ร่วมทำบุญบูชา นัยน์ตาพระธรณีเจาะจำเพาะมหาถอดแสนมนต์(องค์ปฐมเปลื้องผ้ากาสา) พ่ออาจารย์พล

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย คุรุปาละ, 12 ตุลาคม 2014.

  1. ออนเนอร์

    ออนเนอร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    98
    ค่าพลัง:
    +258
    ได้รับพระแล้ว ขอบคุณครับ ขออภัยที่แจ้งช้า
     
  2. cosmic ray

    cosmic ray เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2014
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +776
    แจ้งการโอนค่าบูชาวัตถุมงคลตามที่ได้จองไว้ วันที่ 28/07/58. เวลา 16 : 17 และ 16 : 18 น. รายละเอียดแจ้งทาง pm .
     
  3. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,148
    ค่าพลัง:
    +16,536
    คาถาวันละนิด (ยันทุน 9 ชั้น)

    พ่ออาจารย์ท่านได้มอบพระคาถาให้มาลง บทนี้เรียกว่ายันทุน 9 ชั้น ซึ่งมีอานุภาพเหนือกว่าบทยันทุนปกติหลายเท่านัก

    ท่านว่าคนเรานั้นอยู่กับเวรกับกรรมของตนทั้งสิ้น ดังนั้นชีวิต ไม่มีใครจะดีเลิศประเสริฐเสมอไป พระคาถานี้จึงให้ไว้ใช้แก้โชคร้ายเเละความอัปมงคลเหล่านั้น

    อันนี้ผมก็เห็นด้วยจะได้ไม่ต้องถามกันอีก ท่านว่าจะฝันร้ายทำให้ใจสั่น มีนิมิตรร้ายในขณะปฏิบัติภาวนา มีความรู้สึกไม่ดีต่างๆเกิดขึ้น ธาตุสั้ง 4 ในร่างกายแสดงอาการวิปริต จะหน้ามืดตามัวใจเต้นเเรงผิดปกติเกิดอาการโหวงๆ

    ไม่ว่าจะมีเหตุการณ์ใดๆมาบั่นทอนความรู้สึกตัวเอง ให้เกิดนิมิตร เกิดลางร้ายต่างๆสำแดงเเก่จิตใจตนเองก็ตาม

    พ่ออาจารย์ท่านกล่าวว่า ตนเป็นที่พึ่งเเห่งตน ให้แก้ไขด้วยตนเอง บทนี้จำเอาไว้ให้ดี ให้สวดกันให้ได้ ใช้ได้ไปตลอด7ชั่วชีวิต(ท่านว่าแบบนั้น) เมื่อเกิดนิมิตรร้ายลางร้ายต่างๆ ไม่ต้องไปเที่ยวเร่หาใครให้มาทำนายนิมิตรนั้น ไม่ต้องกลัวภัยอันจะเกิดเเต่ลางร้ายทั้งหลายเหล่านั้น ตั้งจิตให้มั่น ภาวนาพระคาถาดังนี้

    ยันทุนนิมิตตัง อะวะมังคลัญจะโย จามะนาโป สกุนัสสะสัทโท โลกัสสัทโท พระอาทิตย์ตายะเทวะ เพียกชะนะคะมุง กะกุลหัตถี กุตตะระสิงหา ทุสสุปินัง อะกันตัง พุทธานุภาเวนะ ธัมมานุภาเวนะ สังฆานุภาเวนะ วินาสายะ
    ยันทุนนิมิตตัง อะวะมังคลัญจะโย จามะนาโป สกุนัสสะสัทโท โลกัสสัทโท พระจันทร์ตายะเทวะ เพียกชะนะคะมุง กะกุลหัตถี กุตตะระสิงหา ทุสสุปินัง อะกันตัง พุทธานุภาเวนะ ธัมมานุภาเวนะ สังฆานุภาเวนะ วินาสายะ
    ยันทุนนิมิตตัง อะวะมังคลัญจะโย จามะนาโป สกุนัสสะสัทโท โลกัสสัทโท พระอังคารตายะเทวะ เพียกชะนะคะมุง กะกุลหัตถี กุตตะระสิงหา ทุสสุปินัง อะกันตัง พุทธานุภาเวนะ ธัมมานุภาเวนะ สังฆานุภาเวนะ วินาสายะ
    ยันทุนนิมิตตัง อะวะมังคลัญจะโย จามะนาโป สกุนัสสะสัทโท โลกัสสัทโท พระพุธตายะเทวะ เพียกชะนะคะมุง กะกุลหัตถี กุตตะระสิงหา ทุสสุปินัง อะกันตัง พุทธานุภาเวนะ ธัมมานุภาเวนะ สังฆานุภาเวนะ วินาสายะ
    ยันทุนนิมิตตัง อะวะมังคลัญจะโย จามะนาโป สกุนัสสะสัทโท โลกัสสัทโท พระพฤหัสตายะเทวะ เพียกชะนะคะมุง กะกุลหัตถี กุตตะระสิงหา ทุสสุปินัง อะกันตัง พุทธานุภาเวนะ ธัมมานุภาเวนะ สังฆานุภาเวนะ วินาสายะ
    ยันทุนนิมิตตัง อะวะมังคลัญจะโย จามะนาโป สกุนัสสะสัทโท โลกัสสัทโท พระศุกร์ตายะเทวะ เพียกชะนะคะมุง กะกุลหัตถี กุตตะระสิงหา ทุสสุปินัง อะกันตัง พุทธานุภาเวนะ ธัมมานุภาเวนะ สังฆานุภาเวนะ วินาสายะ
    ยันทุนนิมิตตัง อะวะมังคลัญจะโย จามะนาโป สกุนัสสะสัทโท โลกัสสัทโท พระเสาร์ตายะเทวะ เพียกชะนะคะมุง กะกุลหัตถี กุตตะระสิงหา ทุสสุปินัง อะกันตัง พุทธานุภาเวนะ ธัมมานุภาเวนะ สังฆานุภาเวนะ วินาสายะ
    ยันทุนนิมิตตัง อะวะมังคลัญจะโย จามะนาโป สกุนัสสะสัทโท โลกัสสัทโท พระราหูตายะเทวะ เพียกชะนะคะมุง กะกุลหัตถี กุตตะระสิงหา ทุสสุปินัง อะกันตัง พุทธานุภาเวนะ ธัมมานุภาเวนะ สังฆานุภาเวนะ วินาสายะ
    ยันทุนนิมิตตัง อะวะมังคลัญจะโย จามะนาโป สกุนัสสะสัทโท โลกัสสัทโท พระลักขณาตายะเทวะ เพียกชะนะคะมุง กะกุลหัตถี กุตตะระสิงหา ทุสสุปินัง อะกันตัง พุทธานุภาเวนะ ธัมมานุภาเวนะ สังฆานุภาเวนะ วินาสายะ

    เมื่อภาวนาจบพ่ออาจารย์ท่านว่า สิ่งร้ายๆอันจะเกิดขึ้น มันจะถึงการพินาศดับสูญไปเองด้วยอำนาจพระรัตนตรัยเเละเทพนพเคราะห์ท่านช่วยเหลือ อย่าเสียเวลาไปกับการคิดการกลัว เมื่อภาวนาบทนี้ท่านว่าสิ่งที่ได้ผลทันที อย่างน้อยจิตใจเราก็สบายขึ้น

    มีเรื่องเมื่อไหร่ ฝันร้ายเกิดลางร้ายต่างๆเมื่อไหร่ท่านว่าให้ภาวนาไปเภิดจำเริญนัก แม้ไม่มีนิมิตรร้ายใดๆก็สวดได้ สวดหลังกราบพระ หลังเจริญพระพุทธมนต์ประจำวันเสร็จยิ่งดี พระรัตนตรัยนี้มีอานุภาพในการสงเคราะห์สัตว์ผู้ยากมากนัก ชีวิตมีเเต่ดีมีเเต่รุ่ง คาถานี้แก้เคราะห์แก้กรรมได้ในระดับหนึ่ง ท่านว่าให้เป็นวิทยาทาน คงจะป้อนให้ถึงปากมากกว่านี้ไม่ได้ ใครมีบุญก็ให้เขาขวนขวายเอาไว้ใช้เถิด
     
  4. ยอดกตัญญู

    ยอดกตัญญู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +329
    อยากให้ลงคาถาเรื่อยๆผมชอบมาก สาธุ
     
  5. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,148
    ค่าพลัง:
    +16,536
    ข้อคิด

    พ่ออาจารย์ท่านได้พูดถึงสิ่งซ้ำซาก ที่ท่านกล่าวว่าเป็นวงจรชีวิตของมนุษย์ไว้อยู่หลายครั้ง วันนี้ก็จะเอามาพูดให้ฟังกัน เพื่อให้เป็นกุศลเป็นประโยชน์ จะได้คิดตามเเละสำรวจตนเองว่าเป็นเช่นนั้นจริงหรือไม่

    ท่านกล่าวว่าขึ้นชื่อว่าคนนั้น ย่อมถือประโยชน์ส่วนตนเป็นใหญ่ ตั้งมั่นอยู่กับความฝันเเละอนาคต โดยที่เขาไม่ได้นึกถึงอดีตหรือมองปัจจุบันเลย

    สิ่งมีชีวิตนั้น เมื่อยังมีลมหายใจอยู่ ก็ใช้ชีวิตเพลิดเพลินเกินไป เหมือนตนเองวิ่งอยู่บนฉากละคร บนนาฏกรรมที่คนทั้งโลกเล่นร่วมกับเรา เราใช้ชีวิต เหมือนตนเองเป็นอมตะ ไม่ได้คำนึงว่าเกิดชาติหน้าจะยังมีบุญพอให้เป็นคนอยู่มั๊ย

    ความสุขหลายอย่างอยู่ในจิตใจเเสวงหาได้ในตัวตนของเราเอง เขาเหล่านั้นก็กลับลืมเเละทิ้งมันไป ไปผจญเวรผจญกรรม เพราะความอยาก ความปรารถนา ความต้องการของเขา เลือกที่จะทิ้งความสุข เสียสละสุขบริสุทธิ์ วิ่งเข้าสู่ทะเลทุกข์เสียเช่นนั้น

    แม้สุดท้ายเเล้ว เมื่อระลึกได้ เค้าก็จะใช้ความพยายาม เเละทุนทรัพย์ปัจจัยต่างๆ เพื่อที่จะเข้าหาความสุขอันเป็นกะพี้ เป็นเปลือกนอก ทำอย่างไรก็ได้ให้เค้าได้ความสุขกลับมาโดยลืมมองไปเสียว่าความสุขนั้นได้อยู่กับตัวเขาเองเสียเเต่เเรกเเล้ว หากพอมีสติยั้งคิดได้ ก็จะเห็นว่ามันไม่ได้จากเราไปไหนเลย มีเเต่ตัวเราเองที่พยายามวิ่งหนีออกจากมันไป

    ฝูงชนทั้งหลายล้วนมีหน้าที่ มีภาระเป็นของตนเอง เมื่อเป็นดั่งนั้นจึงได้เเหวกว่ายขวนขวายไปเพื่อที่จะเข้าหาอนาคต หลายคนลืมมองภาวะปัจจุบันของตนเอง จนกระทั่งไปถึงอนาคตเเล้ว อนาคตนั้นก็จะกลายเป็นปัจจุบัน เขาก็ยังจะขวนขวายอนาคตอีก คนประเภทนี้ไงที่เราเรียกว่าคนเป็นอมตะ เพราะเขาลืมนึกถึงหน่วยเวลาในชีวิตเขาว่ามันมีอยู่เพียงใด กระเสือกกระสนดิ้นรนไป จนสุดท้ายก็ไม่มีอะไรเหลือทั้งปัจจุบันเเละอนาคต

    อัตตาความยึดมั่นถือมั่น ความเป็นตัวตนในรูปกายนี้ มันจะเเตกจะดับย่อยยับลงไป เหลือเพียงเเต่จิตเเต่พลังงานเท่านั้น มนุษย์ก็จะเข้าสู่วงจรเดิม คือไปเกิดเเล้วก็วนเวียนอยู่เช่นเดิม คิดเเต่จะเสวยสุขจากความสบายโดยที่เท้าตัวเองก้าวพลาดไปแล้ว ตายซ้ำตายซากวนเวียนอยู่เช่นนั้น เมื่อเกิดภพใหม่สติความระลึกได้ของเดิมก็ขาดหายไปเเล้ว ก็เเสวงหากันต่อไปไม่มีที่สิ้นสุดโดยฝากความหวังเอาไว้กับคำว่าอนาคตที่ดี โดยลืมมองย้อนกลับมาที่ปัจจุบันของตนเองว่าทำอะไรให้มันดีบ้างหรือยัง

    เเล้วจะดีเหนือดียิ่งกว่านั้น คือเค้าทั้งหลาย ลืมมองย้อนกลับมาที่ใจของเขา ที่ความรู้สึกเเท้จริงของเขาเอง ถามตัวเองเถิดว่าทุกวันนี้มีความสุขรึยัง พอรึยัง สุขที่มีนั้นมันสุขจริงรึเปล่า มันตั้งอยู่บนความร้อนของไฟกิเลสหรือไม่ มันเกิดจากการเเสวงหาความพยายามที่จะเติมเต็มความสุขของตนเองรึเปล่า ถ้าเป็นเช่นนี้ก็ได้ชื่อว่าบุคคลนั้นยังไม่รู้จักความสุข ยังเกิดมาเสียชาติมนุษย์อยู่ เเม้เขาจะวนเวียนไปในภพภูมิอื่นชีวิตเขาก็จะมีอยู่เเต่เพียงเท่านั้น เขาจะไร้ตัวตน เเละก็ยังจะไร้ตัวตนเช่นนี้เสมอไป

    เราจะไม่สอนว่าควรทำเช่นไร เพราะถือว่าป้อนกันถึงปากเเล้ว ให้พิจารณาเอาให้ดี ว่าจริงหรือไม่ ทุกวันนี้เรากำลังหลงละเลิงท่องเที่ยวไปในมหาทิศทั้ง 4 ใช้ชีวิตเเบบไร้ค่าไร้ตัวตนจริงรึเปล่า พอรึยัง เหนื่อยรึยัง อยากจะกลับมาสนใจดูเเลตัวเองแล้วรึยัง ถ้ายังไม่พอ มีบทเรียนที่ยิ่งใหญ่สำหรับชีวิตคน ก็คือภพชาติอีกมากมายที่รออยู่เบื้องหน้า ให้เธอทั้งหลายได้ไปเรียนรู้ ไปเกิดซ้ำเกิดซากตายซ้ำตายซากจนกว่าจะรู้จักคำว่าสติ จนกว่าจะได้ฝึกตัวเอง ให้มีอุปนิสัยที่ดีติดตัวไปข้ามภพข้ามชาติไม่ขาดตอน

    ถ้าพอเเล้ว เหนื่อยกันเเล้ว ทรมานมามากเเล้ว เกิดมานานหนักหนาไม่รู้กี่เเสนโกฏิปีเเล้ว ก็ให้หยุดเสีย หยุดวิ่งตามกิเลส หยุดซะ มองให้เห็นความสุขภายในตนเอง สุขที่เกิดที่เกิดจากความสงบ เเล้วก็มาเรียนรู้ที่จะสร้างความเพียร สร้างอุปนิสัยอันดีให้มีติดตัวไปชาติภพหน้า เพื่อที่จะได้สร้างบารมีต่อไปไม่ขาดสาย ไม่ต้องหลงเข้าวงจรบทละครชีวิตเหล่านี้อีก

    อันนี้ก็ฝากไว้ยามเช้า เป็นคำพูดเตือนสติของท่าน ก็เป็นโอวาทที่อ่านเเล้วคิด วิเคราะห์ตามไปด้วย มันทำให้หัวใจเราวูบลงรู้สึกตัวว่าหนาวใจมันสะท้านเเปลกๆ ก็เก็บไว้คิดพิจารณากัน ท่านว่าการพิจารณาให้ทำไปทั้งชีวิต พิจารณาไปเรื่อยๆ หยิบสิ่งนั้นสิ่งนี้มาพิจารณา ตามที่ได้เคยกล่าวไว้ มันให้ประโยชน์มหาศาลทีเดียว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 กรกฎาคม 2015
  6. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,148
    ค่าพลัง:
    +16,536
    ก็มีข้อคิดดีๆ

    วันนี้นะ มีพี่ท่านหนึ่งโทรมาหาผม บอกว่าอยากบูชาอะไรก็ได้ที่เเรงๆ เอาเเบบเป็นของวิเศษสุดๆเลย เราเองก็ไม่รู้จะเเนะนำอะไรดี ให้คำตอบไม่ได้ ท่านเลยฝากให้ไปถามพ่ออาจารย์ว่าบูชาอะไรดี

    เราก็นะ ไปพูดให้ตามที่พี่เขาพูดมา ท่านก็ไม่ได้ตอบอะไร เเต่เอามือคว้าอากาศ หยิบมาใส่มือเรา ท่านว่านี่ไงวิเศษที่สุดในโลก

    เราก็งง อากาศ มือว่างๆมันวิเศษตรงไหนท่านบอกว่า ก็ใช่ ทุกสรรพสิ่งในโลกหรือเเม้เเต่โลกนี้ยังรอวันที่จะเสื่อมสลายถูกกาลเวลากลืนกิน จะมีประโยชน์อะไรที่จะพึงคิดพึงหาสิ่งของวิเศษอื่นๆ สุดท้ายมันก็เป็นความว่างเปล่าทั้งสิ้น

    เอิ่ม มาไม้นี่ ไม่รู้จะตอบพี่เค้ายังไง ว่าท่านมอบอากาศให้มาก้อนหนึ่ง เเต่ก็ได้หลักธรรมที่ฟังง่ายๆสบายหูมา เรื่องสั้นๆที่นำมาคิดเเล้วก็เเตกแขนงยอดความคิดไปได้อีกมากมาย ก็จริงของท่าน ทุกอย่างมันเสื่อมมันสูญไปทีละน้อยๆทั้งสิ้น

    ก็ดีตรงที่ได้เเง่คิดมาฝาก เเต่ไม่รู้จะหาข้ออ้างเรื่องของวิเศษเเรงๆยังไงไปบอกเขาดี:'( หวังว่าพี่เขาคงเห็น และนี่คือคำตอบของสิ่งที่ให้ไปถาม:cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 กรกฎาคม 2015
  7. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,148
    ค่าพลัง:
    +16,536
    มีคนส่งพระฤาษีโคบุตร มาให้พ่ออาจารย์ท่านตรวจให้ ขอไม่ออกชื่อวัดนะเพราะค่อนข้างดังเเละทำมาเเล้วหลายรุ่น เเละก็ขอพูดไว้ก่อนว่าเป็นความเชื่อส่วนบุคคลเเล้วกัน ก็รู้กันอยู่ว่าฤาษีโคบุตรเป็นของเสน่ห์บูชาเเล้วเมียเยอะ เเต่ว่าท่านผู้ใช้คงนึกเอะใจอะไรเลยส่งมาให้ท่านตรวจสอบ ซึ่งก็ได้ความว่าไม่ใช่ญาณของพระโคบุตรเเต่เป็นญาณของพระฤาษีตาไฟ ก็ทำให้เราเข้าใจว่า เออน ะมันก็เป็นเรื่องของจิตเเละครูบาอาจารย์เเต่ละสายจริงๆอะไรที่มองเห็นด้วยตา บางครั้งเราก็ไม่รู้ไปถึงข้างในถึงใจของสิ่งนั้น รูปข้างนอกเป็นอย่างหนึ่งภายในอาจจะเป็นอีกอย่างหนึ่งก็ได้

    อันนี้ก็เอามาเล่าให้ฟังไว้ ไม่ใช่ว่าพระฤาษีตาไฟไม่ดี ท่านก็ดีรอบด้านเเต่ไม่ได้เด่นไปทางเสน่ห์เท่านั้นเอง
     
  8. wiraphat1

    wiraphat1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    508
    ค่าพลัง:
    +3,348
    ขอบคุณครับ....:cool:
     
  9. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,148
    ค่าพลัง:
    +16,536
    ความเชื่อ

    ก็เป็นอีกเรื่องที่เอามาคุยเตือนสติกัน ซึ่งพ่ออาจารย์ได้พูดถึงบ่อยๆ

    เเน่นอนว่าเรื่องเหล่านี้มันใกล้ตัวมาก ใครก็รู้เเละอาจจะมองข้ามมันไป คิดไปเสียว่าคนโบราณท่านคงสอนลูกหลาน พร้อมหาเหตุผลต่างๆมาประกอบให้เป็นหลักวิทยาศาสตร์ทำให้ความเชื่อทั้งหลายหมดความสำคัญลง ไม่มีคนยึดถือหรือใส่ใจเพราะอ้างอิงด้วยหลักเหตุผลได้ทั้งสิ้น

    ในโลกนี้มีความเชื่ออยู่มากมาย เคยคิดกันบ้างหรือไม่ ว่าทำไมคนโบราณถึงสอนถึงบอกกล่าวกันสืบมารุ่นสู่รุ่นนับร้อยๆปี ก็เพราะความเชื่อนั้นมีค่าคู่ควรแก่การกล่าวถึง มีค่าควรแก่การอนุรักษ์สืบทอดไว้สั่งสอนลูกหลาน

    ซึ่งความเชื่อทั้งหลายก็มีมากมายเเต่ละท้องถิ่นก็สอนสั่งเเตกต่างกัน เเม้เเต่ละศาสนาก็มีความเชื่อที่ต่างกัน ความเชื่อของศาสนาพุทธ ความเชื่อที่พระพุทธเจ้าท่านสอนก็มี ก็ปฏิบัติกันสืบต่อกันมา พ่ออาจารย์ท่านว่าความเชื่อดีๆเชื่อไว้ก็ไม่เสียหายอะไร จริงหรือไม่

    พ่ออาจารย์ท่านกล่าวว่า ความเชื่อเเต่ละท้องถิ่นเเต่ละศาสนา ต่างก็มีวิสัยมีหลักเเนวคิดในการสืบทอด ที่ต้องการขัดเกลาสิ่งดีงามให้ลูกหลาน ให้คนเหล่านั้นรู้จักหน้าที่รู้จักมารยาทที่ดีงาม รู้จักความสมควรที่จะใช้ชีวิตอย่างไร

    เเต่ความเชื่อบางประเภทก็กลับตรงกันข้าม เพราะมีคติมีความนัยย์ที่ผูกพันธ์กับมิติอื่นกับโลกของวิญญาณ ที่ผู้ใหญ่เขาห้ามทำนู่นทำนี่ ก็ฟังไว้เถิด ไม่ตายก็เเล้วไป ถ้าตายเเล้วจะไม่มีเวลามาเรียนรู้อะไรอีก

    ถ้าจะให้ทำตามทั้งหมด ความเชื่อในโลกนี้รวบรวมเเล้วเเน่นอนว่ามากนัก ก็คงใช้ชีวิตไม่ได้ เพราะจะทำอะไรก็ผิดไปหมด โลกสมัยนี้เปลี่ยนเเปลงไปมากเเล้ว จนความเชื่อบางเรื่องก็ไม่สามารถนำมาใช้ได้เเล้ว เพราะเค้าไม่สนใจสิ่งที่ผู้มีอายุทั้งหลายบอกกล่าวจากประสบการณ์ต่อกันมานับร้อยนับพันปี แต่ถึงกระนั้นในทางตรงข้าม ถ้าไปลบหลู่หรือไม่เชื่อเลย ต่อให้มีสักกี่ชีวิตก็คงมีไม่พอให้หายใจ

    ที่เรากล่าวเช่นนี้ เพราะความเชื่อทั้งหลาย หากเป็นเรื่องใกล้ตัว ที่พอทำได้ หรือได้ยินใครพูดใครเตือนก็อย่าไปปากพล่อยกล่าวโต้เเย้ง ไม่ทำก็เเล้วไปเถิด เเต่ทำเเละจำไปบอกกล่าวลูกหลานด้วยจะยิ่งดี ไม่ใช่ถึงกับว่าให้ไปเรียนไปศึกษาความเชื่อมาทำเสียหมด เพราะชีวิตนี้มันคงใช้ไปอย่างไม่มีความสุขเเน่ๆ ถ้ามาล้อมกฏให้ตัวเองเยอะเกินไป

    เอาว่าหากเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับตัวเรา มีผู้บอกกล่าวตักเตือนเราก็ทำไป ขอให้เป็นสิ่งดีงามไม่มีอะไรให้ต้องกังวลใจทั้งสิ้น ลองเชื่อเราดู ลดอคติของตัวเองลงบ้าง เเล้วสังเกตุชีวิตดูว่ามันจะมีอะไรดีๆเกิดขึ้น ห้ามตัดผมตัดเล็บกลางคืน ห้ามกินข้าวเเล้วนอน เรื่องพวกนี้ที่คุณปู่คุณย่า ท่านสอนสั่งมา ลองทำดูเถิด อย่างน้อยคำสั่งสอนมันก็มาจากความรัก ความผูกพันธ์ความเป็นห่วงลูกหลานของท่านทั้งหลายเหล่านั้น องเหล่าบรรพบุรุษที่เราสืบสายเลือดมา ทำตามที่ท่านสอนเดี๋ยวท่านจะส่งเสริมเราเองในทางใดก็ทางหนึ่ง เหมือนเรายังคิดถึงท่าน

    มันจะไม่สำคัญเลยว่าเป็นความเชื่ออะไร เเต่มันสำคัญว่าเธอฟังมาจากปากของใคร มีความรักความผูกพันธ์กับคนผู้นั้นหรือไม่ หากเป็นความเชื่อของพระพุทธศาสนา ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เธอก็ลองทำดู พระธรรมทั้งหลาย คำสั่งสอนทั้งหลาย ไม่นำพาใครไปสู่กองทุกข์หรือความเสื่อมทรามความวิบัติเเน่นอน เก็บเอาไว้พิจารณากันให้ดี คิดถึงท่าน รักท่าน ทำตามคำสอนท่าน เมื่อนั้น ท่านก็จะรักเราตอบ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 กรกฎาคม 2015
  10. suriyap

    suriyap เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +177
    สวัสดีครับ ผมมีเรื่องขอรบกวนถามท่านผู้รู้สักเรื่องเกี่ยวกับปรอทที่ดักมาครับ ผมอ่านพบว่าใช้ไข่ดักปรอทจากน้ำครำ ผมรู้สึกว่าวิญญาณในปรอทอาจเป็นวิญญาณที่ทำร้ายเราได้ แล้วผู้ที่ครอบครองปรอท จะมีอันตรายหรือไม่ครับ ขอเรียนถามในกรณีที่ปรอทยังไม่ผ่านพิธีด้วยนะครับ ผมเสียดายคลิป คลิปหนึ่งใน youtube เกี่ยวกับการดักปรอทของคณะท่านอาจารย์ที่หายไป อยากมีโอกาสดูครบทั้งชุดจริงๆครับ ขอบพระคุณมากนะครับ
     
  11. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,148
    ค่าพลัง:
    +16,536
    ตามที่รู้จากท่านมาฟังท่านเล่ามาปรอทดักจะมีปลายประเภท ปรอทดักน้ำคล่ำก็มีผู้นำมาใช้อยู่บ้างเเต่ถามว่าดีกว่าหรือศักดิ์สิทธิ์อะไรมั๊ย เหมือนจะจำได้ว่าท่านว่าปรอทถ้ำ ปรอทป่าจะมีอาถรรพ์มีพลังงานมากกว่า ถ้าเหนือกว่านั้นก็เป็นปรอทที่คว้าเอาด้วยฤทธิ์กลางอากาศเลยอันนี้เเรงมากๆ

    ปรอทจะมีอันตรายในตัวมันเอง ท่านต้องเอามาประกอบพิธีฆ่าพิษปรอทก่อนถึงจะเอามาใช้ได้ ก็ต้องทำสะสมไปเรื่อยๆ ถ้าวิธีของท่านจะเอาทองคำเลี้ยงทุกปี สมัยนี้คนก็เลยขี้เกียจเเละหัวใสใช้ปรอทวิทยาศาสตร์กันมาก เพราะมันง่าย ซื้อเอาเป็นกิโลๆ ประเภทนี้รู้สึกว่าจะเป็นปรอทที่ขุดได้จากทะเลลึก ไม่ต้องลำบากมานั่งดักเก็บสะสมได้ครั้งละน้อยๆคอยเก็บกันหลายๆปี

    ก็มีหลายความเชื่อคนที่เชื่อเเบบหลังก็บอกว่า พอเอามาอธิษฐานจิตก็เเรงเหมือนๆกัน เเต่ความเชื่อทางเราไม่ใช่เเบบนั้น ก็เเล้วเเต่จะเชื่อกัน ท่านว่าอะไรที่ได้มาง่ายคุณค่าในตัวมันเองก็ไม่มีอยู่เเต่เเรกเเล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 กรกฎาคม 2015
  12. ยอดกตัญญู

    ยอดกตัญญู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +329
    ออกแล้วรึยังครับ จำได้ว่าเคยบังเอิญไปเห็นแสงสีรุ้งสวยมากๆอยู่ในถาดพระรุ่นนี้ แล้วตะกรุดสี่มหาพิศดารก็มีวิธีทำยุ่งยากมากถ้าออกแล้วล๊อคให้ผมองค์หนึ่งนะพี่กรณ์
     
  13. suriyap

    suriyap เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +177
    ขอบคุณมากนะครับที่ให้ความกระจ่างเรื่องปรอท หากเป็นไปได้อยากได้มีโอกาสชมคลิปการดักปรอทของท่านอาจารย์แบบสมบูรณ์ด้วยครับเพื่อเป็นวิทยาทานครับ ขอบคุณอีกครั้งนะครับ
     
  14. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,148
    ค่าพลัง:
    +16,536
    คาถาอาคม

    ความรู้วันละนิดวันนี้ก็จะพูดถึงสิ่งที่พ่ออาจารย์ท่านอธิบายไว้ อาจจะขัดหูคนหลายคนไปบ้าง ทีนี้เราก็มาทำความเข้าใจไปพร้อมๆกัน วันนี้จะพูดเรื่องคาถาอาคม

    พ่ออาจารย์ท่านว่า คาถานั้นเเต่เดิมมันก็มาจากคำพูดจากปากมนุษย์ เป็นเพียงเเค่คำพูด เเต่ถ้าเป็นคำพูดที่มีพลังเพราะกอปรไปด้วยพลังจิตเเละเเรงอธิษฐานของผู้กล่าวมนต์ผูกเวทย์นั้นๆ สิ่งนี้ไม่เรียกว่าคาถา

    ไอ้ตัวคาถาซึ่งจริงๆเเล้วมันก็คือคำพูดเรานั่นเเหละ เราสวดมนต์สังเกตุสิว่ามนต์ที่สวดนั้นเป็นบาลี นั่นก็คือคาถา มันก็เป็นคำพูดในสมัยก่อน ที่ใช้สื่อสารในเขตเเดนนึง ในยุคๆหนึ่งเราเองไม่เข้าใจจึงมองว่ามันขลังเพียงเท่านั้น อะไรที่เรากล่าวออกจากปากจะภาษาไหนล้วนเป็นคาถาทั้งหมด

    อันนี้ขอเเยกทำความเข้าใจว่าคาถากับเวทย์วิทยาคมนั้นเป็นคนละส่วนกัน วันนี้จะพูดเเต่เรื่องคาถาเเก้ไขความเข้าใจผิดของหลายๆคนเสียก่อน

    คนเราเมื่อได้ยินคำว่าคาถา เพราะเราเคยโดนปลูกฝัง จากหนังจากละคร จากคำพูดของคนที่เค้าไม่เข้าใจ ก็เลยพาลให้เราไม่เข้าใจสืบรุ่นต่อรุ่นไปด้วย เพราะไม่เคยเรียนเเละงมงายจึงสร้างความเชื่อผิดๆส่งต่อให้ลูกหลาน เเท้จริงนั้นไอ้ตัวคาถาใครก็พูดได้ ใครก็มีได้ บันทึกบาลี บันทึกทึกขอม เเม้เเต่ภาษาอังกฤษหรือภาษาฝรั่งเศสจะภาษาชาติไหน จะภาษาไทยก็ดี หากจะเรียกว่าคาถา ก็ล้วนอยู่ในกฏเกณฑ์เดียวกันทั้งสิ้น นั่นคือมีการเรียนรู้เเละกล่าวออกมาทางวาจาเป็นคำพูด

    เมื่อคาถาเป็นเพียงเเค่คำพูด ดังนั้นใครก็ย่อมถือย่อมใช้ได้ ก็ปากมีเหมือนกันใครจะไปอุดไปห้ามเล่า ทุกคนใช้กันมาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เเต่ตรงกันข้ามหากเป็นเวทย์มนต์ เวทย์นั้นจะศักสิทธิ์ก็ต่อเมื่อผสานเข้ากับกำลังใจของคนใช้ พลังความตั้งใจที่สูงส่งอาจจะเรียกว่าพลังจิตก็ได้ในส่วนนี้ ก็เเยกให้ออกว่าคาถากับเวทย์วิทยาคมนั้นเเตกต่างกันอย่างไร(อันนี้ต้องขอเเทรกนะ ไอ้ที่เอามาพิมพ์ให้ตลอดเรียกว่าคาถานั่นก็เหมือนกัน อยากจะเขียนว่าเวทนย์ เเต่กลัวมันจะดูลิเกไป คนไม่รู้จะหาว่าผมพิมพ์อวดอุตริเลยใช้เเค่คำว่าคาถา เพราะหลายๆคนก็เข้าใจความหมายของคำว่าคาถาไปทางนั้นอยู่เเล้ว)

    นับเเต่อดีตเเต่ละภูมิภาคก็มีความเชื่อเป็นของตนเอง เมื่อมีภาษามีคำพูดที่เค้าใช้ในเฉพาะกรณี ผสานกับความมุ่งมั่นเเละกำลังใจของเขาทำให้เกิดมรรคเกิดผลเห็นว่ามันใช้ได้ ก็จะถูกจดบันทึกไว้เรียนสืบกันมา เมื่อมีการบันทึกการเรียนสืบทอด เเละมุ่งหวังการใช้เพื่อเหตุผลเหนือธรรมชาติ ส่วนนี้ถึงจะเป็นเวทย์วิทยาคม เอาเวทย์เหล่านั้นมาบริกรรม อันนี้คือการเสกเสียมากกว่าเพราะคาถาจริงๆมันเป็นเพียงเเค่คำพูด

    ดังนั้นคาถาทางมหานิยม คาถาทางมหาเสน่ห์ ถ้าจะเอาเเค่นี้ไม่ต้องไปบริกรรมอะไรเลย เเค่พูดจาให้สุภาพ เว้นการโกหก พูดเพ้อเจ้อไม่พูดคำหยาบคาย พูดภาษาดอกไม้ มันก็เป็นมหานิยมในตัวของคำพูดเราอยู่เเล้ว ยกเรื่องเวทย์เเละวิทยาคมออกไปอย่าเอามาปะปนกัน

    ในขณะเดียวกันคาถาทางเเคล้วคลาดก็เช่นกัน อย่าไปพูดกวนโทสะใคร อย่าไปพูดเจ้อเหลวไหลภัยอันตรายใดๆมันก็จะมาไม่ถึงตัว นี่เเหละคือคาถาที่เเท้จริง ทุกสิ่งสำเร็จได้จากการฝึกฝนบ่มเพาะคุณลักษณะคำพูดเเละนิสัยของตัวเธอทั้งหลายทั้งนั้น

    หากปรารถนาคาถาด้านใดก็ให้ฝึกพูดให้ดี พูดให้เป็น เพียงเท่านั้นไม่ต้องไปเเสวงหาครูบาอาจารย์ที่ไหนเลย เเต่หากอยากฝึกเวทย์วิทยาคม ก็ควรหยุดซักนิด กลับไปฝึกจิตฝึกใจให้มีกำลังเเกร่งกล้ามีพลังงานสูงเสียก่อนมิเช่นนั้นมันก็จะใช้ไม่ได้ เหมือนจุดไฟถ้ากิ่งไม้เเห้งก็จุดง่าย เเต่ถ้ามันเปียกน้ำมีความชื้นก็จะติดไฟยาก

    * รู้เเล้วช่วยบอกต่อ หากมีใครใช้คำว่าคาถาไปในทางที่เป็นเวทย์หรือเรื่องเหนือธรรมชาติก็บอกเขาด้วย จะได้ไม่เข้าใจผิดกันอีก
     
  15. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,148
    ค่าพลัง:
    +16,536
    ปาฏิหาริย์

    ได้ฟังเรื่องนี้ ท่านพูดให้เราฟังเห็นว่าน่าสนใจดี ก็จะนำมาพิมพ์ลงไว้เป็นความรู้อีกเรื่องหนึ่ง

    เรื่องของเรื่องมันมาจากการใช้เครื่องรางของขลังของมงคลนี่เเหละ ท่านเรียกว่าคนปกติ ถ้าเค้าไม่มีทุกข์ไม่มีความต้องการอะไร เค้าจะไม่เเสวงหาสิ่งเหล่านี้

    เเต่เดิมโบราณจารย์นั้นก็ทำพระเครื่องเเละวัตถุมงคลขึ้นมาเพื่อให้เป็นเครื่องระลึกถึง ระลึกถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ระลึกถึงพระรัตนตรัย ตลอดจนตัวบุคคลนั้นๆที่เป็นผู้สร้าง ระลึกถึงการมีอยู่ระลึกถึงคุณงามความดี เมื่อคนห้อยระลึกดีระลึกชอบประกอบกิจที่ชอบ ก็จะเกิดสิ่งดีๆตามมา สิ่งนี้คนก็ตีความหมายไปว่าเป็นอำนาจเเห่งพุทธคุณ ภายหลังเมื่อเช่าเครื่องรางใดๆก็จะกลายเป็นต้องการสิ่งตอบเเทน ไม่ได้เข้าใจกำเนิดของพวกมันตลอดจนวัตถุประสงค์ที่เเท้จริง

    จริงอยู่ที่สิ่งเหล่านี้บางชนิดอาจจะเชิญคุณพระรัตนตรัยลงสำเร็จ แต่ก็มีบางชนิดมีการปลุกเสกเพื่อผลของการใช้งานเฉพาะทาง อาจเรียกว่าศาสตร์เเห่งปาฏิหาริย์ คนที่อยากได้ก็ต้องเเลกเปลี่ยนเพื่อให้ได้มาครอบครอง อาจจะโดนครูบาอาจรย์วัดใจใช้เเรงงานหรือทดสอบน้ำใจกว่าจะได้มา หรืออาจจะใช้ทุนทรัพย์ไขว้คว้าหามา นั่นก็เป็นการเเลกเปลี่ยนที่เท่าเทียมกัน เพื่อจะให้ได้มาครอบครอง จะได้รู้ว่านี่คือสิ่งมีค่า ไม่มีสิ่งใดได้มาโดยง่ายเมื่อได้มาเเล้วจะได้หวงเเหนบำรุงรักษาไว้ให้ดี เมื่อใดที่หยิบมาห้อยมาบูชาเสริมกำลังใจตนเอง ด้วยเครื่องมงคลที่พ่อเเม่ครูอาจารย์ประสิทธิ์นั้น อำนาจเเห่งพุทธคุณเเละอิทธิคุณต่างๆจะได้เสริมส่งตัวเอง

    เเต่หากผู้ใช้ไปคาดหวังปาฏิหาริย์ให้ได้มาซึ่งสิ่งใดๆ จากการเเขวนพระองค์นี้ บูชาเครื่องรางหลวงปู่หลวงพ่อนั้นนี้ เช่นนี้เเล้ว ด้วยอำนาจเเห่งพระรัตนตรัย ตลอดจนเทวานุภาพของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เรื่องที่ได้ชื่อว่าเหนือธรรมชาติไม่ควรจะเกิดขึ้นก็เกิดขึ้นได้อยู่หลายครั้ง

    ซึ่งเราเองก็ไม่ได้สนับสนุนที่จะให้พึ่งเเต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์รอคอยเเต่ปาฏิหาริย์ เพราะมนุษย์นั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความน่าอัศจรรย์ในตัวตนของตนเองอยู่เเล้ว ดังนั้นทุกเรื่องหากจะใช้เเรงกายเเละสติปัญญาของตนพยายามให้เต็มที่เสียก่อน นั่นเเหละถึงจะดีที่สุด ไม่ใช่พึ่งเเต่ปาฏิหาริย์ รอคอยเเต่พลังเหนือธรรมชาติเเต่เพียงนั้น

    การฝืนธรรมชาติด้วยเรื่องเหนือธรรมชาติ ด้วยการเกิดปาฏิหาริย์บ่อยๆนั้น มันไม่ใช่เรื่องที่ดีเเละสมควรเลย ดังนั้นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงได้ห้ามการเเสดงฤทธิ์เอาไว้ เพราะอะไร เพราะเมื่อคนรู้ว่าใครมีฤทธิ์ก็จะเเห่ไปขอความช่วยเหลือสงเคราะห์กิเลสตัณหาของตน เป็นเรื่องที่จะนำมาสู่ความเสื่อมเเละความวุ่นวาย ความเสียหาย บิดเบี้ยว แปรปรวนของระบบวงจรต่างๆ ตลอดจนสิ่งที่เกิดจากปาฏิหาริย์เเละฤทธิ์อำนาจทั้งหลาย ยังต้องเเลกมาด้วยสิ่งที่คู่ควรกันอีกด้วย

    มันไม่มีอะไรในวัฏฏสงสารนี้ ที่อยู่ดีๆจะไปเปลี่ยนเเปลงเเละได้มาฟรีๆเสียเเบบนั้น การฝืนกฏแห่งกรรมย่อมก่อให้เกิดความสูญเสียในกฏของธรรมชาติเเละในวาระกรรมของมนุษย์คนหนึ่ง เมื่อสิ่งที่ควรเกิดมันไม่ได้เกิด มันไปเกิดสิ่งอื่นเเทนด้วยฤทธิ์อำนาจของผู้มีตบะฌาน หลังจากนั้นก็จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนเเปลงครั้งยิ่งใหญ่ จะหลายร้อยปีหรือหลายหมื่นปีก็ดี กับบุคคลนั้น กับธรรมชาติของโลกนี้ มันจะเกิดวิกฤติขึ้นมาในห้วงเวลาหนึ่งตามเเต่กฏเเห่งกรรมของใครจะพิจารณาตัวมันเอง เลือกกรรมเลือกวาระครั้งใหม่ต่อไป

    ดังนั้นเมื่อต้องเผชิญหน้ากับกรรม หากมันลำบากเหลือเเสน ไม่สามารถจะทนรับสภาวะเหล่านั้นได้ เมื่อหันมาพึ่งเครื่องรางหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ครูบาอาจารย์ทั้งหลายนั้นก็พอจะช่วยประคองชีวิตไปได้ไม่ให้เจ็บ ไม่ให้น้ำตาตกจนน้อยเนื้อต่ำใจ เเต่หากว่าเมื่อใดที่หวังการเปลี่ยนเเปลงครั้งยิ่งใหญ่อันได้ชื่อว่าปาฏิหาริย์ในชีวิต โดยอาศัยอำนาจบารมีของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มิได้สนใจเวรกรรมที่ตนเองเผชิญอยู่เเล้ว

    เมื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดยื่นมือเข้าช่วย เเน่นอนว่าย่อมเกิดผลกระทบแปรปรวน ลุกลามไปกับวงจรชีวิตของบุคคลนั้นนับหมื่นนับแสนปี

    ดังนั้นเราจึงได้บอกกล่าวเสมอให้ฝึกจิตตนให้มีสติ หมั่นสวดมนต์ระลึกถึงพระรัตนตรัยเเละครูบาอาจารย์ ฝึกสมาธิพัฒนากำลังใจของตนเอง เพื่อที่เวลาบูชาอะไรมีจริตศรัทธาหรือใช้อะไรอยู่ ครูบาอาจารย์ทั้งหลายท่านให้โอกาสปลดโซ่ตรวน เปลื้องพันธนาการที่จองจำเราอยู่ให้พ้นไป จะได้ไม่หลงระเริงไปกับความสุขความสบายเหล่านั้น เร่งกระทำกุศลประกอบกิจ สร้างกรรมดีให้กับชีวิต เสริมเข้ามา จะได้เจอความสุขความเจริญสืบทอดต่อไปไม่ตกลงสู่ขุมอบาย

    ก็เป็นความรู้ดีๆ จะทยอยพิมพ์ลงเรื่อยๆ ท่านใดอ่านเเล้วเข้าใจ จะจดจำเเล้วนำไปปฏบัติตาม ผมเชื่อว่าชีวิตจะเจริญอย่างยิ่ง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 สิงหาคม 2015
  16. chaiwatana

    chaiwatana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +279
    ขอแนวที่่ 3 เบาๆ แต่สนุก
    เรื่องราวประวัติศาสตร์บนผืนแผ่นดินสุวรรณภูมินี้
    จะในแง่แฝงธรรม หรือให้เข้าใจ
    ความเป็นมาเป็นมาเป็นไปของวัฒนธรรมแนวคิดภูมิปัญญา
    สิ่งที่อยากรู้ตอนนี้ คือ แต่เดิมนั้นดินแดนนี้ส่วนใหญ่นับถือทางมหายาน ไฉนจึงกลายเป็นหินยานกันไปได้
     
  17. naiburit

    naiburit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    740
    ค่าพลัง:
    +578

    ขอจองพระกริ่งสำรอง 1 องค์ครับ
     
  18. oomdi

    oomdi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    405
    ค่าพลัง:
    +1,261
    เสียดายจัง มีรุ่นหนึ่งซะแล้ว รุ่นสองจัดเต็มกว่าอีก T^T
     
  19. thumniramit

    thumniramit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2012
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +130
    ติดตามอ่านตลอดครับ ที่เมียงๆมองๆอยากได้บูชา...พระสำเร็จดวงธรรมรัศมีพรหม(มหาพรหมกุมารชินะปัญชะระ) ...:cool:
     
  20. thumniramit

    thumniramit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2012
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +130

แชร์หน้านี้

Loading...