จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    43,773
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,038
    ******************
    ห่างกัน ๙๐๐ก ม หรือ ๒๐๐๐ไมล์กว่าๆค่ะ
     
  2. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    43,773
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,038
    "กาย คือหินลับสติปัญญา"

    " .. จิตถ้าได้รับการแก้ไขดัดแปลงด้วยสติปัญญาอยู่เสมอแล้ว จะเปลี่ยนแปลงอาการของจิต จากความหยาบ เข้าสู่ความละเอียดเรื่อย ๆ ไป เปลี่ยนไปเรื่อย

    "หินลับของสติปัญญา คือกาย" นี่เป็นสำคัญ กายมีอะไรอยู่ที่นี่ เราติดอะไรทุกวันนี้ก็ติดกาย สำคัญว่ากายเป็นเราเป็นของเราเป็นของเขา นี่เป็นหลักใหญ่ เรียกว่า "อุปาทาน" ยึดมาตั้งแต่ไหนแต่ไร แล้ว
    คลี่คลายดูให้ดี ด้วยอุบายวิธีดังที่เคยสอนแล้ว

    เราจะพิจารณากายนอกก็ตาม กายในก็ตาม กายหญิงก็ตามกายชายก็ตาม ถ้าพิจารณาเพื่อความถอดถอน เพื่อความแก้ไข เพื่อความเบื่อหน่าย เพื่อความเห็นตามเป็นจริงของสิ่งนั้น ๆ แล้วจะไม่ผิด

    ทุกข์สมุทัยมีอยู่ทั่ว ๆ ไปทั้งภายนอกภายใน "มรรค" คือการถอดถอนกิเลสด้วยอุบายสติปัญญานี้ จึงมีอยู่ทั่วไป มีได้ทั่วไป พิจารณาได้ทั่วไป ไม่มีอะไรมาขัดข้อง .. "

    หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. pattranit uk

    pattranit uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 เมษายน 2012
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +1,446
    อานาปานุสสติ

    "อานาปานุสสติ" แปลว่า ระลึกถึงลมหายใจเป็นอารมณ์ กรรมฐานกองนี้เป็นกรรมฐานกองใหญ่ คุมกรรมฐานกองอื่น ๆ เสียสิ้น เพราะจะปฏิบัติกรรมฐาน ๔๐ กองนี้ กองใดกองหนึ่งก็ตาม จะต้องกำหนดลมหายใจเสียก่อนหรือกำหนดลมหายใจไปพร้อม ๆ กับกำหนดพิจารณา กรรมฐานกองนั้นจึงจะมีผล
    อานาปานุสสติ มีผลถึงฌาน ๔ สำหรับท่านที่มีบารมีเป็น "พุทธสาวก" ถ้าท่านที่มีบารมีในวิสัย"พุทธภูมิ" คือ ท่านที่เป็น"พระโพธิสัตว์" ท่านผู้นั้นจะทรงฌานในอานาปานุสสติถึงฌานที่ ๕

    เมื่อมีทุกขเวทนาเกิดขึ้นทางกาย ท่านที่ได้ฌานในอานาปานุสสติเข้าฌานจนถึงจตุตถฌานแล้วทุกขเวทนาจะระงับทันที เพราะจิตแยกจากขันธ์ ๕ ไม่รับรู้ทุกขเวทนาของขันธ์ ๕ ท่านหนีทุกข์ด้วยการเข้าฌาน

    ท่านที่ได้ฌานอานาปานุสสติ สามารถกำหนดรู้กำหนดเวลาตายของท่านได้ตรงตามความเป็นจริง โดยกำหนดล่วงหน้าได้เป็นเวลาแรมปี เมื่อจะตายก็สามารถบอกได้ว่าเวลาเท่านั้นเท่านี้ท่านจะตาย และตายด้วยอาการอย่างไร เพราะโรคอะไร

    ท่านที่ได้ฌาน ๔ ในอานาปานุสสติแล้ว จะปฏิบัติพระกรรมฐานกองอื่น ๆ อีก ๓๙ กองนั้น ท่านเข้าฌานในอานาปาก่อน แล้วถอยหลังจิตมาดำรงอยู่แค่อุปจารสมาธิ แล้วกำหนดกรรมฐานกองนั้น ๆ ท่านจะเข้าถึงจุดสูงสุดในกรรมฐานกองนั้น ๆ ได้ภายใน ๓ วันเป็นอย่างช้า ส่วนมากได้ถึงจุดสูงสุดของกรรมฐานกองนั้น ๆ ภายในที่นั่งเดียว

    จุดจบของอานาปานุสสติ คือ ฌานที่ ๔ หรือที่ ๕ ได้แก่กำหนดลมหายใจจนไม่ปรากฏลมหายใจ ที่ท่านเรียกกันว่า"ลมหายใจขาด" ความจริงไม่ขาดหายไปไหน เพียงแต่กายกับจิตแยกกันเด็ดขาด จิตไม่รับรู้อาการทางกาย การหายใจ หรือการเคลลื่อนไหวใด ๆ ทางกายจึงไม่ปรากฏแก่จิต ตามความนิยม ท่านเรียกว่า "ลมขาด"

    การปฏิบัติในอานาปานุสสติ ไม่มีอะไรยุ่งยาก ไม่มีองค์ภาวนา ไม่มีพิธีรีตองอะไรเพียงแต่กำหนดลมหายใจเข้าออกตามฐานที่กำหนดไว้ให้รู้อยู่หรือครบถ้วนเท่านั้น เวลาหายใจเข้าก็รู็ว่าหายใจเข้า หายใจออกก็รู็อยู่ว่าหายใจออก พร้อมสังเกตลมหายใจกระทบ ๓ ฐาน

    ฐานที่ ๑ กำหนดที่ริมฝีปากและที่จมูก เมื่อหายใจเข้า ลมจะกระทบที่จมูก เมื่อหายใจออกลมจะกระทบที่ริมฝีปาก

    ฐานที่ ๒ หน้าอก เมื่อลมผ่านเข้าหรือผ่านออกก็ตาม ลมจะต้องกระทบที่หน้าอกภายใน ลมกระทบทั้งลมเข้าและลมออก

    ฐานที่ ๓ ศูนย์ที่ท้องเหนือสะดือนิดหน่อย ลมหายใจเข้าหรือลมหายใจออกก็ตาม จะต้องกระทบที่ท้องเสมอทุกครั้ง

    "สามฐาน"นี้มีความสำคัญมาก "เป็นเครื่องวัดอารมณ์ของจิต" ถ้าจิตกำหนดจับฐานใดฐานหนึ่งไม่ครบ ๓ ฐาน แสดงว่าอารมณ์ของจิตระงับอกุศลที่เรียกว่า"นิวรณ์ ๕" ได้แต่อารมณ์หยาบ อารมณ์อกุศลที่เป็นอารมณ์กลางและละเอียดยังระงับไม่ได้ สมาธิของท่านผู้นั้นอย่างสูงก็ได้เพียง"ขณิกสมาธิละเอียด"เท่านั้น ยังไม่เข้าอุปจารสมาธิ ยังไกลจากฌานที่ ๑ มาก

    ถ้าผู้ใดกำหนดรู้ลมผ่านได้ ๒ ฐาน แสดงว่าอารมณ์ผู้นั้นดับอกุศล คือ นิวรณ์ได้ในอารมณ์ปานกลาง ส่วนอารมณ์นิวรณ์ละเอียดอันเป็นอนุสัย ยังระงับไม่ได้ สมาธิของท่านผู้นั้นอย่างสูงแค่ "อุปจารสมาธิ" จวนจะเข้าถึง "ปฐมฌาน"
    ถ้าผู้ใดกำหนดรู้ลมผ่านกระทบได้ทั้ง ๓ ฐาน ท่านผู้นั้นระงับนิวรณ์ละเอียดได้แล้ว สมาธิเข้าถึงปฐมฌาน

    ไม่มีสมาบัติใดจะเป็นสุขเท่าอานาปานุสสติ เพราะเป็นสมาบัติระงับกายสังขาร คือดับเวทนาได้ดีกว่าสมาบัติอื่น พระอรหันต์ทุกองค์ พระพุทธเจ้าเองก็ทรงอยู่เป็นสุขด้วยอานาปานุสสติ

    จงฝึกฝนให้ชำนาญและคล่องแคล่วฉับไวในการเข้าฌาน ๔ เพื่อผลในการระงับทุกขเวทนาอย่างหนึ่ง และเพื่อผลในการช่วยฝึกฌานในกองอื่นอีกอย่างหนึ่ง

    การฝึกกำลังใจของเรา ต้องรู้ลีลา ต้องมีความฉลาด ต้องใช้ความพยายาม ถ้าเราฉลาดมากก็ใช้เวลาน้อย เราฉลาดน้อยก็ใช้เวลามากหน่อย ถ้าไม่ฉลาดเลย เลยไม่ได้อะไรสักอย่าง นักปฏิบัติพระกรรมฐานถ้ายังบอกว่ากลัวตาย หวาดโน่นหวาดนี่ เลิกดีกว่า ไม่ได้ดูถูก แต่ขืนยังกลัวอยู่จะไปทำมันทำไม มันไม่ได้อะไร

    ขอบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายจงถือเอาอานาปานุสสติกรรมฐานนี้เป็นสำคัญ "จะขึ้นต้นกรรมฐานแบบไหนก็ตาม ต้องขึ้นต้นด้วยอานาปานุสสติกรรมฐานเสียก่อน" มิฉะนั้นอารมณ์ของท่านจะฟุ้งซ่าน ไม่ทรงอารมณ์ตามอัธยาศัย

    โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง
    พ่อสอนลูก ครบ ๖ รอบหน้า ๑๙๐-๑๙๓
    ( ลิขสิทธิ์เป็นของ "ทีมงานเว็บวัดท่าซุง" )
     
  4. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    43,773
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,038
    [​IMG]

    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ - มรณะสัญญา [ตอนเดียว จบ]

    https://youtu.be/X39eZC5ozUc
    พ่อของเราๆ ฟังแล้วอย่านํ้าตาไหลนะ
    เจริญธรรมทุกๆท่านค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • LPRuesri3 (2).jpg
      LPRuesri3 (2).jpg
      ขนาดไฟล์:
      116.1 KB
      เปิดดู:
      1,227
    • Sadhu.jpg
      Sadhu.jpg
      ขนาดไฟล์:
      6.7 KB
      เปิดดู:
      36
  5. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    43,773
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,038
    " ถ้าได้เกิดเป็นมนุษย์อยากจะทำอะไร"

    เทวดา ตอบว่า
    "เราจะพิจารณาธรรม เพราะมนุษย์มีกายสังขาร ที่เหมาะกับการพิจารณาธรรมมาก ร่างกายของมนุษย์เป็นเครื่องมือที่ใช้พิจารณาธรรมได้ดีที่สุด น่าอิจฉาพวกมนุษย์จริงๆ"

    พญานาค ตอบว่า
    "บวชสิ ถ้าได้เกิดเป็นมนุษย์ เราจะบวช ... เป็นพญานาคมีฤทธิ์มากก็จริง แต่บวชไม่ได้ พ้นทุกข์ไม่ได้ ไม่เหมือนมนุษย์ พระพุทธเจ้าไม่อนุญาตให้นาคบวช แต่มนุษย์บวชได้ มนุษย์ไปนิพพานได้ แสนประเสริฐ"

    พระภูมิเจ้าที่ ตอบว่า
    "ถ้าได้เกิดเป็นมนุษย์อีกครั้ง คราวนี้เราจะไปทำบุญใส่บาตรทุกวัน ไม่ต้องมานั่งรอคนอุทิศส่วนกุศลมาให้เราอีก ไปทำเองเลย เพิ่มบารมีได้เร็วทันใจดี"

    สัตว์เดรฉาน ตอบว่า
    "ถ้าได้เกิดเป็นมนุษย์ เราจะสงเคราะห์สัตว์ตัวอื่นๆ ... เป็นสัตว์นั้นทุกข์มาก พูดก็ไม่ได้ คิดอะไรฉลาดๆ ก็ไม่ได้ ... เป็นมนุษย์มีสมอง มีปัญญา เราจะใช้ปัญญาของมนุษย์ทำให้ตัวเองไม่ต้องมาเป็นสัตว์อีก"

    เปรต ตอบว่า
    "เราไม่อยากมีหน้าตาน่าเกลียด ไม่อยากมีปากเท่ารูเข็ม มีรูปร่างสูงเหมือนต้นตาล ... ถ้าได้เกิดเป็นมนุษย์ เราจะถือศีล จะได้ไม่ต้องมาเป็นเปรตผู้หิวโหย อดๆ อยากๆ ทนทุกข์ทรมานแบบนี้"

    สัตว์นรกในอเวจี ตอบว่า
    "ถ้าได้เกิดเป็นมนุษย์ เราจะทำความดี จะไม่ผิดศีลอีก จะปฏิบัติธรรม ... เพราะนรกมันร้อน มันโหดร้าย อยู่แล้วมีแต่ความเจ็บปวด ทุรนทุราย ... ถ้าข้ามีโอกาสอีกครั้ง เราจะไม่ทำเลว เราไม่อยากทรมาน ไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นสัตว์นรกอีก"

    แต่เมื่อถามคำถามเดียวกัน
    มนุษย์ตอบว่า.....อยากรวย..!!!!!

    อนิจจาใครหนอน่าสงสารที่สุด
    มนุษย์ผู้ที่อยากรวยแต่ทรัพย์สมบัติภายนอก ทั้งที่มีโอกาสจะทำบุญกุศลมากกว่าเพื่อน ทำให้มีอริยทรัพย์คือทรัพย์อันประเสริฐเป็นของติดตัว อยู่ภายในใจ มี ๗ สิ่งคือ สัทธา ศีล หิริ โอตตัปปะ พาหุสัจจะ จาคะ ปัญญา

    ขอขอบคุณหลวงพี่เลิศไพบูลย์ พนานาคคุ้ม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    43,773
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,038
    [​IMG]

    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ - อภิญญา [ตอนเดียว จบ]

    https://www.youtube.com/watch?v=1n8g1U8GMTM
    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ - สมาบัติ 8 ปฏิสัมภิทาญาณ [ตอนเดียว จบ]

    https://www.youtube.com/watch?v=agZ687pZqkU
    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ - การฝึกปฏิบัติแบบเตวิชโช [ตอนเดียวจบ]

    https://www.youtube.com/watch?v=54oxU6AcrIM
    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ - การฝึกปฏิบัติแบบฉฬภิญโญ [ตอนเดียวจบ]

    https://www.youtube.com/watch?v=SBU-Wi4-7GY
    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ -เสียงธรรมก่อนนิทรา [ตอนเดียว จบ]

    https://www.youtube.com/watch?v=DZ8EnXXqR_A
    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ - บันทึกความจำพิเศษ [ตอนเดียวจบ]

    https://www.youtube.com/watch?v=-3QEdQjMgik

    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ - พระกาลบอกเวลาตาย [ตอนเดียวจบ]

    https://www.youtube.com/watch?v=qVQkZPVzkZc
    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ - พรหมวิหาร 4 [ตอนเดียว จบ]

    https://www.youtube.com/watch?v=mvm1A2RJPyc
    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ - "อดีตรำลึก" แนะนำให้ฟัง [ตอนเดียว จบ]

    https://www.youtube.com/watch?v=oy3mIUFqcH4
    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ - เมื่อข้าพเจ้าตาย [ตอนเดียวจบ]

    https://www.youtube.com/watch?v=HknPWmXiw_Y
    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ - ฤาษีสอนลูกใต้ร่มไทรงาม [ตอนเดียวจบ]

    https://www.youtube.com/watch?v=bAumGbc8P6s
    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ - ประวัติสร้างสมเด็จองค์ปฐมและเจดีย์พุดตาล [ตอนเดียวจบ]

    https://www.youtube.com/watch?v=SpoDzZiUBfc
    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ - อุทุมพริกสูตร [ตอนเดียวจบ]

    https://www.youtube.com/watch?v=2itF0GKuX2U
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • LP Ruesri1.jpg
      LP Ruesri1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      77.2 KB
      เปิดดู:
      960
    • Sadhu.jpg
      Sadhu.jpg
      ขนาดไฟล์:
      6.7 KB
      เปิดดู:
      29
  7. pattranit uk

    pattranit uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 เมษายน 2012
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +1,446
    .
    ```` รู้มั๊ยทำไมสติถึงเกิด ..?
    หัดรู้จักสภาวะบ่อยๆนะ สติถึงเกิด

    ````` รู้มั๊ยทำไมสมาธิถึงเกิด..?
    ถ้าจิตใจมีความสุขอยู่ในอารมณ์อันเดียว สมาธิก็เกิด

    ````` รู้มั๊ยทำยังไงใจจะตั้งมั่นเป็นผู้รู้ผู้ดู..?
    ต้องรู้ทันใจที่หลงที่ไหลไป ใจก็จะไม่ไหลไป
    ตั้งมั่นเป็นผู้รู้ผู้ดู ไม่ต้องบังคับไว้

    ````` รู้มั๊ยทำไมปัญญาถึงเกิด..?
    ปัญญาเกิดเพราะเครื่องมือ ๒ ตัวนะ มีสติกับสมาธิ

    มีสติระลึกรู้รูปรู้นามที่กำลังปรากฏ
    ระลึกรู้รูปเนี่ย รู้ลงปัจจุบันเลย
    ถ้าระลึกรู้จิตใจนะ จะรู้ตามหลังไป ติดๆ
    จะไม่เหมือนกัน
    งั้นเวลารู้รูปเนี่ย รู้ลงปัจจุบัน
    เวลาดูจิตดูใจเนี่ย จะดูดวงที่ดับไปสดๆร้อนๆนะ

    ````` ทำไมเราดูจิตดวงปัจจุบันไม่ได้..?
    เพราะจิตนั้นอายุสั้นมาก ไม่เหมือนรูป รูปอายุยืน
    รูปกว่าจะเกิดดับทีหนึ่งนะจิตเกิดดับไปตั้ง ๑๗ ครั้ง
    ในขณะที่จิตนั้นรับอารมณ์ได้ครั้งละอย่างเดียว
    แล้วก็แวบเดียวก็ดับแล้ว

    งั้นอย่างจิตมีความโกรธเกิดขึ้น
    จิตที่มีความโกรธเกิดขึ้นนะอยู่ได้แวบเดียว
    ในขณะที่จิตมีความโกรธเกิดขึ้นจิตเป็นอกุศล
    ในขณะที่จิตเป็นอกุศลสติจะไม่มี
    นี่เป็นกฏของธรรมะทั้งหมดเลย

    งั้นเมื่อไหร่จิตโกรธอยู่อย่างนี้ จิตเป็นอกุศล
    เราจะมีสติรู้ว่าจิตโกรธเป็นไปไม่ได้
    กุศลกับอกุศลไม่เกิดร่วมกัน

    แต่ว่าถ้าเราเคยฝึก แล้วจิตมันจำสภาวะของความโกรธได้แม่น
    พอความโกรธเกิดขึ้นปั๊บ สติระลึกได้
    มันจะเห็นจิตดวงตะกี้โกรธนะ
    จิตดวงใหม่เนี่ย เป็นดวงรู้
    ไม่ใช่ดวงที่โกรธ

    อย่างจิตโลภเกิดขึ้นมีจิตอีกดวงหนึ่งระลึกขึ้นมาได้ว่า
    จิตเมื่อกี้นี้โลภ จิตดวงที่รู้เนี่ยไม่ได้โลภ
    จิตฟุ้งซ่านเกิดขึ้น
    มีจิตดวงหนึ่งไปรู้ว่าจิตตะกี้นี้ฟุ้งซ่าน
    จิตดวงที่รู้เนี่ยไม่ฟุ้งซ่าน
    งั้นดูจิตเนี่ย จะดูตามหลังไปเรื่อยๆ
    ไม่ได้ดูลงปัจจุบัน
    แต่ ตามหลังแบบติดๆ เรียกว่าปัจจุบันสันตติ
    สันตติ [แปลว่า]ความสืบเนื่องความสืบต่อกัน

    ไม่เหมือนดูร่างกาย ดูร่างกายเป็นปัจจุบันขณะ
    ดูขณะปัจจุบันได้เลย
    อย่างกำลังเคลื่อนไหวอยู่อย่างนี้รู้สึกนะ
    รู้สึกได้เลยว่า ตัวที่เคลื่อนไหวอยู่นี้ ไม่ใช่เรา

    งั้นดูรูปกับดูนามไม่เหมือนกัน
    สติระลึกรู้กายเนี่ย รู้ลงปัจจุบัน
    สติดูจิต ตามหลังติดๆ ไป ตามหลังห่างๆไม่ใได้
    ตามหลังติดๆ

    ให้มีสติรู้กายรู้ใจ/รู้รูปรู้นามนะ

    แต่ลำพังมีสติอย่างเดียวปัญญายังไม่เกิด
    ต้องมีสมาธิชนิดที่เรียกว่าลักขนูปณิชฌาน
    จิตที่ตั้งมั่นเป็นผู้รู้ผู้ดูด้วย ปัญญาถึงจะเกิด

    ถ้ามีสมาธิชนิดอารัมณูปนิชฌาน ปัญญาก็ไม่เกิด
    เช่นเราเคลื่อนไหวมืออยู่เนี่ย
    จิตแนบเข้าไปอยู่ที่มือไปนิ่งอยู่ที่มือนะ
    จะไม่มีความรู้สึกอะไรเกิดขึ้นมาเลย
    จะไม่รู้สึกหรอกว่ามือไม่ใช่ตัวเรา

    แต่ถ้าจิตตั้งมั่นเป็นผู้รู้ผู้ดูอยู่
    สติระลึกรู้รูปที่เคลื่อนไหวอยู่ จิตเป็นคนดูอยู่ต่างหาก
    มันจะเห็นเลยว่าตัวนี้มันไม่ใช่เรา
    มันแยกออกไปนะ ความรู้สึกมันจะแยก
    กายก็อยู่ส่วนหนึ่งจิตก็อยู่ส่วนหนึ่ง แยกออกจากกัน

    พอไปเห็นเวทนาเข้านะ
    จิตมันตั้งมั่นเป็นผู้รู้ผู้ดูอยู่
    เห็นเวทนาแยกออกไป
    จิตไม่เข้าไปคลุกอยู่กับเวทนา

    เห็นกุศลอกุศลเกิดขึ้นจิตตั้งมั่นเป็นผู้รู้ผู้ดูอยู่
    กุศลกับอกุศลก็แยกออกจากจิต ไม่ใช่จิต
    แล้วเราก็จะเห็นในฉับพลันนั้นเลยว่าไม่ใช่เราหรอก มันเป็นสิ่งหนึ่งที่แยกออกไปต่างหาก

    งั้นจะมีปัญญาได้นะ ต้องอาศัยสติ
    ระลึกรู้รูปลงปัจจุบัน
    ระลึกรู้จิตใจแบบติดๆกับปัจจุบัน
    รู้จิตดวงที่ดับไปสดๆร้อนๆ
    แต่ตอนที่รู้เนี่ย
    ต้องรู้ด้วยจิตที่ตั้งมั่นมีลักขนูปณิชฌาน
    ไม่ใช่จิตที่มีอารัมณูปนิชฌานเพ่งแนบอยู่ที่ตัวอารมณ์
    จะไม่เกิดปัญญา

    จิตที่แนบเข้ากับตัวอารมณ์เป็นสมถะ
    เป็นจิตที่ใช้ทำสมถะ สมาธิอย่างนั้นทำสมถะ

    ถ้าจิตที่มีลักขณูปนิชฌานนะ
    จิตจะตั้งมั่นเด่นดวงขึ้นมา -- เห็นลักษณะ
    ไม่ได้ดูตัวอารมณ์นะ
    ดูลักษณะ ดูความเป็นไตรลักษณ์
    ของอารมณ์รูปอารมณ์นาม
    คำว่าอารมณ์คือสิ่งที่ถูก[จิต]รู้

    งั้นสติระลึกรู้รูป ระลึกรู้นาม
    จิตตั้งมั่นเป็นผู้รู้ผู้ดูอยู่ ปัญญาถึงจะเกิด
    ปัญญาก็จะเห็นไตรลักษณ์

    ถ้าไม่เห็นไตรลักษณ์ไม่เป็นปัญญา
    ไม่ใช่ปัญญาในการปฏิบัติ[ธรรม]

    อย่างเฉลียวฉลาดทางโลกเนี่ย
    เป็นปัญญาทางโลก
    ไม่ใช่ปัญญาจากการทำวิปัสสนา ไม่เห็นไตรลักษณ์

    งั้นถ้าเห็นแต่รูปเห็นแต่นาม
    จิตเกาะนิ่งอยู่กับรูปกับนาม
    มีสมาธิชนิดอารัมณูปนิชฌานเห็นรูปนาม
    [แต่ไม่เห็นรูปนามแสดงไตรลักษณ์--ผู้ถอดความ]

    บางคนคิดว่าดูท้องพองยุบ
    หรือถ้าเดินจงกรมเห็นร่างกายยกเท้าย่างเท้า
    เห็นหมดเลยนะ หรือรู้ลมหายใจอยู่
    จิตสงบนิ่งอยู่กับลมไม่หนีไปไหนเลย
    คิดว่าทำวิปัสสนาอยู่ ไม่ได้ทำหรอก
    ยังไม่ได้ทำ

    จะขึ้นวิปัสสนาได้ต้องเป็นลักขนูปณิชฌาน
    เห็นลักษณะ ไม่ใช่เห็นอารมณ์
    เพียงแต่ลักษณะนั้นมันแนบอยู่กับอารมณ์
    อารมณ์คือตัวรูปตัวนาม

    * งั้นทำวิปัสสนาไม่ใช่เห็นรูปนาม
    แต่เห็นความเป็นไตรลักษณ์ของรูปนาม *

    ตัวนี้ต้องแยกให้ชัดเลยนะ
    ถ้าไม่ชัดเราจะมั่วซั่วเวลาภาวนา
    เสียเวลานาน
    ... .. ... .. ... .. ... ..

    ต้องระวังนะ ดูจิตต้องเห็นไตรลักษณ์ของจิตนะ
    ถึงจะเป็นวิปัสสนา
    ถ้าดูจิตแล้วเห็นแต่จิตไปจ้องตัวจิตอยู่
    เป็นการเพ่งตัวอารมณ์
    ตัวนี้ต้องแยกให้ชัดนะ

    เมื่อไหร่เพ่งอารมณ์ เมื่อนั้นเป็นสมถะ
    เมื่อไหร่เห็นความเป็นไตรลักษณ์ของอารมณ์
    เมื่อนั้นเป็นวิปัสสนา

    _/|\_ _/|\_ _/|\_

    #หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช

    วัดสวนสันติธรรม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี

    ไฟล์เสียง สวนสันติธรรม CD แผ่นที่ ๓๘
    Flie: 531212 ธรรมเทศนาระหว่าง
    นาที เริ่ม-- 7:29

    ดาวน์โหลดไฟล์เสียงธรรมะ
    ธรรมะและการเจริญสติในชีวิตประจำวัน
    .....
    กราบคุณพระรัตนตรัยด้วยความเคารพอย่างสูง
    กราบพ่อแม่ครูบาอาจารย์ด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ
    .....
     
  8. pattranit uk

    pattranit uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 เมษายน 2012
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +1,446
    พระธรรมคำสอนสมเด็จองค์ปฐม

    "เมื่อพิจารณาธรรมตามความเป็นจริง
    ก็จักเห็นว่าจิตใจของตนเองนั้นโง่ไปเอง
    อันไปยึดความผิดความถูก โดยปรุงแต่ง
    ขึ้นมาเป็นอุปาทาน

    เมื่อเห็นเช่นนี้ก็จงอย่าโทษใคร ให้โทษ
    ใจของตนเอง ธรรมทั้งหลายไม่มีการแก้ไข
    เพราะเป็นความจริง ให้แก้ไขจิตใจของตนเองว่า
    จงอย่าฝืนความจริง อริยสัจ เเปลว่าของจริง
    ที่พระอริยเจ้าทั้งหลายท่านยอมรับ
    การปฏิบัติธรรมให้ได้ผลจักต้องยอมรับนับถือ
    ในอริยสัจ จำข้อนี้เอาไว้ให้ดี"

    ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น
    รวบรวมโดย : พล.ต.ท. นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน
     
  9. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    43,773
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,038
    "ทุกคนจะต้องเข้ามหายุทธสงครามสักวันหนึ่ง คือการ ต่อสู้กับมัจจุราช เมื่อถึงเวลานั้นแต่ละคนจะต้องสู้เพื่อ ตนเอง และต้องสู้โดยลำพัง ผู้ที่สู้ได้ดีก็จะไปดี คือไปสู่ สุคติ ผู้ที่เพลี่ยงพล้ำก็จะไปร้าย คือไปสู่ทุคติ อาวุธที่ใช้ ต่อสู้มีเพียงสิ่งเดียว คือ "สติ" ซึ่งจะสร้างสมได้ด้วยการ เจริญภาวนาเท่านั้น"

    หลวงปู่ฝั้น อาจารโ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. pattranit uk

    pattranit uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 เมษายน 2012
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +1,446
    ขอทุกท่านสุขกายสบายใจรักษาตนให้พ้นจากโรคภัยทั้งสิ้นเทอญ. สาธุค่ะ:cool:
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • image.jpg
      image.jpg
      ขนาดไฟล์:
      140 KB
      เปิดดู:
      63
  11. pattranit uk

    pattranit uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 เมษายน 2012
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +1,446
    "จิตนี่มันมีอารมณ์เป็นอาหาร คือเรื่องต่างๆมาขังอยู่ในใจ
    อารมณ์ขั่นหากว่าคนบ่มีอารมณ์ หมายถึงทุกอย่างมันว่างเปล่า
    บ่มีหยัง บ่มีดีมีชั่ว บ่มีบาปมีบุญ ได้เห็นทางที่พระพุทธเจ้าเพิ่นว่า
    ให้รู้เรื่องสมมุติ ขั่นรู้เรื่องสมมุติที่เป็นโลกทั้งเบิ้ด โลกวิทู
    ขั่นไผพิจารณารู้รอบ โลกวิทูเป็นผู้รู้แจ้งโลกไปได้
    คือออกจากโลกนี้ได้ แต่มันบ่มีโตมีตน แต่มีอยู่"

    ธรรมเทศนาหลวงปู่ใหญ่
    เรื่องอารมณ์ของจิต
    กราบอนุโมทนาสาธุเจ้าค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • image.jpg
      image.jpg
      ขนาดไฟล์:
      22.8 KB
      เปิดดู:
      39
  12. pattranit uk

    pattranit uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 เมษายน 2012
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +1,446
    ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 21 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 20 คน ) [ แนะนำเรื่องเด่น ]
    pattranit uk
    บ้านจิตเกาะพระไม่เหงาแร๊ะ เพราะมีกัลยาณมิตรทุกท่านเป็นเพื่อนร่วมทาง ขอเชิญทุกท่านที่เข้ามาอ่านธรรมะนำการปฏิบัติของตนเองหรือนำธรรมะของครูบาอาจารย์มาโพสต์ได้ตามศรัทธาเลยนะค่ะ ถือว่ามาแรกเปลี่ยนการปฏิบัติและสาธยายธรรมร่วมกันนะค่ะ อนุโมทนาสาธุค่ะ
     
  13. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    43,773
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,038
    อภิณหปัจจเวก (ธรรมที่ควรพิจารณาเนืองๆ)
    สตรีก็ตาม บุรุษก็ตาม คฤหัสถ์ก็ตาม บรรพชิตก็ตาม ควรพิจารณาเนืองๆ
    ๑. ชราธัมมตา ควรพิจารณาเนืองๆ ว่า เรามีความแก่เป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้น
    ความแก่ไปได้
    ๒. พยาธิธัมมตา ควรพิจารณาเนืองๆ ว่า เรามีความเจ็บป่วยเป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้น
    ความเจ็บป่วยไปได้
    ๓. มรณธัมมตา ควรพิจารณาเนืองๆ ว่า เรามีความตายเป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้น
    ความตายไปได้
    ๔. ปิยวินาภาวตา ควรพิจารณาเนืองๆ ว่า เราจักต้องมีความพลัดพรากจากของรัก
    ของชอบใจทั้งสิ้น
    ๕. กัมมัสสกตา ควรพิจารณาเนืองๆ ว่า เรามีกรรมเป็นของตน เราทำกรรมใด
    ดีก็ตาม ชั่วก็ตาม จักต้องเป็นทายาท ของกรรมนั้น

    ข้อที่ควรพิจารณาเนืองๆ ๕ อย่างนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อละความมัวเมา เป็นต้น
    ที่ทำให้สัตว์ทั้งหลายตกอยู่ในความประมาท และประพฤติทุจริตทางไตรทวาร กล่าวคือ:-
    ข้อ ๑ เป็นเหตุละหรือบรรเทาความเมาในความเป็นหนุ่มสาวหรือความเยาว์วัย
    ข้อ ๒ เป็นเหตุละหรือบรรเทาความเมาในความไม่มีโรค คือ ความแข็งแรงมีสุขภาพดี
    ข้อ ๓ เป็นเหตุละหรือบรรเทาความเมาในชีวิต
    ข้อ ๔ เป็นเหตุละหรือบรรเทาความยึดติดผูกพันในของรักทั้งหลาย
    ข้อ ๕ เป็นเหตุละหรือบรรเทาความทุจริตต่างๆ โดยตรง

    *******************
    ขอให้เจริญในธรรมทุกๆท่านค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กันยายน 2015
  14. pattranit uk

    pattranit uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 เมษายน 2012
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +1,446
    "คนที่มีความสุขที่สุด ไม่ใช่คนที่มีทุกอย่าง แต่คือคนที่มีความสุขได้กับทุกอย่างที่มี" คำกล่าวนี้เป็นจริงแท้ เมื่อในชีวิตนี้เราไม่สามารถที่จะทำสิ่งใดๆได้ดั่งใจ. หรือโอกาสยังมาไม่ถึง. ชีวิตต้องผจญกับอุปสรรคมากมาย เพราะอยู่ช่วงอกุศลกรรมส่งผล เราจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถผ่านมันไปได้. ยิ่งดิ้นก็ยิ่งแน่น ยิ่งพล่านก็ยิ่งพัน มันช่างสับสน วุ่นวาย. บางครั้งไม่อาจจะทนอยากตายหนีปัญหาไปให้พ้นๆๆ. หนีสถานการณ์ที่เป็นอยู่ แต่ถ้าเราหนีมันก็ได้เพียงชั่วคราว สักพักเราก็ต้องเผชิญกับมันอีก และคราวนี้อาจจะร้ายแรงหรือแย่ไปกว่าเดิม. การหนีไม่ใช่การแก้ปัญหา แต่เราอาจจะพักหรือหลบไปชั่วคราวเพื่อเป็นการตั้งหลักปลุกกำลังใจเพื่อสู้กับมันใหม่ แต่จะหวังหนีมันไปคงหนีไปไม่พ้น และเราจะมั่นใจหรือว่า. เมื่อหมดลมหายใจ เราจะหนีมันไปได้พ้น. เพราะเราอาจจะต้องเคราะห์ร้ายซํ้าสอง กับเรื่องเดิมๆหรือมากกว่าเดิม เพราะใจของเรามันเฝ้าฝังใจ เฝ้าฝังความทุกข์. ความเศร้าหมองติดตัวไป. สิ่งเหล่านี้มันก็จะติดใจของเราไปทุกหนทุกแห่ง. ตามเราไปทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าเราจะมีลมหายใจ หรือหมดลมหายใจ ไม่ว่าจะเป็นชาติใดๆๆเราก็หนีมันไม่พ้น
    ดังมีประโยคหนึ่งที่กล่าวไว้ ให้เห็นชัดว่า "กฎของกระจก คือสะท้อนความจริง กฎของเวลาคือไม่หวลย้อนคืน กฎของกรรมคือทำอะไรได้อย่างนั้น " มันก็เป็นการตีโจทย์ได้อย่างดีว่า ทำไมกรรมมันถึงตามเราไปไม่จบ ก็เพราะมันเกิดติดกับใจของเรานั่นเอง ดังนั้นแล้ว ณ ตอนนี้เมื่อเราไม่สามารถจัดการหรือทำอะไรมากกว่าที่เป็น ก็จงหยุดสักพัก หาความสุขใกล้ตัวเราไม่ต้องไปหาที่ใดมองในแง่บวก. คิดในแง่ดี ท่ามกลางความโชคร้าย ลองค้นหาสิ่งดีๆในตัวเรา ใกล้ตัวเรา รอบตัวเรา. ถ้าเราเปิดใจยอมรับมัน. เราจะค้นหาคำตอบไม่ยากเลย จงพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสกับเราให้มากที่สุด. ให้สร้างพลังใจ มองแต่สิ่งดีๆ พายุร้ายมันไม่ได้มีตลอดกาล. สักวันมันต้องมีวันหยุด. แต่ขณะที่มีพายุก็คงจะห้ามหรือฝืนมันไม่ได้ เราก็ต้องปล่อยมันไป จนกว่าโอกาสจะเป็นของเราอีกครั้งหนึ่ง
    เมื่อเป็นเช่นนี้ จงรอจังหวะเวลา รอโอกาส ที่จะเป็นของเรา เมื่อเรายังไม่มีโอกาสนั้น ก็จงค้นหามันในสิ่งที่เรามี ในสิ่งที่เราเหลืออยู่ ที่เราเป็นอยู่ เราอาจจะหาสิ่งนั้นในตัวเราโดยไม่ต้องไปหาจากสิ่งภายนอก เราก็มีความสุขกับมันได้เช่นกัน ความสุขของคนเราสุดท้ายแล้วไม่ใช่ขึ้นกับปัจจัยภายนอก ที่มนุษย์เราต่างไขว่คว้า. ใฝ่หามันกันจนวุ่นวาย เพราะเมื่อสุดท้ายของชีวิตเรามาถึง เรา ทุกคนก็ไม่สามารถเอาอะไรไปได้เลยทั้งสิ้น แต่ความสุขทางใจนั้นสำคัญยิ่งกว่า เพราะมันจะตามเราไปได้ทุกที่ไม่ว่าที่ใด ดังคำสอนของพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ได้กล่าวไว้ว่า
    "สิ่งใดที่แก้ไม่ได้. อย่าไปแก้มัน อย่าไปแก้ในสิ่งนั้น อย่าไปแก้ที่วัตถุ. อย่าไปแก้ที่บุคคล เราแก้ที่ใจเรา เพราะความสุขอยู่ที่ใจเราคิด"
    ดังนั้นแล้วถ้าช่วงชีวิตของเราต้องทนทุกข์เพราะเผชิญกับกรรม. เมื่อเราแก้ไขภายนอกไม่ได้ เราก็ต้องใช้ใจเราใช้ร่างกายเราให้เกิดความสุขกับเราและคนอื่น จิตใจของคนเราก็เหมือนกับขวดเปล่า จะมีคุณค่าแค่ไหนขึ้นอยู่กับสิ่งที่ใส่ลงไป คุณค่าของมันจะเปลี่ยนไปทันทีถ้าวัสดุที่ใส่เปลี่ยนไป
    แม้เรามีทุกข์ เรามีปัญหามากมายในชีวิต แต่เราก็ยังสามารถให้สิ่งดีๆๆกับเราและคนอื่นได้ โดยไม่ต้องลงทุนอะไรมากเลย ใบหน้าของเรา สามารถให้รอยยิ้ม มีมิตรไมตรีให้กับทุกคน ปากของเราจะหอมกรุ่นเสมอถ้าเราพูดแต่สิ่งดี ให้กำลังใจคน ชื่นชมและปลอบประโลม อย่างจริงใจ. ปัญญาเราสามาถใช้ปัญญาให้ความรู้ ให้แสงสว่าง บอกทางสว่างขจัดความมืดมิดให้กับคน. หัวใจของเรานั้นจะแสดงความบริสุทธิ์ ความจริงใจ ความเมตตากับทุกคน ดวงตาจะมองผู้อื่นด้วยความรักและความเมตตา โอบอ้อมอารี. ร่างกายของเราสละเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นได้ทุกหนทุกแห่ง ทั้งหมดที่กล่าวมามันคือที่เราสามารถที่จะทำได้โดยไม่ยากเลย. ไม่ต้องลงทุนอะไรมาก ไม่ต้องอิงกับปัจจัยภายนอก เพราะทุกอย่างมันอยู่ที่ตัวเราและใจเราเท่านั้น เพียงแต่เราไม่นึกถึง ไม่สนใจ มัวแต่แก้ที่ภายนอก สุดท้ายก็ไม่เหลืออะไร ไม่เหลือแม้แต่ใจที่เป็นที่พึ่งสุดท้ายของชีวิต .........
    ธรรมะ สบายใจ สาธุค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กันยายน 2015
  15. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    43,773
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,038
    "..ของดีมีอยู่กับตัวเรา ทุกคนก็พากันปฏิบัติเอา ทำเอา เมื่อเวลาตายแล้วจึงวุ่นวายหานิมนต์พระมากุสลามาติกา ไม่ใช่เกาถูกที่คัน ต้องรีบแก้เสียบัดนี้ คือ เร่งทำความดีแต่บัดนี้ จะได้หายห่วง

    ...อะไร ๆ ที่เป็นสมบัติของโลก มิใช่สมบัติอันแท้จริงของเรา ตัวจริงไม่มีใครเหลียวแล สมบัติในโลกเราแสวงหามา หามาทุจริตก็เป็นไฟเผา เผาตัวทำให้ฉิบหายได้จริง ๆ ข้อนี้ขึ้นอยู่กับความฉลาดและความโง่เขลาของผู้แสวงหาแต่ละราย

    ...ท่านผู้พ้นทุกข์ไปด้วยความอุตส่าห์สร้างความดีใส่ตน จนกลายเป็นสรณะของพวกเรา ท่านไม่เคยมีสมบัติเงินทอง เครื่องหวงแหน เป็นคนร่ำรวย สวยงามเฉพาะสมัย จึงพากันรัก พากันห่วง จนไม่รู้จักเป็นรู้จักตาย สำคัญตนว่าจะไม่ตาย และพากันประมาทจนลืมตัว เพลิดเพลินตักตวงเอาแต่สิ่งไม่เป็นท่าใส่ตนแทบหาบไม่ไหว

    ...อย่าสำคัญว่าตนเก่งกาจสามารถฉลาดรู้กว่าเขาเลย ถึงกับสร้างความมืดมิดปิดตาทับถมตัวเองจนไม่มีวันสร่างซา เมื่อถึงเวลาจนตรอกอาจจนยิ่งกว่าสัตว์ ถ้าไม่เตรียมทราบไว้เสียแต่บัดนี้ ซึ่งอยู่ในฐานะอันควร อาตมาขออภัยด้วยถ้าพูดหยาบคายไป แต่คำพูดที่สั่งสอนคนให้ละชั่ว ทำความดี จัดเป็นหยาบคายอยู่แล้ว

    ...โลกเราก็จะถึงคราวหมดสิ้นศาสนา เพราะไม่มีผู้ยอมรับความจริง การทำบาปหยาบคายมีมาประจำแทบทุกคน ทั้งให้ผลเป็นทุกข์ ตนยังไม่อาจรู้ได้ และตำหนิมันบ้างพอมีทางคิดแก้ไข แต่กลับตำหนิคำสั่งสอนหยาบคาย ก็นับเป็นโรคที่หมดหวัง"

    โอวาทธรรม หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

    ************************
    ขอให้ปลอดภัย เจริญในธรรมทุกๆท่านค่ะ
     
  16. pattranit uk

    pattranit uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 เมษายน 2012
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +1,446
    หลักการปฏิบัติที่ได้ผล

    ในมหาสติปัฏฐานสูตรที่ยากจริงๆ
    ก็คืออานาปานุสสติกรรมฐานเท่านั้น ที่ต้องทำกัน
    ช้าหน่อยแล้วก็ทำถึงฌาน
    ที่เหลือทั้งหมดเป็นอารมณ์คิด
    ฉะนั้น ก่อนจะใช้อารมณ์คิดทุกครั้งขอบรรดา
    ญาติโยมพุทธบริษัทและพระคุณเจ้าที่เคารพ
    โปรดทำสมาธิจิตจนถึงฌานให้เต็มที่ก่อน
    ได้ระดับไหนทำให้ถึงระดับนั้น
    ทำแล้วปล่อยให้จิตสบายจึงค่อยใช้อารมณ์คิด
    ปัญญาจะเกิด
    นี่เป็นหลักการในการปฏิบัติพระกรรมฐาน
    ถ้าใช้อารมณ์คิดแล้วจิตใจมักฟุ้งออกนอกลู่นอกท
    าง ก็ทิ้งอารมณ์คิดนั้นเสีย
    กลับมาจับ อานาปานุสสติ ใหม่ จนกระทั่งจิตสบาย
    แล้วก็ใช้อารมณ์คิดต่อไป
    นี่เป็นหลักการที่ปฏิบัติ นักปฏิบัติที่ได้ผลจริงๆ เขา
    ทำกันแบบนี้ แม้แต่ในสมัยพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุท
    ธเจ้าก็เหมือนกัน
    เขาปฏิบัติกันอย่างนี้จึงได้ผลตามกำหนดที่องค์สม
    เด็จพระทรงธรรม์บรมศาสดาตรัสไว้
    กราบอนุโมทนาสาธุเจ้าค่ะ
    จาก : หนังสือ ราชพรหมยาโนวาท หน้า ๒๘
    โดย...หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
     
  17. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    43,773
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,038
    10 ภาวนาให้ใจอยู่ใน พุทโธ - หลวงตามหาบัว
    https://www.youtube.com/watch?v=n3ovk-640Ho

    ขอให้เจริญในธรรมทุกๆท่านค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. pattranit uk

    pattranit uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 เมษายน 2012
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +1,446
    "7 อุปนิสัยนิสัย ที่สุดยอดคนสำเร็จต้องทำหลังตื่นนอน"
    นำสาระดีๆกับสิ่งรอบตัวมาฝากค่ะ
     
  19. pattranit uk

    pattranit uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 เมษายน 2012
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +1,446
    "7 อุปนิสัยนิสัย ที่สุดยอดคนสำเร็จต้องทำหลังตื่นนอน"

    1 ชั่วโมงหลังตื่นนอนเป็นช่วงเวลาพิเศษหรือเรียกว่า Golden hour
    1 ชั่วโมงที่สำคัญนี้ "อย่ามอบให้ใคร มันต้องเป็นของคุณ" คนสำเร็จใช้เวลาสำคัญทำสิ่งต่อไปนี้..

    7 สิ่งที่ต้องทำคือ..

    1.ดื่มน้ำทันทีอย่างน้อย 2 แก้ว
    อย่าลืมว่าร่างกายคุณขาดน้ำมาทั้งคืน เหมือนไปเดินบนทะเลทรายมา 6-8 ชั่วโมง ดื่มไปเลย 2 แก้วใหญ่ๆ เพื่อให้น้ำหล่อเลี้ยงสมอง ร่างกายและเพิ่มความสดชื่น

    2.ยืดเส้นยืดสาย ออกกำลังกายเบาๆ หรืออย่างน้อยๆให้ยืดเส้นยืดสาย
    นอกจากเป็นการกระตุ้นร่างกายให้สดชื่นและเกิดการตื่นตัวแล้ว ยังช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง ซึ่งจะส่งผลต่อความคิดและจิตใจเราอีกด้วย
    เพื่อเตรียมพร้อมรับสิ่งดีๆ ในวันนี้

    3.ห้ามเชค line, facebook
    เช้านี้เป็นของคุณ คุณต้องfocus เรื่องของคุณ อย่าให้สิ่งอื่นๆที่ไม่ใช่
    หรือสิ่งที่คนอื่นป้อนเข้ามา มากวนใจ มากวนสมาธิ รวมไปถึงการฟังข่าวลบๆ
    ไม่ว่าจะทางทีวี วิทยุ หนังสือพิมพ์

    4.ทำสมาธิ 5-10 นาที
    การนั่งสมาธิช่วยได้มากในเรื่องลดความตึงเครียด คลายความกังวล ทำให้สมองตื่นตัว ทำให้การควบคุมอารมณ์เป็นไปได้ด้วยดี ช่วยเพิ่มพลังทางความคิดและพัฒนาศักยภาพตนเองมากขึ้น

    5.หายใจเข้าออกยาวๆ
    การหายใจให้ถูกต้อง ให้เป็นไปตามอัตราส่วน 1:4:1 เช่น หายใจเข้า 4 วินาที แล้วกลั้นไว้ 16 วินาที หายใจออก 4 วินาที อย่างน้อย 10 ครั้ง
    ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามอัตราส่วนนี้ แล้วคุณจะรู้สึกว่ามีสมาธิ สมองโล่ง ปลอดโปร่ง เพราะออกซิเจนสามารถไปเลี้ยงสมองได้เป็นอย่างดี

    6.ขอบคุณสิ่งดีๆ
    คนส่วนใหญ่มักมองแต่สิ่งที่ขาด คนสำเร็จสำนึกขอบคุณสิ่งที่มี เริ่มต้นเช้าวันใหม่ในทุกๆวันด้วยการขอบคุณทุกๆอย่างในชีวิต ขอบคุณคุณพ่อ คุณแม่ ขอบคุณครอบครัว ขอบคุณบ้าน ขอบคุณเตียงนอน ขอบคุณพี่น้อง ครูอาจารย์และผองเพื่อน ขอบคุณร่างกาย แขนขา ขอบคุณ ขอบคุณ สำคัญคือการขอบคุณสิ่งดีๆที่มีอยู่ในปัจจุบัน ผลการวิจัยพบว่า การฝึกขอบคุณคือการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางสมองแบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งนั่นจะส่งผลให้สมอง
    และจิตของเรามีพลังเข้มแข็ง สร้างสรรค์และสงบ

    7.ทบทวนเป้าหมาย
    ความฝัน เป้าหมาย เขียนมันลงไปในกระดาษในทุกๆวัน ไม่ว่าจะเรื่องเงิน งาน สุขภาพ สังคม ครอบครัว แล้วคุณจะพบสิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้น บางสิ่งมาง่ายๆ โดยไม่ต้องออกแรงด้วยซ้ำ "ถ้าความฝันคุณมีค่าพอ ให้เขียนมันลงไป"

    หลายคนเริ่มบ่น ทำไมมันเยอะจัง ตอนปฏิบัติจริงใช้เวลาเพียงไม่นาน แต่ได้ผลลัพท์มหาศาล ถ้าคุณทำตามทุกๆวันจนกลายเป็นนิสัย คุณได้ก้าวไปใกล้ความสำเร็จอีกขั้นแล้วครับ ที่สำคัญอย่าอ่านเฉยๆ มันจะไม่ได้ประโยชน์ใดๆ เลย.."ลงมือทำซะ"

    "ความสำเร็จ เริ่มต้นจากตัวคุณเอง"

    ขอขอบคุณข้อมูลดีๆของ : คุณบัณฑิต อึ้งรังษี
     
  20. pattranit uk

    pattranit uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 เมษายน 2012
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +1,446
    อย่าเกลียดคนตรง
    อย่าหลงคนงอ
    อย่าชอบคำยอ
    อย่าง้อคนเลว
    อย่าเหลวไถล
    อย่าไปทางต่ำ
    อย่าถลำทำชั่ว
    อย่ามั่วอบาย
    อย่าสายการนัด
    อย่าไร้คำสัจจ์
    อย่าปัดความดี
    อย่ามีขี้เกียจ
    อย่าเบียดบังใคร
    อย่าป้ายความผิด
    อย่าปิดความจริง
    อย่าวิ่งหนีคุณพระฯ
    อย่าละความเพียร
    อย่าเรียนทางชั่ว
    อย่ากลัวคนจริง
    อย่านิ่งเมื่อถาม
    อย่าห้ามความขยัน
    อย่าแบ่งปันอุบาทว์
    อย่าสาดทับถม
    อย่าจมความหลัง
    อย่าฟังข้างเดียว
    อย่าเปลี่ยวหัวใจ
    อย่าไร้คุณธรรม

    พระธัมมสรโณ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • image.jpg
      image.jpg
      ขนาดไฟล์:
      43.4 KB
      เปิดดู:
      34

แชร์หน้านี้

Loading...