ตลิ่งจะพัง แผ่นดินถิ่นอธรรมจะถล่มเป็นทะเล

อิสราเอล-ปาเลสไตน์เดือด ปะทะกันรายวัน ตายเกิน 30 ศพ​

​

ความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์เพิ่มสูงขึ้น หลังเกิดเหตุปะทะกันระหว่างทั้ง 2 ฝ่ายหลายครั้งนับตั้งแต่เข้าสู่เดือนต.ค. ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวมมากกว่า 30 คนแล้ว...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์เพิ่มสูงขึ้นไปอีกในวันศุกร์ หลังจากมีกลุ่มผู้ก่อจลาจลในเขตเวสต์แบงก์ ใช้ระเบิดเพลิงโจมตีสุสานของโจเซฟในเมืองนาบลัส ซึ่งชาวยิวนับถืออย่างมาก จนได้รับความเสียหายอย่างหนัก ด้านประธานาธิบดี มาห์มูด อับบาส ออกมาประณามการวางเพลิงในครั้งนี้

ขณะเดียวกันก็เกิดเหตุชายชาวปาเลสไตน์ปลอมตัวเป็นนักข่าวลอบแทงทหารอิสราเอลในเมืองฮีบรอน ซึ่งอยู่ในเขตเวสต์แบงก์เช่นกันจนได้รับบาดเจ็บ ส่วนมือมีดถูกทหารยิงเสียชีวิต

ทหารอิสราเอลยิงแก๊ซน้ำตาระหว่างการปะกะกับผู้ประท้วงชาวปาเลสไตน์ใกล้เมืองรามัลเลาะห์ ในเขตเวสต์ แบงก์ เมื่อวันศุกร์ (ภาพ: AP)
ทั้ง 2 เหตุการร์เกิดขึ้นในขณะที่กองกำลังความมั่นคงอิสราเอลดำเนินการขยายด่านตรวจของพวกเขาทั่วฝั่งตะวันออกของกรุงเยรูซาเลม ตัดขาดเส้นทางเชื่อมระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ หลังจากเกิดเหตุความรุนแรงระหว่างทั้ง 2 ฝ่ายมานานกว่า 2 สัปดาห์แล้ว โดยชาวอิสราเอลเสียชีวิต 7 รายและบาดเจ็บอีกหลายสิบคนในเหตุโจมตีด้วยมีดและอาวุธปืน ขณะที่มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตอย่างน้อย 30 คนเสียชีวิต บางส่วนเป็นมือมีด อีกส่วนเสียชีวิตในการปะทะกันเจ้าหน้าที่ความมั่นคงอิสราเอล

ทั้งนี้ เหตุความรุนแรงระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์มีชนวนเหตุมาจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งในกรุงเยรูซาเลม ซึ่งได้รับการบูชาจากทั้งชาวยิวและชาวมุสลิม โดยเมื่อเดือนก่อน เกิดข่าวลือว่าอิสราเอลจะผ่อนคลายกฎที่บังคับใช้มานาน เพื่อเพิ่มสิทธิ์ให้ชาวยิวในการใช้สถานที่แห่งนี้ ทำให้ความตึงเครียดระหว่างทั้ง 2 ฝ่ายเพิ่มถึงขีดสุด

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 17 ต.ค. 2558

ระเบิดฆ่าตัวตายหลายระลอกในภาคเหนือไนจีเรีย ดับ 34 ศพ​

​

เกิดเหตุระเบิดหลายระลอกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไนจีเรีย เมื่อคืนวันพฤหัสบดี เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 34 ราย...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน อ้างการเปิดเผยของ โมฮัมเหม็ด คานาร์ เจ้าหน้าที่ของสำนักงานจัดการสถานการณ์ฉุกเฉินแห่งชาติไนจีเรีย (เอ็นอีเอ็มเอ) ว่า เมื่อคืนวันพฤหัสบดีเกิดระเบิด 2 ครั้งที่มันสยิดในเมืองมูลาอี ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 30 ราย โดยมือระเบิดเล็ดลอดเข้าไปในมัสยิดโดยปลอมตัวเป็นผู้ที่มาทำพิธีละหมาดก่อนจุดระเบิด จากนั้นเมื่อเจ้าหน้าที่กู้ภัยมายังที่เกิดเหตุและผู้คนเริ่มมามุงดู คนร้ายรายที่ 2 ก็จุดระเบิดทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีกจำนวนมาก

ต่อมาในช่วงเช้ามืดวันศุกร์ มือระเบิดฆ่าตัวตายหญิง 3 คนจุดระเบิดในมัสยิดในหมุ่บ้านอุมารารี ใกล้เมืองไมดูกูรี ทำให้มีผู้เสียชีวิตอีก 4 ราย อย่างไรก็ตาม ประชาชนท้องถิ่นออกมาแย้งว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากทั้ง 2 เหตุการณ์มีมากกว่า 60 คน

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 17 ต.ค. 2558

'อีโบลา'ยังอยู่ พบผู้ป่วยใหม่ในกินีอีก 2 ราย​

​

องค์การอนามัยโลกเผย พบผู้ติดเชื้ออีโบลารายใหม่อีก 2 รายในประเทศกินี ขณะที่ผลการศึกษาใหม่พบว่า อีโบลาสามารถแฝงตัวอยู่ในตัวผู้ป่วยได้นานกว่าที่คิด...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อวันศุกร์ (16 ต.ค.) องค์การอนามัยโลก (WHO) เผยว่าพบผู้ป่วยจากการติดเชื้อไวรัส 'อีโบลา' 2 รายในประเทศกินี ดับความหวังว่าการระบาดของไวรัสมรณะชนิดนี้ในแอฟริกาตะวันตกอาจยุติลงแล้ว หลังจากไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เลยมานาน 2 สัปดาห์

เจ้าหน้าที่ของกินีเผยว่า ผู้ป่วยรายหนึ่งอยู่ที่เมืองฟอเรการิยาห์ ทางตะวันตกของประเทศ แต่ได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลแล้วเมื่อวันศุกร์ ส่วนผู้ป่วยอีกรายเป็นชายวัย 21 ปี กำลังรักษาตัวอยู่ที่ศูนย์พยาบาลนองโก ในเมืองโกนาครี โดยผู้ป่วยรายนี้ไม่มีประวัติว่าเคยสัมผัสกับผู้ติดเชื้ออีโบลาที่ได้รับการลงทะเบียนแล้วมาก่อน

ทั้งนี้ ก่อนจะพบผู้ป่วยรายล่าสุด กินีต้องรออีกเพียงไม่ก็สัปดาห์เท่านั้นก็จะได้รับการประกาศเป็นประเทศปลอดอีโบลา เช่นเดียวกับไลบีเรีย ซึ่งไม่พบผู้ป่วยรายใหม่นานกว่า 42 วัน หรือ 2 เท่าของระยะฟังตัวของเชื้อร้ายชนิดนี้ ที่คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วถึง 11,000 ราย นับตั้งแต่ระบาดครั้งใหญ่ในปี 2014

อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษาใหม่ที่ประกาศในเดือนนี้ชี้ว่ามีความเป็นที่เชื้ออีโบลา อาจหลบซ่อนอยู่ในส่วนต่างๆของร่างกายมนุษย์ เนื่องจากพบว่าน้ำอสุจิของผู้รอดชีวิตสามารถเป็นที่อยู่ให้กับเชื้ออีโบลาได้นานถึง 9 เดือน ขณะที่ก่อนหน้านี้ก็เคยมีการพบเชื้ออีโบลาในของเหลวในตาของผู้ป่วยด้วย

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดว่าเชื้ออีโบลาอาจซ่อนอยู่ในร่างกายแม้ปลอดเชื้อในกระแสเลือดแล้ว คือกรณีของน.ส. พอลีน คาฟเฟอร์คีย์ พยาบานหญิงชาวสหราชอาณาจักร ผู้เคยติดเชื้ออีโบลาจากประเทศเซียร์ราลีโอนแต่หายดีเมื่อเดือนม.ค. และเมื่อสัปดาห์ก่อนเธอล้มป่วยอาการอยู่ในขั้นวิกฤติ ซึ่งแพทย์ตรวจพบเชื้ออีโบลาในตัวเธออีกครั้ง

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 17 ต.ค. 2558

สกัดมะกันเข้ามาจุ้น! จีนเสนออาเซียนร่วมซ้อมรบในทะเลจีนใต้กันดีกว่า​

​

รมว.กลาโหมจีน ยื่นข้อเสนอต่อบรรดา รมว.กลาโหม อาเซียน จับมือร่วมซ้อมรบทางทะเล ในทะเลจีนใต้ ปีหน้า ชี้เป็นหนึ่งในวิถีทางแก้ปัญหาข้อพิพาทแย่งชิงหมู่เกาะสแปรตลีย์ และควบคุมความเสี่ยงจากการเผชิญหน้าในทะเลจีนใต้

เมื่อ 16 ต.ค. 58 สำนักข่าว บีบีซี รายงาน พล.อ.ฉาง ว่านฉวน รมว.กลาโหม จีน ยื่นข้อเสนอต่อบรรดา รมว.กลาโหม ของ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ร่วมซ้อมรบทางทะเลในทะเลจีนใต้ รวมทั้งร่วมฝึกซ้อมรับมือช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ ในปีหน้า พ.ศ. 2559 ขณะที่ บรรดารมว.ต่างประเทศอาเซียน เดินทางมาร่วมประชุมอย่างไม่เป็นทางการที่กรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่าง 15-16 ต.ค. 58

ขณะที่ กระทรวงกลาโหมจีน ออกแถลงการณ์เมื่อวันศุกร์ที่ 16 ต.ค. ว่า การฝึกซ้อมรบทางทะเลเป็นหนทางหนึ่งของความสำเร็จ ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อร่วมกันแก้ปัญหาในทะเลจีนใต้ และควบคุมความเสี่ยง

บีบีซี ชี้ว่า ข้อเสนอดังกล่าวของรัฐบาลจีนมีขึ้น หลังจากทางการสหรัฐฯ เพิ่งประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า สหรัฐฯ กำลังพิจารณาส่งเรือรบมาในน่านน้ำทะเลจีนใต้ ที่จีนอ้างกรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของ ทั้งนี้ จีน ได้เกิดข้อพิพาทแย่งชิงกรรมสิทธิ์บริเวณหมู่เกาะสแปรตลีย์ ในทะเลจีนใต้ กับเวียดนาม และฟิลิปปินส์ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จนสร้างความตึงเครียดให้แก่ประเทศเพื่อนบ้าน

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 16 ต.ค. 2558

ที่มา ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

18-21 ต.ค. ภาคใต้ระวังฝนตกหนัก เหนือ-อีสาน อุณหภูมิลดลง​

​

ไทยตอนบนอุณหภูมิสูงขึ้น ภาคใต้มีฝนกระจาย ภาคกลางตอนล่างอากาศร้อน ก่อนถึงช่วง 18-21 ต.ค. ภาคเหนือ-อีสาน จะมีฝนและอุณหภูมิลดลงอีก รวมถึงภาคใต้ระวังฝนตกหนัก...

เมื่อวันที่ 17 ต.ค. จากการตรวจสอบสภาพอากาศเช้านี้ โดยระบบพยากรณ์อากาศไทยรัฐ ร่วมกับเดอะเวตเตอร์ คอมพานี พบว่า ในช่วงนี้มวลอากาศเย็นที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนจะมีกำลังอ่อนลง ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิสูงขึ้นกับมีหมอกในตอนเช้า มรสุมฤดูหนาวที่พัดปกคลุมภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้มีฝนอยู่ในเกณฑ์กระจาย ส่วนในช่วงวันที่ 18-21 ต.ค. มวลอากาศเย็นจากประเทศจีนจะแผ่ปกคลุมบริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนในช่วงแรกและอุณหภูมิลดลง

ส่วนมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนตกหนักไว้ด้วย

ขณะที่พายุโซนร้อน “คปปุ” (KOPPU) บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก จะเคลื่อนผ่านประเทศฟิลิปปินส์ ในช่วงวันที่ 16-19 ต.ค. คาดว่าพายุนี้จะเคลื่อนไปเกาะไต้หวันในระยะต่อไป ขอให้ผู้ที่จะเดินทางไปบริเวณดังกล่าวตรวจสอบสภาพอากาศก่อนเดินทางด้วย พายุนี้ไม่มีผลต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย

สำหรับการคาดการณ์ปริมาณฝนสะสมยังพบว่าพื้นที่ภาคใต้ยังคงเป็นพื้นที่ที่มีฝนสะสมต่อเนื่อง รองลงมาคือ ภาคกลางตอนล่างและภาคตะวันออก ขณะที่ตอนบนจนถึงตอนกลาง พื้นที่สีเขียวค่อนข้างบางตา คาดว่ากลุ่มฝนจะตกในวันนี้ โดยทางตอนบนฝนตกค่อนข้างน้อย ตอนกลางตกบางพื้นที่ ในภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก แถวๆจ.ชลบุรี และระยอง ส่วนฝนในภาคใต้จะตกกระจายตัวทั้ง 2 ฝั่ง ตั้งแต่ช่วงสายไปถึงค่ำ

อย่างไรก็ตาม จากฝนที่ลดลง เมฆน้อย รวมถึงมวลอากาศเย็นที่ค่อยๆอ่อนกำลังลงทำให้ ช่วงเช้าบริเวณขอบทางภาคเหนือและตามยอดดอย ยอดภู ยังคงมีอากาศเย็นๆ หลังจากนั้นจะเริ่มอุ่นขึ้น ในขณะที่พื้นที่ที่ร้อนที่สุดในวันนี้ยังคงเป็นพื้นที่ ภาคกลางตอนล่าง อุณหภูมิสูงสุด 35-36 องศาเซลเซียส

สภาพอากาศในแต่ละภูมิภาคเป็นดังนี้

ภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 15-17 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ กับอุณหภูมิจะสูงขึ้นและมีหมอกในตอนเช้าลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 19-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 18-21 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ และจะมีอุณหภูมิลดลงเล็กน้อย ลมตะวันตกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม.อุณหภูมิต่ำสุด 18-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-31 องศาเซลเซียส

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในช่วงวันที่ 15-17 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ กับอุณหภูมิจะสูงขึ้นและมีหมอกในตอนเช้าลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 18-21 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ และจะมีอุณหภูมิลดลงเล็กน้อย ลมตะวันตกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.อุณหภูมิต่ำสุด 18-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-32 องศาเซลเซียส

ภาคกลาง ในช่วงวันที่ 15-17 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.ส่วนในช่วงวันที่ 18-21 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส

ภาคตะวันออก ในช่วงวันที่ 15-17 ต.ค.มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 18-21 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ ลมตะวันตก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) ในช่วงวันที่ 15-17 ต.ค.มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 18-21 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากทางตอนล่างของภาค ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) ในช่วงวันที่ 15-17 ต.ค.มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1- 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 18-21 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากทางตอนล่างของภาค ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ในช่วงวันที่ 15-18 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 17-21 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 17 ต.ค. 2558

มติ วธ. ยอมให้ฉายหนัง "อาปัติ" ติดเรต 18+​

​

คณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ชุดที่ 1 มีมติเอกฉันท์ ให้ฉายหนัง "อาปัติ" เรต 18+ แล้ว หลังผู้สร้างยอมปรับปรุงเนื้อหาและยื่นเรื่องเข้ามาพิจารณาใหม่ ขู่ฟันสอดเนื้อหาหนังชุดเดิมไปฉายในโรง ผิด ก.ม. ภาพยนตร์ โทษทั้งจำคุกและปรับสูงสุด 1 ล้านบาท

จากกรณีคณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์ มีมติห้ามฉายภาพยนตร์เรื่อง "อาบัติ" ของค่ายสหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ส่งผลให้ผู้สร้างกลับไปปรับปรุงแก้ไขเนื้อหาภาพยนตร์พร้อมเปลี่ยนชื่อ จาก "อาบัติ" เป็น "อาปัติ" ก่อนส่งให้คณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ตรวจพิจารณาใหม่นั้น

เมื่อวันที่ 16 ต.ค. เวลา 13.30 น. ที่อาคารสำนักพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) คณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ชุดที่ 1 ประชุมเพื่อตรวจพิจารณาภาพยนตร์เรื่องอาปัติ ซึ่งใช้ระยะเวลานานกว่า 2.30 ชั่วโมง จากนั้น นายสมบัติ ภู่กาญจน์ ในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ชุดที่ 1 เปิดเผยว่า ผู้สร้างได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่สำนักพิจารณาตรวจพิจารณาภาพยนตร์ว่าเป็นการตัดต่อเนื้อหาใหม่ทั้งหมดและเปลี่ยนชื่อ ส่งให้ตรวจพิจารณาเรื่องใหม่เป็นชื่อเรื่องอาปัติ โดยที่ประชุมได้เชิญผู้ทรงคุณวุฒิด้านศาสนา และคณะกรรมการตรวจพิจารณาภาพยนตร์ชุดเดิมมาร่วมพิจารณาตามภาพและเสียงที่เสนอมาใหม่ โดยผลการพิจารณาคณะกรรมการจำนวน 5 คน ได้มีมติเป็นเอกฉันท์อนุญาตให้ภาพยนตร์เรื่องอาปัติในเรต 18+ สำหรับผู้มีอายุ 18 ปีขึ้นไป

นายสมบัติ กล่าวว่า การพิจารณาไม่พบว่ามีฉากที่ล่อแหลม และไม่มีภาพที่น่าวิตกกังวล ขณะเดียวกันพระสงฆ์ที่ได้ร่วมพิจารณาภาพยนตร์เรื่องอาบัติครั้งที่แล้ว ได้เข้าร่วมชมและยืนยันว่า มีหลายฉากที่ไม่เหมาะสม ล่อแหลม และน่ากลัวได้ถูกตัดออกไปแล้ว และเนื้อหาที่ส่งมาใหม่เป็นเรื่องเกี่ยวกับพระ และผี โดยเป็นคนที่เข้าไปอยู่ในพระพุทธศาสนาบวชเป็นสามเณรด้วยความไม่เต็มใจ เกิดล่วงละเมิดพระธรรมวินัย และต้องรับผลกรรมที่ทำไว้ ผู้สร้างพยายามแสดงให้เห็นว่า หากวันหนึ่งมีผู้ที่ไม่ดีเข้าไปอยู่ในพระพุทธศาสนาแล้วจะเป็นเช่นไร ดังนั้น จึงมีมติอนุญาตให้ฉายความยาว 86 นาทีได้

นายสมบัติ กล่าวต่อว่า สำหรับการพิจารณาครั้งนี้จะอนุญาตให้จัดฉายในชื่อ "อาปัติ" เท่านั้น หากผู้สร้างนำไปจัดฉายโดยใช้ชื่อเรื่อง "อาบัติ" ซึ่งถูกห้ามไม่ให้มีการฉายในราชอาณาจักรไทย หรือมีการสับเปลี่ยนเวอร์ชั่นเก่าเข้ามา จะถือว่ามีความผิดตามกฎหมายภาพยนตร์และวีดิทัศน์มาตรา 77 และ 78 หากผู้ใดนำไปจัดฉายจะมีโทษปรับ 2 แสนถึง 1 ล้านบาท ส่วนผู้จัดสร้างมีโทษจำคุก 1 ปี ปรับ 1 แสนบาท ทั้งนี้ยืนยันว่าคณะกรรมการทั้งหมดทำงานตามกฎหมาย มีหลักเกณฑ์ วิธีการเงื่อนไข โดยใช้หลักความรู้และวิจารณญาณในการชมภาพยนตร์ และได้มีการวิพากษ์วิจารณ์ตามเนื้อเรื่องของอาปัติ และยืนยันว่าไม่ได้มีการขัดแยังกับคณะกรรมการชุดแรกแต่อย่างใด เพราะไม่มีฉากแบบในภาพยนตร์เรื่องอาบัติอีกแล้ว ส่วนตัวเห็นว่าหนังก็แรงจริง แต่ก็สะท้อนให้เห็นบาปบุญคุณโทษ

อย่างไรก็ตาม การพิจารณาภาพยนตร์จะกำหนดเป็นลายลักษณ์อักษรให้เป็นบรรทัดฐานเลยคงทำได้ยาก เพราะใน พ.ร.บ.ภาพยนตร์จะกำหนดภาพกว้างๆ ไว้เท่านั้น ซึ่งก็ให้คณะกรรมการใช้ดุลยพินิจพิจารณา เพราะหนังไม่มีสูตรสำเร็จ จึงต้องมีการถกเถียงกันเพื่อให้ได้ความเหมาะสมที่สุด

ด้าน นายปรัชญา ปิ่นแก้ว ผู้ดำเนินงานสร้างภาพยนตร์เรื่องอาปัติ กล่าวว่า เมื่อทราบว่า คณะกรรมการตรวจพิจารณาให้ผ่านแล้ว ตนก็รู้สึกดีใจที่ภาพยนตร์ที่ตั้งใจสร้างครั้งนี้สามารถจัดฉายได้แล้ว ส่วนกรณีที่ยังใช้โปสเตอร์ชื่ออาบัติอยู่นั้น ตนจะรีบปรับเปลี่ยนเป็นชื่อและภาพเป็นอาปัติโดยเร็ว เพื่อไม่ให้ถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม จากเดิมที่ไม่ได้ตั้งเป้ายอดรายได้จากการฉายเอาไว้แต่เนื่องจากขณะนี้กระแสของผู้ชมแรงก็คาดว่าจะสามารถทำรายได้มากกว่า 30 ล้านบาท ซึ่งเท่ากับต้นทุนการผลิต.

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 16 ต.ค. 2558

แห่แชร์คลิป! น้ำใจหนุ่มชาวเรือ ให้ฝรั่งติดโคลนเหยียบหลัง ขึ้นฝั่งที่กระบี่​

​

ผู้ใช้เฟซบุ๊กกระหน่ำแชร์ภาพหนุ่มชาวเรือมีน้ำใจ ช่วยเหลือสองนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ลงไปริมแม่น้ำกระบี่ บริเวณหน้าเมือง เพื่อถ่ายภาพ แต่กลับติดโคลนลึกถึงเข่า ก่อนที่จะนอนให้ทั้งคู่เหยียบหลัง จนสามารถขึ้นฝั่งได้...

วันนี้ 16 ต.ค. 58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีการแชร์ภาพประทับใจ จากเฟซบุ๊กของผู้ที่ใช้ชื่อว่า Theerasak Saksritawee ซึ่งได้บันทึกภาพนาทีประทับใจของชาวบ้าน ที่ขับเรือหางยาวลำเล็กมาช่วยเหลือนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติชายหญิงคู่หนึ่ง ที่ลงไปริมแม่น้ำกระบี่ ถนนอุตรกิจ ต.ปากน้ำ อ.เมืองกระบี่ บริเวณหน้าเมืองเพื่อถ่ายภาพ แต่ทั้งคู่กลับติดโคลนลึกถึงเข่าไม่สามารถขึ้นได้ ทางชายคนดังกล่าว จึงได้เข้ามาช่วยนำกล้องไปไว้ที่ฝั่ง และกลับมาช่วย แต่ไม่สามารถดึงขึ้นมาได้ จึงได้นอนให้นักท่องเที่ยวทั้ง 2 คน เหยียบหลังจนสามารถขึ้นฝั่งสำเร็จ แล้วชายคนขับเรือก็เดินไปขึ้นเรือ

ในบรรยายของวิดีโอ ระบุว่า ประทับใจ หน้าเมือง จ.กระบี่ เช้าวันนี้ "คนกระบี่ มีน้ำใจ" (16 October 2015) เหตุการณ์นี้เหมือนว่าผู้ชายจะลงไปถ่ายนก ลงไปแล้วขาติดโคลนเลยล้ม แฟนตามมาช่วยเลยติดโคลนกันทั้งคู่ ซักพักก็มี Hero แล่นเรือผ่านมา รีบเทียบท่าใกล้ๆ กับจุดเกิดเหตุ พุ่งตรงมาช่วยเหลือ แต่ช่วยดึงเท่าไรก็ไม่สามารถดึงขาออกจากโคลนดูดได้ Hero จึงใช้วิธีแก้ปัญหาโดยการนอนคว่ำให้ปีนตัวขึ้นมา หลังจากช่วยเสร็จก็จากไปโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ ประทับใจมากๆ

ทั้งนี้ หลังมีการแชร์คลิปดังกล่าวกันอย่างกว้างขวาง ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบยังจุดดังกล่าว ซึ่งอยู่ตรงข้าม ธนาคารกรุงเทพ สาขากระบี่ สอบถามจากคนขับเรือหางยาวหลายราย บอกว่าไม่รู้จัก ประกอบกับภาพที่ดูใบหน้าไม่ชัด แต่เชื่อว่าเป็นชาวประมงที่เดินทางมาส่งสินค้าทะเล เพื่อนำไปจำหน่ายในตลาดสดเทศบาลเมืองกระบี่ ซึ่งมีชาวเรือประเภทดังกล่าวจำนวนมาก และมาจากหลายพื้นที่ ทั้ง ต.คลองประสงค์ ต.ไสไทย รวมถึง ต.ตลิ่งชัน อ.เหนือคลอง ก็มาส่งสินค้าทะเลในจุดดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม หลังสอบถามชาวเรือหางยาวโดยสาร ก็พบชายและหญิงต่างชาติในภาพ อายุประมาณ 60 ปี มายืนดูจุดที่ถูกช่วยขึ้นมา ซึ่งทั้ง 2 คน เป็นสามีภรรยาชาวนอร์เวย์ ไม่ประสงค์ที่จะบอกชื่อ แต่บอกว่าเดินทางมาเที่ยวกระบี่ มีกำหนด 3 สัปดาห์ โดยช่วงเกิดเหตุมาถ่ายรูปวิว และได้เดินลงไป แต่อยู่ๆ ก็เกิดทรุดเพราะเป็นโคลน ทำให้ขึ้นมาไม่ได้ จากนั้นก็มีชาวบ้านรายดังกล่าวขับเรือเข้ามาช่วย หลังช่วยเหลือเสร็จก็รีบเดินทางไปขึ้นเรือ ซึ่งทั้งสองคนบอกเพิ่มเติมว่า กำลังตามหา เพื่อที่จะเชิญไปเลี้ยงอาหาร และตอบแทนในน้ำใจที่ช่วยเหลือขึ้นมาจากโคลน.

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 16 ต.ค. 2558

ที่มา ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

ไต้ฝุ่นคปปุถล่มฟิลิปปินส์ ผู้คนไร้ที่อยู่อาศัยนับหมื่น​

​

มะนิลา 18 ต.ค.- พายุไต้ฝุ่นคปปุพัดถล่มพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของฟิลิปปินส์อย่างหนัก เมื่อเช้าตรู่วันนี้ ส่งผลให้บ้านเรือนหลายหลังได้รับความเสียหาย และมีผู้ไร้ที่อยู่อาศัยกว่า 10,000 คน

เจ้าหน้าที่หน่วยงานภัยพิบัติของฟิลิปปินส์ เปิดเผยว่า อิทธิพลของพายุไต้ฝุ่นคปปุ ซึ่งมีความแรงระดับ 4 และมีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางอยู่ที่ 175 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำให้เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วม เมื่อเวลา 01.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือเที่ยงคืนตามเวลาในไทย ในเมืองกาสิกูรัน จังหวัดออโรรา ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะลูซอน นอกจากนี้ ยังทำให้ถนนและสะพานได้รับความเสียหาย รวมถึงไฟฟ้าและโทรศัพท์ถูกตัดขาด อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต

สำนักงานอุตุนิยมวิทยาของฟิลิปปินส์ กล่าวว่า อิทธิพลของไต้ฝุ่นคปปุจะส่งผลกระทบต่อเกาะลูซอนไปอีก 3 วัน ซึ่งเป็นผลจากหย่อมความกดอากาศสูงทางตอนเหนือ และพายุไต้ฝุ่นอีกลูกที่ก่อตัวทางตะวันตกเฉียงเหนือของมหาสมุทรแปซิฟิก.-สำนักข่าวไทย

มาเลเซียระบุจีนปลุกปั่นให้เกิดความตึงเครียดในทะเลจีนใต้​

​

ปักกิ่ง 18 ต.ค.- ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของมาเลเซียระบุจีนกำลังปลุกปั่นให้เกิดความตึงเครียดในทะเลจีนใต้ ซึ่งเป็นกรณีพิพาทที่หลายประเทศรวมถึงมาเลเซีย ต่างอ้างกรรมสิทธิ์ความเป็นเจ้าของในพื้นที่ดังกล่าว

ซุลเคฟลี โมห์ ซิน ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของมาเลเซียกล่าวในการประชุมด้านความมั่นคงที่กรุงปักกิ่งว่า จีนกำลังยุยงปลุกปั่นให้เกิดความตึงเครียดในทะเลจีนใต้จากกรณีรัฐบาลจีนเดินหน้าโครงการก่อสร้างบนหมู่เกาะในทะเลจีนใต้ โดยจีนอ้างว่ามีวัตถุประสงค์ด้านพลเรือน และเพื่อการวิจัยทางทะเล รวมถึงอำนวยความสะดวกให้กับเรือในทะเลจีนใต้ ซึ่งเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์เจตนาของรัฐบาลจีนว่าเป็นไปตามที่กล่าวอ้างหรือไม่

ขณะที่หลิวเจิ้นหมิน รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศของจีนกล่าวในการประชุมเดียวกันว่า ประภาคารเหล่านี้จะช่วยในเรื่องความปลอดภัยในทะเลจีนใต้ และจีนจะเดินหน้าก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ต่อไป โดยไม่จำเป็นต้องชี้แจงรายละเอียดใดๆ.-สำนักข่าวไทย

โครเอเชียขนผู้อพยพอีก 1,000 คน ไปยังสโลวีเนีย​

​

ซาเกรบ 18 ต.ค. – โฆษกหญิงการรถไฟแห่งโครเอเชียเปิดเผยต่อสำนักข่าวเอเอฟพีว่า ทางการจัดขบวนรถไฟสายพิเศษเพื่อขนย้ายผู้อพยพจำนวนราว 1,000 คน ข้ามพรมแดนไปยังสโลวีเนียในวันนี้

การขนย้ายดังกล่าวมีขึ้นเพียงหนึ่งวันหลังจากที่มีผู้ลี้ภัยราว 3,000 คน ใช้เส้นทางเดียวกันนี้เดินทางไปยังสโลวีเนียเช่นกัน เนื่องจากฮังการีปิดพรมแดน ขณะเดียวกันมีรายงานว่ามีกลุ่มผู้อพยพราว 1,000 คน เดินทางจากสโลวีเนียถึงออสเตรียแล้วในช่วงคืนที่ผ่านมา โดยตำรวจออสเตรียเปิดเผยว่าผู้ลี้ภัยทั้งหมดตั้งเป้าที่จะเดินทางต่อไปยังเยอรมนี ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทาง

ทางการฮังการีประกาศปิดพรมแดนด้านที่ติดกับโครเอเชียเมื่อช่วงเช้าวานนี้ โดยเป็นหนึ่งในความพยายามสกัดกั้นคลื่นผู้อพยพที่หนีภัยสงครามและความยากจนจากภูมิภาคตะวันออกกลาง ทวีปแอฟริกาและเอเชีย ขณะที่ก่อนหน้าหนึ่งเดือน รัฐบาลฮังการีเพิ่งประกาศปิดพรมแดนที่ติดกับเซอร์เบียไป โดยหลังจากปิดพรมแดนด้านโครเอเชีย จำนวนผู้ลี้ภัยที่เดินทางมาฮังการีลดลงเหลือ 870 คน วานนี้ จากจำนวน 6,353 คน ในวันก่อนหน้า .-สำนักข่าวไทย

อินโดนีเซียเร่งช่วยอุรังอุตังหนีไฟป่า​

​

อินโดนีเซียเร่งช่วยอุรังอุตังหนีไฟป่า

อินโดนีเซีย 18 ต.ค. – เจ้าหน้าที่อนุรักษ์สัตว์ป่าอินโดนีเซีย ต้องยิงยาสลบใส่ลิงอุรังอุตังเพศเมียตัวหนึ่ง บนเกาะกาลิมันตันกลาง เพื่อจะนำมันไปอยู่ในที่ปลอดภัย หลังจากผืนป่าที่อยู่อาศัยได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการเผาป่าเพื่อเตรียมพื้นที่ทำการเกษตร มันเป็นอุรังอุตัง ตัวที่ 3 ที่ได้รับการช่วยเหลือ ขณะที่สถานการณ์เผาป่าในอินโดนีเซียยังคงวิกฤติ ผู้เชี่ยวชาญย้ำว่ารัฐบาลอินโดนีเซียจะต้องแก้ปัญหาในระยะยาวด้วยการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด และต้องเพิ่มงบประมาณในการป้องกันปัญหานี้ด้วย. -สำนักข่าวไทย

วิกฤตพลังงานกำลังเป็นอุปสรรคขวางช่วยเหลือเหยื่อแผ่นดินไหวในเนปาล​

​

กาฐมาณฑุ 18 ต.ค. – องค์กรนานาชาติและชาวเนปาลในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อเดือนเม.ย. พากันแสดงความวิตกจากการประท้วงปิดขวางจุดตรวจหลักตามด่านชายแดน กำลังก่อให้เกิดวิกฤตขาดแคลนพลังงานในประเทศ จนกลายเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการฟื้นฟูและให้ความช่วยเหลือจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว

องค์กรบรรเทาทุกข์ต่างๆยอมรับว่าวิกฤตน้ำมันคือปัจจัยขัดขวางอย่างร้ายแรงต่อปฎิบัติการช่วยเหลือ และวิกฤตที่ยืดเยื้ออาจจะส่งผลให้ไม่สามารถส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์ไปยังชุมชนในพื้นที่ห่างไกลของประเทศได้ ด้านสำนักงานโครงการอาหารโลก (ดับเบิลยูเอฟพี) ระบุว่า ทางโครงการจำเป็นต้องหยุดแจกจ่ายสิ่งของบรรเทาทุกข์และที่พักอาศัยชั่วคราวให้แก่เหยื่อแผ่นดินไหว 224,000 คน เพราะขาดแคลนน้ำมัน และสามารถจัดส่งความช่วยเหลือได้เพียงร้อยละ 40 ของความต้องการสิ่งของบรรเทาทุกข์ทั้งหมด

นอกจากนี้ผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวกล่าวว่า ภาวะขาดแคลนน้ำมันทำให้รถบรรทุกไม่สามารถจัดส่งสิ่งของจำเป็นมาให้พวกเขาซึ่งรวมถึงวัสดุก่อสร้าง เช่น ปูน เสา หลังคา ที่จำเป็นสำหรับการก่อสร้างบ้านให้เสร็จก่อนสภาพอากาศเย็นแผ่ปกคลุมในช่วงฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึง และแสดงความหวังว่ารัฐบาลเนปาลจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพื่อทำให้สถานการณ์น้ำมันภายในประเทศกลับคืนสู่ภาวะปกติได้ภายในเร็ววัน.-สำนักข่าวไทย

ที่มา เว็บไซต์สำนักข่าวไทย

 

ระนอง-พัทลุง จัดงานถือศีลกินเจยิ่งใหญ่ 'แห่พระรอบเมือง'​

​

ระนอง-พัทลุง จัดยิ่งใหญ่ 'ขบวนแห่พระรอบเมือง' รับเทศกาลถือศีลกินเจ ขณะที่ ภูเก็ต ไอเดียเก๋! นำรถรางพานักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทย-ต่างประเทศ ร่วมในขบวนแห่พระ พร้อมชมเมืองเก่า สถานที่ท่องเที่ยว โดยไม่เสียค่าบริการ ...

วันที่ 17 ต.ค. 58 เทศบาลเมืองระนอง จัดพิธีแห่พระรอบเมือง ”อิ้วเก้งใหญ่” หรือ ”แห่พระใหญ่” ในประเพณีถือศีลกินผักประจำปีของ จ.ระนอง โดยมี นายสุริยันต์ กาญจนศิลป์ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง เป็นประธานตั้งโต๊ะรับพระ พร้อมด้วย นายคงกฤษ ฉัตรมาลีรัตน์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดระนอง นายพินิจ ตันกุล นายกเทศมนตรีเมืองระนอง ตลอดจนหัวหน้าส่วนราชการและประชาชน มารอรับไหว้ และรอชมขบวนแห่อย่างยิ่งใหญ่ โดยขบวนแห่เริ่มจากหน้าชุมชนสหพันธ์ ถ.สะพานปลา เข้าสู่ ถ.ท่าเมือง ผ่านสี่แยกตลาดเก่าเข้าสู่ ถ.เรืองราษฎร์ ซึ่งเป็นถนนเส้นเศรษฐกิจหลักของ จ.ระนอง ผ่านตลาดสดเทศบาลเมืองระนอง และไปสิ้นสุดที่หน้าโรงภาพยนตร์พฤฒินันท์ (เก่า) โดยในปีนี้ มีองค์พระ-ม้าทรงรวม 899 องค์ จาก 19 ศาลเจ้า ที่เข้าร่วมประเพณี โดยสองข้างทางมีประชาชนตั้งโต๊ะรับพรจากองค์เทพเพื่อความเป็นสิริมงคล นอกจากนี้ เหล่าม้าทรงยังใช้เหล็กแหลม-อาวุธ และสิ่งของต่างๆ ทิ่มแทงร่างกาย ซึ่งเชื่อกันว่าจะเป็นการรับเคราะห์แทนผู้ที่ถือศีล ตลอดการแห่พระร่วม 3 ชั่วโมง

ด้าน จ.พัทลุง นายอนุรัฐ ไทยตรง รองผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง เป็นประธานในการจัดขบวนแห่พระ ของศาลเจ้าช่งเต๊กเซี่ยงตึ้ง อ.เมืองพัทลุง จ.พัทลุง ซึ่งเป็นศาลเจ้าที่มีอายุนับ 100 ปี และเป็นศาลเจ้าแห่งแรกที่คนไทยเชื้อสายจีนใน จ.พัทลุง ใช้ประกอบพิธีประเพณีถือศีลกินผักตลอดมา โดยบรรยากาศตามถนนสายสำคัญๆ ในเขตเทศบาลเมืองพัทลุง คึกคักไปด้วยประชาชนชาวพัทลุง รวมถึงนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ที่ออกมารอรับขบวนแห่พระของ ศาลเจ้าช่งเต๊กเซี่ยงตึ้ง ในครั้งนี้ ขณะเดียวกัน ผู้ที่มีอาคารบ้านเรือน และสำนักงาน ตั้งอยู่บริเวณเส้นทางที่ขบวนแห่พระผ่าน ได้มีการตั้งโต๊ะบูชาเพื่อสักการะบูชาองค์พระ และมีการจัดเตรียมประทัดจำนวนมากไว้จุดต้อนรับขบวนพระที่ผ่านมาด้วย

ขณะที่ ในจ.ภูเก็ต เทศบาลนครภูเก็ต ร่วมกับบริษัท โตโยต้าสุโขทัย จำกัด นำรถลักษณะคล้ายรถรางในสมัยโบราณมาปรับปรุงให้สามารถวิ่งได้ เพื่อนำประชาชนทั่วไป ตลอดจนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างชาติได้นั่งรถชมเมือง โดยมีขนาด 24 ที่นั่ง จำนวน 1 คัน มาไว้คอยบริการในช่วงประเพณีถือศีลกินผัก ระหว่างวันที่ 15-21 ต.ค. ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชน และนักท่องเที่ยวได้ร่วมชมทัศนียภาพเมืองเก่า สถานที่ท่องเที่ยวในเขตนครภูเก็ต และร่วมในขบวนแห่พระรอบเมืองภูเก็ต หรือ อิ้วเก้งของศาลเจ้าต่างๆ

สำหรับ จุดเริ่มต้นการเดินรถ บริเวณสวนเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษามหาราชินี หรือ ลานมังกร ถ.ถลางผ่านเส้น ถ.ถลาง ถ.กระบี่ ถ.สตูล ถ.ดีบุก ถ.รัษฎา ถ.พังงา ถ.ภูเก็ต ถ.มนตรี อ.เมืองภูเก็ต และสิ้นสุดเส้นทางการเดินรถชมเมืองบริเวณ สวนเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษามหาราชินี ถ.ถลาง ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง รวมระยะทางทั้งสิ้น 3.8 กม. โดยในช่วงเช้ารถรางชมเมืองจะตามขบวนพิธีแห่พระรอบเมือง ส่วนในช่วงบ่ายจะเปิดให้บริการประชาชน ได้นั่งรถชมทัศนียภาพเมืองเก่าในช่วงเวลา 13.00 น./ 14.00 น./ 15.00 น. และเวลา 16.00 น. โดยไม่เสียค่าบริการ.

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 17 ต.ค. 2558

เจาะบาดาลเพิ่มน้ำต้นทุน! กว๊านพะเยา น้ำน้อยเสี่ยงวิกฤติแล้ง​

​

พ่อเมือง ลงกว๊านพะเยา สำรวจปริมาณน้ำรับมือภัยแล้ง พบมีเพียง 16 ล้าน ลบ.ม. จากความจุ 33 ล้าน ลบ.ม. อาจกระทบอุปโภคบริโภค วางแผนขุดเจาะบาดาลเพิ่มน้ำต้นทุน บริหารจัดการให้ได้ประโยชน์มากที่สุด

เมื่อวันที่ 17 ต.ค. 58 นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นั่งเรือเพื่อติดตามดูระดับน้ำในกว๊านพะเยา ซึ่งเป็นแหล่งกักเก็บน้ำที่สำคัญในของจังหวัด ที่ชาวพะเยา ใช้เพื่ออุปโภคบริโภค รวมถึงใช้ในภาคการเกษตร หลัง จ.พะเยา ต้องเผชิญวิกฤติภัยแล้งค่อนข้างรุนแรง สำหรับกว๊านพะเยา เป็นแหล่งน้ำที่สำคัญแห่งหนึ่ง มีความจุอ่างอยู่ที่ 33 ล้านลูกบาศก์เมตร ปัจจุบันมีน้ำราว 16 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา มีน้ำ 100 เปอร์เซ็นต์

ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา กล่าวว่า ขณะนี้ปริมาณน้ำในกว๊านพะเยา มีค่อนข้างน้อย อาจส่งผลกระทบกับการอุปโภคบริโภคในอนาคต ดังนั้น ต้องมีการบริหารจัดการให้ได้ประโยชน์มากที่สุด เนื่องจากปีนี้สถานการณ์ภัยแล้งค่อนข้างวิกฤติ กักเก็บน้ำได้น้อย และอาจจะส่งผลกระทบต่อการผลิตประปา และน้ำเพื่อการเกษตรได้

ทั้งนี้ ทางจังหวัด รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงได้เตรียมพร้อมที่จะรับสถานการณ์ดังกล่าวโดยเฉพาะในช่วงของฤดูแล้งที่จะมาถึง ซึ่งหากฝนไม่ตก จำเป็นจะต้องหาแหล่งน้ำสำรองหนุนน้ำต้นทุนที่มีอยู่ โดยการขุดเจาะน้ำบาดาล ขณะเดียวกัน สั่งการให้การประปาส่วนภูมิภาค สาขาพะเยา ทำแผนการจ่ายน้ำให้แก่ประชาชนเพื่อยืดระยะเวลาให้พ้นวิกฤติแล้ง ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงสำรวจแหล่งน้ำที่สำคัญตามพื้นที่ต่างๆ ในพื้นที่เมื่อ 11 ต.ค. ที่ผ่านมา เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาภัยแล้งอย่างเร่งด่วนแล้ว

ส่วนการพัฒนากว๊านพะเยานั้น ทั้งการพัฒนาให้เป็นแหล่งเก็บน้ำหรือในเชิงการท่องเที่ยวนั้น จะต้องมีการหารือกับหลายฝ่าย โดยเฉพาะสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดําริ เนื่องจากกว๊านพะเยา ถูกบรรจุอยู่ในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริแล้ว.

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 17 ต.ค. 2558

ตอนบนของไทย อากาศเริ่มเย็น ภาคใต้ยังมีฝนกระจายร้อยละ 40-60 ของพื้นที่​

​

สภาพอากาศช่วงสุดท้ายของเทศกาลกินเจ ก่อนรับฤดูหนาวประจำปี ยังคงมีฝน โดยเฉพาะภาคใต้ ยังมีฝนกระจายร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ขณะที่ตอนบนของไทยหลายพื้นเริ่มมีอากาศเย็นได้สัมผัสกันแล้ว

เมื่อ 18 ต.ค. 58 จากการตรวจสอบสภาพอากาศเช้านี้ โดยระบบพยากรณ์อากาศไทยรัฐ ร่วมกับเดอะเวตเตอร์ คอมพานี พบว่าบริเวณความกดอากาศสูง หรือมวลอากาศเย็นกำลังอ่อนปกคลุมประเทศไทย ตอนบน ทำให้บริเวณทางภาคเหนือและภาคอีสานตอนบน มีหมอกบางในตอน เช้าและมีฝนน้อย ในขณะที่ ลมตะวันออกเฉียงเหนือยังคงพัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้ บวกกับมีลมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคใต้มีฝนอยู่ในเกณฑ์กระจายประมาณร้อยละ 40-60 ของพื้นที่

แต่ในช่วงวันที่ 19-23 ต.ค.นี้ บริเวณความกดอากาศสูงกำลังอ่อน หรือมวลอากาศ -เย็นจากจีนระลอกใหม่ จะแผ่เสริมลงมาปกคลุมภาคเหนือ และภาคอีสาน ทำให้บริเวณ ดังกล่าวมีฝนในช่วงแรก และอุณหภูมิจะลดลงเล็กน้อย ขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ จะพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง

สำหรับสถานการณ์พายุที่หลายประเทศในเอเชียกำลังจับตามีด้วยกัน 2 ลูก ดังนี้

ลูกแรกคือ พายุไต้ฝุ่น “คปปุ” (KOPPU) บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก ได้ขึ้นฝั่งที่บริเวณ จังหวัดออโรรา ทางตะวันออกของเกาะลูซอน ประเทศฟิลิปปินส์แล้ว โดยพัฒนาตัวเป็น ไต้ฝุ่นระดับ 4 มีระยะห่าง จากจังหวัดอุบลราชธานี 1,931 กม. มีความเร็วลม ศูนย์กลาง 240.5 กม./ชม. คาดว่าจะลดความเร็วลมศูนย์กลางเป็นพายุ ไต้ฝุ่นระดับ 3 ในบ่ายวันนี้ ก่อนจะกลายเป็นไต้ฝุนระดับ 1

ในเช้าวันพรุ่งนี้ คาดว่าพายุคปปุจะเปลี่ยน ทิศทางการเคลื่อนที่ไปทางทิศเหนือ แล้วลงทะเลทางทิศเหนือของเกาะลูซอน ประเทศฟิลิปินส์ ในคืนวันพุธนี้ จากนั้นจะมุ่งหน้าสู่เกาะไต้หวันต่อไป โดยพายุคปปุ ยังไม่มีผลกระทบต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย ล่าสุดมีรายงาน ว่าพายุลูกนี้ได้ทำให้เกิดน้ำท่วมแล้วใน 4 เมืองของจังหวด ออโรรา ทางตะวันออกของเกาะลูซอนประเทศฟิลิปปินส์ ดังนั้นขอให้ผู้ที่จะเดินทางไปยังฟิลิปปินส์ในช่วงนี้ ตรวจสอบสภาพอากาศก่อน ออกเดินทาง โดยพายุนี้ไม่มีผลกระทบต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย

ส่วนพายุอีกลูกที่ต้องจับตามองคือ ‘พายุจำปี’ Champi) ที่พัฒนาตัวเองเป็นไต้ฝุ่นที่มีความแรงเป็นระดับ 2 มีศูนย์กลางอยู่ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะ มารีนาส-กวม อยู่ห่างจากอุบลราชธานี 3,933 กม. มีความเร็วลมศูนย์กลาง 166.5 กม./ชม. คาดว่าจะเพิ่มความเร็วลมศูนย์กลางเป็น ไต้ฝุ่นระดับ 3 ในบ่ายวันนี้เป็นไต้ฝุ่น และเป็นระดับ 4 ในบ่ายวันพรุ่งนี้ โดยพายุนี้จะเคลื่อนตัวทางตะวันตกด้วยความเร็ว 17 กม./ชม. คาดว่าจะเปลี่ยนทิศทางวกกลับสู่มหาสมุทรแปซิฟิก โดยไม่กระทบประเทศญี่ปุ่น และพายุนี้ก็ยังไม่มีผลกระทบต่อลักษณะอากาศของประเทศไทยเช่นกัน

ส่วนปริมาณฝนสะสมในช่วง 24 ชั่วโมง ถึง วันที่ 18 ตุลาคม 2558 ที่มีปริมาณน้ำฝนเกิน 50.0 มม.มี 5 จังหวัดดังนี้
- จ.สุราษฎร์ธานี อ.พนม 81.0 มม. อ.บ้านนาสาร 73.5 มม. อ.กาญจนดิษฐ์ 68.5 มม. อ.บ้านตาขุน 64.0 มม. อ.เคียนซา 55.6 มม.
- จ.นราธิวาสอ.ระแงะ 62.0 มม.
- จ.น่าน อ.เมือง 61.0 มม.
- จ.นครศรีธรรมราช อ.พิปูน 60.0 มม. อ.ทุ่งสง 55.5 มม.
- จ.ชลบุรี 56.6 มม.

นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ที่คาดว่าจะมีลมแรง วันที่ 18 ต.ค. ที่ต้องระวัง
- ภาคตะวันออก ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี นครนายก สระแก้ว จันทบุรี ระยอง
- ภาคใต้ ชุมพร ระนอง พังงา

ลักษณะสภาพอากาศทั่วไทย ประจำวันที่ 18 ต.ค. มีดังนี้

ภาคเหนือ มีหมอกบางในตอนเช้า ตอนบนของภาคมีอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วนทางตอนล่างมีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่
อุณหภูมิต่ำสุด 21สูงสุด 35 องศาเซลเซียส

ภาคอีสาน มีหมอกบางในตอนเช้า และมีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23 สูงสุด 34 องศาเซลเซียส

ภาคกลาง มีเมฆบางส่วน กับมีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่าง และด้านตะวันตกของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 24 สูงสุด 35 องศาเซลเซียส

ภาคตะวันออก มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24 สูงสุด 35 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฎรธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 23 สูงสุด 34 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1-2 เมตร

ภาคใต้ฝั่งอันดามันมีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 22 สูงสุด 33 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1-2 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑ มีเมฆบางส่วน กับมีฝนเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25 สูงสุด 35 องศาเซลเซียส

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 18 ต.ค. 2558

ที่มา ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

'จิตติ' คาดราคาทองคำปีนี้เกิน 20,000 บาท​

​

"จิตติ" ประเมินราคาทองคำปีนี้มีโอกาสเกิน 20,000 บาท เหตุเงินบาทอ่อนค่า ดันราคาทองในประเทศแพงขึ้น

นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ มองว่า ราคาทองคำในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะยังอยู่ที่ 1,100-1,300 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ หรือประมาณ 18,000-20,000 บาทต่อบาททองคำ เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกจากธนาคารแห่งประเทศไทยปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งซ้อน และนโยบายรัฐบาลในการให้เงินบาทอ่อนค่ากระตุ้นการส่งออก มีผลทำให้เงินบาทอ่อนค่าลงมา ประมาณ 1 บาท ทำให้ราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้น 700 บาท และมีแนวโน้มที่เงินบาทจะอ่อนค่าอยู่ที่ระดับ 34 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐได้ ประกอบกับไตรมาส 3 ราคาทองมีโอกาสปรับขึ้น เพราะอินเดียจะมีเทศกาลแต่งงาน ซึ่งจะมีความต้องการใช้ทองคำมาก เป็นผลดีให้ราคาทองคำปรับขึ้น หากปรับขึ้นแรงถึงระดับ1,240 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ราคาทองมีโอกาสปรับขึ้นมาที่ 20,300บาทต่อบาททองคำ

อย่างไรก็ตาม มีปัจจัยลบหากธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะทำให้ราคาทองปรับตัวลดลง อาจมาแตะ 1,100 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ แต่จะเป็นแค่เพียงระยะสั้น เนื่องจากระดับราคาดังกล่าวต่ำกว่าต้นทุนเหมืองทอง ซึ่งจะส่งผลให้เหมืองทองคำที่เหลืออยู่ประมาณร้อยละ 60 อาจจะต้องปิดตัวลงอีก จะทำให้ทองคำในตลาดโลกขาดแคลน ซึ่งจะดันราคาปรับขึ้นแรงได้

ขณะที่บรรยากาศการจำหน่ายทองคำในช่วงนี้ พบว่า ยังคงซบเซาต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดอนุพันธ์ และ ร้านค้าทองโดยเฉพาะทองคำแท่ง เพราะราคาทองคำยังเคลื่อนไหวในกรอบแคบทำให้โอการสการทำกำไรจากทองคำลดลง ทั้งนี้ 4 เดือนที่ผ่านมา มีการนำเข้าทองคำ 67 ตัน และ ส่งออก 33 ตัน และคาดว่าทั้งปีจะมีการนำเข้า 160 ตัน ซึ่งหากเทียบกับปี 2556 ที่ราคาทองปรับขึ้นแรง พบว่ามีการนำเข้าลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยปี 2556 มีการนำเข้า 323 ตัน และส่งออก 260 ตัน

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
วันที่ 09 มิถุนายน 2558, 13:12 น.

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ | ข่าวการเมือง ธุรกิจ การลงทุน สังคม ข่าวเด่นรอบวัน

 

โบราณท่านว่า พระเจ้าปเศนทิโกศล​

เผยแพร่เมื่อ 3 เม.ย. 2012
รายการโบราณท่านว่า โดยอาจารย์ษณอนงค์ คำแสนหวี (อาจารย์แอน)​

 

โบราณท่านว่า เพลงยาวอยุธยา​

เผยแพร่เมื่อ 3 เม.ย. 2012
รายการโบราณท่านว่า โดยอาจารย์ษณอนงค์ คำแสนหวี (อาจารย์แอน)​

 

โบราณท่านว่า เทศกาลกินเจ ตอน1​

เผยแพร่เมื่อ 1 เม.ย. 2012
รายการโบราณท่านว่า โดยอาจารย์ษณอนงค์ คำแสนหวี (อาจารย์แอน)​

 

โบราณท่านว่า เทศการกินเจ ตอน2​

เผยแพร่เมื่อ 1 เม.ย. 2012
รายการโบราณท่านว่า โดยอาจารย์ษณอนงค์ คำแสนหวี (อาจารย์แอน)​

 

โบราณท่านว่า รัตนโกสินทร์ 10 ยุค​

เผยแพร่เมื่อ 4 เม.ย. 2012
รายการโบราณท่านว่า โดยอาจารย์ษณอนงค์ คำแสนหวี (อาจารย์แอน)​

 

โบราณท่านว่า นรก 18 ขุม ตอน1​

เผยแพร่เมื่อ 9 เม.ย. 2012
รายการโบราณท่านว่า โดยอาจารย์ษณอนงค์ คำแสนหวี (อาจารย์แอน)​

 

โบราณท่านว่า นรก 18 ขุม ตอน2​

เผยแพร่เมื่อ 9 เม.ย. 2012
รายการโบราณท่านว่า โดยอาจารย์ษณอนงค์ คำแสนหวี (อาจารย์แอน)​

 

โบราณท่านว่า สวรรค์ 16 ชั้น ตอน1​

เผยแพร่เมื่อ 9 เม.ย. 2012
รายการโบราณท่านว่า โดยอาจารย์ษณอนงค์ คำแสนหวี (อาจารย์แอน)​

 

โบราณท่านว่า สวรรค์ 16 ชั้น ตอน2​

เผยแพร่เมื่อ 9 เม.ย. 2012
รายการโบราณท่านว่า โดยอาจารย์ษณอนงค์ คำแสนหวี (อาจารย์แอน)​

 

โบราณท่านว่า ไตรภูมิพระร่วง​

เผยแพร่เมื่อ 4 เม.ย. 2012
รายการโบราณท่านว่า โดยอาจารย์ษณอนงค์ คำแสนหวี (อาจารย์แอน)​

 

โบราณท่านว่า ไสยศาสตร์ ตอน1​

เผยแพร่เมื่อ 3 เม.ย. 2012
รายการโบราณท่านว่า โดยอาจารย์ษณอนงค์ คำแสนหวี (อาจารย์แอน)​

 

โบราณท่านว่า ไสยศาสตร์ ตอน2​

เผยแพร่เมื่อ 3 เม.ย. 2012
รายการโบราณท่านว่า โดยอาจารย์ษณอนงค์ คำแสนหวี (อาจารย์แอน)​

 

โบราณท่านว่า กรมหลวงชุมพร​

เผยแพร่เมื่อ 29 มี.ค. 2012
รายการโบราณท่านว่า โดยอาจารย์ษณอนงค์ คำแสนหวี (อาจารย์แอน)​

 

โบราณท่านว่า พยานาค ตอน1​

เผยแพร่เมื่อ 31 มี.ค. 2012
รายการโบราณท่านว่า โดยอาจารย์ษณอนงค์ คำแสนหวี (อาจารย์แอน)​

 

โบราณท่านว่า พยานาค ตอน2​

เผยแพร่เมื่อ 1 เม.ย. 2012
รายการโบราณท่านว่า โดยอาจารย์ษณอนงค์ คำแสนหวี (อาจารย์แอน)​