ถึงคนไทยที่มีพลังสมาธิ มีกสิณ ให้ช่วยกันเพ่งน้ำ บันดาลจิตให้ฝนตกทั่วสารทิศ ถึงเวลาแล้ว

.. ถึงท่านผู้มีอำนาจจติ มีพลังเมตตา มีอำนาจกสิณ เหล่าบรรดา

สาธุชน ที่มีใจเมตตา อันประมาณไม่ได้ เชิญท่านทั้งหลาย เข้าสมาธิ

วิปัสสณาญาณ ให้เต็มกำลัง เปี้ยมไปด้วยใจเมตตาตา ทั้งมนุษย์และสัตว์

ใช้อำนาจจิต พลังกสิณ ดลบันดาลให้ฝนตกทั่วฟ้า

.. และถึงท่านที่มีพลังสมาธิ จะขั้นใดก็ตาม ยามใดท่ีจิตสงบ ให้บรรดา

ท่านผู้มากไปด้วย สมาธิ เมตา กรุณา อธิฐานจิต ให้ทั่วฟ้า

ปกคลุมประเทศ ให้มรสุม ให้ฝนกระหน่ำลงมา ทั่วพื้นปฐพี แผ่นดินไทย


ถึงเวลาแล้วท่าน..

 

สวัสดีครับ พี่ๆน้องๆ วันนี้ก็ ขอมาแจม แบบจริงๆจังๆหน่อยครับ ถ้าไม่สบอารมย์ก้ ถือว่า อ่าน บทนิยาย ปรำปราก้แล้วกันครับ มันจะได้ เข้ากับเรื่องของคุณครับ ที่เหตุการณ์ มันแล้งนี้ ก็มาจาก คน ที่ทำลายป่าไม้ ทำลายธรรมชาติ ใช้อย่างไม่ถนุถนอม ใช้แบบบ้าคลั่ง อีกทั้ง ทำลาย จริยธรรม สิลธรรม อันดีงาม จารีตประเพณี ตานี้ ธรรมชาติ เขาก็คงเอาคืนแล้วแหละครับ ฝนตกไม่ต้องตามฤดูการ เพราะน้ำมือของคน ในสมัยโบราณ ถ้าฝนแล้ง ตกไม่ต้องตามฤดูกาล พระมหากษัติย์ จะพา ชาวเมือง ถือ ศิล ๘ เพื่อให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล แต่ก็ได้ผลมาแล้วครับ


แต่เดี๋ยวนี้ แม้ ในหลวงพระองค์ท่านทำฝนหลวงให้ ก็ยังไม่ค่อยจะตก ตกก็น้อย และอีกอย่างการบริหารจัดการ ของพวก เจ้าหน้าที่บางคนที่เกี่ยวข้อง โดยตรง บริหารจัดการ ไม่สอดคล้องกัน ทำให้น้ำหมดเร็ว และเกิดการคอรับชั่น กันมากมาย ผลพวงมาจาก นักการเมือง ถ้าคุณมีความสามารถ รวมพลัง คนในชาติรักกัน สามัคคีกันได้ และหันมา ถือศิล ๘ บางครั้งบางคาได้ ผมว่ามีผลแน่นอน ปรกติธรรมดาก็รักษาศิล ๕ ถ้าทำได้ สุดยอดครับ ธรรมชาติเขาเอาคืน มาหลายปีแล้ว ที่ผมสังกตุดู ตั้งแต่ พ.ศ. ๔๐ เป็นต้นมา จะเริ่มให้หนักแล้ว


ผมเคยทำสวน ด้วยเหตุ ฝนไม่ตก แล้งมาก และได้บอกกว่าว กับสิ่งศักดิ์ทั้งหลาย ได้ผล นับเป็นสิบๆเที่ยว เมื่อพิจรณาดู ชาวบ้าน ไม่ถือ ศิล ๘ ไม่มีใครเอาด้วย จะรับพาระ คนอื่นไปเพื่อประโยชน์อันใดอีก กรรมใครกรรมมันกรรมใครก่อ ต้องยอมรับ มันช่วยกันไม่ได้จริงๆ ถ้าจะทำ เราต้องช่วยกัน ถ้าไม่มีใครช่วย คนส่วนใหญ่ มันเห็นแก่ตัวกันทั้งนั้นในสมัยครั้งพระพุทธเจ้า ใช่เมืองเวลาลีเปล่าจำไม่ได้ แห้งแล้งข้าวยากหมากแพง พระโมคคัลนะจะม้วนแผ่นดินด้วยฤทธิไว้ในมือ แล้วเอาม้วนดิน มาเลี้ยงชาวเมือง พระพุทธองค์ไม่ทรงอนุญาติ ให้เป็นไป ตามกฎแห่งกรรม ที่มนุษย์ได้ก่อกรรม ทำเข็นเอาไว้ ทำเอาไว้ นี่คือ ที่มาครับ ถ้าจะแก้ ทุกๆคนต้องช่วยกันครับ

 

ถึงให้ผู้มี อิทธิฤทธิ์ บุญฤทธิ์ ปัญญาฤทธิ์ หมดกิเลสแล้ว ก็ตาม ผมว่า ท่านทำให้ได้ เฉพาะ กาลเท่านั้น ท่านไม่ฝืนกฎของกรรมจนเกินไป หรอกครับ พระพุทธเจ้าเป็นจอม พระอรหันต์ ท่านยังไม่ให้พระโมคคัลลานะ ทำ แล้วใครเล่าครับ ที่ยังมีใหญ่กว่าพระพุทะเจ้าอีกครับ พระอริยเจ้าทั้งหลาย ท่านยอมรับกฎของกรรมครับ จะช่วยสงเคราะได้ บางครั้ง เท่านั้นครับ


ท่านพวก ที่มี อิทธิฤทธิ์ บุญญาฤทธิ์ ปัญญาฤทธิ์ ท่านทำได้อยู่แล้ว ยิ่งท่านที่ได้ อภิญญาสมาบัติ มันเรื่องเล็ก สำหรับท่าน และยิ่งท่านที่หมดกิเลสแล้ว ยิ่งแล้วกันไปใหญ่ ท่านยอมรับกฎแห่งกรรม ไปดูตัวอย่าง ตอนพระพุทะเจ้าเกิดเป็น ปลาดุก อธิษฐานให้ฝนตกได้ นั่น อัศจรรย์ แท้หนอ แต่พระพุทธองค์ ทรงบอก ตอนท่านเป็นพระพุทะเจ้าแล้ว อะไรๆก็ทำได้หมด มันไม่อัศจรรย์ แต่เกิดเป็นปลาดุก อธิษฐานให้ฝนตก ซิอัศจรรย์ ผมไม่อะบายละเอียดหรอกครับ ในพลังจิต มีให้อ่านเยอะแยะครับ และผมเคยไปอธิบาย ไว้หลายกระทู้ แต่อดไม่ได้ ที่มีกระทู้ แบบนี้ขึ้นมาอีก แต่ก็ดีครับ จะได้รู้ไง มีทางแก้ แต่ทำได้เปล่า แค่ คนทั้งหลายส่วนใหญ่ ถ้าฝนตก ให้พากัน รักษาศิล ๘ มีใครสนใจไหมครับ

 

เห็นด้วยกับท่านบุญทรง เพิ่มเติมนิดหน่อยครับ

ศีลมา สมาธิ เกิด

สมาธิเกิด วิปัสสนาญานก็ตามมา

อันนี้พูดกับท่านที่ ได้สมาธิแล้ว

ไม่ได้พูดกับท่านผู้เริ่มต้นใหม่

ท่านท่ีใด้กสิณจริง ๆ ไม่ต้องพูดถึงศีล 5 ศีล 8 กันแล้ว

ศีลเป็นฐานท่ีมั่น ศีลไม่มี สมาธิจะมาจากไหลกันละท่าน

ช่วงเวลานี้ เป็นช่วง ช่วยกัน

เอาสั้นๆ ไม่ต้องอธิบายเยอะ พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤษี ผมเคย

ไปกราบท่าน สบตาท่าน ท่านก็เคยทักพูดคุยกับผม แต่จะพูดอะไรบ้างไม่ขอบอก

นะครับผม หลวงปู่แหวน ผมก็เคย ไปงานศพท่าน

ช่วยๆกันครับ

 

เพ่งไปเถอะถ้าคิดว่าฤทธิสู้ได้ แค่เอาศาสตราไปกระทุ้งนายใหญ่ตัวต้นเหตุสักทีสองทีฝนก็ตกแล้ว

 

อดีตเราแก้ไขอะไม่ได้ เฉกเช่น สายน้ำไม่เคยไหลกลับ

อนาคตก็ยังมาไม่ถึง จะคาดหวังลมๆแล้งๆอะไรกัน

ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด จะไปโทษนายใหญ่นายเล็กอะไรที่ไหนกันละครับ

ทางโลก ก็ให้เค้าแก้กันไป ตามหลักวิชาการ

ทางพลังเหนือธรรมชาติ เราก็สนับสนุน

ไม่มีใครถูก ใครผิด เป็นเรื่องกรรม กฏของกรรม

กรรรมบางอย่างก็แก้ไขได้ แบบแก้กรรมไงละท่าน

กรรมบางอย่างก็ได้แค่หนักเป็นเบา ได้แค่บรรเทา

กรรมบางอย่าง เราก็ต้องยอมรับมัน

นี่แหละ โลก มีความหมุนเวียน แปรเปลี่ยนไม่จบ ไม่สิ้น

 

ขนาดงานบุญบั้งไฟ ชื่อก็บอกเป็นงานบุญ แต่ขอโทษเถอะ แข่งกันได้เสียกันเป็นแสนๆ แข่งกันทั้งปี จนจะกลายเป็นสนามไก่ สนามมวยกันไปแล้ว คิดดูเมื่อเดือนก่อนแถวบ้านผม แข่งบั้งไฟกัน เจอฟ้าผ่ากลางงาน มีคนเจ็บคนตายด้วย เดี๋ยวนี้มันไม่ใช่งานบุญบั้งไฟอย่างสมัยปู่ย่ากันแล้ว

 

ถึงคนไทยผู้รักชาติ

1 รักษาศีล (สำหรับผู้มีกำลังสมาธิน้อย ความดีข้อนี้ต้องให้แน่นลงในจิต

ไม่งั้น ไม่รอด คนทั่วประเทศทำได้ 60% ขึ้นไป ฝนเทแน่ๆ)

2 (คาถาขอฝน)

มัจฉราชจริยาคาถา คาถาปลาช่อน
มัจฉราชจริยาคาถา คาถาปลาช่อน
(มัจฉชาดก ที่มาของคาถาปลาช่อนขอฝน)

ปุนะ ปะรัง ยะทา โหมิ มัจฉะราชา มะหาสะเร
อุณเห สุริยะสันตา เปสะเร อุทะกัง ขียะถะ
ตะโต กากา จะ คิชฌา จะ กังกากุลาละเสนะกัง
ภักขายันติ ทิวารัตติง มัชเฌ อุปะนิสีทิยะ
เอวัง จินเตสะหัง ตัตถะ สะหะ ญาติภิ ปิฏฐิโต
เกนะ นุ โข อุปาเยนะ ญาติ ทุกขา ปะโมจะยัง
วิจินตะยิตะวา ธัมมัฏฐัง สัจจัง อัททะสะ วัสสะยัง
สะเจ ฐัตะวา ปะโมเจสิง ญาตีนัง ตัง อะติกขะยะ
อะนุสสะริตะวา สะตัง ธัมมัง ปะระมัตถัง วิจินตะยัง
อะกาสิง สัจจะกิริยัง ยัง โลเก ธุวะสัสสะตัง
ยะโต สะรามิ อัตตานัง ยะโต ปัตโตสะมิ วิญญุตัง
นาภิชานามิ สัญจิจจะ เอกะปาณิมหิ หิงสิตา
เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ ปะชุนโน อะภิวัสสะตุ
อะภิตถะนายัง ปะชุนนะ นิธิง กากัสสะ นาสะยะ
กากัง โสกายะ รันเชหิ มัจเฉ โสกา ปะโมจะยะ
สะหะ กะเต สัจจะวะเร ปะชุนโน อะภิวัสสิยะ
ถลัง นินนัญจะ ปูเรนโต ขะเณนะ อะภิวัสสิยะ
เอวะรูปัง สัจจะกิริยัง กัตะวา วิริยะมุตตะมัง
วัสสาเปสิง มะหาเมฆัง สัจจะเตชะพะลัสสิโต
สัจเจนะ เม สะโม นัตถิ เอสา เม สัจจะปาระมีติ ฯ
มัจฉะราชา จะริยา นิฏฐิตาฯ


จะเดิน จะนั่ง จะทำอะไร ก็แล้วแต่ ภาววนาไว้ ท่องบ่นไว้

ทุกคนทุกท่านทำได้ดังนี้ จนจิต มีสมาธิ พอประมาณ ฝนตกแน่

ทนไม่ไหว เริ่มจากทุกท่านในท่ีนี้เลยนะครับ กำลังสมาธิอ่อนไม่เป็นไร

ภาวนาเข้าไว้

(พุทธวจน วันเวลา ล่วงไป ท่านทำอะไรอยู่)

อย่าปล่อยไว้เวลาไห้เปล่าประโยช์ผ่านไปอย่างไร้ค่า

จะหยิบ จะนั่ง จะเดิน คาถาปลาช่อนนะท่าน ภาวนาเข้าไว้

แผร่เมตาตาจิต ไปในทุกสารทิศ ....

 

ถ้าให้คนที่มีฤทธิ์,มีพลังสมาธิ หรือ ฝึกวิชากสิน มาช่วย คงช่วยอะไรไม่ได้มากแล้วล่ะตอนนี้อะนะผมว่า... เพราะยิ่งเป็นเกี่ยวกับธรรมชาติด้วยแล้ว มันครอบคลุมทั่วโลก หลายประเทศมากอะ เกินแก้แล้วล่ะ ความเห็นแก่ประโยชน์ของตัวเองมากกว่าธรรมชาติ มันมีไปทั่วแล้วละนะ แก้ยากแล้ว ณ ตอนนี้คือเริ่มเข้าสู่ สุภาษิตที่ว่า "หนามยอก ต้องเอานามบ่ง" ต้องให้รู้รสชาติก่อนว่าเป็นยังไง แล้วจะรู้ และต่อจากนั้นก็จะรักธรรมชาติรักสิ่งแวดล้อม ขั้นต่อไปจากนั้นการเริ่มรักษาศีลก็จะตามมาเอง ผมคิดว่าอะนะ (เพราะว่าตอนนี้ อย่าว่าแต่ศีล 8 เลย ศีล 5 ยังทำกันไม่ค่อยได้เลย แล้วยิ่งถ้าไปบอกพวกเค้าว่าการรักษาศีลก็มีส่วนของผลเกี่ยวเนื่องกับสภาพแวดล้อมและธรรมชาติด้วย เค้ายิ่งไม่เชื่อใหญ่เลย)

 

เนปาลถล่มในรอบ ๘๐ ปี เนปาลคือที่ไหน? นอกจากการฆ่าสัตว์ทำยัญแล้ว การส่งเสริมคนผิดให้ทำลายพระสัทธรรมนั่นแหละ!

รอดูไฟประลัยกัลป์ และธาตุ ๔ ดิน น้ำ ลม ไฟกำเริบดีกว่าไหมครับ?
ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในโลกที่ปล่อยให้ มีการสร้าง สัทธรรมปฎิรูป ทำลายพระสัทธรรม คือสำนักวัดนาป่าพง จนชาวบ้านชาวเมืองเดือดร้อนกันถ้วนหน้านั่นแหละ! ถึงเวลาก็คงหนีออกนอกประเทศเหมือนเดิม สันดานเลวๆ

เตือนแล้วนะ ถ้าไฟผุดขึ้นเมื่อไหร่? รู้ผล ถึงตอนนั้น อย่ามาอ้าง ว่าน้ำลดไปอยู่ใต้น้ำ น้ำจะท่วมใหญ่ ดินยุบเพราะแล้งน้ำ ไม่มีความดัน แล้วที่ไฟโผล่ขึ้นมา ออ อาจมีก๊าชแร่ธาตุมีเทน ช่องลาวา ฯลฯใต้ดิน เลยปะทุขึ้นมา

น้ำจะทำให้ดินน่ะเหลวและทำให้ดินยุบตัว อัดกันแน่น ทำหน้าที่กัดเซาะ ไม่ใช่พยุงดิน การซึมในดินต้องอาศัยระยะเวลาและอุณหภูมิ แต่น้ำลดแผ่นดินยุบ นักธรณีวิทยาบ้านไหน ตำราเล่มไหนเขียนแบบนั้น คงพูดถึง เกาะลอยน้ำแล้วล่ะ!

หากไม่มีผู้ควบคุมธาตุ สรรพสัตว์ในสหโลกธาตุทั้งหลายฯ ย่อมพินาศเสื่อมสูญฯ วัฎสงสารจึงเจริญไม่สิ้นไป ควรจะบวชอุทิศผู้ใดใครกันเล่า!


พระธรณีปวดร้าว
ทุกครั้งที่โลกธาตุสั่นสะเทือนหวั่นไหว ด้วยการสำเร็จในการบรรลุพระสัทธรรม นั้นจะยืดเวลารักษาสภาพของโลกธาตุต่างๆไว้

แต่ทุกครั้งที่พระสัทธรรมถูกแต่งเติมด้วยสัทธรรมปฎิรูปและถูกย่ำยีด้วยอามิสทายาทที่เนรคุณต่อพระสัทธรรมธรณีจะหวั่นไหวพินาศ(ธาตุ๔)

และทุกครั้งที่อสัทธรรมเจริญโชติช่วงจนถึงขีดสุดก็ถึงคราวิบัติของโลก

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรกัสสป ข้อนั้นเป็นอย่างนี้คือ
เมื่อหมู่สัตว์เลวลง พระสัทธรรมกำลังเลือนหายไป สิกขาบทจึงมีมากขึ้น ภิกษุที่ตั้งอยู่ในพระอรหัตผลจึงน้อยเข้า สัทธรรมปฏิรูปยังไม่เกิดขึ้นในโลกตราบใด
ตราบนั้นพระสัทธรรมก็ยังไม่เลือนหายไป และสัทธรรมปฏิรูปเกิดขึ้นในโลกเมื่อใด เมื่อนั้นพระสัทธรรมจึงเลือนหายไป ทองเทียมยังไม่เกิดขึ้นในโลก ตราบใด

ตราบนั้นทองคำธรรมชาติก็ยังไม่หายไป และเมื่อทองเทียมเกิดขึ้น ทองคำธรรมชาติจึงหายไป ฉันใด พระสัทธรรมก็ฉันนั้น สัทธรรมปฏิรูปยังไม่เกิดขึ้นในโลก ตราบใด ตราบนั้นพระสัทธรรมก็ยังไม่เลือนหายไป เมื่อสัทธรรมปฏิรูปเกิดขึ้น เมื่อใด เมื่อนั้นพระสัทธรรมจึงเลือนหายไป ฯ

ดูกรกัสสป ธาตุดินยังพระสัทธรรมให้เลือนหายไปไม่ได้ ธาตุ
น้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม ก็ยังพระสัทธรรมให้เลือนหายไปไม่ได้ ที่แท้โมฆบุรุษใน
โลกนี้ต่างหาก เกิดขึ้นมาก็ทำให้พระสัทธรรมเลือนหายไป เปรียบเหมือนเรือจะอัปปาง ก็เพราะต้นหนเท่านั้น พระสัทธรรมยังไม่เลือนหายไปด้วยประการ

"ดูก่อนท่านปัณฑรสฤาษี ในกาลภายหน้านั้น ภิกษุเป็นอันมาก จะเป็นคนมักโกรธ มักผูกโกรธไว้ ลบหลู่ คุณท่าน หัวดื้อ โอ้อวด ริษยา มีวาทะแตกต่างกัน จะเป็นผู้มีมานะ (ถือตัว) ในธรรม ที่ยังไม่รู้ทั่วถึง คิดว่าตื้น ในธรรมที่ลึกซึ้ง เป็นคนเบาปัญญา ไม่เคารพธรรม ไม่มีความเคารพกันและกัน

ในกาลข้างหน้า โทษภัยเป็นอันมากจะเกิดขึ้นในหมู่สัตว์โลก ก็เพราะภิกษุทั้งหลาย ผู้ไร้ปัญญา จะกระทำ ธรรมะ ที่พระศาสดา ทรงแสดงแล้วนี้ ให้เศร้าหมอง

ทั้งพวกภิกษุที่มีคุณอันเลว แต่โวหารจัดแกล้วกล้า มีกำลังมาก ปากกล้า ไม่ได้ศึกษาธรรมวินัย ก็จะมีขึ้น ในสังฆมณฑล ส่วนภิกษุผู้มีคุณความดี มีโวหารสมควรแก่เนื้อความ มีความละอาย ต่อบาป ไม่ต้องการ อะไรๆ ก็จะมีกำลังน้อย
https://youtu.be/G_mmgqIwbes

เห็นใจครับ แต่ก็พยายามสู้ด้วยอยู่ ไม่อยากให้ใครลำบากหรอกครับ

 

ทุกอย่างต้อง ให้เป็นไปตามกาลเวลาครับ มีเกิดก็มีดับ มีเจริญ ก็มีเสื่อม มีทุกข์ ก็ต้องมีสุข มีมืด ก็ต้องมีส่ว่าง มีนินทรา ก็ต้องมีสรรเสริญ มีเกิดก็ต้องมีตาย มีเกิดมีตาย ก็ต้องมีไม่เกิดไม่ตาย อดีด เราแก้ไม่ได้ แต่ปัจจุบัน เราเลือกทางเดิน ของเราเองได้ แต่เราจะเลือก ทางเดินกันหรือเปล่าเท่านั้นเอง แดนนี้ คือแดนกลาง แดนเลือก จะไปที่ต่ำ ที่สูง ก้อยู่ที่เรา คนอื่นไม่สามารถ เปลี่ยนแปลงตัวเราได้ นอกจากตัวเรา ผู้อื่นได้แต่เป็นผู้บอก การกระทำคือ เราเท่านั้นครับ ขอบคุณทุกๆท่าน สาธุครับ

 

จะให้ฝนตกทำไมครับ เห้นมีแต่ทำนายน้ำจะท่วมใหญ่ ขอฝนมาเพิ่มอีก มันจะล้นทะลักนะครับ เห้นมีเจ้าเดียวบอกจะแล้งนะครับ เหมือนจะเป็นปูจ๋าพลังจิต หรือป่าวนี้ล่ะ หรือจำผิด มันจะแล้ง จะท่วม ก้มันจะเป็นไปนะครับ ไปฝืน ไปดัน ใช้เส้นไม่ดีนะครับบบ แฟร์กันหน่อยชาวโลก

 

.
เขียน ๒๒.๐๑

รออีกวันสองวันนะ ให้ดวงดาวเข้าที่ก่อน หึหึหึ


กระต่ายป่า แห่งประเทศไทย / พี่น้องญาติเพื่อน แห่งหมู่บ้านในนิทาน
.

 

ไม่ตามเทรนเลยลวกเพ่ เขาไม่มีแล้ว หึหึหึ เดี๋ยวนี้มันต้อง หุหุหุ

 

เขียน ๒๒.๒๘

เราไม่ตามเทรนด์ เราตาม "ฝั่งโน้น" น่ะนะ เนอะ

...อันเทรนด์นั้นหนา มีมาแล้วก็ไป
แต่เสียงสั่งใจ มิไปและไม่มา
วาจาที่ได้รับ มือขยับขับคีย์.ตา-
เฝ้ามองในวิญญา ฟังวาจาในหัวใจ


สุนทรทู่ / กระต่ายป่า แห่งเกาะนาฬิเกร์
.

 

ปี ๒๕๔๔ มันแล้งมากๆ แต่ฝนก็ยังตก ตกมาแล้วพอต้นไม้ใบหญ้า พืชผัก ได้น้ำฝน ก็พอได้ งอกงาม พองอกงาม มันก็แล้งต่อไป เป็นแบบนี้ทั้งปี ผมปลูก ฝักทอง เป็นสิบไร่ พอได้ แต่ปลูปเผือก เป็น ๑๐ ไร่ ๒ แปลง พอฝนตก หัวเผือกเริ่มโต มันก็เลย หัวแบบคอดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ขายก็ไม่ได้ราคา ข้าวโพดตก ๒๐ไร่ พอข้าวโพด ออกฝัก มันเริ่มแคะแกน โดนฝนใหม่ ก็เลย ทำให้ข้าวโพด ไม่ได้เต็มเม็ดเต็มหน่อย ไร่สวนนาผสม ๓๐ ไร่ ผลไม้ตก ๓๐ ชนิด ไม่ออกลูกผล ตามฤดูกาล ออกก็แคะแกน ออกก็น้อย หรือไม่ออกเลย ต้นก็จะตาย อธิฐานขอฝน ก็ตกได้ เฉพาะกาล เมื่อได้ ตกลงมา เพื่อไม่ให้ต้นไม้ตายได้หรอก เมื่อได้ สมเจตนาก็รักษาศิล ๘ ตามสัญญาที่ให้ แต่ปีนี้ มันแล้งกว่าปี ๔๔ น้ำขาดแคลน กันไปทั่ว เขื่อน ปล่อยน้ำมาก น่าฝน ปล่อยไม่ได้ดู สถานะการณ์ พอฝนไม่ตก น้ำจะเหลือที่ไหน มีเหลือน้อย น้ำฝนตก ใส่เขื่อน ป่าสักชลสิทธิ์ มันล้น ทางผ่าน สันเขื่อน ผมผ่านไปเห็น ไปทางม่วงค่อม ไปทางอะไรน้าอีกฝั่ง ผมไปโคราช ต้องผ่านเส้นนี้ประจำ


ปีนี้ ที่อุทัย ฝนตกต้นปี ที่ผมอยู่ ปลายปี กุมพาพันธ์ ถึงมีนาคม ฝนตก เป็น ๑๐ ครั้ง ตกใหญ่กว่าหน้าฝนอีก น้ำล้นทางลาดยาง ผมอยู่อุทัย เป็น สิบปี ฝนไม่เคยตก หน้าแล้ง เหมือนหน้าฝนแบบนี้ แต่ผมจะไม่อธิบาย เพราะเคยไปอธิบายที่อื่นมาแล้ว พอขึ้น เมษายน ฝนไม่ตกๆแค่ครั้งเดียว เกือบปลายเดือน และจนกระทั่ง เดี๋ยวนี้ มันพอมากระปิบกระปอย นี่ก็วันโกนแล้ว พรุ่งนี้ก้วันพระ สิ้นเดือน ๘ มะรืนก็ วันขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๘๘ สองหน มันแล้งมานาน และน้ำไม่ท่วม ภาคกลาง ก็จะเข้าปีที่ ๔ แล้ว ระวังนะจะบอกให้ ถ้าฝนตก ระวัง ถ้ามันจะท่วมก็ มาเร็วนะจ๊ะ อะไรๆก็เกิดขึ้นได้ เสมอๆถ้าฝนตกจริงๆ ไม่ถึง ๒ วันมันก็ท่วมแล้วครับ ฝนตกฟ้าร้อง ฟ้าผ่า ลมแรง อัคคีภัย อุทกภัย วาตภัย มันเกิดมาให้เราเห็นแล้ว แต่ท่านหรือหลายๆท่าน ฉุกคิด กันบ้างเปล่าครับ

 

ที่น้ำท่วม แต่ละปี มันใช้เวลาแบบนี้ครับ ที่ผมจำได้ เอาตั้งแต่ปี ๒๓ ก่อน พ.ศ.๒๐ ไม่ค่อยได้จำ ปี ๒๓ น้ำท่วม ปี ๒๖ ปี ๓๑ ปี ๓๘ น้ำท่วมใหญ่กว่าครั้งใดๆ ปี ๓๙ ท่วมบรรใด ๓ ขั้น ไม่มาก แค่ลาดยางๆนิดหน่อย เลยปี ๔๒ มันก็ท่วมเรื่อยๆเป็นระยะ แต่ไม่ท่วมลาดยาง พอปี ๔๗ ก็ท่วมแต่ไม่มาก ๔๘ -๔๙ ท่วมน้อยกว่า ๓๘ พอ เริ่ม ๕๐ -ท่วมทุกปี ๕๑-๕๒ แต่แค่เกือบ ปิ่มๆทางลาดยาง พอ ๕๔ ตูมเลยครับ ในรอบประวัติกาล ตก ๗๐ ปี ผมไปถามคนแก่ น้ำท่วมแบบนี้ เกิดขึ้น เมื่อครั้งใด ลุง อายุ ๙๐ ปีตายไปปี่ที่แล้วน่าจะได้ แกบอกว่า ลุงเกิดมา เห็นอยู่ ครั้ง หนึ่ง ตอนนั้นลุงอายุ หนุ่ม น้ำท่วม ก่อนเกิด สงครามโลกครั้ง ๒ ไม่น่าจะถึง ๓ ปี ท่วใกล้เคียงกับปี ๕๔


แต่ว่า ท่วมไม่นานแบบนี้ ในสมัยนั้น มันไม่ได้ ขุด ถม คลองคู แปลงบ้านแปลงเมืองแบบนี้ ในสมัยนี้ มันลุกล้ำ บ้านเมือง ถมคูคลอง โกงกินบ้านเมือง ผมดูข่าว สรยุทธ บางที่ในกรุงเทพ คลองหายไปเลย มันปลูก ตึกพี่น้อง ไม่มีคลองอีกต่อไป นี่มันแดกกันแบบนีนา พี่น้อ้ง ผมเอง นั่งเรื่องโป๊ะ อยู่ ๒ เดือนกว่านะครับ ที่อุทัย เอาของมาแจก ๔ ปิณกอัพ บอกแม่ชี ก.ม.๘ มาแจกเกือบ ๘๐๐ ห่อหรือถุง แต่ถ้าผู้มีศิลธรรม จะทำใจกันได้ แต่เป็นห่วงพี่น้อง ที่ไม่ได้ ใส่ใจ ธรรมมะ จะทำใจกันไม่ได้ ถ้าเกิด อะไรขึ้น ก็เป็นบ้า โรคประสาท โรคคุ้มคลั่ง คิดมาก บางคน ฆ่าตัวตาย ลองย้อนไปดูอดีด ที่ผ่านมาก็ได้ ว่าจริงไหม วิกิจเศรษฐกิจ ปี ๔๐ ฟองสบู่แตก น้ำท่วม ปี ๓๘ -๔๘-๔๙ ไม่มาก ๕๔ ถึงกับโกลาหลเลย เอาแค่นี้ดีกว่าครับ และถ้า ญาติๆท่านเสียชีวิต หรือคนในครอบครัว จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเรามีศิล ธรรมจริยธรรม เราก็ทำใจกันได้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ถ้ามันไม่เกิดขึ้น มันไม่ได้เสียหายอะไรตรงไหนนี่ มีได้กับได้ ใช่ไหมพี่นอ้งครับ

 

เคยสวดเมตตาใหญ่ของหลวงพ่อจรัญขอฝน สวดเสร็จก็อธิษฐานนึกถึงบุญเก่าที่เราเคยทำเกี่ยวกับน้ำ แล้วอธิษฐานขอเทวดา นางฟ้า และเหล่านาคทั้งหลายให้ช่วย ไม่เกิน 3 วัน ฝนก็ตก แต่ปีนี้ไม่ขอ เพราะทราบว่าเป็นกรรมของคนไทย ไม่อยากแบกกรรมผู้อื่น เราจึงนิ่งเสีย

 

ช่วยสักหน่อยจะดีไหมครับ? ต่างคนต่างช่วยกัน แผ่เมตตา ปราถนาดี ทั้งมนุษย์และสัตว์