ปิดกระทู้

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย เตรียมตัว, 12 มิถุนายน 2015.

  1. ตาป้อม

    ตาป้อม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +121
    แม่น้ำสายนีั ไม่ว่ายข้ามได้ง่ายๆ มองเห็นเป็นแม่น้ำ แท้จริงแล้วกว้างใหญ่ คลื่นแรง อุปสรรคมากมาย จริงเป็นเท็จ เท็จเป็นจริง มากมาย ถ้าจะว่ายข้าม เป็นกำลังใจช่วย
     
  2. กันตสีโล

    กันตสีโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2007
    โพสต์:
    306
    ค่าพลัง:
    +783
    เป็นเรื่องของกาย และ จิต เมื่อกายพร้อม จิตพร้อม ลุยเลยครับ ขอเอาใจช่วย
     
  3. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    เล่าสนุกดี

    เมื่อคืนสู้กับกิเลสเป็นไงบ้าง :cool: รออ่านอยู่นะครับ
     
  4. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ขนาดเคยผ่านการเป็นพระโพธิสัตว์มา 10 ชาติ
    ยังใช้เวลาตั้ง 6 ปี
    ถ้าไม่เคยผ่านการเป็นพระโพธิสัตว์มาก่อนจะใช้เวลา
    นานกว่านั้นไหมฮะในการบรรลุอรหัตมรรคอรหัตผล
     
  5. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    บุพกรรม ที่ทำให้ พระพุทธองค์ ต้องไป ทำในหนทางที่ผิด 6 ปี

    บุพกรรม นั้น เกิดใน สมัยที่ พระโพธิสัตว์ โชติปาละ ไป ทักเอา พระกัสปปะพุทธเจ้าที่
    สอนเรื่องการไปนิพพาน

    ไปทักเอาว่า " พระนิพพาน มันยาก มันจะมีแต่ไหน " ....ให้ทำบุญ ทำทาน ไปก่อน ก็พอแล้ว

    สหายก็ จิ๊กหัว ทึ้งแล้วทึ้งอีก ว่า มี มี ให้รีบมา

    ก็ยังเถียงว่า " พระนิพพาน มันยาก มันจะมีแต่ไหน " ....ให้ทำบุญ ทำทาน ไปก่อน ก็พอแล้ว

    สหายก็เลย จิ๊กหัวคว่ำ คมำหงาย ลากไปทั้งอย่างนั้นเลย


    นั่นแหละ จึงทำให้เกิดเป็นเวรกรรม ต้อง เดินทางผิดอีก 6 ปี ในชาติที่พร้อมบรรลุเป็นพระสัพพัญญู


    ***********


    ถ้าเป็น คนแถวๆนี้ ก็คง ด่า สหายธรรมของท่านโชติปาละ ว่า สอนธรรมแบบรายาม ตำบอน ไม่ค่อยเป็นค่อยไป
    ไม่กำหนดอินทรีย์ ........เอิ่ม อย่าลืมว่า ในท้องเรื่อง สหายธรรมท่านโชติปาละ เป็น อนาคามี ถอนความโกรธได้สิ้นเชิง แล้ว !!!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มิถุนายน 2015
  6. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    สวัสดีครับ ทุกๆท่าน มาคุยแบบ เป็นเครื่องคิด เตือนสติและเตือนใจ ผมเอง เคยบวช เณร ปี ๑๙ รวม ๑ พรรษา แล้วศึก คิดในใจว่า จะบวชตลอดชีวิต พอเอาเข้าจริงๆ อยู่ได้ พรรษาเดียว อีตอนใหม่ๆ ก็ปฏิบัติ ร่มรื่นดี ทำกรรมฐานก้าวหน้า สมาธิดี ทั้งใช้ วิชาไสยเวท พุทธศาสตร์รักษาคน พอเริ่ม สมาธิ เสื่อม ทั้ง ครอบครัวทางบ้าน มีปัญหา ต้องศึกไปช่วย บิดามารดา ทำนาทำไร่ พอปี ๒๒ บวชพระอายุได้ ปี๒๓ ศึก อยู่ได้ ๒ พรรษา ก็อีแบบเดิม อยากบวชตลอดไป แหมเอาเข้าจริงๆ อยู่ไม่ได้ กิเลส ตัวสำคัญ เข้ามายุ่ง แบบชนิด ฟันต่อฟัน แบบที่ว่า เกิดเป็นโรค ประสาทเลยทีเดียว เล่นเอาเกือบบ้า เหมือนกัน ยิ่งเร่ง ยิ่งเจอ ยิ่งตัด ยิ่ง โดนลองของ ผมพูดแบบง่ายๆว่า เงี้ยนตัวเดียวเลยต้องศึก

    คำว่าตัณหา ตัวเดียว มันคุมทั้งโลก ความหมายของมันนะ ขอโทษนะที่พูดแบบหยาบๆมันคักดี เอาของจริงมาพูด นี่พูดรัดนะ ไม่ใช่ละเอียด ปี ๓๐ บวชพระอีก ๑๕ วัน และต่อมา ปี ๓๕ บวชเถรอีก ๑ พรรษา อยู่ในถ้ำ ติดต่อ ๓ จังหวัด สุพรรณ อุทัย เมืองกาญ ปี ๓๖ บวชเณรโคร่ง อายุ ๓๕ ปี ๓๗ สร้างโบสถ วัดบ้านกล้วย และสร้างกุฏิ หมู่บ้านตะเพินคี่ ๔ หลัง ปีเดียว สร้าง ๒ วัด แล้วก็สึกอีกแหละ ปลายปี ๓๘ ศึกแล้วได้ ๒ เดือน ก็มาบวชพระอีก ๑๐ วัน ธุดงค์ วัดท่าซุง ไอ้ที่ศึก น่ะ ไม่ใช่อะไรหรอก เงี้ยน ตัวเดียว ง่ายไหม พี่น้อง ผมชอบพูดแบบนี้แหละ ของจริง มาทำไร่ สวนนาผสม ๓๐ ไร่ ผลไม้ เกือบ ๓๐ ชนิด สมุนไพร ๕ ไร่กว่าๆ ตก ๒๐๐ ชนิด ไร่ ข้าวโพด พืชผักต่างๆอีก ๒๐ ไร่


    สมุนไพรนี่ ศึกษาในตำรา ปีเศษๆ ปลูกอีก ๕ ปีกว่าๆทั้งทึษดี และปฏิบัติของจริง ต่อมา ปี ๔๗ นี่บวชธุดงค์อี ๙ วัน เอ่นี่ผมบวชกี่ครั้งแล้ว ลองนับกันสิ ได้กี่ครั้ง บอกผมด้วย ผมน่ะ รักษาศิล ๘ มา ตก ๕ ปีติดต่อกัน แม้ยุงก้ไม่ตบ แหม อีตอนลูกออกมาได้ ๓-๔ เดือน ตะขาบ ตัวเท่า แม่โป้ง ตัวใหญ่สุด มากัดปาก ลูกชาย ร้องไห้จ้า ตอนดึกๆ ผมรีบ ใช้ไฟฉาย ส่องดูเห็นตะขาบ รีบหาไม้ ตีจนแหลก เละเลย แค่นี้แหละนะ ที่ผมจะพูด จริงๆ ผมนี้ ในชาตินี้ ทำงานมาแล้ว ๑๐๐ กว่าชนิด ประสบการณ์ ก็พอตัว เชื่อหรือไม่เชื่อ ก็เก็บไปคิดแล้วกัน ทำไมผมจึงได้พูดว่า แหม ตัดกิเลส ไม่ใช่ ตัดต้นกล้วยนะ คนที่ประกาศตนบอก จะบวชตลอดชีวิต มันยังไม่ทันออกพรรษาเลย แหก พรรษาก็มี ออกพรรษาแล้ว ไม่ได้กฐินก็มีรีบศึก มันเพราะอะไร ลองไปคิดกันดู ผมเอาของจริงประสบการณ์มาคุยครับสวัสดี
     
  7. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    เมื่อไรหายคึก
    ก็ลองบวชอีกสักที เพราะกิเลสตัวสำคัญ
    มันจะขับเคลื่อน
    ได้ยากแล้วละฮะทีนี้ สกิทาคาเจ้าไปเลยครับ
     
  8. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    มุ่งมั่นดีครับ
    สักวันคงสำเร็จ สำเร็จครั้งเดียวเท่ากับสำเร็จตลอดไป
    เวลาพิจารณา วางจิตให้ว่างด้วยนะครับ
    ถ้าสมาธิไม่พอ ก็มองไม่ออก ต้องพุทโธเพิ่ม
    เมื่อเห็นอารมณ์วิปัสสนา ก็ยกมาพิจารณาเป็น อนิจจัง อนัตตา
    ความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน ก็เป็นกุศลที่สะสมต่อไปในอนาคต
    อย่ายอมแพ้ครับ...
     
  9. ABT

    ABT เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +1,524
    อ่านปณิธานแล้วเห็นว่าดี แต่การปฏิบัติแย่ว่ะ มีแต่สั่งสม ไม่มีเอาออกเลย ธรรมของพระพุทธเจ้าเมื่อน้อมนำมาปฏิบัติแล้วจิตใจจะอ่อนนุ่มละมุน เต็มไปด้วยความสุข ของท่านเป็นสุขตรงไหน ต้องมีสติ ระวัง และนำเอากิเลสออกจากใจ อย่าสะสม โทสะความเกรียวกราด ทำให้จิตฟุ้งขุ่นเคือง ให้ละ ราคะความต้องการทำให้จิตฟุ้งซ่าน ไม่คิดถึง โมหะความไม่รู้ต้องใส่ใจปฏิบัติอย่างจริงจัง เพิ่มพูนความรู้ละความไม่รู้ ครับเป็นอีกก้าวที่ท่านต้องทำความเข้าใจ มีสติชอบ สมาธิชอบ เดินทางสายกลาง คือ สุขก็รู้ว่าสุข ทุกข์ก็รู้ว่าทุกข์ อยู่ระหว่างกลาง มองให้เห็น ครับ ขออนูโมทนา
     
  10. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    43,437
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,035
    *******************************
    . .[​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. กิ่งสน

    กิ่งสน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +2,327
    กระทู้นี้สร้างสรรค์ที่สุดแล้วในช่วงนี้ คนเราต้องมีปณิธานเริ่มด้วยก้าวแรกทั้งสิ้น หากผู้ใดมีความเพียรถึงแม้จะหลงทางบ้างแต่ไม่ลดละสักวันคงต้องไปถึง อยู่เฉยๆคงไม่สำเร็จเป็นแน่แท้ อนุโมทนาบุญกับเจ้าของกระทู้และทุกท่านที่ตั้งใจเดินบนทางสายนี้:cool:
     
  12. markdee

    markdee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    745
    ค่าพลัง:
    +1,911
    อย่าให้ตึงมากนะคะ..ค่อยๆเป็นค่อยๆไป..ตึงมากกลัวจะขาดเสียก่อนค่ะ
     
  13. biox

    biox Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +60
    อาศัยเรียนรู้ ดู-เห็น ความอยาก เพื่อ หมดอยาก ครับ ทำไปครับ
    สาธุในความตั้งใจครับ
     
  14. เสขะ บุคคล

    เสขะ บุคคล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,240
    กระทู้เรื่องเด่น:
    53
    ค่าพลัง:
    +4,021
    [​IMG]

    "ปฏิปทา ของพระ ธุดงคกรรมฐานสายท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต"
    โดยท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน

    สามารถ ดาวน์โหลด โดยคลิ๊กที่ลิ้งค์นี้

    ปล.หนังสือน่าอ่านครับ เป็นแนวทางปฏิบัติที่ดีให้ท่านได้ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 24 กรกฎาคม 2015
  15. เมธาวี1

    เมธาวี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    692
    ค่าพลัง:
    +1,051
    เวลาส่วนใหญ่จะอยู่กับเน็ตกับคอมมากกว่า
     
  16. กอบกุล(นิด)

    กอบกุล(นิด) สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2015
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    ตั้งใจดีก็มีชัยไปกว่าครึ่ง
    หนทางไกลจะถึงได้ก็ต้องเริ่มจากก้าวแรกทั้งนั้น ขอแค่เราเริ่มก้าวสักวันต้องถึงเป้าหมายค่ะ
    พยายามเข้าค่ะ
     
  17. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    ปัดฝุ่นชำระความสกปรก ๆๆๆๆ
    จิตไม่ใช่กาย กายก็ไม่ใช่จิต
    จิตไม่มีตัวตน กายก็ไม่มีตัวตน
    สรรพสิ่งล้วนไม่มีตัวตน
    การภาวนาอะไรก็ตามก็คล้ายเราชำละใจให้ใสสะอาด
    เหมือนปัดฝุ่นชำละความสกปรก เมื่อไม่มีฝุ่นและธุลี
    จิตก็ย่อมผ่องใส เวลานี้เหละควรโน้มไปเพื่อให้เห็น
    กิเลสอยู่ที่ใจ ควรหาวิธีขัดเกลาใจของเรา แล้วโม้น
    ไปให้เห็นพระอนิจจัง พระทุกขัง พระอนัตตา
    นี้เป็นสำเภาแก้วจะนำสัตว์ลอยล่องเข้าห้องพระนิพพาน
     
  18. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241

    กั๊กๆ เห็นน๊า ว่าให้ห้องกระทู้อื่น นี่ พยายามปรับธรรมอธิบายแล้ว

    มีการกล่าวถึงไป รู้ทันอวิชชา นี่แปลว่า ได้เอาเรื่อง อสังขาริกัง ไปพินาแล้ว
    และหากเข้าใจ จะรู้ว่า ธรรมนั้น การภาวนาที่มีกำลังในการพ้นภพนั้น จะต้อง
    เป็น สภาวะการเห็นที่ไม่ได้เกิดจากจงใจ ชักชวนให้เกิด จะต้องเป็น อสังขาริกัง
    ไม่ได้เจตนาจงใจ ....แต่การตรึกแบบ ตรรกศาสตร์ มันจะไปตันตรงที่คำว่า

    " รู้ทันอวิชชา "

    เพราะ ลำพัง อวิชชา แปลว่า " ไม่รู้ " รู้ทันอาการไม่รู้ ก็เหมือน หมดแล้ว
    เกินกว่านั้น จะมีได้อย่างไร เพราะ ทันความไม่รู้ หากไปทำอะไรขึ้นมาอีก
    มันจะกลายเป็นว่า " สภาวะไม่รู้ " มันไม่มี หากไปขยับจะรู้ มันก็ผลิกเป็น
    สภาวะที่รู้เรื่อง รู้ราว [ ผลิกกลับเป็น สังขาริกัง ธรรมรู้ไปหมด บัญญัติรู้วงหน้า กลายเป็นว่า ไม่เคยเห็น อสังขาริกัง ]

    จริงๆ หากเอา ธรรมปฏิบัติมากล่าว เลิกใช้ตรรกศาตร์

    อวิชชา เป็นธรรมที่มี อาหาร มีปัจจัยหรือ เหตุให้เกิด อวิชชา

    ความที่ ใช้ตรรกศาสตร์ แปลความ อวิชชาความไม่รู้ แล้ว รู้ทันความไม่รู้
    ก็สุดทาง มันเลยไม่เข้าใจ อวิชชาก็มีอาหาร


    อาหารของอวิชชาคืออะไร พระพุทธองค์ก็อธิบายเอาไว้


    ไอ้ที่โพล่ง โวหาร อธิบายเสียยกใหญ่ใน ห้องกฏแห่งกรรม ไปกล่าวว่า

    " รู้ทันอวิชชา ก็จบแล้ว คิดดับ " เด็กอ่าน มันจะรู้เลย ธรรมสันตี!!

    รู้ทันความไม่รู้ ยังไม่จบหรอก เพราะ อวิชชามีอาหาร

    จะต้อง ทวนกระแสไปเห็น เหตุ หรือ อาหารของ อวิชชาอีก

    แล้วหากไม่เสียสติ ก็จะทรงธรรมได้อีกว่า บรรดาอาหารของอวิชชา
    เหล่านั้น ก็เป็นธรรมทีมีอาหาร ก็ต้องทวนกระแส ต่อไปอีก ไม่ใช่

    โวหาร ด้น เด้า ดริฟธรรมไปเรื่อยๆ ตามแต่ว่า คนเขาจะกระแซะ
    ให้ไปเห็นอะไรต่อ

    และ ถ้าไปหาอ่านบทว่าด้วยอาหารของอวิชชา อ่านแล้ว อสังขาริกัง หายจ้อย
    เหลือแต่ สังขาริกัง ธรรมชักชวนเจตนาให้เกิด ก็ วนในอ่างทันที รู้ไม่จริง
    ธรรมะ ด้นเด้า เดาเอาไม่ได้ มันจะ วนด้วยความที่มันเป็น ข่ายทิฏฐิ ข่ายของบัญญัติ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤศจิกายน 2015
  19. คนรักชาติ

    คนรักชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    197
    ค่าพลัง:
    +181
    สา ทุ
    ถ้าเจตนาจะเอาจริ ง
     
  20. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    อนุญาติให้ซ้ำเองหน่า......

    มาซ้ำเติมกันในส่วนที่ ไม่ได้กำหนดรู้


    วิบากจากสมาธิ มันเป็น สังขารธรรมอย่างหนึ่ง

    เหมือนเรากินอาหาร คือ คำข้าว ร่างกายของเรามันก็ อุบัติขึ้นเป็นกล้ามเนื้อน้อยใหญ่
    เรากินอาหารคือ "ปิติ" วิบากทางกายบางอย่างมันก็ให้ผล

    กายไม่ว่ามันจะเกิดจาก อาหาร4 อย่างไร มันต้องเสื่อม !!!

    เวลากายอันเกิดจากอาหาร4 มันเสื่อมแล้วเนี่ยะ จะทำยังไง มันก็ไม่เกิด

    สมาธิเวลามันเสื่อม บริกรรมให้ตายก็ไม่เกิด

    แต่.......เราไม่เลิกการ ภาวนา ..............

    แต่กระนั้น ก็ต้องซ้ำเติมในมุมมอง " สรรพเพ ธรรมา อนัตตา "
    หรือ สังขารทั้งปวงเป็นทุกข์(ตั้งอยู่ไม่ได้) ก็ได้แล้วแต่ จริตจกร้าน
    [ ต้องปฏิบัติจนมาถึง จุดมันเสื่อม ถึงจะรู้รส แต่คนฉลาด จะเสื่อมอย่างเข้าท่า ไม่เสื่อมแล้วโหลยโถ้ย ]

    เห็นแล้วได้อะไร

    ได้สัมผัส จิตตั้งมั่น เว้ยเฮ้ย สมาธิพุทธศาสนา พึ่งรู้ว่า อยู่ตรงนี้ !!!!

    ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับ กายอันเกิดจากวิบากคือปิติ หรือคำข้าว
    หรือ ..อาหารในอาหาร4...ส่วนตบแต่งขันธ์ มันแค่อุบายอบรมจิตของคนฉลาด
    ในการเดินทาง แบบ นอแรด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤศจิกายน 2015

แชร์หน้านี้

Loading...