ชมพูทวีปคือ ดินแดนสุวรรณภูมิ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย paramitra, 21 กรกฎาคม 2005.

  1. paramitra

    paramitra เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +180
    ผมไปเจอข้อมูล มาว่า จริงๆแล้ว ชมพูทวีป คือ ดินแดน ไทย ลาว กัมพูชา ครับ ไม่ใช่ที่อินเดีย เนปาล ใครเคยได้ยินเรื่องนี้บ้าง
    ข้อมูลเพิ่มเติม
    ที่ http://www.life-alonguniversity.com/buddhabirthplace/tha/index.htm

    รบกวนผู้รู้ทั้งหลาย ช่วยวิเคราะห์ให้หน่อยครับ
     
  2. Ayuraveda

    Ayuraveda เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2005
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +475
    ในหนังสือ "รำลึกวันวาน"

    พระอ.มั่น ภูริถัตโต ท่านก็กล่าวไว้เช่นเดียวกัน
    คนพม่าและไทย คือ ชาวพื้นเมืองในประเทศอินเดีย ด้านที่ติดไปทางพม่า
    นับถือศาสนาพุทธ อพยพมาจากทวีปอินเดีย เมื่อครั้งถูกอิสลามรุกรานครับ
     
  3. ณฐมณฑ์

    ณฐมณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2004
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +1,868
    คิดว่าจะเสงี่ยมๆ ไม่คุยในสิ่งที่ตนเห็นจากญาณบ่อยๆ แต่คราวนี้ขออนุญาตนะคะ
    ดิฉันเคยทราบว่าสมัยพุทธกาลตนเคยเป็นพราหมณ์เพศชายในเขตเมืองเวสาลี (ไม่แน่ใจว่าสะกดชื่อเมืองถูกร้อยเปอร์เซ็นต์หรือเปล่า)
    แต่เป็นเขตเดียวกับป่ามหาวัน ที่อยู่ดิฉันขณะนั้นเป็นป่า เพราะทิ้งชีวิตทางโลกไปเข้าป่าบำเพ็ญแบบพราหมณ์
    ช่วงนั้นมีพระภิกษุแทงกันที่เมืองโกสัมพี
    พระพุทธองค์ในช่วงเวลานั้นเสด็จมาโปรดสัตว์โลกอย่างดิฉันครั้งหนึ่งจากป่ามหาวันส่วนตะวันตกจากที่ตั้งของกระท่อมดิฉันในชาตินั้น
    (แต่ชาตินั้นดิฉันมีกรรมบังตา ไม่เชื่อว่าเป็นพระพุทธองค์ นึกว่าเป็นพระสาวกจึงไม่ยอมฟังธรรมจากพระโอษฐ์ แต่ในชาติต่อมาเมื่อระลึกได้ก็เกิดศรัทธา เกิดกำลังใจแนบแน่นต่อพระเมตตาของพระองค์)

    ขอสรุปว่า ดิฉันเชื่อจากประสบการณ์ส่วนตัวว่าเมืองเวสาลีตรงกับประเทศพม่าในปัจจุบันค่ะ
     
  4. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    ขนลุกเลยค่ะ เพราะไม้เท้าเถาวัลย์ของฤษีที่มีพระธุดงค์องค์หนึ่งเก็บมาจากในถ้ำชายแดนพม่า เคยไปเห็นเองเมื่อวันที่หกสิงหาคมปีก่อน และพระท่านที่ครองไว้บอกเจ้าของเขาจะได้ร่วมสร้างบุญกับเรา ตอนนั้นไม่ทราบว่าใครคือเจ้าของ ก้อตามพลังมาเรื่อยๆ คิดว่าน่าจะไม่ผิดคน ขลังด้วยนะหัวไม้เท้่านี่ ขอให้ฝนตกขณะเดินทางก้อหยุดจริงๆ เพื่อนไปด้วยไม่เชื่อก้อมองว่าพระเอามาหลอกอยากให้คนศรัทธา แต่ท่านซุกไว้หากขยมไปถามท่านว่าท่านมีของดีอะไรซ่อนไว้ไม่อยากบอกใครหรือคะหลวงตา พอมีบุญได้ชมบารมีของนั้นไหม ท่านบอกเอ็งนี่ซอกแซ่กเป็นยังงี้เสมอนะ แล้วท่านก้อไปเอามาให้ชม ท่านบอกคนมาขอไปบ่อยแต่ต้องเอามาคืนตลอด ไปให้ลาภก้อจริงแต่คนเอาไปบารมีไม่ถึง
     
  5. Toutou

    Toutou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2005
    โพสต์:
    1,455
    ค่าพลัง:
    +8,107
    ข้อนี้ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งว่าพระพุทธศาสนาเกิดในดินแดนสุวรรณภูมิ คนเขียนกล้ามากที่ตั้ง anti-thesis อย่างนั้น แต่เหตุผลอ่อนมาก เช่นบอกว่าหากเกิดในอินเดียจริงทำไมไม่มีโบราณสถานทางพุทธมากมายเท่าที่เมืองไทย คุณไปดูได้เลยว่าคริสตศาสนาเกิดในปาเลสไตน์ แต่ทำไมโบสต์คริสต์สวยๆถึงมีอยู่มากมายในยุโรป เช่นในประเทศอิตาลี่ หรือแม้แต่บอกว่าภาษาบาลีมาจากภาษามคธซึ่งเป็นภาษาของคนพื้นเมืองทางสุวรรณภูมิ ก็ไม่มีหลักฐานอ้างอิงที่ชัดเจนเช่นกันนอกจากว่ามีคนไทยอ่านเขียนบาลีได้มากกว่าคนอินเดีย หรือหาว่าคนอินเดียใจบุญน้อยกว่าคนในสุวรรณภูมิ โดยใช้อคติว่า "หากเห็นแขกและงูจะตีอะไรก่อน" เป็นต้น

    anti-thesis อย่างนี้ค้านทีสองสามทฤษฎี
    1. พระพุทธเจ้าเกิดในสุวรรณภูมิ หรือชมพูทวีปอันเป็นที่ตั้งของ 5 ประเทศคือไทย ลาว เขมร พม่า และมอญ
    2. ภาษาบาลีมีต้นกำเนิดจากคนพื้นเมืองในสุวรรณภูมิ
    3. สุวรรณภูมิมีอารยธรรมของตนเองมายาวนานกว่าสองพันห้าร้อยปี คนไทยไม่ได้มาจากสิบสองปันนา

    เป็น conspiracy theory มากกว่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กรกฎาคม 2005
  6. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,682
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,012
    น่าสนใจครับ เห็นอะไรอีกบ้าง
     
  7. chanin

    chanin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2005
    โพสต์:
    675
    ค่าพลัง:
    +1,331
    ชมพูทวีป ไม่ใช้ สุวรรณภูมิ ขอรับ

    ชมพูทวีป ได้แก่ ประเทศอินเดีย เนปาล และอัฟกานิสถานบางส่วนในปัจจุบัน
    สุวรรณภูมิ ได้แก่ ดินแดนแหลมทอง มีอาณาบริเวณครอบคลุม พม่า ไทย ลาว เวียดนาม มาเลย์ และสิงคโปร์

    ได้โปรดดูทีวีช่อง 9 วันอังคาร เวลา 20.30 น. ด้วยครับว่า
    ทำไมเขาจึงไปถ่ายทำ ตามรอยพระพุทธเจ้า กันที่ อินเดีย เนปาล
    ทำไมไม่มาถ่ายทำในไทยล่ะครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    ราว 27,000 ปีมาแล้ว *สุวรรณภูมิ* ยุคนั้นผืนแผ่นดินใหญ่ตั้งแต่ประเทศไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ยังเชื่อมต่อเป็นผืนเดียวกัน ไม่มีทะเลคั่นอย่างทุกวันนี้


    *ชื่อชนชาติที่สมมุติขึ้น เช่น ไทย ลาว มอญ เขมร มลายู ฯลฯ เพิ่งมีราวพันปีมานี้เอง ก่อนหน้านั้นล้วนเป็น "คน" เฉยๆ ธรรมดาๆ เสมอหน้ากัน*






     
  9. chatyamn

    chatyamn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    664
    ค่าพลัง:
    +4,056
    อนาคตอันใกล้นี่ ไทยลาวคงได้รวมประเทศกัน......ทำไมพูดอย่างนั้น ก็เพราะเวลานี้ สะพานไทยลาวเกิดขึ้นหลายที่แล้ว แล้วที่กำลังจะเกิดอีก...ไทยก็ลาวใช้ภาษาใกล้เคียงกันมาก ฟังออก พูดกันได้ และภาษาเขียนก็ยิ่งคล้ายกัน...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 กรกฎาคม 2005
  10. UFO99

    UFO99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2005
    โพสต์:
    294
    ค่าพลัง:
    +983
    อืม...เข้ามาดูแล้ว ดีจัง หลากหลายดี ได้รู้อีกแล๊ะ
     
  11. paramitra

    paramitra เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +180
    อย่าเพิ่งเชื่อเพราะมันเหมือนที่เราเชื่อ และอย่าเพิ่งไม่เชื่อ เพราะมันไม่เหมือนกับสิ่

    อย่าเพิ่งเชื่อเพราะมันเหมือนที่เราเชื่อ และอย่าเพิ่งไม่เชื่อ เพราะมันไม่เหมือนกับสิ่งที่เราเชื่อ คืออยากให้วิเคราะห์ตามข้อมูล เหตุผล ความเป็นไปได้ มากกว่าครับ

    ที่รายการทีวีไปถ่ายที่นู้น คงเพราะเค้าเรียนมาอย่างนั้น เหมือนที่เราสอนๆกันมาตอนนี้ว่า อยู่ที่นู่น แต่เรากำลังถกเพื่อ แก้ความเชื่อเดิม(ถ้า ความเชื่อเดิม ผิด)

    ก่อนหน้านี้ คนเคยเชื่อว่า โลกแบน นะ
     
  12. mahingsa

    mahingsa สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2005
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +18
    ใช่ครับ แต่ก่อนคนเชื่อว่าโลกแบน และโลกของเราอยู่บนปลาอาณุ

    เวลาปลาอาณุ พลิกตัวที โลกก็จะเกิดแผ่นดินไหวที
     
  13. chatyamn

    chatyamn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    664
    ค่าพลัง:
    +4,056
    พูดถึงการสร้างสะพาน ไทย-ลาว เมื่อวาน......เมื่อคืนดูข่าว เคนหล้ม เพราะยกของหนัก หลุ่นมาทับ วิศวกรญี่ปุ่นตาย และอีกเป็นสิบคนตก ทั้งคนงานไทย ทั้งลาว จ่มน้ำตาย.....ที่มุกดาหาร.....

    ด้วยอำนาจคุณพระรัตนตรัย จงดลบันดาลให้บุญที่เกิดขึ้นขณะที่ผมบำเพ็ญภาวนานี้จงถึงทุกท่านที่ตายในที่นั้นด้วยเถิด.
     
  14. chanin

    chanin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2005
    โพสต์:
    675
    ค่าพลัง:
    +1,331
    สถานที่ตามพุทธประวัติ บางแห่ง สามารถพบได้ที่อินเดีย แต่ไม่พบในประเทศไทย
    เช่น แม่น้ำเนรัญชรา แม่น้ำคงคา
    ท่านที่บอกว่า อย่ในประเทศไทย ช่วยพาไปดูหน่อยครับ


    ใครยังไม่ได้ดูหนังตามรอยพระพุทธเจ้า ไปดูได้ที่

    http://hiptv.mcot.net/hipPlay.php?id=2560
     
  15. Peet

    Peet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2004
    โพสต์:
    297
    ค่าพลัง:
    +324
    ผมมีความเห็นว่าพระพุทธเจ้าเป็นคนไทย พระเจ้าสุทโธทนะพูดภาษาไทย ที่ศากยะวงค์แต่งงานภายในตระกูลเดียวกันเอง เพราะรังเกียจแขก ไม่อยากแต่งงานกับพวกแขก แต่พระพุทธเจ้าก็เกิดแถบๆอินเดียตอนเหนือนั่นแหล่ะ แต่มาปรินิพพานที่เมืองกาญจน์ที่พระแท่นดงรัง ไม่ใช่ที่อินเดีย
    หลักฐานคือกระเบื้องจาร หลวงปู่อ่ำอ่านออกแล้วเขียนหนังสือเอาไว้ ผมมีอยู่หนึ่งเล่มเล่มใหญ่มากครับ แต่นักโบราณไม่เชื่อเพราะเขาเชื่อกันว่าคนไทยกระจอกรับเอาความรู้ต่างๆมาจากอินเดียหรือไม่ก็จีน เรียกว่าซุกแขกแทรกจีน เพราะเรียนเอาปริญญาต้องตั้งสมมุติฐานดังนี้ถึงจะจบ
     
  16. chanin

    chanin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2005
    โพสต์:
    675
    ค่าพลัง:
    +1,331
    พระพุทธเจ้าปรินิพพานที่เมืองกาญจน์ที่พระแท่นดงรัง ไม่ใช่ที่อินเดีย
    หลักฐานคือกระเบื้องจาร หลวงปู่อ่ำอ่านออกแล้วเขียนหนังสือเอาไว้ ?

    กระเบื้องจาร เป็นหลักฐานชั้นไหนครับ
    ไปดูของจริงที่อินเดีย ไม่ดีกว่าหรือ
    ..........................................................................................................
    ปรินิพพาน (Passed away)


    <HR>พระพุทธองค์ทรงพุทธกิจอยู่จนพระชนม์มายุได้ ๘๐ พรรษา ก็เสด็จจำพรรษา ณ เมืองเวสาลีเป็นพรรษาสุดท้าย แล้วดำเนินจากเมืองเวสาลีสู่กรุงกุสินาเพื่อเสด็จปรินิพพาน และพระองค์ก็เหลียวมองกรุงเวสาลีอีกครั้ง เป็นการทัศนาเป็นครั้งสุดท้าย แล้วเดินทางต่อจนถึงเมืองปาวา ฉันพระกระยาหารมื้อสุดท้ายที่บ้านนายจุนทะ เขาพร้อมพุทธบริษัทได้ถวายสูกรมัทวะ ซึ่งหมายถึงเห็ดชนิดหนึ่งที่หมูชอบกิน แต่บางมติว่าเป็นหมู มาถึงตอนนี้พระองค์อาพาธอย่างยิ่ง จนจวนเจียนจะปรินิพพานแต่ก็ข่มอาพาธด้วยสมาบัติแล้วประคองพระองค์จนถึงสาวลวโนทยานของเจ้ามัลละ กษัตรย์เมืองกุสินารา <TABLE cellPadding=5 width=200 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD>เสด็จปรินิพพาน ใต้ต้นสาละ ณ กรุงกุสินารา</TD></TR></TBODY></TABLE>
    ก่อนเสด็จดับขันทธปรินิพพาน พระองค์็ให้การอุปสมบทแก่พระสุภัททะปริพพาชก นับเป็นสาวกองค์สุดท้ายที่พระองค์บวชให้ ขณะกำลังใกล้ปรินิพพาน พระอานนท์แอบไปร้องไห้คนเดียว เพราะคิดว่าพระพุทธองค์จะเสด็จด่วนจากไปซะแล้ว ในขณะที่ตนเองยังไม่ได้บรรลุอะไรยังเป็นปุถุชนอยู่ จักมีใครเป็นที่พึ่งได้ต่อไปความทราบถึงพระองค์ จึงตรัสให้เรียกพระอานนท์มาและปลอบว่า

    พระอานนท์เป็นยอดอุปัฏฐาก รู้เวลาอันควรไม่ควรและในอนาคตจักได้บรรลุเป็นพระอรหันต์แน่นอน พระโอวาทนี้ทำให้พระอานนท์คลายเศร้าโศกลงบ้าง


    ในท่ามกลางคณะสงฆ์ทั้งที่เป็นพระอรหันต์ และปุถุชน พระราชาชาวเมืองกุสินาราและจากแคว้นต่าง ๆ เทวดาทั่วหมื่นโลกธาตุ พระพุทธองค์ได้ตรัสพระดำรัสครั้งสำคัญว่า

    "โย โว อานนฺท ธมฺโม จ วินโย มยา เทสิโต ปญฺญตฺโต โส โว มมจฺจเยน สตฺถา" อันแปลว่า "ดูก่อนอานนท์ ธรรมและวินัย อันใดที่เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่เธอทั้งหลาย ธรรมวินัยนั้น จักเป็นศาสดาของเธอทั้งหลาย เมื่อเราล่วงลับไปแล้ว"

    และแล้วเมื่อถึงปัจฉิมยามของวันเพ็ญ ๑๕ ค่ำเดือน ๖ อันตรงกับเดือนวิสาขะ ก็ทรงดับขันธปรินิพพาน ณ สาลวโนทยานของมัลลกษัตริย์ เมืองกุสินารา (Kushinagar) ของอำเภอกาเซีย (Kasiya) จังหวัดโครักขปุระ รัฐอุตตรประเทศในปัจจุบัน เมื่อพระองค์เสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว โทณพราหมณ์ก็ได้แบ่งพระบรมสารีริกธาตุ ออกเป็น ๘ ส่วน โดยแบ่งให้เมืองเวสาลี เมืองกบิลพัสดุ์ เมืองอัลกัปปะเมืองรามคาม เมืองเวฏฐทีปกะ เมืองปาวา เมืองราชคฤห์ และเมืองกุสินารา ได้ส่งตัวแทนมาขอแบ่งพระบรมสารีริกธาตุไปสักการะบูชาในเมืองของตน
     
  17. chanin

    chanin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2005
    โพสต์:
    675
    ค่าพลัง:
    +1,331
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=560 align=center><TBODY><TR><TD><TABLE height=48 cellSpacing=4 cellPadding=0 width=350 background=../pics/bbtab.gif><TBODY><TR><TD vAlign=bottom> สังเวชนียสถานแห่งที่ ๑ สถานที่ประสูติิ</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE width=500 align=center><TBODY><TR><TD><TABLE width=175 align=left><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD>เสาหินพระเจ้าอโศกมหาราชปักไว้ เพื่อให้อนุชนรุ่นหลังทราบว่าตรงจุดนี้ เป็นที่ที่พระบรมศาสดาออกจากพระครรภ์ของพระมารดา </TD></TR></TBODY></TABLE>สังเวชนียสถานแห่งที่ ๑ คือสถานที่ประสูติแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรานั้น ปัจจุบันนี้อยู่ในเขตประเทศเนปาล ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศเหนือของประเทศอินเดีย และสถานที่ประสูตินี้ตั้งอยู่ห่างจากชายแดนอินเดีย-เนปาลประมาณ ๓๒ กิโลเมตร ปัจจุบันสังเวชนียสถานแห่งนี้ ภาษาทางราชการเรียกว่า "ลุมมินเด" แต่ชาวบ้านทั่วไปก็ยังเรียกว่า "ลุมพินี"



    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=560 align=center><TBODY><TR><TD><TABLE height=48 cellSpacing=4 cellPadding=0 width=350 background=../pics/bbtab.gif><TBODY><TR><TD vAlign=bottom> สังเวชนียสถานแห่งที่ ๒ สถานที่ตรัสรู้</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE width=500 align=center><TBODY><TR><TD><TABLE width=175 align=left><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD>วิหารตรัสรู้ ที่ยังหลงเหลืออยู่สมบูรณ์ที่สุด </TD></TR></TBODY></TABLE>สังเวชนียสถานแห่งที่ ๒ คือสถานที่ตรัสรู้นี้ แต่เดิมทีเดียวในสมัยพุทธกาลนั้น คือตำบลอุรุเวลาเสนานิคม เมืองคยา แคว้นมคธ ซึ่งมีเมืองราชคฤห์ เป็นเมืองหลวง ปัจจุบันสถานที่ตรัสรู้นี้เรียก ตำบลพุทธคยา ขึ้นอยู่กับจังหวัดคยา (ห่างจากจังหวัดคยา ๑๒ กิโลเมตร) รัฐพิหาร มีเมืองหลวงชื่อ ปัฎนะ หรือ ปัฎนา (หรือชื่อเดิมว่า ปาฎลีบุตร)

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=560 align=center><TBODY><TR><TD><TABLE height=48 cellSpacing=4 cellPadding=0 width=353 background=../pics/bbtab.gif><TBODY><TR><TD vAlign=bottom> สังเวชนียสถานแห่งที่ ๓ สถานที่แสดงปฐมเทศนา</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE width=500 align=center><TBODY><TR><TD><TABLE width=175 align=left><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD>ธัมเมกขสถูป สถานที่ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรารถให้พระอรหันต์ ๖๐ รูป ออกไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาเป็นครั้งแรก</TD></TR></TBODY></TABLE>สังเวชนียสถานแห่งที่ ๓ คือ สถานที่แสดงปฐมเทศนา หรือสถานที่พระตถาคตเจ้าทรงยังพระอนุตรธัมจักให้เป็นไป สถานที่นี้อยู่ในป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ใกล้เมืองพาราณสี ปัจจุบันเรียกสารนาถ ห่างจากเมืองประมาณ ๘ กิโลเมตร ซึ่งเมืองพาราณสีนี้อยู่ห่างจากเมืองพุทธคยา สถานที่พระพุทธองค์ตรัสรู้ไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ ๒๐๐ กิโลเมตร

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=560 align=center><TBODY><TR><TD><TABLE height=48 cellSpacing=4 cellPadding=0 width=353 background=../pics/bbtab.gif><TBODY><TR><TD vAlign=bottom> สังเวชนียสถานแห่งที่ ๔ สถานที่ดับขันธปรินิพพาน </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE width=500 align=center><TBODY><TR><TD><TABLE width=175 align=left><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD>สถูปและวิหารปรินิพพานที่เมืองกุสินารา</TD></TR></TBODY></TABLE>สังเวชนียสถานแห่งที่ ๔ คือ สถานที่ดับขันธปรินิพพาน ด้วยอนุาทิเสสนิพพานธาตุดับไม่มีส่วนเหลือ คือทั้งกิเลส ทั้งเบญจขันธ์ดับหมด ตามปกติพระอรหันต์ทั่วไปๆไปจะนิพพาน ๒ ครั้ง คือ ครั้งแรกนั้นเป็นการดับกิเลส ส่วนเบญจขันธ์ยังอยู่ เรียกว่า สอุปาทิเสสนิพพาน หรือนิพพาน เมื่อยังมีชีวิตอยู่ เพียงแต่จิตเข้าสู่แดนพระนิพพานเท่านั้น เป็นจิตที่สะอาด ไม่มีกิเลส ไม่มีทุกข์แล้ว ดังเช่นพระพุทธเจ้า นิพพานครั้งแรกนี้เมื่อวันเพ็ญ เดือนวิสาขะ ก่อนพุทธศักราช ๔๕ ปี ส่วนนิพพานครั้งที่ ๒ ก็คือ อนุปาทิเสสนพิิาน ดังได้กล่าวแล้วนั้นเอง

    สถานที่นิพพานที่พุทธประวัติระบุว่า สาลวโนทยาน เมืองกุสินารา ปัจจุบันมีสถูปและวิหารเป็นสัญลักษณ์ เป็นอุทยานที่ได้รับการรักษาจากทางการอินเดียเป็นอย่างดี มีต้นสาละและไม้อื่นปลูกอยู่ทั่วไป ให้ความร่มรื่นพอสมควร

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  18. chanin

    chanin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2005
    โพสต์:
    675
    ค่าพลัง:
    +1,331
    คุณ peet บอกว่า
    ผมมีความเห็นว่าพระพุทธเจ้าเป็นคนไทย พระเจ้าสุทโธทนะพูดภาษาไทย ที่ศากยะวงค์แต่งงานภายในตระกูลเดียวกันเอง เพราะรังเกียจแขก

    ความจริงก็คือ
    ..........................................................................................................................................
    ศากยวงศ์ (Sakya clan)

    <HR SIZE=1>ในยุคบรรพกาล ได้มีชนเผ่าเชื้อสายอริยกะหรืออารยันอพยพเข้ามาตั้งรกรากและราชธานี ณ เชิงเขาหิมาลัย ชนเผ่าที่อพยพเข้ามาในภายหลัง ก่อนหน้านั้นดินแดนแถบนี้เป็นที่อยู่อาศัยของพวกมิลักขะซึ่งมีความเจริญที่น้อยกว่า พวกอริยกะหรืออารยันเป็นพวกที่นับถือในศาสนาพราหมณ์เคร่งครัด และเชื่อถือในระบบวรรณอย่างสุดโต่ง โดยเชื่อว่าวรรณะทั้ง ๔ ไม่สามารถที่จะแต่งงานร่วมกันได้ ถ้าแต่งงานบุตรจะกลายเป็นจัณฑาลทันที พวกเขาถือว่าตนยิ่งใหญ่ และบริสุทธิ์กว่าสายเลือดอื่น ๆ จึงแต่งงานด้วยกันเองภายในหมู่พี่น้องและวงศาคณาญาติซึ่งมีอยู่ ๒ ตระกูลคือ ๑. ศากยวงค์ ๒.โกลิยวงศ์ และเพราะความถือตัวจัดนี้เองที่ทำให้กรุงกบิลพัสดุด์ถูกทำลายอย่างย่อยยับด้วยอำนาจของพระเจ้าวิฑูฑภะ โอรสพระเจ้าปเสนทิโกศลแห่งสาวัตถี ซึ่งพระเจ้าวิฑูฑภะเอง ก็ใช่อื่นไกลเป็นพระนัดดาของพระเจ้ามหานามแห่งกรุงกบิลพัสดุ์นั้นเอง

    พระองค์ถูกเหยียดหยามจากพระญาติถึงขนาดเอาน้ำนมชำระล้างสถานที่ทุกแห่งที่พระองค์ประทับในกรุงกบิลพัสดุ์คราวเสด็จเยี่ยมพระญาติ โดยพวกศากยะกรุงกบิลพัสดุ์รังเกียจว่า พระมารดาของพระองค์ไม่ใช่คนวรรณะกษัตริย์ แต่เป็นทาสีซึ่งเป็นคนละวรรณกับพวกตน นี่คือชนวนของการทำลายล้างกรุงกบิลพัสดุ์ในเวลาต่อมา

    เกี่ยวกับทฤษฏีของชนชาติอารยันของพวกศากยะที่เมืองกบิลพัสดุ์นี้ นักปราชญ์ไทยหลายท่านตั้งข้อสงสัยว่า พวกเขาน่าจะเป็นคนผิวเหลืองเชื้อสายมองโกลอยเหมือนคนไทยมากกว่าที่จะเป็นอารยันแบบแขก เพราะตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือมีชาวเนปาลเป็นจำนวนมากเชื่อว่าตัวเองเป็นเชื้อสายศากยะ และหน้าตาพวกเขาก็เป็นคนผิวเหลืองไม่ใช่แขกอินเดีย แต่ประเด็นนี้คงต้องศึกษากันต่อไป และไม่ควรด่วนสรุป เพราะเป็นเรื่องใหญ่ แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า แม้แขกอินเดียเป็นจำนวนมากก็มีนามสกุลโคตมะหรือเคาตมะและยังเชื่ออีกว่าพวกเขามีเชื่อสายเดียวกับพระพุทธองค์

    ในทัศนะของคนเนปาลเองทุกคนเชื่อเต็มเปี่ยมว่าพระพุทธเจ้าเป็นชายเนปาล ไม่ใช่อินเดียเพราะพระองค์เกิดในฝั่งเนปาลไม่ใช่อินเดีย ซึ่งเป็นความจริงอยู่ไม่น้อยเพราะว่าตามสถานที่ประสูติแล้ว ลุมพินีและกบิลพัสดุ์ก็ล้วนแล้วอยู่ในฝั่งเนปาล แต่เมื่อก่อนคำว่า อินเดีย เนปาลยังไม่เกิด มีแต่คำว่าชมพูทวีป พระพุทธองค์ใช้ชีวิตส่วนมากที่ฝั่งอินเดีย เพราะขณะที่พระชนม์ชีพอยู่ เมืองกบิลพัสดุ์ของพระองค์ก็ร้างแล้ว และเขตแดนกปิลพัสดุ์ลุมพินีก็ยังอยู่ในฝั่งอินเดีย จนอังกฤษเข้าปกครองอินเดียและยกให้เนปาลเมื่อ พ.ศ.๒๓๙๕ มานี้เอง

    อย่างที่กล่าวมาแล้วว่า ต้นตระกูลของศากยวงศ์สืบเชื้อสายมาจากพระเจ้าโอกกากราชและแบ่งออกเป็น ๒ เมือง,๒ ตระกูล คือ เมืองกบิลพัสดุ์ เป็นนครหลวงของแคว้นสักกะ และเมืองเทวทหะเป็นนครหลวงของแคว้นโกลิยะ ดังมีโครงสร้างดังนี้

    ฝ่ายศากยวงศ์ พระเจ้าชัยเสนมีพระราชโอรสและธิดา ๒ พระองค์ คือ
    ๑. พระเจ้าสีหนุ ๒. พระนางยโสธรา


    ฝ่ายโกลิยวงศ์ มีพระราชาที่ไม่ปรกฏนาม มีโอรส ๑ และธิดา ๑ คือ
    ๑. พระเจ้าอัญชนะ ๒. พระนางกาญจนา


    พระเจ้าสีหนุ แห่งศากยวงศ์อภิเษกสมรสกับ พระนางกาญจนา แห่งโกลิยวงศ์มีพระโอรสและธิดารวม ๗ พระองค์คือ
    ๑. พระเจ้าสุทโธทนะ
    ๒. พระเจ้าสุกโกทนะ
    ๓. พระเจ้าอมิโตทนะ
    ๔. พระเจ้าโธโตทนะ
    ๕. พระเจ้าฆนิโตทนะ
    ๖. พระนางปมิตา
    ๗. พระนางอมิตา


    พระเจ้าอัญชนะ แห่งโกลิยวงศ์อภิเษกสมรสกับ พระนางยโสธรา แห่งศากยวงศ์ มีพระโอรสและพระธิดารวม ๔ พระองค์คือ
    ๑. พระเจ้าสุปปพุทธะ
    ๒. พระเจ้าทัณฑปาณิ
    ๓. พระนางสิริมหามายา
    ๔. พระนางมหาปชาบดีโคตมี


    พระเจ้าสุทโธทนะ แห่งศากยวงศ์อภิเษกสมรสกับพระนางสิริมหามายาแห่งโกลิยวงศ์ มีพระโอรส ๑ พระองค์คือ
    ๑. เจ้าชายสิทธัตถะ
    และต่อมาหลังพระนางสิริมหามายาสวรรคต พระองค์อภิเษกสมรสกับพระนางมหาปชาบดีโคตมี มีพระโอรสและธิดา ๒ พระองค์คือ
    ๑. เจ้าชายนันทะ
    ๒. เจ้าหญิงรูปนันทา


    พระเจ้าสุปปพุทธะ แห่งโกลิยวงศ์ได้อภิเษกสมรสกับพระนางอมิตาแห่งศากยวงศ์มีพระโอรสธิดารวม ๒ พระองค์คือ
    ๑. เจ้าชายเทวทัต
    ๒. พระนางยโสธรา (พิมพา)


    พระเจ้าสุกโกทนะ แห่งศากยวงศ์อภิเษกสมรสกับพระนางกิสาโคตมี มีพระโอรสหนึ่งพระโอรส ๑ พระองค์คือ
    ๑. เจ้าชายอานนท์


    พระเจ้าอมิโตทนะ แห่งศากยวงศ์ มีพระโอรสธิดารวม ๓ พระองค์คือ
    ๑. เจ้าชายมหานาม
    ๒. เจ้าชายอนุรุทธะ
    ๓. เจ้าหญิงโรหิณี


    พระเจ้ามหานาม ครองราชสมบัติต่อจากพระเจ้าสุทโธทนะมีพระธิดาจากนางทาสี ๑ พระองค์คือพระนางวาสภขัตติยา ซึ่งต่อมาได้เป็นพระมเหสีของพระเจ้าปเสนทิโกศลแห่งสาวัตถี มีพระโอรส ๑ พระองค์ คือ พระเจ้าวิฑูฑภะ ดังมีโครงสร้างดังนี้
    [​IMG]

     
  19. ณฐมณฑ์

    ณฐมณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2004
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +1,868
    สังเกตุว่าเมืองไทย และประเทศใกล้เคียงก็มีรอยพระพุทธบาท
    แสดงว่าพระองค์เสด็จมาโปรดสัตว์ (เวไนยสัตว์)ในบริเวณนี้ด้วย
    นี่น่าจะเป็นข้อสังเกตุหนึ่งว่าประเทศแถบนี้ก็รวมอยู่ในชมพูทวีปด้วยค่ะ
     
  20. ณฐมณฑ์

    ณฐมณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2004
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +1,868
    เคยอ่านเจออยู่บ้างว่าคุณเอกอิสสโร (ถ้าดิฉันเขียนชื่อไม่ถูกต้องขออภัยนะคะ)ก็ค้นคว้าเพื่อพิสูจน์ว่าเมืองไทยนั้นอยู่ในชมพูทวีปค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...