พระเครื่องวัตถุมงคล สุดยอด อมตะพระเครื่องวัตถุมงคล

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Muang99, 16 สิงหาคม 2015.

  1. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,432
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    พระเครื่องวัตถุมงคล สุดยอด จากประสบการณ์ต่างๆ


    104196-1523411459-083e61b311438bbc8cf29f9d7f435dd7.jpg

    1.ล็อกเก็ตครูบาอินสม สุวีโร รุ่นเศรษฐีร่ำรวย (ปิดรายการ)

    ล็อกเก็ตครูบาอินสม สุวีโร รุ่นเศรษฐีร่ำรวย ผมร่วมทำบุญและบูชามาจากกระทู้ของคุณลูกวัดท่าซุง เมื่อปี 2555 ตอนนั้นทำบุญบูชาที่ 6,500 บาท

    เนื่องจากครูบาเจ้าอินสม สุวีโร เป็นพระอริยสงฆ์ผู้บริสุทธิ์พ้นโลกธรรม "เพชรน้ำหนึ่งแห่งแม่สะเหรี่ยง"ในปัจจุบัน ท่านยังเป็นพระผู้ทรงอภิญญาทั้ง 6 กรรมฐานทั้ง 40 กอง และยังทรงไว้ด้วยความเมตตาแก่ศิษยานุศิษย์อันหาประมาณมิได้ ด้วยความเคารพศรัทธาสูงสุด จึงขออนุญาตท่านจัดสร้างล็อกเก็ต ฉากสีไข่ไก่(เหมือนท่านพระอาจารย์วัน อุตตโม) ขนาดล็อกเก็ตมาตรฐาน จำนวนการสร้าง ตามจำนวนสั่งจอง ไม่เกิน 30 องค์ โดยได้ว่าจ้างให้ทาง ร้าน นางเลิ้งอารต์ ร้านล็อกเก็ตแห่งแรกในประเทศไทย ตั่งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 โดย นายอาจ ศิลปวานิช เป็นผู้ริเริ่ม และอันดับหนึ่งในประเทศ เป็นผู้ทำ แต่ล่ะองค์ทำด้วยความปราณีตและวิธีการทำที่โบราณ ทุกองค์เป็นงานล็อกเก็ตเขียนสี ทรงไว้ด้วยความงามด้วยพุทธศีลป์และความคลาสิกโบราณ เพื่อให้สมกับเป็น 1 ใน ถูปารหบุคคล ผู้ที่ควรกราบไหว้สักการะบูชาและพ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่ให้ความเคารพสูงสุด ด้วยความเมตตาอันหาสุดประมาณมิได้ ครูบาเจ้าอินสม เมตตาศิษยานุศิษย์ตั้งชื่อล็อกเก็ตรุ่นนึ้ว่า"เศรษฐีร่ำรวย" ให้ผู้ที่ได้ไปบูชา เป็นเศรษฐี ร่ำรวย มีแต่ความเป็นสิริมงคลเข้ามาในชีวิต มีลาภเข้ามาตลอด ไม่ขาดสาย อธิษฐานจิตได้สมปราถนาทุกประการ รุ่นนึ้ท่านปรารถ เน้นเรื่อง "ลาภ" เป็นพิเศษ เพื่อให้ล็อกเก็ตรุ่นนึ้เป็นที่สุดของ พุทธานุภาพ สังฆานุภาพ จะบรรจุของมงคลที่เกี่ยวเนื่องกับครูบาเจ้าอินสม สุวีโร ได้แก่ เกศาธาตุ จีวร แผ่นจารทองคำ 96.5 เปอร์เซ็นต์ และผงอธิษฐานจิต บรรจุในล็อกเก็ต เพื่อให้สมกับเป็นล็อกเก็ตแห่งปี ครูบาเจ้าอินสม สุวีโร อธิษฐานจิตเดี่ยวแบบ "ชาติเสือไม่ขอเนื้อใครกิน"

    เคยสนทนากับคุณหญิงสุรีพันธ์ มณีวัต เรื่องพ่อแม่ครูบาอาจารย์น่าไปกราบในปัจจุบัน คุณหญิงท่านบอกผมว่า "ถ้าจะไปควรไปกราบพระที่เกศาเป็นพระธาตุตั้่งแต่สมัยทรงขันธ์อยู่ซึ่งหาได้ยากยิ่งในปัจจุบัน" ซึ่งหลวงปู่ครูบาเจ้าอินสม สุวีโร นั้น นอกจากจิตที่วิสุทธิ์แล้ว ท่านฟอกธาตุฟอกขันธ์จนเกศาแปรสภาพเป็นพระธาตุตั้่งแต่ทรงขันธ์อยู่ นึ้แหละคือพระสุปฏิปันโนที่หาได้อยากยิ่งแล้วในปัจจุบัน

    รายละเอียดของด้านหลังที่จะบรรจุในล็อกเก็ต
    เกศาธาตุของพระเดชพระคุณหลวงปู่ครูบาเจ้าอินสมที่หลวงปู่เมตตาอธิษฐานจิต
    จีวรที่พระเดชพระคุณหลวงปู่ครูบาเจ้าอินสมครองและอธิษฐานจิต
    พลอยกิมบ่อเซี่ยง(กินไม่ไหว ใช่ไม่ไม่หมด)
    แผ่นทองคำ(ต๊อกโค๊ตและขอเมตตาหลวงปู่จารทุกองค์)
    ผงพุทธคุณที่หลวงปู่ปลุกเสก


    ** องค์นี้มีท่านหนึ่งเช่าบูชาไปแล้ว สมัยที่ผมยังบูชาอยู่ เจอประสบการณ์หลายครั้ง อาทิ การที่อยู่ๆ เศรษฐีร้อยล้านพันล้านแถวบ้าน ก็กวักมือเรียกผมให้เข้าไปคุยด้วย, พนักงานไปรษณีย์ก็อยากคุย, เคยได้โชคลาภจากล็อกเก็ตครูบาอินสม ถูกเลขท้าย 2 ตัว

    ...

    ฮือฮาพบเส้นผม 64 เส้น งอกในองค์พระเครื่องครูบาอินสม

    13374329621337433102.jpg

    เมื่อวันที่ 19 พ.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีพระเครื่ององค์หนึ่ง มีเส้นผมงอกออกมาจากองค์พระ จึงเดินทางไปตรวจสอบที่ร้านอาหารครัวป้าจุก ต.จองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน เป็นร้านของคุณชนัสศักดิ์ หรือ เจน ฟั่นเต่ย ซึ่งได้นำพระเครื่อง ลักษณะเป็นพระผง สีขาวนวล ด้านหน้ามีรูปเหมือนของ ครูบาอินสม สุวีโร ที่ใต้ฐานรูปเหมือนมีภาษาไทยเขียนไว้ว่า ครูบาอินสม สุวีโร ด้านหลังมีอักษรขอมโบราณจารึกไว้ 3 แถว โดยพระเครื่ององค์ดังกล่าวมีเส้นผมที่ปนในเนื้อองค์พระงอกออกมา เป็นจำนวนมากลักษณะสีดำเหมือนเส้นผมมนุษย์ทั่วไป นับได้ถึง 64 เส้น

    โดยก่อนหน้านั้น เมื่อเดือนก.ย. 2544 คุณลักษิกา คงแก้ว แฟนสาวของคุณชนัสศักดิ์ ได้พระองค์นี้มาจากการไปร่วมงานเลี้ยงเกษียณอายุราชการของ เจ้าหน้าที่วิทยุการบินจังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งในงานเลี้ยงทางเจ้าภาพได้มีการมอบพระเครื่องที่เก็บสะสมไว้ ให้กับผู้ร่วมงาน ซึ่งผู้ที่ไปร่วมงานเลี้ยงดังกล่าวส่วนใหญ่ได้คัดเลือกพระที่ตนชอบไป เหลือแต่แฟนสาว ที่เลือกพระไม่เป็น นายสุเทพ เข็มทอง ผอ.ท่าอากาศยานแม่ฮ่องสอน ขณะนั้น จึงได้เลือกพระเครื่องของครูบาอินสมให้ และบอกว่าเป็นพระดีองค์หนึ่งที่น่าเคารพบูชา และเป็นพระของเมืองแม่ฮ่องสอน

    หลังจากได้พระเครื่ององค์ดังกล่าวมาแล้ว ก็เก็บไว้บนหิ้งพระมาตลอด แต่เมื่อประมาณ 3 วันที่ผ่านมา แฟนสาวได้ฝันประหลาด ฝันเห็นพระสงฆ์ติดๆ กันมาถึง 3 วัน และในฝันวันสุดท้ายคือเมื่อคืนที่ผ่านมาได้ฝันเห็นพระสงฆ์เหมือนเดิม จากนั้นในฝันได้เห็นชายวัยกลางคน นำดอกไม้ธูปเทียนมาให้และบอกให้ไปกราบไหว้บูชาพระ เมื่อตื่นนอนตอนเช้า แฟนได้เกิดสังหรณ์ใจและไปดูพระเครื่องบนหิ้งพระก็พบว่า พระเครื่ององค์ดังกล่าวที่บรรจุไว้ในซองพลาสติก กลับมีเส้นผมงอกออกมาเป็นจำนวนมาก โดยเส้นที่ยาวที่สุดวัดได้ประมาณ 4-5 มม. เป็นที่น่าอัศจรรย์สำหรับพระเครื่ององค์ดังกล่าว พระครูสุวีธรรมานุยุต หรือครูบาอินสม เจ้าคณะอำเภอสบเมย ปัจจุบัน เป็นเจ้าอาวาสวัดพระธาตุจอมทอง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ได้จัดสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2536 เพื่อหาเงินบูรณะพระธาตุจอมทองที่ทรุดโทรม โดยได้มีการสร้างพระเครื่องและเครื่องรางของขลัง ให้ลูกศิษย์ไว้บูชาจำนวนหลายรุ่นด้วยกัน

    ที่มา : ฮือฮาพบเส้นผม 64 เส้น งอกในองค์พระเครื่องครูบาอินสม : ข่าวสดออนไลน์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 เมษายน 2018
  2. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,432
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550

    กระทู้นี้เป็นการรวบรวม พระเครื่องวัตถุมงคล สุดยอด อมตะวัตถุมงคล จากประสบการณ์ต่างๆ

    พระเครื่องและวัตถุมงคล ในกระทู้นี้แท้ 100% บางรายการมีผู้เช่าบูชาไปแล้ว บางรายการก็ยังพอมีเหลืออยู่


    ท่านที่สนใจเช่าบูชา ลงจองในกระทู้นี้ได้เลยครับ หรือติดต่อหาผมทางมือถือ หรือทาง PM ครับ

    ท่านที่ได้จองเอาไว้ จองได้ 3 วันครับ ถ้าเลยกำหนดแล้วไม่ได้โอนเงิน ก็ขออนุญาตยกเลิกสิทธิ์ครับ

    บัญชีสำหรับโอนเงินนะครับ :
    ธนาคารกรุงเทพ หมายเลขบัญชี 129-5-235657 ชื่อบัญชี เมธา รุ่งพัฒนพันธ์

    ติดต่อหาผมได้ที่ มือถือ 081-2670895
    เมธา.

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 เมษายน 2018
  3. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,432
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    104197-1523412225-1e8442436c32a02e8627d69632138a74.jpg

    ประวัติย่อ หลวงปู่ครูบาเจ้าอินสม สุวีโร ( พระครูสุวีรธรรมานุยุต )

    หลวงปู่ครูบาเจ้าอินสม สุวีโร(พระครูวีรธรรมานุยุต) ท่านเกิดเมื่อวันเสาร์ ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๒ ปีมะเมีย ตรงกับวันที่ ๒๐ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๔๘๕ ณ บ้านแม่คะตวน ตำบลสบเมย อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน

    ตอนอายุ ๑๕ ปี หลวงปู่ครูบาอินสมท่านพบพระธุดงค์รูปหนึ่งมาพักปักกลดอยู่ที่ชายป่าหลังหมู่บ้านแม่คะตวน พอท่านเห็นพระธุดงค์รูปนี้แล้วท่านเกิดความเลื่อมใสศรัทธาในวัตรปฏิบัติของพระธุดงค์นิรนามรูปนี้มาก ท่านถึงกับตั้งปณิธานในใจของตนเองว่า

    “ เราอยากจะออกบวชปฏิบัติธรรมแบบพระธุดงค์รูปนี้ ”

    ด้วยแรงบันดาลใจนี้หลวงปู่ครูบาอินสมท่านจึงขออนุญาตโยมแม่ออกบวชหลวงปู่ครูบาอินสม สุวีโร ท่านบรรพชาเป็นสามเณรเมื่อวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๐๓ ที่ วัดบ้านแม่คะตวน ตำบลแม่คะตวน อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยมี ท่านพระครูปัญญาวรวัตร(ท่านครูบาอินสวนหรืออีกนามหนึ่งคือท่านครูบาผาผ่า) เป็นพระอุปัชฌาย์

    พรรษาแรก

    ที่ท่านเป็นสามเณรหลวงปู่ครูบาอินสมท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดบ้านแม่คะตวนกับท่านครูบาแสนเจ้าอาวาสวัดแม่คะตวนในสมัยนั้น หลังจากท่านครูบาแสนมรณภาพแล้วท่านจึงได้เดินทางมาอยู่ปฏิบัติจำพรรษากับท่านพระครูปัญญาวรวัตร(ครูบาผาผ่า) ที่วัดผาผ่า บ้านแม่คะตวน อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน อีกหนึ่งพรรษา พอท่านครูบาผาผ่าท่านมรณภาพหลังงานประชุมเพลิงท่านครูบาผาผ่าผ่านไปแล้วหลวงปู่ครูบาอินสมท่านจึงเดินทางกลับมาอยู่ที่วัดแม่คะตวนอีกครั้งหนึ่ง
    พอหลวงปู่ครูบาอินสมท่านอายุครบ ๒๐ ปีโยมแม่และญาติพี่น้องได้พาท่านเดินทางไปอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ที่ วัดศรีบุญเรือง ตำบลแม่สะเรียง อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน เมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๐๕ โดยมี ท่านพระครูอนุสรณ์ศาสนเกียรติ(ท่านครูบาแสงปาน สิริวิชัยโย) เป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านได้รับฉายาในพระพุทธศาสนาว่า

    “ สุวีโร ” โดยมีความหมายว่า “ ผู้กล้าในความดี ”

    หลังจากอุปสมบทเป็นพระภิกษุแล้วท่านเดินทางกลับมาจำพรรษาที่วัดบ้านแม่คะตวนบ้านเกิดของท่านอีกครั้งหนึ่ง ระหว่างพักจำพรรษาอยู่วัดแม่คะตวนพอออกพรรษาหน้าแล้งหลวงปู่ครูบาอินสมท่านหัดออกเที่ยวธุดงค์ตามป่าช้าภูเขาลำห้วยแถวละแวกบ้านแม่คะตวนหลังจากพรรษาที่สาม

    ของท่านเป็นต้นมาหลวงปู่อินสมท่านจึงออกเดินธุดงค์ไปปฏิบัติธรรมตามป่าเขาสถานที่ต่างๆในเขตจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ฯลฯ

    ก่อนเข้าพรรษาปี ๒๕๑๑ หลวงปู่ครูบาอินสมท่านเดินทางกลับจากไปจำพรรษาที่จังหวัดเชียงรายมาพักอยู่ที่ วัดสุทธิมงคล ตำบลแม่สะเรียง อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ระหว่างที่ท่านพักปฏิบัติอยู่ที่วัดสุทธิมงคลนั้นมีญาติโยมชาวบ้านทุ่งพร้าว ตำบลแม่สะเรียง อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน มากราบนิมนต์ท่านครูบาสีทนเจ้าอาวาสวัดสุทธิมงคลให้จัดพระเณรมาจำพรรษาที่วัดพระธาตุจอมทอง เนื่องจากตอนนั้นวัดพระธาตุจอมทองไม่มีพระเณรอยู่ประจำ ทำให้วัดพระธาตุจอมทองกลายเป็นวัดร้างไม่มีพระเณรอยู่ดูแลอารามท่านครูบาสีทนถามหลวงปู่ครูบาอินสมว่าจะไปอยู่ที่วัดพระธาตุจอมทองเพื่อฉลองศรัทธาญาติโยมบ้านทุ่งพร้าวได้หรือไม่ หลวงปู่ครูบาอินสมท่านอาสาขอไปพักปฏิบัติที่วัดพระธาตุจอมทองเพราะตอนนั้นท่านต้องการปลีกวิเวกออกไปปฏิบัติเพียงผู้เดียว หลวงปู่ครูบาอินสมท่านจึงรับนิมนต์ญาติโยมบ้านทุ่งพร้าวมาจำพรรษาที่วัดพระธาตุจอมทองครั้งแรกเมื่อปี ๒๕๑๑

    ปี ๒๕๑๑ พรรษาที่ ๗ หลวงปู่ครูบาอินสมท่านมาจำพรรษาที่วัดพระธาตุจอมทองเพียงลำพังรูปเดียวท่ามกลางความกันดารที่ไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวกทางกาย แต่การปฏิบัติภายในของท่านนั้นกลับเจริญรุดหน้าเลื่อนชั้นขึ้นเป็นลำดับ จนหลวงปู่ครูบาอินสมท่านได้พบกับ “ ธรรมอันเป็นมงคลสูงสุด ” ณ สถานที่วัดพระธาตุจอมทองแห่งนี้เมื่อปี ๒๕๑๑

    นับจากปี ๒๕๑๑ เป็นต้นมา หลวงปู่ครูบาอินสม สุวีโร(พระครูสุวีรธรรมานุยุต) ท่านจึงตั้งสัจจะจำพรรษาอยู่ปฏิบัติศาสนกิจเพื่อบูรณปฏิสังขรณ์ “ วัดพระธาตุจอมทอง ” เพื่อใช้สถานที่อบรมสั่งสอนญาติโยมพุทธบริษัทเพื่อสืบอายุพระพุทธศาสนาจนตราบเท่าทุกวันนี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 เมษายน 2018
  4. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,432
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    104198-1523412461-0b4a32d08a9ae974208aeeabf0772db4.jpg

    อิทธิฤทธิ์.....หรือความบังเอิญ


    1.หลวงพ่อ...อีเหาะได้

    ถ้าเราไปวัดจอมทอง ในช่วงกฐิน จะเห็น อาม่าแก่ๆ คนหนึ่งพูดจา กระโชกโฮกฮาก โชงชาง ตามประสาสไตล์คนจีนโบราณ อาม่า คนนึ้ชื่อว่า “แสงจันทร์ ตั้งมณีธร” อาม่ามีอายุน้อยกว่าหลวงพ่อ 2 ปี เป็นโยมเก่าแก่ของวัด อุปฐากลหวงพ่อมาตั่งแต่สร้างวัด โยมคนนึ้หลวงพ่อบอกว่า “เป็นน้องสาวท่านในอดีตชาติ” ท่านเลยตามเอามา
    ในอดีตชาติ ท่านเป็นพี่ชายอาม่า แสงจันทร์เป็นน้องสาว ไปเล่นกันในท้องนา ไปเจอกองขึ้ควาย ต่างคนเลยต่างเอาขึ้ควายมาเเปะที่หลัง พอมาชาติปัจจุบัน เค้าก็เลยทำให้ปรากฏ ถ้าใครเคยเห็นหลังหลวงพ่อ ทางขวามือจะมีปานดำ ที่เดี่ยวกับที่โยมแสงจันทร์มี เป็นเครื่องยืนยันถึงความผูกผันในอดีตชาติ ที่นึ้เวลาใครไปถามแกเกี่ยวกับหลวงพ่อ แกก็จะตอบแบบโชงชางมั่นใจว่า
    “ในประเทศไทยนึ้ อั้วเป็นศิษย์เคารพนับถือหลวงพ่ออินสมองค์เดี่ยว อาจารย์องค์ไหนอั้วก็ไม่ไป”
    เมื่อถามเหตุผลแก แกก็จะเล่าให้ฟัง ถึงเรื่องอัศจรรย์ที่แกเจอกับหลวงพ่อ
    แกเล่าให้ฟังว่า
    ปี 10 กว่าๆ หลวงพ่ออินสม ลงมากรุงเทพ แถว วัดประดู่ประชาธิปัตย์ บางซื่อ หลวงพ่อท่านต้องการทำยอดฉัตรเจดีย์เป็นแก้ว จึงมีคนแนะนำแกให้ไปกราบหลวงพ่อ เมื่อแกเจอหลวงพ่อครั้งแรก แกบอกว่า
    “ตอนนั้นยังไม่อั้วก็ยังไม่รู้สึกอะไร แต่ท่านเป็นพระที่น่าเคารพนับถือ องค์น้อยๆ” เมื่อคุยกันเรื่องยอดฉัตร ยอดฉัตรที่เป็นแก้วไม่มั่นคงและทำยาก จึงเปลี่ยนเป็นโลหะแทน
    เมื่อถึงเวลาหลวงพ่อมาตรวจงาน ก็ปรากฏว่า อาม่าแสงจันทร์เข้าโรงพยาบาล เป็นโรคไม่พบสาเหตุ มีแต่สามีเค้ามารับแขกหลวงพ่อ หลวงพ่อจึงบอกให้สามีของอาม่าแสงจันทร์ เตรียมขันน้ำมนต์มา ท่านจะอธิษฐานจิตน้ำพระพุทธมนต์ให้ เมื่อท่านทำน้ำพระพุทธมนต์เสร็จ ท่านก็บอกให้สามีของอาม่าแสงจันทร์ เอาไปให้อาม่าแสงจันทร์ดื่มและอาบ เมื่อคุยธุระเสร็จท่านก็ลากลับ แม่สะเรียง ปรากฏว่า
    คืนนั้น อาม่าแสงจันทร์ เห็นหลวงพ่ออินสม มาหาที่โรงพยาบาล และเป่าหัวให้ แล้วก็หายไป มาแบบกายเนื้อชัดๆ จับเนื้อต้องตัวได้
    รุ่งเช้าสามีอาม่าแสงจันทร์ มาเยี่ยมอาม่า แล้วนำน้ำพระพุทธมนต์ที่หลวงพ่อทำให้ มาให้ อาม่าแสงจันทร์พูดกับสามีคำแรก ว่า “เมื่อวานมีหลวงพ่อองค์เล็กๆ ที่เราทำยอดฉัตรให้ท่านมาหาตอนกลางคืนและเป่าหัวให้” สามี ตอบว่า “หลวงพ่อสมนั้นเหรอ “
    อาม่า
    บอก
    “นั้นแหละๆ “
    สามีตกใจ ขนลุก และพูดว่า จะเป็นไปได้ไง เมื่อวานหลวงพ่อมาที่โรงงานและกลับแม่สะเรียงไปแล้ว จะมาหาลื้อได้ยังไง ? นี่ท่านฝากทำน้ำมนต์มาให้ อาม่าแสงจันทร์บอกว่า “มาจริงๆน่ะ อั้วไม่ได้โกหก หรือฝันไป ท่านมากายเนื้อ มาเป่าหัวให้ จริงๆ”
    เมื่ออาม่า ยืนยันแข็งขัน ทั้งสามีและภรรยา ต่างขนลุกซู่ ถึงคุณวิเศษของหลวงพ่อ และเมื่ออาม่าได้ดื่มน้ำมนต์ก็ปรากฏว่า พบโรคในทันทีและหายไปในที่สุด ทำให้ครอบครัวตั้งมณีธร นับถือหลวงพ่อเป็นอาจารย์องค์เดี่ยวและสุดใจจนถึงทุกวันนึ้ นึ้เป็นเหตุผล ที่อาม่าแสงจันทร์ พูดให้ผมฟัง สุดท้ายแกยังพูดด้วยน้ำเสียงเชื่อสนิทใจว่า
    “อั้วเชื่อว่าหลวงพ่ออี๋เหาะได้ ไม่งั้นอี๋จะมาหาอั้วได้ไง แม่สะเรียง กรุงเทพน่ะ”
    อาม่าแสงจันทร์ ตอนนึ้ยังมีชีวิตอยู่ ท่านใดสงสัยก็สามารถไปถามท่านได้ครับ

    2.หลวงพ่อช่วยด้วย

    เรื่องนึ้เป็นเรื่องที่คุณพระแม่ชีมาลูน จันสม แม่ชีที่อุปฐากหลวงพ่อเป็นเวลา 20 ปี และอยู่ในเหตุการณ์ได้เล่าให้ผมฟังว่า
    ตอนนั้นเป็นช่วงฤดูร้อน ชาวบ้านได้เอาเด็กมาบวชเณร เพื่อมาศึกษาพระธรรมและได้มีโอกาสให้หลวงพ่อท่านได้อบรมสั่งสอน หลวงพ่อติดกิจนิมนต์ที่กรุงเทพ เลยได้ฝากเณรไว้กับแม่ชี แม่ชีได้เตือนเณร ว่า
    “อย่าไปเล่นตรงบ่อเก็บน้ำน่ะ เดี่ยวจะพลัดตกลงได้ “
    เณรเหล่านึ้เป็นเณรแก่น อยู่ในวัยซุกซน เล่นตามประสาเล็ก ไม่ฟังคำเตือนแม่ชี ได้ไปเล่นจนถึงบริเวณบ่อน้ำ คิดว่า สระว่ายน้ำ ได้ร่วมตัวกันกระโจน
    ตู้มมมม !!!!
    ปรากฏว่า เณรเหล่านั้น จมน้ำ ได้พยายามตะเกียกตะกายเหมือนลูกหมาตกน้ำ และตะโกนว่า หลวงพ่อช่วยด้วยย !!!! ปรากฏว่ามีมือนิรนามจากไหนไม่รู้ มาดึงเณรขึ้นๆที่ล่ะคนๆ เมื่อครบทุกคนแล้ว เณรได้มองขึ้นไปข้างบนเพื่อดูว่า มือนิรนามที่ดึงเข้าคือใคร
    ปรากฏว่าเป็นหลวงพ่อ ????
    หลวงพ่อได้บอกเณร “ให้ไปหาแม่ชีไป และไปอาบน้ำอาบท่า” และตักเตือนหลายอย่างไว้ อย่าดื้อกับแม่ชีและอย่าทำอีก เมื่อกลุ่มเณรจอมซน เดินมาหาแม่ชีตัวเปลียกๆ แม่ชีเห็นแล้ว ท่านคงต้องการตักเตือน กลุ่มเณรจอมซน ท่านได้เตรียมไม้เรียวและเดิมดุ่มๆ เพื่อจะไปตีเณร กลุ่มเณรพูดว่า คุณแม่หยุดก่อนครับ ผมตกน้ำในบ่อเก็บน้ำแต่หลวงพ่อท่านมาดึงช่วยพวกผมไว้
    แม่ชีเมื่อได้ยินยิ่งโกรธและพูดว่า “เณรอย่ามาหลอก หลวงพ่อไปกรุงเทพจะมาช่วยเณรได้ไง มาให้ตีๆ”
    กลุ่มเณร(ไม่รู้ว่าหลวงพ่อไปกรุงเทพ) พูดเป้นเสียงเดี่ยวกัน แต่ทำหน้ากลัวๆหน่อย เหมือนถูกผีหลอก ว่า “หลวงพ่อท่านมาช่วยผมจริงๆน่ะครับ ผมไม่ได้หลอกสาบาน ไม่งั้นพวกผมคงเป็นผีเฝ้าบ่อน้ำไปแล้ว คุณแม่คิดดูซิครับ ถ้าไม่มีคนช่วย พวกผมจะขึ้นมาได้ไง”
    เมื่อคุณแม่ได้ยินเช่นนั้นก็เลยไม่ตีเณร แต่กล่าวตักเตือนว่าต่อไปนึ้ต้องเชื่อฟังแม่
    กลุ่มเณร รับปาก และตกกลางคืนได้มาเคาะกุฏิคุณแม่ชีแล้วขอร้องให้คุณแม่นอนด้วยที่ศาลา เพราะ กลัวผีหลวงพ่อ พวกเณรไม่เข้าใจว่าหลวงพ่อท่านใช้อภิญญาฤทธิ์มาหา คิดว่าหลวงพ่อเป็นผีมา คุณแม่ได้พยายามพูดว่า หลวงพ่อไม่ใช่ผี พวกเณรก็ไม่ฟังสุดท้ายเลยต้องไปนอนด้วย เรื่องก็จบเพียงแค่นึ้
    ท่านใดสงสัยก็ถามพระคุณแม่ชีมาลูน ได้ ท่านเป็นพนยานเหตุการณ์นึ้ได้อย่างดี

    3.ย่นระยะทาง

    เณรดา ได้มาอยู่อุปฐากหลวงพ่อตั่งแต่ปี 35-41 แล้วได้สึกไป ได้เล่าให้ฟังว่า ตอนนั้น ท่อน้ำที่ห้วยปุ๊ ระยะห่างจากวัด 8 กิโลเมตร เกิดชำรุด ทำให้ที่วัดไม่สามารถใช้น้ำได้ หลวงพ่อจึงพาคณะไปตรวจและซ่อมแซม ร่วมถึงเณรดาด้วย เมื่อดูเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คณะจะกลับ หลวงพ่อสั่งให้ชาวบ้าน
    “กลับไปก่อน หลวงพ่อขอนั่งเล่นสักพัก แล้วเดี่ยวจะตามไป”
    คณะชาวบ้านร่วมถึงพระเณร ก็เดินไปล่วงหน้า เดินไปไกลลิบ ก็ยังเห็นหลวงพ่อนั่งอยู่ เมื่อไปถึงวัด ปรากฏว่า ??
    ทุกคนตกใจตาตั้งเหมือนเห็นผี !!! เพราะหลวงพ่อมารออยู่หน้าบันไดวัดแล้วทั้งคณะถามเป็นเสียงเดี่ยวกันว่า
    “หลวงพ่อมาถึงก่อนได้อย่างไร ในเมื่อพวกเค้าเดินทางมาก่อน”
    ท่านยึ้มนิดๆแล้วกล่าวว่า
    “เรามาทางพิเศษ”
    เณรดา-ปัจจุบันมาบวชใหม่เป็นพระดาแล้ว ปีนึ้มาจำพรรษาอยู่กับหลวงพ่อ สามารถสอบถามได้

    4.กระแสจิตหลวงพ่อรุนแรงมาก

    ทุกท่านคงจะเคยได้ยินเรื่อง จิตตานุภาพ ของพระอริยสงฆ์ ว่า สามารถทำให้เครื่องยนต์รถหยุดได้ เครื่องบินหยุด เช่น ท่านพระอาจารย์ฝั่น และ หลวงปู่ตื้อ เป็นต้น ท่านเหล่านึ้ต่างได้รับการยกย่องว่า เป็นผู้มีวสีในด้าน จิตตานุภาพสูง หรือ กระแสจิตรุนแรง ?
    หลวงพ่ออินสม ก็เช่นกัน ท่านก็เป็นหนึ่งในท่านเหล่านั้น เรื่องนึ้ พระอาจารย์มหาสิงห์ วิสุทโธ วัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ อ.ลี้ จ.ลำพูน หนึ่งในศิษย์เก่าแก่หลวงพ่อ ได้เล่าให้ผมฟังว่า
    “ องค์ครูบาเจ้าอินสมของเราเป็นผู้มีฤทธิ์ มีกำลังใจแข็งแกร่ง ต่างจากร่างกายของครูบาอินสมองค์ท่านเช่นฟ้ากับดินเลย มีอยู่ครั้งครูบาเจ้าถูกนิมนต์ไปในงาน เครื่องกระจายเสียงที่ดังแบบสะเทือนถึงหัวใจ ท่านจะภาวนาจะหลับก็ลำบาก ท่านส่งใจไปที่ต้นเสียง คิดว่า
    “อะหยั่งปะล้ำปะเหลือเช่นนี้หนอ”
    เท่านั้นเองเครื่องเสียงหยุดเงียบเป็นเป่าสาก(ได้ยินเค้ามาเล่าให้ฟังภายหลังว่า ถึงขนาดฟิวสายไฟขาด) เขาซ่อมกันทั้งคืนก็ใช้งานไม่ได้เลย ดีนะพวกเราทั้งหลาย ที่มารบกวนท่านบ่อย ๆ ไม่ถูกองค์ท่านส่งกระแสจี้มาที่ใจ ถ้าเป็นเช่นนั้นพวกเราคงจะช็อคกันเป็นแถวเลย”
    เรื่องจิตตานุภาพหลวงพ่อทำนองนึ้ผมก็เคยเจอ ในขณะที่หลวงพ่อให้พรคณะศิษย์ที่วัดใหม่เสนานิคม(วัดหลวงปู่หลอด-ท่านไปคาระสรีระสังขารของหลวงปู่) ปรากฏว่าไฟดับหมดทั้งศาลา ทั้งที่ฟิว สายไฟอะไรก็เป็นปรกติ เมื่อหลวงพ่อให้พรจบ ปรากฏว่า ไฟสว่างพรึบทั้งศาลา ก็เป็นเรื่องแปลกดี มีพยานบุคคลอยู่ในเหตุการณ์หลายท่าน ไปสอบถาม พระสังคม อธิปัญโญ พระนารถ ถาวโร ท่านเหล่านึ้อยู่ที่วัด ใหม่เสนาไปถามได้ตลอด

    5.เกศาแปรเป็นพระธาตุ

    “ถ้าธาตุขันธ์ครูบาอาจารย์องค์ไหนแปรเป็นพระธาตุ ไม่ต้องสงสัยตีตราเป็นพระอรหันต์ไปเลย นี่ความบริสุทธิ์ของจิตที่มาซักฟอกธาตุขัน์ จนกลายเป็นธาตุบริสุทธิ์”
    หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
    เรื่องนึ้เป็นประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับผมเองและเป็นเรื่องอัศจรรย์เรื่องแรก ที่ทำให้ผมได้พบหลวงพ่อ ผู้เป็นครูบาอาจารย์ที่ผมเคารพสุดหัวใจ
    ผมได้ยินเรื่องหลวงพ่ออินสม มาตั่งแต่ปี 51 โดย คุณพสภัท สมาชิกในเวปพลังจิต ผู้เป็นศิษย์เก่าแก่หลวงพ่อได้กรุณาเล่าเรื่องความมหัศจรรย์ของหลวงพ่อให้ผมฟังเป็นท่านแรกว่า “หลวงพ่อเป็นพระบริสุทธิ์สงฆ์และทรงอภิญญาฤทธิ์” คำๆนึ้ได้ก้องอยู่ในหูผม เสมอมา แต่ก็ไม่มีโอกาสได้กราบหลวงพ่อซักที่ เพราะตอนนั้นยังเป็นเด็กและคุณพ่อ คุณแม่ ให้เหตุผลว่า
    “แม่สะเรียงมันธุรกันดารมาก เส้นทางก็ไม่ดี อย่าไปเลย”
    แต่ความที่อยากกราบหลวงพ่อก็ไม่เคยเลือนหายไปจากจิต จนได้พบกับ พระประกอบบุญ สิริญาโณ วัดมหาวัน ท่านเป็นผู้เล่าให้ฟังถึงความอัศจรรย์ของหลวงพ่อ และข้อวัตรปฏิปทาที่น่าเลื่อมใส เป็นคนที่สอง และเป็นสายใยเชื่อมผมกับหลวงพ่อ(ตอนหลังมาทราบว่า พี่พสภัท รู้จักกับ พระประกอบบุญ)
    ผมได้เบอร์วัดของหลวงพ่อมาจากกัลยาณมิตรท่านหนึ่ง เลยได้มีโอกาศติดต่อหลวงพ่อ ผมจึงได้มีโอกาสเรียนสายกับหลวงพ่อ โดยมีผู้อุปฐากเป็นผู้นำไปขอโอกาศให้ คำแรกที่ผมได้ยินหลวงพ่อพูด ” เจริญพร โยม มีอะไรหรือจ๊ะ” ผมปิติมาก หัวใจพองโต เหมือนถูกรางวัลที่หนึ่ง ยังไงอย่างนั้น ผมได้กราบเรียนท่านต่างๆ สุดท้ายได้กราบขอเกศาท่านไว้เพื่อเป็นตัวแทนในการสักการบูชา องค์ท่านเมตตา
    “มอบให้และให้ผู้อุปฐากจดที่อยู่ไว้”
    ผ่านไป 3 เดือน ผมลืมไปแล้ว คิดว่าองค์ท่านคงจะไม่ส่งให้ ปรากฏว่ามีห่อพัสดุมาส่งที่บ้าน เป็นชื่อหลวงพ่อ ผมดีใจสุดขีด เมื่อเปิดห่อมา พบเป็นเกศาใส่ถุงพลาสติกมา 1 ซองซิบ คุณชัยพร ประคองเก็บ และผม ได้นำเกศาคีบใส่ผอบเจดีย์ไว้อย่างดี ในเกศาไม่พบอะไรผิดปรกติ เป็นเกศาเปล่าๆ เราคีบกันอย่างละเอียดอย่างดี เพื่อแน่ใจว่าจะไม่มีอะไรมาปนกับเกศาหลวงพ่อ เก็บไว้ 7 เดือน ไม่เคยเปิดดูเลย ที่นึ้พระอาจารย์ที่สนิทกัน พระบัวพรรณ วรญาโณ จะฉลองเจดีย์ ผมเลยคิดว่า จะนำเกศาหลวงพ่อไปร่วมบรรจุด้วย เมื่อเปิดผอบมา ขณะคีบเกศาจากผอบ เพื่อไปใส่ในผอบหนึ่ง
    เพื่อเตรียมบรรจุเจดีย์ ได้สังเกตเห็นเม็ดอะไรแว่ว สีงาช้าง อยู่ในผอบ
    เมื่อพิจารณาดูดีๆ นี่มันพระธาตุ นี่หว่า เกศาหลวพ่อเป็นพระธาตุ ผมตกใจและปิติมาก เหมือนตัวลอย พบเกศาหลวงพ่อแปรเป็นพระธาตุ 6 เม็ด เลยได้หยิบเม้ดพระธาตุมาส่อง พบว่า
    มีเส้นเกศาฝังอยู่ในเม็ดพระธาตุ
    ผมอัศจรรย์ใจเพราะไม่เคยเห็นแบบนึ้มาก่อน และคิดว่าพระธาตุท่านแน่นอน 100 เปอร์ แต่เพื่อนความชัวร์เลยโทรไปเล่าให้คุณชัยพร(หนึ่งในผู้อยู่ในเหตุการณ์) ฟัง และถามว่า ตอนเราได้มาไม่มีเม็ดพระธาตุช่ายมั่ยพี่
    คุณชัยพรตอบว่า
    “จะไปมีได้ไงว่ะ ปูน ก็ตอนได้มาพี่เป็นคนคีบเกศาหลวงพ่อใส่ผอบเอง พี่ดูอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว ไม่พบอะไรเลย เกศาหลวงพ่อท่านคงแปรจริงๆนึ้แหละผลแห่งความเป็น สุปฏิปันโน สวากสังโฆ ของท่าน”
    ในภายหลังได้มีโอกาส กราบเรียนให้หลวงพ่อฟัง ท่านยึ้มน้อยไม่พูดอะไรๆ แล้วกล่าวว่า
    “นึ้แหละผลของผู้ปฏิบัติเข้าถึงธรรม จิตมันไปฟอกธาตุฟอกขันธ์ จนกลายเป็นธาตุบริสุทธิ์ เป็นธาตุธรรม เป็นธรรมธาตุ มรรคผล ไม่ล้าสมัย หากปฏิบัติจริง ย่อมเห็นจริง ”
    เพิ่มเติม เมื่อกราบเรียนหลวงพ่อเสร็จได้ไปเล่าถวายให้พระคุณแม่ชีมาลูน ฟัง ท่านบอกว่า ปูนพึ่งรู้เหรอ เกศาหลวงพ่อท่านแปรเป็นพระธาตุมา 20 ปีแล้ว แม่เอาเกศาหลวงพ่อใส่ในกรอบพรากสติก และเกศาหลวงพ่อแปรเป็นพระธาตุ สีพิกุลแห้ง 3 เม็ด
     
    6.ไหนบอกหลวงพ่อไม่อยู่

    เรื่องนึ้แม่ชีมาลูน จันสม แม่ชีผู้ดูแลหลวงพ่อมานาน ได้เล่าให้ฟังว่า
    พระมหามงคล วัดท่าซุง ได้พาคณะ ๒ คันรถบัส มาวัดจอมทองเพื่อมาขอพักปฏิบัติธรรมที่วัด เมื่อมาพบแม่ชีก็ถามว่า “หลวงพ่ออยู่ไหม ?” แม่ชีบอกท่านมหามงคลว่า “หลวงพ่อไม่อยู่” “ท่านได้รับนิมนต์ไปเยอรมันได้ ๒ เดือนแล้ว” ทางท่านมหามงคลเลยพาคณะขึ้นไปปฏิบัติตรง หลวงพ่อโต บนภูเขาที่วัด ก็ปรากฏว่าพบ หลวงพ่อมานั่งรออยู่ แล้วได้กล่าวปฏิสันถารกัน เมื่อลงมา ท่านมหามงคลมาถามว่า แม่ชีว่า “แม่ชีมาหลอกอาตมาทำไม อาตมาขึ้นไปบนพระเจ้าโต เห็นหลวงพ่อมารอรับคณะ พูดคุยปฏิสันถารกัน ไหนบอกหลวงพ่อไม่อยู่ไง”
    แม่ชีตอบกลับไปว่า “หลวงพ่อไม่อยู่จริงๆน่ะ ไปเยอรมันจริงๆ แม่ชีสาบานได้”
    เมื่อท่านมหามงคลพาคณะไปดูอีกครั้งก็ปรากฏว่าไม่พบหลวงพ่อแล้วและพระที่วัดก็ต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า หลวงพ่อไปเยอรมันจริงๆ ก็นับเป็นเรื่องแปลกอีกเรื่องหนึ่ง

    7.หลวงพ่อ หายตัว ให้ดู

    เรื่องนึ้ พี่ดวงแก้ว ชาวเผ่ากะเหรี่ยง อ.สบเมย ได้เล่าให้ผมฟังว่า น้องสาวพี่ดวงแก้วได้มาช่วยล้างจาน ล้างแก้ว ให้หลวงพ่อ หลวงพ่อก็ทำสมาธิก็อยู่หน้าพระประธานศาลา เมื่อล้างจานไปซักพักก็เลยหันหน้าไปดู ปรากฏว่าไม่เห็นหลวงพ่ออยู่หน้าพระประธานแล้ว น้องสาวพี่ดวงแก้ว “ก็คิดอยู่ในใจว่า เอ๊หลวงพ่อหายไปไหนน่ะ” ก็หันหน้ากลับไป และหันหน้ากลับมาใหม่ ปรากฏว่า !! เห็นหลวงพ่อนั่งสมาธิอยู่ท่าเดิม น้องสาวพี่ดวงแก้ว
    ขยี้ตาแล้ว ขยี้ตาอีก หยิกแก้มอีก
    “ เฮ้ย นี่เราไม่ได้ฝันไปนิ หลวงพ่อท่านหายตัวให้เราดูแล้ว”
    นึ้ก็เป็นเรื่องแปลกอีกเรื่องหนึ่ง

    8.หลวงพ่อรู้ล่วงหน้า

    พี่ธีรยุทธ ศิษย์เก่าแก่หลวงพ่อมาได้ ๒๐ ปี เล่าให้ฟังว่า ได้ไปกราบหลวงพ่อครั้งแรก และได้เรียนถามหลวงพ่อว่าผมจะอุปสมบทเป็นพระ หลวงพ่อพิจารณาว่าอย่างไรครับ ? ท่านนิ่งไปชั่วครู่ แล้วกล่าวว่า
    “ยุทธเธออย่าบวชเลย ยังไม่ถึงเวลา ไปมีครอบครัวก่อน ชดใช้กรรมไป แล้วค่อยบวช ไม่งั้นถ้าเธอบวชตอนนึ้เธอจะสึกแน่นอน”
    พี่ยุทธตอนนั้นไฟแรงมาก ถึงขนาดบ่นในใจว่า “ไม่เชื่อหลวงพ่อหรอก จิตใจเรามั่นคงในพระศาสนาขนาดนึ้ ต้องการบวชเพื่อความหลุดพ้น จะสึกได้ไง”
    เมื่อบวชได้พรรษา ๒ พรรษา ก็ปรากฏว่าที่หลวงพ่อทำนายไว้ตรงทุกประการคือมีวิบากกรรมให้ต้องสึกและไปมีครอบครัวตามที่หลวงพ่อ
    กล่าวไว้ทุกประการ พี่ยุทธพูดถึงตอนนึ้พูดด้วยน้ำเสียงสั่นครืนว่า
    “น่าจะเชื่อหลวงพ่อตั้งแต่แรก ไม่น่าประมาทครูบาอาจารย์เลย ท่านพูดอะไรไว้ไม่มีผิด ถ้าเติมครูบาอาจารย์ก็คงไม่ผิดพลาดแบบนึ้”

    9.อยู่ที่วัดแล้วรู้ได้ไง

    พี่พสภัท เวบพลังจิต เป็นโยมอุปัฏฐากเก่าแก่ที่วัดอีกกลุ่มหนึ่ง หลวงพ่อจะเมตตาคณะนี้เป็นพิเศษ อาจจะคงเคยเป็นลูกเป็นหลานมาก่อนก็ไม่อาจทราบได้ มีอยู่วันหนึ่งหลวงพ่อได้ให้ผู้อุปัฏฐากต่อสายโทรศัพท์ให้หลวงพ่อ เพื่อที่จะได้โทรไปเยี่ยมเยือนคณะนึ้ เมื่อโทรไปคุณนฤมลรับ ได้พูดคุยอะไรกันหลายอย่าง สุดท้ายท่านบอกกับคุณนฤมลว่า
    “ ฝากไปบอกเจ้าอ้อด้วยอย่าซื้อรองเท้าให้มันมาก ประหยัดตังค์หน่อย เห็นหิ้วพะรุงพะรัง”
    คุณนฤมลคิดในใจว่าจะเป็นไปได้เหรอ พอวางสายจากหลวงพ่อปุ๊ป ก็ปรากฏว่าสิ่งที่หลวงพ่อบอกตรงเป๊ะ พี่อ้อถือถุงรองเท้ามาสองข้างหิ้วพะรุงพะรังมา ตามที่หลวงพ่อเตือนไว้ทุกประการ แล้วท่านอยู่ที่วัดจะรู้ได้ไง ก็เป็นเรื่องที่แปลกดี

    10. ที่บ้านมีโครงกระดูกหรือเปล่า

    พี่ธีรยุทธเล่าให้ฟังว่า ครอบครัวพี่ยุทธได้ไปซื้อบ้านใหม่ จาก จ.น่าน ตอนแรกซื้อไป ก็ยังไม่มีอะไร พออยู่นานๆเข้า ก็เกิดผิดปรกติ คนในครอบครัวทะเลาะกันบ้าง มีเรื่องให้ต้องเจ็บป่วย เสียตังค์ ที่บ้านมีแต่ปัญหาร้อนเป็นไฟ จนบ้านจะแตก พี่ยุทธหาวิธีแก้ทุกวิธีทางก็ไม่สามารถแก้ได้ เมื่อไม่สามารถแก้ได้แล้ว ดังนั้นจึงต้องหวังพึ่งหลวงพ่อ ผู้เป็นครูบาอาจารย์ เพื่อท่านจะแนะทางสว่างให้ เมื่อไปถึงได้ไปกราบเรียนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้หลวงพ่อฟัง
    ท่านนิ่งพิจารณาชั่วครู่แล้วกล่าวว่า
    ”ที่บ้านมีโครงกระดูกคนโบราณ ฝังอยู่รึเปล่า บริเวณนี้ๆน่ะ ลองไปดูซิ ถ้ามีให้ขุดขึ้นมาแล้วอุทิศส่วนกุศลให้เค้า”
    ก็ปรากฏว่าเมื่อกลับไป ก็ลองไปขุดดูในบริเวณบ้าน ในจุดที่หลวงพ่อบอก ก็ปรากฏว่าพบ โครงกระดูกมนุษย์โบราณ ตามที่หลวงพ่อบอกจริง ๆ!!!! เหมือนขุดขึ้นมา ก็ได้นำไปบำเพ็ญกุศลและอุทิศส่วนกุศลให้เค้า เรื่องก็เงียบไป อยู่เย็นเป็นสุข เป็นเพราะความเมตตาของหลวงพ่อแท้ๆ

    11.หลวงพ่อวัดท่าซุงยกย่อง

    เมื่อช่วงปี ๒๕๑๙ - ๒๕๒๐ หลวงปู่อินสม ท่านได้เดินทางไปกราบนมัสการและศึกษาธรรมกับหลวงพ่อวัดท่าซุง(พระราชพรหมยาน) เพราะเคารพในปฏิปทาและหลวงพ่อวัดท่าซุงยังมีความสัมพันธ์ทางจิตกับท่านอีกด้วย เมื่อไปถึงวัด หลวงพ่อได้ถามไถ่หลวงปู่ด้วยความเมตตา และได้นำหลวงปู่เจริญกรรมฐานที่ตึกนวราช ก็ปรากฏว่า เมื่อหลวงพ่อท่านนำนั่งกรรมฐานเสร็จ ท่านได้เปิดโอกาสให้หลวงปู่อินสมได้เข้าไปสนทนาธรรมด้วย หลวงปู่อินสม ยังไม่ทันจะพูด
    หลวงพ่อพูดผางออกมาเลยว่า
    “นี่คุณก็จบแล้วนี่ ถึงที่สุดแห่งธรรมแล้ว จะมาฝึกทำไม”
    หลวงพ่อท่านคงเห็นจิตของหลวงปู่ตอนเจริญสมาธิใสสว่างเหมือนประกายพรึก ท่านจึงได้กล่าวยกย่องคุณธรรมไว้ให้เป็นที่ปรากฏ หลวงปู่ท่านชอบทำตัวเหมือนเสือซ่อนเล็บ ท่านไม่ชอบเปิดเผยตัว ก็มีครูบาอาจารย์เหล่านี้ที่ได้เมตตาบอก เพื่อให้ลูกหลานได้กราบพระสุปฏิปันโนดีๆสืบไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 เมษายน 2018
  5. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,432
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    b8-a5-e0-b8-b9-e0-b8-81-e0-b8-8b-e0-b9-89-e0-b8-b2-e0-b8-a2-e0-b8-a1-e0-b8-b7-e0-b8-ad11-jpg-jpg.jpg
    %E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B9%82%E0%B8%AD%E0%B8%9422-jpg.jpg

    รายการที่ 2 ลูกอมหลวงพ่อโอด วัดจันเสน นครสวรรค์

    สุดยอดวัตถุมงคล หลวงพ่อโอด วัดจันเสน อ.ตาคลี นครสวรรค์

    เป็นลูกอมสีผึ้งที่มีประสบการณ์มากมาย ประสบการณ์เล่าขาน จากรุ่นสู่รุ่น

    จากประสบการณ์ที่ได้เคยพกลูกอมหลวงพ่อโอด วัดจันเสน พบว่าในด้านแคล้วคลาดปลอดภัย อยู่ในระดับที่ดีถึงดีมาก เหมาะสำหรับคนที่เดินทางบ่อย หรือเดินทางไกล มีลูกอมหลวงพ่อโอด สามารถสบายใจได้

    ช่วงต้นปี 2560 มีท่านหนึ่งจองลูกอมหลวงพ่อโอดทีเดียว 5 ลูก และโอนเงินภายใน 2 วัน คงน่าจะบูชาถวายครูบาอาจารย์

    ชื่อผู้รับเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ หากพูดไป ทุกคนก็พูดอ๋อกันทันที เป็นพระอาจารย์ที่ชาวเว็บพลังจิตศรัทธาและนับถือกันมาก


    ก่อนหน้านั้นท่านเจ้าของเว็บให้เช่าบูชาพระเครื่อง-วัตถุมงคล ได้เคยมอบลูกอมหลวงพ่อโอดให้ผม และได้เล่าให้ฟังว่า ห้อยหรือพกลูกอมหลวงพ่อโอด มาตั้งแต่สมัยเด็ก รู้สึกว่าดี ไม่เจอภัยในการเดินทางเลย แคล้วคลาดปลอดภัย


    *** ลูกอมหลวงพ่อโอด วัดจันเสน ยังพอมีเหลือให้เช่าบูชา แท้และทันหลวงพ่อโอด ถ้าสนใจจริงติดต่อมาได้ ***
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤษภาคม 2018
  6. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,432
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    1017-0562-jpg.jpg

    ชาติภูมิ

    พระครูนิสัยจริยคุณ ฉายา ปัญญาโร นามเดิมชื่อ วิสุทธิ์ นามสกุล แป้นโต แต่ชาวบ้านทั่วไปนิยมเรียกท่านว่า "หลวงพ่อโอด" ท่านเกิดเมื่อวันที่ ๒๘ เดือน ธันวาคม ๒๔๖๐ ตรงกับวันศุกร์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนยี่ ปีมะเส็ง ณ บ้านเลขที่ ๑๐๓ หมู่ที่ ๗ (บ้านหัวเขา) ตำบลตาคลี อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ บิดามารดาของท่านชื่อ นายชิต นางต่วน แป้นโต มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันรวม ๗ คน

    การศึกษาเบื้องต้น
    ท่านสำเร็จการศึกษา วิชาสามัญประถมบิริธูรณ์ จากโรงเรียนวัดหัวเขา อำเภอตาคลี อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์

    1016-afc8-jpg.jpg
    อุปสมบท
    เมื่อวันเสาร์ แรม ๗ ค่ำ เดือน ๖ ปีขาล ตรงกับวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๔๘๑ ณ พระอุโบสถ วัดหัวเขา อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ โดยมี
    ๑. พระธรรมไตรโลกาจารย์ (ยอด) วัดเขาแก้ว อำเภอพยุหะคีรี เป็นพระอุปัชฌาย์
    ๒. พระครูนิปุณธรรมธร วัดตาคลี เป็นพระกรรมวาจาจารย์
    ๓. พระครูพิพัทธศีลคุณ วัดหัวเขาตาคลี เป็นพระอนุสาวนาจารย์

    วิทยฐานะ
    พ.ศ. ๒๔๘๔ สอบได้นักธรรมเอก จากสำนักเรียนวัดมหาพฤฒาราม เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ

    สมณศักดิ์
    ๑) พ.ศ. ๒๕๐๐ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น พระครูสัญญาบัตรชั้น ตรี
    ๒) พ.ศ. ๒๕๑๐ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น พระครูสัญญาบัตรชั้น โท
    ๓) พ.ศ. ๒๕๒๐ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น พระครูสัญญาบัตรชั้น เอก
    ๔) พ.ศ. ๒๕๒๗ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น พระครูสัญญาบัตรชั้น พิเศษ

    1014-7dc0-jpg.jpg

    ด้านการศึกษาของภิกษุ-สามเณร

    - เป็นครูสอนนักธรรม ของวัดดอนยานนาวา เขตยานนาวา กรุงเทพฯ (ในสมัยที่พระอาจารย์กึ๋น เป็นเจ้าอาวาสวัดดอนฯ)
    - เป็นครูสอนนักธรรม วัดหัวเขา และวัดหนองสีนวล อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์
    - เป็นเจ้าสำนักเรียนวัดจันแสน
    - เป็นกรรมการตรวจประโยคธรรมสนามหลวง

    ความสัมพันธ์กับหลวงพ่อรุ่ง และหลวงพ่อเดิม
    หลวงพ่อโอด ท่านมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับหลวงพ่อรุ่ง แห่งวัดหนองสีนวลและหลวงพ่อเดิม แห่งวัดหนองโพ สองพระเกจิอาจารย์ชื่อดังของอำเภอตาคลี ในฐานะที่เป็นหลานที่ใกล้ชิด กล่าวคือ โยมพ่อของหลวงพ่อโอด คือ นายชิต แป้นโต เป็นน้องชายแท้ๆ ของหลวงพ่อรุ่ง วัดหนองสีนวล และแม่ของนายชิต แป้นโตและหลวงพ่อรุ่ง ก็เป็นพี่สาวโยมแม่ของหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ ดังนั้นหลวงพ่อโอดท่านจึงเรียก หลวงพ่อรุ่ง และหลวงพ่อเดิมว่า "หลวงลุง"


    การศึกษาด้านพุทธาคม
    เมื่อท่านกลับจากการเป็นครูสอนนักธรรมที่วัดดอนยานนาว่าแล้ว ได้มาอยู่กับหลวงพ่อรุ่งที่วัดหนองสีนวล ซึ่งในระยะนี้เองที่ท่านได้ศึกษาวิชาอาคมต่างๆ จากหลวงพ่อรุ่ง โดยศึกษาคู่กับหลวงพ่อสด วัดหางน้ำสาคร (พระครูวิจิตชัยการ) หลวงพ่อรุ่งได้เขี่ยวเข็ญ และพร่ำสอนท่านเป็นอย่างดี ซึ่งท่านได้เล่าให้ผู้เขียนฟังว่า ท่านเองได้ค่อยจะสนใจเรียนเท่าใดนัก แม้หลวงพ่อรุ่ง จะแสดงคุณวิเศษทางวิชาที่สอนให้ท่านดู ท่านก็ไม่ค่อยจะสนใจ จนหลวงพ่อรุ่งถึงกับเอ่ยปากต่อว่าท่านว่า ท่านเป็นพระหัวสมัยใหม่ สักวันหนึ่งจะต้องนึกถึงตัวท่านอยู่ศึกษาวิชากับหลวงพ่อรุ่ง จนกระทั่งหลวงพ่อรุ่งมรณภาพ ในปี พ.ศ. ๒๔๘๙ ท่านก็ได้รักษาการเจ้าอาวาสวัดหนองสีนวลต่อจากหลวงพ่อรุ่ง และในปีนี้เองชาวบ้านหนองสีนวล ชื่อนายอ๊อด ถูกลอบยิงด้วยปืนลูกซอง กระสุนฝังในทั้งเก้าเม็ด จะไปรักษาที่ไหนก็ไม่ได้ เพราะเป็นยุคปลายสงคราม ญาติๆ ของนายอ๊อด จึงได้นำร่างที่บาดเจ็บของนายอ๊อดมาไว้ที่ศาลาวัดหนองสีนวล แล้วนิมนต์ท่านให้ทำการรักษาด้วยความจำเป็น ท่านจึงต้องรักษาให้ตามที่เขาขอร้อง โดยก่อนที่จะลงมือรักษาท่านได้จุดธูปอธิษฐานต่อหลวงพ่อรุ่งว่า "หากหลวงลุงต้องการใช้วิชานี้คงอยู่สืบไป ก็ขอให้ทำการรักษานายอ๊อดให้หาย หากรักษาหายจะเริ่มเรียน วิชาที่สอนให้ทั้งหมด" เสร็จแล้วท่านจึงทำน้ำมนต์ตามที่ได้เรียนมา แล้วนำไปให้นายอ๊อดดื่มและพรมตามบาดแผลที่ถูกปืน หลังจากนั้นท่านจึงได้เข้าจำวัดจนเช้ามืด ท่านได้ยินเสียงเรียกว่า หลวงน้า หลวงน้าผมไม่ตายแล้ว ท่านจึงลุกออกมาดู ปรากฏว่าเป็นนายอ๊อด ที่ท่านได้รักษานั่นเองผลออกมาว่าลูกปืนที่ฝังอยู่ในตัวนายอ๊อดทั้ง ๙ เม็ดไหลออกมาทั้งหมด และบาดแผลก็สมานกันดี เลือดหยุดไหล เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาท่าน ดังนั้นท่านจึงหันมาศึกษาวิชาของหลวงพ่อรุ่ง ทั้งหมดอย่างจริงจัง

    ส่วนหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ ระยะที่ท่านอยู่หนองสีนวล ท่านได้ไปมาหาสู่กับหลวงพ่อเดิมเป็นประจำ และหลวงพ่อเดิม ท่านก็มาหนองสีนวลอยู่เป็นประจำซึ่งท่านก็ได้ศึกษาวิชาต่างๆ จากหลวงพ่อเดิม ทั้งที่วัดหนองโพและที่วัดหนองสีนวลต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๙๓ ท่านได้มาเป็นเจ้าอาวาสวัดจันเสน หลวงพ่อเดิมท่านก็ได้ให้ทายกยิ้ม ทายกใหญ่วัดหนองโพ นำตำราต่างๆ ของหลวงพ่อเดิม ขึ้นรถไฟมาให้ท่านได้ศึกษาที่สัดจันเสนอยู่เป็นประจำ จนกระทั่งหลวงพ่อเดิมมรณภาพในปี พ.ศ. ๒๔๙๔

    จึงนับได้ว่า หลวงพ่อโอดท่านเป็นทั้งหลาน และเป็นทั้งศิษย์ ของสองพระเกจิอาจารย์ ที่โด่งดังและเกรียงไกรที่สุดของอำเภอตาคลีในยุคนั้น แต่ มิใช่ว่าจะมีอาจารย์ที่ท่านได้ศึกษาทางพุทธาคม เพียงแต่หลวงพ่อรุ่ง และหลวงพ่อเดิม เท่านั้นก็ไม่ ที่ผู้เขียนรู้จากคำบอกของท่านเองยังมีอยู่อีก ๒ องค์คือ

    - หลวงพ่อพรหม วัดช่องแคอำเภอ ตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ ยุค พ.ศ. ๒๕๐๐ เป็นต้นมา ท่านไปหาหลวงพ่อพรหมบ่อยๆ มาก ท่านบอกว่าท่านไปเรียนวิชากับหลวงพ่อพรหม แต่ท่านไม่ได้บอกว่าไปเรียนวิชาอะไร แต่ที่รู้ๆ หลวงพ่อพรหมรักใคร่ในตัวหลวงพ่อโอดมาก ถึงกับยอมมาปลุกเสกวัตถุมงคลให้ที่พระอุโบสถวัดจันเสน ซึ่งหลวงพ่อพรหมท่านไม่เคยยอมไปปลุกเสกนอกวัดช่องแคเลย

    - หลวงพ่อเชน วัดสิงห์ ตำบล ทับยา อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี ท่านไปอยู่เรียนกับหลวงพ่อเขน ที่วัดสิงห์เลย ท่านบอกว่า ท่านไปเรียนวิชาทำตะกรุดซึ่งหลวงพ่อเชน ท่านเก่งมากในเรื่องการทำตะกรุดโทน

    ดังนั้นจึงพอสรุปได้ว่า พระอาจารย์ที่หลวงพ่อโอด ท่านได้ศึกษาเล่าเรียนไสยเวท พุทธาคม มีอยู่ ๔ องค์คือ
    ๑. หลวงพ่อรุ่ง วัดหนองสีนวล อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์
    ๒. หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์
    ๓. หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์
    ๔. หลวงพ่อเชน วัดสิงห์ ตำบลทับยา อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี

    ด้านวิปัสนากรรมฐาน
    หลวงพ่อโอดท่านเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญทางด้านการปฏิบัติมาก ท่านศึกษามาจาก หลวงพ่อรุ่ง ต่อมาท่านได้ไปศึกษาต่อที่สำนักวิปัสนากรรมฐาน วัดมหาธาตุ กรุงเทพฯ และต่อมาในปี ๒๕๐๕ ท่านได้ไปศึกษาต่ออีกที่วิเวกอาศรม จังหวัดชลบุรี จนท่านมีความชำนาญ และมีพลังจิตที่กล้าแข็ง สามารถล่วงรู้เหตุการณ์ในอดีต และในอนาคตอย่างแม่นยำ ในระหว่าง พ.ศ. ๒๕๐๐ เป็นต้นมา ท่านได้เปิดสำนักสอนวิปัสนากรรมฐานขึ้นที่วัดจันเสน โดยท่านเป็นผู้สอน และในระยะเวลาที่เข้าพรรษาท่านจะนั่งปฏิบัติของท่านติดต่อกัน๗ วัน โดยไม่ลุกออกมาจากกุฏิเลย ผมในวัยที่ท่านชราภาพและป่วยก็จะปฏิบัติของท่านอยู่เสมอ ในตอนกลางคืนและตอนเช้ามืด แม้จะป่วยอยู่ในโรงพยาบาลก็ตาม


    ลูกอม และ สีผึ้ง สุดยอดวัตถุมงคล
    วัตถุมงคลที่มีชื่อเสียงมานานที่สุดของท่านคือ ลูกอม และสีผึ้ง ซึ่งท่านสร้างตามตำรับของหลวงพ่อรุ่ง มีพุทธคุณทางด้านเมตตามหานิยม แคล้วคลาดและคงกระพันอยู่พร้อม ลูกอมในสมัยหลวงพ่อรุ่งนั้นท่านบอกว่าจะต้องใช้วัสดุต่างๆ คือ ๑) ดิน ๗ เมือง ๒) ขี้ตะไคร่เรือจ้าง ๗ ท่า ๓) ขี้ตะไคร่เสาตะลุงช้าง ๗ เสา ๔) รังนกหัวหงอก ๕) ดินอุดโพรงนกเหงือก ๖) เทียนวิปัสสนา ๗) หนังสือ แต่ ในสมัยของท่านวัสดุบางอย่างหายากมาก จึงต้องใช้อย่างอื่นแทน และในการปลุกเสกทุกครั้ง ท่านจะนำเม็ดลูกอมของหลวงพ่อรุ่ง มาผสมปลุกเสกด้วยเสมอสีผึ้งและลูกอมวัดจันเสนนี้โด่งดังมาก ท่านเล่าให้ผู้เขียนฟังว่า ท่านสร้างขึ้นเป็นครั้งแรกเพียง ๓ ลูกเท่านั้น และนำติดตัวไปด้วยเสมอ ต่อมาท่านมีกิจนิมนต์ ท่านจึงไปพร้อมกับพระครูพยอม วัดราษฎร์บำรุง ตำบลน้ำตาล อำเภออินทร์บุรี ได้ไปยืนคอยเรืออยู่ริมแม่น้ำ เรือผ่านไปมาไม่มีแวะรับท่านสักลำ จนเวลาจะไม่ทันงานที่เขานิมนต์ ท่านจึงนำลูกอมที่ท่านสร้างมาเสกภาวนา พร้อมอธิษฐานว่าถ้าเรือมาขอให้จอดรับท่าน วิ่งไปจนระยะคุ้งน้ำงเลี้ยวกลับมารับท่านทั้งสอง เมื่อนิมนต์ท่านขึ้นเรือแล้วท่านก็ถามว่า "เมื่อกี้ทำไมไม่จอดรับต้องเลยไปก่อน" คนขับเรือตอบว่า "พอผมเลยไปถึงข้างหน้าแล้วพึ่งนึกขึ้นได้ว่าท่านทั้งสองจะไปไม่ทันฉันเพล จึงย้อนกลับมารับ" ดังนั้นการสร้างลูกอมจากวัดจันเสนจึงมีมาจนถึงทุกวันนี้ ถึงแม้จะสิ้นหลวงพ่อโอดไปแล้ว แต่ท่านพระครูนิวิฐธรรมขันธ์ (เจริญ) ก็ได้รับการถ่ายทอดวิชานี้ไว้จากหลวงพ่อโอดไว้ จนมีความสามารถที่จะสร้างแจกแก่บรรดาผู้ที่ยังต้องการลูกอมของวัดจันเสนอยู่

    ทรายเสกที่ศักดิ์สิทธิ์
    ในห้องพระหลวงพ่อนาค วัดจันเสน จะมีกระถางธูปขนาดใหญ่ใส่ทรายไว้ตลอดเวลา ประชาชนที่มากกราบไหว้หลวงพ่อนาค และหลวงพ่อโอด จะต้องนำถุงใส่ทรายในกระถางธูปนี้กลับบ้านทุกคน เพราะทรายในกระถางธูปนี้ หลวงพ่อโอดท่านจะทำการปลุกเสกในตอนกลางคืนของทุก ๆ คืน เชื่อกันว่ามีสรรพคุณในการคุ้มครองป้องกันไฟ โจรผู้ร้าย และภูตผีปีศาจ ได้อย่างดี วันหนึ่ง ๆ จะมีผู้นำทรายจากวัดจันเสนไปเป็นจำนวนมาก แม้ในปัจจุบันนี้ก็ยังมีผู้มานำทรายไปอยู่เช่นเดิม ท่านพระครูนิวิฐธรรมขันธ์ (เจริญ) เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน ท่านจะทำการเสกไว้ในตอนกลางคืนทุก ๆ คืน ท่านได้รับการถ่ายทอดจากหลวงพ่อโอดไว้เช่นกัน

    ภาพยนตร์ ลิเก ต้องจ้างให้เลิก
    วัดจันเสนปกติจะมีงานประจำปีเพียงปีละ ๓ ครั้งเท่านั้นคือ ๑. งานคล้ายวันเกิดของหลวงพ่อโอด ๒. งานวันสงกรานต์
    ๓. งานวันลอยกระทง ในงานประจำปีทุกครั้ง สิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับงานนี้คือ ภาพยนตร์และลิเก ซึ่งที่วัดจันเสนนี้ ไม่เหมือนที่วัดอื่น ๆ เพราะ ภาพยนตร์ ลิเก ที่มาแสดงในวัดนี้ จะต้องจ้างให้เลิกแสดงทุกครั้งในวันสุดท้ายของงาน หากว่าหลวงพ่อโอดท่านไม่จ้างให้เลิกเล่นแล้ว ทั้งภาพยนตร์ ลิเก ก็จะเล่นอยู่อย่างนั้น ไม่ว่าจะเช้า สายเพียงใด และเป็นเช่นนี้มากกว่า ๒๐ ปี แล้ว เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะ ภาพยนตร์ ลิเก และประชาชนทั้งหลายเชื่อมั่นกันว่า จำนวนเงินที่หลวงพ่อโอดท่านจ้างให้เลิกแสดงนั้น จะไปตรงกับหวยที่ออกในงวดนั้น ๆ เสมอ

    มีเมตตาสูงยิ่ง
    หลวงพ่อโอดท่านเป็นพระที่มากด้วยเมตตา ท่านตัดแล้วซึ่งโกรธ โลภ หลง วันหนึ่ง ๆ ท่านจะนั่งคอยรับแขก อยู่ทั้งวัน ใครมีเรื่องทุกข์ร้อนใจไปหาท่าน ท่านก็จะให้คำแนะนำที่ดีแก่เขาเหล่านั้น ไม่เลือกชั้นวรรณะ ไม่ว่าจะเป็น คนรวย คนจน ท่านอนุเคราะห์ให้แก่เขาเหล่านั้นเสมอกันทุกคน มีบางคนขึ้นไปขอเงิน ขอข้าวของต่างๆจากท่าน ท่านก็ให้โดยมิได้หวงแหน บางคนนำของมาเสนอขายให้ท่าน ท่านก็ซื้อไว้ทั้งที่รู้ว่าเป็นของไม่ดี เช่นนำพระเครื่อง พระบูชา มาให้ท่านเช่า ท่านก็มีเมตตาเช่าไว้ โดยท่านพูดว่า เมื่อชาติก่อนติดค้างเขาไว้ ชาตินี้เขาจึงต้องตามมาทวงคืน ให้ๆ เขาไปเถิดจะได้ไม่ต้องติดค้างกันอีก ในการพูดคุยกับญาติโยมที่มาหาหรือว่ากล่าวใคร ท่านยิ้มอยู่เสมอ แม้แขกมานั้นจะจู้จี้ พูดมาก จนน่าเบื่อเพียงแค่ไหน ท่านก็ไม่มีอาการให้เห็นว่าท่านรำคาญหรือรังเกียจเขาเหล่านั้น แต่จะยิ้มเสมอ ผู้เขียนยังไม่เคยเห็นท่านแสดงอาการโกรธ หรือดุด่าว่ากล่าวใครเลย นับว่าท่านมีเมตตาสูงยิ่ง

    1013-ea9c-jpg.jpg

    อาพาธ
    หลวงพ่อโอดท่านป่วยด้วยโรคเบาหวานมานานนับสิบๆปี แต่ท่านก็ใช้พลังจิตของท่าน ข่มกลั้นความเจ็บป่วยนั้นมาตลอด ไม่หนักหนาจริงๆ ท่านจะไม่ยอมให้พาท่านไปโรงพยาบาลเลย จนบั้นปลายของชีวิต อาการเบาหวานของท่านกำเริบมาก จนเท้าของท่านบวมอยู่ตลอดเวลา คณะกรรมการวัดและศิษย์ของท่าน ก็นำท่านไปรักษาที่กรุงเทพฯ บ้าง ที่บ้านหมี่บ้าง แต่ท่านเองก็ไม่ค่อยจะยอมไปเพราะท่านเกรงใจเขาเหล่านั้นที่จะต้องมาเสียค่า ใช้จ่ายในการรักษาท่าน จนครั้งหลังสุดอาการเบาหวานของท่านกำเริบมากจนไตไม่ทำงาน ต้องนำเข้าโรงพยาบาลที่กรุงเทพฯ เพื่อล้างไต เมื่ออาการดีขึ้นท่านก็ขอให้ท่านกลับวัด มาอยู่จันเสนได้ไม่นานอาการของท่านทรุดลงอีก คณะศิษย์จึงนำท่านไปรักษาที่โรงพยาบาลบ้านหมี่ ท่านอยู่ ที่โรงพยาบาลบ้านหมี่ได้ไม่นาน ท่านก็มรณภาพด้วยอาการอันสงบ เมื่อวันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๓๒ เวลา ๒ ทุ่มเศษ ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ ซึ่งเป็นวันอาสาฬบูชา ประชนชนชาวจันเสนและใกล้เคียง ต่างเศร้าโศกเสียใจ อาลัยในมรณภาพของท่านมาก ทางคณะกรรมการวัดได้เคลื่อนศพของท่านจากโรงพยาบาลบ้านหมี่ มายังวัดจันเสน มีประชาชนเข้าร่วมขบวนแห่มากมายเป็นประวัติการณ์ปัจจุบันร่างของท่านยังอยู่ ที่ตึกนิสิตสามัคคี เปิดให้ประชนชนทั่วไปได้สักการบูชาทุกๆ วัน สิริรวมอายุได้ ๗๒ ปี ๖ เดือน ๑๙ วัน ๕๐ พรรษา

    เครดิต : หลวงพ่อโอด พระครูนิสัยจริยคุณ (วิสุทธิ์ ปัญญาธโร) วัดจันเสน นครสวรรค์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 เมษายน 2018
  7. mpnnop

    mpnnop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    149
    ค่าพลัง:
    +368
    จองครับ ขอจ่าย 2 งวด
     
  8. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,432
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    รับทราบครับ ตกลงตามที่คุยกันทางโทรศัพท์ครับ
     
  9. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,432
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    ผมได้จัดส่งล็อกเก็ตครูบาอินสม สุวีโร รุ่นเศรษฐีร่ำรวย ไปให้แล้วนะครับ

    รหัสตรวจสอบ EMS = EN070705316TH

    และแถมพระสมเด็จหายโศกพระธาตุเสด็จ, สมเด็จพระคะแนน ผงว่าน108 ไปให้ด้วยครับ

    ขอบคุณมากครับ
     
  10. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,432
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    รุ่น1 ด้านหน้า2222.jpg

    3.เหรียญหลวงปู่สรวง รุ่น 1 เทวดาเล่นดิน (ปิดรายการ)

    เหรียญหลวงปู่สรวง รุ่น 1 เทวดาเล่นดิน จัดสร้างโดยพี่ชัยหรือกำนันสัญชัย มีเนื้ออัลปาก้า 1,000 เหรียญ เนื้อทองแดง 1,000 เหรียญ และได้มอบให้คุณภักดีภูริ จำนวน 300 เหรียญ

    คุณภักดีภูริ อยู่ในเหตุการณ์ตอนจัดสร้างเหรียญหลวงปู่สรวง รุ่น 1 เทวดาเล่นดิน พิธีเสกเหรียญรุ่นนี้ไม่เหมือนเกจิอาจารย์ที่ไหน โดยหลวงปู่ท่านนั่งเพ่งดูสักครู่แล้วท่านก็โยนเหรียญทั้งหมดลงพื้นดิน แล้วบอกให้พี่ชัยและพี่สามารถไปเก็บเหรียญขึ้นมา


    หลังจากนั้นผู้ที่ได้รับเหรียญไปเกิดประสพการณ์ปาฏิหารย์มากมายจนเป็นที่เสาะหา ด้วยมีจำนวนน้อยแค่สองพันเหรียญ และกลายเป็นเหรียญยอดนิยมในเวลาต่อมา


    เหรียญหลวงปู่สรวง รุ่น 1 เทวดาเล่นดิน (เนื้อทองแดง) ผมเช่าบูชามาจากคุณภักดีภูริ(นักเขียนมีชื่อในเครือหนังสือโลกทิพย์-โลกลี้ลับ)


    ** เหรียญนี้มีประสบการณ์แปลกๆ อาทิ เคยห้อยไปแสวงบุญที่ถ้ำแห่งหนึ่ง จ.พิษณุโลก อยู่ๆ เหรียญก็ตกในระหว่างทาง กลับถึงที่พัก ก็ต้องกลับไปตระเวนหา และก็เจอ ผ่านไปไม่นานหลวงปู่สรวงก็ล่ะสังขาร, เคยเอาเหรียญรุ่น 1 นี้มาทำความสะอาด เป็นประสบการณ์ที่แปลกมาก แต่ไม่เล่าให้ฟังครับ เหรียญนี้มีท่านหนึ่งเช่าบูชาไปแล้วครับ

    หมายเหตุ : เหรียญหลวงปู่สรวง รุ่น1 เทวดาเล่นดิน ในท้องตลาดมีให้เช่าบูชา ของแท้ก็มี แต่มีน้อยมาก ส่วนใหญ่จะเก๊
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 เมษายน 2018
  11. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,432
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    art_480379.jpg

    ประวัติครูบาเจ้าหน่อแก้วฟ้า (พระเจษฎา โชติปญฺโญ)

    ชาติกำเนิด

    ณ บ้านต๊ำน้ำล้อม ตำบลบ้านต๊ำ อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา มีสามีภรรยาคู่หนึ่งคือนายหน้อยแหน้น และนางบัวเขียว ใจลา ประกอบอาชีพทำนาและมีฐานะยากจนมาก ได้อยู่กินกันมาจนมีลูกสาว ๑ คน แต่เวลาผ่านไป ๑๐ ปียังไม่มีวี่แววว่าจะได้ลูกชายสักคน แม้ว่าจะมีการตั้งครรภ์ใหม่ก็มีเหตุต้องลงเลือดหรือแท้งไปถึง ๓ ครั้ง แต่ก็สังเกตดูว่าเป็นเด็กผู้ชายทุกครั้ง จึงได้ไปอธิษฐานกับองค์พระเจ้าตนหลวง ณ วัดศรีโคมคำ พระคู่บ้านคู่เมืองพะเยา ในคืนวันแปดเป็ง (วิสาขบูชา) พอตกกลางคืนนางบัวเขียวก็นิมิตว่า มีพญานาคตัวใหญ่ตัวหนึ่งเลื้อยออกมาจากใต้ฐานองค์พระเจ้าตนหลวง แล้วนำลูกแก้วลูกหนึ่งสวยงามแพรวพราวระยิบระยับ มีประกายงดงามประมาณค่ามิได้ ดุจดั่งลูกแก้วของพระเจ้าจักรพรรดิราชหรือลูกแก้ววิเศษของมหาเทพเบื้องบน โดยพญานาคนั้นได้คาบลูกแก้ววิเศษมาคายไว้ที่อุ้งมือขวานางบัวเขียวพร้อมกับกลิ่นหอมตลบอบอวนดั่งดอกไม้ในสวรรค์ หลังจากนั้นไม่นานนางบัวเขียวก็ตั้งท้องลูกคนที่ ๒ มีความรู้สึกอยากไปวัดไปวามากกว่าเดิม ชอบนั่งสวดมนต์ ทำสมาธิ เจริญภาวนาและทานมังสวิรัติประจำ ไม่อยากทานเนื้อสัตว์ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา จนถึงเวลาที่คลอดกุมารน้อยตรงกับวันอังคาร ที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๑๘ เวลา ๑๖.๐๙ น. ขณะนั้นฝนตกกระหน่ำครั้งใหญ่ฟ้าผ่า ฟ้าร้อง ดังกึกก้องปานว่าฟ้าจะถล่มแผ่นดินจะทลาย แผ่นดินไหว สั่นสะเทือนไปทั่ว เกิดเหตุการณ์ฟ้าผ่าที่ต้นไม้บริเวณข้างบ้านและแผ่นดินไหวจำนวน ๓ ครั้ง ในเวลาไล่เลี่ยกันไม่กี่นาทีก็เป็นเวลาที่กุมารน้อยคลอดออกมาจากครรภ์นางบัวเขียวผู้เป็นมารดา การเกิดของกุมารน้อยนี้น่าอัศจรรย์คือ นำเท้าออกมาก่อน พอเท้าออกมาถึงเข่า แผ่นดินไหวและฟ้าผ่าต้นไม้ข้างบ้านครั้งที่ ๑ พอลำตัวออกมาถึงบริเวณหน้าอก แผ่นดินไหวและฟ้าผ่าต้นไม้ข้างบ้านต้นเดิมครั้งที่ ๒ พอถึงเวลานำศีรษะออกมาแล้วนั้น แผ่นดินไหวและฟ้าผ่าต้นไม้ข้างบ้านต้นเดิมครั้งที่ ๓ แต่ฝนก็ยังตกกระหน่ำไม่หยุดจนคลอดทารกน้อยเสร็จเรียบร้อย สร้างความแปลกประหลาดใจให้กับหมอตำแยและญาติพี่น้องของผู้เป็นพ่อและแม่ราว ๒๗ หลังคาเรือนหรือประมาณ ๓๕ คน กล่าวโดยสรุปเกี่ยวกับปรากฏการณ์อัศจรรย์การให้กำเนิดกุมารน้อยนี้มีอยู่ ๙ ประการคือ

    ๑. คืนวันวิสาขบูชาก่อนที่จะปฏิสนธิในครรภ์ หลังจากอธิษฐานขอพรจากพระเจ้าตนหลวง นางบัวเขียวผู้เป็นมารดานิมิตว่า มีพญานาคตัวใหญ่เท่าต้นตาลเลื้อยออกมาจากใต้ฐานพระเจ้าตนหลวง แล้วคาบลูกแก้วอันงดงามรัศมีเปล่งปลั่งมากนักมาคายไว้ที่มือขวานางบัวเขียวพร้อมกลิ่นหอมตลบอบอวล และจะฝันซ้ำ ๆ กันทุกวันพระ
    ๒. ขณะกำเนิดนั้นกุมารน้อยเอาเท้าออกก่อนไม่เหมือนทารกอื่น
    ๓. บริเวณศีรษะมีเมือกบาง ๆ คล้ายกับหมวกอยู่ (เป็นวุ้นสีเขียวคล้ำใส ๆ)
    ๔. หลังจากล้างตัวและศีรษะแล้วที่ผมบาง ๆ ของกุมารน้อยมีคล้ายกับทองคำเปลวบาง ๆ ระยิบระยับติดอยู่เต็มไปหมด
    ๕. ขณะที่คลอดกุมารน้อยนั้นมีกลิ่นหอมมากดุจดั่งดอกไม้สวรรค์ไปทั่ว
    ๖. มีสายแห่หรือสายรกพันบริเวณคอของกุมารน้อย ๓ รอบคล้ายกับงูพันพระศอองค์พระศิวะเจ้า
    ๗. กุมารน้อยไม่ร้องไห้เหมือนทารกอื่น (หมอตำแยต้องตีก้นหลายครั้งเกรงว่าจะเป็นใบ้)
    ๘. เมื่อตัดสายรกสายสะดือแล้ว ปรากฏว่ามีลูกแก้วเม็ดเล็ก ๆ (ทางเหนือเรียกว่า คตแก้ว หรือแก้วโป่งข่าม ) อยู่บริเวณสายรกห่างจากสะดือของกุมารน้อย ๑ คืบ
    ๙. ขณะคลอดกุมารน้อยนั้นมีฝนตกหนัก ฟ้าผ่าต้นไม้ต้นเดิมและแผ่นดินไหวถึง ๓ ครั้ง (ฟ้าผ่าและแผ่นดินไหวพร้อมกัน)

    ในค่ำคืนนั้นหลังจากกุมารน้อยได้กำเนิดขึ้นมาได้ ๑ คืน ผู้เป็นบิดาคือนายแหน้น นิมิตว่า มี พ่อค้า นักธุรกิจ ต่าง ๆ ทั้งชาวไทย จีน ฝรั่ง ต่างชาติ ทหาร ตำรวจ นักการเมือง แต่ละท่านมียศสูง ๆ และร่ำรวยทั้งนั้น ต่างก็พากันล้อมกราบไหว้ลูกแก้ววิเศษ ซึ่งเมื่อมองดูด้านในของลูกแก้ววิเศษจะมีภาพพระพุทธรูปและครูบาเจ้าศรีวิชัยอยู่ภายใน โดยผู้คนเหล่านั้นที่มากราบไหว้ต่างก็มาพึ่งพาบุญบารมีของลูกแก้ววิเศษเพราะเชื่อว่าลูกแก้ววิเศษนั้นสามารถสร้างอานิสงส์ให้เขาเหล่านั้นร่ำรวย รุ่งเรือง มีฐานะดี โชคดียิ่งขึ้น และพ้นจากโรคภัยต่าง ๆ แล้วก็ตกใจตื่น หลังจากนั้นได้พิจารณาความฝันว่า “เอ แปลกนะ ต่อไปข้างหน้าลูกของเราจะต้องเป็นที่พึ่งพาของคนระดับต่าง ๆ พ่อค้า ประชาชน นักธุรกิจ ทหาร ตำรวจ ที่มียศสูง ๆ แน่นอน ประกอบกับคนที่ยังไม่รวยถ้าทำบุญบารมี ร่วมกันก็จะรวยยิ่งขึ้น”


    คำพยากรณ์ครั้งแรก
    เมื่อเวลาผ่านไป ๓ วัน ข่าวดังกล่าวทราบถึงครูบาเจ้าอินโต วัดบุญยืน พระเกจิอาจารย์ชื่อดังของจังหวัดพะเยา ได้เดินทางไปที่บ้านของกุมารน้อย พอไปถึงบ้านก็เอ่ยขึ้นทักพ่ออุ้ยปัน ผู้เป็นตาของกุมารน้อยว่า “ พ่ออุ้ยปัน มีหน่ออริยโพธิสัตว์มาเกิดแล้วเน้อ ชาติสุดท้ายของเปิ้นแล้ว เลี้ยงไว้ดี ๆ เจ้าหน่อแก้วฟ้าไจยา มาเกิดแล้ว ต่อไปปายหน้าเปิ้น จะก้ำจูสาสะนา (ศาสนา) โผด (โปรด) คนหื้ออยู่ดีมีสุข มีทรัพย์สมบัติมากนัก (อริยทรัพย์ ๗ ประการ) คนตังหลายที่มีบารมีร่วมเปิ้นก็จะมี ทรัพย์สมบัติมากนักเช่นกัน“ พร้อมกันนั้นครูบาเจ้าอินโต ก็ค่อย ๆ ผูกข้อมือรับขวัญทารกน้อยและทำนายไว้ว่า “กุมารน้อยผู้นี้ เป็นผู้มีบุญหนัก ศักดิ์ใหญ่กลับชาติมาเกิด เป็นขวัญปากครูบาเจ้าพระอริยะต๋นบุญล้านนา (ขวัญสัจจะวาจาศักดิ์สิทธิ์ของครูบาเจ้าศรีวิชัย) นำแก้วคู่บารมีมาโผด (โปรด) คนตังหลายต่อไปข้างหน้า เด็กน้อยผู้นี้จะเป็นกำลังของพระพุทธศาสนาที่สำคัญคนหนึ่งและสามารถที่จะโปรดมวลมนุษย์ให้พ้นทุกข์ มีความสุข ความร่ำรวยด้วยลูกแก้วนี้ และวาจาสิทธิ์ของกุมารน้อย ซึ่งก็ถือว่าเป็นชาติสุดท้ายของกุมารน้อยผู้นี้ก็ว่าได้” พร้อมกับตั้งชื่อให้ไว้ว่า “หน่อแก้วฟ้าไจยา” หมายถึง "แก้วมณีมงคลแห่งชัยชนะที่ฟ้าหรือสรวงสวรรค์ประทานมาเพื่อความสุขความเจริญ ร่ำรวย" และครูบาเจ้าอินโตยังตั้งอีกชื่อหนึ่งให้ว่า “เจ้าอริยทรัพย์” หมายถึง "ผู้มีทรัพย์มากมีทั้งทรัพย์สมบัติภายในและทรัพย์สมบัติภายนอก" นอกจากนั้นแล้วครูบาเจ้าอินโตยังได้เน้นกับพ่ออุ้ยปันและญาติพี่น้องทุกคนว่า “บารมีนี้มีเฉพาะผู้ที่มาจากอดีตชาติที่ได้พึ่งพาบารมีซึ่งกันและกัน ดังนั้นการทดสอบจิตของเจ้าหน่อแก้วฟ้าไจยา เช่นการลองขอความช่วยเหลือจากแต่ละบุคคลว่าเป็นเช่นไร เคยบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติร่วมกันหรือไม่ หรือถ้าผู้ใดให้ความเชื่อถือและช่วยเหลือเต็มที่กับเจ้าหน่อแก้วฟ้า ผู้นั้นคือผู้ที่มาจากอดีตชาติ เป็นผู้มีทรัพย์ทิพย์จากอดีตที่คอยช่วยเหลือกันมาก่อน เพราะถือว่าช่วยเหลือในชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของเจ้าหน่อแก้วฟ้าไจยาแล้ว บุคคลผู้นั้นและครอบครัวของเขาก็จะเจริญรุ่งเรือง ร่ำรวยยิ่งๆ ขึ้นไป หน้าที่กิจการงานก็จะเจริญรุ่งเรือง เป็นผู้มีโชคชัยตลอด โรคภัยไข้เจ็บก็จักไม่เบียดเบียน โรคกรรมโรคเวรก็ย่อมเบาบางลง โดยเฉพาะผู้ให้ยานพาหนะและผู้ให้ทรัพย์เงินทองในการบำเพ็ญประโยชน์ร่วมกับ เจ้าหน่อแก้วฟ้าผู้นั้นไม่อดอยาก และคล่องตัวในกิจการงานต่างๆ มีแต่ได้กับได้อย่างเดียวเท่านั้น”


    เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์
    พอจบชั้น ป.๖ ก็มีจิตคิดที่บวชทดแทนคุณบิดามารดา ซึ่งฝ่ายบิดามารดาไม่อยากจะให้บวชเพราะกลัวเจ้าหน่อแก้วฟ้าจะไม่ยอมสึกในภายหลัง แต่เจ้าหน่อแก้วฟ้าก็ได้บวชจนได้โดยมีครูบาสงบ วัดต๊ำน้ำล้อม เป็นพระอุปัชฌาย์ เนื่องจากพ่ออุ้ยนวล ทำดี (พี่ชายของยายและเป็นลูกศิษย์ครูบาเจ้าศรีวิชัยอีกคนหนึ่ง) ได้เสียชีวิต เมื่อวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๓๑ เจ้าหน่อแก้วฟ้าจึงได้ขอทดแทนคุณ คือบวชจูงศพ แล้วก็ไม่คิดจะสึก แต่ทางบิดามารดาและญาติพี่น้อง ได้ขอให้เจ้าหน่อแก้วฟ้าสึกและมาบวชเณรตามประเพณีแบบเบ้าโบราณ จึงได้สึก ๑ วันแล้วทำพิธีขวัญนาคและบรรพชาเป็นสามเณร ในวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๓๑ โดยมีครูบาสงบ วัดต๊ำน้ำล้อม (ลูกศิษย์ครูบาแก้ว วัดปงสนุกใต้ จังหวัดลำปาง) เป็นพระอุปัชฌาย์ และเริ่มต้นร่ำเรียนนักธรรมชั้นตรี โท เอก และวิปัสสนากัมมัฏฐานจากครูบาอาจารย์ที่มีหลายท่าน เช่น

    หลวงปู่โง่น โสรโย วัดพระบาทเขารวก จ.พิจิตร
    หลวงปู่ดาบส สุมโน จ.เชียงราย
    ครูบาเจ้าปู่นริศ นรินฺโท ลานธรรมบารมีศรีปทุมแสงธรรมหนอ อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา สอนการปฏิบัติธรรมภาวนาชั้นสูง และคาถาอาคมต่าง ๆ จนหมดความรู้
    ครูบาศรี วัดร่องไฮ บ้านใหม่ จ.พะเยา สอนอักขรภาษาล้านนา และคาถายันต์ต่าง ๆ
    หลวงปู่ครูบาเจ้าดวงดี สุภทฺโท วัดท่าจำปี จ.เชียงใหม่ สอนคาถาอาคมและการปฏิบัติสมาธิ
    หลวงปู่หล้า ตาทิพย์ จ.เชียงใหม่ สอนคาถาอาคมและการใช้ทิพยญาณ การปฏิบัติธรรมชั้นสูง
    หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี วัดหินหมากเป้ง จ.หนองคาย
    ครูบาเจ้ากลิ่นกู้ วัดข่วงเป่าชัย จ.ลำปาง สอนการนั่งทางใน
    ครูบาคำผาย วัดพระธาตุจอมไคร้ จ.พะเยา
    ครูบาเจ้าพรหมจักร จ.ลำพูน สอนการปฏิบัติสมาธิภาวนา และคาถาหลายอย่าง
    ครูบาเจ้าชัยยะวงศา วัดพระบาทห้วยต้ม จ.ลำพูน สอนคาถาเรียกทรัพย์ เรียกเงิน
    ครูบาเจ้าคำอ้าย วัดทุ่งพร้าว อ.ดอกคำใต้ สอนคาถาอาคมต่าง ๆ
    ครูบาเจ้าน้อย วัดต๋อมใต้ จ.พะเยา สอนการปฏิบัติธรรมและคาถาอาคม
    ครูบาเจ้าเกษม เขมโก จ.ลำปาง สอนธรรมะเบื้องต้น
    ครูบาอ่อน วัดสนต้นหวีด จ.พะเยา
    หลวงปู่ฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี สอนการปฏิบัติสายมโนมยิทธิ
    หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ จ.นครปฐม สอนคาถาคงกระพัน และค้าขายดี
    ครูบาเจ้าบุญชุ่ม ญาณสํวโร ประเทศพม่า สอนการปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐาน
    ครูบาเจ้ามนตรี ธมฺมเมธี วัดพระธาตุสุโทน จ.แพร่ มีเมตตาสอนธรรมะ
    หลวงปู่ขาว พุทธรักขิตโต วัดป่าคูณคำวิปัสสนา จ.สกลนคร มีเมตตาถ่ายทอดความรู้ในการปฏิบัติภาวนา และคาถาอาคมต่างๆ จนหมดซึ่งท่านหลวงปู่ขาวบอกว่า "หมดแล้ว"
    หลวงปู่ดำ เขมโร วัดพระบาทเขาหินซ้อน จ.ฉะเชิงเทรา สอนการอธิษฐานจิตภาวนาให้สำเร็จ
    ครูบาแสงหล้า ประเทศสหภาพพม่า
    ครูบาเหนือชัย โฆสิโต (ขี่ม้าบิณฑบาตร) วัดถ้ำป่าอาชาทอง จ.เชียงราย

    คำพยากรณ์จากครูบาอาจารย์
    ขณะที่ศึกษาปฏิบัติธรรมกับพ่อแม่ครูบาอาจารย์ต่าง ๆ สามเณรเจ้าหน่อแก้วฟ้าก็ได้รับความอนุเคราะห์เมตตาสั่งสอน อบรมธรรม วิธีการปฏิบัติกัมมัฎฐานแต่ละรูปแบบ และถูกทดสอบภูมิธรรมมาเรื่อย ๆ นอกจากนั้นแล้วพ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่มีญาณบารมีธรรมสูงได้กล่าวทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้าให้สามเณรเจ้าหน่อแก้วฟ้าตรงกัน ๕ รูป คือ หลวงปู่ดาบส สุมโน หลวงปู่โง่น โสรโย หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี หลวงปู่ฤาษีลิง และครูบาเจ้าดวงดี สุภัทโท ไว้ว่า "สามเณรเจ้าหน่อแก้วฟ้านี้ หากแม้นว่าไม่ต่ออายุไว้ในพระพุทธศาสนาแล้ว ก็จักมีอายุในธาตุขันธ์ (กายเนื้อ) จวบจนอายุได้ ๓๕ ปีก็ละจะสังขาร เพราะว่าเป็นชาติสุดท้ายของท่านแล้ว แต่สำหรับสานุศิษย์ที่ต้องการพึ่งบุญบารมีและเคารพศรัทธาในวัตรปฏิบัติของท่านแล้วไซร้ ก็จงอาราธนานิมนต์ให้ท่านอยู่ได้ปีต่อปี โดยให้จัดทำกฐินอานิสงส์ให้ท่านคิดเป็นเงินกหาปนะ ๒ กหาปนะครึ่ง (คิดเป็นเงินปัจจุบันประมาณ ๓๙๙ บาท) ต่อการต่ออายุ ๑ วัน ผู้ใดทำบุญต่ออายุให้ท่านได้แต่ละปีนั้น จักได้อานิสงส์อันยิ่งใหญ่ จะมีความเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน การเงิน มีอายุมั่นยืนยาว สุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ แคล้วคลาดจากภัยอันตรายทั้งปวง มีความสำเร็จในสิ่งที่ปรารถนาทุกประการ เป็นเศรษฐีมหาเศรษฐีไม่อดกลั้นอดอยาก"

    แต่ก็มีอีกวิธีหนึ่งก็คือสามเณรเจ้าหน่อแก้วฟ้าจะต้อง "เข้ากรรม" (ศิษย์มักจะเรียกว่า "นิโรธกรรม") ถือว่าเป็นการต่ออายุธาตุขันธ์ และเป็นการต่ออายุให้พระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองสืบต่อไป เพราะสามเณรเจ้าหน่อแก้วฟ้านั้น เป็นสาวกของพระพุทธเจ้า เป็นตัวแทนของพุทธบริษัทที่จะต้องพัฒนาและนำพาพระพุทธศาสนาที่เริ่มต้นจากรากหญ้าให้เป็นรากแก้วที่แข็งแกร่ง เผยแพร่พระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองด้วยศาสนสถาน ศาสนวัตถุ ศาสนบุคคล ศาสนพิธี และศาสนธรรม เป็นหลักชัยของชาวพุทธผู้มีปัญญา ให้มีขวัญมีกำลังใจในการประพฤติปฏิบัติธรรมตามแนวของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ต่าง ๆ ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมาดีแล้วตั้งแต่ในอดีต ให้พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองคู่กับประเทศไทยและโลกทั้ง ๓ หรือหมื่นโลกธาตุตลอดกาลนาน

    บารมีธรรมบังเกิด
    จากความรู้ที่ครูบาอาจารย์เจ้าเมตตาสั่งสอนและชี้แนะมานี้ทำให้สามเณรเจ้าหน่อแก้วฟ้าสามารถปฏิบัติธรรมได้ในระดับที่ดีขึ้นตามลำดับและสามารถฝ่าฟันอุปสรรคในการปฏิบัติธรรมได้อย่างง่ายดาย ทำให้ท่านสามารถเริ่มสร้างบารมีธรรมตั้งแต่เป็นสามเณรน้อย ตามคำบอกเล่าของชาวบ้านหลายต่อหลายคนที่พบปาฏิหาริย์ เช่น เรื่องการย่นระยะทาง ซึ่งหากเป็นการเดินทางไปจังหวัดเชียงรายโดยทั่วไปแล้วจากพะเยา-เชียงราย วิ่งรถปกติจะใช้เวลาประมาณ ๒ ชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงตัวเมืองเชียงราย มีอยู่วันหนึ่งออกจากพะเยาสายไปหน่อยเวลาประมาณ ๐๘.๐๐ น. ต้องรีบไปงานมงคลที่ตัวเมืองเชียงราย ขณะนั้นเมื่อถึงทางตรงบริเวณ อ.แม่ใจ สามเณรเจ้าหน่อแก้วฟ้าก็บอกให้โชว์เฟอร์ขับรถช้าหน่อยแล้วหลับตาสักครู่ปรากฏว่า สร้างความแปลกประหลาดใจให้โชว์เฟอร์ยิ่งนักเพราะรถนั้นวิ่งมาถึงบริเวณห้าแยกพ่อขุนได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งถือว่าใช้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมงกว่าทันเวลาที่ทำพิธีมงคลที่บ้านญาติธรรม จ.เชียงราย

    นอกจากนั้นแล้วเมื่อคราวสามเณรเจ้าหน่อแก้วฟ้าอายุ ๑๕ ปี เคยอธิษฐานจิตอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุให้เสด็จต่อหน้าสาธุชนเกือบร้อยคน ณ วัดเก่ากลางทุ่งนา สร้างปรากฏการณ์มหัศจรรย์ให้แก่ผู้พบเห็น และมีคนพบเห็นบ่อยครั้งกับการที่สามเณรเจ้าหน่อแก้วฟ้าไปไหนมาไหนรวดเร็วมาก เช่นการเดินจากที่หนึ่งไปสู่ที่หนึ่งได้เร็วเกินกว่าคนธรรมดาทั่วไปจะทำได้ จนชาวบ้านลือว่าสามเณรเจ้าหน่อแก้วฟ้าล่องหนได้ นอกจากนั้นแล้วสามเณรเจ้าหน่อแก้วฟ้ายังเคยทักเกี่ยวกับเรื่องลางสังหรณ์ได้อย่างแม่นยำ เช่น บอกว่าอีกไม่กี่นาทีรถจะชนคนนั้นคนนี้ก็เป็นจริงตามนั้น เรื่องการบิณฑบาตรก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งเพราะมีคนหลายคนเห็นว่าท่านบิณฑบาตพร้อม ๆ กันหลายที่คล้ายกับแยกร่างได้ แต่หากมีคนถามว่าท่านใช้ฤทธิ์หรือแยกร่างได้ใช่ไหม สามเณรเจ้าหน่อแก้วฟ้าก็จะตอบบ่ายเบี่ยงว่า “เข้าใจผิดมั้ง ถ้าแยกร่างได้จริงเราจะแยกร่างสร้างวัดช่วยกันหิ้วปูนสร้างวัดให้เสร็จละสิแล้วหัวเราะ” มีคนเห็นท่านเวลาอยู่ในวัดหรือเดินทางไปไหนเดี๋ยวก็หนุ่มเดี๋ยวก็แก่ สร้างความแปลกประหลาดใจยิ่งนัก มักมีคนมาถามว่าหลวงตาแก่ ๆ เมื่อกี้ไปไหนเสียล่ะ สามเณรเจ้าหน่อแก้วฟ้าก็จะตอบว่า “หลวงตาหรือ อ้อไปแล้ว”

    การทำพิธีกรรมล้านนาต่าง ๆ ของสามเณรเจ้าหน่อแก้วฟ้า เช่น เสริมสิริมงคล พลิกฟ้า พลิกแผ่นดิน ยันต์ดวงตาลปัตร พลิกดวง เสริมบารมี บูชาเทียน ๙ หน้า ๙ บารมี เทียนหนุนดวง ค้ำชะตา ให้กับพ่อค้าแม่ขาย นักธุรกิจ นักการเมือง ประชาชน ทหาร ตำรวจ ถ้าไม่ติดขัดกับวิบากกรรมเก่าของเขาเองก็จะสำเร็จตามนั้น จนเป็นที่กล่าวขาน แต่หากมีใครมาถามว่าวัตถุมงคลหรือยันต์ของสามเณรเจ้าหน่อแก้วฟ้าดีจริงหรือ สามเณรเจ้าหน่อแก้วฟ้าก็ตอบว่า "แล้วแต่บุญบารมีและศีลของแต่ละบุคคลห้ามงมงาย ถ้าทำดีก็ดี มีศีลพร้อมปฏิบัติตามหลักธรรมก็ย่อมได้ดีแน่นอน" สามเณรเจ้าหน่อแก้วฟ้ามักจะพูดหลีกเลี่ยงแบบนี้เสมอและมักจะเก็บตัว ไม่ค่อยอยากจะให้ใครมาหามากมายเพราะไม่มีเวลาได้ ปฏิบัติธรรมในสมัยนั้น

    ออกธุดงค์ครั้งแรก
    หลังจากนั้นก็ขอลาบิดามารดาออกธุดงค์เพียงลำพังรูปเดียว แต่ปรากฏว่าทางบิดามารดาและญาติไม่ยอม สามเณรเจ้าหน่อแก้วฟ้าเลยตัดสินใจหนีออกธุดงค์ตั้งแต่เป็นเณรอายุ ๑๖ ปี ธุดงค์ตั้งแต่พะเยา เชียงราย เมืองแพร่ เมืองน่าน แล้วก็หลงทางป่าเพราะยังไม่ชำนาญเส้นทาง แต่ก็ได้พบเจอครูบาอาจารย์สายวิปัสสนาหลายรูปไม่ว่าจะเป็นรูปที่ยังดำรงขันธ์หรือดับขันธ์ไปแล้ว ตลอดจจนสิงสาราสัตว์ต่าง ๆ เช่น ช้าง ผีพราย เปรต คนธรรม์ พญานาค ยักษ์ ชาวบังบด แม้กระทั่งหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ฯลฯ ก็เจอมาหมดแล้ว ไม่มีอะไรฉันบางครั้งก็ต้องฉัน ใบไม้แทน บางครั้งเทวดาสงสารก็ลงมาใส่บาตรบ้าง เดินทางด้วยเท้าเปล่าไปเรื่อย ๆ จนไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหน มีอยู่วันหนึ่งเป็นไข้มาลาเรียอ่อนแรงมาก ตั้งสติกำหนดไปแล้วเจอทางออกสู่ถนนใหญ่บริเวณข้างป่า รอรถคันไหนก็ไม่มีที่จะผ่านมามีแต่ช้างเป็นฝูงจำนวนหลายเชือกเดินผ่านแทบจะหมดสติ สามเณรเจ้าหน่อแก้วฟ้าจึงอธิษฐานไว้ในใจว่า “กรรมใดหนอที่ทำให้ข้าพเจ้ามาตกที่นั่งลำบากเช่นนี้ แม้กระทั่งคนหรือรถยานพาหนะก็ยังไม่ ปรากฏมี หากแม้นว่าใครมีบุญบารมีอันยิ่งใหญ่ร่วมกันในอดีตชาติเคยเกื้อหนุนกันมาก่อน ที่เคยเป็นเศรษฐีมหาเศรษฐีร่ำรวยเงินทองมาจากอดีตชาติ ก็ขอให้มาพบเจอข้าพเจ้าแล้วพาข้าพเจ้าไปรักษาตัว รักษาธาตุขันธ์เพื่อให้กลับมาใช้ธาตุขันธ์นี้บำเพ็ญความดีบำเพ็ญบารมีในชาติสุดท้ายนี้ เพราะเราต้องเจอผู้อุปการะคุณผู้มีบุญเหล่านั้นเรื่อย ๆ ไป ผู้ใดให้ทรัพย์ เงินทอง และยานพาหนะแก่เราแล้ว เราจะนำไป สร้างประโยชน์คุณความดีบารมีอันยิ่งในชาติสุดท้ายนี้ ก็ขออานิสงส์บุญกุศลเก่าที่สั่งสมมาจงเกื้อหนุนให้เขาเหล่านั้นที่ค้ำชูข้าพเจ้าด้วยเงินทองในการสร้างวัดศาสนา ก็ขอให้เขารุ่งเรือง ร่ำรวย ร้อยเท่าพันทวีคูณ มีบารมีแคล้วคลาดปลอดภัยจากโรคภัยทั้งปวง มีความสุขตลอดกาลเทอญ”

    พลันขณะนั้นก็มีรถอีแต๋นคันเก่า ๆ คันหนึ่งซึ่งหาบอ้อยผ่านทางนี้พอดีก็อดสงสารสามเณรเจ้าหน่อแก้วฟ้าไม่ได้ เลยนำส่งโรงพยาบาลสุราษฏร์ธานีแล้วติดต่อกลับมาหาญาติที่พะเยา ญาติก็เลยนิมนต์สามเณรเจ้าหน่อแก้วฟ้ากลับมาที่พะเยา ภายหลังทราบข่าวว่าผู้ที่นำส่งสามเณรเจ้าหน่อแก้วฟ้ามาส่งที่โรงพยาบาลนั้นคือนายนิยะ มาโต๊ะ ถูกหวยรางวัลที่ ๑ จำนวน ๘ ใบ รวยเป็นเศรษฐี และมีความตั้งใจตามหาสามเณรเจ้าหน่อแก้วฟ้ามาโดยตลอด เมื่อได้พบกันแล้วนายนิยะ มาโต๊ะได้นำรถยนต์คันใหม่มาถวายสามเณรเจ้าหน่อแก้วฟ้า แต่สามเณรเจ้าหน่อแก้วฟ้ารับมอบแล้วก็มอบให้โรงพยาบาลไว้ใช้เป็นสมบัติของราชการ ต่อมาก็ทราบข่าวอีกว่ากิจการงานของนายนิยะ มาโต๊ะ ก็เจริญรุ่งเรือง ร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีอีกคนหนึ่ง

    เมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๑ ถึง วันที่ ๔ มกราคม ๒๕๕๒ ที่ผ่านมา เป็นช่วงสิ้นปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ครูบาเจ้าหน่อแก้วฟ้า จึงได้ตัดสินใจเข้ากรรม (นิโรธกรรม) แบบแพลอยน้ำ มีกระต๊อบบนแพ ๑ หลัง กว้างยาวเมตรครึ่ง นั่งภาวนาอยู่ที่เดียวบนแพลอยน้ำ โดยเป็นการบำเพ็ญอุกฤษฎ์ ๙ อย่างคือ
    ๑. งดฉันอาหารทุกประเภท
    ๒. งดฉันน้ำทุกประเภท
    ๓. งดถ่ายหนัก (อุจจาระ)
    ๔. งดถ่ายเบา (ปัสสาวะ)
    ๕. งดลุกจากอาสนะ (ที่นั่ง)
    ๖. งดนอนหลับ ทั้งกลางวันและกลางคืน
    ๗. งดพูดจาด้วยการปิดวาจา
    ๘. อยู่ลำพังบนแพลอยกลางน้ำ
    ๙. ปฏิบัติกรรมฐานอย่างเดียว

    เพื่อเอาอานิสงส์นี้ถือเป็นการแก้เคราะห์กรรมเก่าให้เหล่าสาธุชนทั้งหลาย เปิดทรัพย์เปิดโชคชัย บารมีสุขให้สาธุชน ทั้งหลายมีความสุข ความเจริญ รุ่งเรือง ร่ำรวย แคล้วคลาดปลอดภัยจากภัยอันตรายใด ๆ อายุมั่นขวัญยืน ค้ำชูพระพุทธศาสนาให้เจริญ รุ่งเรืองยิ่ง ๆ ขึ้นไป ก็มีสาธุชนทั้งหลายมาจากทั่วสารทิศ ที่มาชมบารมีครูบาเจ้าหน่อแก้วฟ้า และขอพรจากท่านครูบาเจ้าหน่อแก้วฟ้า ทำให้ ท่านสาธุชนเหล่านั้นมีโชคมีชัย รวยและปลอดภัยจากโรคภัยกันถ้วนหน้า

    ปัจจุบันมีสาธุชนต่างที่ใกล้และที่ไกล ต่างบ้าน ต่างอำเภอ ต่างจังหวัด และต่างประเทศมากราบนมัสการ รวมถึงถวายปัจจัยและสิ่งของเพื่อสืบทอดพระศาสนา

    full.jpg
    Facebook : ลานธรรมฯ ครูบาเจ้าหน่อแก้วฟ้า

    ** วัตถุมงคล ที่ปลุกเสกโดยครูบาเจ้าหน่อแก้วฟ้า ที่แนะนำก็คือ พญานาคคาบแก้ว หรือพญามังกรคาบแก้ว ประสบการณ์มาก ในหลายด้าน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ตุลาคม 2019
  12. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,432
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    %E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B222-jpg-jpg.jpg
    %E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%8733-jpg-jpg.jpg
    4.ผ้ายันต์แดงครูบาเที่ยงธรรม คณะเวฬุวัน อ.พยุห์ จ.ศรีสะเกษ

    ผ้ายันต์ครูบาเที่ยงธรรม ประสบการณ์เด่นด้านโชคลาภและโภคทรัพย์ เป็นผ้ายันต์แบบ 2 หน้า จากที่สัมผัสได้จะมีกระแสพลังแผ่ออกมาจากผ้ายันต์ เป็นผ้ายันต์ที่มีความศักดิ์สิทธิ์

    ผ้ายันต์แดงครูบาเที่ยงธรรม ยังพอมีให้เช่าบูชา ถ้าสนใจจริงค่อยติดต่อมานะครับ

    e0-b8-87-e0-b8-a7-e0-b8-94-2-e0-b8-a1-e0-b8-b5-e0-b8-84-2561-jpg-jpg.jpg
    e0-b8-96-e0-b8-b9-e0-b8-8111-jpg-jpg.jpg

    เคยขอกับผ้ายันต์แดงครูบาเที่ยงธรรม ทำให้ถูกรางวัลเลขท้าย 3 ตัว

    ...

    ช่วงเกิดวิกฤติการณ์ต้มยำกุ้งที่ยังตามหลอกหลอนจนถึงทุกวันนี้ธุรกิจใหญ่น้อยล้มระเนระนาด ทรัสต์เจ๊งธนาคารล้มโรงงานปิดตัวเจ้าของกิจการฆ่าตัวตายคนตกงานเดือดร้อนกันทุกย่อมหญ้า บางคนใจสู้หน่อยก็ยอมลดตัวลงมาค้าขายตามชุมชนและตลาดต่างๆ คุณศิวัฒน์เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ก็มาทำแซนวิสเดินเร่ขายเองย่านสีลมส่วนคนที่ทุนน้อยก็นำทรัพย์สินที่มีอยู่ทั้งใหม่และเก่านำมาขายตามตลาดนัดเล็กๆจนเกิดเป็นธุรกิจใหม่ที่เรียกในปัจจุปันว่า.."เปิดท้ายขายของ"เพื่อเอาตัวรอดในช่วงนั้นไม่มีใครช่วยใครได้นอกจากต้องดิ้นรนช่วยเหลือตัวเอง..
    ผมเองก็ได้รับผลกระทบมากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ทำในตอนนั้นล้มลงเงินลงทุนเกือบร้อยล้านละลายหายไปกับที่ดินและสิ่งปลูกสร้างแถมยังเป็นหนี้สถาบันการเงินต่างๆอีกแปดสิบกว่าล้านกลุ้มใจหาทางออกไม่เจอชีวิตมีแต่ความทุกข์หมดที่พึ่งจะหันหน้าไปพึ่งใครก็ไม่ได้ด้วยความที่เป็นคนชอบทำบุญจึงเริ่มเดินทางไปกราบพระอริยสงฆ์ทั่วประเทศทั้งวัดป่าสายปฏิบัติและพระเกจิอาจารย์ดังๆแบบที่เรียกว่า"ค่ำไหนนอนนั่น"ใกล้ที่ไหนนอนที่นั่นในปั๊มน้ำมัน ศาลาวัด ศาลาริมทาง สวนสาธารณะที่ปลอดภัยใกล้ๆชุมชนจนได้พบพระเหนือโลกยุคนั้นมากมายและเป็นที่มาของ #พระเหนือโลกในวันนี้

    ภาพของครูบาอาจารย์ที่ทรงจิตทรงธรรมมีเมตตาทุกครั้งที่ได้กราบไหว้ทำบุญท่านมักจะมอบวัตถุมงคลให้พร้อมกับให้ศิลให้พรให้ร่ำรวยโชคดีมีความสุข(ทุกองค์จะให้พรเหมือนกัน) เช่นหลวงปู่หมุนท่านให้ปลัดขริกที่ท่านแกะเองจากไม้คูนพร้อมกับให้พรว่า"กลับไปรวยๆเด้อ"

    หลวงปู่เที่ยงธรรมมอบผ้ายันต์แดงพร้อมปลัดขริกแล้วกำชับว่า"เอาติดตัวไปเรียกเงินเรียกทองร้อยล้านพันล้าน"ยังดังก้องหูจนทุกวันนี่ หลวงปู่อิงจับหัวแล้วเป่าจนเย็นวาบเหมือนโดนน้ำแข็งแล้วบอก"ทำอะไรให้สำเร็จสมความปรารถนาทุกอย่าง" หลวงปู่ละมัยให้ปรอทที่ท่านหุงกับมือแล้วบอก"เอาไปชนะจนชนะให้ทั่วจักรวาล" หลวงปู่กองวัดสระมณฑลลงนะด้วยแป้งที่หน้าแล้วบอกว่า"ต่อไปเอ็งจะเป็นที่รักใคร่ใครเห็นใครรักครูบาอาจารย์จะเมตตา หรือแม้แต่หลวงปู่สรวงเทวดาเดินดินยังเอาขวดน้ำเปล่าตีหัวไล่เคราะห์ร้ายทุกข์โศกโรคภัยพร้อมทั้งให้หวยที่ท่านเขียนกับมือตัวเองสามตัวตรงๆเลย...

    เครดิต : รวยทันใจแรงบันดาลใจหลังเกิดวิกฤติการณ์ต้มยำกุ้งปี2540
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 เมษายน 2018
  13. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,432
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    สำรอง​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 เมษายน 2018
  14. j999

    j999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    4,983
    ค่าพลัง:
    +5,390
    ขอจองครับ..........
     
  15. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,432
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    รับทราบครับ
     
  16. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,432
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    จัดส่งลูกอมลพ.โอด + สาริกาเรียกทรัพย์ ครูบาเจ้าหน่อแก้วฟ้า ไปให้แล้วครับ

    รหัสตรวจสอบพัสดุ EMS = EP176264243TH

    ขอบคุณครับ
     
  17. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,432
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    พระเครื่องวัตถุมงคลสุดยอด อมตะพระเครื่องวัตถุมงคลในตำนาน และที่ยังพอมีเหลือให้เช่าบูชาอยู่ในปัจจุบัน
     
  18. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,432
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    พลอยเสก111.jpg
    _egudjxuapyc_o2u2vsaf3wjfjmiz8wx87g8apjwznr8me_lutv-quy9oyqstjdejiq-w399-h541-no-jpg-4107127-jpg.jpg

    5.พลอยเสกและทรายทองอธิษฐาน คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม

    พลอยเสก หรือ พลอยทับทิมสยาม
    ความหมายมีสองนัย
    1. คุณแม่ท่านเป็นหนึ่งในสยาม ลูกศิษย์ท่านเมื่อได้นำไปใช้แล้วให้เป็นหนึ่งเสมอเช่นกัน
    2.ใครที่ทำการค้าขาย ให้ได้ผลกำไรและมีผลพลอยได้เข้ามา


    ทรายทองอธิษฐาน
    ทรายทองอธิษฐาน คุณแม่บุญเรือนฯ พบเมื่อครั้งเข้านิโรธสมาบัติที่บ้านนาซา จ.ระยอง ท่านได้ให้ลูกศิษย์ช่วยกันขุดนำขึ้นมาแล้วทำการอธิษฐานให้ ทรายทองอธิษฐานความหมายมีสองนัย
    1.ให้ลูกศิษย์นำไปโปรยที่ที่ดิน เพื่อให้ที่ดินนั้นมีมูลค่าสูงขึ้น
    2.ให้เป็นทรายเงิน ทรายทอง เรียกทรัพย์

    ** เคยขอกับพลอยเสก หรือทรายทองอธิษฐาน คุณแม่บุญเรือน ได้บ่อยพอสมควร แต่ไม่ได้ขอมาก หากขอมาก อาจไม่ค่อยได้

    ** พลอยเสก คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม พอมีแบ่งปันได้เล็กน้อย สนใจค่อยติดต่อมานะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 เมษายน 2018
  19. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,432
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    ส่วนท่านที่จะบูชาถุงเหนี่ยวทรัพย์ คุณแม่บุญเรือน พึ่งพิจารณาให้ดี ของแท้ก็มี ของปลอมก็อาจมี ปัจจุบันราคาบูชาถุงเหนี่ยวทรัพย์ คุณแม่บุญเรือน อยู่ที่ราว 5,000-20,000 บาท

    เคยบูชามาเหมือนกัน เคยขอด้านโชคลาภ วันนั้นพกติดตัวไปซื้อสลากกินแบ่งฯ รู้สึกว่าถุงเหนี่ยวทรัพย์มีพลังมาก ทำให้เกือบเดินโซเซ งวดนั้นสมมุติซื้อ 123 แต่เลขออก 124 ครับ คือแบบเฉียด 1 แต้ม และจากประสบการณ์วัตถุมงคลหรือของอธิษฐานคุณแม่บุญเรือน
    ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับเรื่องของสัจจะครับ

    เปรียบเทียบกับผ้ายันต์แดงครูบาเที่ยงธรรม ก็ต่างกัน เพราะขอกับผ้ายันต์แดงจะถูกตรงๆ เลย 3 ตัว

    ส่วนศิลาน้ำคุณแม่บุญเรือน ไม่มีประสบการณ์ที่เด่นชัด หากเทียบกับน้ำมนต์พระอาจารย์สมบัติ จิตตปัญโญ ก็ต่างกันอยู่บ้าง น้ำมนต์พระอาจารย์สมบัติ จิตตปัญโญ ก็ช่วยรักษาคนป่วยมาหลายรายแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 เมษายน 2018
  20. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,432
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,550
    ฉลาดในการบูชาวัตถุมงคล

    คุณหมอท่านหนึ่งแนะนำให้เก็บพระเครื่องวัตถุมงคล ที่ปลุกเสกโดยพระโพธิสัตว์ พระอรหันต์ พระอริยบุคคล โดยทำเป็นวงรัศมีที่แตกต่างของพระโพธิสัตว์ พระอรหันต์ พระอริยบุคคล และบอกว่า ระดับไหนเสกแค่ 1 ครั้ง เท่ากับในอีกระดับที่ต้องเสกเป็น 10 ครั้ง หรือ 100 ครั้ง

    สิ่งหนึ่งที่จะต้องไม่ลืม ก็คือ ความเป็นเอก หรือเอกอุในด้านใด

    เพราะพระพุทธเจ้านั้นในครั้งหนึ่ง ก็เคยอาศัยบุญพระสีวลี เพราะพระสีวลี เป็นเอกในด้านลาภหรือโภคทรัพย์

    ดังนั้นอย่าฟังความคิดเห็นคนอื่นมากนัก ให้ใช้ปัญญาของตนเอง

    ครูบาอาจารย์บางท่าน เป็นพระโพธิสัตว์หรือผู้ที่ปรารถนาพุทธภูมิ หรือเป็นพระอรหันต์ผู้ทรงฤทธิ์ แต่ท่านอาจไม่ได้เป็นเอกในด้านลาภหรือโภคทรัพย์ ท่านอาจรู้หรือเห็นในหลายสิ่ง มีบริวารมาก อาจช่วยเหลือคนให้เจริญก้าวหน้ารุ่งเรือง แต่ในบางเรื่องท่านก็ช่วยไม่ค่อยได้ เพราะไม่ได้เป็นเอกในด้านนั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ตุลาคม 2019

แชร์หน้านี้

Loading...