ใครฝึกกสินน้ำ

การฝึกกรรมฐานทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสมถ หรือ วิปัสสนากรรมฐานนั้น ควรจะมีครูอาจารย์ ผู้รู้จริงเป็นผู้สอน และบอกแนวทางต่างๆอย่างชัดเจน เป็นขั้นเป็นตอน ไม่ควรที่จะฝึกเรียนด้วยตนเอง อันจะทำให้เกิดความผิดพลาด เรียนแบบผิดๆถูก และอาจทำให้หลงโลก หลงทาง ได้ง่าย

ผู้ที่จะเรียนกสิณได้สำเร็จนั้น ต้องเป็นผู้ที่ได้เคยฝึกมาเป็นอย่างดีแล้ว ในอดีตชาติ หรือเป็นผู้ที่มีจิตอันมั่นคง เป็นสมาธิแนบแน่น ข้าพเจ้าได้เรียนกสิณกับสำนักปฏิบัติกรรมฐานวัดราชสิทธาราม (พลับ) คณะ ๕ ซึ่งเป็นการปฏิบัติกรรมฐานตามลำดับ ผู้ที่จะเรียนกสิณได้นั้นต้องผ่านการเรียนกายคตาสติกรรมฐาน (พิจารณา อาการ ๓๒) ก่อน จึงจะเรียนกสิณทั้งสิบอย่างได้ เพราะการเจริญกายคตาสติกรรมฐาน อาการ ๓๒ นั้น ผู้เรียนจะต้องเรียนรู้ถึงลักษณธของอาการต่างๆตามเป็นจริง เช่น เป็นสีอะไรบ้าง เป็นธาตุอะไรบ้างตามเป็นจริง เมื่อผ่านการเรียนรู้อาการทั้ง ๓๒ แล้ว จึงค่อยเรียนกสิณทั้ง ๑๐ อย่าง
<O</O
การฝึกกสิณนั้นเป็นการฝึกจิตให้มีพลัง เกิดสมาธิที่แนบแน่นมั่นคง ให้จิตมีพลานุภาพมากยิ่งๆขึ้นไป เป็นรากฐานของการเจริญวิปัสสนาต่อไป
<O</O
ส่วนการได้อภิญญาต่างๆนั้น บุคคลผู้นั้นต้องผ่านการเจริญอาการ ๓๒ ทั้งหมดก่อน เสร็จแล้วเจริญกสิณทั้งสิบให้ชำนาญ แล้วก็เจริญฌานต่างๆ ตั้งแต่ ปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌาน ไปจนถึงอรูปฌานต่างๆ (อากาสานัญจายตนฌาน อากิญญจัญญายตนฌาน วิญญานัญจายตนฌาน และเนวสัญญานาสัญญายตนฌาน) รวมเป็นสมาบัติ ๘ และมีสัญญาเวทยิตนิโรธเป็นที่สุด (๑ ในล้านคนจึงจะทำได้) สมาบัติ ๘ เป็นพื้นฐานของอภิญญาญาณต่างๆ
<O</O
และการเกิดอภิญญาต่างๆนั้น ไม่ว่าจะเป็น อิทธิวิธญาณ มโนมยิทธิ ตาทิพย์ หูทิพย์ การกำหนดรู้จิตใจสัตว์ต่างๆได้ เป็นต้นนั้น ต้องอาศัยปัญญาประกอบด้วย จึงจะสำเร็จได้ ไม่ใช่ว่า เรียนกสิณอย่างเดียวจะได้อภิญญาเลย
<O</O
ต้องฝึกสมาบัติ ๘ ให้ชำนาญ ด้วยกสิณต่างๆ สลับไปมา กับ อรูปฌานต่างๆ จนสามารถที่จะบังคับจิตได้ตามประสงค์ อภิญญาญาณจึงจะสำเร็จได้ และพร้อมกันนั้นจะต้องเจริญปัญญาไปด้วย จึงจะสำเร็จประโยชน์ได้สูงสุด
<O</O
ในสมัยปัจจุบันนี้ ผู้ที่จะได้สมาบัติ ๘ จริงๆนั้น หลวงพ่อวีระ ฐานะวีโร วัดราชสิทธาราม (พลับ) ท่านบอกว่า ๑ ใน หมื่นคน ส่วนอภิญญาญาณนั้น ๑ ใน แสนคน และบุคคลเหล่านั้นเป็นผู้ที่มีบารมีสั่งสมมาด้านนี้โดยเฉพาะจึงจะสำเร็จได้ง่ายในชาตินี้ และผู้ที่ได้สมาบัติ ๘ และอภิญญาจะไม่แสดงตนเอง

 

แนวปฏิบัติของแต่ละคนดีๆทั้งนั้นคับ ยิ่งพูดมากฝุ่นยิ่งจับคับ
ปฏิบัติเลยดีก่า พระพุทธองค์ยังบอกเลย เราทำได้แค่ชี้ทางส่วนจะเดินไม่เดิน ถึงไม่ถึง เป็นหน้าที่ของท่านต้องเพียรกระทำเอง มัวเถียงกันทามมายเรื่องอะจินไตคาบ คนโน้นก็ดี คนนี้ก็น่าคิดคับแต่ผมว่านะ เราพิสูจเองกีกว่าคับ เมื่อถึงที่สุดแล้วเราก็รู้เอง มันเป็นปัจจัตตังนะ ใครทำใครรู้เราไม่เน้นทฤษฏีคับ เอาปฏิบัติ ดีชั่วให้มันรู้ไป อันนี้แปลตามความเข้าใจส่วนตัวน้าคาบ.. พูดผิดไปขอขอโหสิน้าคาบ หนึ่งใจดังกระจกใสเฝ้าคอยเช็ดมิเว้นวายมิให้ธุลีคอยจับต้อง อีกหนึ่งใจใร้กระจกไร้ธุลี (จะวุ่นวายไปทำไม)

 

อนุโมทนา จ้า...นานๆ จะได้เจอคนรู้ซะที
อัตตนา โจติยัตตา นัง
จงกล่าวโทษ โจทก์ความเลวของตนเสมอ

 

1. ฟังคำสอนของหลวงพ่อฤาษีฯ เรื่องกสิณ 10 ในเทปหรือ CDจะเข้าใจทั้งหมด และพ้นข้อหาว่าผู้สอนอวดอุตริฯ
2. อ่านวิสุทธิมรรค หรือ พระไตรปิฏก หมวด กรรมฐาน 40 ปฏิบัติเองตามนั้น จะเห็นผลด้านสมถะเกิดขึ้นก่อน หากขึ้นถึง ฉฬภิญโญ หรือลงอัปปนา ถอยมาที่ ปิติเต็มกำลัง อธิษฐานดูจะเห็นผลด้านอื่นตามมา
3. คนปฏิบัติได้เขาไม่พูดหรอก แต่อย่าไปปรมาสเขาก็แล้วกันอันตรายกว่างูเห่าอีก

 

มาอีกรายแล้ว อะไรก็ปรมาส อะไรก็ปรมาส ข้าพเจ้าบอกแล้ว ไม่อยากขัดศรัทธา เลยได้แต่แหย่เล่น คุณอย่าทำเป็นอวดรู้อวดฉลาดอยู่เลย คุณเองปฏิบัติได้หรือ
คุณเอา หลวงพ่อนั่น หลวงพ่อโน้นมาอ้างถึง พวกคุณรู้ไหม รู้ไม่จริงสักราย อวดอุตริทั้งนั้น แหละ นี้ไม่ได้ ดูหมิ่น ดูถูกใครนะ บอกแล้วว่า ไม่อยากขัดศรัทธา
กรรมฐาน 40 กอง รึ ภาษาบาลีรึ
พวกคุณไม่รู้ ดอกว่าของจริงไม่มีดอกคุณ ที่คุณรู้มานะมันของปลอม

 

คำเตือน ห้ามต่อว่า ท้วงติง แสดงความคิดเห็นใดๆ ทั้งสิ้น เพราะท่านผู้นี้เป็นผู้มีภูมิสูง มีฤทธิ์มาก ท่านแปลงร่างได้ ๓ เวลา หลังอาหาร

 

แปลงร่างเป็นภาษีอานน่ะสิไม่ว่า 5555+

แล้วก็มีเขาควายงอกออกมาจากหัว เห่าบ๊อกๆ 55555555555555555555+

 

นับถือความพยายามเจ้าของกระทู้ฝึกต่อไปครับ

 

กรรมฐานกสิณใดๆก็ตามไม่มีอันตรายหรอกครับ ถ้าเดินสายกลางไม่มากไม่น้อย และปฏิบัติอย่างถูกต้องตามคำสอนของพระพุทธองค์ผู้เป็นครู

และกสิณถือว่าเป็นกรรมฐานหยาบผู้ที่ไม่เป็นถือว่าง่ายที่สุด ใช้เพื่อให้เข้าถึงฌาน เข้าถึงฌานเพื่อเกิดความรู้ และเพื่อรู้ความเป็นไปของโลกนี้ว่ามันสุขหรือทุกข์น่ะจริงหรือ

**่กสิณไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อสร้างอิทธิฤิทธิ์ต่างๆ แต่ไว้ปฏิบัติเพื่อให้ได้ฌานและเพื่อปฏิบัติต่อไปให้ได้อภิญญา จะได้รู้ในสิ่งที่ถูกต้อง รู้ในสิ่งที่ควรจะรู้ รู้เพื่อสร้างความดี ก็ควรที่จะศึกษาไว้

 

คนยังงี้อะหรอ ปฏิบัติธรรม
วางก้ามขวางโลก ใช้อารมณ์โมโหโทสะระบายบนคีย์บอร์ดใหญ่เลยวุ้ย
ที่คุณบอกว่าคุณรุ้จิง อย่างอื่นมันไม่จิงอะ คุณรู้จากไหนหรอคับ หรือคุณตรัสรู้เอาเอง

 

โอ้ข้อมูลหน้าสนใจ

 

แยกยังไงครับ งง ใช้จิตแยกก่อนแล้วใช้จิตเห็นหรือตาเนื้อเห็นด้วยครับ

 

อยากฝึกเช่นกันครับ แต่ยังไม่เริ่มขอเริ่มกสิน ไฟก่อนครับ

 

โอ๊ย! ผมอ่านมาตั้งแต่ต้นจนจบแล้วสรุปแล้งยังไม่รู้เรื่องเลยครับ เอาเป็นว่า ดาบมีสองคมนะครับ เหรียญมีสองด้าน จงเลือกเอาครับ พี่น้อง อย่าทะเลาะกันเลย ยังงัยซะก็ผลการปฏิบัติสุดท้ายก็จุดมุ่งหมายที่เดียวคือ นิพพาน ผมขออนุโทนาบุญกับทุกคน ด้วยนะคับ สาธุ

 

กสิณน้ำน้อยๆ ค่อยๆไหลริน

 

พระที่ได้กสินแล้วรักษาอยู่หายากครับ โดยเฉพาะถ้าดัง รับแขกมาก ถ้าไม่ใช่พระอริยะแต่ถ้าประกอบด้วยวิชา มีหลายองค์ครับที่สอน แต่ขึ้นอยู่กับลูกศิษย์ด้วย ครับ

 

คนเยอะดีแหะ ใครฝึกกสินอาไรบ้างขอเรียนเชิญทางนี้หน่อยคับ
ใครฝึกกสินกองไหนบ้างครับ ไว้แลกเปลี่ยนประสบการณ์และช่วยกันแนะนำกันนะคับ

 

การฝึกกสิณนั้น ขอให้แค่เรามีความตั้งใจจริง ไม่มีคำว่าไม่ได้

การฝึกกสิณนั้น ขอให้แค่เรามีความตั้งใจจริง ไม่มีคำว่าไม่ได้ หรือ ไม่สำเร็จครับ ที่เขาบอกว่า ต้องมีบุญเก่าบารมีเก่าที่เคยฝึกมานั้น เราไม่สามารถรู้ได้หรอกว่าเรา เคยฝึกมาหรือยังในอดิตชาติ เพราะฉะนั้นอย่าไปวิตก หรือ คิดว่า
เราคงฝึกไม่สำเร็จหรอก มันจะทำให้เราเสียกำลังใจ เราควรคิดว่า เราจะตั้งใจฝึกอย่างเต็มที่ และ มีความเพียรสม่ำเสมอ รับรองว่าได้แน่นอนในชาตินี้

ไม่มีใครเป็นมาแต่เกิดหรอก ทุกอย่างย่อมมีการเริ่มต้นเสมอ ถ้าเราเริ่มวันนี้
ก็จะสำเร็จในไม่นานมาก ขอแค่มีความเพียรจริง และศึกษากรรมฐานกองนั้น
ให้ละเอียด และฟังคำสอนจากพระอาจารย์ ที่มีประสบณ์การตรง ตัวอย่างเช่น
ผม ฟังคำสอนของ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ฟังทุกวัน จนจะท่องได้แล้ว และก็รู้วิธี
ปฏิบัติอย่างละเอียด และ ก็ปฏิบัติเอง และก็รู้สึกว่าจะไปได้ดีด้วยนะ

ผู้ปฏิบัติย่อมรู้ได้ด้วยตัวเอง อย่าไปฟังคนอื่นมากเกินไป ที่มีแต่วิจารย์อย่างเดียว ให้ลงมือทำเลยครับ

ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งสิ้น แม้แต่ความตาย หรือ กลัวเห็นผี ฯลฯ
ถ้ามัวแต่กลัวก็ไม่มีทางได้สำเร็จ

ผมได้ฟังมาจากคำสอนของ หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ท่านบอกว่า
ถ้าเรากลัวอะไร ต้องเข้าหาสิ่งนั้น แล้วความกลัวมันจะหายไปเอง

--------------------------------------------------------------
ผมก็เลยจำคำสอนนี้ ตอนนี้ผมก็คิดแบบนี้แล้ว ถ้าเรากลัว ต่อไปเราก็จะกลัว
ตลอดจนถึงวันตาย ไม่มีทางชนะมันได้ ต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดเลย
เป็นไงเป็นกัน ถ้าเราได้พบ หรือเคยมีประสบร์การมาแล้ว ใจเรามันก็จะ
แขงแกร่งขึ้น และหายกลัว

ปฎิบัติธรรมแล้วตาย นี่ก็ถือว่าไม่เสียชาติเกิด ถือว่าเป็นกุศล ถือว่าตายแบบ
มีสติ เป็นสวรรค์สมบัติแน่นอน

 

การฝึกกสิณ

การฝึกกสิณเป็นอุบายสมาธิที่ตัดอุปทานจิตให้สมาธิเพ่งอยู่เพียงสิ่งๆเดียว ซึ่งเป็นการรวมจิตให้เป็นหนึ่งนำมาด้วยฤทธิ์แต่ไม่ได้ปัญญาและเข้าถึงกระแสพระนิพพานไม่ได้ แต่หากใช้กสิณผสมวิปัสสนาจะนำมาด้วยฤทธิ์บวกปัญญาและเข้าถึงกระแสพระนิพพานได้โดยธรรม ภพชาติจะสิ้นสุดลง เมื่อเข้าใจถึงแก่นแท้ของทุกสรรพสิ่ง ตั้งมั่นในศีลห้าอันเป็นธรรมเบื้องต้นที่สำคัญยิ่ง เจริญวิปัสสนาอันเป็นธรรมเบื้องสูง รักษาศีล ให้ทานและเจริญภาวนา แล้วคุณจะปิดตายอบายภูมิ ๔ เข้าถึงกระแสพระนิพพานเป็นพุทธบุตรขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าต่อไป จากลูกศิษย์ของพระอาจารย์วิหกขาว
หากท่านใดมีปัญหาเรื่องการปฏิบัติธรรมต่างๆ การฝึกสมาธิแต่ละสายส่งคำถามมาได้ที่ phoobokthang@hotmail.comโดยจะสงวนสิทธิ์การตอบดังนี้
๑. ตอบในเดียว คืออยากรู้เรื่องทั่วๆไปในส่วนต่างๆ
๒. ตอบแบบแยกตอบ คือปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติสมาธิ
๓. ตอบแบบย้อนถาม คือไม่เข้าใจว่าต้องการอะไร
๔. งดตอบ คือเรื่องเกี่ยวข้องกับผู้เขียน บุคคล สถานที่
หรือหากท่านใดต้องการศึกษาเว๊บไซต์ของพระอาจารย์วิหกขาวก็เชิญได้ที่นี่ครับ
www.phoobokthang.blogspot.com มีคำตอบให้คุณทุกๆเรื่อง
ปล. หากมีสิ่งใดที่ท่านทั้งหลายคิดว่าเป็นการเบียดเบียนต่อท่านไม่ว่าจะเป็นทางกาย วาจาและใจ ผมก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ

 

กสินนํ้า

ในนามแห่งบุตรพระศาสดาขอตอบบ้างเพื่อแก้ปัญหา กรรมฐาน ๔๐ อย่างนั้นแล้วแต่จริตของบุคคลแตกต่างกันไป กสินนํ้ามีใว้ดับอารมร้อนนํ้าย่อมดับไฟฉันใดกสินนํ้าช่วยลดโทสะจริตทำให้ใจเย็นลงฉันนั้นกสินนั้นมีประโยนช์ช่วยในแต่ละด้าน ดิน ช่วยให้จิตหนักแน่นมันคง นํ้าช่วยลดโทสะ ลมช่วยว่องใวกระฉับกระเฉง ไฟช่วยรักษาคือความร้อน กสินคือ เพ่งเพื่อให้จิตตั้งมั่นจิตที่ยังประกอบด้วย นิวรณ์๕ คือความเศร้าหมองย่อมบรรลุอะไรไม่ใด้ จริตของบุคคลแตกต่างกันไป พุทธบุตรจึงมีหลายแบบ วิชชา๓ อภิญา๖ สมาบัติ๘ แต่ก็ล้วนเคารพกันและกันพูดกันด้วยปัญญาสรรเสริญในคุณธรรมที่ปฏิบัติแตกต่างกันไป แต่ท่านล้วนเป็นผู้ปฏิบัติจริง หากพุทธศาสนามีผู้ปฏิบัติอยู่จึงมีอายุยาวนาน แต่สาเหตุแห่งพระวินัยข้อหนึ่งคือ ห้ามพุทธบุตรแสดงฤิทธ์ จึงไม่มีให้เห็นและเว้นไว้เฉพาะศิษย์เท่านั้นจึงอยู่ในวงจำกัด พิจารณาด้วยเหตุผลพระอาจารย์เก่งๆหลายท่านล้วนทำได้ การหมิ่นแคลนกันมิใช่วิสัยแห่งปราชฌ์แต่ละท่านก็มีจริตที่แตกต่างกันไป แต่ก็ล้วนเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ และท่านทั้งหลายล้วนเป็นผู้น่ายกย่องเพราะเป็นผู้ปฏิบัติและเป็ํนกำลังสำคัญในการแผยแผ่พระศาสนาและสิ่งที่สมควรทำ คือช่วยผู้คนการเบียดเบียนกันเป็นทุกข์ในโลกยิ่่งเบียดเบียนยิ่งทุกข์การไม่เบียดเบียนเป็นสุขในโลก สาธุ