เมื่อพระยามัจจุราชมาทวงชีวิตข้าพเจ้า

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย tjs, 14 มิถุนายน 2013.

  1. kaka krit

    kaka krit Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +96
    สวัสดีคุณก้องนะครับ ผมมีคำถามคือว่า
    1.เวลาสวดมนต์กรวดน้ำต่างๆ ผมยังตกหล่นใครไปอีกมั้ยครับ ควรนึกถึงใครอีกรึป่าว
    2.พวกของขลังภายในบ้านทั้งหลาย ผมต้องแก้ไข หรือทำบุญอะไรให้พวกเค้าเพิ่มเติมมั้ยครับ
    3.พวกกุมารทอง หุ่นหยนต์ หรือพรายต่างๆ ยังอยู่กับผมมั้ยครับ แล้วเค้าอยากเปลี่ยนภพภูมิหรือไม่ครับ ถ้าเค้าถึงเวลาแล้วผมจะช่วยเค้าอย่างไรครับ
    4.ขอคำสอนต่างๆ ให้ผมปลงเรื่องการหาของขลังพวกกุมารด้วยเถอะครับ พยายามจะไม่สนไม่หา แต่ไม่นานก็อยากได้มาเพิ่มเรื่อยๆเหมือนเป็นกิเลสมากกว่า


    ..................................................ขอบคุณนะครับ..........................................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ตุลาคม 2015
  2. shamankings

    shamankings เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    222
    ค่าพลัง:
    +543
    สวัสดีครับคุณก้องและกัลยาณมิตรทุกท่าน

    ผมเพิ่งจะรู้ว่าการชักชวนคนที่ไม่ชอบปฏิบัติธรรมให้มาเริ่มปฏิบัตินั้นยากจริงๆ ครับ ตอนนี้ผมกำลังชวนให้แฟนมาปฏิบัติธรรมด้วยกันกับผม อยากให้เค้าสวดมนต์ไม่กี่บท นั่งสมาธิก็ประมาณ 10 นาที เค้าก็ยังไม่ค่อยจะอยากทำ หรือทำก็ทำแบบไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่ ทั้งๆ ที่ผมก็ได้อธิบายให้เค้าฟังไปตั้งเยอะครับว่า บุญนั้นจะติดตัวเราไปทุกภพทุกชาติ ไม่เหมือนกับเงินทองของนอกกาย ตายไปก็เอาไปไม่ได้ เค้าก็บอกกลับมาว่าเค้ายังมีกิเลสอยู่ยังละไม่ได้ เป็นงั้นไปครับ

    อีกเรื่องนึงผมบอกแฟนว่าเข้าพรรษาปีหน้าผมตั้งใจไว้ว่าจะถือศีล 8 ซัก 1 พรรษา ทีนี้โดนเลยครับ เค้าบอกว่าจะทำอะไรก็อย่าให้มากเกินไป ผมก็ไม่เข้าใจว่าสิ่งที่ผมตั้งใจจะทำมันเกินไปตรงไหน ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องที่ดี ไม่ได้ไปเบียดเบียนใคร กลับกันเราสร้างกุศลผลบุญให้กับตัวเราเอง

    การชักชวนใครให้มาปฏิบัติธรรมหรืออยากให้เค้ามีดวงตาเห็นธรรมนี่มันยากจริงๆ ครับ
     
  3. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ===================

    1 ไม่มีครับ ก็ครบถ้วน ทั้งญาติ ครูอาจารย์เทพรหมที่รักษาตน เจ้ากรรมนายเวร และเจ้าที่ ตลอดจนสิ่งศักิด์สิทธิ์
    ขอแนะนำว่า ควรให้ครบเช่นนี้เสมอ แต่ในคราวจำเป็นอาจจะต้องกล่าวเอ่ยชื่อแบบเฉพาะเจาะจงลงไปก่อน ตามความเร่งด่วนที่ควรมีควรมอบให้ ถ้าเราไม่รีบให้เขาก่อนเขาก็จะไม่อยู่รอรับบุญ เช่นเมื่อเราเห็นว่าญาติคนนี้มาขอเขาเดือดร้อน หรือเจ้ากรรมมาขอเราควรเจาะจงให้เขาก่อนพอหลังจากนั้นจึงอุทิศให้ส่วนที่เหลืออีกครั้งตามปกติ ก็จะดีมาก แม้ในบางโอกาส การอุทิศให้เทวดาที่รักษาตน ก็อาจจะต้องกล่าวเจาะจงให้เขาก่อน ก็มีในคราวที่ดวงตกมากแล้วท่านต้องอภิบาลช่วยเหลือ ก็ควรเจาะจงให้ท่านก่อนเป็นต้น

    2 ของขลัง ไม่มีอะไรต้องทำ ที่ต้องทำคือสั่งสมบารมี ทาน ศีล ภาวนาจะเสริมทุกอย่างให้ดีงาม เพราะเกิดจากจิตที่ดีของเราแผ่ไป และจะป้องกันสิ่งไม่ดีได้ด้วย

    3 กุมารทอง จิตที่อยู่กับเราชั้นต่ำหรือสูงไม่ยกเว้น สิ่งที่ทำได้หรือควรทำคือการ สร้างบารมีของตนให้ถึงพร้อม ด้วย บุญทาน ศีล สวดมนต์ภาวนา ครับ หรือหากอยากส่งเขาไปเกิดจริงๆก็ทำได้คือการภาวนา บวชพระบวชพราหมได้บุญมาก หรือสร้างพระหรือธรรมะ หรือการถวายกฐิน เป็นต้น จะช่วยได้แต่ก็ขึ้นอยู่กับบารมีของเขาด้วยว่ามีส่วนสนับสนุนมากน้อยแค่ไหนครับ และยังขึ้นอยู่กับ อายุไขในโลทิพย์ของเขาวิบากกรรมของเขาใกล้หมดใกล้เปลี่ยนอัตภาพหรือยังด้วย มีหลายปัจจัยครับ

    4 การปลง ก็ไม่มีอะไรมาก คือเราก็อย่าไปยินดียินร้ายกับความมีหรือไม่มีหรือได้มาไม่ได้มา มันเป็นเรื่องของวัตถุภายนอก มันเป็นธรรมดา เพราะมีความไม่เที่ยง ไม่คงทนสถาพร ไม่ควรยึดมั่น สิ่งที่ควรยึดมั่นคือ การละบาป ทำความดี ชำระจิต สร้างกุศลบารมี รักษาศีล ภาวนา เพื่อจะได้เกิดปัญญาละปล่อยวาง เป็นสภาพที่ควรยึดเพื่อปล่อยวางด้วยสติปัญญา
    เป็นเรื่องของการเปลี่ยนความคิดมุมมองนั่นเอง ถ้าเขาใจก็จะปล่อยวางไว้ ครับ สาธุ
     
  4. มหาเมตตา

    มหาเมตตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    107
    ค่าพลัง:
    +283
    อ้างอิง:
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ kaka krit อ่านข้อความ
    สวัสดีคุณก้องนะครับ ผมมีคำถามคือว่า

    4.ขอคำสอนต่างๆ ให้ผมปลงเรื่องการหาของขลังพวกกุมารด้วยเถอะครับ พยายามจะไม่สนไม่หา แต่ไม่นานก็อยากได้มาเพิ่มเรื่อยๆเหมือนเป็นกิเลสมากกว่า

    ..................................................ขอบคุณนะครับ..........................................................
    ===================

    4 การปลง ก็ไม่มีอะไรมาก คือเราก็อย่าไปยินดียินร้ายกับความมีหรือไม่มีหรือได้มาไม่ได้มา มันเป็นเรื่องของวัตถุภายนอก มันเป็นธรรมดา เพราะมีความไม่เที่ยง ไม่คงทนสถาพร ไม่ควรยึดมั่น สิ่งที่ควรยึดมั่นคือ การละบาป ทำความดี ชำระจิต สร้างกุศลบารมี รักษาศีล ภาวนา เพื่อจะได้เกิดปัญญาละปล่อยวาง เป็นสภาพที่ควรยึดเพื่อปล่อยวางด้วยสติปัญญา
    เป็นเรื่องของการเปลี่ยนความคิดมุมมองนั่นเอง ถ้าเขาใจก็จะปล่อยวางไว้ ครับ สาธุ

    -----------------------------

    สวัสดีครับ ท่าน tjs

    จากข้อความถามตอบข้างต้นของทั้ง 2 ท่าน ขณะที่ผมอ่านข้อความตอบของท่าน tjs จิตผมก็พิจารณาตาม และเกิดข้อสงสัยขึ้นมาในจิตว่า สิ่งที่ท่าน tjs พูดมานั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องและเห็นแจ้งดีงามแล้วตามการปฎิบัติของท่าน tjs แต่คำถามที่เกิดขึ้นในจิตผม ก็คือ เจ้าตัวจะนำไปประพฤติปฏิบัติตามหรือไม่? ถ้าเป็นภาษาตอบของนักปฏิบัติธรรมโดยทั่วไปนั้น ก็จะบอกว่า ก็แล้วแต่บุญกรรมและวาสนาความเพียรในการปฏิบัติธรรมที่เขามี รวมถึงของเก่าบารมีเก่าที่เขาคนนั้นได้เคยสั่งสมไว้ และเหตุผลอื่นๆ อีกมากมายที่ชี้ชัดว่า “ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนโดยแท้” ซึ่งเป็นสัจธรรมความจริงและตัวผมเองก็เห็นแจ้งเช่นนั้นเช่นกัน แต่คำถามที่เกิดต่อมา คือ ถึงแม้บัวนั้นมี 4 เหล่า แบ่งเป็น บัวพ้นน้ำ,บัวปริ่มน้ำ,บัวใต้น้ำ และบัวก้นบึงจมในโคลนตม โปรดสอนยากที่สุด ไม่เชื่อเรื่องบุญกรรมและไม่มีศีลธรรมอันใด ถึงแม้เป็นสัจธรรมความจริงที่เปรียบเปรยไว้ แต่ในอีกมุมมองหนึ่งของจิตผมกลับพิจารณาเห็นถึง ปณิธานของพระมหาโพธิสัตว์ผู้ที่ปรารถนาในพระโพธิญาณปรารถนาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าไม่ว่าทั้งในอดีตที่ผ่านมาและในอนาคตกาลนั้น ย่อมต้องมีปณิธานอันหนึ่งในหลายปณิธานอันแน่วแน่ที่ปรารถนาโปรดสัตว์ประเภทที่โปรดสอนยากที่สุดให้พ้นทุกข์ให้จงได้ และสัตว์ในภพภูมิใดละที่โปรดสอนยากที่สุด คำตอบก็คือ “สัตว์นรก” ที่ได้รับความทุกข์ทรมานอยู่ในนรกภูมิเป็นเนื่องนิจ นั้นเละ ที่โปรดสอนยากที่สุด แต่ผู้เป็นพระโพธิสัตว์นั้นจักทำอย่างไรจึงจักสามารถโปรดสอนสัตว์ที่ยากที่สุดได้ คำตอบที่ผุดขึ้นมาในจิต ก็คือ สติที่กลายเป็นมหาสติ สมาธิที่กลายเป็นมหาสมาธิ และปัญญาที่กลายเป็นมหาปัญญา ที่ได้เคยสั่งสมมาตั้งแต่อดีตจวบจนถึงชาติภพปัจจุบัน ในภาษาทางโลก เราเรียกว่า “ประสบการณ์ชีวิต” ที่ผ่านมาแต่เป็นการรวมเอาประสบการณ์ชีวิตทั้งดีที่เป็นสัมมาทิฐิและไม่ดีที่เป็นมิจฉาทิฏฐิในแต่ละภพชาติเหล่านั้นกลายเป็นบทเรียนบททดสอบจิตใจตนเอง จนจิตใจตนเองค่อยๆ สั่งสมสติ,ค่อยๆ สั่งสมสมาธิ และค่อยๆ สั่งสมปัญญา รวมกลายเป็นจิตบารมีในชาติปัจจุบัน ภาษาในพระพุทธศาสนา เรียกว่า “บารมี 30 ทัศ” ซึ่งมีความอ่อนกลางเข้มของบารมีแบ่งเป็น 3 ระดับ

    โดยประสบการณ์ชีวิตทั้งหลายเหล่านี้ รวมถึงความเพียรในจิตปัจจุบัน จึงเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้จิตได้ถึงพร้อมซึ่งสติ,สมาธิและปัญญาที่ละเอียดลุ่มลึก เป็นเครื่องนำทางและนำพาให้พระโพธิสัตว์สามารถโปรดสัตว์ที่โปรดยากที่สุดเหล่านี้จนสำเร็จลุล่วงพ้นทุกข์ได้ในที่สุด ผลสำเร็จยากง่ายในการโปรดสัตว์จึงเกิดเป็นปิติขึ้นในจิต(ความปิติทำให้จิตเกิดกำลัง) กำลังแห่งปิติจิตนี้ถึงแม้ว่าจิตไม่ยึดมั่นถือมั่นใดๆ ก็ตาม แต่สภาวะธรรมชาติของจิตที่เป็นกระแสพลังงานกระแสธาตุมิติต่างๆ นั้นก็ยังคงเกิดเป็นธรรมดาเป็นธรรมชาติที่เป็นไป ซึ่งสภาวะธรรมชาติที่เข้มข้นรุนแรงชัดเจนแฝงด้วยกระแสเยือกเย็นในจิตบารมีเช่นนี้ที่ทรงอยู่ เหตุเพราะจิตบารมีนี้ผ่านประสบการณ์ชีวิตในแต่ละภพชาติมาอย่างหนักหนาและมากมายจนประมาณไม่ได้ ลักษณะเช่นนี้จึงเป็นอาการของจิตหรือเจตสิกของจิตบารมีแห่งพระมหาโพธิสัตว์โดยแท้

    สรุปความว่า การจักเป็นพระมหาโพธิสัตว์ได้นั้น ต้องสามารถกระทำกิจในสิ่งที่เทพพรหม,พระอรหันต์,พระโพธิสัตว์ และพระปัจเจกพุทธเจ้าโดยทั่วไป กระทำมิได้ จักต้องกระทำในสิ่งที่ทุกชั้นฟ้าทุกภพภูมิเห็นว่า ไม่มีทางเป็นไปได้ให้เป็นไปได้และสำเร็จลุล่วงได้ในที่สุด เป็นปณิธานอันตั้งมั่นแน่วแน่ไม่เป็นอื่น ทั้งหลายเหล่านี้จึงเป็นนิยามโดยย่อ สำหรับผู้ที่ปรารถนาจักเป็นพระมหาโพธิสัตว์นั้นแล สาธุ!
     
  5. kaka krit

    kaka krit Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +96
    ขอบคุณสำหรับคำตอบของคุณ Tjs ที่ทำให้มีกำลังใจ และ ความมั่นใจในการกรวดน้ำต่อไปนะครับ เมื่อช่วงหัวค่ำที่ผ่านมาก็ได้ สวดมนต์ น้อมนำบุญถวายพระรัตนตรัย แล้วนึกเอาบุญมาแผ่กุศลต่อไปนะครับ
    และผมขอขอบคุณ คุณมหาเมตตา ด้วยนะครับ สำหรับข้อความด้านบน อ่านแล้วได้คิดตามไปด้วย
     
  6. น้ำเกลี้ยง

    น้ำเกลี้ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    211
    ค่าพลัง:
    +505
    พี่ก้องสบายดีนะครับ

    ไม่ได้คุยกันนานนะครับพี่ก้อง ช่วงนี้ทำงานก็ติดภาระกิจทางโลกมาก เริ่มสวดมนต์ได้น้อยลง แต่ได้อาศัยเข้ามาอ่านพอหายคิดถึงก็เกิดกำลังใจ ไปปฎิบัติกันต่อไปครับ

    เห็นพี่ก้องพูดถึงกายสิทธก็ทำให้นึกถึงว่าสมัย ตอนเริ่มคิดจะฝึกสมาธิก็นึกถึงกายสิทธก่อนเลย เลยเข้าใจว่ากายสิทธนี้คงมี ความเกี่ยวข้องกับการปฎิบัติธรรม และวิชากสิณ แล้วก็คงมีผู้รักษา อยากให้พี่ก้องขยายความหน่อยครับ
    มี ของสองสามชิ้น ที่สงสัยมานานว่าเป็นอย่างไรบ้างครับ

    1. เป็นพระสมเด็จที่น่าจะทำมาจากพญาไม้งิ้วดำ ไม่ทราบที่มาครับ
    2. ไม้กลายเป็นหิน
    3. แร่ โมลดาไวท์

    ขอบคุณครับพี่ก้อง

    ปล ขอติดตามไปถ้ำบ้างอะไรบ้างนะครับ ถ้ามีโอกาส :D :cool:
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0650.JPG
      IMG_0650.JPG
      ขนาดไฟล์:
      205 KB
      เปิดดู:
      58
    • photo.JPG
      photo.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.4 MB
      เปิดดู:
      43
    • IMG_0596.JPG
      IMG_0596.JPG
      ขนาดไฟล์:
      319 KB
      เปิดดู:
      51
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 ตุลาคม 2015
  7. ros

    ros เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +218
    คุณนำ้เกลี้ยงคะ จะติดต่อดิฉันทางเมล์ได้ไหมคะ ดิฉันส่งข้อความทางส่วนตัวไม่เป็นแต่กำลังพยายามค่ะ ติดต่อดิฉัน 0979384191-0841774303
     
  8. shamankings

    shamankings เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    222
    ค่าพลัง:
    +543
    คุณ ่ืjna ลองทำตามขั้นตอนนี้ก็ได้ครับ ติดขัดตรงไหนสอบถามได้ครับ

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  9. น้ำเกลี้ยง

    น้ำเกลี้ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    211
    ค่าพลัง:
    +505
    พี่ @jna ได้ รับ PM แล้วครับ ^^

    เรียนพี่ก้องเพิ่มเติมครับ

    สงสัยมานานแล้วว่าเจ้าที่ที่บ้านมีท่านใดอยู่บ้างครับ ล่าสุดวันออกพรรษามี คราบงูอยู่ที่หน้าต่าง ... :D

    ขอบพระคุณครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • unnamed.jpg
      unnamed.jpg
      ขนาดไฟล์:
      67.4 KB
      เปิดดู:
      63
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ตุลาคม 2015
  10. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ================

    ความยากไม่ได้อยู่ที่ตัวเขา แต่ความยากคืออยู่ที่ตัวเรา เพราะถ้าเราเป็นคนไม่หนักแน่นต่อการทำความดี ต่อการช่วยเหลือชักจูงผู้อื่น มันก็คงทำความดีตรงนี้ต่อไปไม่ได้ เพราะพอไปเจอคนที่ดื้อรั้นหรือบางคนทำลายจิตใจของเราทำลายกำลังใจของเรา ทำให้เราท้อแท้ ทำให้ไม่อยากช่วยเหลือใคร ตรงนี้เป็นสิ่งที่ควรทำความเข้าใจมองดูที่จิตของตนเองเป็นสำคัญ

    ส่วนการช่วยเหลือผู้อื่น เราก็ทำตามกำลังวาสนาบารมีของเรา และของเขา คือมันลงตัวพอดี มันก็สำเร็จ แต่ถ้าไม่พอดีกันมันก็ต้องใช้เวลามันไม่ง่าย ต้องเข้าใจธรรมชาติ และสาเหตุปัจจัย ที่สุดคือมันก็เป็นไปตามวาสนาบารมีวิบากกรรม ชะตากรรมหนักเบาของแต่ละคนด้วย เวลาช่วยเหลือก็ต้องไม่ประมาทในสิื่งเหล่านี้

    สุดท้ายแล้วเมื่อเราทำหน้าที่ของเราอย่างดีงาม สมควรแก่กำลัง
    ของตนแล้ว ก็ให้ปล่อยวาง อย่าไปยึดติดกับปัญหา กับทุกข์ของผู้อื่น และอย่านำมันเข้ามารบกวนจิตของตนให้ทุกข์ ให้มีสติให้มาก นี่คือวิถีแห่งนักบุญ นักเสียสละ หรือผู้ที่เป็นผู้นำคน ขอให้ตระหนักในสิ่งเหล่านี้ให้ดีครับ

    อุปมาดั่งเรากำลังชำระกายอาบน้ำให้เด็กซนที่เปื้อนสกปรกจากน้ำมันดำที่แปดเปื้อนให้ขาวสะอาด การชำระที่ถูกต้องคือการชำระให้กายเด็กให้ขาวสะอาดได้ โดยที่มือของเรากายใจของเรา ไม่แปดเปื้อนสกปรกไปด้วย ส่วนกายของเด็กผู้นั้นจะชำระให้สะอาดได้มากน้อยย่อมขึ้นอยู่กับวิธีการชำระของเรา วิธีการทำความสะอาดของเรา และยังขึ้นอยู่กับว่าความสกปรกมันเกิดจากคราบอะไรฝังแน่นแค่ไหน มันยากหรือง่าย ปัจจัยที่เกี่ยวข้องนั้นแลก็คือชะตากรรมนั่นนเอง เมื่อเราเข้าใจทั้งหมดย่อม วางตนได้ถูกต้อง พร้อมทั้งสามารถทำหน้าที่ของตนได้ดีงามเกิดประโยชน์สูด ครับสาธุ
     
  11. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ===============

    จากที่ผมได้สื่อกับท่าน ท่านก็ไม่ได้บอกกล่าวอะไรมาก คือท่านเองก็สั่งสมบุญของท่านไว้มากพอสมควร ส่วนลูกหลานจะทำบุญสิ่งใดท่านก็อนุโมทนา ท่านปราถนาเห็นลูกหลานสามัคคีกัน รักใคร่กลมเกลียมกัน ช่วยเหลือกัน และหมั่นสร้างกุศลสร้างบุญสร้างความดี เพียงเท่านี้ครับ สาธุ
     
  12. ros

    ros เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +218
    คุณ ่ืjna ลองทำตามขั้นตอนนี้ก็ได้ครับ ติดขัดตรงไหนสอบถามได้ครับ



    ขอบคุณค่ะที่ช่วยสอนการส่งPM ขอบคุณมากค่ะผู้ที่ให้ความรู้แก่ผู้ไม่รู้นั้นจักเป็นความเมตตาอย่างยิ่งสาธุๆๆ
     
  13. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    พระพุทธเจ้าแบบวิริยาธิกะ ศรัทธาธิกะ สร้างบารมีมามาก16,8 อสงไขยมหากัปป์ กำไรแสนกัลป์ หรือมากกว่านี้ ดังนั้นการตรัสรู้ในพระชาติสุดท้าย ย่อมเพรียบพร้อม สมบูรณ์ แต่ในการประกาศและเผยแผ่พระศาสนาก็มีปัญหาหรือความยากเช่นกันไม่ง่าย ไม่มีอะไรง่าย เพราะคนที่ฉลาดมากบุญมาก ย่อมมีปัญญามาก พระศรี ต้องฉลาดแยบยลกว่า ครับ

    ส่วนพระสมณะเป็นปัญญาธิกะ คือสร้างบารมีไม่มากนัก 4อสงไขยกำไรมหากัปป์ ท่านจึงต้องมาเกิดตรัสรู้ในยุคที่ย่ำแย่ หรือกลียุคก็ว่าได้ ดังนั้น ท่านจึงต้องเผชิญปัญหามากมายใหญ่หลวง บ้านเมืองแบ่งแยกแตกแยกแบ่งชนชั้น ความหลงงมงายก็มีมาก พยามารก็มีมาก อุปสรรคมากเหลือเกิน แต่ด้วยพระปัญญา กรุณา เมตตาต่อสรรพสัตว์ ท่านต้องใช้ปัญญาอย่างมาก เพื่อเอาชนะปัญหาอุปสรรคทุกอย่าง ว่าไปแล้ว ท่านจึงเป็นแบบอย่างของนักต่อสู้ ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษยชาติ ท่านต้องใช้ทั้งพรหมวิหารธรรม อิทธิฤทธิ์ ปราบมาร และปัญญาเอาชนะ ดั่งพระคาถาพาหุง อันเป็นเพียรพระบารมีหลักๆส่วนหนึ่ง ยังไม่รวมอื่นๆอีกมากมาย พระคุณของพระสมณะโคดมจึงมีมากมายเหลือเกินแก่สรรพสัตว์ครับ สาธุ
     
  14. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    1 สมเด็จงิ้วดำ ไม้งิ้วดำเป็นไม้มงคล แก้ไขป้องกัน เสนียดจัญไรของอัปมงคลได้ เกิดโชคลาภ แคล้วคลาดปลอดภัย เป็นไม้ที่มีเทพารักษ์ ดูแลครับ

    2 ไม้กลายเป็นหิน บ้างก็เรียกว่า ฟอสซิลไม้ ด้วยเป็นธาตุที่พิเศษไม่แตกสลาย ผิดธรรมชาติ จึงเป็นสิ่งที่เป็นมงคล ครับ เด่นด้านแคล้วคลาดปลอดภัย คงกระพันครับ

    3 แร่ ต่างๆ ที่เป็นรัตนชาติและกึ่งรัตนชาติ ล้วนเป็นธาตุมงคล มีเทพารักษ์ เด่นด้าน เมตตา เสริมดวง โชคลาภ เรียกทรัพย์เรียกคน สเน่ห์ สามารถป้องกันภูติผีปีศาจได้ อัปมงคลได้ ตลอดจนช่วยรักษากายให้สมดุลไม่เจ็บป่วยครับ
     
  15. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    =============

    ทุกสถานที่ บนโลก หรือแม้แต่ใต้พื้นโลกหรือสูงขึ้นไปยังเทวโลก ที่ใดมีอานาบริเวณ ที่นั่นย่อมมีผู้รักษาดูแล แม้แต่เทวโลก ยมโลก ยังมีผู้ดูแล
    แม้เขาจะต่างศาสนา แต่ว่าด้วยกรรม กฏแห่งกรรมไม่ต่างกัน จิตทั้งหลายปราถนาซึ่งความสุข คือบุญ บุญคือความดีงาม เมื่อเราแผ่ให้เขา เขาย่อมได้รับ จึงไม่แปลกที่เขาจะแสดงตนให้รับรู้ปรากฏครับ
     
  16. buytona

    buytona Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +97
    ขอบคุณอย่างสูง สำหรับคำตอบ สาธุ
     
  17. ณิช

    ณิช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,391
    คุณก้อง รบกวนสอบถามค่ะ บ้านมีสองชั้น หิ้งพระอยู่ชั้นหนึ่งได้หรือเปล่าคะ ถ้าหิ้งพระอยู่ชั้นหนึ่ง เราขึ้นลงชั้นสอง จะเป็นการห้ามท่านหรือไม่ แต่ชั้นสองไม่มีพื้นที่ที่จะติดหิ้งพระได้เลยค่ะ
     
  18. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    =============

    การติดตั้งหิ้งพระ สามารถทำชั้นล่างสุดได้ แบบตึกหลายๆชั้น เขาก็ทำได้ เขาไม่ถือกัน เพราะถือว่าคนจะส่วนกัน แต่ก็มีวิธีแก้ไขที่ดีคือ

    การติดตั้งหิ้งพระ ก็ควรติดตั้งด้านผนัง ด้านใดด้านหนึ่ง ซึ่งก็จะไม่มีการเดินข้ามได้ เพราะอยู่มุมติดผนังนั่นเองครับ ให้เลือก ด้านที่สามารถหันหน้าพระไปทางทิศตะวันออกได้ นะครับจะดีมากครับ
     
  19. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    เมื่อเราเจริญสติ เจริญสมาธิ เมื่อนั้น เราจะพบว่า สรรพสิ่ง ที่เคยเคลื่อนไหว ปรุงแต่งอย่างรวดเร็ว จิตที่เคยวิ่งไปไหลไปช่างรวดเร็ว ตามไล่ไม่ทัน นั้นจะมีสภาวะที่เปลี่ยนไปคือ

    1 สภาวะสติตามรู้เท่าทัน คือสติทำงานได้รวดเร็วคล่องแคล่วขึ้น เมื่อสติเกิดต่อเนื่องชำนาญ สติย่อมทำหน้าที่ ตามกำลังของสมาธิ สามารถข่มจิตหรือตามรู้การทำงานของจิต อุปมาเหมือนราชสีห์ที่วิ่งตามไล่จับม้า ม้าแม้จะวิ่งเร็วสักปานใด ก็ไม่สามารถเอาชนะราชสีห์ที่ทรงพลังและฝึกมาดี เมื่อสติทรงพลัง ย่อมตามจิตได้ทัน เมื่อตามได้ทัน จึงรู้ทันการทำงานของจิตได้เอง สภาพที่จิตเคยส่ายไปมารวดเร็วแบบลิง ก็จะเชื่องช้าลงช้าลง เพราะสตินี่เองที่วิ่งเร็วกว่าและมีพลังควบคุมกำกับดูแลจิต เมื่อจิตวิ่งช้าลง เมื่อนั้น สติก็ยิ่งมีกำลังมากในการปราบพยศของจิต นั่นเอง

    2 สภาวะสติและจิตเดินไปด้วยกันหรือไปพร้อมกันไม่ห่างกันไม่ทิ้งกัน แกไปไหน ฉันไปด้วย เป็นต้น จากที่เคยเกิดแบบรวดเร็วค่อยๆลดลงช้าลง เป็นสภาวะที่เมื่อสติและสมาธิมีพลังอำนาจมากเทียบเท่า กำลังจิตที่ทะยานออกไป เมื่อสติมีกำลังเทียบเท่า รู้ทันการทำงานของจิตตามได้ทันทุกขณะจิต เมื่อนั้นจิตย่อมเกิดความสังวรณ์ และเกิดรู้ในรู้คือรู้เท่าทันจิตตน รู้ว่าตนกำลังทำอะไร รู้ว่าจิตคือตัวเองกำลังปรุงแต่งหรือไม่ปรุงแต่งอะไรอย่างไร ความรู้เท่าทันตรงนี้เอง ทำให้จิตเริ่มเกิดสังวรณ์ระวังสำรวมมากขึ้น เมื่อนั้น การทำงานของจิตจึงช้าลง ไม่ผลีผลามรวดเร็วเหมือนเมื่อก่อน สติยิ่งทรงพลังมากขึ้นเท่าไหร่ จิตใจที่ชอบไหลชอบปรุงแต่งก็อ่อนกำลังลงเท่านั้น

    3สภาวะแห่งการหยุดนิ่งสงบนิ่ง เมื่อเราอบรมจิตในลำดับละเอียดลงไปอีกจะพบว่า เมื่อนั้น สติที่ก้าวหน้าทรงพลัง เกิดจิตสังวรณ์ จิตสังวรณ์ที่มีความสำรวมระวังนี้ ส่งผลให้กายสังวรณ์ หรือเกิดเป็นอินทรีย์สังวรณ์ตามมา เกิดความสำรวมระวัง ทั้ง กายใจ เมื่อนั้นจิตจึงทำงานช้าลง การปรุงแต่งต่างๆก็ช้าลง จนที่สุดคือไม่หลงสงบนิ่ง เพราะกำลังของสติไปข่มทับเอาไว้ เกิดเป็นสติในสมาธิระดับฌาณ ตัดข่มกาย เวทนา นิวรณ์5ได้ สภาวะนี้ เหมือนเราไม่หายใจไม่รับรู้ทางกายหรือรูปธรรม รับรู้แค่นามธรรมภายในคือจิตที่เสวยอารมณ์สงบนิ่งเอกคตาจิตเท่านั้น เป็นสภาวะที่จิตทรงฌาณ แม้เราทำงาน ก็สักแต่ว่าทำไป กำลังสติและสมาธิ ตามควบคุมต่อเนื่องไปเป็นปรกติ

    4 สภาวะของความหลุดพ้นปล่อยวางดับลงอย่างสิ้นเชิง เป็นสภาวะที่การทำงานของสติ ที่มีตัวปัญญาคือความรอบรู้จริง เข้ามาเป็นนายควบคุมจิต มีกำลังมากเอาชนะจิต ที่เป็นตัวรู้ที่ชอบรับชอบหลงไหลไปตามอำนาจการปรุงแต่ง เมื่อสติปัญญาร่วมกันเป็นนายควบคุมจิต ใหม่ๆแรกๆนั้น จิตจะเกิดการยอมรับเข้าใจ ปล่อยวางตัดขาดลงได้ และปรากฏสุขเกิดขึ้น แต่เมื่อสติปัญญาได้ทำหน้าที่ต่อเนื่องสมบูรณ์ จิตจะพบกับอิสระภาพ คือความหลุดพ้นไม่ข้องแวะโดยสิ้นเชิง เพราะเข้าใจรู้จริง รู้แจ้งทั้งในเบื้องต้น ของความหลุดพ้น ท่ามกลาง และปั้นปลายของความหลุดพ้น ว่าผลที่ได้รับย่อมให้ผลคือว่างเปล่า เป็นกลางๆเป็นธรรมดาอย่างนี้ ไม่เป็นอื่น นั่นเองครับ สาธุ


    ดังนั้น สติปัญญาที่ฝึกมาดีย่อมเป็นนายของใจที่ดี ที่นำสุขและความหลุดพ้นทุกข์มาให้ใจ ได้จริงเสมอครับ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 พฤศจิกายน 2015
  20. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    สติปัญญาที่ฝึกมาดีย่อมเป็นนายของใจที่ดี ที่นำสุขและความหลุดพ้นทุกข์มาให้ใจ ได้จริงเสมอ

    ดังนั้น การรู้เท่าทันจิตใจ จึงเป็นสิ่งสำคัญ ที่ต้องทำให้ได้ ทำให้เกิดทำให้เป็น
    อุปมาเหมือนเรา จะรู้เท่าทันจิตใจตน ย่อมต้องอาศัยเครื่องมือ คือกระจก ส่องดูจิตของตน

    กระจกที่ดี เปรียบได้กับสติปัญญาที่อบรมมาดี ถ้ากระจกไม่ดี มัวหมอง หรือแตกร้าว หรือใช้กระจกส่องส่งผิดที่ผิดเวลา มันก็ดูอะไรไม่ได้ ดูจิตไม่ได้ เมื่อใช้ประโยชน์ไม่ได้ การชำระจิตก็ไม่เกิดผล
    กระจกส่องจิตก็อุปมาเหมือนสติปัญญาส่องจิตใจเรา ดังนั้น สติปัญญาที่ดีที่เกิดประโยชน์ ก็ต้องรู้จักฝึกฝนรู้ว่าควรใช้ประโยชน์หรือใช้งานอย่างไร ใช้ให้เป็นเมื่อเราฝึกฝนชำนาญแล้ว ผลหรือประโยชน์ที่ได้รับก็คุ้มค่าครับ สาธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...