับความเป็นไปได้ในการยุติปัญหาทางการเมือง เนื่องจากพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของประชาชนชาวซีเรีย พวกเขาจะดำเนินการหยุดยิง ซึ่งควรจะมีการตัดสินใจเช่นนั้น"
    เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาเสธนาธิการทางกองทัพของรัสเซียกล่าวว่า รัฐมนตรีกลาโหมของรัสเซียได้ทำการติดต่อกับกลุ่มฝ่ายค้านซีเรียรักชาติ ซึ่งให้ความสำคัญกับบูรณภาพของประเทศเป็นอันดับแรก แม้ว่าจะอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับประธานาธิบดีบาชาร์ อัสซาดก็ตาม
    [รัสเซียได้พยายามติดต่อกับพวกฝ่ายค้านของซีเรียมาตั้งแต่ก่อนที่จะมีปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในซีเรียแล้ว ก่อนหน้านี้ทางฝ่ายค้านบางส่วนทำเป็นยื่นข้อเสนอมายังรัสเซียเพื่อขอเจรจาในกรุงไคโรประเทศอียิปต์ โดยดูว่ารัสเซียจะสนับสนุนฝ่ายค้านติดอาวุธเหล่านั้นอย่างไรบ้าง ทางรัสเซียก็ตอบกลับไปว่า รัสเซียยินดีให้สนับสนุนฝ่ายค้านซีเรียด้วยการปฏิบัติการทางอากาศ ขอให้พวกฝ่ายค้านเหล่านั้นช่วยแจ้งพิกัดที่อยู่ของพวกตนให้ทางกองทัพอากาศรัสเซียทราบโดยด่วน รัสเซียจะได้ส่งเครื่องบินรบเข้าไปให้การสนับสนุนได้ กรรม! หละสิครับ พวกฝ่ายค้านได้เห็นตัวอย่างที่รัสเซียสนับสนุนทางอากาศให้กับพวกไอซิสในซีเรียมาแล้วนี่ คิดจะเล่นกลกับปูตินรึ?
    ประมาณหนึ่งสัปดาห์ต่อมา นี่คือท่าทีล่าสุดของพวกฝ่ายค้านซีเรีย เหมือนจะบอกว่าไม่ต้องการการสนับสนุนทางอากาศจากรัสเซียแล้ว แต่ขอเป็นการเจรจาหยุดยิงแทนก็แล้วกัน ทางรัสเซียก็บอกว่า เยี่ยม! อย่างนี้ค่อยคุยกันรู้เรื่องหน่อย ในขณะที่กำลังรอให้พวกกองกำลังฝ่ายค้านซีเรียหันมาแสดงความจริงใจในการเจรจาอยู่นี้ ทางรัสเซียก็จะบอมบ์พวกผู้ก่อการร้ายจากทางอากาศไปเรื่อยๆ ส่วนภาคพื้นดินก็ให้เป็นหน้าที่ของกองทัพรัฐบาลซีเรียและพันธมิตรเฮชบอลเลาหะ์รับไป ถ้าพวกกบฏฝ่ายค้านซีเรียไม่รีบออกมาขอเจรจาโดยเร็ว ก็อาจจะไม่มีโอกาสได้เจรจาอีกต่อไปก็ได้ ข่าวนี้เสนอแล้วรอบหนึ่งนะครับ - ผู้แปล]
    3.) ข่าวที่สาม พอพวกกบฏฝ่ายค้านเริ่มมีท่าทีประนีประนอมกับรัสเซียและรัฐบาลซีเรียมากขึ้น มาดูซิว่าทางกรุงวอชิงตันสปอนเซอร์รายใหญ่ที่สนับสนุน กระทิงแดง โอ๊ะไม่ใช่อาวุธและเงินทุนให้พวกฝ่ายค้านก่อสงครามกลางเมืองในซีเรียจะมีท่าทีอย่างไรบ้าง วันที่ 4 พ.ย. สำนักข่าว Global Times ของรัฐบาลจีนพาดหัวข่าวว่า "สหรัฐฯบอกว่ามันเป็นการชิงสุกก่อนห่ามสำหรับพวกฝ่ายค้านซีเรียที่จะร่วมเจรจากับรัสเซีย" (US says premature for Syrian opposition to join talks in Russia)
    [กรรม! เขาจะเจรจาสงบศึก นำสันติกลับไปสู่ประเทศของเขา หมอนี่ดันบอกว่ายังไม่ถึงเวลา ยังไม่ควรไปเจรจากันตอนนี้ซะงั้น จะรอให้ซีเรียยับเยินกว่านี้ ใช่ไหม? จะบอกว่าให้พวกฝ่ายค้านรออาวุธล็อตใหม่ที่กรุงวอชิงตันกำลังรออนุมัติงบประมาณจากสภาคองเกรสก่อนใช่ไหม? เป็นไปได้ถึงเพียงนี้เชียวหรืออเมริกาหนออเมริกา? - ผู้แปล]
    รายงานข่าวบอกว่า ก.ต่างประเทศของสหรัฐฯกล่าวเมื่อวันอังคารนี้ว่า มันเป็นการชิงสุกก่อนห่าม (ยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสม) สำหรับกรุงมอสโคว์ที่จะเชิญฝ่ายค้านซีเรียให้เข้าร่วมเจรจาในรัสเซีย
    นาง Elizabeth Trudeau ซึ่งเพิ่งจะโดนนักข่าวสายสวยจาก RT คว่ำไปหยกๆกรณีไม่สามารถแสดงหลักฐานที่กล่าวหารัสเซียว่าทิ้งระเบิดใส่โรงพยาบาลในซีเรีย ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อสื่อฯว่า "ยอมรับว่าพอได้เห็นรายงานข่าวว่ารัสเซียจะจัดประชุมระหว่างฝ่ายรัฐบาลซีเรียและสมาชิกของกลุ่มฝ่ายค้านซีเรียในสัปดาห์หน้า พวกเราคิดว่ามันเป็นการชิงสุกก่อนห่าม ("We think it's premature.)"
    [ฮ่าๆๆ... เฮ้อ… งานนี้เขาไม่ชวนสหรัฐฯเข้าร่วมอีกแล้วครับท่าน ก็พอที่จะเข้าใจได้นะครับว่าสหรัฐฯจะรู้สึกอย่างไรบ้าง ในมุมมองของรัฐบาลสหรัฐฯอาจจะมองเช่นนั้น แต่ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลของซีเรียและรัสเซียต่างก็เห็นพร้อมต้องกันว่ามันถึงเวลาที่จะยุติปัญหาเหล่านั้นได้แล้ว ถึงเวลาที่จะหันหน้ามาคุยกันดีๆได้แล้ว ก่อนที่จะสายเกินไป หมายความว่าก่อนที่ประเทศของท่านจะถูกประเทศมือที่สามต่างๆแบ่งประเทศของพวกท่านไปครอบครองซะเอง ถ้ายังเชื่อคำพูดของสหรัฐฯต่อไป หายนะจะมาเยือนซีเรียยิ่งกว่านี้หลายเท่าตัวนัก จะมาคุยกันหรือฟังคำพูดแบบปากหวานก้นเปรี้ยวจากรัฐบาลสหรัฐฯอีก เลือกเอา ทั้งสองฝ่ายบอกว่า คุยกันครับ ขอให้เฮียปูช่วยนัดให้ด้วย สัปดาห์หน้าที่กรุงมอสโคว์นะครับ ไม่ไปที่กรุงไคโรครับ
    กรณีการเจราจาสันติดภาพที่กรุงมินส์เรื่องวิกฤตยูเครนทั้งเยอรมัน ฝรั่งเศส รัสเซีย และยูเครนเขาก็ไม่เชิญสหรัฐฯเข้าร่วมด้วยนะ ถ้าเชิญรับรองวงแตก ดูอย่างการประชุมระดับรมว.กลาโหมอาเซียนที่มีที่มาเลเซียเมื่อวันก่อนดูสิ สรุปผลการประชุมร่วมกันไม่ได้ กรรม! - ผู้แปล]
    อ่านข่าวต่อนะครับ... นาง Trudeau กล่าวในการสรุปข่าวประจำวันว่า "จะมีเวลาและสถานที่ที่เมื่อกลุ่มฝ่ายค้านจะปรากฎตัว พวกเรายังไม่คิดว่าพวกเราไปถึงตรงนั้นแล้ว" ["ยังไม่ถึง?" ฮึ่ม… ทำไงดีหละ? คริๆ - ผู้แปล]
    หล่อนได้เรียกร้องให้รัสเซีย "มุ่งความสำคัญไปที่ความพยายามต่อผู้ก่อการร้ายไอซิส และใช้รัสเซียกับระบอบอัสซาดเพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนถ่ายอำนาจทางการเมืองที่แท้จริง" ในซีเรีย
    [สหรัฐฯถามประชาชนชาวซีเรียแล้วหรือยังว่าพวกเขาสนับสนุนหรือเห็นด้วยกับจุดยืนของสหรัฐฯหรือไม่? - ผู้แปล]
    นาง Trudeau กล่าวว่า "พวกเราไม่เชื่อว่าพวกเราพร้อมสำหรับการปรึกษาหารือกันจนกว่าประชาคมนานาชาติสามารถที่จะบรรลุฉันทามติมากขึ้นเกี่ยวกับหนทางข้างหน้า ขณะนี้ประเทศต่างๆที่มีส่วนร่วมในความพยายามทางการทูตเกี่ยวกับความขัดแย้งในซีเรียควรจะมุ่งประเด็นไปยังสิ่งที่พวกเราได้ตกลงกันแล้วในการเจรจาที่กรุงเวียนนา"
    [จุดประสงค์ของสหรัฐฯที่ออกมาแสดงความคิดเห็นคัดค้านและไม่เห็นด้วยกับการเจรจาสามฝ่ายที่กรุงมอสโคว์ในครั้งนี้ ไม่มีอะไรมาก นอกจากพยายามดึงเกมออกไปให้นานที่สุด เพราะว่าสหรัฐฯพึ่งจะส่งทหารของตนราว 50 นายเข้าไปในซีเรียเพื่อฝึกพวกกบฏสายกลาง FSA ชาวเติร์กเมนให้ทำสงครามต่อไปนั่นเอง ทุกฝ่ายเขาพากันหาทางยุติปัญหาความขัดแย้งโดยสันติวิธี แต่สหรัฐฯกลับคัดค้านซะงั้น คำพูดของสหรัฐฯจะต้องถูกต้องเสมอรึ? - ผู้แปล]
    4.)อ้อ… มีรายงานข่าวเข้ามาเพิ่มว่า ทางตุรกีประกาศว่าจะเริ่มปฏิบัติการทางทหารต่อต้านผู้ก่อการร้ายไอซิสในไม่กี่วันที่จะถึงนี้ Feridun Sinirlioglu รมว.ต่างประเทศของตุรกีกล่าวว่า "พวกเราวางแผนเพื่อเริ่มต้นปฏิบัติการต่อต้านผู้ก่อการร้ายไอซิสในไม่กี่วันข้างหน้า" แต่ทางกรุงอังการาไม่ได้บอกว่าจะมีปฏิบัติการทางทหารภาคพื้นดินที่ไหน
    เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม ปธน. Recep Tayyip Erdogan ของตุรกีได้เสนอให้มีเขตห้ามบิน (no-fly-zone) และเขตปลอดภัย (safe-zone) ซึ่งรวมทั้งการเพิ่มการฝึกและติดอาวุธให้กับกองกำลังนักรบ FSA อ้างว่าเพื่อลดจำนวนของชาวซีเรียที่พากันหนีเข้าไปยังยุโรปและประเทศอื่นๆ
    [กรรม! ทางตุรกีไม่ได้บอกว่าจะลดแบบไหน ถ้าตุรกีกล้าที่จะส่งกองทัพของตัวเองเข้าไปปฏิบัติการภาคพื้นดินในซีเรีย งานนี้เป็นเรื่องแน่ แต่เป้าใหญ่ของตุรกีก็คือชาวเคิร์ด ถ้าตุรกีโจมตีชาวเคิร์ดแบบเปิดหน้า ก็จะเป็นการบีบให้ชาวเคิร์ดหันมาร่วมมือกับรัสเซียและกองทัพของรัฐบาลซีเรียเพิ่มมากขึ้น ก็เข้าทางปธน.อัสซาดพอดีเลย และสมมุติว่ารัสเซียและซีเรียสามารถปราบไอซิสและผู้ก่อการร้ายในซีเรียได้หมด คิดดูซิว่าพวกนั้นจะหันไปก่อเหตุหรือยึดประเทศไหนต่อไป โชคดีนะครับท่านปธน. Erdogan - ผู้แปล]
    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    05/11/2558

    ภาพจาก © © AFP 2015/ ALICE MARTINS
    ----------
    Some Syrian Opposition Factions Ready to Cease Fire if Needed
    Russia Has ‘Huge Impact’ to End Syrian Civil War – Opposition Group
    US says premature for Syrian opposition to join talks in Russia - Global Times
    Free Syrian Army to Meet Russian Defense, Foreign Ministries Next Week
    Russian Jets Destroyed Over 2,000 Terrorist Targets Since September 30
    Turkey Set to Begin Military Operations Against ISIL in Next Few Days
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,223
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont/?fref=ts·
    รถไฟโดยสารเยอรมันประสานงากับรถแทร็กเตอร์ลากพาหนะกองทัพสหรัฐฯมีผู้เสียชีวิต 7 คน

    [​IMG]

    -------------
    วันที่ 6 พ.ย.58 RT news พาดหัวข่าวว่า "ภัยพิบัติทางรถไฟในรัฐบาวาเรีย: เสียชีวิต 7 คนเนื่องจากรถไฟประสานงากับรถแทร็กเตอร์ลากพาหนะทางกองทัพสหรัฐฯในเยอรมันนี" (Bavaria rail disaster: Several dead as train collides with tractor towing US Army vehicle in Germany)
    รายงานข่าวบอกว่า รถไฟโดยสารขบวนหนึ่งได้ชนประสานงากับรถแทร็กเตอร์ที่ลากรถบรรทุกของกองทัพสหรัฐฯตัดผ่านเส้นทางรถไฟทางตอนใต้ของเยอรมัน สื่อฯท้องถิ่นรายงาน ข้อมูลเบื้องต้นจากที่เกิดเหตุบอกว่ามีการเบิดหลายครั้ง และมีประชาชนเสียชีวิตเจ็ดคน
    อุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นที่เมือง Freihung ทางตะวันออกของรัฐ Bavaria ในตอนดึกของคืนวันพฤหัสบดี สำนักข่าว DPA รายงานว่า ขณะนี้กำลังมีการตั้งสมมุติฐานว่ารถบรรทุกคนดังกล่าวได้ติดอยู่ (/เสีย?) ที่ทางรถไฟและถูกชนโดยรถไฟ การชนกันในครั้งนี้ทำให้มีการระเบิดเกิดขึ้น
    ส่วน FOCUS Online รายงานว่าขบวนรถไฟประสานงากับรถแทร็กเตอร์โรมาเนียที่ลากรถบรรทุกของกองทัพสหรัฐฯ อ้างคำพูดของเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่น
    มีประชาชนอย่างน้อย 50 คนอยู่ในรถไฟขบวนดังกล่าวในช่วงที่เกิดเหตุ หนังสือพิมพ์ Bild รายงานอ้างแหล่งข่าวจากตำรวจ
    โฆษกตำรวจให้สัมภาษณ์กับ FOCUS ว่า "รถไฟกำลังวิ่งมาด้วยความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง" ซึ่งบรรยายสถานการณ์ว่าเป็น "ความโกลาหล" (chaotic) ตำรวจยังไม่สามารถให้รายละเอียดเกี่ยวกับยอดผู้สูญเสียได้ในทันที
    รายงานข่าวบอกว่ารถไฟขบวนดังกล่าวออกเดินทางจากเมือง Nuremberg มุ่งหน้าไปยังเมือง Weiden ห่างไปทางตะวันออกของ Nuremberg 100 กม.
    มีการปิดเส้นทางรถไฟเส้นนั้นทั้งหมด เนื่องจากยังมีเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายร้อยคนปฏิบัติการค้นหาร่างผู้เสียชีวิต ตำรวจบอกว่ามีการนำเอาร่างผู้เสียชีวิตออกจากที่เกิดเหตุได้แล้วหนึ่งราย
    นักดับเพลิงและตำรวจยังคงช่วยกันค้นหาพนักงานขับรถไฟ ซึ่งเกรงว่าจะเสียชีวิตไปแล้ว มีการนำผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาลด้วยเฮลิค็อปเตอร์ มีรถพยาบาลมากว่า 35 คันอยู่ในที่เกิดเหตุ Mittelbayerische.de รายงาน
    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    06/11/2558

    ภาพจาก © DPA / AFP
    https://youtu.be/XK7omniOkYU
    ----------
    https://www.rt.com/…/320983-germany-train-truck-crash-bava…/
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,223
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont/

    เละ! มหันตภัยเขื่อนพังในบราซิล: มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 15 คน สูญหาย 45 คน เมืองโดยรอบถูกน้ำท่วม

    [​IMG]

    -------------
    วันที่ 5 พ.ย.58 RT news พาดหัวข่าวว่า "‘Catastrophe’: At least 15 killed, 45 missing, town leveled by flood in Brazil dam collapse (VIDEO)" (แปลตามชื่อโพสต์ข้างบน)
    รายงานข่าวบอกว่ามีประชาชนราว 10 กว่าคนเสียชีวิตและอย่างน้อย 45 คนสูญหายหลังจากเขื่อนแห่งหนึ่งในรัฐ Minas Gerais ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศบราซิลพัง โซเชียลมีเดียแชร์ภาพให้เห็นถึงการทำลายล้าง กำลังมีการส่งหน่วยกู้ภัยเข้าไปในพื้นที่ การอพยพผู้คนกำลังดำเนินต่อไป
    เขื่อนระเบิดใกล้กับเหมืองแห่งทนึ่งที่ยังเปิดทำการในพื้นที่ชนบทซึ่งอยู่ห่างออกไปราว 300 กิโลเมตร (185 ไมล์) จากเมือง Rio de Janeiro AP รายงาน โดยอ้างแถลงการณ์ที่เผยแพร่โดยศาลาว่าการเมือง Mariana
    พยานกล่าวกับสื่อฯท้องถิ่นว่า เมือง Bento Rodrigues มีประชากร 620 คน ได้ถูกทำลายไปโดยจนหมดสิ้นจากน้ำทั่วและโคลน
    บริษัทเหมือง Samarco ยืนยันวในแถลงการณ์ว่าได้มีการรั่วไหลของขยะสารพิษที่ให้ใช้กิจการของเหมืองด้วย และให้สัญญาว่าจะลดความเสียหายต่อผู้อยู่อาศัยและสภาพแวดล้อมให้น้อยลง
    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    06/11/2558

    ภาพจาก © Emergência Fire 193 / YouTube

    ----------
    https://www.rt.com/news/320974-brazil-dam-mining-collapse/
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,223
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont/

    คลิปสภาพหมู่บ้านหลังถูกน้ำท่วมจากเขื่อนพังในประเทศบราซิล
    ------------

    <iframe width="854" height="480" src="https://www.youtube.com/embed/8acuJlokf0E" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    https://www.youtube.com/watch?v=8acuJlokf0E
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,223
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont/
    รัฐบาลอินเดียเดินหน้าโครงการสะสมทองคำเข้าคลังเพิ่มขึ้น (คล้ายหลวงตามหาบัวโมเดล)

    [​IMG]

    -------------
    วันที่ 5 พ.ย.58 RT news พาดหัวข่าวว่า "อินเดียต้องการให้ประชาชนนำทองคำของตนเองมา (ขาย) ให้รัฐบาล" (India wants people to turn in their gold)
    นาย Narendra Modi นายกรัฐมนตรีของประเทศอินเดียได้เปิดโครงการล่อใจประชาชนเพื่อนำเอาทองคำจากครัวเรือนต่างๆเข้าไปไว้ในระบบธนาคารของประเทศจำนวนหลายตัน โครงการนี้มีสามรูปแบบ: เปลี่ยงทองคำเป็นเงินตรา (gold monetization scheme), พันธบัตรทองคำอธิปไตย (/พันธบัตรทองคำเจ้าสัว?) (sovereign gold bonds) และ ออกเหรียญทองคำอินเดียที่ระลึก (Indian gold coin)
    โครงการเปลี่ยนทองคำเป็นเงิน (gold monetization scheme - GMS) มีจุดมุ่งหมายเพื่อปลดล็อกทองคำราว 20,000 ตันซึ่งมีมูลค่าถึง $800 billion (8 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ, ประมาณ 28.4 ล้านล้านบาท) ที่มีอยู่ตามบ้านเรือนและวัดต่างๆ ภายใต้แผนนี้ ธนาคารต่างๆจะสะสมทองคำได้ถึง 15 ปี และจ่ายดอกเบี้ยราว 2.25-2.50 ต่อปี ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นราว 1 เปอร์เซ็นต์ รัฐบาลหวังว่าอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะให้มีการระดมทองคำเพิ่มมากขึ้นหลังจากที่ไม่ประสบผลสำเร็จมาแล้วก่อนหน้านี้
    นายกฯ Modi กล่าวว่า "ทองคำเป็นสิ่งที่มั่นคง มันจะทำให้มีรายได้เพิ่ม และขณะนี้มันกำลังจะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างชาติของพวกเรา"
    ด้วยการเปิดตัวพันธบัตรทองคำอธิปไตยที่มีดอกเบี้ย 2.75 เปอร์เซ็นต์ รัฐบาลอินเดียหวังว่าจะลดการซื้อทองด้านกายภาพลงได้ นายกฯ Modi ยังได้เปิดตัวด้วยว่าเหรียญทองคำชุดแรกของอินเดียซึ่งมีน้ำหนักอยู่ที่ 5 กรัม (15,000 เหรียญ) และ 10 กรัม (จำนวน 20,000 เหรียญ) จะมีตามกรงจักรพรเจ้าอโศก (ตราธรรมจักร) ซึ่งเป็นตราแผ่นดินฝังอยู่ด้วย ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นรูปของมหาตมคานที ส่วนทองคำแท่งนำหนัก 20 กรัมก็จะมีเช่นกัน โดยเบื้องต้นจะออกมาจำนวน (3,750 แท่ง [ลักษณะเหมือนการออกเหรียญที่ระลึกหรือวัตถุมงคลในบ้านเราเลยนะ - ผู้แปล]
    โครงการนี้ต้องการลดการพึ่งพาการนำเข้าทองคำของประเทศ ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ 1,000 ตันต่อปี เจ้าหน้าที่จากก.คลังของอินเดียกล่าวว่า "รัฐบาลต้องการที่จะลดการนำเข้าทองคำส่วนเกิน"
    นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ประเทศอินเดียได้แซงหน้าจีนซึ่งเป็นประเทศที่มีการใช้ทำคำมากที่สุดในโลก ในปีนี้อินเดียซื้อทองคำจำนวน 562 ตัน ส่วนจีนซื้อ 548 ตัน
    ในปี 2013 การขาดดุลงบประมาณของอินเดียอยู่ที่ $190,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ การขาดดุลดังกล่าวบางส่วนมีสาเหตุมาจากการที่รัฐบาลอินเดียใช้เงินเป็นจำนวนมากในการนำเข้าทองคำจากต่างประเทศ รัฐบาลถูกบีบให้ต้องเพิาใภาษีนำเข้าถึง 10 เปอร์เซ็นต์ มูลค่าการนำเข้าทองคำลดลง $34,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ระหว่างปี 2557-2558
    เป็นที่ทราบกันดีว่าชาวอินเดียเป็นผู้ที่มีความหลงไหลในทองคำเป็นอย่างมาก ซึ่งมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของฐานะทางสังคมและความร่ำรวย มีการใช้ทองคำเป็นสินสอดในงานแต่งงาน การบริจาคทางศาสนาอย่างกว้างขวาง และใช้ในการลงทุนด้วย
    [กระแสโลกในกลุ่มประเทศมหาอำนาจใหม่ในตอนนี้ เช่นรัสเซีย จีน อินเดีย ต่างก็พากันหันมาสะสมทองคำเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่สหรัฐฯและตะวันตกยังพยายามทำให้สังคมโลกยึดติดอยู่กับน้ำมันดิบ และสะสมน้ำมันดิบเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากค่าเงินดอลล่าร์ของสหรัฐฯผูกติดอยู่กับราคาน้ำมัน แต่กลุ่มประเทศมหาอำนาจใหม่บอกว่า ไม่เอาเปโตรดอลล่าร์อีกแล้ว จะอิงค่าเงินกับทองคำแบบเดิม และกำลังพากันเทลดความสำคัญของเงินดอลล่าร์ของสหรัฐฯลงเรื่อยๆ - ผู้แปล]
    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    06/11/2558

    ภาพจาก © Arko Datta / Reuters

    ----------
    https://www.rt.com/business/320823-india-gold-program-economy/
    Modi launches gold monetisation scheme and India’s first-ever gold coin | india | Hindustan Times
    Prime Minister Narendra Modi launches three gold-related schemes - The Economic Times
    PM launches 3 gold schemes and national gold coin - Moneycontrol.com
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,223
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont/
    กรณีขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานของรัสเซียในซีเรีย

    [​IMG]

    -------------
    ตอนนี้สื่อฯตะวันตกมามุกใหม่อีก เริ่มเล่นข่าวแนวเสี้ยมให้เกิดความระแวงและดิสเครดิตรัสเซียไม่เว้นแต่ละวัน ล่าสุดก็มีการหยิบยกเรื่องระบบขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซียในซีเรียขึ้นมาเล่น ก็ประมาณว่ารัสเซียเตรียมสอยเครื่องบินรบของบางประเทศที่เข้าไปในน่านฟ้าของซีเรียในขณะที่เครื่องบินรบของรัสเซียและซีเรียกำลังปฏิบัติภารกิจโจมตีทางอากาศใส่เป้าหมายของผู้ก่อการร้ายอยู่นั่นแหละ งานนี้สื่อฯทางการของรัสเซียไวมาก รีบออกมาบอกวัตถุประสงค์ของรัสเซียเกี่ยวกับเรื่องนี้ผ่านสื่อฯของรัสเซียทันที เพื่อให้ทั่วโลกเข้าใจว่าทำไมรัสเซียถึงต้องส่งขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานเข้าไปในซีเรียด้วย
    วันที่ 5 พ.ย.58 Sputnik news พาดหัวข่าวว่า "รัสเซียจัดส่งระบบขีปนาวุธเข้าไปยังซีเรียเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการขโมยเครื่องบินรบ" (Russia Delivers Missile Systems to Syria to Avert Stealing of Warplanes)
    พล.อ.อ. Viktor Bondarev ผู้บัญชาการกองทัพการบินและอวกาศของรัสเซียกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีนี้ว่า ที่รัสเซียส่งระบบขีปนาวุธป้องกันภัยไปในซีเรียนั้นก็เพื่อป้องกันความเป็นไปได้ของเครื่องบินรบจากกองทัพอากาศของรัสเซียจากการถูกขโมย ซึ่งจะถูกนำมาใช้โจมตีกลับ
    Bondarev กล่าวกับหนังสือพิมพ์ Komsomolskaya Pravda รายวันของรัสเซียว่า "พวกเราคำนึงถึงความเป็นไปได้ของภัยคุกคามทั้งหมด พวกเราไม่เพียงแต่ส่งนักรบ เครื่องบินโจมตี เครื่องบินทิ้งระเบิด และเฮลิค็อปเตอร์เข้าไปเท่านั้น แต่ยังมีระบบขีปนาวุธป้องกันภัยอีกด้วย เพราะว่ามีการลำดับสถานการณ์ที่เป็นเหตุสุดวิสัยที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ยกตัวอย่างเช่น การขโมยเครื่องบินรบ ในประเทศเพื่อนบ้านของซีเรีย หรือนำกลับมายิง พวกเรามีความจำเป็นที่จะต้องเตรียมรับมือสถานการณ์เช่นนั้น"
    [ข้อมูลเสริม ช่วงที่เกิดสงครามกลางเมืองในซีเรียตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา พวกกบฏฝ่ายค้านและพวกผู้ก่อการร้ายกลุ่มต่างๆสามารถเข้ายึดสนามบินของกองทัพอากาศซีเรียได้บางแห่ง และยึดทั้งเครื่องบินรบ ขีนปนาวุธต่อต้านอากาศยานจากภาคพื้นสู่อากาศ เฮลิค็อปเตอร์ ของกองทัพซีเรียไปได้เป็นจำนวนมาก ก่อนหน้านี้รัสเซียเพิ่งจะตามไปบอมบ์ขีปนาวุธเหล่านั้นที่พวกกบฏยึดไป เพราะเกรงว่าจะถูกนำมายิงเครื่องบินรบของรัสเซียและซีเรีย ส่วนเครื่องบินรบที่ตกอยู่ในมือของพวกผู้ก่อการร้ายในตอนนี้ ล่องหนไปแล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะมีบางคนนำมาใช้เพื่อโจมตีตอบโต้ใส่เครื่องบินรบของรัสเซียและซีเรียก็ได้ เรื่องนี้อันตรายมาก หากเกิดขึ้นจริง ดังนั้น นี่คือเหตุผลหนึ่งของรัสเซียที่ส่งระบบขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศเข้าไปในซีเรีย แต่ถ้าเครื่องบินรบของสหรัฐฯและพันธมิตรอยากจะลองของ คิดว่ารัสเซียคงจะไม่ขัดศัทธา - ผู้แปล]
    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    06/11/2558

    ภาพจาก © Sputnik/ Ivan Rudnev

    ----------
    Russia Delivers Missile Systems to Syria to Avert Stealing of Warplanes
    Russia’s Missile Systems in Syria Part of 'Constructive Approach'
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,223
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont/
    ม็อบหน้ากากขาวกองทัพนิรนามบุกเมืองใหญ่ทั่วโลก

    [​IMG]

    -------------
    เกิดอะไรขึ้นกับสื่อฯกระแสหลักของสหรัฐฯและตะวันตก ขณะนี้มีม็อบหน้ากากขาวที่เรียกตัวเองว่า "นิรนาม" (Anonymous) ระดมมวลชนเดินประท้วงในเมืองใหญ่ 650 กว่าแห่งทั่วโลกภายใต้ชื่อ "Million Mask March" (ขบวนหน้ากากนับล้าน) ประจำปี 2015 ไม่เห็นมีข่าวนี้ปรากฎใน CNN หรือ BBC เลย BBC มีนิดหน่อย เริ่มต้นที่กรุงลอนดอน พวกนี้เรียกตัวเองว่าเป็น "กองทัพนิรนาม" (Anonymous army) ส่วนมากเป็นพวกแฮ็กเกอร์ ออกมาเรียกร้องให้มีการปล่อยตัว Julian Assange ซึ่งกลุ่มนี้เรียกว่าเป็น "Robin Hood" เรียกร้องเรื่องเสรีภาพ ต่อต้านการคอรัปชั่นขนาดใหญ่ของทุกรัฐบาล เปิดเสรีอินเตอร์เน็ทไม่ให้มีการตรวจสอบตัวตนผู้ใช้งาน ต่อต้านการเซ็นเซอร์ ทรราช สงคราม ความยากจน ที่ว่ามานั้นหนะคือตะวันตกทั้งนั้นนะครับ กลุ่มนี้นัดรวมตัวกันในเมืองใหญ่ทั่วโลกในวันที่ 5 พฤศจิกายน
    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    06/11/2558

    ภาพจาก © AFP 2015/ JACK TAYLOR

    ----------
    https://www.rt.com/news/320798-million-mask-march-anonymous/
    https://www.rt.com/uk/320735-million-mask-march-police/
    London Million Mask March Leaves 3 Officers Injured, 50 Protesters Arrested
    Bonfire Revolution by Million Mask Marchers
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,223
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont/?fref=ts
    ชัยชนะของปูตินในมุมมองของนักวิเคราะห์ชาวตะวันตกจอมอิจฉา

    [​IMG]

    -------------
    วันที่ 5 พ.ย.58 สำนักข่าว RT news ของรัสเซียพาดหัวข่าวว่า "ความลับในการประสบความสำเร็จของปูติน: ปกป้องรัสเซียเหมือนกับ Bismarck ในยุคปัจจุบัน" (The secret of Putin’s success: Defending Russia like a modern-day Bismarck)
    ผู้นำรัสเซียรู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ เพราะว่าเขารู้อย่างแท้จริงว่าเขาจะไปได้ไกลเท่าไร (รู้ขีดจำกัดของตัวเอง) เขารู้ว่าตรงไหนคือเส้นแดง เขาไม่ได้ข้ามเส้นแดงนั้นไป Martin McCauley ผู้เขียนและนักวิเคราะห์เกี่ยวกับรัสเซียกล่าว
    สำนักข่าว RT ของรัสเซียนำเอาบทสัมภาษณ์ Martin McCauley มาเผยแพร่ดังนี้...
    RT: คุณแปลกใจไหมที่ปธน.วลาดิมีร์ ปูติน ได้รับการจัดอันดับสูงสุดในรายชื่อ "เป็นบุคคลผู้ทรงอิทธิพลมากที่สุด (ในโลก)" ของนิตยสาร Forbes อีกครั้ง
    Martin McCauley: ไม่ ผมไม่แปลกใจ เพราะว่าเขาเป็นบุคคลที่อยู่ในข่าวอยู่ตลอดเวลา เขาเอาชนะพวกอเมริกันกรณีซีเรียในเชิงเล่ห์เหลี่ยม (outmaneuvered) เขาใช้เหลี่ยมเอาชนะพวกนั้นกรณีไคร์เมีย เขาใช้เหลี่ยมเอาชนะพวกนั้นกรณียูเครน ดังนั้นเขาจึงเป็นบุคคลที่อยู่ในกรอบข่าว (เป็นคนดัง) ตลอดเวลา - ทุกทั่วโลกรู้จักเขา ปธน.สี จิ้นผิง ก็ไปพบเขา และคุณก็ได้มิตรภาพระหว่างรัสเซียกับจีนนี้ เขาไม่ได้ไปอเมริกา เพราะว่าเขาไม่ได้รับเชิญให้ไปที่นั่น และประธานาธิบดี [บารัค] โอบาม่าไม่ได้ไปกรุงมอสโคว์ และบางทีเรื่องนั้นอาจจะเกิดขึ้นในปี 2016 ก็ได้
    [นาย Martin McCauley เป็นคนอังกฤษ เวลาเขาพูดเขาจะไม่ใช้ "ประธานาธิบดี" นำหน้าชื่อปูติน แต่พอเอ่ยถึงชื่อของนายโอบาม่าเขากลับใช้คำว่า "ประธานธิบดีโอบาม่า" เขาให้เหตุผลที่ปูตินไม่ได้ไปอเมริกาเพราะว่าไม่ได้รับเชิญให้ไป แต่กรณีของโอบาม่าเขาไม่ได้บอกเหตุผลในลักษณะเดียวกันนั้น เขาพยายามพูดย้ำๆว่าชัยชนะที่ปูตินได้มานั้นเป็นการใช้เล่ห์เลี่ยม เหมือนกับจะบอกว่ามันเป็นชัยชนะที่ไม่ขาวสะอาด นั่นแหละมุมมองของนักวิเคราะห์ตะวันตกของแท้ - ผู้แปล]
    Martin McCauley: ณ เวลาปัจจุบันนี้ วลาดิมีร์ ปูตินเป็นหมายเลขหนึ่ง (Vladimir Putin is number one) แน่นอน แต่ว่า "หมายเลขหนึ่ง" ไม่ได้หมายความว่าคุณเป็นตัวแทนของประเทศหมายเลขหนึ่งจากมุมมองด้านกองทัพและเศรษฐกิจด้วยนี่นา เพราะว่าอเมริกายังคงเป็นหมายเลขหนึ่งทั้งในด้านเศรษฐกิจและกองทัพ แต่จากมุมมองเกี่ยวกับเรื่องการเมือง จากมุมมองเกี่ยวกับการจดจำชื่อ วลาดิมีร์ปูตินเป็นหมายเลขหนึ่ง
    [พวกนี้เขาเก็บความอิจฉาตาร้อนเอาไว้ไม่อยู่จริงๆอ่ะ ก็การจัดอันดับในครั้งนี้เขาพูดถึงตัวบุคคลนี่ครับ เขาไม่ได้เปรียบเทียบเรื่องประเทศ เศรษฐกิจ หรือกองทัพ ที่สหรัฐฯเพียงประเทศเดียวมีกระจายอยู่ทั่วโลกราว 800 แห่ง และในบรรดารายชื่อการจัดอันดับบุคคลผู้ทรงอิทธิพลในครั้งนี้จากนิตยสาร Forbes ของอเมริกาเขาก็ไม่ได้มีเฉพาะผู้นำประเทศเท่านั้น มีทั้งนักธุรกิจ นักบวช เข้ามารวมเอาไว้ด้วย
    เช่น Pope Francis ได้อันดับที่ 4, ปธน.สี จิ้นผิงได้อันดับที่ 5, บิล เกต ได้อันดับที่ 6, Janet Yellen ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯได้อันดับที่ 7, นายกฯเดวิด คาเมรอน ของอังกฤษได้อันดับที่ 8, นายกฯ Narendra Modi ของอินเดียได้อันดับที่ 9, Larry Page ซีอีโอของ Google ได้อันดับที่ 10 ถ้าบิล เกต หรือ Larry Page ได้อันดับที่ 1 นาย Martin McCauley จะพูดแบบเดียวกับที่เขาวิจารณ์ปูตินไหม? ละอ่อนมากครับนักวิเคราะห์อังกฤษ เชื่อว่าที่สื่อฯรัสเซียเอามาลงข่าวนี้ก็เพื่อสะท้อนให้เห็นว่า นี่ที่เรียกต้องเองว่าเป็นนักวิเคราะห์ชาวตะวันตก มีพฤติกรรมและนิสัยแบบนี้แหละ อ่อนด๋อย! - ผู้แปล]
    RT: ภาพแบบไหนของผู้นำรัสเซียที่นิตยสารนำไปขึ้นปก?
    MM: ในตะวันตก ถ้าคุณมองไปที่นิตสารของชาวอเมริกัน มันจะเป็นลบโดยพื้นฐานอยู่แล้ว แต่ถ้าคุณมองไปที่สื่อฯของอังกฤษ ที่มันเป็นลบ (negative) โดยพื้นฐานนั้นก็เพราะว่าเขาเป็นผู้ชายที่พวกเขามองว่าเลวร้ายกว่า [Otto von] Bismarck
    MM: Bismarck สร้างแนวความคิดแบบ "Realpolitik" (realistic/practical พวกมองโลกตามความเป็นจริง หรือ พวกปฏิบัตินิยม) ซึ่งหมายถึงการหาผลประโยชน์ให้กับอธิปไตยของคุณ ผลประโยชน์ของประเทศของคุณที่ปราศจากความกังวลด้านศีลธรรมและจริยธรรม ดังนั้น พวกเขาจะมองเขา (ปูติน) ว่าเป็นบุคคลที่เลวร้ายกว่า Bismarck เขาเป็นพวก realpolitik และ [โลกตะวันตก] ก็หวังว่า Realpolitik ควรจะอยู่ในอดีต และเพราะเหตุนี้ พวกเขาจึงมีมุมมองที่เป็นลบมาก พวกเขากล่าวว่า "เขา (ปูติน) ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ" เขา (ปูติน) กล่าวว่า "มันเป็นกฎของพวกคุณ พวกเราไม่ยอมรับกฎนั้น และพวกเรากำลังกำทำตามหลักการที่ชัดเจน"
    MM: หลักการหมายเลขหนึ่งก็คือผลประโยชน์ของชาติ: พวกเราจะต้องปกป้องประเทศของพวกเรา - รัสเซียจะต้องได้รับการปกป้องจากโลกภายนอก พวกเรามองดูโลกภายนอก - สังคมสหรัฐฯ สหภาพยุโรป - อย่างที่เสื่อมทรามลง พวกเราไม่ได้ต้องการที่จะร่วมกับพวกเขา พวกเราต้องการที่จะแยกตัวออกจากพวกเขา เป็นต้น และก็มีหลายคนเคารพแนวความคิดเช่นนั้น - มันเป็นเวอร์ที่แตกต่างกัน และเป็นมุมมองที่แตกต่างกัน ประชาชนหลายคนไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ แต่พวกเขาก็ยอมรับมัน
    [เฮ้อ… นั่นแหละมุมมองของบุคคลที่เรียกว่า "นักวิเคราะห์" ตะวันตกของจริง วันก่อน ส.ส.Rohrabacher ถามนาง Patterson ต่อหน้าคณะกรรมาธิการฯในสภาคองเกรสของสหรัฐฯเกี่ยวกับเป้าหมายของของสหรัฐฯและพันธมิตรในการโค่นล้มปธน.บาชาร์ อัสซาด ของซีเรีย นาง Patterson ตอบบว่า "กรุงวอชิงตันกำลังปกป้อง 'ผลประโยชน์ด้านความมั่นคงของชาติ' เนื่องจากสถานการณ์ในซีเรียส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของพันธมิตรของสหรัฐฯ - อิสราเอล กลุ่มรัฐอ่าวอาหรับ เลบานอน จอร์แดน และตุรกี" นาย Martin McCauley คงจะไม่ได้ยินที่นาง Patterson พูดสินะ - ผู้แปล]
    [วันที่ 5 พ.ย.58 Sputnik news รายงานคำพูดของ Sergei Lavrov รมว.ต่างประเทศของรัสเซียกล่าวในที่ประชุม World Congress of Compatriots Living Abroad ครั้งที่ 5 ในกรุงมอสโคว์ว่า "รัสเซียจะไม่ลาดเส้นโดดเดี่ยวตัวเองและแสวงหาศัตรู ตามที่ประธานาธิบดี [วลาดิมีร์] ปูติน ได้เน้นย้ำอยู่บ่อยๆว่า แม้จะมีการกระทำทั้งหมดของเพื่อนๆของพวกเรา พวกเราก็จะไม่เดินบนทางการโดดเดี่ยวตัวเอง (self-isolation) และแสวงหาศัตรู พวกเราพร้อมเสมอทีจะร่วมมือกับทุกฝ่ายที่ตอบรับและสร้างความสัมพันธ์อย่างแท้จริงบนบรรทัดฐานที่เท่าเทียมกันและเคารพซึ่งกันและกัน" สิ่งที่ปรากฏในความเป็นจริงตรงข้ามกับสิ่งที่นาย Martin McCauley อ้างว่าเป็นมุมมองของพวกตะวันตกทั้งสิ้น - ผู้แปล]
    RT: นิตยสาร Forbes อ้างว่าปธน.ปูตินสามารถที่จะทำอะไรก็ได้ตามที่เขาต้องการและออกห่างจากมัน คุณด้วยไหมที่ว่าเขากวัดแกว่งอำนาจเช่นนั้น?
    Martin McCauley: นั่นเป็นสิ่งที่เขากระทำโดยปรกติอยู่แล้ว เพราะว่าเขารู้ว่าเขาจะไปไกลได้ขนาดไหน เขารู้ว่าเส้นแดงอยู่ตรงไหน เขาจะไม่ข้ามเส้นแดงนั้น เขาจะไม่เริ่มก่อสงครามกับสหรัฐฯ เพราะว่ารัสเซียจะพ่ายแพ้ เขาจะไม่เริ่มสงครามกับจีน เพราะว่าเขาจะพ่ายแพ้ [ฮ่าๆๆ! แอ็ดมินขอขำนิดนึงนะครับ] ดังนั้น ในการเมืองของเขา เขารู้จริงๆว่าเขาจะไปได้ไกลขนาดไหน [ก็ไม่ใกล้ไม่ไกลนะครับ แต่ซีเรียและอิรัคนี้เอง ซึ่งอยู่ใกล้กว่ามหาอำนาจยุโรปและสหรัฐฯด้วย ว่าแต่ว่าสหรัฐฯอยู่ตั้งไกลคนละซีกโลกมายุ่งอะไรกับซีเรียด้วย? - ผู้แปล]
    Martin McCauley: และเขา (ปูติน) ยังรู้ว่าอียูและพันธมิตรทั้งหมดของอียูจะมาด้วยกัน และพวกเขาจะต้องมีความเห็นร่วมกันในนโยบาย นาโต้มีสมาชิก 28 ประเทศ และพวกเขาทั้งหมดได้ตกลงกัน เยอรมันนีจะไม่เห็นด้วยกับนโยบายที่ก้าวร้าวในยุโรป ดังนั้น เพราะทั้งหมดนี้เขาจะสามารถตัดสินได้ว่าเขาจะไปไกลได้ขนาดไหน เขาได้กระทำสิ่งนี้อย่างชำนิชำนาญ... เขาทุ่มเทให้กับรัสเซีย ปัจจุบันนี้ยูเครนอ่อนแอ ในซีเรีย เขามีบทบาทหลัก และเขากำลังเรียกร้องร้องให้มหาอำนาจไปรวมตัวกันที่นั่น และเจราจากับพวกเขา [หมอนี่หลุดโลกมากๆ โปรอเมริกา-ตะวันตกของแท้ - ผู้แปล]
    สื่อฯรัสเซียตบทท้ายในบทความฉบับนี้ด้วยข้อมูลบางอย่างว่า... Historian Eric Hobsbawm ได้เขียนไว้ในหนังสือ The Age of Empire: 1875–1914 (ยุคจักรวรรดินิยม: 2418-2457) โดยได้ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับ Bismarch เอาไว้ว่า "ยังคงเป็นแชมโลกที่ไม่อาจโต้แย้งได้ ในเกมหมากรุกทางการทูตแบบพหุภาคีเกือบจะเป็นเวลา 20 ปีหลังจากปี 1871 [และ] ได้อุทิศตัวเองอย่างเต็มที่และประสบความสำเร็จเพื่อรักษาสันติภาพระหว่างมหาอำนาจทั้งหลาย"
    Otto von Bismarck หรือ Otto Eduard Leopold หรือเจ้าชายแห่งบิสมาร์ค (Prince of Bismarck) หรือ Duke of Lauenburg (1 April 1815 – 30 July 1898) เป็นรัฐบุรุษชาวปรุสเซีย (Prussia) แบบอนุรักษ์นิยมและปกครองในกิจการต่างๆของเยอรมันและยุโรประหว่างปี 1860s-1890 ในยุค 1860 เขาได้ทำสงครามหลายครั้งซึ่งสามารถรวมรัฐต่างๆในเยอรมันนีเข้าไว้ด้วยกันอย่างเป็นเอกภาพได้ (ไม่รวมออสเตรีย) และทำให้เยอรมันนีกลายเป็นจักรวรรดิเยอรมันภายใต้ผู้นำที่เป็นชาว Prussian ด้วยความสำเร็จนั้น ในปี 1871 เขาได้ใช้สมดุลอำนาจทางการทูตอย่างมีทักษะเพื่อรักษาอำนาจของเยอรมันนีในยุโรปเอาไว้ได้ ซึ่งแม้จะแม้จะมีข้อพิพาทและและหวาดกลัวสงคราม ก็ยังคงอยู่ในคงความสงบ (มีสันติภาพ)
    Otto von Bismarck เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่หนึ่งของเยอรมันนี อยู่ในตำแหน่งระหว่าง 21 มีนาคม 1871 – 20 มีนาคม 1890 (19 ปี) คนนี้คือหนึ่งในปรมาจารย์ด้านการเมืองและการทูตของเยอรมันนีเลยหละ ที่พวกสหรัฐฯและตะวันตกกลัวกันนักหนาก็คือกลัวคนแบบนี้แหละ Bismarck เคยเป็นเอกอัครราชทูตของเยอรมันประจำ St Petersburg ในรัสเซียถึง 4 ปีด้วย ช่วงนั้นเยอรมันและรัสเซียเป็นพันธมิตรทางทหารร่วมกัน
    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    06/11/2558

    ภาพ Russian President Vladimir Putin. จาก © Alexei Druzhinin / RIA Novosti

    ----------
    https://www.rt.com/op-edge/320913-putin-forbes-powerful-people/
    https://en.wikipedia.org/wiki/Otto_von_Bismarck
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,223
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont/?fref=ts
    สรุปข่าวความคืบหน้ากรณีเครื่องบินโดยสาร Airbus A321 ของรัสเซียตกในแหลมไซนายอียิปต์ - รัสเซียสั่งงดเที่ยวบินทั้งหมดระหว่างรัสเซียกับอียิปต์ (ตอนที่ 1/2)

    [​IMG]

    --------------
    มาลำดับข่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์เครื่องบินตกในแหลมไซนาย (Sainai) ประเทศอียิปต์กันบ้างนะครับ มีหลายเรื่องที่น่าสนใจดังต่อไปนี้
    1.) วันที่ 5 พ.ย.58 Sputnik รายงานว่า เมื่อวันพุธที่ผ่านมา รัฐบาลอังกฤษสรุปว่าเครื่องบินโดยสารรัสเซียที่ออกเดินทางจาก Sharm el-Sheikh มุ่งหน้าไปยัง St. Petersburg "อาจจะ" ประสบอุบัติเหตุตกเมื่อวันที่ 31 ตุลคาม 2558 เนื่องจากการระเบิดของวัตถุระเบิด (a bomb explosion) และได้ระงับเที่ยวบินทั้งหมดที่จะบินไปยังหรือบินออกจากประเทศอียิปต์จนกว่าจะมีการเพิ่มมาตรฐานการรักษาความปลอดภัย
    ส่วนนาย Dmitry Peskov โฆษกพระราชวังเครมลินกล่าวว่า "รัสเซียหวังว่าสหราชอาณาจักรจะให้ข้อมูลตามที่ได้แถลงการณ์เมื่อเร็วๆนี้ที่ว่าอุบัติเหตุสายการบินของรัสเซียตกในอียิปต์ดูเหมือนจะมีสาเหตุมาจากการโจมตีโดยผู้ก่อการร้าย หากมีข้อมูลจริง พวกเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าใครก็ตามที่ครอบครองข้อมูลนี้จะนำมันมาเพื่อทำการตรวจสอบ"
    โฆษกประธานาธิบดีของรัสเซียกล่าวเพิ่มอีกว่า "พวกเราได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้แล้วและพวกเราก็ขอกล่าวอีกครั้งว่า ความเป็นไปได้ใดๆที่เกี่ยวกับเหตุการณ์นี้และสาเหตุของเหตุการณ์นี้จะผ่านการสืบสวนตรวจสอบเท่านั้น เรายังไม่ได้ยินแถลงการณ์ใดๆจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายตรวจสอบ แถลงการณ์ใดๆเป็นข้อมูลที่ยังไม่มีการยันยืนหรือเป็นเพียงการคาดเดาบางอย่าง"
    ทางนาย Sameh Shoukry รมว.ต่างประเทศของอียิปต์ได้ออกมาวิจารณ์การตัดสินใจของกรุงลอนดอนที่ให้ระงับจราจรทางอากาศ โดยบอกว่าเร็วเกินไปที่จะด่วนสรุปเช่นนั้น
    นาย Peskov กล่าวว่า "แน่นอนมีการรวบรวมทุกข้อมูลและได้รายงานต่อผู้นำประเทศ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะตัดสมมุติฐานใดๆออกไปในเวลานี้ แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่มีเหตุผลที่จะกล่าวว่า (การต้องข้อสงสัย/สมมุติฐาน) เวอร์ชั่นเดียวมีความเป็นไปได้มากที่สุด"
    2.) วันที่ 5 พ.ย.58 Sputnik news พาดหัวข่าวว่า "กรุงลอนดอนส่งเครื่องบินเปล่าหลายลำไปยังอียิปต์เพื่ออพยพชาวอังกฤษ - แหล่งข่าว" รายงานข่าวบอกว่า กรุงลอนดอนจะส่งเครื่ืองบินเหมาลำเปล่าไปยังสนามบิน Sharm-el-Sheikh ในประเทศอียิปต์เพื่ออพยพชาวอังกฤษที่เดินทางไปพักผ่อนอยู่ที่นั่นในปัจจุบัน หลังจากเกิดเหตุเครื่องบิน Airbus A321 ของรัสเซียตก แหล่งข่าวในกระทรวงคมนาคมของอังกฤษกล่าวเมื่อวันอังคาร รายงานข่าวกล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันนี้คาดว่ามีชาวอังกฤษราว 20,000 คนที่กำลังพักผ่อนอยู่บนชายหาดต่างๆในทะเลแดงทางตอนใต้ของแหลมไซนาย
    ในวันเดียวกันนี้ Sputnik news ก็พาดหัวข่าวอีกว่า "สหราชอาณาจักรและอียิปต์กำลังเผชิญหน้ากรณีแบนเที่ยวบินที่ Sharm El-Sheikh" รายงานข่าวบอกว่า เส้นทางการทูตระหว่างกรุงไคโรกับกรุงลอนดอนได้แตกหักลง หลังจากที่รัฐบาลอังกฤษสั่งห้ามเที่ยวบินทั้งหมดของอังกฤษเดินทางไปยังและออกจากสนามบิน Sharm el-Sheikh เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยที่สนามบิน และมีข่าวกรองว่าผู้ก่อการร้ายไอซิสได้วางแผนระเบิดเครื่องบินโดยสารรัสเซียซึ่่งเกิดเหตุในวันที่ 31 ตุลาคม
    [หากพบว่าเหตุการณ์เครื่องบินตกในครั้งนี้เป็นการกระทำโดยเจตนาจากกลุ่มก่อการร้าย งานนี้ ถือว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว คือ 1.)เล่นงานรัสเซียที่เข้าไปบอมบ์ไอซิสในซีเรียเพื่อบีบให้รัสเซียถอยออกจากตะวันออกกลาง 2.) ทำลายการท่องเที่ยวของอียิปต์ เพื่อบีบให้อียิปต์ถอยห่างจากรัสเซียและบอกว่าอย่างแตกแถว เนื่องจากพักหลังนี้ท่าทีของอียิปต์เริ่มเอียงมาทางรัสเซียกรณีซีเรียมากขึ้น ยิ่งสื่อฯสหรัฐฯและตะวันตกเล่นข่าวในลักษณะนี้มากขึ้นเท่าไรก็ยิ่งทำให้การท่องเที่ยวของอียิปต์ทรุดลงตามไปด้วยเท่านั้น - ผู้แปล]
    ผู้นำอียิปต์ จะปล่อยให้เรื่องเช่นนี้ดำเนินต่อไปโดยไม่ทำอะไรไม่ได้เด็ดขาด ดังนั้น ปธน.Abdel Fattah al-Sisi ของอียิปต์จึงเดินางไปยังอังกฤษโดยด่วนเพื่อประชุมร่วมกับนาย David Cameron นายกรัฐมนตรีของอังกฤษ เพราะว่าคาบสมุทรไซนายคือหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญและทำรายได้ให้กับอียิปต์เป็นจำนวนมหาศาลในแต่ละปี
    ทางรัฐบาลอังกฤษออกแถลงการณ์ว่า "การประชุมได้พิจารณาถึงความเกี่ยวข้องเกี่ยวกับข้อมูลต่างๆที่ซึ่งถึงบางอย่างที่ฉายแสงมาเมื่อเร็วๆนี้ ซึ่งได้ทำให้พวกเรารู้สึกเป็นกังวลใจมากขึ้นว่า เครื่องบินลำดังกล่าวอาจจะถูกทำให้ตกลงมาโดยวัตถุระเบิดก็ได้"
    รายงานข่าวบอกว่า บริษัททัวร์ Thomas Cook ของอังกฤษได้ยกเลิกเที่ยวบินและโปรแกรมการเดินทางพักผ่อนวันหยุดที่จะไปยัง Sharm el Sheikh โดยกล่าวว่าลูกค้าที่ยังอยู่ในไซนายในปัจจุบันนี้ควรจะอยู่ในโรงแรมได้ฟรีในขณะที่กำลังมีการปรับปรุงเรื่องความปลอดภัยที่สนามบิน
    [กรรมสิครับ อียิปต์เปิดการท่องเที่ยวและโรงแรมรับนักท่องเที่ยวจากตะวันตกเข้าไป แทนที่จะได้เงิน กลับถูกอังกฤษบีบให้เปิดโรงแรมให้นักท่องเที่ยวอังกฤษอยู่ฟรีซะงั้น ตอนที่เครื่องบินโดยสารตกในยุโรปหรือประเทศอื่นไม่เห็นอังกฤษจะออกมาพูดเชิงเจ้าเลห์แบบนี้เลย มีการคมนาคมทางถนนจากไซนายไปยังสนามบินแห่งอื่นในอียิปต์ด้วย ถ้าไม่อยากอยู่ในไซนายก็สามารถเดินทางไปขึ้นเครื่องที่อื่นก็ได้ แต่อังกฤษไม่เสนอช่องทางนี้ แต่บอกว่าให้อยู่ในไซนายต่อไป และห้ามไม่ให้อียิปต์เก็บค่าบริการด้วย อึ่มส.ด.ผู้ดีตัวจริงเขาทำกันอย่างนี้แหละ - ผู้แปล]
    3.) วันที่ 6 พ.ย.58 Sputnik news พาดหัวข่าวว่า "นายกฯอังกฤษบอกใบ้ว่าเหมือนกับว่ามีระเบิดบนเครื่องบิน A321 แต่ไม่มีหลักฐานใดๆยืนยันคำพูดเลย" (British PM Hints at 'Likely' Bomb On Board A321, But Offers No Proof)
    รายงานข่าวบอกว่า นายกรัฐมนตรี David Cameron ของอังกฤษได้กล่าวว่าทั้งตัวเขาเองและผู้เชี่ยวชาญของเขาไม่สามารถ "มั่นใจได้ว่าเป็นระเบิดของผู้ก่อการร้ายที่ทำให้เครื่องบินรัสเซียตก" และการตัดสินใจระงับเที่ยวบินที่บินไปยังหรือออกจากสนามบิน Sharm el-Sheikh ได้อยู่บนสมมุติฐานที่ว่า "มันดูเหมือนมากกว่าไม่ใช่ผลที่ปรากฎออกมา" (it was the 'more likely than not outcome.")
    นักข่าวได้ถามนายกฯของอังกฤษว่า "ทำไมหน่วยข่าวกรองของอังกฤษถึงได้มั่นใจว่ามีวัตถุระเบิดอยู่บนเครื่องบิน เมื่อรัสเซีย - ซึ่งเป็นเจ้าของเครื่องบินลำนี้ - ยังไม่ได้พูดเช่นนั้นเลย? พวกเรามีข่าวกรองบางอย่างที่พวกเราไม่มี หรือคุณคิดว่ารัสเซียกำลังปิดบังข้อมูลบางอย่างอยู่?"
    นายกฯ David Cameron เลี่ยงที่จะตอบคำถามตรงๆ โดยอธิบายว่าบทบาทของเขา "ก็คือปฏิบัติในวิถีที่ถูกต้องเพื่อรักษาความปลอดภัยและการให้ความปลอดภัยแก่พลเมืองชาวอังกฤษ และให้ความสำคัญด้านความปลอดภัยแก่พวกเขาเป็นอันดับแรก"
    นายกฯ David Cameron กล่าวอีกว่า "แน่นอนผมไม่สามารถมั่นใจได้ (Of course I cannot be sure…) พวกผู้เชี่ยวชาญของผมก็ไม่มั่นใจว่ามันเป็นระเบิดของผู้ก่อการร้ายที่ทำให้เครื่องบินของรัสเซียตก แต่ถ้าข่าวกรองและการตัดสินว่าเหตุการณ์นั้นดูเหมือนมากกว่าไม่ใช่ผลที่ปรากฎออกมา ดังนั้นผมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ถูกต้องในแนวทางที่ผมได้กระทำไป" (But if the intelligence and the judgement are that that is a more likely than not outcome, then I think it’s right to act in the way that I did.)
    นายกฯอังกฤษกล่าวเน้นย้ำอีกว่า "งานของผมก็คือปฏิบัติตามบรรทัดฐานของข่าวกรอง ทำการตัดสินว่า หากมันเป็นเช่นนั้นจริง ซึ่งเราก็ยังไม่มั่นใจ แต่หากว่ามันเป็นเช่นนั้น ที่มันดูเหมือนเป็นอย่างมากกกว่าไม่ใช่ระเบิดจากผู้ก่อการร้ายบนเครื่องบินลำนั้น ดังนั้นงานของผมก็คือลงมือปฏิบัติอย่างถูกต้อง"
    [สรุป… อังกฤษก็ยังไม่มั่นใจว่าเป็นการวางระเบิดโดยฝีมือของผู้ก่อการร้ายที่ทำให้เครื่องบินของรัสเซียตกในครั้งนี้หรือไม่ อังกฤษอ้างข่าวกรอง แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานที่จะยืนยันข่าวกรองนั้น หรือว่าอาจจะมีแต่ยังไม่ถึงเวลาเปิดเผย เหมือนกำลังรอเล่นหมากต่อไป - ผู้แปล]
    ทางปธน.ปูตินของรัสเซียเน้นย้ำว่า มันเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องอาศัยข้อมูลทั้งหมดจากการตรวจสอบอย่างเป็นทางการ
    4.) วันที่ 6 พ.ย.58 สหรัฐฯเหมือนจะรู้กันกับอังกฤษว่าจะฉวยโอกาสจากเหตุการณ์นี้ได้อย่างไรหรือกำลังเล่นมุกอะไรอยู่ Sputnik news พาดหัวข่าวว่า "โอบามากล่าวอ้างว่าระเบิดอาจจะเป็นสาเหตุทำให้เครื่องบินของรัสเซียตกในอียิปต์" (Obama Claims Bomb Might Have Caused Russian Plane Crash in Egypt)
    ประธานาธิบดีบารัค โอบาม่าของสหรัฐฯกล่าวว่า "ระเบิดที่ฝังอยู่บนเครื่องบินอาจจะเป็นสาเหตุหลักของอุบัติเหตุของสายการบินของรัสเซียตกเหนือแหลมไซนายเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา"
    สำนักข่าว CNN ของสหรัฐฯอ้างคำพูดของนายโอบาม่าว่า "ผมคิดว่ามีความเป็นไปได้ที่มีระเบิดอยู่บนเครื่อง และพวกเราก็กำลังจริงจังกับเรื่องนี้" [หลักฐานหละครับท่านโอบาม่า? ทางรัสเซียต้องการหลักฐานมากๆ สหรัฐฯช่วยส่งหลักฐานเพื่อเป็นการยืนยันคำพูดของประธานาธิบดีของสหรัฐฯไปให้ฝ่ายตรวจสอบของรัสเซียหน่อยสิ - ผู้แปล]
    โอบาม่ากล่าวต่อไปอีกว่า "พวกเรากำลังใช้เวลาเป็นอย่างมากเพื่อทำให้มั่นใจว่าบรรดาผู้ตรวจสอบของเราและฝ่ายข่าวกรองของพวกเราพบว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น ก่อนที่พวกเราจะประกาศอย่างชัดเจนใดๆออกมา" [ก็แสดงว่า ณ ตอนนี้สหรัฐฯก็ยังไม่มั่นใจนะสิ - ผู้แปล] แต่นายบารัคโอบาม่าก็กล่าวอีกว่า "แต่มันมีความเป็นไปได้แน่นอนว่า มีระเบิดอยู่บนเครื่องจริงๆ" [ตอนแรกก็พูดประมาณว่ายังไม่มั่นใจ เพราะว่ากำลังจะทำให้มั่นใจ แต่ตอนหลังก็ยืนยันแบบไม่มั่นใจอีกนั่นแหละว่า "มีความเป็นไปได้อย่างแน่นอน..." ถ้ามั่นใจแล้วใจพูดคำว่า "มีความเป็นไปได้ทำไม?" เจอมุกนี้เข้าไปอียิปต์ก็อ่วมอรทัยแล้วครับ อีกหนึ่งสัปดาห์กว่าๆก็จะรู้ว่าท่าทีของอียิปต์บนโต๊ะเจรจาที่กรุงเวียนนาเกี่ยวกับกรณีซีเรียจะเป็นอย่างไรบ้าง - ผู้แปล]
    5.) วันที่ 6 พ.ย.58 Sputnik news พาดหัวข่าวว่า "สายลับของสหรัฐฯและอังกฤษดังฟังการสื่อสารของผู้ก่อการร้ายไอซิสซึ่งชี้นำว่าเครื่องบิน A321 บรรทุกวัตถุระเบิด" (US, UK Spies Intercept ISIL Communications Suggesting A321 Carried Bomb)
    สื่อฯรายงานเมื่อวันศุกร์นี้ว่า หน่วยข่าวกรองของอังกฤษและสหรัฐฯได้มีปฏิบัติการร่วมกันระหว่างที่ทั้งสองฝ่ายดักฟัง (intercepted) ข้อความที่ชี้นำว่ามีการนำวัตถุระเบิดขึ้นไปไว้ในเครื่องบิน A321 ของรัสเซียที่ประสบอุบัติเหตุในอียิปต์
    หนังสือพิมพ์ The Times ของอังกฤษ รายงานว่า หน่วยข่าวกรองของอังกฤษและสหรัฐฯได้ใช้ระบบดาวเทียมเมื่อวันพุธที่ผ่านมาเพื่อดักฟัง (/ดักอ่าน) อีเมล์ของกลุ่มก่อการร้ายไอซิสในภูมิภาคที่เกิดเหตุเครื่องบิน A321 ตกและพวกที่อยู่ในซีเรีย
    หนังสือพิมพ์ของอังกฤษรายงานว่า ข้อความได้แสดงให้เห็นว่าระเบิดดังกล่าวได้ถูกนำขึ้นเครื่องโดยผู้โดยสารหรือบุคคลากรภาคพื้นดินบางคน
    (อ่านต่อในต่อที่ 2/2)
    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    07/11/2558

    ภาพจาก © Sputnik/ Maxim Grigoryev

    ----------
    Kremlin Hopes UK Will Provide Data Backing A321 Terror Attack Statements
    US, UK Spies Intercept ISIL Communications Suggesting A321 Carried Bomb
    London to Send Empty Airplanes to Egypt to Evacuate UK Residents - Source
    Britain and Egypt in Diplomatic Stand-Off Over Sharm El-Sheikh Flight Ban
    Obama Claims Bomb Might Have Caused Russian Plane Crash in Egypt
    British PM Hints at 'Likely' Bomb On Board A321, But Offers No Proof
    https://www.rt.com/news/320225-plane-crash-russian-egypt/
    https://www.rt.com/news/321055-russia-halt-flight-egypt/
    All Possible Causes for A321 Air Crash in Egypt Being Investigated Equally
    First Data From Kogalymavia Flight Recorders Extracted
    Boeing to Discuss Grounding of 737's With Russia's Transport Agency Friday
    Putin Discusses Flight Safety With Russia's Security Council - Kremlin
    Russian Officials Announce Flights to Egypt Officially Halted
    US Intel Heard 'Detailed Chatter' From ISIL Affiliates After Sinai Crash
    Egypt is Flooding Gaza Border Tunnels With Seawater, Poisoning Water Supply
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤศจิกายน 2015
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,223
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont/?fref=ts
    สรุปข่าวความคืบหน้ากรณีเครื่องบินโดยสาร Airbus A321 ของรัสเซียตกในแหลมไซนายอียิปต์ - รัสเซียสั่งงดเที่ยวบินทั้งหมดระหว่างรัสเซียกับอียิปต์ (ตอนที่ 2/2)

    [​IMG]

    --------------
    6.) วันที่ 6 พ.ย.58 Sputnik news พาดหัวข่าวว่า "หน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯได้ยิน 'การสนทนากันในรายลเอียด' จากฝ่ายที่มีการเชื่อมโยงกับพวกผู้ก่อการรร้ายไอซิส หลังจากเครื่องบินตกในไซนาย" (US Intel Heard 'Detailed Chatter' From ISIL Affiliates After Sinai Crash)
    รายงานข่าวบอกว่าเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯได้กล่าวกับสำนักข่าว NBC News ว่าเพนตากอนได้ดักฟัง "การสนทนาในรายละเอียด" (detailed chatter) เพียงสั้นๆ หลังจากเครื่องบิน Metrojet A321 มีการกล่าวหาว่าการติดต่อสื่อสารกันที่ส่งไปกลุ่มที่มีการเชื่อมโยงกับผู้ก่อการร้ายไอซิสในซีนายและกลุ่มทีอยู่ในเมืองหลวง Raqqa ซึ่งเรียกกันเองว่าเป็นเมืองหลวงองไอซิส (ในซีเรีย)
    เจ้าหน้าที่ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม (/แหล่งข่าวผีบอก) อ้างว่าการสื่อสารกันดังกล่าวได้มีการสนทนาเกี่ยวกับกรณีเครื่องบินตกด้วย "พวกเขากำลังทำการฉลองกันอย่างเห็นได้ชัด" (They were clearly celebrating) เจ้าหน้าที่กล่าวกับสำนักข่าว NBC
    เจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ (ที่ไม่รู้ว่าชื่ออะไรนั่นแหละ) กล่าวเพิ่มเติมอีกว่าการสื่อสารกันที่ได้เข้าไปดักฟังก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุได้เตือนว่า "จะเกิดเหตุการใหญ่บางอย่างในพื้นที่" (something big in the area.)
    ส่วนนาย Josh Earnest โฆษกทำเนียบขาว กล่าวเมื่อวันศุกร์นี้ว่า "มีข้อมูลบางอย่างที่รู้โดย - รัฐบาลสหรัฐฯ - ที่นำไปสู่การแถลงการณ์ของประธานาธิบดี"
    รายงานข่าวบอกว่า เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ทางการของรัสเซียและอียิปต์ได้ออกมาเตือนถึงเจตนาในการกล่าวโทษจนกว่าผลการตรวจสอบจะสำเร็จ ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินได้ตกลงที่จะระงับเที่ยวบินพาณิชย์ทั้งหมดที่เดินทางไปยังอียิปต์ ตามคำแนะนำของฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติ (Federal Security Service - FSB)
    7.) วันที่ 6 พ.ย.58 RT news พาดหัวข่าวว่า "รัสเซียสั่งระงับเที่ยวบินไปยังอียิปต์เนื่องจากความกังวลด้านความปลอดภัยหลังอุบัติเหตุเครื่องบินตกในไซนาย" (Russia suspends flights to Egypt due to security concerns after Sinai crash)
    วันที่ 7 พ.ย.58 Sputnik news พาดหัวข่าวว่า "เจ้าหน้าที่ของรัสเซียได้ประกาศระงดเที่ยวบินไปยังอียิปต์อย่างเป็นทางการ" (Russian Officials Announce Flights to Egypt Officially Halted)
    แถลงการณ์จากกระทรวงคมนาคมของรัสเซียกล่าวว่า ทุกเที่ยวบินระหว่างสหพันธรัฐรัสเซียและอียิปต์จะถูกระงับตั้งแต่เวลา 8
    00 p.m. (สองทุ่นตรง) ของวันศุกร์ตามเวลากรุงมอสโคว์
    นาย Maksim Sokolov รมว.คมนาคมของรัสเซียประกาศว่า "การแจ้งเตือนที่เกี่ยวข้องได้ส่งไปยังผู้ประกอบการสายการบินของรัสเซียทั้งหมด 9 สายการบินที่บินไปยังอียิปต์ตามปรกติ ซึ่งรวมถึงสนามบินของรัสเซียอีก 20 แห่งที่ให้บริการเที่ยวบินเหล่านั้นด้วย"
    นาย Arkady Dvorkovich รองนายรัฐมนตรีของรัสเซียกล่าวกับนักท่องเที่ยวเพื่อทำการเยียวยาเกี่ยวกับการทำความเข้าใจ โดยกล่าวว่า ค่าใช้จ่ายของบริษัทที่ประกอบเกี่ยวกับการเดินทางและผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวอันเนื่องมาจากความหวาดระแวงเกี่ยวกับเที่ยวบินจะถือเป็นเรื่องสำคัญ [ก็แปลว่าทางการของรัสเซียอาจจะมีการชดเชยในส่วนนี้ให้ - ผู้แปล]
    Arkady Dvorkovich กล่าวว่า "ณ บัดนี้ ไม่มีเที่ยวบินใดๆจากรัสเซียไปยังอียิปต์ พวกเราขอให้พลเมืองและนักท่องเที่ยวทั้งหมดมีความเข้าใจว่าเรื่องความปลอดภัยเป็นความกังวลเป็นอันดับแรก มูลค่าของทุกชีวิตเป็นสิ่งที่ประเมินไม่ได้ (The price of each life has no limits or borders) และสิ่งเหล่านี้คือความกังวลใจอย่างแรกของพวกเรา"
    นาย Arkady Dvorkovich ได้ชี้แจงคำถามที่ตอบได้ยากที่สุดซึ่งก็คือการนำนักท่องเที่ยวกลับมาจากอียิปต์ แต่ก็เน้นย้ำว่า ปัจจุบันนี้ไม่มีแผนใดๆที่จะต้องมีการอพยพฉุกเฉิน Arkady Dvorkovich กล่าวว่า "เพียงแค่จะเน้นย้ำว่า พวกเรากำลังหลีกเลี่ยงการคาดเดาเกี่ยวกับการอพยพพลเมืองฉุกเฉินในทันที ณ ช่วงเวลานี้ ไม่มีการกำหนดแผนดังกล่าว"
    รายงานข่าวบอกว่าจากการประมาณการทั่วไป ปัจจุบันนี้มีนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียราว 40,000 - 70,000 คนอยู่ในรีสอร์ทต่างๆของอียิปต์ในทะเลแดง
    ส่วนนาย Dmitry Gorin รองประธานสมาคมผู้ประกอบการท่องเที่ยวรัสเซีย (Turpomoshch) ประกาศว่าชาวรัสเซียที่อยู่ในอียิปต์จะได้รับอนุญาตให้เดินทางกลับบ้านด้วยกระเป๋าถือติดตัวเพียงใบเดียวเท่านั้น (carrying only hand luggage) สำหรับเหตุผลด้านความปลอดภัย การเช็กกระเป๋าเดินทางอื่นๆจะถูกนำไปแยกต่างหาก (อังกฤษก็ใช้มาตรการเดียวกันนนี้)
    8.) ก่อนหน้าที่ทางการรัสเซียจะออกมาแถลงข่าวเกี่ยวกับการระงับเที่ยวบินไปยังอียิปต์นั้น วันที่ 5 พ.ย.58 Sputnik news รายงานว่า ได้มีการนำข้อมูลชุดแรกจากกล่องดำ (กล่องบันทึกข้อมูลการบินของเครื่องบิน) ลำที่ตกในอียิปต์ออกมาวิเคราะห์แล้ว
    9.) วันที่ 6 พ.ย.58 Sputnik news พาดหัวข่าวว่า "บริษัทโบอิ้งเดินทางไปหารือเกี่ยวกับการแบนเครื่อง 737 กับองค์การขนส่งของรัสเซียเมื่อวันศุกร์" (Boeing to Discuss Grounding of 737's With Russia's Transport Agency Friday)
    รายงานข่าวบอกว่า คณะผู้แทนของบริษัทโบอิ้งของสหรัฐฯกำลังเข้าประชุมกับหน่วยงานทางการด้านการบินของรัสเซีย (Russia’s Federal Air Transport Agency Rosaviatsia) เพื่อหารือถึงเหตุผลที่เครื่องบินรุ่น 737 ถูกระงับไม่ให้ใช้ในรัสเซีย ทางรัสเซียให้เหตุผลว่า ที่ IAC ถอนใบอนุญาตการดำเนินกิจการของเครื่องบินโบอิ้ง 737 ของสหรัฐฯในรัสเซียนั้น เนื่องจากรัสเซียมความกังวลเกี่ยวกับฟังชั่นด้านความปลอดภัยของระบบควบคุมการบิน
    [งานนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเครื่องบินตกทั่วไปไม่ว่าจะเกิดจากการก่อการร้ายหรือไม่ น่าจะมีอะไรลึกๆมากกว่านี้อีกนะ แต่ที่อ่วมเห็นๆก็คือเรื่องการท่องเที่ยวของอียิปต์และการเดินทางโดยเครื่องบินไปยังอียิปต์นี่แหละ อิสราเอลคู่กรณีสมัยก่อนที่เคยบุกเข้าไปยึดพื้นที่บางส่วนในไซนายของอียิปต์ยังเก็บตัวเงียบ แปลกจัง อ้อ… วันก่อน (5 พ.ย.58) ทางการของอียิปต์ได้มีคำสั่งให้สูบน้ำทะเลจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียนใส่เข้าไปในอุโมงใต้ดินที่เชื่อมไปยังฉนวนกาซา ซึ่งกรุงไคโรบอกว่าถูกใช้เป็นเส้นทางสำหรับลักลอกขนอาวุธไปให้กลุ่มกบฏในทะเลทรายไซนายด้วย อุโมงดังกล่วเป็นอุโมงขนาดเล็ก แต่มีความยาวถึง 14 กิโลเมตร - ผู้แปล]
    ป.ล.จำได้ไหมว่าตอนที่มีข่าวเครื่องบินรัสเซียตกในอียิปต์ใหม่ๆ สื่อฯตะวันตกรีบออกกมาบอกว่าเครื่องบินดี มีคุณภาพ แต่บริการและการดูแลของฝั่งรัสเซียซึ่งเป็นสายการบินโลคอสท์ห่วย เป็นความบกพร่องหรือผิดพลาดจากทางรัสเซียเอง ทำให้หลายคนที่เสพข่าวแล้วพากันชี้นิ้วประนามรัสเซียทันที แต่วันนี้ทางอังกฤษและสหรัฐฯกลับคำหันมาเล่นมุกผู้ก่อการร้ายและการก่อวินาศกรรมซะงั้น ส่วนพวกไอซิสก็รีบออกมาประกาศว่าเป็นฝีมือการยิงขีปนาวุธ (?) จากพวกไอซิสเอง วันนี้สหรัฐฯและอังกฤษก็บอกว่าพวกที่เกี่ยวกับไอซิสอาจจะวางระเบิดเครื่องบินลำดังกล่าวก็ได้ แต่ที่รัสเซียสั่งระงับเที่ยวบินทั้งหมดที่จะเดินทางไปยังอียิปต์หรือออกจากอียิปต์มาที่รัสเซียนี้ก็คือป้องกันการก่อเหตุวินาศกรรมที่อาจจะเกิดขึ้นได้ แต่ก็ยังไม่ได้สรุปว่าสาเหตุที่เครื่องบิน A321 ของรัสเซียตกในครั้งนี้มาจากอะไร - ผู้แปล
    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    07/11/2558

    ภาพจาก © Sputnik/ Maxim Grigoryev

    ----------
    Kremlin Hopes UK Will Provide Data Backing A321 Terror Attack Statements
    US, UK Spies Intercept ISIL Communications Suggesting A321 Carried Bomb
    London to Send Empty Airplanes to Egypt to Evacuate UK Residents - Source
    Britain and Egypt in Diplomatic Stand-Off Over Sharm El-Sheikh Flight Ban
    Obama Claims Bomb Might Have Caused Russian Plane Crash in Egypt
    British PM Hints at 'Likely' Bomb On Board A321, But Offers No Proof
    https://www.rt.com/news/320225-plane-crash-russian-egypt/
    https://www.rt.com/news/321055-russia-halt-flight-egypt/
    All Possible Causes for A321 Air Crash in Egypt Being Investigated Equally
    First Data From Kogalymavia Flight Recorders Extracted
    Boeing to Discuss Grounding of 737's With Russia's Transport Agency Friday
    Putin Discusses Flight Safety With Russia's Security Council - Kremlin
    Russian Officials Announce Flights to Egypt Officially Halted
    US Intel Heard 'Detailed Chatter' From ISIL Affiliates After Sinai Crash
    Egypt is Flooding Gaza Border Tunnels With Seawater, Poisoning Water Supply
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,223
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ผู้บัญชาการทหารไอซิสในอิรักถูกจับได้ รับสารภาพสิ้น สหรัฐฯหนุนยุทธปัจจัยและข่าวสาร โดย เอบีนิวส์ทูเดย์ - พ.ย. 6, 2015

    [​IMG]

    GLOBAL RESEARCH เว็บไซต์ชื่อดัง รายงานอ้างสำนัก FNA ระบุว่า โฆษกกลุ่มฮิซบุลลอฮ์ อิรัก เผยว่า ตามคำให้การของกลุ่มก่อการร้ายไอซิส ที่ถูกกลุ่มฮิซบุลลอฮ์อิรักจับกุมตัวรับสารภาพสิ้น ว่า การสนับสนุนของอเมริกาต่อกลุ่มก่อการร้ายไอซิส มิได้จำกัดแค่การช่วยเหลือทางยุทธปัจจัยและข่าวสารเพียงอย่างเดียว มันมีสิ่งอื่นๆ มากกว่านี้

    ญะอ์ฟัร อัลฮุซัยนี โฆษกกลุ่มฮิซบุลลอฮ์ อิรัก ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวฟาร์สนิวส์ ว่า ตามคำให้การของกลุ่มก่อการร้ายไอซิส ที่ถูกกลุ่มฮิซบุลลอฮ์อิรักจับกุมตัวนั้น ได้ยอมรับสารภาพว่า การสนับสนุนของอเมริกาต่อกลุ่มก่อการร้ายไอซิสนั้น มิได้จำกัดแค่การช่วยเหลือทางยุทธปัจจัยและข่าวสารเพียงอย่างเดียว

    เขากล่าวว่า การช่วยเหลือของอเมริกายังกลุ่มก่อการร้ายไอซิสนี้แหละ ทำให้เกิดการเปลี่ยนยุทธวิธีในการสู้รบจาก ฟาลูจาห์ ยัง บีจี เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้กับกลุ่มก่อการร้ายไอซิสเตรียมความพร้อมมากขึ้นในการสู้รบในเมือง ฟาลูจาห์

    ญะอ์ฟัร อัลฮุซัยนี กล่าวเสริมว่า ผู้บัญชาการทหารไอซิสบางคน ที่ถูกกลุ่มฮิซบุลลอฮ์อิรัก จับเป็นเชลย ให้การยอมรับและยืนยันว่าอเมริกาให้การสนับสนุนและช่วยเหลือกลุ่มไอซิส และเปิดเผยกลไกต่างๆ ของอเมริกาในการช่วยเหลือไอซิสอีกด้วย

    โฆษกกลุ่มฮิซบุลลอฮ์ อิรัก กล่าวว่า นอกเหนือจากการช่วยเหลือด้านการทหารและยุทธ์ปัจจัยแล้ว อเมริกาก็ยังให้การช่วยเหลือไอซิสในด้านต่างๆ อีกด้วย ทั้งการช่วยเหลือในระดับการเมือง ภาคสนามและเลือกจุดตำแหน่งในการปฏิบัติการให้กับกลุ่มไอซิส

    เขากล่าวอีกว่า ตามการสารภาพของกลุ่มก่อการร้ายไอซิส อเมริกาได้ให้ข้อมูลด้านยุทธ์ศาสตร์และเป้าหมายของการปฏิบัติการของทหารอิรักให้กับกลุ่มก่อการร้ายไอซิส ด้วยเหตุนี้กลุ่มไอซิสจึงรู้ว่า จะจัดวางกองกำลังของตนในเขตพื้นที่ใดบ้าง และการปฏิบัติการของกองกำลังทหารอิรักจะเริ่มจากจุดใด และเป็นการปฏิบัติการในระดับไหน

    อัลฮุซัยนี ย้ำว่า ไอซิสมีความเชื่อมั่นในคำพูดของอเมริกา ซึ่งให้ความมั่นใจแก่พวกเขาว่า กองกำลังทหารอิรักจะไม่เข้าไปปฏิบัติการในเขตพื้นที่ฟาลูจาห์ เนื่องจากอเมริกาได้ขวางลำรัฐบาลอิรักแล้วไม่ให้กองกำลังต่อสู้เข้าไปปฏิบัติการในพื้นที่ดังกล่าว และให้ไปปฏิบัติการในเขตพื้นที่บีจีแทน และด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงร่นถอยออกจากเมืองฟาลูจาห์ และไปตั้งหลักเตรียมความพร้อมในเมืองบีจี



    ที่มา http://www.globalresearch.ca



    เอบีนิวส์ทูเดย์
    abnewstoday | เอบีนิวส์ทูเดย์
    เอบีนิวส์ทูเดย์ยินดีเป็นอย่างยิ่งให้นำข่าวและเนื้อหาอื่นๆ ของเราไปเผยแพร่ แต่อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่จะต้องให้เครดิตกับเอบีนิวส์ทูเดย์สำหรับเนื้อหาทุกชิ้นที่นำไปเผยแพร่

    ผู้บัญชาการทหารไอซิสในอิรักถูกจับได้ รับสารภาพสิ้น สหรัฐฯหนุนยุทธปัจจัยและข่าวสาร | abnewsto
     
  19. เห็ดถอบ

    เห็ดถอบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    126
    ค่าพลัง:
    +300
     
  20. ไฟฉาย

    ไฟฉาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +112
    ดูอิหร่านคอนทราครับ งานนี้ถ้าไล่ได้จนกระดาน โอบาม่า รับเละ
     

แชร์หน้านี้

Loading...