เรื่องเด่น นานาเรื่องราวหลวงพ่อพระราชพรหมยาน

ไม่ทราบเหมือนกันครับว่ามีปริมาณมากแค่ไหนแต่ผงดินสอพองปลุกเสกไตรมาสเป็นแค่ใส่ลงไปผสมเป็นเนื้อพระนะครับไม่ได้ทั้งองค์พระทำจากดินสอพอง

ดูอย่างพระคำข้าวรุ่น 2 มีจำนวนสร้างประมาณห้าล้านองค์มีส่วนผสมคือข้าวสวยที่บดเป็นผงจากจำนวนข้าวที่หลวงพ่อเสกเอาไว้ ถึงแม้ท่านเสกข้าววันละ 1 ชุดๆทุกวันตลอด 3 เดือนหลังจากเอาไปตากแห้งและบดเป็นผงพี่คิดว่าปริมาณก็คงไม่ได้มากมายเช่นกันครับ

 

ลองอ่านจากด้านล่างนี้ดูเอาไปเป็นแนวในการอธิษฐานนะครับ

 

การใช้ชีวิตในทางโลก : หลวงพ่อพระราชพรหมยาน



คุณครูคณิตพร บุณยเกียรติ(ชื่อเก่าท่านคือครูสมพร ชื่อเล่นคือครูเปี๊ยก) ได้เขียนเล่าเรื่องประทับใจในองค์หลวงพ่อเอาไว้ในหนังสือลูกศิษย์บันทึกเล่ม พิเศษ ทางเวบวัดท่าซุงได้นำเรื่องนี้มาลงเอาไว้

ผมขอนำบางส่วนที่ครูเปี๊ยกได้เขียนถึงคำสอนหลวงพ่อหลายๆอย่างในการใช้ชีวิตในทางโลกเอาไว้ดังนี้ครับ :


<dd>1. ท่านสอนให้เป็นคนตื่นแต่เช้า โดยบอกว่า “คนที่ตื่นเช้าจะไม่ยากจน” ตื่นมาทำอะไรให้เสร็จเรียบร้อย และจะไปนอนใหม่ก็ไม่เป็นไร</dd><dt></dt><dd>2. ท่านสอนให้ทำอะไรเร็วๆ ไวๆ ไม่ชักช้ายืดยาด ถ้าท่านบอกให้ใครไปทำอะไร ต้องรีบลุกทันที จะใช้คำว่า “เดี๋ยวก่อน” ไม่ได้เลย การเดินทางติดตามท่านแต่ละครั้ง ต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อนเวลานัดหมายประมาณ 1 ชั่วโมง มีอยู่คราวหนึ่ง

</dd><dd>ท่าน นัดรถออกตี 5 พอตี 4 เศษๆ หลวงพ่อท่านออกมาแล้ว ข้าพเจ้าต้องรีบขึ้นรถทั้งชุดนอนแล้วไปเปลี่ยนที่ปั๊มน้ำมันเวลารถจอดเติมน้ำมัน ตั้งแต่นั้นมาการเดินทางทุกครั้ง พวกเราจะตื่นมาแต่งตัวและจัดกระเป๋าให้เรียบร้อยพร้อมขึ้นรถได้ทันที แล้วนอนคอยเวลา พอท่านมาก็ลุกไปขึ้นรถได้เลย เป็นการฝึกให้ลูกศิษย์มีนิสัยทำอะไรรวดเร็ว ไม่อืดอาดชักช้า และเป็นคนไม่ผิดนัด

</dd><dd>3. การเขียนหนังสือและตัวเลข ท่านสอนให้เขียนตัวโตๆ ให้อ่านง่าย อย่าไปเขียนตัวเล็กๆ หรือเขียนตัวหนังสือแบบเล่นหางเด็ดขาด เพราะทำให้อ่านยาก ท่านบอกว่า “คนที่เขียนหนังสืออ่านยาก แสดงว่าคนนั้นยังมีกิเลสมาก”

</dd><dd>4. พื้นห้องที่ปูด้วยกระเบื้องหรือหินอ่อนจะมีความเย็น ท่านสอนว่าอย่าไปนั่นนานๆ ให้หาอะไรมารองนั่ง เพราะจะทำให้เป็นโรคเหน็บชา</dd><dt></dt><dd>5. เวลาท่านไปสอนพระกรรมฐาน ถ้าไปพักบ้านที่ติดชายทะเล หรือบ้านที่มีสระน้ำ ถ้าใครว่ายน้ำไม่เป็น ท่านให้ไปหัดว่าย ท่านบอกว่า การว่ายน้ำเป็นการออกกำลังกายทุกส่วนของร่างกาย ทำให้มีสุขภาพแข็งแรง และถ้าเผอิญไปตกน้ำก็จะไม่จมน้ำตาย

</dd><dd>6. ท่านสอนให้ข้าพเจ้ารู้จักขุดดิน ฟันหญ้า ปลูกผักสวนครัวที่วัดอยู่พักหนึ่ง ข้าพเจ้าคิดเองว่า ท่านสอนให้รู้จักสมบุกสมบันบ้าง และเป็นการออกกำลังกายด้วย เพราะทำงานนั่งอยู่กับโต๊ะมานานหลายปี
</dd><dd>7. เรื่องอาหารและผลไม้นี้ ท่านบอกว่า บางอย่างจะไม่ถูกกับบางคนเท่านั้น ไม่ใช่เสมอไปทุกคน เช่น แตงโมกับส้มโอ เห็นเป็นน้ำก็จริง แต่เส้นใยนั้นย่อยยาก คนที่เป็นโรคกระเพาะรับประทานเข้าไป จะทำให้ปวดท้อง

</dd><dd>ส่วน ปลาร้ามีประโยชน์ต่อร่างกาย พริกมีส่วนช่วยเรียกน้ำย่อยทำให้รับประทานอาหารได้ดี ถึงแม้ว่าหลวงพ่อจะมรณภาพไปหลายปีแล้วก็ตาม ท่านยังมีเมตตามาสงเคราะห์ข้าพเจ้า เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2544 ข้าพเจ้าฝันเห็นหลวงพ่อมาบอก ห้ามรับประทานอาหารและขนมที่มีส่วนผสมของไก่ หรือไข่ไก่ทั้งหมด

</dd><dd>8. แม้แต่เรื่องสายตา ท่านบอกว่า อายุ 40 ปีขึ้นไป ควรไปตรวจสายตาว่าสมควรใส่แว่นหรือยัง เป็นการถนอมลูกตาไม่ให้ใช้งานมากเกินไป
</dd><dd>9. ข้าพเจ้าเคยตรวจต้นฉบับหนังสือธัมมวิโมกข์ก่อนส่งโรงพิมพ์ สมัยที่ยังไม่มีเครื่องคอมพิวเตอร์ ท่านก็สอนว่า ถ้าช่วยพระทำงานก็ไปติดต่อพูดคุยกับพระสงฆ์ได้ แต่อย่าไปอยู่นานๆ ถึงแม้ว่าเราไม่มีอะไรก็ตาม แต่คนจะตำหนิเราได้ ให้เอางานลงมาทำที่ห้องพัก

</dd><dd>10. สมัยที่ข้าพเจ้ายังทำงานอยู่ ท่านสอนให้ตั้งใจทำงาน โดยไม่ต้องไปคำนึงว่าปีนี้จะได้เงินเดือนขึ้นกี่ขั้น ให้ถือว่างานนั้นเป็นงานของเราเอง เพราะเราได้เงินจากการทำงานนั้นมาใช้จ่ายในการดำรงชีวิตให้ทรงอยู่ ให้ผู้มีพระคุณเป็นการตอบแทนพระคุณท่านบ้าง และนำมาทำบุญทำทานสร้างบุญกุศลให้ตัวเราเองด้วย

</dd><dd>ถ้าไม่ได้ทำงานเราจะเอาเงินที่ไหนมาใช้จ่าย บางครั้งที่ข้าพเจ้าลางานติดตามหลวงพ่อไปสอนพระกรรมฐาน หรือไปแจกของในถิ่นทุรกันดารบ้าง ท่านก็สอนว่า เวลากลับมาให้ตั้งใจทำ งานให้เต็มที่ มีความรับผิดชอบในหน้าที่ของเรา ไม่ให้บกพร่อง อย่าเกียจคร้าน อย่างนี้หัวหน้างานและเพื่อนร่วมงานก็ว่าเราไม่ได้

</dd><dd>สิ่งที่หลวงพ่อสอนไว้ยังมีอีกมาก ข้าพเจ้าเล่าเท่าที่ได้รับฟังมา และพอจะจำได้เท่านั้น เป็นความประทับใจที่หลวงพ่อมีเมตตา ปลูกฝังนิสัยที่ดีแก่ข้าพเจ้าและลูกศิษย์ทุกคนได้ปฏิบัติจนชินมาจนถึงทุกวันนี้ </dd>


<center></center>(จากหนังสือลูกศิษย์บันทึกเล่มพิเศษ)

 

พรานกุกุตมิต/ปลาทอง

<a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Doc2015/DSC_0142_1.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Doc2015/DSC_0142_1.jpg" border="0" alt=" photo DSC_0142_1.jpg"/></a>

<a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Doc2015/DSC_0150.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Doc2015/DSC_0150.jpg" border="0" alt=" photo DSC_0150.jpg"/></a>

<a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Doc2015/DSC_0153.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Doc2015/DSC_0153.jpg" border="0" alt=" photo DSC_0153.jpg"/></a>

<a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Doc2015/DSC_0163_1.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Doc2015/DSC_0163_1.jpg" border="0" alt=" photo DSC_0163_1.jpg"/></a>

<a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Doc2015/DSC_0167.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Doc2015/DSC_0167.jpg" border="0" alt=" photo DSC_0167.jpg"/></a>


(จากธัมมวิโมกข์ กรกฏาคม 2532 หน้า 28-32)

 

<a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/CLP/484278_101448580050692_1971583775_n.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/CLP/484278_101448580050692_1971583775_n.jpg" border="0" alt=" photo 484278_101448580050692_1971583775_n.jpg"/></a>

<a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/CLP/5467_101448556717361_1052327797_n.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/CLP/5467_101448556717361_1052327797_n.jpg" border="0" alt=" photo 5467_101448556717361_1052327797_n.jpg"/></a>

<a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Newest2014/e36b6238285a5331a3dee7634f8890d1.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Newest2014/e36b6238285a5331a3dee7634f8890d1.jpg" border="0" alt=" photo e36b6238285a5331a3dee7634f8890d1.jpg"/></a>

 

เวบไซต์วัดท่าซุงประกาศมาแล้วครับว่าหลังพิธีปลุกเสกจะจำหน่ายแหวนจักรพรรดิที่ตึกรับแขกตลอดคืน

 

สวัสดีพี่วรรณ และ สวัสดีลูกหลานหลวงพ่อทุกท่านค่ะ
เข้ามาตามเก็บความรู้ค่ะ
ปล.ขอบพระคุณพี่วรรณสำหรับคำแนะนำค่ะ ที่ว่าหากไม่สะดวกไปที่วัดก็รับยันต์เกราะเพชรที่บ้านได้..อาจจะเป็นยังงั้นค่ะ

 

สวัสดียามสายครับ พี่ๆน้องๆลูกหลานหลวงพ่อทุกท่านคร้าบ...

ขอบคุณมากๆครับพี่วรรณ สำหรับคำแนะนำในการใช้ยาเพิ่มเติม เดี๋ยวน๊อตจะลองไปเช่ามากินเพิ่มเติมควบคู่กันไปนะครับ

แล้วก็ขอบคุณเรื่องราวเกี่ยวกับอานิสงค์การถวายกฐินทาน 7 วัดด้วยครับ พอดีน๊อตแนะนำเพื่อนๆในออฟฟิตว่าให้ทำบุญกฐินให้ได้อย่างน้อย 7 วัด เลยอยากได้ข้อมูลให้เขาอ่านเพิ่มเติมด้วยหน่ะครับ ถ้าหากพี่วรรณค้นพบรบกวนขอข้อมูลเพิ่มเติมด้วยนะคร้าบ...^__^

 

<a data-flickr-embed="true" href="https://www.flickr.com/photos/136161333@N03/21945149630/in/dateposted-public/" title="00"><img src="https://farm6.staticflickr.com/5664/21945149630_f737e984ac_b.jpg" width="1024" height="1024" alt="00"></a><script async src="//embedr.flickr.com/assets/client-code.js" charset="utf-8"></script>

<a data-flickr-embed="true" href="https://www.flickr.com/photos/136161333@N03/22133316995/in/dateposted-public/" title="01"><img src="https://farm1.staticflickr.com/600/22133316995_4a7ce0806f_b.jpg" width="1024" height="1024" alt="01"></a><script async src="//embedr.flickr.com/assets/client-code.js" charset="utf-8"></script>

<a data-flickr-embed="true" href="https://www.flickr.com/photos/136161333@N03/22120771502/in/dateposted-public/" title="02"><img src="https://farm1.staticflickr.com/768/22120771502_40fced58e1_b.jpg" width="1024" height="1024" alt="02"></a><script async src="//embedr.flickr.com/assets/client-code.js" charset="utf-8"></script>

<a data-flickr-embed="true" href="https://www.flickr.com/photos/136161333@N03/21945459878/in/dateposted-public/" title="03"><img src="https://farm1.staticflickr.com/758/21945459878_90ee3fbe0d_b.jpg" width="1024" height="1024" alt="03"></a><script async src="//embedr.flickr.com/assets/client-code.js" charset="utf-8"></script>
<script src="https://widgets.flickr.com/embedr/embedr-8ccff9c833167a9fd200c4abe1736a3b.js" async=""></script><script src="https://embedr.flickr.com/assets/embedr-loader.js" async=""></script><script async="" src="//embedr.flickr.com/assets/client-code.js" charset="utf-8"></script>

 

เวลาผมเข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษกไม่ว่าจะสายวัดท่าซุงหรือสายไหนก็ตามจะอธิษฐานว่า พระท่านปลุกเสกวัตถุมงคลให้มีความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์เพียงใด ขอให้ปลุกเสกตัวของข้าพเจ้าให้มีความศักดิ์สิทธิ์เข้มขลังเพียงนั้นด้วย

จะให้ดีผมว่าต่อไปผมจะเพิ่มจิตใจให้ท่านปลุกเสกด้วยครับเผื่อจะลดละกิเลสได้อย่างเขาบ้าง

 

ถ้าไม่ได้ถวายผ้าไตรแต่เป็นร่วมทำบุญด้วยปัจจัยแทนจะมีผลเหมือนกันไหมครับ

 

สำหรับท่านใดที่สงสัยหรืออยากมีความรู้ในด้านการศึกษาวัตถุมงคลของหลวงพ่อวัดท่าซุง สามารถศึกษาแบบพิมพ์และจุดตำหนิจากหนังสือเล่มนี้ได้เลยครับ สามารถหามาศึกษากันได้ที่7-11ทุกสาขาครับ แต่สาขาหนึ่งจะมีไม่กี่เล่มนะครับ

รายละเอียดจะชัดเจนมากครับ ไม่ต้องไปพึ่งหรือไปโดนใครที่ไหนหลอกกันเลย ลองศึกษาดูครับ

กรณีศึกษาที่1 จากตัวผมเองได้เหรียญหลวงพ่อฤาษี-หลังท้าวเวสสุวัณ (ตชด.เขต8)
มา1เหรียญครับ เซียนในเว็บนี้บอกของปลอม แต่ก็มีกระแสบอกให้ทราบว่าของแท้ แต่ผมก็ลองพิสูจน์ไปเรื่อยๆ ศึกษาจากที่เขาปล่อยให้เช่ากันบ้าง ก็ดูตำหนิดูพิมพ์ ก็ตรงหมดแต่ไม่ทราบว่าเขาเรียกบล็อกอะไรครับหรืออะไรที่ชัดเจนครับ จนได้ซื้อหนังสือนี้มาศึกษาดูและดูจุดตำหนิ ก็ตรงหมด และปรากฏว่าแท้ครับ และไปตรงกับบล็อกถาวโรมีขีด ถ้าท่านใดสนใจแนะนำให้ลองซื้อดูครับ แต่หนังสือเล่มนี้มีจุดผิดอยู่4-5จุดในส่วนของประวัติและข้อผิดพลาดทางเทคนิค แต่รวมๆแล้วไม่มีปัญหาครับ เพราะเราทราบประวัติและข้อมูลที่แท้จริงจากพี่วรรณของเราอยู่แล้วครับ ส่วนเรื่องพิมพ์ จุดตำหนิ และชื่อบล็อก ของวัตถุมงคลของหลวงพ่อ หรือที่เราเรียกกันว่า สมบัติพ่อให้ นี่เป็นไปตามหลักสากลครับ ลองศึกษากันดูนะครับให้สมกับลูกหลวงพ่อ ถ้าไม่เป็นก็ต้องไปฝึก ครับ !!!

 

ถ้าผมจำไม่ผิดเหมือนหนังสือเล่มนี้จะมีปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์รูปภาพนะครับ เหมือนว่าผู้เขียนหนังสือเล่มนี้จะนำภาพพระเครื่องของหลวงพ่อจากหลากหลายแหล่งมากมายมาลงไว้โดยไม่ได้รับอนุญาตครับ

 

น่าจะใช่นะครับ เหมือนกำลังดำเนินคดีอยู่ครับ แต่ถ้าจะพูดในด้านของความรู้ดีมากเลยทีเดียวครับ แต่อย่างไรก็แล้วแต่กฏหมายจะตัดสินครับ แต่เป็นหนังสือที่เขียนจุดตำหนิและพิมพ์ออกมาชัดเจนครับ ใครใคร่ซื้อซื้อ ใครไม่ใคร่ซื้อก็ไม่ซื้อครับ เพียงแต่มาแนะนำกันครับผม

 

หนังสือเล่มนี้ เชื่อผมเถอะ อีกไม่นานผู้พิมพ์ คงต้องไปขอขมาท่านเจ้าอาวาส

และเรียกเก็บหนังสือทั้งหมด ผมเชื่อนะครับ คนดีผิดแล้วย่อมแก้ไข ส่วนพวกแก้ตัว อันนี้ผมมิทราบนะครับ

 

หนังสือทุกอย่างมีคุณค่าครับ แต่จะซื้อไม่ซื้ออยู่ที่ตัวเราครับ ไม่ได้บังคับนะครับ เพียงแต่มาแนะนำหนังสือดีที่ให้ความรู้ด้านจุดตำหนิ พิมพ์ บล็อก อะไรหลายๆอย่างครับ จะได้เป็นความรู้ใส่ตัวเรา แต่ถ้าเห็นว่าไม่สมควรซื้อก็ไม่ซื้อครับแล้วแต่จะพิจารณากัน ส่วนกฏหมายจะว่าอย่างไรแล้วแต่ศาลละกันครับ

 

สวัสดียามดึกครับพี่วรรณชัย,ท่านพี่วุฒิ,คุณsupatach,คุณtaoreedman,คุณfive304,คุณThis_old_man,คุณpalmcc38,คุณyommatood, คุณizeberry , คุณtossa ,คุณช่างชิต,คุณjj85,คุณ6ThSense,น้องแพน, พี่รุ่ง, พี่กฤต, คุณเพชร,คุณชาตรี ช้างน้อย ,คุณออกพราน,คุณrung847,พี่chopper,คุณระงับ,คุณsylvenus,คุณรัก_ในหลวง ,คุณramo , คุณCobraa ,คุณนิช,คุณpowergen, คุณKRITVEE ,คุณบารมี10 คุณเมฆดำ ,คุณหมาอ้วน และศิษย์วัดท่าซุงผู้มีจิตใจดีงามทุกๆท่าน.(^__^)

 

เพชรเขาพระงามคืออะไร

เนื่องในโอกาสครบ 100 ปีเกิดหลวงพ่อในปีหน้านี้ทางวัดได้นำเพชรเขาพระงามดิบที่หลวงพ่อได้เก็บไว้ออกมาเจียระไนแล้วมาใส่บนตัวเรือนแหวนทำเป็นแหวนจักรพรรดิ์รุ่นใหม่ บางท่านอาจทราบเพียงว่ามีความแข็งใกล้เคียงเพชรและต่อไปภายหน้าจะกลายสภาพเป็นเพชรไป


เพชรเขาพระงามที่่จริงแล้วก็คือแร่ธาตุตระกูลควอตซ์ (Quartz) หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “หินเขี้ยวหนุมาน” หรือ "โป่งข่าม" (เป็นชื่่อตามภาษาคนภาคเหนือ) หรือเรียกหินดินสอก็มี เพราะว่าควอตซ์ ส่วนมากเกิดเป็นรูปผลึก รูปร่างเป็นแท่งเหมือนแท่งดินสอที่เป็นเหลี่ยมหกด้าน ปลายมักแหลม ผลึกมักเกิดเกาะกันเป็นหมู่ หรือแม้แต่เบียดกันเป็นผลึกซ้อนก็มี ส่วนมากผลึกมีขนาดใหญ่ เล็ก ยาว สั้น ไม่เท่ากัน ชาวเหนือมักเรียกว่าหน่อแก้ว และส่วนที่เรียกว่าเพชรเขาพระงามเพราะนำมาเจียระไนแล้วนำมาส่องไฟมีประกายแพรวพราวเหมือนเพชรจึงเรียกว่าเพชรเขาพระงามตามแหล่งที่ขุดได้บริเวณเทือกเขาพระงามในตำบลเขาพระงาม จังหวัดลพบุรี


ควอตซ์เป็นรัตนชาติ(gemstone)ชนิดหนึ่งมีค่าความแข็งอยู่ที่ 7 โมห์สเกล (Moh's scale of hardness ความแข็งมี 10 ขั้น เพชรแข็งสุดมีค่าความแข็งอยู่ที่ 10) แร่ตระกูลควอทซ์นี้มีมากมายหลายสี เช่นควอตซ์สีชมพูจะเรียกว่าโรสควอตซ์(rose quartz) สีเทาหรือสีควันไฟจะเรียกว่า smoky quartz สีขาวขุ่นคล้ายนมก็เรียกว่า milky quartz สีเขียวอ่อนก็เรียกว่า green quartz ถ้าควอตซ์สีม่วงจะเรียกว่าอะเมทิสท์ (amethyst) หรือควอตซ์สีเหลืองก็คือซิทริน(citrine)

ส่วนควอตซ์ที่ใสไม่มีสี ไม่มีอะไรแทรกปนอยู่เนื้อด้านในก็จะเรียกว่า rock crystal ภาษาไทยเรียกว่า "แก้วน้ำหาย" คนจีนเรียกว่า "จุ๊ยเจีย" ถ้าคนทางภาคเหนือก็เรียกว่า "โป่งข่าม"นั่นเอง ควอตซ์ใสไม่มีสีแบบนี้อาจพบเป็นก้อนใหญ่พอที่จะเอามาเจียระไนเป็นลูกแก้วกลมที่เรียกว่า crystal ball ลูกใหญ่ๆอย่างที่หมอดูลูกแก้วเขาใช้กัน และถ้าควอตซ์ไม่มีสีนี้มีแร่อย่างอื่นปนอยู่ภายในเนื้อเช่น แร่รูไทล์(rutile)หรือแร่ tourmaline ที่ลักษณะเป็นเส้นสีดำหรือดำปนเทาอยู่ภายในก็เรียกกันว่าแก้วขนเหล็ก (hair stone) หรือคำศัพท์ในเพชรพลอยวิทยาจะเรียกควอตซ์ประเภทนี้ว่า (rutilated quartz) หรือพวกแก้วเข็มทอง ฝนทอง ไหมทองก็จะมีแร่พวก crocidolite อยู่เนื้อด้านใน


ควอตซ์มีหลากสีและมีความหลากหลายของแร่ที่่ปนอยู่ในเนื้อและมีชื่อเรียกต่างกันไปมีมากจึงนับว่าเป็นรัตนชาติตระกูลใหญ่ตระกูลนึง แต่ควอตซ์สามารถแบ่งออกกว้างๆได้เป็น 2 ประเภทคือผลึกหยาบและผลึกละเอียด เพชรเขาพระงามหรือหินเขี้ยวหนุมาณหรือโป่งข่ามอยู่ในประเภทผลึกหยาบ ส่วนควอตซ์ผลึกละเอียดก็เช่น หินเลือดพระลักษณ์ (bloodstone) ,โมรา (agate), แจสเปอร์ (jasper) เป็นต้น

หินควอตซ์ถือเป็นหินนำโชคชนิดหนึ่งว่ากันว่ามีพลังต่างๆกันไปแล้วแต่สีและชนิด แต่เพชรเขาพระงามดิบที่หลวงพ่อสั่งให้นำมาแช่ในบ่อน้ำมนต์เก็บไว้แต่ปี 2530 ได้ผ่านพิธีพุทธาภิเษกมาแล้วต้องมีพระพุทธคุณเหมือนพระเครื่องและวัตถุมงคลของหลวงพ่อทุกประการ น้บเป็นโอกาสอันดีของลูกหลานหลวงพ่อที่จะได้ของวิเศษราคาย่อมเยาว์มาบูชากันได้อย่างทั่วถึง

 

<a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Amulets2015/DSC_0045.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Amulets2015/DSC_0045.jpg" border="0" alt=" photo DSC_0045.jpg"/></a>

 

หลวงพ่อเล่าเมื่อครั้งปลุกเสกผ้ายันต์พิชัยสงครามที่วัดบวรฯเอาไว้ว่าครั้งนั้นปลุกเสกไป 4 แสนผืน ในหลวงทรงจุดเทียนชัยในงานพิธีพุทธาภิเษก

ตามธัมมวิโมกข์ฉบับเดือน พฤศจิกายน 2550 พิธีปลุกเสกผ้ายันต์พิชัยสงครามที่วัดบวรนิเวศ มีขึ้นในเดือนสิงหาคม 2518
























(จากหนังสือ " รวมคำสอนธรรมปฏิบัติ เล่ม 9 " หน้า 508 - 514)